Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 953

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 953 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 953 ใจเต้น

“ในส่วนของสมบัติและเครื่องลายครามจากสมัยราชวงศ์ถังนี้ เพียงแค่หม้อสามสีและภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนี่ก็อยู่เหนือพิพิธภัณฑ์ของฉันได้แล้ว ของสะสมสมัยราชวงศ์ถึงของคุณซูนี่ฉันว่าดีไม่ดีตอให้รวบรวมของจากยุคสมัยราชวงศ์ถังที่พบเจอจากที่ประเทศก็ยากจะมาเทียบเคียงได้เลย” เพียงหลังจากเห็นหม้อสามสีและภาพเขียนพูกันจีนเหล่านี้ ผู้อาวุโสซี่ก็แสดงท่าทางตื่นเต้นและถอนหายใจยาวๆออกมา เขาเองก็พยายามหาจุดด่างพร้อยในเรื่องนี้จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แต่ก็ต้องยอมแพ้ นี่เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนัก
“”ไง ที่นี้นายยังคิดว่าคุณซูไม่มีอะไรดีๆนอกจากรูปปั้นเทพธิดาแห่งเมืองแอตแลนติสอีกรึเปล่า” เอี้ยป๋อหันไปถามโจวฉือเซียนด้วยรอยยิ้มหลังจากปลื้มปลิ่มไปกับการได้เห็นหม้อสามสีและภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังอย่างหนำใจ
“…….” โจวฉือเซียนในตอนนี้เองที่ได้เห็นหม้อสามสีและภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังพวกนี้ถึงกับพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่เมื่อได้ยินคำถามนี้
ในที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า “คุณซูนี่สุดยอดจริงๆ นี่ขนาดเขาปล่อยประมูลเครื่องลายครามออกไปมากมายขนาดนั้นแล้วยังเหลือของดีๆไว้เยอะขนาดนี้อีก แต่ฉันก็ยังคิดอยู่ดีว่าต่อให้เก็บไว้ดีมากมายขนาดไหนแต่ก็ไม่น่าเกินไปกว่านี้แน่นอน”

ไม่ไกลจากการสนทนาของทั้งสองคน ชายแว่นที่ได้ยินดังนั้นก็เห็นด้วยกับคำพูดของโจวฉือเซียน เขาเองก็คิดเหมือนกันว่าซูจิ้งนั้นมัวแต่ยุ่งเรื่องธุรกิจของตัวเองจนไม่น่าจะมีเวลาไปหาของสะสมได้อย่างแน่นอน
โรงประมูลของเขาเองนั้นก็ยังทยอยปล่อยสมบัติพวกนี้ออกไปประมูลอย่างต่อเนื่องนี่ก็สมควรจะหมดแล้วอย่างแน่นอน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สมควรจะมีตัวหลักในการจัดแสดงคือรูปปั้นแห่งแอตแลนติสนั่นเท่านั้น
ต่อให้มีสมบัติอย่างอื่นอยู่บ้างอย่างหม้อสามสีและภาพพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนี้ที่เอามาจัดแสดงไว้ด้านหน้าแบบนี้น่าจะเอาไว้ใช้เป็นแนวหน้าสำหรับสร้างความรู้สึกดีเฉยๆเท่านั้น
อย่างที่เขาเรียกกันว่าประทับใจแต่แรกเห็น ในส่วนที่เหลือนั้นใครจะไปรู้อาจจะไม่มีอะไรดีเลยก็ได้
ด้วยการนำของเฉินฮงและผู้อาวุโสซ่งได้นับกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินชมพิพิธภัณฑ์ต่อ ในคนกลุ่มนี้รวมถึงเอี้ยป๋อ โจวฉือเซียน ผู้อาวุโสหวู่ ผู้อาวุโสซี่ อลัน แอนนา และหนุ่มแว่น
ทั้งสองได้นำกลุ่มคนตรงไปยังมุมๆหนึ่งเพื่อไปยังพื้นที่จัดแสดงส่วนถัดไป สิ่งแรกที่ทุกคนได้เห็นก็คือกล่องแก้วขนาดกลางๆที่ตั้งไว้อยู่ตรงกลางทางเดิน
หลายๆคนที่เห็นในตอนนี้ถึงกับพูดไม่ออก ที่ดูตื่นเต้นมากที่สุดคงจะเป็นผู้อาวุโสซี่ที่ฝ่าฝูงชนออกมาทันทีเพียงแค่เห็นแวบแรก
เขาเข้าไปจ้องกล่องแก้วนี้ใกล้ๆพร้อมด้วยดวงตาที่เบิกโต ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “เป็นมันจริงๆเหรอ เป็นไปได้ยังไง”
“พระเจ้า นี่มันของที่ร่ำลือกัน….” เอี้ยป๋อที่เดินตามมาติดๆก็แสดงสีหน้าตกตะลึง

“มัน…มีอยู่จริงเหรอ” โจวฉือเซียนเองก็แทบจะไม่เชื่อสายตาเช่นเดียวกัน
สื่งที่อยู่ในโหลนั่นก็คือแกะ ดูจากขนาดแล้วมันนั้นเหมือนจะเป็นแกะที่โตเต็มไวแล้ว มันนั้นที่แกะสลักจากหยกสีขาวทั้งตัว มันกระจ่างใสและดูมีชีวิตชีวาราวกับมีชีวิตอยู่จริง
ภายในร่างกายของมันเองก็มีสีแดงอยู่ตรงกลางและเส้นที่แผ่ออกมาราวกับเส้นเลือด ทำให้เจ้าแกะนี้ดูน่ากลัวแต่ก็สวยงาม
ถึงแม้ทั้งสามคนนั้นจะเคยเจอหยกแกะสลักแบบนี้มาแล้วอย่างหนูหยกเลือดและกระต่ายหยกเลือดมาก่อน และมูลค่าของสองชิ้นนั้นก็ถูกประมูลออกไปในราคาที่สูงริบลิ่ว
โดยเฉพาะผู้อาวุโสซี่เองนั้นเคยสัมผัสหยกหนูมาก่อนแล้วด้วยซ้ำตอนที่เขาเปิดพิพิธภัณฑ์ของตัวเขาเอง ขนาดแค่หยกหนูนั่นก็ทำให้เขาและผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนถึงกับตกตะลึงไปตามๆกัน เพียงแค่หยกหนูนั่นก็ทำให้คนทั้งวงการหยกต้องตกตะลึงแล้ว
แต่ในตอนนี้ ที่นี่ ตรงหน้าของพวกเขานั้นหยกเลือดนี่จะไม่ใหญ่ไปหน่อยหรือไง นี่ต้องเสียหยกเลือดไปมากมายขนาดไหนในการแกะสลักแกะตัวนี้กันแน่

“พระเจ้า นี่มันหยกเลือดในตำนานไม่ใช่เหรอ” อลันที่เห็นหยกเลือดในตอนนี้เดินวนดูรอบๆกล่องแก้วราวกับเด็กๆ
“ฉันไม่เคยเห็นหยกเลือดก้อนใหญ่ขนาดนี้มาก่อน” แอนนาเองก็พูดออกด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างกัน
“เจ้าแกะหยกเลือดตัวนี้มีค่าแค่ไหนกัน” ชายเจาะหูในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะถามออกมาหลังจากเห็นทุกคนมีท่าทางตื่นเต้นจนออกนอกหน้า
“เคยมีของคล้ายๆกันนี้ออกมาให้ได้เห็นแล้วสองชิ้น หนึ่งคือหยกเลือดหนู อีกหนึ่งคือหยกเลือดกระต่าย และราคาของทั้งสองชิ้นนั้นรวมกันไม่น้อยกว่า 300 ล้านหยวน แต่หยกก้อนเล็กๆยังราคาขนาดนั้น นายลองคิดเองแล้วกันว่าหยกเลือดก้อนใหญ่ขนาดนี้จะราคาขนาดไหน” หนุ่มใส่แว่นได้อธิบายออกมาด้วยที่ทีกระอักกระอ่วน ถึงแม้เขาจะพูดออกมาด้วยท่าทีสงบแต่มือของเขาที่กำลังขยับแว่นอยู่ตอนนี้กลับสั่นจนห้ามไว้ไม่อยู่

“ฉิบ…” หลายๆคนที่ได้ยินคำพูดนี้ถึงกับอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ผู้อาวุโสหวู่เองก็อึ้งจนไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขาเพียงจ้องมองไปยังหยกแกะเลือดที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาอิจฉาอย่างมาก เขานั้นเป็นนักสะสม ถึงแม้เขาจะชื่นชอบของสะสมไว้มากมายแต่ของสะสมที่เขาชอบมากที่สุดนั่นก็คือหยก
“ดูสิ ตรงนี้ยังมีหยกเลือดอยู่อีก” ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น เขานั้นไม่สามารถฝ่าฝูงชนเข้าไปดูแกะหยกเลือดได้จึงตัดใจและคิดจะเดินดูรอบๆก่อน
นี่ทำให้เขาได้พบกับหยกเลือดก้อนอื่นๆอย่างหยกเลือดจั๊กจั่นที่เกาะอยู่บนต้นบอนไซ หยกเลือดผีเสื้อที่เกาะอยู่บนใบไม้ และหยกเลือดแมลงปอที่เกาะอยู่บนดอกบัว
หยกเลือดเหล่านี้ดูราวกับมีชีวิตจนทำให้ทุกคนที่มองถึงกับจิตใจผ่อนคลายได้เลย ถึงแม้ว่าหยกเลือดเหล่านี้จะไม่ได้มีค่าสูงเท่ากับแกะหยกเลือด
แต่ด้วยการที่พวกมันมีหลากหลายจนทำให้เกิดภาพทิวทัศน์ที่สวยงามได้เช่นเดียวกัน เกรงว่าหากรวมทุกก้อนเข้าด้วยกันจะไม่ใช่ราคาน้อยๆเลยทีเดียว

“ดูนั่นสิ นั่นมันรูปปั้นมีชีวิตนี่นา” บางคนที่เลือกที่จะเดินดูสิ่งต่างๆด้วยตัวเองนั้นก็ได้เห็นรูปปั้นจำนวนสามชิ้น
หนึ่งคือผู้หญิงที่อยู่ในชุดคลุม หนึ่งคือชายกำยำที่อยู่ในชุดเกราะ และหนึ่งคือหนุ่มหล่อที่มีดาบอยู่ในมือ
รูปปั้นทั้งสามดูมีชีวิตและสมจริงชนิดที่เห็นได้แม้แต่รูขุมขน ถึงแม้จะไม่ได้ดูดีเท่ากับรูปปั้นแห่งเมืองแอตแลนติสได้ก็ตาม
แต่หากดูในมุมมองของความสมจริงแล้วล่ะก็รูปปั้นนี้ถือได้ว่าดีกว่ามาก ถึงแม้ค่าของมันจะเทียบไม่ได้แต่ก็ไม่สามารถดูแคลนรูปปั้นทั้งสามนี้ได้เช่นเดียวกัน

“นี่คุณซูมีรูปปั้นระดับนี้ถึงสามชิ้นเลยอย่างนั้นเหรอเนี่ย นี่เขารู้จักศิลปินคนที่สร้างรูปปั้นนี่จริงๆสินะ แต่ศิลปินผู้ซึ่งมีฝีมือขนาดนี้แต่กลับไม่เป็นที่รู้จักได้ยังไงกัน
เขาคงไม่ได้อาศัยอยู่ในภูเขาและป่าลึกตลอดเวลาจริงๆหรอกนะ” ผู้อาวุโสซี่ได้พูดออกมาในขณะที่จ้องมองไปยังรูปปั้นทั้งสามด้วยความตื่นเต้น

“ตรงนี้ยังมีภาพเขียนพู่กันอยู่อีกสองชิ้นเหรอ หืม…พระเจ้า ภาพเขียนนี่มัน…” เอี้ยป๋อและโจวฉือเซียนที่ได้เดินดูส่วนอีกก็ได้อุทานออกมาทันทีในขณะที่มองไปยังภาพเขียนสองภาพที่แขวนเอาไว้
ภาพหนึ่งนั้นเป็นภาพของตึกราชวงศ์และสวนหลังวัง ในภาพนั้นประกอบไปด้วย ศาลา, ทางเดิน, สะพาน, ทะเลสาบ, สระน้ำ, ลำธาร, ถนนที่คดเคี้ยวราวกับเกลียวคลื่น, เพียงแค่มองก็ทำให้รู้สึกว่ารอบตัวมีสายลมและสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก มันดูสง่างามและราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ราวกับว่าภาพนี้เป็นดินแดนเทพเซียนโบราณเลยก็ว่าได้
อีกภาพหนึ่งที่แขวนไว้คู่กันนั้นเป็นภาพของบึงน้ำที่มีน้ำกระจ่างใสจนเห็นก้นบ่อ เห็นได้แม้กระทั่งฝูงปลาที่ว่ายอยู่ก้นบึงในขณะที่มีดอกบัวบานที่ปากบึงที่ดูเด่นเป็นสง่า
มีแมลงตัวหนึ่งไปบินแตะผิวน้ำบนบึงเล่นจนทำให้เกิดหยดน้ำน้อยๆกระจายอยู่ในบึง ถึงแม้จะดูแล้วเป็นเพียงฉากธรรมดา แต่ภาพนี้กลับให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ภาพเขียนทั้งสองนี้นอกจากจะทำให้รู้สึกมหัศจรรย์แล้วยังแฝงไว้ด้วยแนวคิดทางศิลปะอันลึกซึ้ง
“นี่มันเหมือนจะเป็นตำราทางพุทธนะ” อลันและแอนนาหยุดอยู่ที่หน้าตำราโบราณเล่มหนึ่ง
“พระเจ้า ปะการังแดงจากทะเลน้ำลึกอันใหญ่มาก” หนุ่มแว่นแสดงถ้าที่ตกใจในทันทีเมื่อเห็นปะการังแดงอันใหญ่สุดๆที่อยู่ตรงหน้าเขา
“………….”
ทุกๆที่ในพิพิธภัณฑ์ในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยเสียงอุทานดังระงมไปทั่ว ในแต่ละของสะสมของซูจิ้งนั้นไม่มีตรงไหนเลยที่จะทำให้ผู้เข้าชมเดินผ่านโดยไม่รู้สึกมหัศจรรย์
โจวฉือเซียน เอี้ยป๋อ ผู้อาวุโสซี่ ผู้อาวุโสหวู่ อลัน แอนนา และหนุ่มใส่แว่นในตอนนี้นั้นเก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป พวกเขานั้นดูสิ่งต่างๆด้วยท่าทีตกตะลึง พยายามเก็บสงวนท่าที เมื่อไปดูสมบัติชิ้นอื่นก็ตกตะลึงทั้งๆที่พึ่งจะสงบในลงได้
ของทุกชิ้นที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์นี่ล้วนแล้วแต่เป็นของหายากในหมู่ของหายาก จะบอกว่าเป็นของที่เอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ว่าได้ และแน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
เกินกว่าครึ่งของพิพิธภัณฑ์สุดมหัศจรรย์ของซูจิ้งนั้นเต็มไปด้วยสมบัติแบบนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด