Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 874

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 874 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 874 ตกตะลึงทั้งพระนคร

 

เช้าวันต่อมาซูจิ้งนั้นตื่นนอนและทำการบิดขี้เกียจไปเล็กน้อย

หวังซือหยาเห็นดังนั้นจึงได้บ่นออกมาว่า “อาจิ้ง นายยังอยู่ในชุดนอนอยู่อีกหรอ นี่นายไม่ได้สนงานประชุมรัฐสภาเลยรึไงกัน”

หวังจ้าวพูดออกมาว่า “ไอ้เด็กนี่ โลกข้างนอกต่างก็คิดว่านายต้องกลัวจนขี้หดตดหายไปหมดแล้ว แม้แต่ฉันเองยังเผลอไปคิดเลยว่านายสงบใจเรื่องนี้ไว้ไม่ได้จนทำเป็นไม่สนใจแทนแล้วเนี่ย”

หวังซวนจี้ที่เห็นสภาพซูจิ้งในตอนนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ตอนนี้หวังจุ่นและหวังเจิ้งนั้นไม่ได้อยู่บ้าน ทั้งคู่นั้นไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป

 

นั่นก็เพราะว่าอย่างแรกพวกเขาไม่คิดว่ารัฐบาลจะออกมาเร็วขนาดนี้ อย่างที่สองการที่รัฐบาลชวนซูจิ้งเขาไปประชุมด้วย ต่อให้ซูจิ้งนั้นมีพันธุ์ใบยาสูบสุดแสนวิเศษนั้นอยู่ในมือก็จริง

แต่ถ้าไม่นับเรื่องนั้นแล้วก็ถือได้ว่าซูจิ้งไม่มีอะไรอีกเลย การเรียกให้เขาเข้าไปประชุมในครั้งไม่ต่างกับการเรียกเขาเข้าไปประหารต่อหน้าสาธารณชน

ซูจิ้งเห็นท่าทางของทุกคนจึงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “นี่มันยังเช้าอยู่เลย จะรีบร้อนไปไหนกันล่ะ ต่อให้ฉันถูกเชิญให้เข้าประชุมแล้วคิดว่าฉันจะไปมีสิทธิ์ออกความเห็นอะไรได้กันรึไงเนี่ย

อย่างมากพวกเขาก็แค่จะบอกฉันเรื่องผลการหารือเรื่องใบยาสูบนั่นก็แค่นั้นเอง การที่เขาเรียกฉันไปก็น่าจะเรียกว่ารักษาหน้ากันเฉยๆ”

หวังจ้าวพูดออกมาต่อว่า “ถึงจะแค่นั้นแต่ก็สุดยอดแล้วนะ อย่างน้อยนายก็ถูกเชิญเลยนะวุ้ย อย่าได้สายเป็นอันขาด”

ซูจิ้งพยักหน้ารับก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ก็ได้ก็ได้ ฉันจะไปให้ทันก็แล้วกัน”

 

หวังจ้าวพูดออกมาด้วยความไม่เชื่อใจว่า “ดี เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”

ถึงแม้ว่าซูจิ้งจะบอกว่าไม่ต้องก็ตาม แต่หวังจ้าวเองก็ยังยืนยันว่าจะไปส่งอยู่ดี เข้านั้นกลัวว่าซูจิ้งจะเอ้อระเหยลอยชาย มัวแต่แวะกินสุกี้หม้อรวมจนไปสายเพราะท่าทางเขานั้นไม่ได้อยากไปเลยสักนิด

ซูจิ้งเองเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ดึงดันอีกต่อไป เขายอมให้หวังจ้าวไปส่งเขาจนได้ หลังจากส่งเสร็จจนเห็นซูจิ้งไปลงทะเบียนประชุมแล้วหวังจ้าวก็ได้ขับออกมา

“นี่พี่ไปส่งอาจิ้งแล้วหรอ” ทันทีที่หวังจ้าวกลับถึงบ้าน หวังซือหยาก็ได้มาเจอเขาพอดีจึงถามออกมา

“ใช่ แต่การประชุมน่าจะนานฉันเลยเอาเขาไปหย่อนไว้ แล้วก็กลับมา พอใกล้ๆจะเลิกค่อยไปรับกลับก็แล้วกัน และหมอนั่นเองก็สัญญาไว้กับฉันแล้วว่าเขาจะเข้าร่วมประชุมดีๆไม่ก่อเรื่องอะไรล่ะนะ” หวังจ้าวถอนหายใจออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ก็ดี ไม่รู้ว่าคำขอของซูจิ้งจะผ่านรึเปล่านะ”

“อาจิ้งพูดออกมาว่าต่อให้เขาต้องขายให้กับบริษัทยาสูบของรัฐจริงๆเขาก็ยังแผนอื่นอยู่อีก”

“แผนอะไรล่ะนั่น”

“เขาไม่ยอมบอกออกมาน่ะ แต่ฉันรู้สึกว่าไม่ว่าแผนแรกกับแผนสองของเขานี้จะออกมาเป็นยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วเขาน่าจะได้ตามที่เขาหวังเอาไว้นะ ก็แค่หวังแค่ว่าเขาจะไม่เอามาคุยโวให้น่ารำคาญทีหลังก็พอ”

 

เรื่องนี้แม้แต่จ้าวซือเฟิงและจ้าวฮ่าวเองก็รอคอยอยู่เช่นเดียวกัน

“ไม่คิดมาก่อนเลยว่ารัฐบาลจะออกมาเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ น่ากลัวว่าครั้งนี้เราจะไม่มีส่วนอย่างแน่นอนแล้ว” จ้าวฮ่าวพูดออกมา

“ยังไม่แน่หรอกครับ หากผลที่ออกมานั้นไม่เป็นไปตามที่ซูจิ้งต้องการล่ะก็ก็ยังไม่แน่นอน ซูจิ้งนั้นมันละโมบโลภมากอยู่แล้ว ไม่มีทางที่คนอย่างมันจะยอมยกเมล็ดพันธุ์ให้ง่ายๆอย่างแน่นอน
เมื่อวานนี้ผมเองก็ได้ส่งคนไปลองสืบหาดูว่าซูจิ้งน่าจะเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ที่ไหนได้บ้างแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย” จ้าวซือเฟิงพูดออกมา

“เป็นไปได้รึเปล่าว่ามันจะเอาไว้ที่บ้าน” จ้าวฮ่าวถามออกมา

“ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เขาจะทำการปรับปรุงสายพันธุ์ที่บ้านของตัวเองได้ยังไง อีกอย่างถ้าเป็นที่นั่นจริงล่ะก็เราแทบจะหมดหวังที่จะปล้นมาได้เลย

สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวของเขานั้นล้วนแล้วแต่น่าสะพรึงกลัวทั้งนั้น ไม่มีทางที่เราจะเข้าไปได้โดยง่าย

อีกอย่างหวังซวนจี้เองก็สมควรจะส่งคนไปคุ้มครองครอบครัวของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเราบุกเข้าไปไม่ว่าจะทางไหนก็ล้วนแต่สร้างปัญหาอย่างแน่นอน” จ้าวซือเฟิงพูดออกมา

“งั้นเราก็คงทำได้เพียงคุยกับเขาตรงๆหลังประชุมเสร็จสินะ” จ้าวฮ่าวพูดออกมา

 

ในตอนนี้แม้แต่ตระกูลซุน ตระกูลเฉียน และตระกูลใหญ่อื่นๆต่างก็คุยกันเรื่องนี้แทบจะทั้งนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่หวังว่าจะได้ส่วนแบ่งจากเรื่องนี้เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำเงินได้เห็นๆอยู่แล้ว

 

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนถึงตอนเย็น ในที่สุดการประชุมรัฐสภาก็เสร็จสิ้นลง

“เป็นยังไงบ้าง” เมื่อหวังจ้าวเห็นหน้าซูจิ้งแล้ว หวังจ้าวได้รีบโพล่งถามออกมาในทันที

“ยิ้มอย่างนั้นนี่ คงไม่ใช่ว่าสภายอมให้นายตั้งบริษัทยาสูบของตัวเองหรอกนะ” หวังซือหยาถามออกมาเชิงเย้าแหย่

“เปล่า” ซูจิ้งส่ายหัวของเขาและตอบออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ทั้งการขายใบยาสูบให้บริษัทยาสูบแห่งรัฐ หรือการตั้งบริษัทยาสูบของตัวเองด้วย แต่ทางสภาแห่งรัฐ องค์การยาสูบ และบริษัทยาสูบ เห็นพ้องต้องกันว่าเสนอทางเลือกที่สามให้ฉัน

นั่นคือการจ่ายเงินห้าหมื่นล้านหยวนเพื่อให้ฉันมอบเมล็ดพันธุ์ให้ ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือเสนอเป็นส่วนแบ่งในบริษัทยาสูบ

นอกจากนี้พวกเขายังเสนอการเป็นหุ้นส่วนในทุกกระบวนการตลอดจนการไม่เรียกเก็บภาษีสูงเกินกว่าการเปิดบริษัทที่ทำธุรกิจทั่วไปให้น่ะ”

“จริงดิ” หวังจ้าวพูดยืนยันอีกครั้งว่าตัวเองไม่ได้ฟังอะไรผิดไปพร้อมทำตาโตเท่าไข่ห่าน

“นายต้องล้อเล่นแหงๆ ห้าหมื่นล้านหยวนเนี่ยนะ แถมยังหุ้นส่วนอีก” หวังซือหยาเองก็ถามออกมาเพราะไม่ยากเชื่อเหมือนกัน

แต่พอนึกถึงว่าหากภาครัฐได้พันธุ์บุหรี่นี้ไปจริงแน่นอนว่าผลกำไรที่ได้ย่อมเทียมเคียงฟ้า แถมยังมีโอกาสได้ผลกำไรแบบไม่มีสิ้นสุดอีกด้วย

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าคนจีนต่อจากนี้ไปจะตัดปัญหาเรื่องสุขภาพที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไปได้เลยแบบนี้ อย่าว่าแต่หมื่นล้านหยวนเลย ห้าหมื่นล้านที่เสนอมานี่ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นสภาแห่งรัฐยังยอมเปลี่ยนแปลงกฎหมายพร้อมทั้งเสนอการลดภาษีและการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจให้กับเขา นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

หากลองคิดดูดีๆแล้วนั้น เหตุผลหลักที่ภาครัฐจำเป็นต้องคุมให้ภาษีบุหรี่อยู่ในเพดานที่สูงลิบลิ่วแถมยังถือครองกรรมสิทธิ์การซื้อขายไว้แต่เพียงผู้เดียวนั้น

เหตุผลก็เป็นเพราะเรื่องของการควบคุมปริมาณการสูบและนำเงินไปลองรับกับคนที่ป่วยเพราะบุหรี่ในอนาคต

แต่ตอนนี้บุหรี่ที่เป็นสิ่งที่เขาต้องควบคุมนั้นกลับไร้พิษภัยไปแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องควบคุมอีกต่อไป ตราบใดที่ภาครัฐยังถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ล่ะก็ ต่อให้นานหน่อยกว่าจะคืนทุนแต่ยังไงก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

แต่ที่ควรจะสนใจที่สุดในตอนนี้คือหุ้น การที่พวกเขาเสนอเงินห้าหมื่นล้านหยวนนั้นเรื่องนี้พวกเขาพอจะเข้าใจได้ แต่การเสนอหุ้นส่วนด้วยนี่สิ ไม่เกินไปหน่อยหรือ

“สภายอมให้หุ้นนายเท่าไหร่กัน” หวังจ้าวถามออกมา

“10 % น่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

 

“เท่าไหร่นะ” หวังจ้าวถามออกมาอีกครั้งแบบไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะได้ยิน

“10% ของยอดขายเลยน่ะนะ” หวังซือหยาถามออกมาด้วยความตื่นเต้น

“ใช่” ซูจิ้งพยักหน้ารับ

“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว จะเป็นไปได้ยังไงกัน” หวังจ้าวและหวังซือหยาต่างก็ตกตะลึงและบ่นพึมพำแทบจะพร้อมๆกันไปยาวๆ

ตอนแรกที่เขานั้นได้ยินว่าทางสภาอนุมัติเงินในการแลกกับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ยาสูบห้าหมื่นล้านหยวนนั้นพวกเขาก็จะคลั่งตายกันอยู่แล้ว

แต่พอได้ยินว่าซูจิ้งได้หุ้นมา10%ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ เหตุผลก็เพราะว่าปีก่อนหน้า อุตสาหกรรมยาสูบนั้นมีผลกำไรอยู่ที่หนึ่งล้านล้านหยวน

ถ้าพวกเขานั้นได้รับการลดภาษีจะเท่ากับภาษีของบริษัททั่วไปจริงๆล่ะก็ กำไรสุทธิที่พวกเขาสมควรจะได้ต่อปีนั้นควรจะอยู่หนึ่งแสนล้านหยวนโดยประมาณ จะไม่ให้พวกเขาคลั่งกันได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือข้อมูลการที่จะมีบุหรี่สายพันธุ์นี้ปรากฏออกมา แน่นอนว่าหลังจากนี้ผลกำไรที่ได้ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลอย่างมาก

 

“โอ้…ดูเหมือนว่าผลการประชุมสภาจะออกมาแล้วสินะ” ตระกูลจ้าว จ้าวฮ่าวในตอนนี้กำลังรับโทรศัพท์เพื่อรับฟังผลการประชุมรัฐสภาในวันนี้โดยจ้าวซือเฟิงคอยฟังอยู่ใกล้ๆ

“ใช่ครับ แต่ผลการประชุมนั้นออกมาจนผมเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน” ปลายสายในตอนนี้พูดออกมาด้วยน้นำเสียงตื่นเต้น

“เกิดอะไรขึ้น อย่าบอกนะว่าพวกนั้นอนุมัติให้ไอ้เวรนั่นเปิดบริษัทยาสูบของตัวเองได้” จ้าวฮ่าวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ไม่ใช่ครับแต่เป็นยิ่งกว่านั้น สภาได้มีมติมอบเงินให้แก่ซูจิ้งจำนวนห้าหมื่นล้านหยวนสำหรับเป็นค่าเมล็ดพันธุ์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมอบหุ้นที่เกี่ยวข้องในทุกกระบวนการจำนวน10%แถมยังคิดอัตราภาษีเทียบเท่ากับบริษัททั่วๆไปอีก”

ทันทีที่ได้ยินจ้าวฮ่าวได้เขวี้ยงโทรศัพท์ลงกับพื้นจนกระจายกระเด็นกระดอนไปทั่วในทันที จ้าวซือเฟิงที่ได้ยินเรื่องนี้เองถึงกับทำหน้าโง่งมในทันที

 

หลังจากได้ยินข่าวนี้ ซุนหยูเฮงและคนอื่นๆในตระกูลต่างหน้าชากันไปหมด

 

ผู้อาวุโสเฉียน เฉียนหยินหนิง เฉียนไจ่บิ๋ง และสมาชิกคนอื่นๆในตระกูลเองก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินข่าว

 

แม้กระทั่งหวังซวนจี้เองเมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปนาน

 

ตอนนี้ทั่วทั้งนครหลวงนั้นกำลังลุกเป็นไฟ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด