Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 994

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 994 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 994 ห้วงเวลาและอวกาศสำหรับนักรบ

 

สิ่งที่ทำให้เทาจง เจียงจือ ติงบิน และนักวิจัยคนอื่นๆตกตะลึงก็คือ ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์นี้ช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก

ประสิทธิภาพที่ว่าไม่ใช่เพียงด้านเดียวแต่กล่าวได้ว่าในทุกด้านที่พวกเขาจะคิดออก ไม่ว่าอัตราการทดกำลัง ความเสถียรของเครื่องยนต์ ความทนทานต่อสิ่งแวดล้อม

 

แต่หากพูดถึงประสิทธิภาพที่ปกติใช้การวัดเครื่องยนต์จะแบ่งออกเป็นอัตราการหมุน กำลังขับ การสั่น เสียง แรงบิด กำลังที่เกิดขึ้น ฯลฯ

แต่เจ้าเครื่องยนต์นี้ก้าวล้ำกว่าเครื่องยนต์ใดๆในโลกที่พวกเขารู้จักในระดับที่น่าสะพรึ่งอย่างมาก ต่อให้นำไปเทียบกับเครื่องยนต์ของค่ายรถชั้นนำอย่างเมอร์ซิเดซเบนท์ เชฟโรเล็ต บีเอ็มดับบิว หรือต่อให้เป็นค่ายไหนๆก็ตามล้วนแล้วแต่เทียบไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

หากคิดว่าประสิทธิภาพที่สูงล้ำนี้เกิดจากขนาดของเครื่องยนต์ที่ใหญ่นี่ล่ะก็ถือว่าคิดผิดอย่างมาก

นั่นก็เพราะว่าเหตุผลที่เครื่องยนต์ของค่ายรถในปัจจุบันนี้มีขนาดเล็กนั้นเป็นเพราะว่าต้องการควบคุมค่าต่างๆให้อยู่ในเกณฑ์สมรรถนะที่สูง

หรือกล่าวอีกนับหนึ่งก็คือยิ่งเล็กยิ่งควบคุมง่าย ยิ่งใหญ่ยิ่งควบคุมยาก

“พระเจ้า เป็นไปได้ยังไง เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีอะไรในการสร้างขึ้นมากัน”

 

“นอกจากกำลังขับที่น่าสะพรึงแล้ว เจ้านี้แทบจะไม่มีเสียงเลยนะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสั่นที่ไม่เกิดขึ้นเลย

เจ้านี่ยังประหยัดพลังงานแบบสุดๆ หากลองคิดถึงพลังงานที่เสียไปแต่เกิดกำลังขับที่มากมายมหาศาลแบบนี้ เครื่องยนต์นี้เรียกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบแบบสุดๆ”

“ลองนึกดูสิว่าหากนำเจ้านี่ไปไว้ในรถยนต์ไฟฟ้าล่ะก็ ฉันว่าแค่วินาทีเดียวก็มีอัตราเร่งเกินหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างแน่นอน”

“อย่าว่าแต่รถยนต์เลย ต่อให้รถบรรทุกคันยักษ์ฉันก็ว่าทำได้เหมือนกัน…ไม่สิ ฉันว่าเจ้านี้สามารถทำให้ขยับได้แม้แต่รถไฟได้เลยด้วยซ้ำ”

“ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือถ้าดูจากวิธีการป้อนพลังงานให้เครื่องยนต์นี้แล้ว ไม่ว่ามองยังไงก็ไม่มีทางเลยที่เจ้าเครื่องนี้จะเอาไว้ใช้ในการขับเคลื่อนยานพาหนะทั้งหลาย เจ้านี่มีไว้ใช้กับอะไรกันแน่เนี่ย”

 

ทั้งเจียงจือ เทาจง ติงบิน และนักวิจัยเองที่ได้ยินหนึ่งในพวกเขาพูดก็ตกใจไปกับคำพูดนี้เพราะมันคือความจริง จนในที่สุด พวกเขาก็ค่อยๆหันไปหาซูจิ้งทีละคนสองคนประหนึ่งดังจะได้รับคำตอบที่พวกเขาสงสัย

โดยปกตินั้นซูจิ้งจะไม่มีทางบอกความจริงอย่างแน่นอน แต่ในครั้งนี้ด้วยการที่เขายังไม่รู้ที่มาจึงทำได้เพียงแค่ให้เก็บความลับเอาไว้ก่อน

ตัวเขาเองก็ตกตะลึงและตื่นเต้นจนใจเต้นแรงไม่ต่างจากทุกคน เครื่องยนต์นี้ช่างทรงพลังจนน่าสะพรึงจริงๆ

 

ตอนแรกนั้นเขาเองก็คิดว่าเจ้านี่เป็นเครื่องยนต์สำหรับพาหนะทั่วไปเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าเจ้าเครื่องนี่จะสุดยอดขนาดนี้

นอกจากนี้เครื่องยนต์ยังใช้พลังไฟฟ้าซึ่งสามารถใช้ควบคู่ไปกับแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของเขาได้ดีอย่างแน่นอน

โดยทั่วไปแล้วนั้นรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันนอกจากจะวิ่งได้ในระยะทางสั้นๆ อัตราการชาร์จไฟช้า แถมยังแรงม้าต่ำ

แต่หากว่าเขาสามารถพัฒนาเจ้านี่ควบคู่กับการใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ของเขาแล้วจะก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งหมดที่ว่ามาได้อย่างไม่ยากเย็น และเหนือล้ำกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดในปัจจุบันไปได้หลายเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม หากฟังจากผลการตรวจสอบในเบื้องต้นแล้วเขาก็พอรับรู้ได้ว่าเครื่องยนต์นี้มีความซับซ้อนขั้นสุดจริงๆ แต่ต่อให้ต้องทุ่มเทในการวิจัยครั้งนี้ขนาดไหนเขาคิดว่ายังไงมันก็คุ้มค่าอยู่ดี

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือพวกเขานั้นยังขาดนักวิจัยระดับหัวกะทิในด้านเครื่องยนต์กลไก ซูจิ้งจึงไม่ได้ขอให้นักวิจัยในสถาบันทดลองต่อแต่อย่างใด

เขานำเครื่องยนต์นี้กลับไปยังสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯของเขา และเริ่มดำเนินการจัดต้องพื้นที่วิจัยสำหรับเครื่องยนต์กลไกโดยเฉพาะในทันที แน่นอนว่าเขาได้ให้เฉิงหนานไปควานหัวกะทิด้านนี้มาโดยเฉพาะ

 

เมื่อเสร็จเรื่องทุกอย่างแล้ว ซูจิ้งได้กลับมายังบ้านแล้วก็ตรงดิ่งไปยังสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศในทันที เพราะก่อนที่จะออกไปนั้น เขาได้ให้เสี่ยวไป๋ซ่อมแซมขยะฯกองกระดาษเอาไว้ และตอนนี้มันก็ได้ซ่อมแซมเสร็จไปประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว

 

ซูจิ้งได้หยิบกระดาษที่ซ่อมแซมเสร็จขึ้นมาแล้วทำการหาร่องรอยว่าขยะห้วงเวลาฯกองนี้มาจากห้วงเวลาฯใดในทันที

ด้วยทักษะการอ่านระดับขีดสุดของซูจิ้ง ในทุกๆวินาที กระดาษถูกสับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลต่างๆหลั่งไหลเข้าหัวสมองของเขาอย่างต่อเนื่องและข้อมูลเหล่านั้นถูกนำมาปะติดปะต่อกันในทันที

ไม่ว่าจะเป็นคำว่าจักรวรรดิห้าดวงดาว จักรวรรดิฟอล ดาวขยะ ดาวทะเลคราม สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ระบบเครือข่าย นักรบเกราะเบา สมาคมทหาร

จนในที่สุดแล้ว ก็ได้มีคำหนึ่งปรากฏขึ้นมาในจิตใต้สำนึกของเขา นั่นก็คือคำว่า “สุดยอดพ่อค้า” นั่นเองทำให้หัวสมองของเขาโลงโปร่งในทันที

 

ดวงตาของเขานั้นเปิดกว้าง แล้วก็ได้บ่นพึมพำออกมาว่า “พระเจ้า ขยะห้วงเวลาฯตำนานยอดทหารจ้าวนักรบ”

ห้วงเวลาฯตำนานยอดทหารจ้าวนักรบเป็นเรื่องราวของอนาคตอันแสนไกลที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นก้าวล้ำกว่าในปัจจุบันอย่างเทียบไม่ได้

เป็นยุคที่อวกาศนั้นเปรียบได้ดั่งท้องถนนทั่วๆไป ที่นั่นผู้คนนั้นไม่ได้ใช้ประโยชน์จากดาวโลกเพียงเท่านั้น

พวกเขาได้แสวงหาทรัพยากรต่างๆจากดวงดาวที่มากมายหลายหลายแสนล้านชนิด แล้วส่งทรัพยากรต่างๆกลับมายังดาวแม่เพื่อใช้ในการพัฒนาและใช้ประโยชน์ต่างๆ

ที่นั่นมีทั้งยานอวกาศ ระบบโลกเสมือนจริงที่เปรียบได้ดั่งโลกอีกใบหนึ่ง อีกทั้งยังมีหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่เรียกว่าหุ่นเกราะเบาที่ผู้คนสามารถบังคับได้ราวกับเป็นตัวเองเพื่อใช้ในการต่อสู้

 

กลุ่มคนที่สามารถควบคุมหุ่นยนต์เหล่านี้ได้ดีจะถูกขนานนามว่านักรบ

นักรบผู้เชี่ยวชาญสามารถบังคับหุ่นยนต์เกราะเบาเหล่านี้ให้แสดงศักยภาพของพวกมันออกมาได้ราวกับเป็นหุ่นยนต์เกราะหนักได้อย่างง่ายดาย ง่ายดายขนาดที่ว่าสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อย่างกิ้งก่ายักษ์นั่น หรือทำได้แม้แต่ท่องไปในอวกาศโดยไม่ต้องพึ่งยานอวกาศได้เลย

 

ชิ้นส่วนหัวและแขนที่เขาเจอก่อนหน้านี้นั้น พวกมันก็สมควรจะเป็นชิ้นส่วนของหุ่นยนต์เกราะเบา โดยปกติแล้วพวกมันนั้นมีระบบซ่อมแซมตัวเองระดับสูงมาก หากไม่ใช่เพราะว่าพวกมันถูกสั่งให้ยกเลิกใช้ล่ะก็ไม่มีทางที่จะถูกนำมาทิ้งแบบนี้

สำหรับเจ้าหนูยักษ์ ซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์ และกิ้งก่ายักษ์ตัวนั้น พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์กลายพันธุ์ทั้งสิ้น

“ฉันจำได้ว่าหนูยักษ์นั่นเหมือนจะเรียกว่าเซนทอร์ ซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์นั่นถูกเรียกว่าซาลาแมนเดอร์แดง ส่วนกิ้งก่ายักษ์นั่นน่าจะเรียกว่ากิ้งก่างูเหล็กนะพวกมันน่าจะมาจากดาวขยะลำดับที่สิบสอง”

มาถึงตอนนี้ อยู่ๆซูจิ้งก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเอกของเรื่องที่ชื่อเย่ชงเองก็เติบโตที่ดาวนี้เหมือนกัน

 

ห้วงเวลาฯตำนานยอดทหารจ้าวนักรบนั้นเป็นยุคที่อากาศยานนั้นก้าวล้ำเกินกว่ายุคปัจจุบันมากนัก

เป็นยุคที่มนุษย์นั้นมีชีวิตที่สะดวกสบายและปราศจากปัญหาเรื่องพลังงาน และปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมได้ถูกคลี่คลายด้วยการย้ายถิ่นฐานของมนุษย์

การค้นหาดาวดวงใหม่กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญตั้งแต่มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางอวกาศจนทำให้มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ของจักรวาลอย่างรวดเร็ว

แต่ด้วยการขยายตัวของประชากรนี้ก่อให้เกิดปํญหาหนึ่งขึ้นมาแทนนั่นก็คือขยะที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้วยการที่ค่าใช้จ่ายในการกำจัดและนำกลับมาใช้นั้นไม่คุ้มค่าเท่ากับการค้นหาแหล่งทรัพยาการแหล่งใหม่ๆ แถมหลายๆครั้งที่การนำกลับมาใช้ใหม่นี้เกิดปัญหาต่อสภาพแวดล้อมเกินกว่าที่จะยอมรับได้

 

ด้วยความที่มันไม่คุ้มค่านี้ พวกเขาจึงเลือกที่จะหาดาวที่เหมาะสมต่อการทิ้งขยะเหล่านี้ โดยดาวเหล่านี้จะถูกเรียกว่าดาวขยะ

ดาวขยะที่ถูกคัดเลือกอาจจะเป็นดาวที่ไม่สามารถพัฒนาอะไรได้เท่าที่ควร หรือไม่ก็เป็นดาวที่ถูกขุดทรัพยากรออกไปแล้วจนหมดสิ้นและไม่มีใครคิดจะมีชีวิตอยู่บนดาวนั้นอีกต่อไป ดาวเหล่านี้จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมต่อการเป็นที่ทิ้งขยะอย่างที่สุด

ดาวขยะลำดับที่สิบสองนี้เป็นหนึ่งในดาวที่กล่าวมาข้างต้น สภาพของดาวดวงนี้นั้นแต่เดิมแล้วเป็นดาวที่มีสภาพแวดล้อมที่สุดแสนจะเลวร้ายและยากเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ กลับกัน ดาวดวงนี้กลับกลายเป็นสวรรค์สำหรับเหล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทั้งหลาย

 

เย่ชงนั้นเป็นชื่อของตัวเอกของห้วงเวลาฯนี้ ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างทำให้เขานั้นเติบโตในดาวเคราะห์แห่งนี้ตั้งแต่ยังเป็นทารก

เขานั้นมีพ่ออยู่คนหนึ่ง ชายคนนี้เก็บเขามาได้จากกองขยะที่ถูกทิ้งลงมาไว้ที่นี่ เย่ช่งเติบโตมาด้วยการกินอาหารอินทรีย์เหลวแต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอแต่อย่างใด

มีอยู่หนหนึ่งที่เขาได้ลิ้มรสเนื้อของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์และนั่นได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นในฐานะนักล่าและนักฆ่าของเขา เขานั้นชื่นชอบในการกินเนื้อพวกมันอย่างมากและแน่นอนว่าเขานั้นรังเกียจอาหารเหลวอินทรีย์อย่างหมดหัวใจ

เขาหลงใหลเนื้อพวกมันมากจนมีอยู่หนหนึ่งที่ตอนเขาเป็นเด็ก เขาต้องประสบปัญหาอย่างที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการล่ากิ้งก่างูเหล็กและซาลาแมนเดอร์แดง

เขาพยายามทุกวิธีทางเพื่อที่จะล่าพวกมันแต่ก็ไม่สำหรับจนในทุกวันนั้นเขาทำได้เพียงเพ้อถึงรสสัมผัสที่น่าจะเอร็ดอร่อยของสิ่งมีชีวิตทั้งสองนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

มาวันหนึ่ง เขานั้นได้สูญเสียพ่อไปและก็ได้มีชีวิตอยู่คนเดียวอีกนานอยู่หลายปี จนสุดท้ายเขาก็โชคดี ได้มีโอกาสที่จะออกจากดาวขยะลำดับที่สิบสองและได้เดินทางไปยังดาวต่างๆ โชคที่ว่านี่ก็คือการได้พบกับหุ่นยนต์เกราะเบาที่มีชื่อว่ามู่ชาง

 

“เย่ชงนั้นได้หุ่นเกราะเบาจากกองขยะ ฉันเองก็ไม่อยากจะหวังอะไรมากอ่ะนะแต่ก็คงจะดีหากว่าเจอหุ่นเกราะเบากับเขาบ้างสักตัว” ซูจิ้งได้แสดงท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาจนบ่นสิ่งที่คิดออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่รู้ตัว

หากว่าเขานั้นได้มีโอกาสได้ควบคุมหุ่นเกราะเบาได้ล่ะก็คงจะรู้สึกดีไม่น้อยอย่างแน่นอน

ทันใดนั้นความคิดหนุ่งก็ได้แวบเข้ามาในห่วงสมองเขา เขาพลันนึกไปถึงเครื่องยนต์ที่เขาพยายามจะศึกษามันก่อนน่านี้และได้พูดออกมาว่า

“เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่านั่นมันคือเครื่องยนต์ของหุ่นเกราะเบาไม่ใช่เหรอ ……. ถ้าฉันเอาเจ้านั่นไปใส่เครื่องรถยนต์ไฟฟ้านี่จะเป็นการฆ่าไก่ด้วยยอดแห่งดาบไปรึเปล่าหว่า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด