Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 682

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 682 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขยะชุดใหม่

 

ซูจิ้งเข้าไปยังสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯ เหมือนเช่นเคยนั่นก็คือมีช่องว่างมิติเปิดออกด้านบน และมีขยะจำนวนมากหล่นลงมากองในพื้นที่สถานีแห่งนี้ ตอนนี้สถานีมีพื้นที่กำจัดอยู่ที่ 1 ตร.กม. มันใหญ่กว่าเดิมอาจเป็นผลจากการที่มัน ได้ดูดซับปฏิสสารที่ได้จากการวิจัย ซึ่งมันทำให้ซูจิ้งค่อนข้างประหลาดใจเหมือนกัน เนื่องจากว่าตอนที่เขาพบมันครั้งแรก สถานีทิ้งขยะแห่งนี้มันมีขนาดเพียง 800 ตร.ม. เท่านั้น มันกว้างกว่าเดิมเกือบเท่านึงเลย ถ้าเขายังของจัดการขยะเหล่านี้และเก็บกวาดพวกมันเรื่อยๆ เวลาที่ใช้มันจะกลายเป็นสองเท่าแน่นอน

อย่างไรก็ตามเขายังไม่แน่ใจว่านี่คือการพัฒนาไปที่ระดับหนึ่งรึเปล่า เพราะเขาเองทำแค่เพียงคัดแยกขยะห้วงเวลาฯ และเก็บกวาดพวกมันออกไปทางหลุมมิติที่อยู่ข้างๆเท่านั้น ซึ่งเขาเชื่อว่าหลุมนั้นเป็นตัวการคัดแยกปฏิสสารของขยะห้วงเวลาฯ อีกทีนึง ถ้าเกิดมันเป็นการเพิ่มระดับของสถานีทิ้งขยะแห่งนี้จริงๆ เขาก็หวังว่ามันจะกลายเป็นสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯ ที่แท้จริงซักที แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สถานีต้องการปฏิสสารอีกเท่าไหร่ถึงจะยกระดับตัวเองได้แต่ยังไงซะ เขานั้นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า แค่มันขยายพื้นที่นี่ก็ถือว่ากำไรแล้ว

 

ซูจิ้งและบรรดาสัตว์เลี้ยงของเขาได้ยกพวกเข้าไปจัดการขยะห้วงเวลาฯ ในสถานีได้สักพักนึง ช่องว่างมิติข้างบนได้หายไปแล้ว และตอนนี้พวกเขาเองก็ยังไม่เจออะไรที่มีประโยชน์เท่าไหร่นัก เขาจึงเริ่มทำการตรวจสอบอย่างละเอียด

ซูจิ้งได้ปล่อยกระแสจิตของเขาออกมาตรวจสอบ เขานั้นไม่เจอสิ่งมีชีวิตใดๆ ในขยะกองนี้ ตอนนี้เขาจึงเริ่มเข้าไปคุ้ยขยะตามปกติ

ในรอบแรกเขาเจอผ้าเก่าๆ กระดาษ ดินเหนียว ไม้ เครื่องปั้นดินเผา ครึ่งนึงของทั้งหมดมีร่องรอยการเปียก อีกส่วนหนึ่งเต็มไปด้วยโคลน ดูเหมือนขยะรอบนี้จะมาจากสภาพแวดล้อมที่อยู่ใกล้ๆแหล่งน้ำ และน่าจะมาจากโลกโบราณที่ไหนซักที่นึง แต่เขายังไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากห้วงเวลาฯไหนกันแน่

ซูจิ้งได้เริ่มทำการจัดการอย่างละเอียด ค่อยๆเลือก แบ่งหมวดหมู่ จำแนกชนิด หยิบไม้ผุๆมาชิ้นแล้วนำมาประเมิน ไม้ที่เขาหยิบมาครั้งนี้เป็นไม้ทั่วไปไม่มีคุณค่าอันใด เขาหยิบกองผ้าขึ้นมาอีกกองแล้วประเมินค่าพวกมัน เขาพบว่ากองนี้ก็เป็นเพียงผ้าลินินธรรมดา หลังจากหาไปซักพักเขาก็ได้เจอกองอิฐหินที่เต็มไปด้วยโคลน บ้างสมบูรณ์ บ้างแตกหัก แต่เมื่อเขาลองไปล้างน้ำดูกลับพบว่ามันสีขาวเหมือนหยก ถ้าพูดให้ถูกคือหินอ่อนขาว บางก้อนยังมีมอสเกาะด้วยซ้ำ บางก้อนก็เต็มไปด้วยดินเหลืองซี่งทั้งสองอย่างนี้ล้างออกยากมากๆ จะต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการล้างแน่นอน

“พระเจ้าดูเหมือนฉันจะได้หินอ่อนขาวมาแหะ น่าจะเป็นระดับหนึ่งซะด้วย” ซูจิ้งดีใจทันทีที่เห็น ต่อให้เขาไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับหินอ่อนมากนัก แต่เขาก็พอจะรู้ว่าหินอ่อนพวกนี้คุณภาพสูงแน่นอน

หินอ่อนขาวนั้นมีมูลค่าสูงเมื่อนำไปใช้ในงานวัสดุก่อสร้าง มันเป็นสีขาว ส่องประกาย แข็ง มีลวดลาย และดัดรูปได้ง่าย มันถูกใช้อย่างแพร่หลายในช่วงยุคเก่าถึงยุคกลาง มันน่าจะอยู่ในช่วงราชวงศ์ฮั่นได้

 

ในประเทศจีนนิยมนำวัสดุที่สีขาวสะท้อนแสงไปก่อสร้างพระราชวัง เจดีย์ วัด เทวรูป และโบสถ์ต่างๆ ด้วยเหตุที่พวกเขาคิดว่ามันเป็นหยกขาวนั่นเอง หินอ่อนพวกนี้มีการแบ่งออกได้ 4 ระดับ โดยดูจากความแข็ง รูปทรง สี ลวดลาย ลายแตก เหล็กที่เจือปน

 

โดยทั่วไปหินอ่อนเกรดหนึ่งและเกรดสองนั้นหาได้ยากมาในท้องตลาด

และของหายากพวกนั้นอยู่ตรงหน้าของซูจิ้งเรียบร้อยแล้ว

ซูจิ้งค่อนข้างมั่นใจว่าหินอ่อนตรงหน้าเขานั้นอยู่ในเกรดหนึ่ง ไม่สิอาจจะสูงกว่านั้นด้วยซ้ำ ต่อให้มันเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ยังมีค่าเพราะมันสามารถแปรรูปทำพื้นก็ยังได้

 

“ราคาของหินอ่อนพวกนี้ถ้าจำไม่ผิดจะเป็น ลบ.ม. ของเกรดหนึ่งรู้สึกจะหนึ่งหมื่นหยวนนะ ไม่น่าจะขาดหรือเกินซักเท่าไหร่ นี่แสดงว่าขยะพวกนี้ต้องมาจากห้วงเวลาฯ ที่ค่อนข้างร่ำรวยและทรงพลังแน่ๆ นอกจากว่ามันจะโดนย้ายมาจากห้วงเวลาฯอื่นล่ะนะ” ซูจิ้งคิดอะไรบางอย่างแล้ววางหินอ่อนพวกนี้กองไว้ด้วยกัน หลังจากนั้นก็ทำการคุ้ยขยะต่อ

 

ไม่นานนักเขาก็ได้จัดการขยะที่เปียกโชกเหล่านั้นจะเกือบหมดด้วยกันที่พวกมันเปียกน้ำและเริ่มเน่าบ้างเสียบ้างพังบ้างรวมทั้งมีกลิ่นค่อนข้างแรง ทำให้เขานั้นยากต่อการจำแนกพวกมัน

 

“ขยะที่เปียกน้ำนี่น่าขยะแขยงจริงๆ” ซูจิ้งพูดจบก็รีบสวมหน้ากากและทำการคุ้ยขยะต่อ

 

ในขณะที่เขากำลังคว้าไปที่แผ่นไม้แผ่นนึงปรากฏว่ามีบางอย่าง กำลังขยับตัวใต้แผ่นไม้นั้น ตอนแรกซูจิ้งคิดว่าเป็นเพราะเขาไปขยับไม้แต่ทันได้นั้นมันก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

“เดี๋ยวนะ นั่นมันสิ่งมีชีวิตนี่”

 

ซูจิ้งได้ถอยกรูดออกไปสามเมตร พร้อมกับรีบปล่อยกระแสจิตของเขาออกมาเพื่อทำการตรวจจับอีกครั้ง

ด้วยการที่ขยะกองใหญ่กว่าเดิม การตรวจจับของเขาจะตรวจจับสิ่งมีชีวติได้ก็ต่อเมื่อพวกมันขยับตัวเท่านั้น

 

ถ้าสิ่งมีชีวิตนั้นหลบซ่อนหรือสลบมันจะไม่ขยับตัว ทำให้ซูจิ้งตรวจสอบไม่พบ นั่นทำให้เวลาเขาคุ้ยขยะ ถึงแม้เขาจะใช้กระแสจิตตรวจสอบไปแล้วเขาก็ยังต้องระวังตัวอยู่ดี

 

ในตอนนี้ซูจิ้งได้เรียกสัตว์เลี้ยงของเขามาเตรียมตัวอยู่ข้างๆเขาแล้ว

ซูจิ้งได้ใช้พลังจิตของเขารื้อบริเวณที่มาการขยับตัวเมื่อครู่นี้ ทีละขิ้น ทีละชิ้น จนกระทั่งเขาพบสิ่งมีชีวิตนั้น ทันทีที่เขาเห็นเขาค่อนข้างจะตกใจ มันมีรูปร่างคล้ายเต่าแต่ก็ไม่เหมือนซักเท่าไหร่ มันตัวใหญ่กว่ามากส่วนที่คิดว่าเป็นกระดองออกนิ่ม กลมๆ ตัวแบนๆ ตัวสีดำมะอีก แถมตัวมันเลื่อมซะอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะบาดเจ็บทีคอด้านหลัง สีของแผลช้ำจนเขียวคล้ำและดูเหมือนจะเป็นหนองแล้วด้วย

 

เจ้าตัวที่คิดว่าเป็นเต่าตัวนี้มันถูกทับไว้ด้วยกองขยะ ทำให้ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ไม่ก็มันใช้กองขยะพวกนี้เป็นรังของมัน พอขยะกองนี้ถูกดูดเข้าประตูมิติทำให้มันติดมาด้วย

ซูจิ้งรีบช่วยเหลือมันออกจากกองขยะอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งส่วนหัวและเท้าของมันก็บาดเจ็บแถมยังค่อนข้างจะสาหัสซะด้วย ซูจิ้งรูปปล่อยเวทย์สัมผัสแห่งใบไม้ฯ ออกมารักษามัน แต่มันดูเหมือนจะโมโหขึ้นมาเขาจึงให้มันกินปลาเขี้ยวหยกแทน

 

“เจ้าตัวนี้ฉันไม่คุ้นหรือรู้จักเลยแหะ มันใช่เต่ารึเปล่าหว่า” ซูจิ้งเหมือนจะคิดอะไรได้เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ถ่ายรูปส่วนหัวและลำตัวของมัน

หลังจากนั้นเขาลองส่งรายละเอียดของเจ้าตัวนี้ไปให้เย่โปดู

 

หลังจากนั้นซักพักเย่โปได้โทรกลับมาหาเขาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า

 

“อาจิ้งตอนนี้นายอยู่ที่สวนสัตว์ซูโจวหรือสวนสัตซ์จางชากัน”

 

“ทำไมหล่ะ” ซูจิ้งถามกลับอย่างงงๆ

 

“ฮ่าฮ่า ก็รูปที่นายส่งมาให้น่ะ มันเป็นเต่าที่เหลือเพียงสองที่เท่านั้นที่ยังมีมันอยู่”

 

“งั้นมันก็เป็นเต่าจริงๆ งั้นหรอ” ซูจิ้งรู้ในทันทีว่าเย่โปต้องคุ้นเคยกับมันแน่ๆ

 

“ฉันไม่รู้จักเจ้าตัวที่นายถ่ายมาหรอก ไม่ก็ฉันอาจจะไม่เคยเห็นมันใกล้ขนาดนี้เลยไม่คุ้นตานัก แต่ฉันรู้สึกได้เลยว่ามันโตขึ้นกว่าทีเคยเห็นเยอะเลย” เย่โปพูดออกมาด้วยความดีใจ

 

“เดี๋ยวนะ มีแค่สองที่ในโลกที่มีเจ้าเต่านี่งั้นหรอ” ซูจิ้งถามออกมา

 

“ใช่แล้ว ความจริงก็มีอีกที่นะที่ทะเลสาบดาบในเวียดนาม แต่มันตายไปพักใหญ่แล้ว ทำให้ตอนนี้ในโลกเหลือเพียงสวนสัตว์สองที่นี้เท่านั้นที่ยังมีมันอยู่ แล้วนายไปที่ไหนกันล่ะ” เย่โปถาม

 

“เอ่อออ ที่ซูโจวน่ะ” ซูจิ้งมองไปที่เจ้าสัตว์หน้าตาหน้าเกลี่ยดที่อยู่ตรงหน้าเขา ซูจิ้งจำเป็นต้องโกหกออกไป

 

กลายเป็นว่าเจ้านี่กลายเป็นสัตว์หาอยากที่เหลืออยู่เพียงสองที่บนโลกซะได้ ถ้าบอกความจริงไปว่าเจอมันซุกอยู่ที่กองขยะพวกเขาคงตกใจแหงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด