Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 826

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 826 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 826 เก็บซ่อนความรู้สึก

 

หลังจากได้พูดออกไปแล้ว หวู่ฉิงติงและหยิงติงได้หันหลังกลับพร้อมเดินออกไปด้วยท่าทีที่ฉุนฉียว

เมื่อพวกเขากลับไปยังที่นั่งตระกูลหวู่ พวกเขาก็ได้แสดงความรู้สึกทั้งหมดออกมา

หยิงติงได้พูดออกมาว่า “ยัยเฉิงหนานนั่นช่างน่าละอายจริงๆ ยัยนั่นมันหน้าบางไม่ใช่หรอ คุณคิดว่ายัยนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่”

 

“พูดเบาๆหน่อยเดี๋ยวพวกนั้นก็ได้ยินกันหมดหรอก” หวู่ฉิงติงพูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา เขานั้นได้สะกิดหหวู่หลิวหยิงก่อนที่จะกระซิบออกมาว่า “พ่อ ผมว่าเราต้องทำให้พวกนั้นต้องวุ่นวายซักหน่อยแล้ว ผมว่าให้หมอนั่นเริ่มแผนการขั้นถัดไปเถอะ”

“ยังไม่ใช่ตอนนี้” หวู่หลิวหยิงยกมือขึ้นเชิงห้ามปราม

“ผมคิดว่าโอฉิงหยุนนั้นยังทำงานได้ไม่ดีพอ หมอนั่นเข้าไปอยู่ในสถาบันวิจัยฯห้วงเวลาฯมาก็นานแล้วแต่หมอนั่นยังไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเราเลย ผมว่าเราอาจต้องบังคับเขาซะหน่อยนะ”

 

หวู่ฉิงติงรีบพูดออกมา เขานั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโอฉิงหยุนที่เข้าไปอยู่ในสถาบันวิจัยฯตั้งนานแล้วก็สมควรที่เขาจะส่งข้อมูลอะไรออกมาได้บ้างแต่นี่ไม่มีอะไรเลย

หากว่าพวกนั้นรู้ตัวจริงก็ควรจะเกิดเรื่องกับโอฉิงหยุนไปแล้ว แต่นี่พวกนั้นก็ยังทำงานปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่หวู่หลิวหยิงเองก็ยังคิดว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาอยู่อีก

 

“เสี่ยวโอเองยังอยู่ในช่วงทดลองงานอยู่เลย แล้วหมอนั่นจะไปได้ข้อมูลอะไรมาได้กัน” หวู่หลิวหยิงพูดออกมา

“ห้ะ ทำไมหมอนั้นยังอยู่ในช่วงทดลองงานอีกล่ะ หมอนั่นต้องแก้ตัวแหงๆ ต่อให้ทดลองงานจริงแต่อย่างน้อยๆก็ควรจะมีพวกข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างห้องวิจัยอะไรพวกนั้นออกมาบ้างสิ

 

พ่อก็รู้ว่าปกติมันก็ควรเป็นแบบนั้น ต่อให้จะรักษาความปลอดภัยดียังไง แต่อย่างน้อยก็ควรมีข้อมูลส่วนนี้

ผมอยากได้ข้อมูลที่พอมีประโยชน์ใช้เล่นงานหมอนั่นได้บ้าง เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

อย่างน้อยๆก็อย่างพวกช่องทางทางธุรกิจของหมอนั่น ผมจะใช้ข้อมูลนั่นไปบีบบังคับซูจิ้งให้ยอมยกยารักษาภาวะมีบุตรยากให้ผม

หึ่ม หมอนั่นนอกจากจะทำให้ผมอับอายแล้วยังเล่นแง่กับผมอีก ในอนาคตผมต้องทำให้หมอนั่นคุกเข่าขอร้องผมให้จงได้” หวู่ฉิงติงสบถออกมา

 

“ถ้าแกทำอะไรผลีผลามอย่างการที่ด่วนตัดสินใจทำอะไรเร็วเกินไปเรื่องพวกนั้นล้วนแล้วแต่นำพาสู่ความหายนะทั้งสิ้นไม่ต้องรีบไปหรอกน่า แต่ถ้าแกจะทำอะไรโดยไม่บอกฉันก่อนละก็ เราจะได้เห็นดีกัน”

หวู่หลิวหยิงพูดออกมาด้วยท่าทีเย็นชาเพราะเขาดูท่าทีของลูกชายแล้ว หมอนี่ย่อมไม่ฟังเขาอย่างแน่นอน

ท่าทีเย็นชาของหวู่หลิวหยิงนั้นแตกต่างจากท่าทีเย็นชาของหวู่ฉิงติงอย่างสิ้นเชิง

 

เพราะมันที่ให้หวู่ฉิงติงรู้สึกเสียวสันหลังจนขนหัวลุกได้ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดที่เขาเองแถบจะไม่เคยรู้สึกจากพ่อของเขามาก่อน

เอาจริงๆเขานั้นไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เกิดจนถึงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

ในช่วงนั้นต่อให้พ่อของเขาโกรธถึงขีดสุดเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความรักอยู่บ้าง

ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าพ่อของเขานั้นถึงแม้จะมีท่าทีห่วงใยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นเหมือนแต่ก่อน เหมือนโดนตัดขาดพ่อลูกไปแล้วยังไงก็ไม่รู้

“แกเข้าใจรึเปล่า” หวู่หลิวหยิงถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เข้าใจแล้วครับ” หวู่ฉิงติงรีบพยกหน้ารับอย่างไวอย่างเชื่อฟัง

 

หวู่หลิวหยิงนั้นในตอนนี้ถึงแม้จะเหมือนวางมือไปแต่ก็ยังถือได้ว่ามีอำนาจเบ็ดเสร็จในตระกูลหวู่อยู่ดี การที่เขาขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ก่อนที่จะหวู่ฉิงติงจะได้พูดอะไรต่อ หวู่หลิวหยิงได้โยนกระดาษใบหนึ่งให้เขาด้วยสีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม

หวู่ฉิงติงได้มองดูแล้วก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นหวู่หลิวหยิงก็ได้เอื้อมมือไปเก็บกลับมาตามเดิมด้วยท่าทีเหลืออด

นี่ทำให้หวู่ฉิงติงนั้นอดไม่ได้ที่จะไม่ก่อเรื่องอะไรแล้วจริงๆ นั่นก็เพราะตอนนี้ตระกูลของเขากำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากธุรกิจของตระกูล

 

ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าหลังจากปัญหาในตระกูลสิ้นสุดลงแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เมื่อนั้นก็คงยังไม่สายที่จะเล่นงานซูจิ้ง

 

“เหอะ ถึงแม้เฉิงหนานจะกลายเป็นผู้ติดตามของซูจิ้งแต่ดูเหมือนว่าจะได้รับความไว้วางใจไม่น้อยเลยนะนั่น” ชายแก่ตัวสูงคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ได้พูดค่อนแคะออกมา

“พี่จิ้งช่างดีกับพี่หนานจริงๆ” เฉิงเสี่ยวหยุนผู้ที่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดของผู้เป็นพ่อได้พูดออกมาอย่างกระดี้กระด้า

“หึ่ม ถ้ามันยอมฟังฉันและยอมแต่งงานเข้าตระกูลจ้าวล่ะก็ ยังไงก้ยังดีกว่าตอนนี้นับสิบเท่า ถ้ามันกลายเป็นคุณนายตระกูลจ้าวหรืออย่างน้อยแต่งก็ไอ้หนูตระกูลหวู่นั่น ยังไงซะก็ยังมีหน้ามีตาดีกว่าตอนนี้อยู่ดี ” ชายแก่ตัวสูงพูดออกมาอย่างเย็นชา

 

เฉิงเสี่ยวหยุนเองก็เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างแล้วจึงทำได้เพียงเม้มปากไว้ไม่พูดอะไรออกมาอีก

เขารู้ดีว่าตอนนี้พูดอะไรกับพ่อผู้ยึดถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่นั้น ยังไงซะก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

ตอนนี้เขาได้เห็นชายร่างสูงที่หน้าคุ้นเคยเข้าไปคุยกับซูจิ้งและเฉิงหนาน เขาคิดในใจว่า “พี่ใหญ่จะทำอะไรน่ะ”

“ไอ้เด็กนี่ไม่ฟังฉันงั้นรึกล้าดียังไงกัน” ชายตัวสูงเองแสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมา

แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายคนโตแล้ว บรรยากาศและความคิดที่ทั้งตระกูลมีต่อเขานั้นล้วนแตกต่างออกไป

เพราะยังไงซะเขาก็จะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป สำหรับครอบครัวที่ถือให้ลูกชายคนโตเป็นผู้สืบทอดแล้ว ต่อให้โกรธมากมายขนาดไหนก็ไม่ทำอะไรก็ลูกคนนั้นอยู่ดี

 

“เสี่ยวหนานเป็นยังไงบ้าง” ชายวัยกลางคนตัวสูงได้เข้าไปคุยกับซูจิ้งและเฉิงหนานที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

“พี่ การที่พี่เข้ามาคุยกับฉันอย่างนี้จะไม่ดีนะ ดูนั่นสิพ่อจ้องมาทางนี้ใหญ่เลยแล้วอย่างนี้พ่อจะไม่โกรธหรอ”

เฉิงหนานเองก็ได้หันไปมองยังชายตัวสูงที่มองมาด้วยท่าทางเย็นชา เธอเองก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหลืออดกับพ่อคนนี้ของเธอ

“หึหึ ถ้ากับอีแค่คุยกับน้องสาวแล้วโกรธจนเป็นฝืนเป็นไฟล่ะก็ ก็ปล่อยให้เขาโกรธไปเถอะ ทำเหมือนกับว่าเขาจะไล่ฉันออกจากบ้านได้อย่างนั้นแหล่ะ

ในอนาคตเธอคิดว่าใครกันที่จะคุมตระกูลเฉิง เธอคิดว่าเขาจะส่งมอบตระกูลให้กับน้องชายที่แสนซนของพวกเรารึไงกัน” ชายตัวสูงวัยกลางคนพูดออกมาอย่างสบายอารมณ์

 

เฉิงหนานถึงกับหัวเราะออกมา ก็จริงที่พี่ของเธอจะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิงในอนาคต ซึ่งการที่เขามาคุยกับเธอเองก็ถือได้ว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

ต่อให้พ่อไม่ยอมยกให้เขาแล้วยกให้น้องเล็กไป กับคนที่เพิ่งจะกำลังเรียนอยู่ในตอนนี้ล่ะก็นี่สิคือเรื่องตลกอย่างแท้จริง

“เสี่ยวหนาน เอาไว้เราหาโอกาสมาคุยกันอีกนะ ไม่ว่าพ่อจะคิดยังไงก็ช่างยังไงซะเราก็ออกไปเจอกันนอกตระกูลอยู่ดี

ต่อให้เธอโกรธพ่อขนาดไหนแต่ก็อย่าได้โกรธพี่น้องของน้องเลยแล้วกันนะ เฉิงเสี่ยวฮงพูดออกมา

“พี่เนี่ยน้า…” เฉิงหนานยิ้มออกมาอย่างสบายอารมณ์ ต่อหน้าคนอื่นนั้นสำหรับทุกคนแล้วเธอคือพี่ใหญ่ที่น่านับถือ แต่กับต่อหน้าเฉิงเสี่ยวฮงแล้ว เธอคือน้องสาวที่แสนน่ารักและชาญฉลาดเท่านั้น

 

“คุณซูผมเองก็ได้ยินชื่อเสียงคุณมาไม่น้อยเลย ขอให้ผมได้แนะนำตัวก็แล้วกัน ผมมีชื่อว่าเฉิงเสี่ยวฮง เป็นพี่ชายของเฉิงหนาน” ชายวัยกลางคนตัวสูงได้ยื่นมืออกมาเพื่อทักทาย

 

“สวัสดีครับ ผมเองก็ได้ยินชื่อเสียงของคุณมาเหมือนกัน” ซูจิ้งก็ยื่นมือออกมาจับเพื่อยอมรับไมตรีเอาไว้

“ผมเองนั้นอยากรู้จักคุณซูมาตั้งนานแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกันแบบนี้ ต้องขอบคุณจริงๆที่ช่วยดูแลน้องสาวผมนะครับ ถ้ายังไงล่ะก็จากนี้ไปก็ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยก็แล้วกัน” เฉิงเสี่ยวฮงพูดออกมา

 

“เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาครับ” ซูจิ้งนั้นรู้สึกได้ในทันทีว่าเฉิงเสี่ยวฮงเองยังคงรักและเอ็นดูน้องสาวของเขาอยู่ไม่ว่าสถานการณ์ของเธอจะเป็นยังไงก็ตาม

เขานั้นไม่ได้สนใจพ่อตัวเองและกล้าเดินออกมาเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบของเฉิงหนาน

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขานั้นยังไม่มีอำนาจในการแก้ปัญหาของคู่สามีภรรยาสุดเลวทราม หรือแม้แต่การที่เฉิงหนานออกมาจากตระกูลแล้วก็ตาม แต่ยังไงซะเขานั้นก็ยังถือว่าเฉิงหนานคือน้องสาวของเขาอยู่ดี

“ผมเองก็หวังว่าคุณซูจะยังคงดูแลน้องสาวของผมดีแบบนี้ต่อไปในอนาคตนะครับ ถึงแม้เธอจะเข้มแข็งมากมายขนาดไหนก็ตามแต่สุดท้ายเธอนั้นก็ยังเป็นผู้หญิงอ่อนแอ

เอาจริงๆนั้นเธอค่อนข้างจะอ่อนต่อเรื่องปัญหาส่วนตัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน อ้อ เสี่ยวหนานถ้าน้องอยากให้พี่ช่วยอะไรก็บอกนะ” เฉิงเสี่ยวฮงเองก็ได้พูดออกมา

 

“พี่ เลิกพูดไปเลย พี่อย่าพูดเรื่องเข้าใจผิดแบบนั้นออกมาได้หน้าเฉยสิ” เฉิงหนานเหลือกตามองบนในทันที เฉิงเสี่ยวหยวนพูดยังกับการฝากฝังน้องสาวกับแฟนหนุ่มอย่างไงอย่างนั้นเลย

“ฮ่าฮ่า งั้นพี่ก็ไม่พูดแล้วก็แล้วกัน พี่กลับก่อนนะ หรือจะลองทำให้พ่อโกรธดูดีล่ะ” เฉิงเสี่ยวฮงหัวเราะออกมา ก่อนที่จะแตะบ่าของซูจิ้งพร้อมมองไปปราดหนึ่งก่อนที่จะเดินจากไป ทำให้ซูจิ้งเองถึงกับมึนๆไปสักพัก

 

ซูจิ้งได้มองเฉิงเสี่ยวฮงเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม และได้หันไปมองที่เฉิงหนาน หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปมองที่ตระกูลเฉิงและตระกูลหวู่

ทันใดนั้นเขาก็เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและพิมพ์ข้อความส่งออกไปในทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด