Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 672

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 672 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เผา

 

ณ สนามบินในตอนนี้เกิดความโกลาหลขึ้น แต่ซูจิ้งนั้นกลับหลีกเลี่ยงความโกลาหลนั้นออกมาอย่างเงียบๆ นั่นเป็นเพราะเขานั้นไม่อยากจะตกเป็นข่าวเพื่อลดปัญหาที่จะเป็นชนักติดหลังเขานั่นเอง เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำเหมือนเป็นการจุดไฟเผาตัวเอง เขากลัวว่าผู้คนจะจับตามองเขาอย่างไม่ละสายตา แต่เขาก็ยังเลือกที่จะทำมันอยู่ดีถ้าย้อนเวลากลับไปเพราะเขาเองก็ทนเห็นเครื่องบนตกไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเขาปล่อยให้เครื่องบินตก เขาจะช่วยปู่ของหลิวฉิงไม่ได้ ถ้าเขาช่วยคนเหล่านี้ด้วยอินทรียทองและพลังจิตของเขา ตามการคาดการณ์จากทักษะของเขาเขาจะช่วยใครไม่ได้ซักคน โชคยังดีที่เขาพอจำได้ถึงงานวิจัยบางตัวที่สถาบันวิจัยเกี่ยวกับการสังเคราะห์วัตถุดิบไว้ว่าหัวใจสำคัญของการสกัดเชื้อเพลิงเครื่องบินคือการใช้ความร้อนที่สูงมากๆกับไพรอกซีนเพื่อให้ได้เชื้อเพลิงที่บริสุทธ์พอจะใช้ในเครื่องบินได้ ยิ่งกว่านั้นถ้าสกัดเชื้อเพลิงนั้นด้วยความร้อนสูงซ้ำก็จะได้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และเขาเองยังมีหินเวทไฟจากห้วงเวลาฯจากเรื่องตำนานเทพแห่งความชั่วร้ายอยู่ ซึ่งจากทักษะการคาดการณ์ของเขาทำให้รู้ว่ามันสามารถใช้เพิ่มคุณภาพเชื้อเพลิงเครื่องบินจนแก้ปัญหาเชื้อเพลิงได้ ถึงแม้จะมีโอกาสผิดพลาดก็ตามทีเขาก็ยังเลือกที่จะใส่ผงหินเวทไฟลงไปและรอดูผลบนเครื่องบิน

 

ทันใดนั้นมือถือซูจิ้งก็ดังขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นหวังจ้าวเขาก็รีบรับทันทีเพราะรู้ว่าหวังจ้าวกังวลเรื่องของเขามากแค่ไหน

หวังจ้าวเมื่อเห็นซูจิ้งรับสายจึงรีบถามออกไปว่า “อาจิ้ง นายยังไหวอยู่ใช่รึเปล่า”

 

“จะให้ผมทำอะไรหล่ะนั่น” ซูจิ้งย้อนถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ไอ้เด็กนี่ นายเนี่ยน้า… นายช่วยเครื่องบินได้ยังไงเนี่ย” หวังจ้าวถามต่อไปด้วยรอยยิ้ม

 

“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมค่อยอธิบายทีหลังแล้วกัน” ซูจิ้งตอบพร้อมรอยยิ้ม

 

“ครั้งนี้นายโคตรจะเด่นเลยล่ะ ต้องมีคนจับตาดูนายแน่ๆ แต่ในเมื่อมันจบลงด้วยดีแล้วก็ดีไป ทั้งพ่อของฉันและหลี่เทียนเฮอก็เพิ่งได้ยินข่าวเรื่องนี้แถมยังชมนายยกใหญ่เลยล่ะนะ” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ความหมายของเขาที่พยายามจะสื่อก็คือมันมีนัยอยู่ ถ้าหวังซวนจี้หรือหลี่เทียนเฮอจะชมใครซักคนล่ะก็ปกติไม่มีทางเอ่ยชื่อมาแน่นอน แต่นี่กลับกล่าวชมซูจิ้งอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย เขาเพียงกลัวว่าจะมีใครซักคนหาประโยชน์จากเรื่องนี้ ถึงซูจิ้งจะทำได้ดีแล้วแต่ด้วยความสามารถที่ทำให้คนตกตะลึงได้ง่ายๆ จะต้องมีคนพยายามจะใช้ประโยชน์เขาอย่างชนิดที่ใช้ทุกรูขุมขนแน่นอน ถ้าไม่มีคนคอยหนุนหลังต้องมีปัญหาใหญ่แน่ๆ ถ้าแค่เครื่องบินตกก็แค่รัฐบาลจะเคลื่อนไหว แต่นี่เครื่องกลับปลอดภัย แถมข้อมูลความสามารถของซูจิ้งหลุดไปอยู่ในอินเตอร์เน็ตไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ต้องมีฝ่ายอื่นที่พยายามจะสร้างเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“โคตรเท่เลยอ่ะที่บินไปข้างเครื่องบิน”

 

“บอกมาหน่อยว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง มันแค่ความฝันใช่ไม๊”

 

“ซูจิ้งนี่มันตัวอะไรกันแน่ จะแหกกฎเกินไปแล้ว”

 

“ฉันได้ยินมาว่าเครื่องบินลำนั้นที่จริงไม่มีเชิ้อเพลิงแล้วนะ แต่ซูจิ้งทำอะไรไม่รู้ทำให้เครื่องบินยังบินต่อไปได้ ถ้าไม่ได้เขาเครื่องบินได้โหม่งโลกไปสิบหนแล้วแน่ๆ เขาช่วยคนไว้เป็นร้อยเลยนะ”

 

“ฉันได้ยินว่ามีคนแก่ได้รับบาดเจ็บหนักมากแต่ซูจิ้งแค่จับชีพจรชายคนนั้นก็หายแล้ว”

 

“นี่เป็นอีกขั้นหนึ่งของเรื่องพิศวงเลยนะ”

 

“แค่คำเดียวซูจิ้งก็ช่วยเครื่องบินได้แล้ว”

บล็อคส่วนตัวของซูจิ้งในเว่ยป๋อ(Weibo)มีข้อความถล่มจนเซิฟเวอร์แทบจะล่ม

 

“พี่จิ้งขอคารวะก้าบบบบบบ”

 

“ก็รู้นะว่าพี่เป็นคนดีแต่ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้”

 

“ก่อนหน้านี้เขายังเป็นแค่ฮีโร่นักผจญเพลิงอยู่เลย ใครจะไปคิดว่าจะกลายเป็นคนช่วยเครื่องบินไปได้ นี่สิวิถีแห่งผู้กล้า”

 

“ฮ่าฮ่า ฉันดูวิดีโอนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ต้องเอารูปเขามาบูชาแล้วหล่ะ”

 

แฟนคลับของซูจิ้งตอนนี้ได้ดีใจจนออกนอกหน้าทำเหมือนฉีดเลือดไก่ มีโผล่ไปแทบทุกที่ จนสุดท้ายแฟนคลับของดาวเด่นคนอื่นแทบไม่มีที่ยืนในอินเตอร์เน็ตอีกเลย

 

เมื่อมู่หรงเซียนเอ๋อเห็นข่าว เธอเห็นแค่เพียงภาพตอนที่ซูจิ้งปล่อยเวทมนต์สัมผัสใบไม้แห่งฤดูใบไม้ผลิออกมา ภาพนั้นมันช่างทรงพลังซะจนน่าบูชาสำหรับคนทั่วไปอย่างมาก อย่าว่าแต่เธอเลยแม้แต่เล่าชง นาหลันเฟยและคนอื่นๆ ต่างส่งต่อกันเป็นทอดๆ แวบแรกที่คนส่วนใหญ่ได้เห็นพวกเขาทำได้เพียงแค่อึ้งแล้วคุกเข่าเคารพบูชาเท่านั้น

นอกจากนั้นเพื่อนๆเขาทุกคนไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวหยู ซูหยา แม้แต่ฉือฉิง จูเจียนฮัว ฉินซูหลาน ถังฮ่าว เสี่ยวรุ่ย และคนอื่นๆที่ค่อนข้างสนิทกับเขาต่างแห่เข้ามาถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตื่นเต้นออกหน้าออกตา

 

“นี่รายการจัดอันดับซุปเปอร์สตาร์เปลี่ยนอีกแล้วหรอ คราวนี้ฉันจะอยู่ที่อันดับเท่าไหร่กันนะ” เหว่ยหยินนั่งเล่นๆ อยู่ในบ้านของเขา เขาใช้มือถือเปิดดูการจัดอันดับซุปเปอร์สตาร์ยอดนิยมของจีน เขานั้นแสยะยิ้มทันทีที่รู้ว่ามีการจัดอันดับใหม่และเขานึกลำพองใจทันทีเมื่อรู้ว่าเขานั้นได้รับความนิยมจนเพิ่มเป็นชั้นสองแล้ว เขาพยายามทำเรื่องมากมายเพื่อเพิ่มชื่อเสียงของเขา เขานึกถึงภาพที่แฟนคลับของเขามากแบบมืดฟ้ามัวดินกำลังสรรเสริญเขาที่ได้เลื่อนอันดับ พร้อมนึกถึงซูจิ้งขึ้นมา

 

“หึ ซูจิ้ง หมอนั่นนั้นไม่ได้มีผลงานอะไรเลยในช่วงนี้ ไม่ได้แสดงตัว ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่โดดเด่นเลย แถมยังไม่ออกงานอีก นี่ก็นานแล้วนะหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น ทุกคนคงลืมหมอนั่นไปแล้ว” ตอนนี้เหว่ยหยินไม่ได้พยายามจะหาเรื่องซูจิ้งอีกต่อไปแต่เขาก็ยังคอยเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขาลับหลังแบบนี้แทน เขาอดใจไม่ได้ที่จะเลื่อนไปดูอันดับของซูจิ้ง เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายเขาเห็นชื่อซูจิ้งอยู่ในอันดับที่5นับจากท้ายของรายการซุปเปอร์สตาร์ยอดนิยมชั้นสอง

แต่เมื่อเขาเลื่อนไปดูแต่ไม่พบซื่อซูจิ้ง เขาพยายามหาชื่อซูจิ้งจากเกือบทั้งรายการของชั้นสองแต่กลับไม่พบชื่อซูจิ้งแม้แต่น้อย เหว่ยหยินนั่งทำตาปริบๆก่อนจะหัวเราะแล้วพูดออกมาว่า

 

“ฮ่าฮ่าในที่สุดเจ้าหนูนั่นก็หล่นลงไปชั้นสามแล้วสินะ” เขาได้เข้าไปดูในรายการจัดอันดับซุปตาร์ชั้นสาม เพื่อหาชื่อซูจิ้งแต่ก็หาไม่พบ เขาก็ได้แต่สบสนเล็กน้อยก็จะพูดลอยๆออกมาว่า “ฮ่าฮ่า ในที่สุดการจัดอันดับก็ยุติธรรมซักที เจ้าซูจิ้งไม่ได้มีมนุษย์สัมพันธ์อันดีเลยซักนิด แถมยังพูดแต่เรื่องหยาบกระด้าง ไม่ใช่ดาราแน่นอนอยู่แล้ว โดนดีดออกไปน่ะดีแล้ว”

เหว่ยหยินได้โทรหาเพื่อนของเขาทันทีเพื่อจะได้แชร์ประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่เกิดขึ้นนี้

 

แม้แต่เพื่อนของเขาได้ยินยังต้องประหลาดใจ”ซูจิ้งอ่ะนะโดนดีดออกจากการจัดอันดับ จะเป็นไปได้ไง”

 

เหว่ยหยินพูดด้วยรอยยิ้มออกมาว่า “ก็ไม่แปลกหรอกน่า ไอ้บ้านั่นไม่ใช่ดาราซักหน่อย ถ้าไม่ได้ทำอะไรโดดเด่น ไม่มีโอกาสสร้างชื่อเสียงได้ง่ายๆอยู่แล้ว หลุดจากรายการก็ไม่ใช่เรื่องแปลก มันควรจะโดนดีดไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ”

 

“ไม่มีชื่อเสียงงั้นหรอ นี่นายไม่ได้ดูทีวีช่วงนี้เลยสินะ ตอนนี้เขาดังจนเป็นพลุแตกไปแล้ว เขาจะไม่มีชื่อเสียงไปได้ยังไง  ต่อให้ตาของฉันเป็นต้อจนเกือบบอดยังเห็นเลยว่าอันดับของหมอนั่นต่างหากที่พุ่งจนจะหลุดจากชั้นสองไปแล้ว”

 

“จะเป็นไปได้ยังไง นายบ้ารึเปล่า” เหว่ยหยินตาถลนพร้อมพยายามที่จะไม่รับฟังความจริง

 

“ถ้าไม่เชื่อก็หาเวลาดูข่าวสารบ้านเมืองซะมั่งนะ”

เหว่ยหยินในขณะนี้มีความรูสึกหนักอึ้งอยู่ในใจ เขาได้เปิดรายการจัดอันขึ้นมาอีกครั้งแล้วเลื่อนไปที่การจัดอันดับซุปเปอร์สตาร์อันดับต้นๆ ของชั้นสอง แล้วพบว่ามีชื่อซูจิ้งอยู่ ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องเช็ครายการจัดอันดับนั่นเลยเพราะเพียงแค่เข้าเปิดข่าวขึ้นดู เขาก็พบชื่อของซูจิ้งพาดหัวข่าวอยู่แทบจะทุกเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องช่วยเครื่องบิน บินไปยังเครื่องบินโดยใช้อินทรีย์ทอง ตอนนี้เหว่ยหยินได้แต่ทำหน้าโง่งมไม่อยากเชื่อออกมา ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เหล่าดาราทุกคนต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก พวกเขานั้นต่างเชื่อกันมานานแล้วว่าวิธีที่ที่จะเพิ่มชื่อเสียงให้ได้รับความนิยมนั้นมีเพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ การเป็นนักร้อง เล่นละคร เล่นภาพยนต์ รับงานออกทีวี สำหรับเหตุการณ์แบบตอนการผจญเพลิงของซูจิ้งนั้นแทบไม่มีทางเกิดได้บ่อยๆ ได้เลย ใครจะไปคิดว่าซูจิ้งจะไปช่วยเหตุการณ์จี้ตัวประกันด้วยตัวเอง มันช่างกล้าบ้าบิ่นจนทำให้ความนิยมขึ้นเร็วจนหยุดไม่อยู่

 

ต้องรู้กันก่อนว่าการมีชื่อในการจัดอันดับซุปเปอร์สตาร์ในชั้นสองนั้นถือว่าเป็นเลือกที่ยากมาก ต้องเป็นคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงเป็นประจำและต่อเนื่องซึ่งเป็นเรื่องที่ยากกว่าชั้นสามอย่างเห็นได้ชัด ที่แค่เป็นข่าวนิดหน่อยก็ขึ้นชั้นได้แล้ว ถึงจะอย่างนั้นแต่ซูจิ้งกลับได้รับนิยมอย่างรวดเร็วจนมาถึงขั้นกลางของการจัดอันดับซุปเปร์สตาร์ชั้นสองหรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือซูจิ้งเป็นดาราที่ได้รับความนิยมติดร้อยอันดับแรกไปแล้ว จะร้อนแรงเกินไปไหม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด