Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 684

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 684 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลุมเก็บของ

 

“ก็แค่หอมป่าน่า… นายจะกลัวทำไม ถ้านายตัดสินใจจะลองล่ะก็ ฉันทำไข่ผัดต้นหอมแสนอร่อยให้กินเลยนา….” ซูจิ้งยังคงยัดเยียดหอมป่าให้หลิงฉิงต่อไป

 

“ผมไม่กิน พี่ไว้ชีวิตผมเถอะนะ ผมจะช่วยหาคนอื่นมาลองแทนเอง ปล่อยผมไปเต้อะ” หลิวฉิงตะโกนออกมาอย่างจ้าล่ะหวั่น

ซูจิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะยามเมื่อเขาเห็นหลิวฉิงตะโกนกลับมาในขณะที่วิ่งหนีไปค่อนข้างไกลแล้ว ความจริงเขาแค่ล้อเล่นเท่านั้น

 

เขาไม่มีทางบังคับให้หลิวฉิงกินอยู่แล้ว

เขานั้นอยากจะหาใครซักคนมาลองหอมป่านี่เท่านั้นเอง เพราะว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงของเขาไม่สนใจแม้แต่น้อยแถมพอบังคับกินไปแล้วก็ยังไม่เกิดผลอะไรเลย ซูจิ้งยังคิดจะลองเองด้วยซ้ำเพราะมันก็ควรจะแสดงผลอะไรออกมาบ้าง ถ้าเขากินเองน่าจะตรวจสอบผลลัพธ์ได้ดีกว่า แต่ที่แน่ๆเขาควรจะลองกับคนอื่นไม่ใช่กับหลิวฉิงแน่นอน เพราะจากการให้ลองกินมะละกอในตอนนั้นร่างกายของหลิวฉิง ก็น่าจะยังไม่ฟื้นดีเท่าไหร่

 

“โอ้ย ไม่ต้องวิ่งเร็วขนาดนั้นหรอกน่า ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“พี่จิ้ง เรื่องนี้ของพี่ไม่ได้ตลกเลยซักนิดเลยนะ” หลิวฉิงโวยวายฟึดฟัดกลับมาราวกับเด็ก เขามองไปที่ซูจิ้ง พอเห็นว่าซูจิ้งเหมือนจะไม่ได้จะบังคับให้เขากินหอมป่าจริงๆตามที่บอกเขาจึงค่อยๆเดินกลับมา พร้อมถามว่า “พี่ หอมป่าพวกนี้พี่ทำให้มันพี่ผลอะไรกับร่างกายเมื่อกินไปหรอ”

 

“ฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอก เอาจริงๆคือฉันลองให้สัตว์เลี้ยงของฉันกินไปแล้ว แต่มันเหมือนกับจะไม่ส่งผลอะไรเลย ฉันเลยอยากลองหาใครซักคนมาลองดูแค่นั้นเอง” ซูจิ้งได้ตอบออกมาพร้อมวางกระถางหอมป่าไว้ที่พื้น

ทันใดนั้นเจ้านกแก้วทั้งสองก็บินมารายงานอีกครั้งว่าฉินซูหลานมาหา

 

“ไอ้เด็กนั่นมาทำอะไรกัน” หลิวฉิงพูดพร้อมบุ้ยปาก

 

ซูจิ้งเดินไปเปิดประตู ฉินซูหลานกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มทันทีที่เขาเห็นซูจิ้ง แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นหลิวฉิง เขาชักสีหน้าทันที เขาหันหน้ามาทางซูจิ้งพร้อมกลับมายิ้มอีกครั้งแล้วพูดออกมาว่า

 

“พี่จิ้งได้ข่าวรึยังครับว่าเจ้าลมทมิฬ ตอนนี้กลายเป็นเทพแห่งเทพแห่งความเร็วไปแล้ว มันชนะแชมเปี้ยนมากมายพร้อมโกยกำไรมหาศาลเลย มันทำให้วงการม้าแข่งต้องสั่นสะเทือน ค่าตัวมันเองก็สูงขึ้นด้วยล่ะ ตอนนี้มีบางคนเสนอซื้อมันที่ราคาห้าล้านหยวนแล้ว”

 

“ฮ่าฮ่า ช่างพวกนั้นเถอะ แค่ลงแข่งต่อไปก็พอ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“อ้อใช่แล้ว ผมได้ข่าวว่ามีใครบางคน พยายามจะเข้ามาร่วมธุรกิจของพี่ด้วยนี่ พี่แน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะทำมันได้น่ะ” ฉินซูหลานเหลืบสายตาไปจ้องที่หลิวฉิงในขณะที่พูด

 

“นายเองก็แค่ดูแลธุระที่พี่จิ้งจัดการส่วนของนายให้ดีที่สุดก็พอแล้วน่า หรือนายจะไม่พอใจเรื่องที่พี่จิ้งจะให้ม้าฉันไปจัดการทันทีที่เขาฝึกมันเสร็จ ลองมาแข่งดูก็ได้นะว่าใครจะทำเงินได้มากกว่ากัน” หลิวฉิงตะเบ็งเสียงออกมาด้วยสายตาเย็นชา

 

“ลูกพี่ ผมเองก็เห็นนะว่าพี่มีม้าหลายตัวเลย ผมสามารถจัดการพวกมันทั้งหมดได้นะ ไม่เห็นต้องให้หมอนี่มาร่วมงานเลยซักนิด” ฉินซูหลานพูดขอซูจิ้ง

 

“พอได้แล้วน่า พวกนายก็แค่จัดการในส่วนที่ฉันให้ก็พอแล้ว ถ้าใครทำให้ฉันเสียเงินเปล่าล่ะก็ ฉันก็เปลี่ยนมันออกซะทุกคนนั่นแล่ะ” ซูจิ้งเลือกที่จะไม่เข้าข้างทั้งสองฝ่าย และมันจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าต่างคนต่างทำงานไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่ถ้าใครเริ่มก่อนล่ะก็เขาจะเล่นงานคนที่เริ่มทันที

 

ถึงแม้ว่าเขานั้นค่อนข้างที่จะเข้าข้างหลิวฉิงมากกว่าก็ตาม

 

ซูจิ้งพยายามดึงประเด็นการพูดคุยกลับมาให้อยู่ในเรื่องม้าแข่ง ฉินซูหลานมาที่นี่เพื่อพูดคุยแผนการแข่งม้าที่เขาจะดำเนินการในขั้นถัดไป นอกจากนั้นเขายังมารายงานเงินรายได้ทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมาพร้อมทั้งได้มอบเงินผลกำไร90เปอร์เซนต์ให้กับซูจิ้งตามที่ตกลงกันไว้

 

หลังจากคุยกับทั้งสูงคนแล้วเขาเห็นว่าทั้งสองดูไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ เพราะการทำงานหนักให้เขา ซูจิ้งเลยอาสาทำมื้อเที่ยงให้กับทั้งสองคนกิน พวกเขาก็รู้สึกยินดีอย่างมาก

 

ในขณะที่กำลังที่โต๊ะกินข้าวนั้น หลิวฉิงเหลือบไปเห็นต้นหอมป่าของซูจิ้งพอดี เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เขานั้นหันไปที่ฉินซูหลานทันที พอเห็นว่าฉินซูหลานไม่ได้สนใจเขา เขาจึงแอบเอาหอมป่าครึ่งนึงนำไปล้างน้ำแล้วเดินเข้าไปในครัว โดยแกล้งไปช่วยเสริฟอาหาร เขาได้แอบยัดใบหอมป่าใส่ไว้ใต้ตัวปลานึ่งด้วยตะเกียบ ด้วยความร้อนจากปลาที่เพื่งนึ่งมาร้อนทำให้ใบหอมป่าเปลี่ยนสีไป ดูกลมกลืนไปกับจานอาหารอย่างแยกไม่ออก

ฉินซูหลานเองก็เข้าไปช่วยด้วยเหมือนกันแต่เพราะต้องการแย่งหน้า จึงไม่ได้สังเกตุเห็นสิ่งที่หลิวฉิงทำเลยซักนิด เมื่ออาหารมาเสริฟที่โต๊ะ

 

ซูจิ้งสังเกตุเห็นบางอย่างผิดไปในจานปลานึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปที่หลิวฉิง หลิวฉิงเองก็ได้แต่กระพริบตาถี่ๆ ใส่ซูจิ้ง ซูจิ้งถึงกับพูดไม่ออกไปพักนึง เขาคิดว่าหลิวฉิงเองก็คงอยากให้หลินซูหลาน ลิ้มลองความรู้สึกเดียวกับเขาดูบ้าง เหมือนกับตอนที่เขาเคยได้ลิ้มลองมะละกอเกร็ดงูนั่น เอาจริงๆซูจิ้งก็อยากรู้ผลจากการกินหอมป่าเหมือนกัน แต่เขาก็ยังกังวลผลที่เกิดกับร่างกายว่ามันจะผลเสียต่อร่างกายอยู่ไม่น้อย

 

“ลูกพี่จิ้งอาหารที่ลูกพี่ทำนี่ดูน่ากินจริงๆจนพยาธิในท้องผมดินพราดแล้วเนี่ย” หลิวฉิงส่งชามข้าวให้ซูจิ้ง หลังจะนั้นก็วางชามของตัวเองลงบนโต๊ะและเริ่มกินในทันที

 

ฉินซูหลานเองก็พยายามไม่ให้น้อยน่าเขาเองก็เริ่มกินในทันทีเช่นกัน

 

ซูจิ้งทำหน้าคิดหนักอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พยายามจะหยุดการกินอาหารมือนี้

 

หลังจากที่ทั้งคู่กินไปคำแรก ทั้งสองก็เริ่มกินอย่างไม่หยุดปาก ซูจิ้งเองก็กินไม่หยุดปากเช่นกันแต่ทั้งคู่ต่างหลีกเลี่ยงที่จะกินปลานึ่งจานนั้นโดยการส่งจานปลานึ่งไว้ให้อยู่ตรงหน้าฉินซูหลานในวงสำรับกับข้าว และพยายามกินแต่ของที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นหลัก ทำให้ฉินซูหลานไม่ระแวงสงสัยอะไร

ฉินซูหลานเองก็กินอาหารตรงหน้าไปอย่างไม่คิดอะไรมาก ด้วยความอร่อยของมันทำให้ปลาตัวน้อยหมดลงไปอย่างรวดเร็ว เหมือนจะเสียดายที่หมดเร็ว พอเขาเห็นต้นหอมที่ลองใต้ตัวปลาอยู่ เขารีบคีบมันขึ้นมากินเหมือนกลัวว่าจะมีคนแย่งไป ทั้งสองเมื่อเห็นดังนั้นก็เริ่มคาดหวังในสิ่งที่ตัวเองต้องการ พอรอดูไปซักพักก็ทำได้แต่ถอดใจว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซูจิ้งนั้นคาดหวังเอาไว้ว่าหอมป่านี้ ควรจะส่งผลอะไรกลับร่างกายบ้างซักอย่าง แต่กับหลิวฉิงเขานั้นคาดหวังให้ฉินซูหลานผ่านประสบการณ์ที่เลวร้าย ราวนรกบนดินที่เขาเคยได้รับมาแค่นั้นเท่านั้น และแอบภาวนาอยู่เล็กน้อยขอให้มันส่งผลออกมาซักนิดก็ยังดี ต่อให้ไม่กลายเป็นผีเปรตเดินดินก็ขอให้เป็นแต๋วแตกก็ได้เอ้า

อย่างไรก็ตามตอนที่เขากินมะละกอเกล็ดงูไป เมื่อตอนนั้นกว่าจะส่งผลออกมาก็ใช้เวลาตั้งเป็นวัน เป็นไปได้ว่าตอนนี้อาจยังไม่ได้เวลาที่หอมป่าจะออกฤทธิ์ พวกเขาเองก็คงจะทำได้เพียงการรอคอยเท่านั้น

 

หลังจากมื้ออาหารทั้งหมดนั่งคุยกันต่ออีกนิดหน่อย โดยฉินซูหลานและหลิวฉิงนั้นแต่เดิมก็ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่นานขนาดนี้ ไม่นานพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับออกไป

หลังจากทั้งหมดแยกย้ายออกไปได้ซักพัก หลิวฉิงก็ได้ส่งข้อความมาบอกว่า”พี่จิ้ง ในที่สุดผมก็หาหนูทดลองให้พี่จนได้ เป็นยังไงฉลาดดีใช่ไหมล่ะ… ถ้าฉินซูหลานออกอาการแปลกๆ ออกมายังไงพี่ต้องบอกผมนะ ผมรออยู่”

หลังจากซูจิ้งเห็นข้อความ เขานั้นทำได้แต่ส่ายหัว เขาได้แต่คิดว่าถ้าทั้งสองเข้าขากันได้ดี คงจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน เขาได้กลับเข้าไปในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯ และเริ่มงานของเขาต่อทันที

ซูจิ้งได้จัดการพวกมันทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ยอมให้ส่วนใดหลุดรอดไปได้เลยซักนิด นอกจากนี้เขายังได้หอมป่าเพิ่มมาอีกจำนวนหนึ่ง เขานั้นยงคงนำพวกมันไปปลูกเอาไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่ก็ตาม

 

ตอนเที่ยงของอีกวันนึงเขาได้รับข้อความจากหลิวฉิงว่า ให้ไปอ่านข้อความของฉินซูหลานในวีแชท

 

พอซูจิ้งเปิดวีแชทขึ้นมาก็เห็นสติ๊กเกอร์แสดงความรู้สึกของเพื่อนๆ ของเขาเต็มไปหมด แต่เมื่อเห็นของฉินซูหลานกลับกลายเป็นสติ๊กเกอร์แสดงความรู้สึกว่า กำลังอาการหนัก พร้อมกับเห็นข้อความที่เขียนบรรยายไว้ว่า “แย่แล้ว ฉันรู้สึกว่าร่างกายกำลังผิดปกติแต่ฉันไปหาหมอแล้วก็ตรวจไม่เจออะไร”

ซูจิ้งถึงกับตกใจ นี่หอมป่าส่งผลเสียต่อร่างกายของซูหลานงั้นหรอ ขนาดไปโรงพยาบาลก็ยังไม่พบความผิดปกติอีกด้วย เขาเองรู้สึกเสียดายที่ไม่ยอมห้ามหลิวฉิงไว้ตอนนั้น เขากลัวว่าอาการผิดปกติที่ฉินซูหลานได้รับจะหนักมากจึงรีบโทรหา เพื่อสอบถามอาการทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด