Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 699

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 699 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แตกตื่น

 

ตอนนี้ผู้เฒ่านักประเมินทั้งสองได้ระเบิดอารมณ์ที่อัดอั้นของพวกเขาออกมาในทันทีที่พวกเขาฟังที่ซูจิ้งพูดจบ วั

นนี้เขาได้เห็นทั้งไท่ซุ่ย งานแกะสลักหินเหลือง และกระโหลกมนุษย์ปักกิ่ง

ในชีวิตของพวกเขานั้นตั้งแต่ทำงานที่ว่านเป๋ามาไม่เคยได้รู้สึกอย่างนี้มาก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวกะโหลกมนุษย์ปักกิ่งที่ทำให้หัวใจย่ำแย่จนเกือบจะถึงขีดจำกัดของมันแล้ว

 

“คุณซู คุณไปเอากระโหลกนี้มาจากไหนกันแน่ หรือว่าจริงๆแล้วมีคนเอากลับไปฝังที่ฉินฮวงเต๋าแล้วคุณไปขุดขึ้นมา คุณไม่มีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับมันเลยหรอ” ซงเหลาได้รีบพูดออกมาอย่างตื่นเต้นโดยไม่สนใจอายุของตัวเองเลยซักนิด

กระโหลกมนุษย์ปักกิ่งที่หายไปหลายสิบปีตอนนี้กลับปรากฏอยู่ตรงหน้า

บางคนคิดว่าว่ามันถูกทำลายไปแล้ว

บ้างก็คิดว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนเอาไป

บางคนคิดว่าพวกมันถูกนำกลับไปฝังที่เดิม

บางคนก็คิดว่ามันจมไปพร้อมกับเรื่อที่ขนส่งพวกมันในตอนนั้น

แต่ที่หน้าเชื่อถือที่สุดคือพวกมันถูกนำไปฝังอยู่ก็คือถูกนำไปฝังไว้ที่ฉิงฮวงเต่า

 

“ผมแค่ได้มาเพราะโอกาสจริงๆครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างจนใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปตามหากระโหลกที่เหลือหรอกแต่เขานั้นไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน และไม่รู้ว่าจะทำไปทำไมเหมือนกัน

 

“ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก แต่ก็ดีแล้วที่เจอมาอันนึง ถ้าข่าวนี้หลุดออกไปล่ะก็ ไม่อยากคิดเลยว่าจะทำให้ผู้คนแตกตื่นมากซักเท่าไหร่” เฉินหลงหัวเราะออกมาจะบอกว่าเขาตื่นเต้นก็ว่าได้แถมเขายังมีความสุขมากๆอีกด้วยหลังจากนึกถึงภาพผู้คนฮือฮาเมื่อได้เห็นเจ้ากระโหลกนี่

 

“ดีๆ กระโหลกนี่คงพอที่จะช่วยสร้างความสมใจให้กับโรงประมูลของผมได้ ถ้ายังไม่พอก็ไม่เป็นไร

เพราะอย่างน้อยๆผมก็มีของทุกอย่างแบบที่โรงประมูลว่านเป๋ามีหล่ะนะ” ซูจิ้งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเยาะ

 

“แน่นอนว่ามันพออยู่แล้ว ถ้าทุกคนได้เห็นล่ะก็โรงประมูลอื่นๆคงต้องถอยกันหมดแล้วหล่ะ” เฒ่านักประเมินทั้งสองทำได้แต่ถอดถอนหายใจ

ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจซักทีว่าทำไมซูจิ้งถึงมั่นใจนัก เขามีของมากพอจะรองรับการดำเนินงานของโรงประมูลจริงๆอย่างไม่ต้องสงสัย

ในอนาคตต้องมีคนหลั่งไหลเข้าไปรวมถึงสิ่งของประมูลด้วยก็เช่นกัน รวมทั้งได้การจัดการจากเฉิงหนานผู้ได้ชื่อว่านักธุรกิจอันฉริยะด้วยแล้วอนาคตรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนจนแทบจะเรียกได้ว่าไร้คู่แข่ง

 

สิ่งที่ผู้เฒ่ายังคิดไม่ออกก็คือซูจิ้งไปสรรหาของชันเลิศพวกนี้มาจากไหนกันแน่ ของบางอย่างเองก็บอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่มีเงินก็หาซื้อได้

แถมของบางอย่างนั้นปกติไม่ทางที่จะได้เห็นอีกเป็นครั้งที่สองได้ง่ายๆ พวกเขาเชื่อว่าซูจิ้งต้องมือช่องทางที่พิเศษมากๆ แต่ถ้าซูจิ้งไม่อยากพูดถึงพวกเขาก็ไม่ถามดีกว่า

 

“ว่าไงครับคุณเฉิน คุณซง คุณคิดว่าการร่วมงานกับผมพอมีความเป็นไปได้รึเปล่า” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีเพราะเขามั่นใจได้แล้วว่าทั้งสองคนต้องมาอยู่กับเขาแน่นอน

 

“คุณจะให้เงินเดือนพวกเราสูงกว่าที่ว่านเป๋าจริงๆหรอ” เฉินฮงถามออกมาเหมือนเขาเตรียมตัวเข้าร่วมงานเรียบร้อยแล้ว

 

“ตอนนี้คุณกำลังรู้สึกเหมือนกลับไปเข้าเรียนปีหนึ่งเลยใช่ไหมล่ะ” ซูจิ้งพยักหน้ารับว่าใช่พร้อมพูดถามออกมา

 

“ใช่แล้ว ให้พูดตรงๆนะสัญญาจ้างงานที่พวกผมทำกับว่านเป๋านั้นไม่เป็นธรรมเลยซักนิด ผมพร้อมออกมาทุกเมื่ออยู่แล้วแต่พวกผมก็ไม่อยากออกมาแบบไม่มีที่จะนั่งต่อเลยจำยอมต้องทำไปเรื่อยๆ ถ้าผมไปคุยกับเถ้าแก่เรื่องออกเขาก็พร้อมจะเขี่ยผมทิ้งแทบจะในทันทีไม่ต้องรอถึงสิ้นเดือนเลยล่ะ” เฉินฮงพูดออกมาอย่างจริงใจ

 

“สำหรับเรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน ถึงจะต้องใช้ว่าอีกนิดหน่อยเพื่อที่จะเตรียมเรื่องสถานที่และโฆษณาอีกสักพัก แต่ผมก็จะคุยเรื่องนี้กับผู้จัดการโรงประมูลไว้ให้เข้าจัดการเรื่องนี้ด้วยแล้วให้เขามาคุยรายละเอียดกับคุณอีกทีหลังแล้วกัน” ซูจิ้งพยักหน้า

 

“ผมเบาใจได้ซะที” เฉินฮงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ซงเหลาแล้วคุณล่ะ” ซูจิ้งหันไปถามซงเหลา

 

“ผมก็จะขอบอกความจริงเหมือนกัน ผมก็อยากจะขอคุยเรื่องนี้ก่อนน่ะ สัญญาที่ผมมีกับว่านเป๋าเอาจริงๆก็เหลือแค่สามเดือน ออกตอนนี้ก็คงมีแต่ปัญหาตาม คุณพอจะรอผมอีกสามเดือนได้รึเปล่า” ซงเหลาถามด้วยท่าทางอึกอักเล็กน้อย

 

“ดี งั้นอีกสามเดือนเรามาร่วมงานกัน” ซูจิ้งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

 

ด้วยเหตุนี้ตอนนี้ซูจิ้งถือได้ว่าประสบความสำเร็จในการดึงตัวเฉินหลงและซงเหลาเรียบร้อยแล้ว

รวมกับนักประเมินมือชีพอีกสามคนที่เฉิงหนานกำลังหามาก็จะครบห้าสักที

เฒ่านักประเมินได้อยู่ต่อที่บ้านของซูจิ้งอีกพักใหญ่

ตอนแรกพวกเขาก็จะกลับกันแล้วต่อพอก่อนกลับอยากเห็นไท่ซุ่ย งานแกะสลักหินเหลือง และกะโหลกมนุษย์ปักกิ่งอีกครั้งก่อนกลับแต่พอได้เห็นแล้วก็เลยอยู่ยาวไปหน่อย

 

ซูจิ้งเองก็ยังคิดว่ามันดูเหมือนจะทำเกินไปหน่อยรึเปล่า เขาคิดว่าแค่กะโหลกมนุษย์ปักกิ่งอย่างเดียวก็น่าจะพอแล้วกับการดึงดูดผู้คนให้สนใจโรงประมูลของเขา

ต่อให้ขายไม่ได้แต่ถ้าเรื่องที่ว่ามีกระโหลกนี้อยู่ในโรงประมูลหล่ะก็ต้องโดนแทงข้างหลังแบบไม่ต้องนับแผลแน่นอน ต่อให้อธิบายความจริงออกไปว่าได้มาจากห้วงเวลาฯอื่น ไม่ใช่สมบัติของชาติก็ตาม ใครกันล่ะที่จะไปเชื่อเขาได้

 

ดังนั้น

 

ซูจิ้งรู้สึกว่าจะเป็นการดีที่ควรจะไปเยี่ยมเยือนที่สถาบันโบราณคดี พิพิธภัณฑ์ และสถานที่อื่นๆอีก

เพื่อกันปัญหาต่างๆในระยะยาว คิดได้ตังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขี้นมาเพื่อโทรหาโจวซีเซียนและเย่โป

เขาเชื่อในสายสัมพันธ์ที่เขามีต่อทั้งสองคน นอกจากนั้นเขายังโทรหาใครบางคน

ในวันที่เขาตามหวังจ้าวไปงานเลี้ยงวันเกิดของหลี่เทียนเฮอนั้นมันค่อนข้างสร้างประโยชน์กับเขาไม่น้อยเหมือนกัน

เพราะการไปที่นั่นทำให้เขารู้จักคนสำคัญหลายๆคน เขานั้นไม่อยากให้หวังจ้าวต้องคอยออกหน้าให้เขามากนัก

นั่นจะกลายเป็นว่าทำให้หวังจ้าวติดหนี้คนอื่นเขาไปทั่ว ถ้าเขาตั้งใจจะขายกะโหลกมนุษย์ปักกิ่งก็คงไม่มีใครช่วย

แต่ถ้าเขาคิดแค่จะจัดแสดงกะโหลกนี่เท่านั้นแหล่ะจะกลายเป็นฮีโร่ของชาวจีนในทันที

เพราะฉะนั้นการใช้เส้นสายครั้งนี้ถือว่าถูกต้องแล้ว

 

เฉิงหนานเองก็ทำเหมือนกับเขาเช่นกัน เพราะว่าหากต้องการที่จะทำการซื้อเคหะสถานให้เสร็จโดยเร็วที่สุดจำเป็นต้องมีการใช้เส้นสายกันบ้าง

ในขณะเดียวเธอก็ได้เริ่มการจ้างพนักงานระดับมืออาชีพ ทำแผนการโฆษณา และเริ่มโฆษณาให้ผู้คนรับรู้ถึงรายการประมูล ตัวอย่างเช่น เทอร์ควอยซ์, โบโรอาลูมินัลซิลิกอนสีแดง, แก้วมรกต, อำพัน, ปะการังแดงทะเลน้ำลึก, ไท่ซุย, งานแกะสลักหินเหลือง, กระโหลกมนุษย์ปักกิ่ง ฯลฯ

ทันทีที่ทุกคนเห็นรายชื่อของประมูลทำให้เกิดความแตกตื่นกันอย่างมาก แม้แต่คนที่ไม่มีปัญญาจะซื้อได้แม้แต่เมลอนก็ยังตกใจไม่แพ้คนอื่นๆ

ตราบใดที่พวกเขายังเคยติดตามข่าวสารบ้างเมื่อได้เห็นรายการสมบัติมากมายขนาดนี้ก็ควรจะมีปฏิกิริยาอะไรกันบ้างหล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระโหลกมนุษย์ปักกิ่งนั้นได้มีการพูดถึงกันอย่างมาก

 

“พระเจ้า อะไรกันเนี่ย โรงประมูลเปิดใหม่ของบริษัทห้วงเวลาฯ จะบ้าเกินไปแล้ว”

 

“พวกเขามีสมบัติมากมายมหาศาลขนาดนี้ได้ยังไงกัน พวกเขาแค่โฆษณาเกินจริงรึเปล่า พวกเขาไม่มีทางมีพวกมันทั้งหมดหรอก”

 

“ต้องหลอกลวงอยู่แล้วหล่ะ พวกเขาจะไปมีกระโหลกมนุษย์ปักกิ่งได้ยังกัน”

 

“กระโหลกนั่นหายไปนานเกินไปแล้วไม่มีทางหาเจอได้หรอก ต่อให้หาเจอก็ไม่มีทางขายออกแน่ๆ”

 

“ลองดูนี่สิ เขาบอกว่าโรงประมูลห้วงเวลาและกาลอวกาศนี่มีซูจิ้งเป็นเจ้าของนี่”

 

“ก็จริง ห้ะ ซูจิ้งอีกแล้วหรอ”

 

“ถ้างั้นมันก็ไม่มีทางเป็นข่าวปลอมแน่นอน เพราะในรูปบนอินเตอร์เน็ตมีเฉิงหนาน สาวสวยคนนั้นน่ะ เธอก็อยู่ด้วย เธอเป็นผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯ และกลุ่มทุนนั้นมีซูจิ้งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่”

 

“นั่นก็หมายความว่าสมบัจิเหล่านี้รวมถึงกระโหลกมนุษย์ปักกิ่งต้องเป็นของจริง เพราะยังซะซูจิ้งไม่ว่าเขาจะเป็นดาราหรือจะบอสของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯ หรือไม่ก็ตาม เขานั้นมีชื่อเสียงในเรื่องสมบัติอยู่แล้ว ไม่มีทางโกหกต่อสาธารณะชนได้เป็นอันขาด”

 

“ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ มีข่าวล่าลุดออกมาว่าสถาบันโบราณคดีได้ตรวจประเมินพร้อมยินยันแล้วว่าเป็นของจริง”

 

“ซูจิ้งถูกแจ้งความว่ามีการขายวัตถุโบราณผิดกฎหมายแน่ๆ งานนี้ก็เหมือนยกหัวตัวเองไปตั้งไว้บนเขียงเรียบร้อยแล้ว”

 

เมื่อข่าวนี้หลุดออกมากลายเป็นวิพากวิจารณ์ในอินเตอร์เนตในวงกว้าง การปรากฏตัวของกระโหลกมนุษย์ปักกิ่งในเมืองเจียงฮุยทำให้เกิดกระแสทางสังคมอย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้คนมากมายต่างวิพากวิจารณ์กันว่ากระโหลกนี้เป็นของจริงหรือปลอม

แล้วทำไมมันถึงไปปรากฏอยู่ที่โรงประมูลห้วงเวลาฯ ได้

จะให้พูดอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ก็คือร้อนแรงตั้งแต่ยังไม่เปิดโรงประมูลซะด้วยซ้ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด