Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 744

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 744 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ช่างแกะสลัก

 

“พระเจ้า นี่คืองานแกะสลักหินจริงๆหรอ”

 

“ทำไมมันดูเหมือนมีชีวิตขนาดนี้ คุณเห็นรูขุมขนนี่รึเปล่า”

 

“ดูที่ชุดสิ มีความละเอียดถึงลายผ้า แม้แต่ตะเข็บชุดก็ยังมี”

 

ทุกคนต่างตกตะลึงกันไปหมด สมบัติชิ้นแรกที่ซูจิ้งนำมาแสดงเป็นรูปแกะสลักหินที่เป็นรูปผู้หญิง

ใบหน้าของเธอช่างดูละเอียดและงดงาม เส้นผมยาวของเธอดูปลิวไสวทั้งๆที่เป็นหิน

รูปทรงของเธอนั้นเป็นคนตัวสูง สูงประมาณหนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร

ชุดที่แกะออกมาดูเข้ารูปและขนาดพอดีตัว จากลวดลายบอกได้ว่าเป็นชุดเกราะอ่อนที่มีลวดลายแปลกๆ

 

และส่วนหน้าอกเองก็แกะได้ดูสมจริง มีล่องลึกเหมือนเป็นหน้าอกจริงๆ ช่วงล่างก็เช่นเดียวกัน

เธอใส่กางเกงขาสั้นแสดงให้เห็นส่วนผิวที่จินตนาการได้เลยว่าถ้าเป็นคนจริงต้องผิวขาวมากแน่ๆ

และที่ขาขวาก็มีหินที่แกะสลักออกมาเป็นรูปมีดสั้นที่เหน็บไว้ในกระเป๋าที่น่อง

 

รูปปั้นหินที่ดูมีชีวิตราวกับของจริงที่มีรายละเอียดไปจนถึงรูขุมขน เส้นผม ลายผ้าเองก็ดูสมจริงถ้าบอกว่าเป็นคนจริงก็ไม่มีใครแปลกใจเลยสักนิด

แม้แต่ผู้ชายเองที่ได้เห็นก็บอกได้เลยว่ามืออยู่ไม่สุกกันซักคน

นั่นก็เพราะว่ารูปแกะสลักหินที่ดูมีชีวิตนี้แกะออกมาเป็นสาวสวยที่ดูน่าหลงไหลประหนึ่งดังมีสาวสวยตัวเป็นๆมายืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา

พวกเขาอดไม่ได้เลยที่จะใจหวั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้จนอยากจะครอบครองเอาไว้เพียงคนเดียว

 

งานแกะสลักไม้ไผ่ของเต๋าฉินจูที่แสดงออกมานี้ก็คิดว่าสุดยอดแล้ว แต่เมื่อมาเทียบกับงานแกะสลักหินชิ้นนี้บอกได้เลยว่าเทียบได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่เต๋าฉินจูก็ยังตื่นเต้น

บอกได้เลยว่าสำหรับศิลปินนักแกะสลักแล้วงานแกะสลักหินชิ้นนี้ถือได้ว่าทำให้ตกตะลึงได้อย่างง่ายดาย

เต๋าฉินจูถึงกับนำเอาแว่นขยายออกมาส่องใกล้ สิ่งที่เขาเจอนั้นทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม เขาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “พระเจ้า เป็นไปได้ยังไง จะมหัศจรรย์เกินไปแล้ว คุณซูใครกันที่เป็นแกะสลักงานหินชิ้นนี้”

 

ไม่ใช่แค่เต๋าฉินจูเท่านั้นที่อยากรู้ คนอื่นๆเองก็อยากรู้เช่นเดียวกันว่าใครที่มีฝีมือดีจนแกะสลักงานหินออกมาได้อย่างละเอียดละออ และสวยงามขนาดนี้

สำหรับคนที่มางานนี้ พวกเขาต่างก็เคยเห็นงานแกะสลักหินชั้นเลิศมามากมายนับไม่ถ้วน แต่นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นงานแกะสลักที่ดูดีราวกับมีชีวิตเช่นนี้

เทียบกับงานที่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตบอกได้เลยว่าไม่มีค่าอะไรเลย เพราะจะงานแกะสลักหินชิ้นนี้จะต้องใช้เทคนิคหรือเทคโนโลยีระดับสูงชนิดที่ไม่มีใครคาดได้อย่างแน่นอน

 

พอนึกถึงเหล่างานแกะสลักหินที่ขายกันตามท้องตลาดนั้นมีราคาสูงริบริ่วแล้วทั้งๆที่พวกนั้นไม่ได้ดูดีมีชีวิตชีวาขนาดนี้

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่างานแกะสลักหินชิ้นนี้จะราคาเท่าไหร่

งานแกะสลักหินเหล่านั้นเป็นงานศิลปะที่ศิลปินพยายามสื่อสารออกมาและก็น่าจดจำอยู่ไม่น้อยอย่าง “หัวแบนใหญ่” และ “หัวเรียวเล็ก” ออลเบอร์โต เกียโคเมทติ หรืออย่างงานหมาบัลลูนของเจฟคูน

พอนึกถึงงานพวกนั้นที่คนทั่วไปต่างชื่นชอบกันอยางเป็นบ้าเป็นหลัง แต่สำหรับคนที่ไม่เข้าใจพวกเขาก็จะมองดูอย่างขยาด แต่ก็ยังถือได้ว่าเป็นศิลปินที่เป็นที่นิยมจนมีคนยอมจ่ายเงินเป็นพันเป็นหมื่นเพื่อได้เห็น

แต่งานพวกนั้นก็ยังห่างไกลจากคำว่าดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก

นั่นก็เพราะว่าถ้าเขาทำออกมาเป็นคนจริงๆหรือสิ่งของเลียนแบบของจริง ราคาที่ได้ก็จะตกจนแทบไม่คุ้มค่าเหนื่อย เพราะเหล่าผู้มาชมต่างก็คิดกันว่าของแค่นั้นทำเองก็ได้อยู่แล้ว

 

แต่เมื่อเอามาเทียบกับงานศิลป์ที่เน้นการทำให้เหมือนจริงแล้ว แนวคิดที่ใช้บอกได้เลยว่าเป็นงานที่ต่างชั้นคนละระดับไปเลย งานแกะสลักหินที่อยู่หน้าของทุกคนในตอนนี้บอกได้เลยว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับพวกเขา ไม่สิต้องบอกว่าช่างฝีมือที่แกะสลักงานหินนี้น่าจะมีฝีมือดีในระดับโลกเลยก็ว่าได้ พวกเขาจึงอยากรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของศิลปินผู้นี้เพื่อเอาไว้ติดตามผลงานต่อไปอีกในอนาคต

 

“ต้องขอโทษจริงๆครับ ช่างแกะสลักหินผู้นี้ไม่ประสงค์จะออกนามจริง” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้ม

 

เต๋าฉินจูถึงกับต้องถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “ทำไมล่ะ ด้วยเทคนิคการแกะสลักหินระดับน่ามหัศจรรย์ขนาดนี้น่ะนะไม่อยากเผยนาม งานละเอียดระดับนี้คงใช้เวลานานสินะกว่าจะสร้างได้ ใครกันล่ะ

เจียงจิเซียงั้นหรอเจ้าปรมาจารย์งานแกะสลักคนนั้น ไม่สิไม่น่าใช่ งานของหมอนั่นถึงจะสมบูรณ์แบบก็จริงแต่ไม่มีทางละเอียดละออได้ถึงขนาดนี้ งั้น”

ในขณะที่ยิ่งคำถามออกมาซักพักหนึ่ง เต๋าฉินจูนึกถึงชื่อศิลปินต่างๆที่อยู่ในหัวอย่างบ้าคลั่ง

และทุกชื่อที่เขาคิดออกต่างก็มีข้อดีข้อเสียในฝีมือแต่ละคนจนบอกได้เลยว่าคนที่แกะสลักงานนี้ไม่ใช่คนที่เขารู้จักแน่นอน

งานระดับนี้บอกได้เลยว่าต้องเป็นฟ้าประทานมาอย่างเดียวเท่านั้น

 

หลิวฉิงเองก็เข้าไปเหน็บแนมหนุ่มหล่อด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นไง นี่แหล่ะสมบัติของจริง ของที่นายเอามาก็แค่ของเล่นล่ะนะ”

หนุ่มหล่อถึงกับพูดไม่ออก นี่เขาเล่นเอามาเทียบกันอย่างนี้เลยหรอ อย่างนี้แกล้งกันชัดๆ ยิ่งไปกว่านั้นของชิ้นนี้ยังไม่ได้มาจากหลิวฉิงซะด้วยซ้ำ นี่เขาก็ยังจะกล้ามาข่ม ยังไงซะเขาเองก็กลัวว่าหลิวฉิงจะก่อปัญหากับเขาอีก เขาแค่ต้องพยายามเปรียบเทียบพระพุทธรูปแกะสลักหินของเขากับงานแกะสลักของซูจิ้งเท่านั้น เขาต้องไม่สนใจหลิวฉิง

 

ช่ายวัยกลางคนหัวล้านเข้ามาถามซูจิ้งว่า “คุณซู งานชิ้นนี้ขายรึเปล่าครับ ผมยินดีจ่ายด้วยเงินหนึ่งแสนหยวนเลย”

 

ชายวัยกลางคนอีกคนพูดออกมาว่า “ผมยอมจ่ายหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนเลย”

 

ชายหนุมคนหนึ่งพูดว่า “ล้อเล่นรึเปล่า ผมให้หนึ่งล้าน”

 

ผู้คนมากมายต่างพยายามเสนอราคาจนตอนนี้ราคาพุ่งสูงไปอยู่ที่สามล้านหยวนแล้วเพียงการเสนอราคาต่อจากเมื่อกี้อีกไม่กี่ครั้งเท่านั้น

หน้าตาของทุกคนในตอนนี้แดงจนถึงหูไปแล้ว เหมือนทุกคนกำลังต่อสู้กันจริงๆเพื่อแย่งชิงหญิงามก็ว่าได้

 

ชายวัยกลางคนลงพุงคนหนึ่งยกมือก่อนตะโกนออกมาว่า “ผมให้สิบล้าน”

 

ณ ตอนนั้นทุกคนที่แข่งกันเมื่อกี้ต่างเงียบเสียงลง พวกเขาหยุดแล้วหันไปมองอย่างนิ่งเงียบในราคาที่ชายคนนั้นเสนอ

 

หญิงวับกลางคนคนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันเสนอที่ 15 ล้าน” ดูเหมือนภูมิหลังของผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ก่อนหน้านี้ซูจิ้งแอบเห็นว่าไคจิ้งไปอยู่ข้างๆเธอ พร้อมทั้งช่วยเธอแต่งหน้าด้วย

 

ชายวัยกลางคนลงพุงหันมามองแวบหนึ่งก่อนจะยกมือแล้วพูดว่า “ผมเสนอ 18 ล้าน”

 

ตอนนี้จากเสียงดังเซ็งแซ่แข่งกันเสนอราคากันอย่างอื้ออึงในตอนนี้เสียงเหล่านั้นกับเงียบลง ประหนึ่งเหมือนเหล่าเซียนที่สื่อสารกันโดยไม่ต้องพูด แต่ก็ยังเหลือเพียงเสียงของคนสองคนที่เสนอราคาแข่งกัน

ก่อนที่จะรู้ผลแพ้ชนะ ซูจิ้งได้เข้ามาห้ามทัพโดยพูดว่า “ที่นี่ไม่ใช่โรงประมูลนะครับ อย่ามาปล้นของผมไปเลยนะ

แล้วก็อีกอย่างงานแกะสลักหินชิ้นนี้ไม่ได้นำมาขายครับ ผมแค่นำมาแสดงให้ชมกันเพียงเท่านั้น

ถ้าผมอยากจะขายจริงๆผมคงเอาไปออกงานประมูลที่โรงประมูลของผมแล้ว ถ้าพวกคุณอยากจะซื้อจริงก็เอาไว้รอข่าวงานประมูลครั้งถัดไปของผมก็แล้วกัน”

 

ชายวัยกลางคนลงพุง กับหญิงสาววัยกลางคนที่ดูสง่างามต่างทำหน้าเซ็งในทันที เจ้าของมาบอกเองขนาดนี้

พวกเขาเองก็ทำได้เพียงถอดใจ พวกเขาเพียงอยากจะรีบชิงมาก่อนที่จะมีคนรู้เรื่องนี้

พวกเขามั่นใจเลยว่างานแกะสลักชั้นเลิศขนาดนี้อย่างน้อยคงไม่จบอยู่ที่ระดับสิบล้านแน่นอน

 

ผู้อาวุโสเซี่ยทำได้เพียงถอนหายใจยาวๆก่อนจะพูดออกมาว่า “อาจิ้ง ขนาดเตรียมใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าของๆนายที่นำมาจะต้องสร้างความสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน

แต่พวกเราเองก็คงจะเตรียมตัวไม่พอหล่ะนะ ของที่นายนำมาก็ยังตื่นตาตื่นใจพวกเราอยู่ดี น่าเสียดายที่ไม่สามารถทราบได้ว่าใครที่สามารถสร้างผลงานที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้”

 

ซูจิ้งยิ้มพร้อมพูดออกมาว่า “ช่างฝีมือผู้นี้เขาไม่ต้องการได้รับความนิยม หรือแม้แต่การรบกวนใดๆครับ

ดังนั้นผมจึงไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่ผมก็จะพยายามทำให้เขาเปลี่ยนใจให้ได้นะครับ อย่างน้อยก็ยอมให้บอกชื่อเอาไว้ได้ ถ้าเขายอมเมื่อไหร่แล้วผมจะรีบบอกท่านผู้อาวุโสนะ”

 

“ฉันน่าจะรู้จักเขานะ แอบๆบอกฉันก็ไม่ได้รึ” ผู้อาวุโสเต๋าเองก็ถามอย่างใครรู้

 

ซูจิ้งยกแขนทั้งสองมาไขว้กันทำเป็นสัญญาลักษณ์กากบาทพร้อมบอกว่า “ไม่ได้จริงๆครับ”

 

แม้แต่หลิวฮงและเฉียนไจบิงเองก็ยังเข้ามาถามเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

แต่ยังไงซะก็ไม่มีทางที่ซูจิ้งจะบอกความจริงได้เลยแม้แต่น้อย เขาจะบอกได้ยังไงว่าคนทำรูปแกะสลักหินนั้นไม่ใช่คนบนโลก เอาจริงๆก็ไม่ใช่คนด้วยหล่ะนะแต่เป็นนางพญาเมดูซ่าจากห้วงเวลาฯวิถีแห่งจอมปีศาจ แถมนี่ก็ไม่ใช่งานแกะสลักแต่เป็นคนจริงๆที่แข็งเป็นหิน ถ้ารู้ความจริงจะยังอยากได้กันอยู่อีกรึเปล่าเนี่ย

 

ซูจิ้งก็ยังพยายามเลี่ยงตอบจากคำถามคำถามเดียวแต่มาจากหลายคนจนค่อนข้างรำคาญแล้ว เขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูดในทันทีพลางหันหน้าไปที่เป้าหมายพร้อมพูดออกมาว่า

“ทุกคนครับ ผมว่าเรามาดูสมบัติอีกชิ้นที่ผมเอามาดีกว่านะครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด