Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1120

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 1120 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 1120 ตะลึงพรึงเพริด

“ทำไมเธอถึงมาร่วมงานนี้ด้วยตัวเองได้ล่ะ” มู่หรงเซียนเอ๋อพูดออกมาอย่างสับสน
“นั่นสิ ก่อนหน้านี้เราก็ไม่เห็นเจอเธอที่หลังเวลาทีนี่นา หรือว่าเธอพึ่งจะมากัน” หยินหนิงหนิงพูดออกมา
ทั้งมู่หรงเซียนเอ๋อและหยิงหนิงหนิงต่างก็ประหลาดใจในทันทีที่เห็นนาหลันเฟยค่อยๆออกมาปรากฏตัวบนเวที
หวังจ้าว เฉิงหนาน และฉือชิงต่างก็จ้องมองออกมาด้วยสายตาที่เปล่งประกายเป็นพิเศษ แต่กับหวังซือหยา จูเจียนฮัว ถังเสี่ยวหยู ซูหยา หลิวฉิง ฉินซูหลัน และคนอื่นๆเองไม่ได้มีท่าที่ตอบสนองที่พิเศษอะไร
แน่นอนว่าในเหล่าแฟนคลับของซูจิ้งเองก็มีบางส่วนที่ไม่ได้มีดาราในดวงใจแค่เฉพาะซูจิ้ง และนาหลันเฟยเองก็เป็นหนึ่งในคนที่พวกเขาชื่นชอบ พวกเขานั้นรู้สุขมีความสุขจริงๆที่ได้เห็นเธอตัวเป็นๆแบบนี้

ในตอนนี้นาหลันเฟยก็เริ่มขยับตัวเองอย่างช้าๆ ตามมาด้วยซูจิ้งที่เริ่มดีดกู่จิ้งอีกครั้ง ทันทีที่ได้ยินเสียงกู่จิ้ง เธอก็เริ่มตอบสนองเสียงนั้นในทันที ในตอนนี้นาหลันเฟยกำลังระบำแสงจันทร์เพื่อเกี้ยวพาราศีดวงจันทร์ที่ฉายแสงอยู่บนท้องฟ้า

ความจริงแล้ว ต่อให้ไม่มีเสียงกู่จิ้งของซูจิ้งนั้น เธอก็สามารถเต้นได้อย่างดีเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ไม่ได้รับการบรรเลงของซูจิ้งส่งเสริม ทำให้ในตอนนี้การร่ายรำของเธอราวกับกำลังโบยบินบนท้องฟ้าเพื่อเกี้ยวพาราศีดวงจันทร์อยู่จริงๆ ถึงแม้จะบอกว่าเธอจะแปลกใจอยู่บ้างเพราะเธอไม่คิดว่าซูจิ้งจะสามารถเล่นเพลงนี้ให้เธอ แต่เมื่อซูจิ้งเป็นคนเชิญชวนเธอมาแสดงในงานคอนเสริตนี้ จึงไม่แปลกที่เขานั้นจะเตรียมตัวมาก่อนแล้วเหมือนกัน
ด้วยท่วงทำนองของกู่จิ้งที่ซูจิ้งเป็นคนดีด นี่ช่วยทำให้นาหลันเฟยสามารถขับร้องและเต้นรำได้อย่างไหลลื่นและทรงพลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ถึงแม้จะบอกว่าเพลงนี้คือเพลงประจำตัวของเธอ และเธอเองก็ฝึกอยู่เป็นประจำจนถึงขั้นช่ำชองแล้วก็ตาม แต่เธอเองก็รับรู้ได้ในทันทีว่าการร้องและระบำในครั้งนี้คือครั้งที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ ทั้งเธอและผู้ชมต่างก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่เคยสัมผัสได้จากเพลงนี้มาก่อนเลยทีเดียว

และหลังจากเพลงนี้จบลง เหล่าผู้ชมทั้งในคอนเสริตและสตรีมต่างกู่ร้องออกมาด้วยความปลื้มปลิ่มและมีชีวิตชีวา
นาหลันเฟยเองก็ได้ทำการโค้งคำนับให้ผู้คนพร้อมโบกมือและกล่าวขอบคุณเหล่าผู้ชมทั้งหลาย หลังจากเธอกล่าวเสร็จสิ้น ไฟบนเวทีก็ได้ดับลง จากหนึ่งวิ สองวิ สามวิ ล่วงเลยกว่าครึ่งนาที จนทำให้ในตอนนี้เหล่าผู้ชมต่างก็เริ่มรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้น แสงไฟก็ได้สาดกระทบไปยังฝากฝั่งหนึ่งของเวที ในตอนนั้นเองก็ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่แล้ว
ใบหน้าของเขาเองก็ได้ปรากฏขึ้นที่จะสกรีนด้านหลัง แสดงให้เป็นใบหน้าของเขาอย่างกระจ่างชัดว่าคือผู้ใด และนั่นทำให้ผู้ชมหลายคนต่างกรี๊ดกร๊าดออกมาอย่างดังลั่นในทันที
ชายคนนี้คือนักร้องที่โด่งดังมากๆคนหนึ่ง ถึงมาว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ชายคนนี้ได้ได้ออกผลงานเพลงออกมามากนัก
แต่ด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังของเขานั้นได้ทำให้มีแฟนเพลงหลายๆคนที่ติดตามมานานมากต่างก็จดจำได้ทันทีว่าเขานั้นคือใคร

ถัดมานั้น อีกฝากฝั่งของเวทีก็ได้มีหญิงสาววัยกลางคนที่อยู่ในชุดสุดเซ็กซี่และร้อนแรงคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา เธอเองก็เป็นนักร้องสาวที่มีน้ำเสียงทรงพลังมากๆอีกคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอมีปัญหากับร่างกายจนทำให้ห่างหายจากวงการไปนาน
แต่ด้วยความช่วยเหลือจากผลิตภัณฑ์ต่างๆของซือหยาทำให้เธอกลับมาผอมและยังดูเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เหล่าผู้คนที่เห็นต่างก็ตะลึงกันในทันที พร้อมทั้งความสงสัยภายในใจที่ว่า สุดยอดนักร้องทั้งสองคนนี้ต้องการร้องเพลงคู่ด้วยกันงั้นเหรอ
แต่ไม่ทันที่ความสงสัยของเหล่าผู้ชมจะหายไปนั้น ในตอนนี้ก็ได้ปรากฏนักร้องชายคนหนึ่งที่กำลังโด่งดังที่สุดแห่งยุค ได้มาปรากฏกายอยู่กลางเวที
และยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ในตอนนี้ได้มีนักร้องมากมายทยอยปรากฏขึ้นมาบนเวทีมีทีละคน ทีละคน มีแม้กระทั่งดาราหนังแอคชั่นด้วยซ้ำ แม้ตัวเขานั้นจะไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ในเมืองจีน แต่เขานั้นกลับไปโด่งดังในต่างประเทศซะมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีเหล่านักร้องที่เคยสร้างความบันเทิงไว้มากมายตั้งแต่ยุค 80 ยุค 90 และในยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่าเพลงๆนี้คือเพลงที่รวบรวมเหล่าซุปเปอร์สตาร์ไว้อย่างแท้จริง แน่นอนว่าหนึ่งในนี้เองก็มีนาหลันเฟยอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยตอนนี้เธอยืนอยู่ที่มุมขวาของเวที
เรียกได้ว่าในตอนนี้เหล่าผู้ชมคอนเสริตทั้งที่อยู่ในงานและในช่องสตรีม แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นงานรวมดาราแบบนี้ขึ้นมาได้ โดยเฉพาะการที่ทำให้เหล่าดารามายืนพร้อมกันบนเวทีได้แบบนี้ งานนี้อย่าเรียกว่างานคอนเสริตเลย แม้แต่จะเรียกว่างานเทศกาลดนตรีก็ยังน้อยไปด้วยซ้ำ

“พระเจ้าช่วย…. นี่ฉันตาฝาดไปรึเปล่า ดาราชื่อดังทั้งนั้นเลยนี่นา”
“ฉันเองก็นึกว่าตาฝาดไปเหมือนกัน แต่นี่มันช่างเหลือเชื่อแบบสุดๆเลย”
“การที่ได้มาร่วมงานนี้ได้นั้นคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก ไม่เพียงจะได้เห็นการแสดงของพี่จิ้งกับตาตัวเองแล้ว ยังได้เห็นเหล่าสุดยอดดารามากมายขนาดนี้ในครั้งเดียวอีกด้วย”
“พี่จิ้งนี่หน้าใหญ่หน้าโตจริงๆถึงได้ชวนพวกเขามาได้เยอะแยะขนาดนี้”

ในขณะที่ผู้ชมทุกคนกำลังตะลึงพรึงเพริดอยู่นั้น ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงเพลงเสียงหนึ่งปรากฏขึ้นมาจนทำให้ทุกคนนั้นต่างก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
ด้วยการที่เพลงนี้มันคุ้นหูมากจนในที่สุดทุกคนก็นึกออกว่ามันคือเพลงอะไร นั่นก็คือเพลงที่ใช้ประกอบงานแข่งกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี2008 หรือก็คือเพลงขอต้อนรับสู่ปักกิ่ง
ในตอนนี้เองที่เหล่าสุดยอดดาราทั้งหลายได้รำลึกถึงความหลังในครั้งเก่าก่อน และสามารถร้องตามได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ถึงแม้ว่าดาราที่ได้มีโอกาสร้องเพลงนี้ในวันนั้นจะมีเพียงครึ่งเดียว แต่ก็บอกได้เลยว่าในที่นี้ไม่มีดาราคนไหนเลยที่จะร้องไม่ได้เลยสักคน

ผู้คนที่ในตอนนี้ได้เห็นฉากร้องเพลงนี้ก็ได้มีท่าทีทึ่งๆออกมาไปตามๆกัน นั่นก็เพราะการที่สุดยอดดาราเหล่านี้มารวมตัวกันที่นี่เพื่อเพลงๆเดียวแบบนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้ชมคิดว่านี่มันไม่เกินไปหน่อยรึเปล่า
ถึงแม้ว่าการที่สามารถเชิญสุดยอดดารามากมายเหล่านี้มาได้แต่จะให้ออกมาร้องเพลงคนละเพลง ต่อให้ลากยาวข้ามคืนจะยังไม่หมดจึงถือว่าเป็นไปไม่ได้ก็จริง
แต่การให้สุดยอดดาราเหล่านี้มาที่นี่เพียงเพื่อร้องเพลงๆเดียวแบบนี้มันก็มากเกินไปจริงๆ ที่สำคัญที่สุดคือเหล่าแฟนคลับของซูจิ้งเองต่างก็ไม่คิดว่าซูจิ้งนั้นจะหน้าใหญ่พอที่จะทำได้จนถึงขนาดนี้
เรียกได้เลยว่าการรวมตัวกันของสุดยอดดาราในวันนี้นั้นมากเกินไปโดยเฉพาะกับงานคอนเสริตที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนกับงานโอลิมปิกของปักกิ่ง แต่สุดยอดดาราเหล่านี้ก็ยังรวมใจกันมาที่นี่ได้

ในตอนแรกทุกคนต่างก็คิดว่าตัวเองเข้าใจผิดไปในความคิดเหล่านี้ แต่ก็ต้องตกตะลึงอย่างเต็มที่เพราะสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นดันเป็นจริง นั่นก็เพราะในตอนนี้ดารามากมายบนเวทีต่างก็เริ่มร้องเพลง ขอต้อนรับสู่ปักกิ่งแล้ว
“อาจิ้งนี่หน้าใหญ่ชะมัดเลยจริงๆ” หวังซือหยาที่เริ่มตั้งสติได้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเบาๆพลางใช้ความคิดของตัวไปด้วย เธอนั้นคิดว่าการที่ซูจิ้งมาชวนนักแสดงในสังกัดของเธอนั้นเป็นเพราะว่าเขานั้นหาคนไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วทำไมกลายเป็นว่าพวกสุดยอดดาราเหล่านี้ถึงมาที่นี่ได้กันล่ะ
“นี่มันยิ่งกว่ากันมาเข้าร่วมเพื่อไว้หน้ากันแล้วนะ ดาราบางคนเองยังคงเป็นดาราใหญ่และวุ่นวายอยู่กับการถ่ายละคร หนัง และรายการต่างๆ บ้างก็ยังคงต้องเตรียมตัวออกเพลงใหม่ บางคนตอนนี้ถ่ายหนังอยู่ต่างประเทศด้วยซ้ำ
การที่สุดยอดดาราเหล่านนี้มารวมตัวกันที่นี่ได้ไม่ใช่แสดงว่าพวกเขาต่างก็เห็นแก่ซูจิ้งหรอกเหรอ อีกอย่างการที่พวกเขาต่างก็พร้อมใจร้องเพลงขอต้อนรับสู่ปักกิ่งแบบนี้นี่หมายความว่ายังไงกัน” จูเจียนฮัวแสดงความคิดเห็นอย่างตกตะลึงออกมา
“ฉากนี้มันช่างเกินบรรยายเลยจริงๆ” ฉินซูหลาน หลิวฉิง และคนอื่นๆต่างก็รู้สึกว่างานคอนเสริตในครั้งนี้นั้นมันช่างยิ่งใหญ่อลังการจริงๆเพราะว่าได้รวมเอาเหล่าดาราชั้นนำมาไว้มากมายเพียงเพื่อที่จะร้องเพลงเพียงหนึ่งหรือสองเพลงแบบนี้ นี่ไม่ได้ต่างกับการใช้มีดฆ่าวัวมาเชือดคอไก่เลยจริงๆ ซูจิ้งนี้หน้าใหญ่จนทะลุฟากฟ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย

ในตอนนี้เหล่าผู้ชมคอนเสริตในครั้งนี้ ทั้งที่เข้าร่วมงานและดูจากช่องสตรีมต่างก็บังเกิดความรู้สึกที่คล้ายๆกันนั่นก็คือการเปี่ยมสุขและตื่นเต้นอย่างที่สุด
มันเป็นความรู้สึกที่พวกเขานั้นยากที่จะอธิบายออกมาได้จริงๆ ที่ใกล้เสียงที่สุดก็คงจะเป็นการซื้อลอตเตอรี่เสี่ยงโชคเพื่อหวังจะถูกรางวัลเล็กๆ แต่ปรากฏว่ามารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกรางวัลที่หนึ่งไปแล้ว
เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ได้รับมาแต่ก็ยังไม่เชื่อว่าได้รับความสุขนั้นมาจริงๆเลยก็ว่าได้ ประหนึ่งดังพวกเขาใช้โชคช่วยชีวิตแลกความสุขนี้มาเลยทีเดียว
นักข่าวที่เห็นฉากนี้เองก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปนี้แล้วทำหัวข้อข่าวรายงานขึ้นไปบนช่องของตัวเองในทันที แต่ในทันทีที่มีบางคนเห็นข่าวนี้ ตอนนั้นเองก็เริ่มมีคนที่รู้สึกถึงความผิดปกติได้แล้ว แน่นอนว่ารวบถึงตัวแทนของนักข่าวคนนี้ที่ได้เห็นรูปดาราคนหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “ได้ยังไงกัน กี่เชิงไปถ่ายหนังอยู่อเมริกานี่นา แถมเขานั้นยังไม่ได้มีกำหนดจะกลับมาเมืองจีนด้วยซ้ำนี่ แล้วเขาจะไปร่วมงานคอนเสริตของซูจิ้งได้ยังไงกัน
ไม่สิ นาหลันเฟยเองก็เหมือนกัน เธอในตอนนี้สมควรจะถ่ายรายการอยู่ที่ช่องแมงโกนี่นา เมื่อกี้คนของเราพึ่งจะไปสัมภาษณ์เธอมาเองนะ แล้วเธอจะไปปรากฏตัวในที่ๆอยู่ไกลจากที่นี่นับพันกิโลเมตรได้ยังไงกัน นี่ยังไม่ผ่านไปเกินสิบนาทีด้วยซ้ำ”
“แต่พวกเขาอยู่ที่นี่จริงๆนะครับ ลองดูนี่สิครับ มีทั้งภาพและวิดีโอเลยนะ”
“นายแน่ใจนะว่านายถ่ายมาเองกับตา”
“แน่ใจสิครับ จะให้ผมสตรีมเลยไหมล่ะ”
“อะไรวะเนี่ย”
ในตอนนี้เหล่านักข่าว ผู้แทนดารา และผู้ชมบางคนเองก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆแล้ว ทุกคนที่สงสัยแทบจะรวมตัวกันเพื่อทำการสืบสวนในเรื่องนี้ทันที
แต่ผลลัพธ์ที่พบนั้นกลับทำให้ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม นั่นก็เพราะในตอนนี้เหล่าดาราที่ปรากฏตัวในงานคอนเสริตที่สมควรจะอยู่ที่อื่นนั้น พวกเขาต่างก็อยู่ในสถานะขอเวลานอกกักตัวเองอยู่ในห้องกับทั่วทุกคน นี่ทำให้เหล่าผู้คนต่างยิ่งสับสนยิ่งกว่าเดิม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด