Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1134

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 1134 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 1134 บทเพลงแห่งธรรมะ

หลังจากรู้แล้วว่าขยะห้วงเวลาฯกองนี้มาจากห้วงเวลาฯนิจนิรันด์ ซูจิ้งได้เข้าใจในทันทีว่าวิกฤตในครั้งนี้อันตรายเกินกว่าที่ผ่านมามากจนไม่รู้จะมากเท่าไหร่
หากพูดถึงวิธีการบ่มเพาะของห้วงเวลาฯนิจนิรันด์แล้วนั้นการฟื้นฟูของเจ้าเงาดำนั่นสมควรจะฟื้นฟูตัวเองได้เพียงแค่รอเวลาให้ผ่านไปเท่านั้น เมื่อเจ้านั่นฟื้นฟูสมบูรณ์แน่นอนว่าเหตุการณ์จะยิ่งเลวร้ายกว่านี้แบบสุดๆ
แต่ตอนนี้ต่อให้เขากังวลไปก็เท่านั้นแถมถ้ามัวแต่กังวลอาจคิดอ่านอะไรพลาดเอาได้ ยังไงเขาก็ยังคิดที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ตามแผนเดิม

โดยตอนนี้เขาต้องมุ่งไปที่สองอย่าง หนึ่งดูดซับพลังงานศักดิ์สิทธิ์และยกระดับเหรียญตราเทวฑูต
อีกหนึ่งคือหาวิธีอื่นในการต่อกรกับเงาดำนั่นให้ได้ก่อนที่เว่ยส่วนหยวนจะส่งสถานที่ที่เหมาะสมกับการแสดงของเขา เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงได้จัดการขยะห้วงเวลาฯต่อ

เพราะเขายังมีความหวังว่าจะพบเจอหนทางที่ช่วยเพิ่มแรงศรัทธาและความเคารพ ไม่ก็อาจจะเจออะไรดีๆที่ทำให้เขาต่อกรกับเหล่าผู้ไม่ตายก็ได้ ส่วนเรื่องที่เหลือก็คงจะเป็นอยากรู้จริงๆว่าจะได้อะไรดีๆในขยะกองนี้บ้าง

ซูจิ้งยังคงอ่านกระดาษที่เสี่ยวไป๋ซ่อมเสร็จต่อไปด้วยความคาดหวังที่ว่าจะได้อะไรดีๆเพิ่มเติม เพราะใจตอนนี้เขารู้แล้วว่าขยะฯกองนี้มาจากไหน และข้อมูลเหล่านั้นก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว
เขาได้ทำการอ่านกระดาษที่เสี่ยวไป๋ซ่อมไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านไปสักพัก อยู่ๆเขาก็ได้สะดุดการอ่านไปเฉยๆ นั่นก็เพราะเขาเหลือบไปเห็นเศษหนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่มีปก ในหน้าที่เขาเห็นเนื้อหานั้นเขียนไว้ด้วยตัวอักษรที่แปลกตาแต่พอจะอ่านตรงหัวหน้าได้ว่า “สำเนียงแห่งนิจนิรันด์”
เมื่อซูจิ้งลองตั้งใจอ่านดูก็พบตัวอักษรที่เขียนไหวว่า นันวูนารา, มาฮา, โบโด, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, สามา, ธรรมา, ธรรมา, ธรรมา, ธรรมา, ธรรมา, ธรรมา, ธรรมา, สามา, สามา, สามา, สามา
ซูจิ้งแทบจะกระอักเลือดออกมาในทันทีที่อ่านเพราะปรับสภาพไม่ทัน ตัวเขานั้นก็ว่าอ่านตำราทางศาสนาพุทธมาก็เยอะ แม้แต่บทสวดทางพระพุทธศาสนาไม่น้อยแต่ก็ยังพบกับความยากลำบากขนาดนี้
แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจอะไรนัก นั่นก็เพราะตำราพุทธนี้มาจากห้วงเวลาฯนิจนิรันด์ ห้วงเวลาฯนั้นมีศาสนาพุทธโดยมีราชาแห่งทิเบตเป็นอัครสาวก นอกจากนั้นยังมีพระพุทธเจ้ามากมายหลากหลายพระองค์สถิตอยู่

สถานะทางศาสนาพุทธของที่นั่นเรียกได้ว่าสูงสุดหยั่งเพราะศาสนาพุทธที่นั่นนั้นเป็นหนทางแห่งนิจนิรันด์หนทางหนึ่ง มีแม้กระทั่งเครื่องรางของขลังที่ทรงพลังจนเป็นที่เรื่องลือ
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะว่าที่นั่นนั้นเต็มไปผู้คนที่ศรัทธาในศาสนาพุทธอย่างหมดใจ มีแม้กระทั่งตำราทางพุทธศาสนาที่ล้ำลึกจนแม้แต่ตำราศาสนาพุทธที่เขาได้มาจากห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าฯยังห่างไกลนัก ไม่ต้องพูดถึงตำราพุทธบนโลกนี้เลย
“ลองอีกที” ซูจิ้งพูดจบจึงได้เปล่งเสียงตามบทสวดที่อยู่ตรงหน้า แต่แทบจะในทันทีเขาก็พบว่ามันยากมากที่จะเปล่งเสียงตามบทสวดนี้ได้

คำแต่ละคำนั้นแค่จะอ่านก็ยังยากเลย แทบไม่ต้องพูดถึงการเปล่งเสียงออกมา ต่อให้เขาสามารถเปล่งเสียงออกมาได้ต่อกันคำสองคำก็แทบจะกัดลิ้นในทันที ที่สำคัญที่สุดคือบทสวดนี้สูบพลังงานของร่างกายและจิตใจอย่างแรงกล้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ซูจิ้งพยายามเปล่งเสียงอยู่อีกสักพัก เขาก็รู้สึกได้ถึงร่องรอยแห่งความสงบ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพียงเพราะซูจิ้งพอจะเข้าใจถึงแก่นแท้แห่งพุทธอยู่ก่อนแล้ว แต่เป็นเพราะบทสวดพุทธเหล่านี้ไม่ใช่ธรรมดา

“น่าสนใจ” หัวใจของซูจิ้งสั่นไหวในทันทีและยังคงพยายามอย่างหนักที่จะเอ่ยบทสวดเหล่านี้ออกมา หลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดเขาก็สามารถเอ่ยบรรทัดแรกของ สำเนียงแห่งนิจนิรันด์ หลังจากความพยายามอยู่นานในที่สุดเขาก็เอ่ยคำเหล่านั้นได้หมดสิ้น ขณะเดียวกัน ในจิตสำนึกของซูจิ้งก็ได้ปรากฎท่วงทำนองที่ทำให้ความรู้สึกไพเราะ และเสียงที่เพราะพริ้งขึ้นมา
“นี่ สมควรเป็นบทเพลงแห่งพุทธ….น่าจะปรับใช้กับกู่จิ้งได้อยู่นะ หากว่าฉันเพิ่มพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปด้วยพร้อมทั้งใช้เม็ดพระธาตุที่ได้มาจากห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่านั่นล่ะก็ แทบจะนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าบทเพลงนี้จะทรงพลังแค่ไหนกัน”
หลังจากผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุด ซูจิ้งก็สามารถผสมผสานทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาตั้งใจจะใช้ได้อย่างสมบูรณ์ บทเพลงแฝงเอาไว้ด้วยสำเนียงแห่งความสงบอย่างสมบูรณ์แบบ และนี่เองก็ทำให้สัมผัสของเขาที่มีต่อความสงบยกระดับขึ้นแล้ว และด้วยเม็ดพระธาตุยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลลัพท์ว่าจะทรงพลังแค่ไหน

ด้วยการที่บทเพลงนี้ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ซูจิ้งจึงทดลองเล่นเพลงนี้ให้สัตว์เลี้ยงของเขาฟัง ตามมาด้วยคนในหมู่บ้าน ผลที่ออกมานั้นช่างน่ามหัศจรรย์ ทุกสิ่งมีชีวิตที่ได้ฟังนั้นราวกับเป็นผู้ตื่นรู้ แม้แต่วิดีโอที่ซูจิ้งได้ลองอัดและส่งให้จูเจียนฮัวก็ยังได้ผล ถึงแม้ผลจะด้อยลงแต่ก็ยังได้ผลมากอยู่ดี
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าหากว่าได้ฟังบทเพลงนี้ต่อหน้าซูจิ้ง คนเหล่านั้นจะได้รับผลจากเม็ดพระธาตุทำให้ซึมซับความสงบที่แฝงอยู่ในบทเพลงนี้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้เลยที่จะส่งผ่านผลจากพระธาตุนี้ผ่านวิดีโอ ต่อให้เป็นการสตรีมก็ตามก็ยังไม่สามารถทำได้ นี่จึงทำให้เหล่าผู้คนที่ไม่ได้สนใจในด้านนี้ยากที่จะซึมซับความสงบได้เหมือนกัน

“ฉิงหยุน ถ้าฉันใช้ความสงบแห่งพุทธเพื่อทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาแบบนี้มันถือว่าไม่ใช่การสะกดจิตหรือส่งผลลดอัตราการเพิ่มของค่าการใช้ประโยชน์ใช่รึเปล่า” ซูจิ้งถามออกมา
“ไม่นับค่ะ” ฉิงหยุนตอบออกมา
“เยี่ยม” ในตอนนี้สิ่งซูจิ้งกำลังอยู่นั้นก็คือทำยังไงเขาถึงจะแพร่กระจายบทเพลงนี้ออกไปให้ได้รับความนิยม ที่ผ่านมานั้นเขาได้ใช้ตำราทางพุทธและพระพุทธรูปมากมายที่เขาได้รับมาจากห้วงเวลาฯเทพตะวันตกในการสร้างค่าการใช้ประโยชน์มามากมาย รวมถึงยกระดับจิตวิญญาณของตัวเอง
ด้วยบทเพลงแห่งพุทธนี้แน่นอนว่าย่อมจะสร้างค่าการใช้ประโยชน์มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย รวมถึงพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เขาจะได้รับมากมายอย่างแน่นอน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขานั้นต้องการมากที่สุดในตอนนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ซูจิ้ง ยังคิดต่างอีกมุมหนึ่ง เขาคิดว่าบทเพลงแห่งพุทธนี้ควรจะส่งผลต่อเหล่าผู้ไม่ตายอย่างแน่นอน หากว่าบทเพลงนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจริงล่ะก็ ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าเงาดำนั่นจะทนได้รีเปล่านะ
“เพียงบทเพลงเดียวคงไม่พอสินะ งั้นเรียนมันทั้งเล่มนี่แหล่ะ” ซูจิ้งคิดก่อนที่จะเริ่มเรียนรู้บทเพลงแห่งพุทธบทอื่น กว่าเขาจะเรียนรู้ได้หมดก็หมดเวลาไปเกือบค่อนวันเลยทีเดียว

“โอ้…. ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดนี่มันน่าจะเป็นชุดนักบวชนี่นา” ตอนแรกที่เห็นขยะฯกองผ้า ซูจิ้ง
นั้นไม่ได้สนใจมากนัก แต่ในตอนนี้เขาเริ่มมีความคิดที่จะใช้ประโยชน์ด้วยการเอามาเป็นชุดล่ะ
ซูจิ้งได้ทำการคุ้ยขยะกองผ้าอยู่พักใหญ่ เขาพบชุดของนักบวชทั้งชุด ชุดนักบวชที่มีลวดลาย และในที่สุดเขาก็คุ้ยจนหมด
ในตอนนี้ซูจิ้งมีสีตาเป็นประกาย เขารู้สึกถูกใจชุดนักบวชที่มีลวดลายเป็นพิเศษ ชุดนี้สมควรจะเป็นชุดของผู้เชี่ยวชาญจากศาสนาพุทธ และเจ้าชุดนี้เองก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความสงบด้วยเหมือนกัน
ซูจิ้งได้ให้เสี่ยวไป๋ซ่อมแซมชุดนักบวชที่มีลวดลายนี้ เมื่อซ่อมเสร็จ เขาก็ได้นำมันไปซักและสวมมันลงบนร่างกาย แน่นอนว่าเขานั้นไม่ได้โกนหัวแต่อย่างใด ราวกับว่าเขาในตอนนี้เป็นนักบวชฝึกหัดเท่านั้น

ในตอนนี้เป็นเวลามืดแล้ว ประมาณสักสองทุ่มเห็นจะได้ ซูจิ้งได้ทำการโพสต์ข้อความลงบนไมโครบลอก ตามด้วยช่องสตรีมของเขา และเตรียมที่จะทำการสตรีม
เหตุผลที่เขาเลือกที่จะสตรีมนั้นเป็นเพราะวิธีการนี้เร็วที่สุด อย่างที่สอง ผู้บริหารของช่องชาร์คทีวีเป็นผู้ศรัทธาในตัวของเขา ทันทีที่เขาสตรีม หมอนั่นจะผลักช่องของเขาขึ้นเป็นช่องแรกที่เว็บไซต์นำเสนอ อย่างที่สาม เขาเคยใช้วิธีการนี้มาแล้ว แน่นอนว่าแฟนคลับของเขาย่อมให้ความสนใจ
แน่นอนว่าในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นวิธีการไหนล้วนแล้วแต่ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้ก็คือทำให้ผู้คนศรัทธาในตัวเขา และด้วยบทเพลงแห่งพุทธนี้ ซูจิ้งเชื่อว่าความต้องการเหล่านั้นล้วนไม่ห่างไกล และอีกไม่นาน เขา ไม่จำเป็นต้องเล่นผ่านสตรีมอีกต่อไป

อย่างที่คาด ไมโครบลอกของซูจิ้งได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว
“ว้าวววว พี่จิ้งจะสตรีมอีกแล้ว”
“น่าประใจจริงๆ น่าประหลาดใจสุดๆ”
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะสตรีมเร็วขนาดนี้เลยนะ”
“เป็นไปได้ยังไงกัน ไม่ใช่ว่าพี่จิ้งพึ่งจะจัดคอนเสริตขอบคุณแฟนคลับไปไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกันแหะ อยากรู้จริงๆว่าคราวนี้พี่จิ้งจะทำอะไร เล่นกู่จิ้งเหรอ หรือจะเล่นเอ็กซตรีมอีก”
“ไม่ว่ายังไงก็เถอะ ตอนนี้พี่จิ้งสตรีมแล้วก็ไปดูกันดีกว่า”
“ไปไปไปไป”

แฟนคลับของซูจิ้งในเว่ยป๋อเองและแฟนคลับทุกคนที่รู่ข่าวต่างก็เข้าไปดูช่องสตรีมของซูจิ้งอย่างรวดเร็ว
แม้แต่คนที่ไม่ใช่แฟนคลับแต่รู้ข่าวก็รีบเข้าไปดูด้วยเช่นเดียวกัน แต่ในทันทีที่ทุกคนเห็นชุดของซูจิ้ง ทุกคนอดที่จะมึนงงในทันทีไม่ได้เหมือนกัน นี่มันอะไรกันเนี่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด