Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 980

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 980 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 980 นายเห็นฉันเป็นศัตรู แต่ฉันเห็นนายเป็นเพียง…

ซูจิ้งยังรับฟังด้วยใบหน้าอันสงบนิ่งและเงียบงันจนกระทั่งฉิวจิงพูดจบลง แน่นอนว่าเขานั้นรู้เรื่องที่ฉิวจิงก่อเอาไว้ในไมโครบลอกอย่างดี
ต่อให้เขาไม่รู้เรื่องมาก่อนแต่เขาก็สามารถอ่านจากออร่าที่หมอนี่ปล่อยออกมาด้วยกระแสจิตของเขา คนแบบนี้มีหรือจะสามารถหลอกลวงซูจิ้งได้
อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งขี้เกียจจะตอบรับคำพูดอันไรค่าของฉิวจิงจึงได้ถามออกมาว่า “ที่พูดออกมาทั้งหมดนี่นายต้องการอะไรล่ะ”

ฉิวจิงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันหวังว่านายจะลืมเรื่องที่ฉันทำลงไป ยังไงซะมันก็เป็นเพียงเรื่องราวเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่เป็นหมอด้วยกัน เราควรที่จะละทิ้งเรื่องส่วนตัวแล้วทำการรักษาผู้คน”
ซูจิ้งยังถามต่อว่า “แล้วไง”

“คนนี้คือภรรยาของฉัน เธอถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะมีบุตรยากมากว่าสองปีแล้ว ฉันได้ยินเรื่องราวของนาย ซูจิ้ง นายสามารถรักษาหญิงวัยกลางคนที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยากมากว่าสิบปีได้ นายพอที่จะรักษาภรรยาของฉันได้รึเปล่า” ฉิวจิงพูดออกมา
“ก็ควรจะได้ล่ะนะ” ซูจิ้งพยักหน้ารับ

“เยี่ยม ขอบคุณค่ะคุณหมอซู” เมิ่งเซียงพูดออกมาพลางกระโดดไปมาด้วยความดีใจ นี่ทำให้สายตาของฉิวจิงสว่างจ้าออกมาในทันที
“อย่างไรก็ตาม ก่อนการรักษาก็คงจะต้องเสียค่ารักษาก่อน สำหรับค่ารักษาภาวะการมีบุตรยากนี้มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่สิบล้าน” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างเรียบง่าย
“นี่…” ฉิวจิงและเมิ่งเซียงที่ได้ยินดังนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปแบบกลับตาลปัตในทันที ฉิวจิงได้พูดออกมาอย่างร้อนรนว่า “ซูจิ้ง นี่…มันแพงเกินไป”

“หญิงวัยกลางคนคนนั้นฉันเองก็คิดค่ารักษาไปที่สิบล้านหยวน นี่คือราคามาตรฐานแล้ว” ซูจิ้งตอบออกมา
“ซูจิ้ง ในฐานะที่เราเรียนมาด้วยกันฉันขอพูดตรงๆนะว่าฉันเองก็มีเงินเพียงแค่หนึ่งล้านหยวนเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าหมออย่างเราจะมีหน้าที่ในการรักษาผู้ป่วยจนกว่าจะตายไปหรอกเหรอ แถมนี่ยังส่อไปในทางผิดกฎเกี่ยวกับการเก็บค่ารักษาอีกนะที่ว่าห้ามเก็บค่ารักษาแพงเกินไป” ฉิวจิงพูดออกมา

“หืมมม นี่เรารู้จักกันดีขนาดนั้นเลยเหรอ ได้ถ้านายว่าอย่างนั้นก็เอาเรื่องนั้นไปหักล้มกับเรื่องที่นายก่อเอาไว้ในไมโครบลอกนั่นไปก็แล้วกัน ต่อจากนี้เราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ฉันจะทำเป็นลืมๆเรื่องนั้นไปก็ได้
แต่การที่นายจะมาขอลดค่ารักษาเก้าล้านหยวนเพียงเพราะคำพูดของนาย แถมยังยกเรื่องกฎหมายมาขู่ฉันอีกอ่ะนะ” ซูจิ้งได้หัวเราะออกมาราวกับสิ่งที่ฉิวจิงพูดออกมาเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดที่เคยได้ยินมา

“หมอซู…”เมิ่งเซียงเองก็อยากจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่เมื่อเธอได้เห็นใบหน้าอันเย็นชาของซูจิ้งทำให้เธอนั้นจะสามารถพูดอะไรออกมาได้
ในตอนนี้เธอนั้นอยากจะตบหน้าฉิวจิงรัวๆ หากไม่ใช่ว่าเป็นเพราะฉิวจิงไปก่อปัญหากับซูจิ้งไว้เขาก็คงจะไว้หน้าฉิวจิงอยู่บ้าง แต่ก็อีกน่ะแหล่ะ เท่าที่เธอฟังๆดูก็บอกได้เลยว่าต่อให้เป็นช่วงมหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายอย่างแน่นอน

“ติงน้อย” เมิ่งเซียงได้หันไปยังมู่ติงแล้วเรียกชื่อออกมาสื่อให้เห็นว่าเธออยากให้มู่ติงช่วยพูดเรื่องนี้จริงๆ
“เฮ้อออ..” มู่ติงทำได้เพียงถอนหายใจแล้วส่ายหน้าออกมา ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะช่วยแต่เธอเองก็รู้ดีว่าเมื่อเห็นท่าทางของซูจิ้งในตอนนี้แล้วไม่มีทางที่เธอจะทำอะไรได้อีกต่อไป

นอกซะจากว่ามีคนสำคัญของซูจิ้งออกมาพูดจริงๆล่ะก็ ไม่มีทางเลยที่จะทำให้ซูจิ้งเปลี่ยนใจได้ นี่คือสิ่งที่เธอเรียนรู้มาในระหว่างที่หวังหยานและซูจิ้งได้คบหากันอยู่
และอีกหนึ่งที่เธอได้เรียนรู้มาก็คือซูจิ้งนั้นเป็นคนประเภทเจ็บแล้วจำ ต่อให้ตอนนี้ซูจิ้งและหวังหยานจะปล่อยวางเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วได้จริง
แต่หากเธอต้องการให้ทั้งสองกลับมาคบกันอีกนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่าซูจิ้งนั้นยังคำจำเรื่องที่เกิดขึ้นไว้ได้ฟังใจยิ่งนัก

หากว่าก่อนหน้านี้ฉิวจิงขอโทษออกมาอย่างจริงใจแบบสุดๆ เขาก็ยังคงพอจะมีโอกาสรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้
แต่ในเมื่อหมอนี้ยังกล้าแสดงออกมาแถมยังพูดออกมาด้วยคำพูดสวยหรูขนาดนี้ นี่ก็เท่ากับว่าหมอนี้ตัดโอกาสสุดท้ายในชีวิตนี้ไปแล้ว
“ซูจิ้ง อย่าแกล้งกันให้มันมากนัก” ฉิวจิงพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขามาที่นี่เพื่อจะขอร้องแต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ไว้หน้ากันก็ไม่มีอะไรต้องเสแสร้งแล้ว “ถ้าแกไม่วางฐิทิลงแล้วรักษาภรรยาของฉันล่ะก็ ฉันจะเล่นงานแก”
“งั้นก็เชิญเลย” ซูจิ้งพูดออกมาพลางหัวเราะลั่น
“อย่าคิดว่าฉันทำไม่ได้นะ ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้งรักษาภรรยาของฉันเดี๋ยวนี้ หรือจะให้ฉันเล่นงานแกคืนด้วยเรื่องที่แกเก็บค่ารักษาแบบมั่วๆ”ฉิวจิงยังพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ด้วยเสียงดังลั่น
“แล้วฉันจะรอนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแสนอำมหิต
“ไปเถอะ” มู่ติงได้ส่งสายตาไปยังเมิ่งเซียง

“หยุดพูดแล้วไปได้แล้ว” เมิ่งเซียงเมื่อเห็นท่าทางของมู่ติงก็รู้ในทันที เธอได้ดึงฉิวจิงออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนมาที่นี่มู่ติงได้บอกเธอให้เตรียมใจไว้แล้วเหมือนกัน
ต้องอย่าลืมว่าซูจิ้งนั้นมีเบื้องหลังยากสุดหยั่งถึง ต่อให้ซูจิ้งไม่รักษาแต่ยังไงเธอก็ต้องทำให้ฉิวจิงขอโทษอย่างจริงใจให้ได้
หากจับพลัดจับผลูขึ้นมาซูจิ้งอยากจะเล่นงานฉิวจิงขึ้นมามีหรือที่คนอย่างฉิวจิงจะทำอะไรได้ เอาเข้าจริงๆแล้วเขาสามารถเล่นงานฉิวจิงได้ด้วยเพียงนิ้วๆเดียวของเขาด้วยซ้ำไป
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยชื่อเสียงในฐานะหมอเทวดาในขณะนี้ เกรงว่าต่อให้ไม่มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเขา เขาก็สามารถจัดการฉิวจิงได้ชนิดที่ว่าไม่สามารถอยู่ในวงการนี้ได้อีกต่อไปได้เลย
กลายเป็นว่าฉิวจิงกลับทำตัวงามหน้า ไม่เพียงจะไม่ขอโทษอย่างจริงใจ ยังขมขู่ว่าหากไม่รักษาเมิ่งเซียงจะเล่นงานซูจิ้งอีก นี่หมอนี่ไม่เข้าใจจริงๆเหรอว่าตัวเองก่อเรื่องไว้มากมายแล้วยังมีหน้าไปข่มขู่ซูจิ้งอีกเนี่ยนะ

ฉิวจิงนั้นอยากจะเล่นงานซูจิ้งตั้งแต่ตอนที่อยู่ในคลินิกพิเศษแล้วแต่ถูกมู่ติงและเมิ่งเซียงลากออกมาซะก่อน
ทั้งสองคนนั้นรู้ดีว่าซูจิ้งนั้นไม่ใช่คนที่จะทำอะไรได้ แต่เมื่อเห็นท่าทางของซูจิ้งนั้นทำให้ทั้งสองเองก็ไม่รู้ว่าซูจิ้งนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่
ไม่รู้ว่าเขานั้นไม่ใส่ใจหรือเป็นเพราะว่าที่นั่นเป็นโรงพยาบาลแล้วไม่อยากจะทำเรื่องไม่ดีออกมากันแน่

หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลกังเฟิงแล้ว ทั้งเมิ่งเซียงและมู่ติงต่างก็พยายามพูดเพื่อให้ฉิวจิงสงบสติอารมณ์ลง
แต่ทั้งสองไม่คิดว่านอกจากฉิวจิงจะไม่ยอมฟังแล้ว เขานั้นได้เปิดไมโครบลอกของตัวและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเสริมแต่งเรื่องราวเข้าข้างตัวเอง
เขาได้กล่าวโทษว่าซูจิ้งนั้นคิดค่ารักษาตามใจตัวเอง ใช้ความแค้นส่วนตัวโคกสับราคา และยังคิดราคาชนิดที่ว่าหน้าเลือดเสียอีก
และยังทิ้งท้ายไว้ว่าคนไข้ทั้งหลายอย่าได้มองซูจิ้งเพียงแค่เปลือกนอกเป็นอันขาด ซูจิ้งนั้นเป็นคนจอมปลอมและไม่เหมาะสมกับความเป็นหมอเลยสักนิด
ไมโครบลอกของฉิวจิงนั้นเป็นที่เชื่อถือและได้รับความนิยมจากผู้คนจำนวนมากในฐานะที่เป็นหมอที่เก่งคนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าซูจิ้งนั้นจะมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างมากมาย แต่ก็ดั่งคำกล่าวที่ว่าต้นไม้ยิ่งปีนสูงยิ่งลมพัดแรง เขานั้นได้ทำให้ผู้คนมากมายริษยาและไม่พอใจ

ด้วยการที่คลินิกพิเศษนั้นเก็บค่ารักษาได้แพงมากจนผู้คนต่างก็อิจฉา และนี่เองจะกลายเป็นจุดอ่อนของคลีนิกพิเศษแห่งนี้ และนี่เองยังเป็นเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่
สำหรับคนที่เห็นด้วยกับซูจิ้งนั้น การกระทำของซูจิ้งเป็นการปล้นคนรวยเพื่อมาช่วยคนจน แต่สำหรับคนที่อิจฉาซูจิ้งนั้นมันคือการขูดเลือดขูดเนื้อผู้คน
ก่อนหน้านี้ด้วยชื่อเสียงของซูจิ้งที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เสียงของคนที่อิจฉาเหล่านี้ได้แต่เงียบลงไปเท่านั้น
แต่ด้วยการชี้นำของฉิวจิง ทำให้พวกเขาสามารถร่วมมือกันได้อีกครั้ง
ด้วยเสียงของเหล่าผู้อิจฉาเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนมากมายและคราวนี้รุนแรงอย่างมากชนิดที่ว่าก่อให้เกิดผลกับวงการแพทย์ได้เลย
บางคนที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เองก็มีอาการป่วยและรวยมาก รวยชนิดที่ว่าต่อให้ต้องไปรักษาโรคเดียวกันในคลีนิคของซูจิ้งร้อยรอบก็ยังจ่ายไหว แต่คนพวกนี้ตระหนี่ที่จะจ่ายก็เท่านั้นและเลือกที่จะออกมาก่อปัญหาแบบนี้เพียงเพราะหวังแค่ว่าซูจิ้งจะลดค่ารักษาลงเพียงเท่านั้น
“เขาบ้าไปแล้ว ทำไมเขาถึงอยากจะหาเรื่องซูจิ้งนักนะ”

เมิ่งเซียงที่เห็นข่าวนี้ทำได้เพียงพูดออกมาอย่างเร่งรีบ
“ไอ๊หยา….” มู่ติงที่เห็นข่าวก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมายาวๆ
เธอเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของฉิวจิงอยู่บ้างว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ฉิวจิงนั้นเป็นคนหยิ่งยโส ตัวเขาคิดว่าตัวเองนั้นคือที่สุดในวงการแพทย์และซูจิ้งนั้นเป็นเพียงตัวตลกของวงการเท่านั้น
แต่ผลสุดท้ายกลายเป็นว่าซูจิ้งนั้นกลับกลายเป็นหมอเทวดาและตัวฉิวจิงเองที่กลายเป็นตัวตลก นี่จึงทำให้เขานั้นรับไม่ได้อย่างมาก
ไหนจะการที่ต้องลดทิฐฐิตัวเองไปขอร้องซูจิ้งนั่นอีก แต่ในเมื่อตัวเขาเองนั้นไม่สามารถละทิ้งทิฐฐิไปได้
การไปขอร้องด้วยสภาพนั้นก็ไม่ต่างจากการล้างหน้าด้วยน้ำไม้ถูพื้นที่เย็นจัด นอกจากล้างไม่สะอาดแล้วยังสกปรกยิ่งกว่าเดิม

แถมนี่ยังทำให้โอกาสรักษาเมิ่งเซียงหายไปอย่างไม่จะเป็น ด้วยการที่ต้องฝืนใจไปขอร้องซูจิ้งเพราะไม่ต้องการหย่าขาดจากภรรยา ถึงขั้นข่มขู่ซูจิ้งให้รักษาแบบนี้ มันก็เปรียบได้ดั่งเอาไข่ไปกระทบหินชัดๆ
แต่ความกังวลของมู่ติงและเมิ่งเซียงอาจจะเสียแรงเหล่าก็ได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าซูจิ้งไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ฉิวจิงโพสต์ว่าร้ายเขาในไมโครบลอกแม้แต่น้อย เขาไม่สนใจเรื่องเสียงทัดทานจากคนที่ออกมาโวยวายเรื่องการเก็บค่ารักษาของเขาเลยแม้แต่น้อย

ราวกับว่าซูจิ้งไม่ได้คิดว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลอะไรต่อเขาเลยแม้แต่น้อย หากว่าฉิวจิงมองเขาเป็นศัตรู ตัวเขากับมองฉิวจิงเป็นเพียงแต่มดปลวกเท่านั้น หากว่าเขานั้นต้องไปใส่ใจทุกการกระทำของฉิวจิงก็เหมือนกับว่าเขาได้ให้ค่ากับคนเหล่านั้นและลดค่าของตัวเขาเอง
ยิ่งไปกว่านั้น คลีนิกพิเศษของเขานั้นไม่เหมือนกับคลีนิกพิเศษทั่วไปที่เป็นคลีนิกรักษาเฉพาะทาง
คลีนิกของเขาเปิดไว้สำหรับคนที่ต้องการการรักษาแบบพิเศษจริงๆที่เอาไว้ใช้ต่อการกับโรคร้ายด้วยความรู้การแพทย์จากตำรารักษาโรคทั่วไปที่ได้มาจากขยะห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าฯ
การรักษาโรคที่ผ่านมาสำหรับเขานั้นก็เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มๆเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด