Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 905

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 905 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 905 สุดยอดแห่งประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์

 

“ทำไมผมของเจ้านี่ถึงขยับได้ล่ะ” เฟิงเย่เหม่ยถามออกมา

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ คุณซูไม่ได้บอกอะไรผมไว้เลย” ฟูหมิงส่ายหัวทันที เขารู้สึกเซ็งตัวเองเหมือนกันที่ไม่ยอมถามอะไรมาให้ละเอียดกว่านี้ เขาเองก็คิดไปตอนแรกเพียงว่านี่ก็แค่ตุ๊กตายางธรรมดา ใครจะไปคิดว่ามันจะดูสมจริงขนาดนี้ แถมผมของเจ้าสิ่งนี้ยังเคลื่อนไหวไปมาได้ซะอีก

อย่างไรก็ตามต่อหน้าทั้งสองคนนั้น ผมที่ขยับไปมาอยู่เมื่อครู่นี้ อยู่ๆก็ได้หยุดลง และได้กลายเป็นสีเขียวเข้มในทันที ทั้งคู่ที่เห็นด้วยกันกับตายังนึกว่าตาฝาดไปเลย

 

เฟิงเย่เหม่ยรวมๆความกล้าก่อนที่จะก้าวเข้าไปอยู่ข้างๆร่างกายนี้และทำการสัมผัสไปที่ผมของเขาพลางพูดออกมาลอยๆว่า “ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเสียจริง” ผมของเขานั้นมีชีวิตชีวาราวกับมีลมพัดผ่านตลอดเวลา ถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่ขยับแล้วก็ตาม

ตอนนี้ทั้งคู่นั้นต่างก็มั่นใจได้แล้วว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน

เฟิงเย่เหม่ยได้ลองพยายามเปิดเปลือกตาเพื่อสำรวจร่างกาย แต่ทันทีที่เธอไปสัมผัสหนังตานั้นกับต้องตกตะลึงเพราะว่าเธอนั้นไม่สามารถใช้นิ้วเปิดเปลือกตานั้นได้ ไม่สิมันไม่ไม่มีหนังตา มันเหมือนกับว่าร่างนี้ไม่มีช่องลูกตาอยู่เลยมากกว่า นี่ทำให้เธอนั้นต้องถอยหลังกลับไปตั้งหลักสองก้าว

 

“เป็นอะไรครับ” ฟูหมิงที่เห็นแบบนั้นจึงได้ถามออกมาอย่างสงสัย

“เขา เขา เขาไม่มีลูกตา” เฟิงเย่เหม่ยพูดออกมาด้วยความตกใจ

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน” ฟูหมิงได้รีบเขาไปสำรวจตรวจดูเขาก็พบว่าชายคนนี้ไม่มีลูกตาอยู่จริงๆ ไม่สิ หากดูให้ดีแล้วล่ะก็ ทั่วทั้งร่างของชายคนนี้เป็นสีขาวนวลและออกจะเขียวจนน้ำเงินหน่อยๆด้วยซ้ำ ตอนแรกเขาก็นึกว่าร่างนี้สกปรกหรือไม่ก็เปื้อนสีมา แต่กลายเป็นว่านี่คือสีผิวของเขาจริงๆ

ผมขยับได้ ไม่มีลูกตา ผิวสีน้ำเงินเขียว นี่ยังเป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย

“นี่ไม่ใช่คนจริงๆเหรอ” เฟิงเย่เหม่ยนึกไปถึงเรื่องที่ซูจิ้งพูดออกมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะมอบผลิตภัณฑ์ใหม่มาให้

“แล้วถ้าไม่ใช่มนุษย์แล้วเป็นตัวอะไรน่ะ” ฟูหมิงพูดออกมา

เฟิงเย่เหม่ยได้รวบรวมความกล้าของเธออีกครั้ง เธอก้าวเข้าไปดูร่างนี้ใกล้เพื่อตรวจสอบด้วยตัวเองและมั่นใจได้ในทันทีว่านี่ไม่มนุษย์นั่นก็เพราะว่าไม่มีสัญญาณชิพจร

เฟิงเย่เหม่ยได้ลองค่อยๆใช้เล็บกรีดตรงส่วนร่างจนลึกถึงเนื้อในแต่ก็ยังไม่เห็นมีเลือดไหลออกมา

แต่ในตอนที่เธอจับมันนั้นมันเองก็เหมือนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแต่เธอเช่นเดียวกัน เพราะตอนที่แตะมันมันก็เหมือนตกใจและเมื่อเธอลองกรีดมันเมื่อกี้มันก็เหมือนจะพยายามขยับหนี

“พระเจ้า ฉันว่าเจ้านี่น่าจะเป็นตุ๊กตายางจริงๆ” เฟิงเย่เหม่ยตกใจไม่น้อยทีเดียว

 

“จะเป็นได้ยังไง ถ้าเป็นตุ๊กตายางจริงเขาสร้างออกมันออกมาให้เป็นอย่างนี้ได้ยังไงกัน” ฟูหมิงเองก็ตกใจไม่น้อยที่ได้ยิน

จะตุ๊กตาตัวนี้นั้นมีรูปร่างที่สุดแสนจะสมส่วน ทั้งผิวหนัง อุณหภูมิของร่างกาย ลมหายใจ หรือแม้แต่ปฏิกริยาตอบสนองและความรู้สึกเมื่อตอนสัมผัสนั้นล้วนเหมือนคนจริงๆ

นี่จะเป็นเพียงตุ๊กตายางจริงๆเหรอ ก็ใช่ที่ทั้งรูปร่าง ผิวหนัง อุณหภูมิร่างกา และลมหายใจนั้นอาจจะยังใช้เทคโนโลยีสร้างกันได้

แต่ปฏิกิริยาตอบสนองนี่ล่ะมันไม่เหมือนจริงไปหน่อยหรอ นี่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกมนุษย์ทำได้ถึงขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย

 

“คุณซูทำอย่างที่พุดจริงๆ มันช่างสุดยอด ดูเหมือนว่าเขานั้นไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ฉันจริงๆในวันนั้น” ตอนนี้เฟิงเย่เม่ยนั้นเมื่อมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอนแล้ว

เธอจึงได้สำรวจเรือนร่างของเจ้าสิ่งนี้ในทันที เธอนั้นสัมผัสไปทั้งส่วนที่หน้าจะเป็นใบหน้า ใช้มือสัมผัสลูบไล้ไปยังส่วนหน้าอก ทันใดนั้นส่วนที่คิดว่าเป็นรากขนาดใหญ่ก็ได้ลุกตั้งขึ้นมา พลางส่ายไปมาราวกับการรออะไรบางอย่าง

เฟิงเย่เหม่ยนั้นเลื่อนสายตาลงไปพร้อมทั้งมองด้วยสายตาเป็นประกาย ก่อนที่เธอจะพูดออกมาว่า

“นายออกไปก่อน” เฟิงเย่เหม่ยพูดด้วยสายตาแปลกๆ

“คุณต้องการ…” หลังจากที่ฟูหมิงยังไม่ทันพูดจบดี เมื่อเห็นสายตาของเธอที่จ้องราวกับจะกินเลือดเนื้อของเขา เขาจึงรีบพุ่งออกไปในทันทีพลางร้องลั่นว่า “ไปแล้วคร้าบบบบบ” ทันทีที่ฟูหมิงปิดประตูโดยยังไม่ทันจะปล่อยมือจากลูกบิด เขาก็ได้ยินเสียงล็อคประตูดังคลิ๊กจากข้างใน

 

หนุ่มหล่อสองคนที่รออยู่ข้างนอกและฟูหมิงนั้นได้มองน่ากันและต่างไปยืนประจำที่ราวกับรู้กันดีว่าควรจะทำตัวยังไงดี

หลังจากนั้นสักพักทั้งสามคนก็ได้ยินเสียงครางระงมดังออกมาจากประตูที่พวกเขาเฝ้าอยู่ เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆชนิดที่เรียกได้ว่าราวกับพวกเขาอยู่ในเหตุการณ์เอง นี่ขนาดห้องของโรงแรมระดับห้าดาวนะยังกั้นเสียงเธอไม่อยู่เลย จนทำให้ฟูหมิงนั้นตกใจและจินตนาการไม่ถูกเลยว่าตอนนี้เธอจะเล่าร้อนได้ขนาดไหน

แม้แต่หนุ่มหล่อทั้งสองที่อยู่หน้าห้องก็ยังประหลาดใจและรู้สึกแบบเดียวกันกับฟูหมิงจนหันมามองหน้ากัน เสียงนั้นช่างกระเส่าและร้อนแรงจนทำให้หนุ่มหล่อสองคนนั้นรู้สึกร้อนรุ่มตามไปด้วย

หนึ่งในนั้นได้ถามออกมาว่า “นายเคยทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ได้รึเปล่า”

“ไม่นะ เท่าที่ฉันรู้เธอไม่เคยเร่าร้อนแบบนี้มาก่อน”

“ดูเหมือนว่าเจ้าตุ๊กตายางนี่ดีกว่าพวกเราทั้งหมดเลยน่ะสิ”

 

หนุ่มหล่อทั้งสองนั้นได้พูดคำที่ไม่ว่าชายใดก็ตามไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้เลยสักนิด นี่ทำให้ฟูหมิงถึงกับตกตะลึงจนเบิกตาโพลงเมื่อได้ยิน พลางคิดไปว่าเรื่องจริงอย่างนั้นหรอ

ทั้งหมดยังคงเลือกที่จะเฝ้ารอต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก

 

หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร เฟ่งเย่วเม่ยเดินออกมาจากส่วนห้องนอนในชุดคลุมอาบน้ำ ใบหน้าของเธอนั้นเปล่งปลั่งและสายตาที่สดชื่นจนดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอนั้นรู้สึกว่าตัวเองจนไม่อยากจะเดินไปไหนมาไหนเลยแม้แต่น้อย

หลังจากรวบรวมแรงใจได้สักหน่อยเธอก็ได้เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะพร้อมกับทิ้งตัวลงอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ และได้ทำการโทรหาซูจิ้งในทันที

 

หลังจากเขาได้รับสาย เฟิงเย่เหม่ยได้พูดออกมาในทันทีว่า “คุณซู ฉันชอบเจ้าตุ๊กตายางที่คุณมอบให้ฉันนั้นฉันชอบมากจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ คุณสามารถเสนอราคาของตุ๊กตานี่มาได้อย่างเต็มที่เลย”

ตอนนี้หนุ่มหล่อทั้งสามคนนั้นต่างก็มองไปเฟิงเย่เหม่ยด้วยสายตาที่โง่งม ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะชอบเจ้าตุ๊กตานั่นจริงๆ เอาจริงทุกคนนั้นต่างก็ไม่รู้ว่าควรจะเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่าอะไรดีเหมือนกัน มันนั้นไม่เพียงแต่จะรูปร่างคล้ายมนุษย์ มันยังมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกับมนุษย์ผู้ชายอีกด้วย

 

เหตุผลก็เพราะว่าเจ้าดอกบานเช้านี้เป็นพืชกินเนื้อ โดยปกติมันนั้นดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการดูดซับแก่นแห่งตะวันและผืนปฐพี และนั่นทำให้ตัวมันนั้นดูมีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา

หากเจ้าดอกบานเช้านี้มีอายุเกินกว่าร้อยปีขึ้นไปล่ะก็ หากได้มีอะไรกับมันด้วยจะถือได้ว่าเป็นการบ่มเพาะโดยแก่นตะวันและปฐพีไปด้วยเช่นเดียวกัน และจะทำให้คนๆนั้นมีชีวิตที่เป็นหนุ่มเป็นสาวได้ยาวนานมากขึ้น

สำหรับเจ้าดอกบานเช้าตนนี้นั้นมีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น แน่นอนว่าการที่มีอะไรกับมันจะไม่ถือว่าเป็นการบ่มเพาะร่างกายด้วยแก่นตะวันและปฐพีแต่อย่างใด แต่ยังไงซะมันก็ยังอึดถึกทนมากกว่าคนธรรมดนับสิบเท่าอยู่ดี

“ฮ่าฮ่าถ้าคุณชอบมันจริงๆล่ะก็ผมมอบให้คุณเลยครับ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“คุณซูนี่ช่างเป็นคนที่คอยมอบความสุขให้คนอื่นสมคำร่ำลือจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันต้องขอโทษด้วยที่หาว่าคุณทำให้ฉันนั้นต้องขายหน้า เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันยอมรับเจ้าตุ๊กตานี้อย่างแน่นอน และฉันจะยอมโอนนาข้าวทั้งหมดเท่าที่ฉันจะโอนได้ให้คุณโดยลดให้คุณจากราคาประเมิน 20% ไปเลยแล้วกัน” เฟิงเย่เหม่ยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ งั้นผมรับไว้โดยไม่เกรงใจล่ะนะ ผมมีความสุขจริงๆที่ได้ร่วมงานกับคุณ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ด้วยความยินดีค่ะ ว่าแต่ขอฉันถามอะไรคุณหน่อยได้รึเปล่า เจ้าตุ๊กตานี่อยู่ได้นานแค่ไหนกัน ฉันลองพยายามหาดูแล้วแต่ก็ไม่เจอร่องรอยอะไรบนมันเลยแม้แต่น้อย แล้วอีกอย่าง ฉันสามารถนำมันไปล้างได้รึเปล่า

ฉันกลัวว่ามันจะทำให้วงจรไฟฟ้าข้างในลัดวงจรน่ะ และอย่างสุดท้ายคือฉันต้องระวังอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ” เฟิงเย่เหม่ยถามออกมาเพราะรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเจ้าตุ๊กตานนี่เป็นพิเศษ

 

ซูจิ้งได้หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แบตเตอรี่งั้นเหรอ ต่อให้มันถูกเรียกว่าตุ๊กตายางแต่มันก็ไม่มีแบตหรอก ซูจิ้งได้พูดตอบไปว่า “ฮ่าฮ่า เจ้านี่นั้นคุณแทบจะทำอะไรกับมันได้เกือบทุกอย่างเลยครับ แน่นอนว่าคุณไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องแบตเตอรี่จะหมด หรือกลัวว่าน้ำจะเข้าไปตอนล้างแต่อย่างใด

มันมีเพียงข้อสองอย่างเท่านั้นที่คุณควรจะใส่ใจมันนั่นก็คือเจ้านี่ออกมาเพื่อรองรับให้มีคนใช้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หรือก็คือคุณนั้นเปรียบได้ดั่งเจ้านายของมันอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนอีกข้อก็คือหากว่าคุณไม่ได้ใช้มันนาน หรือว่าคุณนั้นเลิกใส่ใจมัน มันจะแข็งค้างนิ่งไป”

 

เฟิงเย่เหม่ยนั้นรู้สึกงงอย่างหนักในทันทีที่ได้ยิน หากว่านี่เป็นคนจริงๆเธอก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ยังไงซะเธอก็ไม่คิดว่าทั้งสองเรื่องนี้จะเกิดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

นั่นก็เพราะว่าเธอนั้นชอบเจ้านี่มากๆและไม่คิดจะมอบให้ใครอื่นอย่างแน่นอน เธอตอบโทรศัพท์ออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันจะจำไว้ค่ะ”

หลังจากวางสายไป ซูจิ้งได้ทำการโทรหาเตียนจงยี่เพื่อบอกเล่าสถานการณ์ เมื่อเตียนจงยี่ได้ยินไปแล้วเขาก็ถึงกับนิ่งเงียบไปนานจนต้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “นี่ผลิตภัณฑ์ของคุณตอบสนองต่อความต้องการของเฟิงเย่เหม่ยได้อย่างนั้นหรือครับ เป็นไปได้ไง”

“ฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอกน่า นายรีบไปทำสัญญาซื้อขายกับเฟิงเย่เหม่ยให้เร็วที่สุดก็พอแล้วน่า”

ซูจิ้งขี้เกียจอธิบายเลยรีบตัดบทไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เตียนจงยี่ลดละความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้ไม่ เขารีบโทรไปหาฟูหมิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

ฟูหมิงเองได้เล่าออกมาด้วยความตื่นเต้นโดยละเอียดจนทำให้เตียนจงยี่อึ้งไปเลยทีเดียวจนเขาพูดออกมาลอยๆว่า “รูปร่าง ผิวสัมผัส อุณหภูมิร่างกาย ลมหายใจ และปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนกับมนุษย์อย่างนั้นเหรอ มีตุ๊กตายางแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอเนี่ย นี่ตอนนี้เทคโนโลยีด้านนี้ไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย”

“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเจ้าตุ๊กตานั่นตอบสนองเธอขนาดนั้นได้ยังไง ผมรู้แค่ว่าตอนนี้เธอชอบมันแบบสุดๆ” ฟูหมิงได้พูดออกมาจนทำให้เตียนจงยี่ถึงกับพูดไม่ออก ตอนนี้เขารู้สึกว่าความเป็นชายของเขานั้นถึงกับแปดเปื้อนไปในทันที

 

“อ้อ ยื่งไปกว่านั้นผมนั้นได้เพิ่มเพื่อนกับเพื่อนของคุณซูที่เราเจอเมื่อวันก่อนไว้ครับ คนที่ชื่อว่าเสี่ยวรุยน่ะ ผมเพิ่งจะเห็นข่าวว่าตอนนี้เขาสูงขึ้นอีกสองเซนติเมตรเพียงชั่วข้ามคืน เขานั้นโพสต์ข้อความแสดงความดีใจออกมาเลย ดูเหมือนว่ายาที่คุณซูให้เขาไปนั้นจะได้ผลจริงๆ แถมยังได้ผลเร็วซะด้วย” ฟูหมิงพูดออกมา

 

“…….” เตียนจงยี่ในตอนนี้นั้นยิ่งฟังก็ยิ่งพูดไม่ออก เข้ารู้อยู่แล้วว่าซูจิ้งนั้นเปรียบได้ดั่งองค์เทพเซียนจึงไม่อยากจะคิดอะไรมาอีกต่อไป

เขารู้เพียงว่าเขานั้นตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกจะติดตามซูจิ้ง ตอนนี้เขารีบโทรไปหาเฟิงเย่เหม่ยในทันทีเพื่อจัดการเรื่องที่ดิน

 

ซูจิ้งตอนนี้ที่อยู่ที่บ้านนั้นยังไม่ได้ทำกิจวัตรประจำวันของเขา เขาออกไปหาหมูจำนวนมากมาและทำการชุบเลี้ยงดอกบานเช้าต่อไป

หากเขานั้นอยากจะทำให้เจ้าดอกบานเช้านี้มีอายุให้ได้ร้อยปีไม่ก็พันปีให้ได้สักต้นหนึ่ง แต่ก็รู้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนั่นก็เพราะว่าวันนั้นเขาต้องใช้เวลาไปทั้งวันเพื่อที่จะให้ได้ดอกบานเช้าร่างมนุษย์มาสองต้น

ยิ่งกับดอกบานเช้าร่างมนุษย์ผู้หญิงนี่ยิ่งแล้วใหญ่เพราะเขานั้นต้องใช้เนื้อจำนวนมหาศาลไปยังชุบได้เพียงแค่อายุประมาณ 50-60 ปีเท่านั้นเอง

 

คืนนั้น ซูจิ้งได้รีบเข้านอนแต่หัวค่ำ เมื่อตอนตีสาม ฉิงหยุนก็ได้พูดด้วยเสียงลากยาวเชิงยอกเย้าว่า “ท่านเจ้าของงงงง ขยะห้วงเวลาฯกองใหม่มาแล้วค่า…..” ซูจิ้งได้ลุกขึ้นนั่งและรีบลงบันไดไปอย่างไว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด