Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 947

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 947 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 947 หยิบก่อนก็ได้ก่อนสิ (2)

 

ทีมเก็บกู้ใต้น้ำจากทั่วทุกมุมโลกในตอนนี้ได้จับตามองไปยังจุดซากเรือที่เอี้ยป๋อได้ค้นพบและต่างก็พยายามฉกฉวยหยิบชิ้นปลามันนี้กัน

ทีมญี่ปุ่นนี่ยิ่งหน้าไม่อายเข้าไปใหญ่ พวกมันได้อ้างว่าเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ค้นพบ พวกมันแซะทีมที่มาจากจีนจนกลายเป็นว่าทีมของจีนนั้นเป็นพวกไม่อายมาอ้างสิทธิ์เสียแทน แน่นอนว่าเรื่องนี้ คนที่มาทีหลังย่อมไม่รู้อะไรเลยอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามไอ้เรื่องที่ว่าในตอนนี้นั้นไร้ค่าไปทันทีนั่นก็เพราะว่าประเทสที่ตามมาทีหลังนั้นไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน

จนในที่สุดแล้วเรื่องก็ลงเอยที่ว่าใครดีใครได้ไปแทน และแน่นอนว่าคนที่มีเทคโนโลยีในการเก็บกู้มากที่สุดนั้นย่อมได้มันไป

 

นั่นก็เพราะว่าด้วยการที่พื้นที่พบซากเรือนั้นอยู่ใต้น้ำลึกลงไปกว่า 200 เมตร แน่นอนว่าการเก็บกู้นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างแน่นอน

ขนาดญี่ปุ่นที่อ้างว่าเป็นทีมแรกที่ค้นพบนั้น พวกนั้นยังแทบจะไม่เจอร่องรอยอะไรเลยสักนิด ถึงแม้จีนจะตามมาทีหลัง

แต่ด้วยการที่พวกเขานั้นเป็นกลุ่มที่เจออย่างแท้จริง และตอนนี้พวกเขามาด้วยความพร้อมแล้วแน่นอนว่าย่อมถือได้ว่านำหน้าไปมากกว่า

ส่วนทีมอื่นในตอนนี้ถึงแม้ว่าจะตามหลังเพียงเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในระดับที่ไล่ตามทันไม่ยากนัก ในตอนนี้ผู้คนทั้งบนบกและใต้น้ำนั้นต่างก็วุ่นวายกันไปหมด

นี่ถือได้ว่าเป็นการประชันความสามารถในการเก็บกู้ของแต่ละประเทศเลยก็ว่าได้

 

ก่อนหน้านี้ประมาณชั่วโมงหนึ่ง ซูจิ้งได้ขี่อินทรีย์ทองจนมาถึงจุดที่มีการค้นพบซากเรือแล้ว ตอนที่เขามาถึงนั้นก็พบเพียงทีมเก็บกู้ของจีนทีมเดียวเท่านั้น

เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ได้ทำการลอบลงไปใต้น้ำในทันที แต่ทันทีที่เขาดำน้ำลงไปก็ต้องหยุดกลางคันไปพักหนึ่ง

นั่นก็เพราะเขาค้นพบว่าบรรยากาศโดยรอบตัวเขาภายใต้ผืนท้องทะเลอันกว้างใหญ่นี้รู้สึกเป็นมิตรแต่เขาอย่างมาก และแรงกดดันของน้ำที่ต้องเผชิญในระหว่างดำน้ำแทบจะไม่มีผลอะไรกับเขาเลย

ด้วยการที่ซูจิ้งนั้นจะมีร่างกายสุดยอดราวกับซุปเปอร์แมน แถมยังเคยกินชาร์ถังที่ได้มาจากห้วงเวลาฯจูเซียนมาจนถึงขีดสุด

ทำให้ในตอนนี้นั้นเขาสามารถเคลื่อนไหวในนั้นได้ราวกับปลาตัวหนึ่งเลยทีเดียว

ภายใต้การนำทางของปลาวาฬเพชฌฆาต เขาได้ดำดิ่งลงไปได้กว่า 400 เมตรเข้าไปแล้ว และจากที่ประเมินดูแล้วในตอนนี้นั้นเขาน่าอยู่ลึกลงไปได้เต็มที่แค่ 500 เมตร เท่านั้น เอาตรงๆหากว่าตัวเขานั้นพึ่งแต่ความแข็งแกร่งของร่างกายอย่างเดียวล่ะก็ร่างกายของเขาน่าจะทำน้ำลึกได้อยู่ที่ 300 เมตรเท่านั้นเอง

คนทั่วไปนั้นเมื่อไม่มีอุปกรณ์ป้องกันล่ะก็จะสามารถดำน้ำลึกได้เต็มที่อยู่ที่ 50 เมตรนั่นคือขีดสุดเท่าที่มีการบันทึกเอาไว้

ต่อให้มีอุปกรณ์ดำน้ำและเครื่องมือครบครัน เต็มที่ก็ได้เพียง 200 เมตรเท่านั้น แต่การที่ซูจิ้งสามารถดำน้ำลึกได้กว่า 500 เมตร โดยที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันแบบนี้ หากไม่บอกว่าเขาคือสัตว์ประหลาดตนหนึ่งก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วเหมือนกัน

 

“เจ้าวิชาในตำราจ้าวแห่งสายน้ำนั่นแน่นอนว่าตัวมันนั้นย่อมเป็นวิชาธาตุน้ำ นี่ทำให้ฉันอยู่ในน้ำได้อย่างสบายเลยนะเนี่ย ถ้าหากฉันนั้นฝึกแบบจริงจังก่อนหน้านี้ล่ะก็ แน่นอนว่าอยู่ในน้ำได้นานแบบสุดๆอย่างแน่นนอน

อีกทั้งวิชานี้เองก็สมควรที่จะดึงพลังในธรรมชาติของน้ำเข้ามาเก็บสะสมไว้ในร่างกายของฉัน ฉันว่าหากฉันได้บ่มเพราะที่นี่ล่ะก็จะต้องเพิ่มพลังภายในที่แท้จริงของฉันได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว “

เมื่อซูจิ้งคิดได้ดังนั้นเขาจึงได้ลองทำการบ่มเพราะอยู่ที่นี่ เขานั้นไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใดเพราะเมื่อเทียบกันระหว่างสมบัติและการฝึกฝนของเขาแล้ว แน่นอนว่าการฝึกฝนร่างกาย พลังวิญญาณ และพลังภายในนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

 

ในตอนแรกนั้นซูจิ้งเองก็กลัวว่าเวทย์มนต์ไฟของเขานั้นจะขัดกับพลังภายในที่เกิดจากการบ่มเพาะตามตำราจ้าวแห่งสายน้ำจนเกิดความขัดแย้งภายในพลังภายในของเขา

แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเขานั้นได้ฝึกฝนบ่มเพาะตามตำราจ้าวแห่งสายน้ำมากขึ้นเท่าไหร่ พลังภายในของเขานั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

และแน่นอนว่าพลังภายในก็คือพลังภายในไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเวทมนต์ที่เขาใช้แต่อย่างใด ทำให้เขานั้นมันต้องใส่ใจในเรื่องนี้อีกแล้ว

แต่เรื่องนี้เอาจริงๆแล้วก็ไม่ได้แปลกแต่อย่างใดนั่นก็เพราะผู้คนที่อยู่ในห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าแห่งทะเลสาบเทพธิดานั้นแต่ละคนต่างก็ฝึกฝนบ่มเพาะร่างกายและจิตใจด้วยวิธีการที่หลากหลายจนเรียกได้ว่าแทบจะไร้ข้อจำกัด

 

ถ้าไม่นับความต้องการบางอย่างของบางวิชาล่ะก็ บางคนเองก็ยังมีวิชาครบทั้งห้าธาตุเลยด้วยซ้ำ

“ฮูมมมมม……”

หลังจากที่ซูจิ้งดำต่อลงไปได้สักประมาณ 50 เมตร ก็ได้มีบางสิ่งที่ใหญ่โตพุ่งเข้ามาหาเขาในทันที วาฬเพชรฆาตได้เข้ามาถึงตัวเขาก่อนเป็นตนแรก ตามมาด้วยหมึกยักษ์หัวกลม หมึกกล้วยจักรพรรดิ ปลาตาสีน้ำเงิน และปลาชนิดอื่นต่างทยอยว่ายเข้ามาล้อมเขา

เมื่อเห็นดังนั้นซูจิ้งก็ไม่ได้รอช้าแต่อย่างใด เขารีบขึ้นไปขี่วาฬเพชฌฆาตและได้พอทีมเก็บกู้ของเขาทั้งหมดดำลึกลงไป ไม่นานก็ได้พบกับซากเรืออัปปางที่อยู่ลึกลงไปอีก 200 เมตร ซูจิ้งนั้นเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันมากขึ้นเล็กน้อยและกะดูคร่าวๆแล้วเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ประมาณชั่วโมงหนึ่ง

 

ในตอนนี้ซิ้งนั้นสามารถได้ยินเสียงต่างๆได้อย่างชัดเจน และดูเหมือนว่าพวกทีมเก็บกู้จากญี่ปุ่นนั้นนน่าจะกำลังพักกันอยู่ ด้วยการที่พื้นที่นี้เป็นช่วงน้ำลึกมาก แน่นอนว่าพวกนั้นไม่มีทางทำงานอย่างต่อเนื่องได้โดยไม่มีทางหยุดพักอย่างแน่นอน

ซูจิ้งไม่ได้สนใจพวกทีมญี่ปุ่นแต่อย่างใด เขาได้ใช้พลังจิตของเขาตรวจสอบซากเรืออัปปางที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้พื้นที่ตรงนี้จะมืดมากก็จริง แต่ด้วยกระแสจิตของซูจิ้งนั้นไม่ต่างกับเขาใช้ตาตัวเองจ้องมองแต่อย่างใด

เขานั้นยังมองเห็นสภาพพื้นทะเลโดยรอบได้อีกด้วย ในพื้นที่ที่ไม่ไกลจากตรงนี้นักเขาก็ได้พบซากเรือลำอื่นอีกสามซากที่จมลงอยู่ใต้ดิน แน่นอนว่าคนอื่นๆนั้นไม่มีทางที่จะรู้เรื่องนี้ได้เลย อย่าว่าแต่เอี้ยป๋อและโจวซิเซียนเลย ทีมเก็บกู้ทีมอื่นๆเองก็ไม่สามารถพบเจอได้อย่างแน่นอน

ซูจิ้งได้ตรวจสอบดูก็พบว่าของในเรือสองลำนั้นมีไม่มากนั้น ส่วนลำใหญ่สุดที่อยู่ตรงการนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นจารึกต่างๆ และจากรูปร่างของพวกมันแล้วดูเหมือนว่าจะถูกประดับเอาไว้ด้วยทองและเงิน

หลังจากที่ซูจิ้งจ้องมองจาริกชนิดตาเขม็งอยู่พักใหญ่แล้ว เขาก็ได้บังคับให้วาฬเพชฌฆาตว่ายน้ำไปยังบริเวณที่เรือทั้งสามจมอยู่ใต้ดินและเขาได้ให้หมึกยักษ์ให้กลม และราชาหมึกกล้วยช่วยตีดินเลนบริเวณที่เรือจมให้ฟุ้งกระจายออกมา

หมึกยักษ์หัวกลม และราชาหมึกกล้วยได้รีบจัดการใช้หนวดของพวกมันพัดผ่านดินเลนบริเวณดังกล่าวอย่างขยันขันแข็งราวกับใบพัดพัดลมก็ไม่ปานจนกระทั่งเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่และนั่นเองก็ได้ปรากฎซากเรือขึ้นมา

ซูจิ้งได้สั่งให้ทั้งสองหยุดนวดลงก่อนที่จะเปิดไฟฉายขึ้น และทันทีที่เห็นภาพเบื้องหน้าตัวเขานั้นถึงกับริมฝีปากกระตุกไปเล็กน้อย

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็คือภูเขาเหรียญทองที่ไหลอออกมาจากรอยแตกของกล่อง นอกจากเหรียญทองแล้วข้างในนั้นยังเต็มไปด้วยทองแท่งและอัญมณีเม็ดโตเลยทีเดียว

ต่อให้ซูจิ้งนั้นเป็นเศรษฐีอยู่แล้วแต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะใจเต้นรั่วที่ได้เห็นภาพตรงหน้า

“เรือพวกนี้เต็มไปด้วยปืนใหญ่มากมายแถมยังมีเศษซากของชุดเกราะทหารชนิดเต็มสูบแบบนี้นี่ เรือลำนี้สมควรจะเป็นเรือขนส่งสินะ แถมยังเป็นเรือขนส่งสมบัติซะด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงจมลงมาได้ อาจเป็นเพราะพายุเฮอริเคนก็ได้ เอาเถอะ สมบัติพวกนี้ฉันขอรับไปเองก็แล้วกัน”

ซูจิ้งในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางดีใจออกมา เขานั้นได้นำถุงออกมาจากกระเป๋ามิติหลายใบก่อนที่จะให้หมึกยักษ์หัวกลมและราชันย์หมึกกล้วยจัดการโกยสมบัติใส่กระเป๋า พวกมันนั้นในงานแบบนี้ส่วนใหญ่จะรับหน้าที่ในการโยกย้ายสมบัติที่มีขนาดใหญ่และหนัก ส่วนของชิ้นเล็กๆจะตกเป็นหน้าที่ของปลาตาสีน้ำเงินไปแทน แน่นอนว่าทั้งหมดรู้หน้าที่ของตนเป็นอย่างดีเพราะเป็นสิ่งที่ทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว

ส่วนซูจิ้งในตอนนี้นั้นเขาได้ทำการปล่อยกระแสจิตบังคับให้เหรียญทอง เหรียญเงิน อัญมณี และของมีค่าอย่างอื่นใส่เข้าไปในในกระเป๋ามิติ ก่อนหน้านี้นั้นเขาได้เตรียมตัวโดยการเอาของที่ไม่จำเป็นไปไว้ในมิติเก็บของในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯไปหมดแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้เขาเหลือที่ว่างอย่างเหลือเฟือ

ถึแม้กระเป๋ามิติของเขาลูกนี้นั้นจะไม่ได้ใหญ่มาก มันมีช่องมิติขนาดประมาณบ้านหลังเล็กโดยมีพื้นที่หน้าตัดอยู่ที่ 10 ตารางเมตร และปริมาตรอยู่ที่ 30 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น

แต่ถึงเขาจะบ่นออกมาว่ามันเล็ก แต่หากมันเก็บน้ำเอาไว้จนเต็มล่ะก็มันสามารถจุของได้ประมาณ 30 ตัน เลยทีเดียว

แน่นอนว่าหากเปลี่ยนเป็นทองแล้วล่ะก็มันสามารถบรรจุทองคำได้เกือบๆ 600 ตันเลยทีเดียว แน่นอนว่ากับทองคำและสมบัติอื่นๆพวกนี้นั้นไม่ได้มากมายอะไรเลยแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ซูจิ้งยังใช้กระแสจิตของเขาตรวจสอบไปยังทุกซอกทุกมุมของเรือชนิดที่ว่าแต่ให้ไปซุกตรงซอกก็ยังไม่พ้น

ไม่นานนักสมบัติทั้งหมดก็ได้หายวับไปจากเลยเพียงชั่วพริบตา เขาได้ลองตรวจสอบเรืออีกสองลำด้วยแต่เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษ เขาเองก็ได้ลงมือเดินสำรวจด้วยตัวเองซ้ำ แต่พอพบว่าไม่มีอะไรก็ได้เลิกสนใจไป

 

ด้วยกระบวนการที่เกิดขึ้นตั้งแต่การค้นหา สำรวจ เก็บกู้นี้ เอาจริงๆแล้วซูจิ้งใช้เวลาไปไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ต่อให้รวบรวมนักเก็บกู้ซากจากทั่วทั้งโลกมาทำงานแข่งกับซูจิ้งก็ยังเทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวที่เขาลงมือเองด้วยซ้ำในระยะเวลาเท่ากัน

ตอนนี้นักเก็บกู้จากจีนและประเทศต่างๆเองยังคงพึ่งจะถึงและเตรียมตัวที่จะดำลงมาสำรวจด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับซูจิ้งแล้วเห็นได้ชัดว่าพวกนี้ทำงานได้ช้าสุดๆ แต่ให้เร่งยังไงก็เทียบไม่ได้กับเขาอยู่ดี

แต่เอาจริงๆแล้วก็ไม่แปลกแต่อย่างใดนั่นก็เพราะว่าพวกเขานั้นไม่สามารถทำอะไรรีบเร่งได้แม้แต่น้อย หากพวกเขานั้นรีบเกินไปล่ะก็แน่นอนว่าความตายย่อมรออยู่เบื้องหน้าของพวกเขาอย่างแน่นอน

นอกจากนักเก็บกู้ซากจะทำอะไรรีบเร่งไม่ได้แล้ว พวกเขานั้นยังต้องทำการดำดิ่งลงไปด้วยความระมัดระวัง และต้องตื่นตัวในทุกสถานการณ์ ไม่งั้นล่ะก็นอกจากจะไม่สามารถเก็บกู้อะไรได้เลยแล้ว พวกเขาจะไปเฝ้ายมบาลใต้น้ำลึกอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เอาจริงๆตอนนี้ต่อให้รีบก็เท่านั้นเพราะใครจะไปคิดว่าเพียงแค่ช่วงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดี สมบัติทั้งหลายจะหายไปหมดแล้ว

“ฉันว่าฉันควรจะสำรวจช้าๆอีกรอบนะเพื่อว่าจะพลาดอะไรไป อีกอย่างไอ้พวกญี่ปุ่นเองก็ลงมือก่อนฉันไปแล้ว แน่นอนว่าพวกนั้นเองต้องได้ของไปแล้วบางส่วนอย่างแน่นอน และของพวกนั้นแองก็น่าจะเป็นสมบัติเหมือนกัน ต้องขอดูหน่อยล่ะนะว่าพวกมันเอาอะไรไปกันแน่”

เมื่อคิดได้ดังนั้นซูจิ้งได้ส่งกระแสจิตไปบอกให้อินทรีย์ทอง หมึกยักษ์หัวกลม และราชันย์หมึกกล้วยให้ไปซ่อนตัวไม่ไกลนัก

เหตุผลก็เพราะทั้งสามตัวนี้ตัวใหญ่มาก ดีหน่อยตรงที่ว่าในท้องทะเลแบบนี้มันมืดทำให้ง่ายต่อการหลบซ่อน ซูจิ้งเองในตอนนี้ก็ทำการแอบขึ้นไปสูดลมหายใจ ก่อนที่เขานั้นจะกลับลงไปก้นทะเลเพื่อหาที่ซ่อน

แน่นอนว่าเขานั้นไม่ปล่อยให้เวลาเดินหน้าไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาได้ทำการบ่มเพาะวิชาในตำราจ้าวแห่งสายน้ำที่ก้นทะเลนั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด