Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1103

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 1103 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 1103 ล้วงมาก็ล้วงกลับ

ในโลกอินเตอร์เน็ตตอนนี้กำลังคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นกับกลุ่มทุนห้วงเวลากันไปทั่ว
“กลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศโดนเล่นแง่แบบนี้ไม่รู้ว่าซูจิ้งจะมีท่าทียังไงต่อ”
“เหมือนเขาจะยังไม่ได้ทำอะไรนะ ราวกับว่าเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เขาจะไปทำอะไรได้ล่ะ ครั้งนี้คนที่ตั้งแง่กับซูจิ้งก็คืออเมริกาเลยนะ ฉันบอกได้เลยว่าเขานั้นน่าจะทำได้แค่เพียงปล่อยเลยตามเลยมากกว่าไม่ใช่ว่าเขานั้นยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้หรอก
นั่นก็เพราะต่อให้เขานั้นไร้เทียมทานขนาดไหนกับเรื่องที่ผ่านมา แต่กับเรื่องในครั้งนี้เป็นอะไรที่เขานั้นไม่สามารถใช้ทักษะส่วนตัวแก้ไขปัญหาได้จริงๆ

การที่โดนตัวตนระดับประเทศหาเรื่องกันซึ่งหน้าแบบนี้ ฉันหวังเพียงอย่างเดียวว่าเรื่องจะไม่ลุกลามมาถึงประเทศจีนและคนทั่วไปด้วย ยังไงซะพวกเราก็ไม่อาจจะต่อการกับอเมริกาได้แน่นอนอยู่แล้ว”
“ไอ้บรรทัดบนนั่นมันคิดห่าอะไรอยู่กัน อย่าบอกว่าแกโดนจ้างมาจากไอ้พวกมะกัน ซูจิ้งนั้นเป็นผู้ที่ช่วยให้ประเทศเรานั้นยกระดับทั้งในเรื่องเทคโนโลยี เศรษฐกิจ การรักษา และด้านต่างๆให้อยู่เหนือใครในโลกเลยนะเว้ย”
“ขอพูดแบบไม่เข้าข้างใครเลยนะ ถึงแม้ว่าซูจิ้งนั้นจะทำให้ประเทศของเรานั้นพัฒนาไปในหลายๆด้าน จนทำให้พวกเรานั้นยกระดับคุณภาพชีวิตได้อย่างง่ายๆเพียงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มทุนห้วงเวลาก็จริง
แต่ในครั้งนี้หมอนั่นเองก็กล้าที่จะไปแข็งข้อกับตัวตนอย่างอเมริกาเลยนะ ฉันเองก็แค่หวังว่าให้เรื่องนี้มันจบโดยเร็วเท่านั้นเอง”

“หาเรื่อง เอ็งเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ขอถามหน่อยว่าพี่จิ้งนั้นผิดตรงไหน เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เกิดจากความไร้เหตุผลของอเมริกานะ ไม่ว่ามองยังไงนี่ก็เป็นเพียงการรังแกเพื่อจะได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ใช่ของพวกมันเลยด้วยซ้ำ ฉันว่าคนบรรทัดบนนี่คือพวกขี้แพ้อ่อนแอกระดูกสินะ นี่แกกลัวอเมริกาตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยรึไง”
“อย่าไปว่าคนสองบรรทัดบนก่อนหน้านี้เลย ต่อให้เป็นนายก็เถอะนะคุณบรรทัดบน ฉันบอกได้เลยว่าหากต้องเจอกับตัวนายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ฉันเห็นด้วยกับนายที่นี่ไม่ใช่ความผิดของซูจิ้ง แต่เมื่อไอ้พวกแบบนั้นพูดออกมาแล้วต่อให้ซูจิ้งจะถูกหรือผิดก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย
ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องกลุ่มทุนห้วงเวลาต่างหาก นั่นก็เพราะหากฉันจะบอกไปว่าหากกลุ่มทุนห้วงเวลาต้องล่มสลายล่ะก็ บอกเลยว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศจีนก็จะมีสภาพไม่ต่างกัน”

“อาจิ้ง นายเป็นยังไงบ้าง” หวังซือหยาได้โทรหาซูจิ้งทันทีที่รู้เรื่องนี้
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ” ซูจิ้งตอบกลับไป
“ไม่เอาน่า ฉันรู้ว่าตอนนี้นายต้องรับแรงกดดันมหาศาลอยู่ก็จริง แต่อย่าทำเป็นเข้มแข็งหรือไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้เลยนะ
ยังไงซะกลุ่มทุนห้วงเวลาฯเองในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นบริษัทใหญ่ที่ภาครัฐหนุนหลังอยู่แล้ว ต่อให้อเมริกาจะกดดันมายังไง ยังไงซะรัฐบาลของเราก็ไม่ปล่อยนายต้องเผชิญหน้าเรื่องนี้คนเดียวอย่างแน่นอน
ต่อให้นอกประเทศเราจะทำอะไรไม่ได้แต่ยังไงซะในประเทศเราก็ยังถือว่าเป็นที่หนึ่งอยู่ดี ก็อย่างที่เขาว่ากันว่าเป็นอูฐแก่ยังดีกว่าม้าหนุ่ม

ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ต้องล้มทั้งสถาบันวิจัย กลุ่มทุนห้วงเวลา แต่นายก็ยังมีบริษัทซือหยาเวชสำอางของฉันอยู่นา ว่าไปแล้วพวกเราก็ไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาก็นานแล้วนะ เย็นนี้มากินข้าวด้วยกันหน่อยสิ” หวังซือหยาพุดออกมาด้วยนำเสียงสบายๆเพราะกลัวว่าซูจิ้งจะเครียดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ก็กังวลเกินไป ตอนนี้ผมยังอยู่ดีนา…ไม่ได้เป็นไรจริงๆ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“……” หลังจากที่ซือหยาได้ยินน้ำเสียงของซูจิ้งไปแล้วก็อดที่จะนิ่งอึ้งไปไม่ได้ แถมซูจิ้งยังส่งวิดีโอใบหน้าของตัวเองที่ยิ้มร่าออกมาจนทำให้ซือหยาเองไม่รู้จะหัวเราะออกมาหรือว่ากลัวซูจิ้งดีเหมือนกัน เธอได้พูดกับซูจิ้งไปว่า “ไอ้ฉันก็อุตส่าห์เป็นกังวลอยู่นานสองนานแต่นายยังมีกะใจมายิ้มแฉ่งอยู่อีกเนี่ยนะ นี่นายยังหัวเราะได้ยังไงกันในขณะที่เจอแรงกดดันขนาดนี้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ต่อให้ฉันไม่ได้นับถือหรือศึกษาทางด้านศาสนามากนักก็จริง แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่ได้ฝึกฝนเกี่วกับการทำให้จิตใจสงบสักหน่อยนี่นา
แน่นอนว่าที่ฉันเป็นอย่างนี้ได้นั้นเป็นเพราะว่าในตอนนี้ทุกข์ร้อนไปก็เท่านั้นไม่ใช่รึไง” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม และกลายเป็นว่าซูจิ้งต้องมาคอยปลอบปะโลมหวังซือหยาแทน
และด้วยการที่ตอนนี้เขายังมีเรื่องต้องจัดการทำให้เขานั้นคุยกับเธออีกนิดหน่อยก่อนที่จะขอวางสายไป
แน่นอนว่าเพื่อนๆและคนที่สนิทสนมกับซูจิ้งอย่าง จูเจียนฮัว หลินฮ่าว ฉือเล่ย มู่หรงเซียนเอ๋อ เว่ยเสี่ยวหยวน และคนอื่นๆต่างก็โทรหาซูจิ้งกันเป็นทิวแถว
แม้แต่พ่อแม่และน้องสาวของเขาเองก็ยังมาหาถึงบ้านของเขา และเป็นอีกครั้งที่ซูจิ้งต้องปลอบประโลมทุกคนก่อนที่จะบังคับให้ทั้งสามคนต้องกลับไป
แม้แต่ฉือชิงเองก็ยังเป็นกังวลไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ช่วงนี้เธอนั้นมาหาซูจิ้งหลังจากปิดร้านแล้วในทุกวันเพราะคิดว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ซูจิ้งต้องการกำลังใจ
แต่ในทุกวันที่เธอมาหานั้นเธอกับพบว่าซูจิ้งไม่เพียงจะมีขวัญกำลังใจที่ดีกว่าใครแล้ว ตัวเขานั้นไม่ได้มีท่าทีกังวลใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
ด้วยการที่เธอนั้นรู้จักซูจิ้งเป็นอย่างดีจึงทำให้เธอเข้าใจได้ในทันทีว่าซูจิ้งได้ทำการโต้ตอบทางฝั่งอเมริกาไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจไม่ได้เหมือนกันว่าซูจิ้งจะตอบโต้เหตุการณ์ที่อเมริกาได้เล่นแง่กับเขาได้ยังไง

ในขณะที่ทั่วทั้งประเทศจีนยังเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นและทั่วทั้งโลกยังคงพูดถึงเรื่องอนาคตของกลุ่มทุนห้วงเวลาว่าจะเป็นยังไงต่อไปนั้น ตอนนั้นเองก็ได้มีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งเผยแพร่ออกมาทางอินเตอร์เน็ต
ถึงจะบอกว่านี่คือข่าวแต่เนื้อหาของมันนั้นเป็นภาพวิดีโอเหตุการณ์หนึ่ง มันเป็นภาพวิดีโอของชายชาวต่างชาติสองคนและหญิงสาวชาวต่างชาติหนึ่งคนได้ทำการทรมานเพื่อสืบหาข้อมูลจากชายชาวจีนคนหนึ่ง
วิธีการที่คนเหล่านั้นใช้แต่ละอย่างนั้นช่างโหดร้ายชนิดที่ว่าเพียงแค่ได้เห็นก็ถึงกับสยองจนตัวเย็นไปได้เลย และเนื้อหาที่มีการพูดถึงกันนั้นก็คือการเค้นความลับของสถาบันวิจัยของซูจิ้ง โดยที่ชายชาวจีนคนนั้นพูดออกมาเพียงว่าที่นั่นเป็นเพียงสถาบันวิจัยเทคโนโลยีธรรมดาและมีการกล่าวถึงผลงานวิจัยที่ใช้ในการผลิตภัณฑ์ของซูจิ้งที่ได้ประกาศออกมาแล้วเท่านั้น ไม่ได้มีการพูดเกี่ยวกับเรื่องปฏิสสารออกมาเลยสักคำ

แน่นอนว่าภาพเหล่านี้มาจากกระจกย้อนความของซูจิ้ง แต่ในส่วนที่โอฉิงหยุนพูดออกมาเกี่ยวกับเรื่องปฏิสสารนั้นเขาไม่ได้ถ่ายเอาไว้และตัดมาอีกทีก็คือฉากที่โอฉิงหยุนนั้นตกตายไปเรียบร้อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั่วทั้งโลกนั้นได้เข้าใจในทันทีว่าทั้งสามคนนี้ได้ทรมานชายหนุ่มชาวจีนคนหนึ่งจนตกตายไปโดยไม่มีการพูดถึงเรื่องที่สถาบันวิจัยห้วงเวลาฯของซูจิ้งสามารถผลิตปฏิสสารได้ออกมาเลยสักคำ
หลังจากที่โอฉิงหยุนได้ตกตายไปแล้ว หญิงสาวที่อยู่ในวิดีโอได้หันไปพูดกับชายหนุ่มด้วยท่าทีที่ยากจะอธิบาย เธอได้พูดออกมาว่า “ในครั้งนี้เราได้โอกาสจับโอฉิงหยุนที่พนักงานของสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯมาทรมานจนรีดข้อมูลของที่นั่นมาได้แล้วก็จริง

ถัดจากฉากนั้นมาก็คือ ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ออกมาชี้แจงภาพวิดีโอที่เกิดขึ้นว่า “นี่คือวิดีโอที่พวกเราได้ถ่ายเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันข้อมูลที่พวกเราล้วงความลับมาได้นั้นว่าเป็นของจริง
อย่างไรก็ตามตอนที่เราส่งข้อมูลที่ได้กลับไปให้CIAตามคำสั่งที่ได้รับมากลายเป็นว่าCIAไม่ยอมทำตามคำมั่นที่ได้ให้ไว้กับพวกเราแล้ว
ไอ้พวกCIAยังบอกพวกเรากลับมาว่าไม่กล่าวโทษพวกเราในสิ่งที่เราได้ทุ่มเททำไปก็ดีแล้ว อย่าหวังว่าจะได้ตามที่คุยกันไว้เลย นี่ในตอนแรกนั้นพวกเราก็เข้าใจว่าเป็นเพราะพวกเราทำรุนแรงเกินไปจริงๆจึงทำได้เพียงแค่ซ่อนตัวเพื่อรอให้เรื่องซาลงไปแล้วตั้งใจจะกลับไปเทศทีหลัง

มาตอนหลัง พวกเราถึงรู้ว่าที่ไอ้พวกCIAไม่ยอมรับในผลงานของพวกเราในครั้งนี้ เป็นเพราะว่าพวกเรานั้นเข้าถึงข้อมูลความลับมากเกินไป พวกมันถึงใช้โอกาสนี้ในการกำจัดพวกเรา
และเพื่อเป็นการแก้แค้นสิ่งที่พวกมันคิดจะทำกับพวกเรา พวกเราจึงขอปล่อยข้อมูลเหตุการณ์เกี่ยวกับภารกิจสุดท้ายที่พวกเราได้ทำมา
รวมถึงรายชื่อของสายลับทั้งหมดที่ไอ้พวกCIAได้ส่งไปแฝงตัวยังรัสเซียและอังกฤษเพื่อเป็นการเอาคืนที่พวกมันคิดจะตัดหางพวกเรา
และเพื่อเป็นการยืนยันว่าพวกเรานั้นเคยเป็นคนของCIAจริงๆ พวกเราขอเปิดเผยข้อมูลของคนในองค์กรCIAทั้งหมด…” ทันทีที่วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น มันถูกส่งต่อไปยังทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
แม้อเมริกาจะพยายามเต็มที่ในการปิดกั้นวิดีโอนี้เอาไว้แต่มันก็สายไปแล้วเพราะในตอนนี้แม้แต่สำนักข่าวในประเทศก็ยังได้รับข้อมูลนี้เอาไว้แล้ว เรื่องนี้ไปไกลชนิดที่ว่าแม้แต่ต่อให้ซูฉือและหลัวฉิหลินไม่ต้องลงมือด้วยซ้ำ
ภาพวิดีโอนี้ทำให้คนทั้งประเทศจีนและต่างประเทศต่างก็ตกตะลึงกันไปทั่ว
“แม่…เอ๊ย แค่ฉันได้เห็นวิดีโอนี้ฉันก็ถึงกับขนลุกขนชันไปหมดแล้ว คนพวกนี้ช่างโหดร้ายจริงๆ”
“นี่นายกล้าดูด้วยเหรอ ฉันแค่เปิดไปไม่กี่วิฉันก็ต้องปิดแล้ว”
“พวกมันไม่ใช่มนุษย์ สายลับของอเมริกาพวกนี้ไม่สมควรที่จะเรียกว่ามนุษย์อีกต่อไป พวกเราชนชาติจีนนั้นต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานจนตายก็จะต้องตามจับไอ้พวกสัตว์นรกเหล่านี้มารับผิดให้จงได้ พวกเราจะต้องถามหาความยุติธรรมแทนคนที่ต้องตายอย่างไร้ความปราณีแบบนี้”
“ฉันลองค้นหาข้อมูลของโอฉิงหยุนคนนี้แล้วในอินเตอร์เน็ตเขานั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ เขาคืออัจฉริยะทางด้านวิทยาศาสตร์คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าเขานั้นจะมีประวัติติดตัวที่ไม่ดีอยู่บ้าง แต่ในที่สุด ซูจิ้งก็ได้เล็งเห็นถึงความสามารถและดึงตัวไปร่วมงานด้วยเมื่อไม่กี่เดือนก่อนโดยรับหน้าที่อยู่ภายใต้โครงการเกี่ยวกับปฏิสสาร
และด้วยการที่ได้พบคนที่เห็นความสามารถของตัวเองจริงๆทำให้เขานั้นได้กลับตัวและมุ่งมั่นในการงาน จนเรียกได้เลยว่า เขานั้นถือได้ว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่มีอนาคตไกลและเป็นความหวังของประเทศเราได้เลยด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาตกตายอย่างทรมานแบบนี้เลยจริงๆ”

“นั่นสิ ยิ่งไปกว่านั้นคือตั้งแต่เริ่มจนเขาต้องตกตายลง เขาไม่ได้พูดออกมาเลยแม้แต่คำเดียวว่าสถาบันวิจัยฯของซูจิ้งสามารถผลิตปฏิสสารได้
หากดูจากประวัติอันเลวร้ายของชายคนนี้บอกได้เลยว่าเขานั้นไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งใจเสือใจสิงห์อย่างแน่นอน นี่หมายความว่าคำพูดที่เขาพูดออกมาระหว่างการถูกทรมานนั้นย่อมเป็นความจริง ”
“หรือจะบอกให้ถูกก็คือสถาบันวิจัยฯของซูจิ้งนั้นไม่ได้ผลิตปฏิสสารได้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่ไอ้พวกCIAนั่นมันคิดเล่นตุกติกเลยจัดฉากขึ้นมา แล้วใช้เรื่องนี้มาเล่นแง่เพื่อจะก่อปัญหาให้กับสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯและกลุ่มทุนห้วงเวลาฯสินะ”
“ไอ้พวกเลวระยำ…”

ผู้คนมากมายในตอนนี้ต่างก็รู้สึกว่าหัวใจตัวเองได้รับบาดแผลแสนสาหัสจากการได้รับชมวิดีโอของสายลับนี้
แต่ความรู้สึกนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นกับผู้คนในประเทศจีนเท่านั้น ผู้คนทั่วทั้งโลกเองต่างก็มีความรู้สึกนี้ไม่ต่างกัน
นั่นก็เพราะว่า หากได้คิดวิเคราะห์วิดีโอนี้สักหน่อยล่ะก็พวกเขาจะเข้าใจได้ในทันทีว่าสถาบันวิจัยฯของซูจิ้งนั้นไม่ได้ผลิตปฏิสสารได้แต่อย่างใด เป็นอเมริกาต่างหากที่คิดหาเรื่องจีน
และด้วยเหตุนี้ ประชาคมโลกต่างก็เปลี่ยนท่าทีของตนเองอย่างรวดเร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด