Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1095

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 1095 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 1095 ขยะกองใหม่

เพียงช่วยพริบตา สองวันผ่านไป ผู้คนยังคงแวะเวียนไปยังลานกิจกรรมภายในโรงแรมนานาชาติหลงเต็งในช่วงสองวันมานี้อย่างอุ่นหน้าฝาคลั่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้คนมากมายได้ทดลองดับไฟในตะเกียงดวงนั้นแต่ก็ไม่มีใครสามารถดับมันลงได้ จนในตอนนี้มันได้รับการขนานนามเอาไว้แล้วว่าเป็นตะเกียงเวทย์มนต์ และด้วยเหตุนี้ทำให้ชื่อเสียงของตะเกียงนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศนี้อีกต่อไป
ชื่อเสียงของมันได้แพร่หลายไปยังทั่วโลก นี่ทำให้ในทุกๆวันนั้นมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมและลองที่จะดับเปลวไฟนี้ดูอย่างไม่ขาดสาย ด้วยเหตุนี้ได้ส่งผลดีต่อธุรกิจชุมชนอย่างมหาศาล โดยเฉพาะร้านที่ตั้งอยู่ในบริเวณลานกิจกรรม นี่รวมถึงร้านเสื้อผ้าของฉือชิงที่มุ่งเน้นขายเสื้อผ้าที่ซูจิ้งเป็นผู้ออกแบบด้วยที่ขายดียิ่งกว่าใคร
เป็นไปดั่งที่ซูจิ้งคาดเอาไว้ว่าหลังจากข่าวเรื่อง ตะเกียงเวทย์มนต์ ของซูจิ้งถูกรับรู้ไปทั่วโลก ญี่ปุ่นไม่สามารถนิ่งเฉยเอาไว้ได้อีกต่อไป
พวกคนญี่ปุ่นแน่นอนว่าย่อมไม่มีทางเชื่อเพียงข่าวที่มาแบบนี้ พวกนั้นได้ส่งผู้เชี่ยวชาญของตนมาเพื่อดับไฟตะเกียงนี่โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครจะดับตะเกียงได้ลงเลยสักคนเดียว
แต่นี่หาได้ทำให้เหล่าชาวญี่ปุ่นที่มานั้นไม่ได้สลดลงแต่อย่างใด พวกเขาแสดงออกถึงความตื่นเต้นแล้วรีบทำการติดต่อกับตัวแทนของกลุ่มทุนห้วงเวลาด้วยความหวังที่ว่าจะซื้อเทคโนโลยีที่ทำให้ไฟในตะเกียงนี้ไม่มีวันดับ เพื่อหวังจะใช้ในงานกีฬาโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึงนี้
นั่นก็เพราะด้วยไฟแบบเดียวกับตะเกียงนี้จะทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่คบเพลิงโอลิมปิกจะต้องดับลงอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะเสนอเงินมากมายจนไปถึงร้อยล้านหยวนแล้วก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มทุนห้วงเวลาแต่อย่างใด

หนึ่งวันได้เลยผ่านไป แต่ชื่อเสียงของตะเกียงเวทย์มนต์นี้ได้ขจรขจายราวกับว่ามันนั้นอยู่มานานนับปี
ตอนนี้ชื่อเสียงของกลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศที่เป็นผู้พัฒนาตะเกียงเวทย์มนต์นี้ก็ได้ลุกโชนไปพร้อมๆกัน
หากว่าดูจากตัวชื่อเสียงและความยอดเยี่ยมของตะเกียงเวทย์มนต์นี้ บอกได้เลยว่าร้อยล้านหยวนที่พวกญี่ปุ่นเสนอมานี้ช่างด้อยค่าเกินกว่าจะยอมรับได้จริงๆ
นอกจากนั้น ด้วยการที่คุณชายสี่ทั้งสามอย่างฮัวหยุนชู ฟูฮงซิ่ว และหยวนหยินหนิงได้เริ่มทำงานที่ซูจิ้งมอบหมายให้
ทำให้ในตอนนี้นับวัน กลุ่มทุนห้วงเวลาฯก็ยิ่งมีรายรับมากขึ้น และเพียงเดือนเดียว กลุ่มทุนห้วงเวลาฯ มีผลกำไรสุทธิสูงถึงสามแสนสามหมื่นล้านหยวน เรียกได้ว่าสูงกว่าเดือนก่อนหน้านี้ถึงสี่ถึงห้าเท่าเลยทีเดียว
และแน่นอนว่า ซูจิ้ง ได้นำเงินของตัวเองที่ได้ทั้งหมดไปลงกลับสถาบันวิจัยของตัวเองและใช้ในการผลิตปฏิสสารจนทำให้ตอนนี้ค่าพลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิมห้าหมื่นเจ็ดพันหกร้อยหน่วย กลายเป็น หนึ่งแสนห้าหมื่นเจ็ดพันหกร้อยหน่วย
ส่วนค่าการใช้ประโยชน์เองก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่ได้มากมายนัก จากเดิม หนึ่งแสนสองพันหน่วย กลายเป็นหนึ่งแสนหกหมื่นสองพันเก้าหน่วย และยังคงเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆไม่ช้าไม่เร็ว
แต่ถือว่าก็ยังทำให้ภาพรวมแล้วค่าที่ได้พอๆกับค่าพลังงานก็ถือว่าเป็นไปตามที่ซูจิ้งได้คิดแล้ว
โดยตอนนี้ซูจิ้งเองก็ไม่ได้กังวลเรื่องความต่างของระดับค่ารางวัลแล้ว ตอนนี้เขามุ่งเน้นไปที่การเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ เขาเชื่อมั่นว่าหากค่าการใช้ประโยชน์นั้นสูงขึ้นล่ะก็ ค่าพลังงานที่ได้ก็จะขึ้นตามไปด้วยโดยปริยาย

ด้วยเหตุที่ช่วงนี้ซูจิ้งได้ปล่อยผลิตภัณฑ์ของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในตอนนี้ชื่อเสียงของเขาจึงเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ถึงแม้ว่าตอนนี้ซูจิ้งจะอยู่ในอันดับหนึ่งของรายการดาราผู้มีชื่อเสียงอยู่แล้ว แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ไม่มีใครเลยที่อยากจะให้เขาอยู่ในตารางดารานี้อีกต่อไป
นั่นก็เพราะในช่วงที่ผ่านมานี้ถึงแม้ว่าซูจิ้งจะไม่เคยก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเลยแม้สักครั้งเดียว แต่ด้วยการที่เขานั้นเล่นเพลงของตัวเองจนทำให้มีชื่อเสียงขึ้นมา เพียงแค่นี้เขาก็ถูกใส่ไว้ในรายชื่อนี้แล้วอย่างไม่ทันตั้งตัว
และเมื่อมาถึงในตอนนี้ เขานั้นกลายเป็นสุดยอดนักธุรกิจแถมยังมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ จึงทำให้เป็นที่สนใจของทุกกลุ่มจากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างไม่ยากเย็นแต่อย่างใด แน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านั้นที่สนใจซูจิ้งไม่ใช่เพราะความสามารถ แต่เป็นการต้องกินเค้กชิ้นโตนี้ให้ได้ก่อนใคร
แน่นอนว่าซูจิ้งเองก็รู้ตัวดีว่าการที่ตัวเองก้าวขึ้นมาอยู่อันดับต้นๆเร็วขนาดนี้ย่อมเสี่ยงการย่างกลายของภัยอันตราย แต่ตัวเขาเองก็ไม่คิดจะก้าวถอยหลังหรือพัฒนาธุรกิจของเขาให้ช้าลงแม้แต่น้อย
เขายังได้ให้เฉิงหนานและหวังจ้าวเตรียมที่จะพัฒนากลุ่มทุนห้วงเวลาให้ไปอยู่ในระดับโลกเรียบร้อยแล้ว
ในระหว่างนี้เอง ซูจิ้งก็ยังคอยฝึกฝนตำราวิชาต่างๆที่เขาได้มาจากห้วงเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตำราจ้าวแห่งสายน้ำ ตำราวิถีแห่งมังกร ตำรากระดาษการสงคราม อย่างแต่เนื่อง และยังไม่เคยหน่ายเหนื่อยที่จะจัดการกับขยะห้วงเวลาฯของเขาอย่างขยันขันแข็ง พร้อมของหวังที่ว่าจะหาสมบัติต่างๆโดยไม่เผลอกำจัดมันหรือพลาดโอกาสที่จะใช้พวกมันแม้แต่น้อย

วันนี้ ช่วงเวลาประมาณตีสองเกือบๆตีสาม ซูจิ้งถูกปลุกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลของฉิงหยุนว่า “ท่านเจ้าของ ขยะห้วงเวลาฯมาแล้วค่ะ”
ซูจิ้งได้ลืมตาตื่นขึ้นในทันทีและรีบวิ่งลงไปยังสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯอย่างไว เหมือนเช่นเคย วงวนมิติได้หมุนวนอยู่บนฟ้าเรียบร้อยแล้ว และขยะมากมายก็ค่อยๆทยอยลงมาอย่างต่อเนื่อง
ขยะห้วงเวลาฯกองนี้ เท่าที่ซูจิ้งได้แล้วพบว่าส่วนใหญ่นั้นเป็นเศษเหล็ก กำแพงอิฐ เศษไม้ ถึงพลาสติก และขวดพลาสติก นี่แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยๆขยะกองนี้น่าจะมาจากยุคสมัยที่ค่อนข้างทันสมัย
แต่ในขณะที่กำลังนิ่งคิดความเป็นไปได้ในห้วงเวลาฯที่พวกมันจากมานั้น อยู่ๆ เขาก็ได้เห็นของที่ไม่เข้าพวกแม้แต่น้อยนั่นก็คือชิ้นส่วนเรือไม้
เจ้าชิ้นส่วนนี้นอกจากจะใหญ่โตจนน่ากลัวแล้ว บนชิ้นส่วนนี้ยังมีลวดลายที่ดูแปลกตา และรูปร่างที่ดูแตกต่างจากยุคสมัย ราวกับว่าเป็นยานอวกาศเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้มันยังมีสัตว์ประหลาดที่ดูน่าเกลียดแต่มีโครงสร้างร่างกายคล้ายมนุษย์ มีเครื่องยนต์ที่ดูประหลาดเกินกว่าจะมาอยู่บนเรือลำนี้ที่ดูก็บอกได้เลยว่ามันเป็นเครื่องยนต์สำหรับแล่นบนน้ำแน่ๆ
แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ซูจิ้งรู้แล้วว่าห้วงเวลาที่พวกมันจากมานั้นไม่น่าจะมาจากห้วงเวลาเดียวกับโลกใบนี้อย่างแน่นอน
หลังจากผ่านไปนาน ขยะห้วงเวลาก็ได้หยุดไหลลงมา วังวนมิติค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ และหลังจากฉิงหยุนจำแนกขยะห้วงเวลาได้คร่าวๆแล้วก็พบว่ามันมากมายใหญ่โตราวกับจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว
ซูจิ้งได้ตรงไปยังขยะฯกองสิ่งมีชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก ที่ตรงนี้เขาพบหนู แมลง พืช และสิ่งมีชีวิตที่อยากจะอธิบาย และพวกมันทั้งนั้นล้วนแปลกตา
เขาได้ปลดปล่อยกระแสจิตของตัวเองเพื่อควบคุมพวกมันในทันที แต่แทนที่เขานั้นจะสนใจพวกมัน เขากลับไปสนใจศพของสัตว์ประหลาดที่มีโครงร่างคล้ายมนุษย์ก่อนเป็นอันดับแรก
มันมีร่างกายที่สูงราวๆหนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร ผิวหนังสีดำเงาเป็นเหล็ก ดูท่าทางแข็งแรง และน่าเกลียด ไม่ว่าดูยังไงก็บอกได้เลยว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้อย่างแน่นอน
พวกมันไม่ได้มีเพียงหนึ่งแต่มีอีกหลายร่าง แต่ละร่างนั้นเหมือนจะมีวัตถุที่น่าจะเป็นมนุษย์อยู่ในมือ ซูจิ้งค่อนข้างจะสนใจอาวุธเหล่านี้อย่างมาก แต่ในเมื่อเขานั้นยังไม่รู้จักอาวุธเหล่านี้ดี เขาจึงใช้กระแสจิตของตัวเองในการบังคับแทนที่จะสัมผัสพวกมันด้วยมือของตัวเอง
ด้วยความแม่นย้ำขะงกระแสจิตของซูจิ้งนั้นทำให้เขาสามารถควบคุมกระแสจิตของตัวเองได้ราวกับมือข้างหนึ่ง และในทันทีที่เขาใช้กระแสจิตตรวจพบปุ่มที่อยู่บริเวณมือจับ เขาก็ค่อยๆใช้กระแสจิตกดมันลงไป
ชั่วขณะต่อมา แสงสีน้ำเงินได้ถูกยิงออกมาทางส่วนที่น่าจะเป็นปากกระบอกปืน มันถูกยิงไปยังบาเรียมิติแต่ก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้แต่อย่างใด
“นี่มันอาวุธจริงๆด้วย แถมยังไม่ต้องใช้กระสุนอีก นี่น่าจะเป็นอาวุธลำแสงรูปแบบหนึ่ง” ซูจิ้งได้พูดออกมาในทันทีด้วยสายตาที่เปล่งประกาย
เขาได้นำแผ่นเหล็กที่มีความหนากว่าสิบเซนติเมตรออกมาจากกระเป๋ามิติของตนก่อนที่จะนำมันวางไว้ที่พื้นแล้วใช้ปืนลำแสงนี้ยิงดู
ลำแสงปะทะกับแผ่นเหล็กดังปัง และตอนนั้นเองแผ่นเหล็กก็ได้ปรากฎรูขนาดใหญ่ขึ้นมา เท่าที่ดูนี่บอกได้เลยว่าอาณุภาพของมันนั้นเหนือล้ำกว่าอาวุธทั่วไปบนโลกไปไกล
ซูจิ้งยังคงทดลองอาวุธนี้อย่างต่อเนื่องจนทำให้แผ่นเหล็กนี้กลายเป็นรังผึ้งอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากยิงไปกว่าสามสิบครั้งแต่ปืนนี้ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหมดกระสุนเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าอาวุธนี้ไม่เพียงจะเบาและทรงพลังแล้ว มันยังดูเหมือนจะมีกระสุนที่ไม่จำกัด นี่ถือได้ว่าใช้ง่ายกว่าปืนทั่วไปบนโลกนี้มากนัก
“ปืนนี้น่าจะเป็นอาวุธที่เรียกว่าปืนพลังงาน นึกไม่ออกเลยแหะว่ามันมาจากห้วงเวลาฯไหนกันแน่” ซูจิ้งได้ใช้ความคิดเกี่ยวกับห้วงเวลาฯที่มีอาวุธและสัตว์ประหลาดเหล่านี้แต่เขาก็ยังนึกไม่ออก
เขานึงได้ทำการศึกษาสัตว์ประหลาดเหล่านี้โดยการเริ่มจากให้หนูได้กินพวกมัน แต่ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้จะไม่ได้มีอะไรพิเศษนอกจากการที่พวกหนูบอกว่ามันไม่อร่อยแบบสุดๆ
หลังจากนั้นซูจิ้งได้ลองตรวจสอบหนู แมลง และพืชต่างๆดู แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่พิเศษเลยสักอย่างเดียว เขาจึงได้ตรงไปยังขยะกองกระดาษแทน
แต่เมื่อเขาเห็นขยะฯกองกระดาษแล้วก็ต้องแปลกใจเล็กน้อย เพราะมันนั้นดูๆไปแล้วมันช่างน้อยนิดมากทำให้เขานั้นไม่ได้อะไรเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังพบชื่อๆหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นเคยมากกับโลกใบนี้นั่นก็คือคำว่า ลอสแองเจอลิส ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าขยะห้วงเวลาฯกองนี้มีความเกี่ยวพันกับโลกอย่างแน่นอน นี่ทำให้ซูจิ้งต้องหัวหมุนมากกว่าเดิม
ซูจิ้งได้ลองไปดูขยะฯกองอื่นดูบ้าง จนในที่สุดเขาก็พบของบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับกุญแจ อย่างไรก็ตามตอนที่ซูจิ้งรับรู้ได้ถึงกุญแจที่อยู่บนอะไรบางอย่าง เขาต้องกระโดดหมุนตัวกระเด็นออกไปหลายเมตรเลยทีเดียว และตอนที่เขาได้ใช้กระแสจิตตัวเองส่งเขาไปตรวจสอบดูแล้วได้ทำการกดกุญแจนี้ดู ตอนนั้นเอง หน้าตาของเขาถึงกับต้องเปลี่ยนสีทันใด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด