กระบี่จงมา 883.4 ดอกและผล

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 883.4 ดอกและผล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เสียง​กีบ​เท้า​ม้าของ​ชายแดน​ไม่ดัง​ ต่อให้​ขุนนาง​ศาล​หง​หลู​อย่าง​พวกเรา​พูด​ดัง​แค่​ไหน​ก็​ไร้ประโยชน์​”

“ขอ​แค่​เสียง​กีบ​เท้า​ม้าบน​สนามรบ​ดัง​ราว​ฟ้าผ่า​ ต่อให้​เจ้าไม่พูด​อะไร​สัก​คำ​ก็​ไม่มีใคร​กล้า​พูดจา​เหลวไหล​แล้ว​”

ผู้เฒ่า​ยก​มือขึ้น​มาชี้สวิน​ชวี่​ “คนหนุ่ม​ใน​วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​อย่าง​พวก​เจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ขุนนาง​ที่ทำงาน​อยู่​ใน​ศาล​หง​หลู​ของ​พวกเรา​ทุกวันนี้​ โชค​ดีกัน​มาก​เลย​นะ​ ดังนั้น​พวก​เจ้าต้อง​ทะนุถนอม​ความโชคดี​ที่​ได้มา​ไม่ง่าย​นี้​เอาไว้​ แล้ว​ยัง​ต้อง​คอย​นึกถึง​ความ​อันตราย​และ​ยากลำบาก​ใน​ยาม​ที่​ชีวิต​สุขสงบ​ ต้อง​พยายาม​ให้​มาก​ๆ เข้า​”

ผู้เฒ่า​เอา​สอง​มือ​ไพล่หลัง​ หัวเราะ​เย้ยหยัน​ตัวเอง​ “ครั้งนั้น​ถือว่า​ข้า​อัดอั้น​จน​บาดเจ็บ​ภายใน​เชียว​ล่ะ​ ด้วย​ความโมโห​จึงคิด​จะลา​ออกจาก​การ​เป็น​ขุนนาง​ รู้สึก​ว่า​จะมีหรือไม่​มีข้า​ก็​ไม่มีประโยชน์​กะ​ผายลม​อะไร​ทั้งนั้น​”

“วันที่​ข้า​ยื่น​เอกสาร​ลาออก​ไป​ที่​ราชสำนัก​ ท่าน​ราชครู​ก็​มาเยือน​ศาล​หง​หลู​อย่าง​ที่​ใคร​ก็​คาดไม่ถึง​ ตอนนั้น​ถึงอย่างไร​ข้า​ก็​ยัง​ถือว่า​เป็น​ขุนนาง​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ของ​ที่นี่​ ก็​เลย​มาพบ​ใต้เท้า​ราชครู​ ข้า​สะสมความไม่พอใจ​ไว้​เต็ม​ท้อง​ แต่​ก็​จงใจไม่ผายลม​ออก​ไป​แม้แต่​ครั้ง​เดียว​ ใต้เท้า​ราชครู​เอง​ก็​ไม่พูด​อะไร​ ไม่โน้มน้าว​ ไม่ด่า​ ไม่โกรธ​ ภายหลัง​ที่​คน​เอา​ไป​เล่าลือ​กัน​ว่า​ราชครู​ช่วย​ให้​คำ​ชี้แนะ​ข้า​อย่าง​จริงใจ​อะไร​นั่น​ ไม่ได้​ใกล้เคียง​กับ​ความจริง​เลย​สัก​นิดเดียว​ อันที่จริง​ราชครู​ถามข้า​แค่​คำถาม​เดียว​ หาก​มีเพียง​ตอนที่​แคว้น​เจริญรุ่งเรือง​ การ​เป็น​ขุนนาง​จึงจะถือว่า​มีรส​มีชาติ​ ถ้าอย่างนั้น​เมื่อ​แคว้น​อ่อนแอ​ ใคร​เล่า​จะมาเป็น​ขุนนาง​”

อยู่ดีๆ​ ผู้เฒ่า​ก็​ยก​มือขึ้น​ปัด​ไหล่​ของ​ตนเอง​อย่าง​ไร้​ต้นสายปลายเหตุ​ น่าเสียดาย​ที่​ไม่ใช่หน้าหนาว​ ยัง​ไม่มีหิมะ​ตก​ลงมา​

การ​พบ​เจอกัน​ปลายปี​หยวน​เจีย​ที่​ห้า​ครานั้น​เป็น​ช่วงเวลา​ที่​หิมะ​ใหญ่​ตก​ลงมา​พอดี​ บน​ถนนหนทาง​มีหิมะ​ทับถม​กอง​เป็น​พะเนิน​หนา​ กด​ทับ​ให้​กิ่ง​ของ​ต้นสน​ต้น​ป่าย​แตกหัก​ลงมา​เป็นระยะ​ เสียง​ลั่น​เปรี๊ยะ​ๆ ดัง​ต่อเนื่อง​

ปี​นั้น​ก่อนที่​ราชครู​จะออก​ไป​จาก​ศาล​หง​หลู​ก็ได้​ตบ​ไหล่​ของ​ฉางซุน​เม่า ใบหน้า​ประดับ​ยิ้ม​ เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​กับ​ซื่อ​ชิงศาล​หง​หลู​ที่​กำลังจะ​ลาออก​ด้วย​จิตใจ​ที่​เป็นกลาง​

แต่​ไม่เป็นไร​ หาก​เจ้าฉางซุน​เม่าไม่ยินดี​จะเป็น​ขุนนาง​อย่าง​ขับ​ข้องใจ​ ย่อม​ต้อง​มีคนอื่น​ยืนหยัด​ออกหน้า​มาแทน​ เจ้าก็​ออกจาก​ราชการ​ไป​นั่ง​เสวยสุข​อยู่​ใน​ศาลา​ พูด​กับ​พวก​นักประพันธ์​อย่าง​สบายใจ​ จะด่า​ฟ้าด่า​ดิน​ก็​ตามใจชอบ​ วางใจ​ได้​เลย​ว่า​วันหน้า​ราชสำนัก​ต้า​หลี​จะยัง​ยอมรับ​บัณฑิต​ที่​มีปณิธาน​อย่าง​เจ้าได้​

ฉางซุน​เม่ามอง​ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​บน​ถนน​

ราวกับ​มอง​เห็นภาพ​ใน​อดีต​อย่าง​เลือนราง​

ผู้เฒ่า​สวม​ชุด​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ที่​จอน​ผม​สอง​ข้าง​เป็น​สีดอกเลา​คน​หนึ่ง​ค่อยๆ​ เดิน​จากไป​ไกล​ท่ามกลาง​ลม​หิมะ​ ไป​จาก​ศาล​หง​หลู​ทั้งอย่างนั้น​

วันนี้​ฉางซุน​เม่าก็​ยังมี​คำพูด​บางอย่าง​ที่​ไม่ได้​พูด​ออก​ไป​

ยกตัวอย่างเช่น​ประโยค​ที่​ปี​นั้น​ตน​ถูก​ขุนนาง​สกุล​หลู​ทำให้​โมโห​จน​ควัน​แทบ​ผุด​ออกจาก​ทวาร​ทั้ง​เจ็ด​ อันที่จริง​สิ่งที่​ทำให้​ฉางซุน​เม่ารู้สึก​หมดอาลัยตายอยาก​อย่าง​แท้จริง​เป็น​เพราะ​หาง​ตา​เหลือบ​ไป​เห็น​สีหน้าที่​แทบจะ​ใกล้เคียง​กับ​คำ​ว่า​ชินชา​ของ​พวก​คน​เฒ่าคนแก่​ใน​ศาล​หง​หลูต้า​หลี​มากกว่า​ ราวกับว่า​นั่น​เป็น​เหตุผล​ชอบธรรม​ที่​แผ่ออก​มาจาก​กระดูก​

ฉางซุน​เม่าเดินหน้า​ต่อ​อีกครั้ง​ “ข้า​น่ะ​โชคดี​ได้​อยู่​ใน​ยุคสมัย​แห่ง​ความ​ผาสุก​ เกิด​มาใน​ครอบครัว​ฐานะ​พอมีอันจะกิน​ อายุ​น้อย​ๆ ก็​มีชื่อเสียง​แล้ว​ มีความสามารถ​ใน​การ​เป็น​ขุนนาง​ ครอบครัว​อยู่ดี​มีสุข​ แต่ง​ภรรยา​ที่​เรียบร้อย​เพียบพร้อม​ ให้กำเนิด​บุตร​ที่​ฉลาดเฉลียว​ เจอ​กับ​การเปลี่ยนแปลง​ที่​พันปี​ไม่เคย​มีปรากฏ​มาก่อน​ ราชสำนัก​ใสสะอาด​ กองทัพ​แข็งแกร่ง​ ผงาด​ลุก​อย่าง​กล้าหาญ​ กอบกู้​วิกฤต​ร้าย​ให้​กลายเป็น​ดี​ วัยชรา​มีความสุข​อยู่​กับ​ลูกหลาน​ หาก​ในอนาคต​จากไป​อย่าง​ไร้​โรค​ภัย​ได้​ แล้ว​ยัง​ได้รับ​สมญานาม​ย้อนหลัง​หลัง​ที่​จากไป​แล้ว​ ชีวิต​นี้​ก็​สามารถ​พูด​ได้​ว่า​สมบูรณ์พูนสุข​แล้ว​”

ฉางซุน​เม่าพลัน​หันหน้า​มาถาม “ความรู้​ของ​เจ้าขุนเขา​เฉิน​เป็น​อย่างไร​?”

สวิน​ชวี่​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ เพราะ​คราว​ก่อนที่​พบ​เจอกัน​ ใต้เท้า​ซื่อ​ชิงก็​เคย​ถามคำถาม​ทำนองเดียวกัน​นี้​ไป​แล้ว​ และ​สวิน​ชวี่​ก็​ให้​คำตอบ​ของ​ตัวเอง​ไป​แล้ว​

ฉางซุน​เม่ายก​สอง​มือขึ้น​มาเป่า​ลม​เบา​ๆ ยิ้ม​เอ่ย​ “แต่ง​กลอน​มีอะไร​ยาก​ ก็​แค่​ต้อง​สัมผัส​คล้องจอง​เท่านั้น​”

แต่ง​กลอน​เป็น​เช่นนี้​ เป็น​ขุนนาง​ก็​เช่นเดียวกัน​ บางที​เป็น​ราชครู​ก็​คง​เป็น​เช่นนี้​เหมือนกัน​กระมัง​?

สวิน​ชวี่​ฟังด้วย​ความ​มึนงง​สนเท่ห์​

เรือน​ใหญ่​หลัง​หนึ่ง​ใน​ตรอก​อี้​ฉือ​ ตรง​เก้าอี้​ประธาน​ของ​ห้องโถง​มีหญิง​ชรา​ที่​แม้จะแก่เฒ่า​แต่​ก็​ยัง​แข็งแรง​คน​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​ มือสอง​ข้าง​ค้ำ​อยู่​บน​ไม้เท้า​ ยิ้ม​ตาหยี​มอง​ไป​ยัง​ฮองเฮา​และ​แม่นาง​น้อย​คน​หนึ่ง​ที่อยู่​นอก​ประตู​

ใน​วงการ​ขุนนาง​ หญิง​ชรา​ได้​รับคำ​เรียกขาน​อย่าง​ให้​ความเคารพ​ว่า​เหล่า​ไท่จ​วิน​

นาง​อายุ​น้อยกว่า​นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​กวน​แค่​สิบสอง​ปี​ ห่าง​กัน​หนึ่ง​รอบ​พอดี​ ทั้ง​ยัง​เกิด​ปี​นักษัตร​เดียวกัน​

หญิง​ชรา​ลุกขึ้น​ยืน​ถวายบังคม​แก่​ฮองเฮา​

รับ​การ​คารวะ​มาก่อน​ จากนั้น​ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​ก็​รีบ​ใช้สถานะ​ของ​ผู้เยาว์​ใน​ตระกูล​คารวะ​กลับคืน​ไป​

อวี๋อวี๋​ตะโกนเรียก​เสียงดัง​ว่า​ “ท่าน​ป้า​รอง​!”

เหล่า​ไท่จ​วิน​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​

ซ่งซวี่​รู้สึก​อึดอัด​อย่าง​ถึงที่สุด​

เวลา​ปกติ​เหล่า​ไท่จ​วิน​จะใช้ชีวิต​บั้นปลาย​อย่าง​สงบ​อยู่​ที่​บ้านเกิด​

แซ่สกุล​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ไม่ใช่ว่า​จะอยู่​ที่​เมืองหลวง​เหมือน​อย่าง​หยวน​และ​เฉาทั้งหมด​

ยกตัวอย่างเช่น​รากฐาน​ของ​ตระกูล​กวน​ก็​ยังอยู่​ที่​เมือ​งอ​วิ๋น​ไจ้จังหวัด​อี้​โจว​

เหล่า​ไท่จ​วิน​กับ​ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​นั่งลง​บน​เก้าอี้​สอง​ตัว​ที่อยู่​ติดกัน​ หญิง​ชรา​ยื่นมือ​มากุมมือ​ของ​อวี๋เหมี่ยน​ไว้​เบา​ๆ มอง​ไป​ทาง​แม่นาง​น้อย​ที่นั่ง​อยู่​ฝั่งตรงข้าม​ ยิ้ม​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​ปลาบปลื้ม​มีเมตตา​ “ไม่ได้​เจอกัน​แค่​ไม่กี่​ปี​ ในที่สุด​ก็​พอ​จะมีท่าที​ของ​หญิงสาว​บ้าง​แล้ว​ เวลา​เดิน​ก็​มีจังหวะ​แช่มช้อย​อยู่​บ้าง​ ไม่อย่างนั้น​มอง​แล้ว​จะเหมือน​เด็กผู้ชาย​ตัว​ปลอม​ ออกเรือน​ยาก​”

อวี๋อวี๋​หัวเราะ​ฮ่าๆ “ใช่แล้ว​ๆ ทุกปี​น้ำหนัก​เพิ่มขึ้น​สอง​สามจิน​ อีก​แค่​ไม่กี่​ปี​ก็​จะใช้คำ​ว่า​ ‘แข็งแกร่ง​ทรงพลัง​’ ได้​แล้ว​! ถึงเวลา​นั้น​ก่าย​เยี่ยน​กับ​หัน​โจ้วจิ่น​รวมกัน​ก็​ยัง​สู้ข้า​ไม่ได้​”

ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​คลี่​ยิ้ม​เป็นปกติ​

องค์​ชาย​ที่นั่ง​อยู่​ข้า​งอ​วี๋อวี๋​ได้​แต่​เกร็ง​หน้า​ขึง​ตึง​ ดื่ม​ชาไป​เงียบๆ​

เหล่า​ไท่จ​วิน​ฟังเจ้าคน​คาบข่าว​อย่า​งอ​วี๋อวี๋​เล่าเรื่อง​ประหลาด​ที่​เกิดขึ้น​ใน​เมืองหลวง​ช่วง​ที่ผ่านมา​

บางครั้ง​ก็​วิจารณ์​บ้าง​สอง​สามประโยค​

“เป็น​คน​นี่​นะ​ เรียบง่าย​มาก​ พยายาม​ทำ​เรื่อง​ที่​ต้อง​ขมวดคิ้ว​ให้​น้อยลง​หน่อย​ ข้าง​กาย​พยาม​ให้​มีคน​ที่​เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน​น้อยลง​ ถนนหนทาง​ก็​กว้างขวาง​ขึ้น​แล้ว​”

“เจ้าลูก​ตะพาบ​หยวน​ฮว่า​จิ้งผู้​นั้น​ฝึก​ตน​ได้​ราบรื่น​เกินไป​ ขอบเขต​ได้มา​เร็ว​เกินไป​ มาด​ของ​ยอด​ฝีมือ​ยัง​ไม่ทัน​ตามทัน​ นี่​ก็​เป็น​หลักการ​เดียวกัน​กับ​ที่​ตัว​สูงขึ้น​พรวด​ๆ แต่​สมอง​กลับ​โต​ตาม​ไม่ทัน​นั่นแหละ​”

องค์​ชาย​ซ่งซวี่​ยังคง​แสร้ง​ทำเป็น​ว่าไม่ได้​ยิน​อะไร​ทั้งนั้น​

อันที่จริง​อายุ​ของ​เหล่า​ไท่จ​วิน​กับ​หยวน​ฮว่า​จิ้งนั้น​พอๆ กัน​

ซ่งซวี่​เคย​ได้​ฟังเรื่องเก่าแก่​ใน​อดีต​เรื่อง​หนึ่ง​มาจากอ​วี๋อวี๋​ที่​ปากไม่มีหูรูด​ ตอนที่​หยวน​ฮว่า​จิ้งยัง​เป็น​เด็กหนุ่ม​เคย​มีความขัดแย้ง​ที่​ค่อนข้าง​เปี่ยม​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​ของ​ยุทธ​ภพ​กับ​เหล่า​ไท่จ​วิน​มาก่อน​

เหล่า​ไท่จ​วิน​กล่าว​ “ระหว่าง​ที่​เดินทาง​มามอง​ไกลๆ​ ไป​เห็น​เรือ​ลำ​หนึ่ง​จอด​อยู่​ชานเมือง​ ดูเหมือน​ลั่ว​อ๋อง​จะอยู่​บน​นั้น​”

ซ่งมู่อ๋อง​เจ้าเมือง​เป็น​พี่น้อง​ร่วมอุทร​ของ​ฮ่องเต้​ซ่งเห​อ​ ได้รับแต่งตั้ง​ให้​เป็น​อ๋อง​ปกครอง​พื้นที่​ศักดินา​ลั่ว​โจว​ และ​ลั่ว​โจว​ก็​เป็นหนึ่ง​ใน​ดินแดน​ต้นกำเนิด​ลำน้ำ​ใหญ่​ที่อยู่​ภาค​กลาง​สาย​นั้น​

ซ่งซวี่​เอ่ย​ทันใด​ว่า​ “ตอบ​เหล่า​ไท่จ​วิน​ เสด็จ​อา​ได้​โดยสาร​เรือ​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​เปลี่ยว​ร้าง​แล้ว​”

เหล่า​ไท่จ​วิน​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ ตบหลัง​มือ​ของ​ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​เบา​ๆ

หญิง​ชรา​ยิ้ม​ถาม “องค์​ชาย​ ท่าน​รู้สึก​ว่า​เซียน​กระบี่​เฉิน​แห่ง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เหมือน​ราชครู​ของ​พวกเรา​มากกว่า​ หรือ​เหมือน​เจ้าขุนเขา​ฉีแห่ง​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​มากกว่า​?”

ซ่งซวี่​ลำบากใจ​เล็กน้อย​ จึงเหลือบตา​ไป​มอง​เสด็จ​แม่

อวี๋เหมี่ยน​ส่ายหน้า​เบา​ๆ

อวี๋อวี๋ตบ​ที่​เท้าแขน​เก้าอี้​ เด็กสาว​ยังคง​พูดจา​อย่าง​ไร้​ยำเกรง​เหมือน​ทุก​ครา​ “เหมือน​ทั้งคู่​เลย​!”

“เป็นไปไม่ได้​”

หญิง​ชรา​ส่ายหน้า​ “ปี​นั้น​ตอนที่​เจ้าขุนเขา​ฉีสอนหนังสือ​อยู่​ที่​สำนักศึกษา​ ทั้ง​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​เหมือน​นั่ง​อาบ​ไล้​อยู่​ท่ามกลาง​ลม​วสันต์​ ทั้ง​ให้​ความรู้สึก​ถึงความน่ารัก​ของ​ฤดูหนาว​ หัน​กลับมา​มอง​ราชครู​ที่​วางแผน​ยุ​คนใน​ให้​สามัคคี​ยุ​ให้​คนนอก​แตกแยก​อยู่​ใน​ราชสำนัก​ ทั้ง​ทำให้​คน​รู้สึก​เยียบ​เย็น​เหมือน​สายลม​ฤดูใบไม้ร่วง​ ทั้ง​ยังมี​ความ​น่าหวาดกลัว​ของ​ฤดูร้อน​ ทั้งสอง​คน​นิสัย​แตกต่าง​ ไม่ใกล้เคียง​กัน​เลย​สักนิด​ คน​คน​หนึ่ง​จะมีทั้งสอง​นิสัย​ได้​อย่างไร​ อวี๋อวี๋​ เจ้าต้อง​มอง​ผิด​เป็นแน่​ องค์​ชาย​ ยังคง​เป็น​ท่าน​ที่​ตรัส​เอง​เถิด​เพคะ​?”

ซงซวี่​จึงได้​แต่​ใคร่ครวญ​ใช้ถ้อยคำ​อย่าง​ระมัดระวัง​ เอ่ย​เนิบ​ช้าว่า​ “ข้า​คิด​ไม่ต่าง​จากอ​วี๋อวี๋​เท่าไร​ บางที​ข้า​ก็​อาจ​มอง​ผิด​ไป​เหมือนกัน​”

เหล่า​ไท่จ​วิน​หัวเราะ​ร่า​ผงกศีรษะ​เอ่ย​ว่า​ “ขนม​หมา​สือ​ (ขนม​โมจิ) อร่อย​”

กอง​โหราศาสตร์​

หัวหน้า​และ​รองหัวหน้า​สอง​คน​เริ่ม​สอบถาม​เรื่อง​หนึ่ง​กับ​หยวน​เทียน​เฟิง เพราะ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​เตรียม​จะเปลี่ยน​ชื่อ​หลง​โจว​ให้​เป็น​ชู่โจว​ ชื่อ​นี้​อิง​ตาม​ทฤษฎี​การ​แบ่งแยก​ดวงดาว​ นอกจากนี้​ชื่อ​และ​ขอบเขต​ของ​อำเภอ​กับ​เขต​แต่ละ​แห่ง​ก็​ต้อง​มีการเปลี่ยนแปลง​ตาม​ไป​ด้วย​ ปี​นั้น​ยก​เขต​หลง​เฉวียน​ขึ้น​เป็น​จังหวัด​หลง​โจว​ เนื่องจาก​อาณาเขต​คล​อบ​คลุม​พื้นที่​มงคล​หลี​จูที่​หยั่งราก​ลง​สู่พื้นดิน​ไป​เกิน​ครึ่ง​ เมื่อ​เทียบ​กับ​จังหวัด​ทั่วไป​แล้ว​ อาณาเขต​ของ​หลง​โจว​จึงกว้างขวาง​กว่า​มาก​ ทว่า​พื้นที่​ใต้​การปกครอง​กลับ​มีแค่​สี่เขต​อย่าง​ชิงสือ​ เป่า​ซี ซาน​เจียง​และ​เซียงฮว่อ​เท่านั้น​ นี่​เป็นการ​จัดตั้ง​ที่​ไม่ปกติ​อย่างยิ่ง​สำหรับ​ราชสำนัก​ค้า​หลี​ ดังนั้น​ทุกวันนี้​นอก​จากก​จะเปลี่ยน​ชื่อ​จังหวัด​แล้ว​ยัง​ต้อง​เพิ่ม​เขต​อีก​มากมาย​เข้าไป​ รวมไปถึง​เพิ่ม​อำเภอ​ใหม่​ให้​มากขึ้น​ เท่ากับ​ว่า​อำเภอ​ เขต​และ​จังหวัด​ของ​หลง​โจว​ถูก​รื้อ​เปลี่ยน​ทั้งหมด​แล้ว​ค่อย​เริ่ม​จัดตั้ง​กัน​ใหม่​

เว่ยห​ลี่​ผู้ว่า​จังหวัด​หลง​โจว​คน​ปัจจุบัน​ อีกไม่นาน​ทาง​ราชสำนัก​จะมีหน้าที่​สำคัญ​อย่าง​อื่น​ให้​ทำ​

วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​เห็นพ้องต้องกัน​ว่า​มีสอง​สถานที่​ฮวงจุ้ย​มงคล​ที่​ง่าย​ต่อ​การ​เลื่อนขั้น​ยกระดับ​มาก​ที่สุด​ หนึ่ง​คือ​ตัว​จังหวัด​หลง​โจว​เอง​ อีก​หนึ่ง​คือ​แคว้น​ชิงหลวน​พื้นที่​ใต้​อาณัติ​เก่า​

หยวน​เทียน​เฟิงดู​ภาพ​แผนที่​ของ​จังหวัด​หลง​โจว​เก่า​แล้ว​ยิ้ม​เอ่ย​ “ข้า​แค่​รับผิดชอบ​เรื่อง​การ​ตั้งชื่อ​ หาก​เกี่ยวพัน​ไป​ถึงการ​แบ่ง​อาณาเขต​ของ​อำเภอ​และ​เขต​ที่​เป็น​รูปธรรม​ ข้า​ไม่มีทาง​ให้​คำ​เสนอแนะ​ใดๆ​ ส่วน​ชื่อ​พวก​นี้​จะเอา​ไป​ใช้กับ​เขต​หรือ​อำเภอ​ กอง​โหราศาสตร์​ของ​พวก​เจ้าก็​เอา​ไป​ปรึกษา​กับ​กรม​พิธีการ​กันเอา​เอง​เถอะ​”

กอง​โหราศาสตร์​นอกจาก​จะเรียบเรียง​ปฏิทิน​ขึ้น​มาแล้ว​ อันที่จริง​ยัง​เรียก​รวม​เป็น​สำนัก​ชัยภูมิ​อาจารย์​ชิงอู​ จึงมีสิทธิ์​มีอำนาจ​ใน​การสำรวจ​ภูมิศาสตร์​เช่นกัน​

หาก​จะบอ​กว่า​การเปลี่ยนแปลง​ของ​ปราก​ฎการณ์​ฟ้าเกี่ยวข้อง​กับ​ความรุ่งโรจน์​ความ​เสื่อมถอย​ของ​จักรพรรดิ​ใน​โลก​มนุษย์​อย่าง​แนบแน่น​ ถ้าอย่างนั้น​การ​ที่​กอง​โหราศาสตร์​ใช้ศาสตร์​ของ​การคำนวณ​มาอนุมาน​วิถี​แห่ง​ฟ้า จากนั้น​ก็​นำมา​เรียบเรียง​จัด​ทำเป็น​ปฏิทิน​ ทำความเข้าใจ​ปราก​ฎการณ์​ทาง​ดาราศาสตร์​ ก็​เป็น​การกระทำ​ที่​สร้าง​วัน​เวลา​ขึ้น​มา

หม่า​เจียน​ฟู่ยิ้ม​กล่าว​ “เชิญอาจารย์​หยวน​พูด​ได้​อย่าง​เต็มที่​เลย​”

ทำนาย​ดวง​ กำจัด​เสนียด​ชั่วร้าย​ ขอพร​ ชั่งกระดูก​ดู​ชะตา​ อักษร​เกิด​แปด​ตัว​ คำนวณ​ดวงชะตา​ ทำนาย​ฝัน​…

อาจารย์​หยวน​ท่าน​นี้​ล้วน​เชี่ยวชาญ​ทุก​เรื่อง​

หยวน​เทียน​เฟิงร่าย​รายชื่อ​ของ​อำเภอ​และ​เขต​ออกมา​เป็น​พรวน​ เซียน​ตู​ จิ้น​อวิ๋น​ ห​ลัน​ซี อู​ซาน​ อู่​อี้​ เห​วิน​เฉิง…

หัวหน้า​กอง​และ​รองหัวหน้า​กอง​ฟังมาถึงชื่อ​ใน​ช่วง​ท้าย​ๆ ก็​หันมา​สบตา​แล้ว​ยิ้ม​ให้​กัน​

หยวน​เทียน​เฟิงพลัน​เอ่ย​ว่า​ “เรื่อง​ของ​การ​ตั้งชื่อ​ อันที่จริง​พวก​เจ้ายัง​สามารถ​ลอง​สอบถาม​ความเห็น​ของ​คนอื่น​ดู​ได้​ ไม่แน่​ว่า​อาจ​มีเรื่อง​น่ายินดี​ที่​ไม่คาดฝัน​”

ใต้เท้า​หัวหน้า​กอง​มอง​ไป​ยัง​รองหัวหน้า​กอง​แล้ว​กระแอม​หนึ่ง​ที​

หม่า​เจียน​ฟู่แสร้ง​ทำเป็น​ไม่ได้ยิน​ ใต้เท้า​เจียน​เจิ้งก็​เริ่ม​กระแอม​ไอ​ขึ้น​มาอีก​

หม่า​เจียน​ฟู่หันหน้า​มาถาม “ใต้เท้า​เจียน​เจิ้ง ท่าน​ไม่สบาย​คอ​หรือ​?”

เจียน​เจิ้งถอนหายใจ​ยาวเหยียด​ “ช่างเถิด​ๆ”

หม่า​เจียน​ฟู่ถอนหายใจ​โล่งอก​

คาดไม่ถึง​ว่า​ใต้เท้า​เจียน​เจิ้งจะพูดว่า​ “คน​มีความสามารถ​ก็​มัก​ต้อง​เหนื่อย​กว่า​คนอื่น​ ครั้งนี้​ยังคง​ต้อง​ให้​น้อง​หม่า​แสดง​ฝีมือ​ (ภาษาจีน​คือ​ชูหม่า​ แปล​ตรงตัว​ว่า​ปล่อย​ม้า) อีกครั้ง​ ก็​แซ่หม่า​นี่​นะ​ ต้อง​หนึ่ง​ม้านำหน้า​ ม้ามาความสำเร็จ​บังเกิด​แน่นอน​”

ฝ่าย​เต้า​เจิ้งเมืองหลวง​

นักพรต​ที่​เป็น​ผู้นำ​ซึ่งมาจาก​หน่วย​ฉงซวี​ต้า​หลี​คอย​ฟังการประชุม​อยู่​ตลอด​ ไม่ได้​เอ่ย​แทรก​สัก​คำตั้ง​แต่ต้น​จนถึง​ตอนนี้​

เมื่อ​การประชุม​สิ้นสุดลง​ก็​แค่​เดิน​ออกจาก​อาราม​เต๋า​มาพร้อม​เก๋​อห​ลิ่ง​

เก๋​อห​ลิ่ง​คือ​คน​ของ​จวี้หรง​ซึ่งเป็น​อาณาเขต​ทาง​ทิศตะวันออกเฉียงใต้​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​

เขา​กับ​นักพรต​ของ​อาราม​ป๋า​ยอ​วิ๋น​แคว้น​ชิงหลวน​ อันที่จริง​บ้านเกิด​ของ​สอง​ฝ่าย​อยู่​ใกล้​กัน​มาก​ เพียงแต่ว่า​ก่อนที่​แต่ละคน​จะเข้า​เมือง​ไม่เคย​คบค้าสมาคม​กัน​มาก่อน​

สวนดอกไม้​ของ​วังหลวง​ สตรี​ฟุบ​ตัว​อยู่​บน​โต๊ะ​ ร้องไห้​สะอึกสะอื้น​

สตรี​พลัน​เงยหน้า​ขึ้น​ แค่น​เสียง​หึ​ใน​ลำคอ​ คอย​ดู​กัน​ไป​เถอะ​!

เพียงแต่​เมื่อ​นาง​เห็น​ตะเกียบ​ไผ่​เขียว​ที่​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ก็​อด​โศกา​อาดูร​ โทษ​คน​บ่น​ฟ้าขึ้น​มาอีก​ไม่ได้​

ตรอก​เล็ก​

เส้นเอ็น​หัวใจ​ของ​หลิว​เจีย​พลัน​หด​รัดตัว​ หันหน้า​มอง​เข้าไป​ใน​ตรอก​เล็ก​

เด็กหนุ่ม​เบิกตา​กว้าง​ เพิ่งจะ​เคย​เห็น​แขกไม่ได้รับเชิญ​ที่​เดิน​ออก​มาจาก​ตรอก​เล็ก​ ไม่ได้​เดิน​เข้าไป​ใน​ตรอก​เล็ก​เป็นครั้งแรก​ เป็น​โจร​ที่​ตบะ​สูงถึงเพียงนี้​เชียว​หรือ​?

หลิว​เจีย​โมโห​ไม่เบา​ เจ้าตัวดี​ ถึงกับ​กล้า​บุกเข้าไป​ใน​เรือน​ของ​ราชครู​โดยพลการ​เชียว​รึ​?

คิด​ว่า​ผู้ฝึก​ตน​ก่อกำเนิด​อย่าง​ข้า​กิน​หญ้า​อย่างนั้น​รึ​?

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าสีหน้า​นิ่ง​สนิท​ราวกับ​ผืนน้ำ​ “รีบ​บอกชื่อ​แซ่มา จากนั้น​ก็ตาม​ข้า​ไป​กรม​อาญา​ด้วยกัน​”

หาก​ไอ้​หมอ​นี่​ทะเล่อทะล่า​เข้ามา​ใน​ตรอก​เล็ก​ ตน​ยัง​พอ​อะลุ้มอล่วย​ให้ได้​ หาก​ขวาง​ไว้​ได้​ก็​ขวาง​ไว้​ ขวาง​ไม่ได้​ก็​ถือว่า​อีก​ฝ่าย​เป็นยอด​ฝีมือ​ที่​ใจกล้า​

ทว่า​ไอ้​เจ้านี่​กลับ​ข้าม​อาณาเขต​เข้ามา​โดยตรง​ เดิน​ออก​มาจาก​ใน​เรือน​ของ​ท่าน​ราชครู​ ก้าว​อาด​ๆ มาหยุด​อยู่​ตรงหน้า​ตน​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​ขอโทษ​ด้วย​ ไม่มีพื้นที่​ให้​ถอยหลัง​กลับ​ ไม่อาจ​ปรึกษา​กัน​ได้​อีกแล้ว​

คน​ผู้​นั้น​ยืน​อยู่​ริม​อาณาเขต​ของ​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​หยก​ขาว​ เอ่ย​แนะนำ​ตัวเอง​ว่า​ “เจิ้งจวี​จงแห่ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​”

เด็กหนุ่ม​กำลังจะ​อธิบาย​ให้​อาจารย์​ฟังสอง​สามประโยค​ด้วย​ความเคยชิน​ จากนั้น​จะเอ่ย​เสริม​ไป​อีก​ประโยค​ว่า​ ตน​ไม่เคย​เห็น​ภาพวาด​ของ​เจิ้งจวี​จงแห่ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​มาก่อน​ ไม่รู้​ว่า​คน​ตรงหน้า​ผู้​นี้​เป็น​ตัวจริง​หรือ​ตัว​ปลอม​ ดังนั้น​เรื่อง​แยกแยะ​ว่า​เป็นจริง​หรือ​เท็จ​ อาจารย์​ท่าน​ต้อง​ตัดสินใจ​เอง​แล้ว​

เซียน​ซือ​ผู้เฒ่า​หลิว​เกือบจะ​มีน้ำตา​ร้อน​ๆ เอ่อ​คลอ​ดวงตา​ ในที่สุด​ก็​เจอ​กับ​คน​ที่​พบ​หน้า​กัน​แล้ว​ยอม​แนะนำ​ตัวเอง​แล้ว​

เห็น​เพียง​ว่า​ทั่ว​ร่าง​ของ​หลิว​เจีย​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ปราณ​ของ​ความ​เที่ยงธรรม​ไพศาล​ เบี่ยง​ตัว​หลีกทาง​ให้​ เอ่ย​เสียงทุ้ม​หนัก​ว่า​ “ยินดีต้อนรับ​อาจารย์​เจิ้งมาเป็น​แขก​บ่อยๆ​!”

…….

เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​ออก​มาจาก​ประตู​ใหญ่​ของ​วังหลวง​แล้วก็​เอ่ย​ว่า​ “เสี่ยว​โม่ พวกเรา​เดิน​กัน​อีก​สักพัก​หนึ่ง​ เจ้าก็​พา​ข้า​ตาม​เรือข้ามฟาก​ลำ​นั้น​ไป​เถอะ​”

เผย​เฉียน​กับ​เฉาฉิงหล่า​งเพิ่งจะ​ขึ้น​เรือข้ามฟาก​ตระกูล​เซียน​ลำ​หนึ่ง​เดินทาง​มุ่งหน้า​ลง​ใต้​ เพิ่ง​ออกเดินทาง​ไป​ได้​ไม่นาน​นี้​

เสี่ยว​โม่พยักหน้า​ จากนั้น​เอ่ย​ถาม “คุณชาย​เป็นห่วง​ลูกศิษย์​ทั้งสอง​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​ห่วง​หรอก​ เพียงแค่​อยาก​จะมอง​พวกเขา​ให้​มาก​สักหน่อย​ ถือโอกาส​ให้​พวกเขา​เอา​ข่าว​ข่าว​หนึ่ง​ไป​บอกต่อ​แก่​ลูกศิษย์​อีก​คน​หนึ่ง​ของ​ข้า​ด้วย​”

เสี่ยว​โม่ถามอย่าง​ประหลาดใจ​ “ลูกศิษย์​คน​นั้น​ของ​คุณชาย​ใช่อาจารย์​ชุย​ที่​สหาย​ลู่​พูดถึง​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ย้อนถาม​ “สหาย​ลู่​ของ​เจ้าพูดถึง​ชุยตง​ซาน​ว่า​อย่างไร​”

เสี่ยว​โม่ตอบ​ “ต้น​ กลาง​ ท้าย​และ​ประโยค​ปิดท้าย​ สหาย​ลู่​มีคำวิจารณ์​สี่คำ​ที่​ไม่เหมือนกัน​ ได้แก่​ความสามารถ​เลิศ​ล้ำ​ คุณูปการ​เกริกก้อง​ ขุนเขา​ตะวันออก​ผุด​ผงาด​อีกครั้ง​ โลก​มนุษย์​ต้อง​หันมา​มอง​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ เผย​สีหน้า​ผิดหวัง​ออกมา​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “ดังนั้น​ข้า​ที่​เป็น​อาจารย์​จึงเป็นได้​ไม่สมชื่อ​มาโดยตลอด​”

เสี่ยว​โม่ส่ายหน้า​ “ข้า​รู้สึก​ว่า​ลูกศิษย์​คน​นี้​ของ​คุณชาย​ต้อง​ไม่มีทาง​รู้สึก​ว่า​อาจารย์​ของ​ตัวเอง​ไม่คู่ควร​กับ​คำ​ว่า​อาจารย์​อะไร​แน่นอน​ มีแต่​จะรู้สึก​โชคดี​ รู้สึก​เป็นเกียรติ​ที่​ได้​ท่าน​มาเป็น​อาจารย์​มากกว่า​”

เฉิน​ผิง​อัน​อดทน​แล้ว​อดทน​อีก​ สุดท้าย​ก็​ยัง​ทนไม่ไหว​ ตบ​ป้าบ​ลง​บน​ไหล่​ของ​เสี่ยว​โม่อย่าง​หนัก​ “นี่​มัน​ขนบธรรมเนียม​อะไร​กัน​! ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​ข้า​เลย​จริงๆ​ ด้วย​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด