กระบี่จงมา 366.2 จะฟังเหตุผลหรือไม่ กระบี่ก็อยู่ตรงนี้

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 366.2 จะฟังเหตุผลหรือไม่ กระบี่ก็อยู่ตรงนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซิ่วไฉเฒ่าพยักหน้ารับ ห่อไหล่สองข้าง เอาฝ่ามือทั้งสองวางทับซ้อนกันบนหัวเข่า พูดอย่างหมดอาลัยตายอยากว่า “พูดจบแล้ว เดินทางมาไกลขนาดนี้ แถมยังต้องปกปิดลมปราณของเจ้ามาตลอดทาง มาถึงยังต้องพูดพล่ามไร้สาระอีกตั้งมากมาย ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ปรมาจารย์มหาปราชญ์ หลี่เซิ่ง เหล่าซาน หลักการเหตุผลดีๆ ทั้งหลายที่พวกเขาศึกษาใคร่ครวญออกมาอย่างยากลำบาก ข้าว่าคงต้องเอากลับคืนให้แก่ฟ้าดินแห่งนี้ อย่าไปแตะต้องจะดีกว่า”

สตรีชุดขาวร่างสูงใหญ่วางร่างเฉินผิงอันลงเบาๆ ลุกขึ้นยืน เดินเอื่อยเฉื่อยมาหยุดอยู่ข้างกายซิ่วไฉเฒ่า “ถ้าอย่างนั้นก็ถึงเวลาที่ข้าต้องพูดเหตุผลของข้าบ้างแล้ว บอกไว้ก่อนว่า หากเจ้ากล้าขัดขวาง แม้แต่เจ้าข้าก็จะ…”

ซิ่วไฉเฒ่าส่ายหน้า “ไม่ขวางหรอก เป็นเพราะตาแก่อย่างข้าไร้ความสามารถ ถึงทำร้ายให้เสี่ยวฉีต้องร่างมอดม้วยมรรคาสลาย ถึงทำร้ายให้ผิงอันน้อยต้องประสบเคราะห์กรรมครั้งนี้ เป็นข้าที่ผิดต่อลูกศิษย์ทั้งสองคน คนบางคนอยากจะกินอาจม ข้าขวางไว้ไม่อยู่ แล้วข้าจะต้องขวางเจ้าที่มีเหตุผลไปทำไม?”

ตู้เม่าที่ยืนมองเรื่องสนุกอยู่ที่เดิมตลอดเวลาพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไม เจ้าก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ที่เก็บตัวอย่างสันโดษเหมือนกันหรือ? ขอบเขตเซียนเหริน? คงไม่ใช่ขอบเขตบินทะยานที่วิ่งมาจากภูเขาห้อยหัวหรอกกระมัง?”

บุรุษลัทธิขงจื๊อวัยกลางคนมีสีหน้าประหลาด ชำเลืองตามองผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อที่อยู่ทางทิศใต้แวบหนึ่ง ฝ่ายหลังมีสีหน้าเครียดขรึม เห็นได้ชัดว่าเมื่อเผชิญหน้ากับนาง เขารู้สึกกดดันยิ่งกว่าตอนเผชิญหน้าซิ่วไฉเฒ่าอดีตเหวินเซิ่งมากนัก

สตรีชุดขาวหาวหวอด เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทะยานดิ่งเป็นเส้นตรงลงมาด้านล่างของกำแพงแล้วเดินมาข้างหน้าอย่างเชื่องช้า

ตรงเอวห้อยกระบี่โบราณที่ไร้ฝักและไร้ด้าม สนิมขึ้นเกรอะกรัง มีเพียงส่วนปลายกระบี่ที่แหลมคมเพราะถูกขัดเกลาให้เกิดประกายเจิดจ้า

ผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อพูดเสียงหนัก “หากเจ้ากล้าลงมือก็เท่ากับทำลายกฎของฟ้าดินแห่งนี้!”

สตรีชุดขาวเดินมาข้างหน้าเนิบช้า ยกมือตบปากตัวเองเบาๆ ราวกับคนที่เพิ่งตื่นนอน

กระบี่โบราณเล่มนั้นถูกผูกไว้ตรงเอวไม่แน่นหนานัก เมื่อนางเยื้องย่างก้าวเดิน ปลายกระบี่ก็แกว่งไกวเบาๆ แสงกระบี่สีขาวหิมะเปล่งวูบวาบไม่หยุดนิ่ง

ตู้เม่าใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว หดมือไว้ในชายแขนเสื้อ คิดจะอนุมานความลับสวรรค์ แต่พลันค้นพบว่าฟ้าดินแถบนี้ถูกคนร่ายตราผนึกเอาไว้ ไม่อาจอนุมานประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของสตรีร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าได้อีก

ระหว่างที่นางเดินมาข้างหน้าก็หันไปพูดกับบุรุษวัยกลางคนว่า “เห็นแก่ไม่กี่ประโยคที่เจ้าพูดมา ออกไปซะ!”

บุรุษลัทธิขงจื๊อวัยกลางคนขมวดคิ้วน้อยๆ แต่กลับสังเกตเห็นว่าซิ่วไฉเฒ่ากำลังโบกมือให้เขา หลังจากลังเลเล็กน้อยก็สลายร่างไปจาก ‘ฟ้าดินขนาดเล็ก’ ที่เป็นดั่งเสากลางแม่น้ำแห่งกาลเวลา

สายตาของนางเหลือบมองไปทางทิศใต้เล็กน้อย ชำเลืองตามองผู้เฒ่าวัยเจ็ดสิบปีผู้นั้น “ไสหัวออกไป”

คราวนี้ซิ่วไฉเฒ่าไม่ทำท่าทางใดๆ อีก

ผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อซักถาม “เจ้าคิดจะงัดข้อกับมหามรรคาของใต้หล้าแห่งนี้จริงๆ หรือ?”

สตรีร่างสูงใหญ่เอียงศีรษะ ยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมากดลงบนปลายกระบี่โบราณเบาๆ “ขัดเกลามาได้เล็กน้อยแค่นี้ แต่หากคิดจะผ่าภูเขาห้อยหัวทั้งลูกก็น่าจะได้อยู่ ถ้าอย่างนั้นให้ข้าเป็นคนเปิดประตูระหว่างใต้หล้าไพศาลกับใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้วกัน”

ผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง “ไม่ได้นะ!”

นางมีอารมณ์มาสนใจเจ้าหมอนี่เสียที่ไหน

ผลักกระบี่โบราณออกมาเบาๆ หนึ่งที

แสงหนึ่งพุ่งวูบออกไป

ม่านฟ้าของฟ้าดินที่เป็นดั่งเสาหินกลางแม่น้ำแห่งนี้ถูกฟันให้เกิดช่องโพรงขนาดใหญ่ กระบี่บินพุ่งตรงไปยังภูเขาห้อยหัว พริบตาเดียวก็ห่างไปหมื่นลี้และอีกหมื่นลี้

ซิ่วไฉเฒ่าไม่แยแสแม้แต่น้อย

ถึงอย่างไรเขาก็คือบัณฑิตผู้ไม่เคยสนใจสิ่งใด ซึ่งปีนั้นก่อนจะได้เป็นอริยะก็วิ่งไปบนม่านฟ้า ตะโกนคอยืดคอยาวบอกให้เต๋าเหล่าเอ้อร์ฟันกระบี่ลงมาที่นี่

บนน่านน้ำมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ระหว่างนาตยทวีปกับใบถงทวีป ผู้ฝึกกระบี่ผู้หนึ่งที่ตีตัวออกห่างจากโลกมนุษย์พลันเงยหน้าขึ้นมอง

พริบตานั้นเห็นเพียงว่าทะเลใหญ่ห่างออกไปพันลี้เบื้องหน้าคล้ายถูกกระบี่บินเล่มหนึ่งฟันออกเป็นสองท่อน คลื่นยักษ์สูงราวขุนเขาที่กำลังกดทับลงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

ผู้ฝึกกระบี่ท่านนี้ไม่เป็นกังวลกับพลังอำนาจของคลื่นเหล่านี้แม้แต่น้อย เพียงพวกมันขยับเข้ามาใกล้ร่างเขาในรัศมีร้อยลี้ก็ระเบิดแตกด้วยตัวเอง ทว่าพลังอำนาจของกระบี่บินเล่มนั้นต่างหากที่ทำให้เขาอกสั่นขวัญผวาเล็กน้อย

ใต้หล้าไพศาลมีผู้ฝึกกระบี่แบบนี้ด้วยหรือ?

อาเหลียงถูกเต๋าเหล่าเอ้อร์ต่อยกลับลงมาอีกหรือไร?

ทว่าตอนนี้อาเหลียงยังไม่มีกระบี่แบบนี้กระมัง? และในความเป็นจริงแล้วตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขาก็ไม่เคยได้ครอบครองกระบี่เช่นนี้

กระบี่สี่เล่มที่ดีที่สุดในใต้หล้าทั้งสี่แห่ง เล่มหนึ่งอยู่ในมือของเทียนซือใหญ่แต่ละสมัยของจวนเทียนซือทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เล่มหนึ่งห้อยอยู่ตรงเอวของบัณฑิตที่บอกว่าตัวเอง ‘โง่เขลาไร้พรสวรรค์ ไม่อาจได้ครอบครองความรู้อันเลิศล้ำของลัทธิเต๋า’ ทว่าหนึ่งกระบี่ของเขากลับฟันผ่าแม่น้ำหวงเหอพุ่งตรงสู่ชั้นฟ้า เล่มหนึ่งอยู่ในมือของเต๋าเหล่าเอ้อร์ หลังจากที่อาเหลียงไปจากภูเขาห้อยหัว ว่ากันว่าไปตามหากระบี่เล่มสุดท้ายที่ ‘พลังพิฆาตสูงเหนือนอกฟ้า’ เล่มนั้น! เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด อาเหลียงที่คู่ควรกับกระบี่เล่มนั้นมากที่สุดในใต้หล้า ถึงท้ายที่สุดแล้วกลับต้องกลับมามือเปล่า บินทะยานไปยังฟ้านอกฟ้า

เขาไม่ได้ไล่ตามกระบี่บินที่พลังสังหารไร้ที่สิ้นสุดนั้นไป แต่พลันสะดุ้งคืนสติ รีบมุ่งหน้าตรงไปยังทิศใต้สุดของแจกันสมบัติทวีปทันที

ผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อชี้หน้าหญิงสาวร่างสูงใหญ่ พูดอย่างเดือดดาล “เจ้าบ้าไปแล้ว!”

นางยังคงเดินหน้าไปอย่างเชื่องช้า

ตู้เม่ากลืนน้ำลาย “ในเมื่อเจ้าโยนกระบี่ทิ้งไปแล้ว ยังจะต่อสู้สุดชีวิตกับข้าอีกจริงๆ หรือ?”

นางคล้ายได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในใต้หล้า “สู้สุดชีวิต? เจ้าคงไม่รู้เรื่องเก่าแก่ปีมะโว้เรื่องหนึ่ง ถึงอย่างไรเจ้าก็อายุยังน้อย ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”

ซิ่วไฉเฒ่าพลันหัวเราะก๊าก เรียกได้ว่าหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง “ปลาวาฬกลืนสมบัติตัวที่ใหญ่ที่สุดในยุคบรรพกาลตัวนั้นถูกใครฆ่า เจ้ารู้หรือไม่?! ข้ารู้ แต่ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”

นางเดินเป็นแนวเส้นตรงอย่างนี้จนกระทั่งไปหยุดอยู่เบื้องหน้าเทพเซียนขอบเขตบินทะยาน ระยะห่างพอๆ กับตำแหน่งที่ตู้เม่ายืนอยู่หน้าเจิ้งต้าเฟิงก่อนหน้านี้

เพียงแต่เพราะสตรีชุดขาวร่างสูงใหญ่ ดังนั้นนางจึงต้องหลุบตาลงต่ำ มองตาแก่หนังเหนียวสมควรตายผู้นี้ด้วยสายตาเย็นชา “ไม่สู้เจ้าลองบังคับอาวุธเซียนแห่งชะตาชีวิตชิ้นนี้ของเจ้าดู? ข้าจะยืนอยู่นิ่งๆ ไม่โกหกเจ้าหรอก”

“นังผู้หญิงบ้า เจ้ารนหาที่ตาย!”

ตู้เม่าระเบิดเสียงคำรามอย่างคลั่งแค้น ร่างโฉบวูบออกไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าเรือกลืนกระบี่กลับเป็นดั่งสายฟ้าแลบที่พุ่งแทงเข้าสู่ศีรษะของหญิงประหลาด

เดิมทีก็ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว อีกทั้งยังเป็นอาวุธเซียนแห่งชะตาชีวิตชิ้นหนึ่ง

ทว่าจิตใจของตู้เม่ากลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ส่วนผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อกลับเริ่มหนังตากระตุก

เห็นเพียงว่าเรือกลืนกระบี่ลำนั้นตัวสั่นสะท้านหยุดนิ่งอยู่หน้าหว่างคิ้วของนาง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่เกิดจากสัญชาตญาณ รวมไปถึงความเศร้าโศกระคนแค้นเคืองที่มีต่อเจ้านายอย่างตู้เม่า

สตรีร่างสูงใหญ่ยื่นนิ้วออกมาข้างหนึ่ง แล้วชี้ลงด้านล่าง “เด็กดี อย่ามาอยู่ให้เกะกะสายตา ขยับลงไปข้างล่างหน่อย”

เรือกลืนกระบี่เริ่มลดระดับลงต่ำอย่างว่าง่ายจริงๆ สุดท้ายหยุดอยู่ข้างเท้าของนาง ผลกลับกลายเป็นว่าถูกนางที่พูดอย่างมีโทสะเตะกระเด็น “ไม่รู้จักจำ”

ตู้เม่ายื่นนิ้วออกมาเช็ดมุมปากอย่างเคยชิน คู่ต่อสู้ที่คุ้นเคยกับ ‘ผู้เฒ่าวิปริตของสำนักใบถง’ เป็นอย่างดีจะรู้ว่า เมื่อตู้เม่าทำท่าทางเช่นนี้ แสดงว่าเขาเตรียมจะสู้สุดชีวิตแล้ว

สตรีร่างสูงใหญ่ถอนหายใจ พูดกับตู้เม่าว่า “เจ้าโชคดีไม่น้อย แค่ถูกทำลายวัตถุแห่งชะตาชีวิตไปชิ้นหนึ่ง เดิมทีกระบี่เมื่อครู่นี้ของข้าควรมอบให้เจ้า แต่ว่ารอให้คราวหน้าข้าไปปรากฏตัวที่ใบถงทวีป เจ้าคงไม่โชคดีแบบนี้อีกแล้ว”

และเวลานี้เอง ตรงช่องโหว่ที่เปิดอ้าระหว่างฟ้าดินก่อนหน้านี้ก็มีมือใหญ่จากชายแขนเสื้อสีเขียวยื่นออกมาข้างหนึ่ง สองนิ้วคีบกระบี่โบราณเล่มนั้นเอาไว้ มือนั้นสั่นเทา ชายแขนเสื้อพลิกตลบปั่นป่วน

เห็นได้ชัดว่าต่อให้แค่ควบคุมกระบี่โบราณที่ปลายกระบี่ถูกขัดเกลาให้แหลมคมส่วนเดียวเล่มนี้ไว้ชั่วคราว ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องง่ายดายนัก

น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยบารมีดังจากฟ้าดินด้านนอกเข้ามาในฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้ “เหลวไหล คราวหน้าห้ามทำอีก”

สตรีร่างสูงใหญ่หันหน้ามองไป “ทำไม ต้องการให้ข้าถือกระบี่ก่อนแล้วค่อยปล่อยกระบี่ออกไปอีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นข้าจะเปิดทางให้ใต้หล้าไพศาลกับใต้หล้ามืดสลัวเชื่อมโยงกันดีไหม?”

นางกวักมือหนึ่งครั้ง กระบี่โบราณก็หลุดพ้นจากการควบคุมของมือข้างนั้น แล้วถูกนางกุมไว้ในมือ

เจ้าของมือข้างนั้นไม่ได้เผยกาย แต่สะบัดข้อมือหนึ่งครั้ง ลมเย็นในชายแขนเสื้อมารวมตัวกันเหมือนสายน้ำที่กลิ้งซัดตลบ ตรงเข้ามาห่อหุ้มผู้เฒ่าวัยเจ็ดสิบไว้ภายใน แล้วพูดว่า “ตามข้าไปที่ศาลบุ๋น ปิดประตูทบทวนตัวเอง”

ซิ่วไฉเฒ่าจุ๊ปาก “คราวนี้แม้แต่หัวหมูเย็นๆ ก็ไม่ได้กินแล้ว”

คนผู้นั้นแค่นเสียงเย็นคล้ายพูดกับซิ่วไฉเฒ่า “เรื่องในวันนี้ ซิ่วไฉเฒ่าเจ้าเป็นคนเก็บกวาดซะ ทางฝ่ายของศาลบุ๋นจะไม่ยื่นมือเข้าแทรก”

ซิ่วไฉเฒ่าเต้นผาง โวยวายเสียงดังสนั่น “ข้าผู้อาวุโสไม่ยอม! เอาผลประโยชน์มาให้ด้วย! ไม่อย่างนั้นคอยดูเถอะว่าข้าจะไปเยือนศาลบุ๋น นอกจากรูปปั้นของตาเฒ่าแล้ว รูปปั้นเจ็ดสิบกว่าองค์ที่เหลืออยู่ซึ่งรวมถึงของหลี่เซิ่งและของเจ้าจะถูกย้ายออกไปหมด จากนั้นค่อยย้ายรูปปั้นของข้าเข้าไป ถึงอย่างไรเดิมทีตาเฒ่าก็ถูกชะตากับข้าที่สุดอยู่แล้ว…”

หลังจากที่คนผู้นั้นเก็บผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อไว้ในชายแขนเสื้อแล้วก็ถอนหายใจหนึ่งที “เอาไป”

เพียงขาดคำ

ช่องโพรงบนม่านฟ้าของฟ้าดินขนาดเล็กก็หุบเข้าหากัน มีเพียงแผ่นหยกสีทองแผ่นหนึ่งที่ปลิวลงมา แต่กลับไม่ใช่ ‘ผู้มีคุณธรรมได้รับความช่วยเหลือมากมาย’ ของผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อเฒ่า แต่เป็นแผ่นหยก ‘ข้าเชี่ยวชาญการบ่มเพาะจิตใจที่ซื่อตรงและยิ่งใหญ่’ ของบุรุษวัยกลางคนแทน

ซิ่วไฉเฒ่ารับมาไว้ในมือแล้วถึงได้กล่าวอย่างพึงพอใจ “คราวนี้ถือว่ายังพอยุติธรรม พอจะมีความดีเล็กๆ อยู่บ้าง”

ดูเหมือนคำว่า ‘ความดีเล็กๆ’ จะทำให้คนผู้นั้นโมโห เขาไม่ได้กลับไปที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางทันที แต่กลับทิ้งปราณแห่งความเที่ยงธรรมที่มหาศาลขุมหนึ่งไว้นอกฟ้าดินขนาดเล็ก ซิ่วไฉเฒ่ายืดคอตะเบ็งเสียง “ทำไม เจ้าเองก็ไม่ยอมเหมือนกันหรือ? ไม่อย่างนั้นให้ข้าพูดถึงศึกตรีจตุครั้งนั้นกับเจ้าดีไหมว่าทำไมข้าถึงได้แพ้? เป็นเพราะความรู้ของเจ้าสูงกว่าข้าจริงๆ งั้นหรือ? หากไม่เป็นเพราะในบรรดาลูกศิษย์ของข้าคือฉีจิ้งชุน คือจั่วโย่ว…”

ในขณะที่ดูเหมือนว่าซิ่วไฉเฒ่ากำลัง ‘พูดจาเหลวไหล’ เขากลับสะบัดชายแขนเสื้อสองข้าง งอเข่าลงเล็กน้อย ทำท่าจะนั่งถกปัญหาอย่างจริงจัง

มีเพียงอริยะลัทธิขงจื๊อและเซียนห้าขอบเขตบนในแผ่นดินกลางเท่านั้นที่เคยเห็นและเคยได้ยินความรู้ของคนบางคนในปีนั้นมากับหูและกับตาตัวเองว่าประหนึ่งดวงตะวันกลางนภาขนาดไหน สามารถกดกำราบเหล่าอริยะของสองลัทธิอย่างเต๋าและพุทธได้อย่างไร!

ต่อให้เป็นชุยฉานราชครูต้าหลีที่หลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพบุรุษ เวลาพูดถึงประวัติศาสตร์ฝุ่นเกาะช่วงนี้ก็ยังมีสีหน้าฮึกเหิม

คนผู้นั้นจากไปทันที

ซิ่วไฉเฒ่าหยุดการกระทำข่มขู่คนอื่นลง ถลึงตามองท้องฟ้าอยู่ครู่ใหญ่ เห็นว่าไม่มีความเคลื่อนไหว น่าจะไปจริงๆ แล้วถึงได้กัดแผ่นหยกสีทองแผ่นนั้น “โอ้โห ของจริงซะด้วย ถือว่าพอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง น้ำลายอ่างใหญ่นี้ของข้าไม่เสียเปล่าแล้ว”

ออกมาจากถ้ำสวรรค์หลีจูคราวนี้ หลังจากที่สตรีร่างสูงใหญ่ถือกระบี่โบราณไว้ในมือตามความหมายที่แท้จริงเป็นครั้งแรกก็พูดกับตู้เม่าด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะโชคร้ายกว่าที่ข้าคิดเอาไว้”

ซิ่วไฉเฒ่าหัวเราะฮ่าๆ “รังเกียจที่ขอบเขตบินทะยานทำอะไรได้ไม่เต็มที่นักไม่ใช่หรือ เล่นงานให้ขอบเขตเขาถดถอยลงมาที่ขอบเขตหยกดิบ หรือไม่ก็ขอบเขตก่อกำเนิดเสียเลย เขาอยากไปที่ไหนก็จะได้ไปที่นั่น! คิดจะทำลายควันธูปสายบุ๋นของข้าไม่ใช่หรือ? ฮ่าๆ คราวนี้เดินมาชนตอเข้าอย่างจังแล้วไง ไม่ถูกสิไม่ถูก ต้องบอกว่าเดินมาเตะกระบี่โบราณเล่มหนึ่งเข้าอย่างจัง ตู้เม่า โชคชะตาของเจ้านี้ เป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวในรอบหมื่นปีจริงๆ วันหน้าออกจากบ้านยังสามารถเอาไปคุยอวดคนอื่นได้…”

สตรีร่างสูงใหญ่หันหน้ากลับมา หรี่ดวงตาที่คมกริบลง กล่าวว่า “ดูแลเจ้านายของข้าให้ดี!”

ซิ่วไฉเฒ่าทำคอย่น “วางใจเถอะ ข้าเองก็เป็นห่วงผิงอันน้อยไม่น้อยไปกว่าเจ้าหรอก”

ตู้เม่าม้วนชายแขนเสื้อขึ้น พูดเนิบช้า “ไม่มีเรือกลืนกระบี่ แต่ข้ายังคงเป็นขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง!”

ซิ่วไฉเฒ่ากระตุกมุมปาก โบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เปิดม่านฟ้าของฟ้าดินขนาดเล็กที่อยู่เหนือศีรษะของตู้เฒ่าออก ให้ตู้เม่าได้เห็นฟ้าดินของใต้หล้าไพศาลอีกครั้ง

ในที่สุดตู้เม่าก็เริ่มเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ การที่ขอบเขตบินทะยานหดหัวอยู่ในกระดองไม่ยอมออกมาจากถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคล นอกจากจะเป็นเพราะง่ายต่อการชักนำให้โชคชะตาของฟ้าดินวุ่นวาย และยังถูกกฎเกณฑ์ของลัทธิขงจื๊อพันธนาการแล้ว ยังเป็นเพราะตัวของพวกเขาเองไม่กล้าเผยโฉมหน้าง่ายๆ ด้วยกลัวจะชักนำให้มหามรรคาพุ่งตรงมาบดขยี้!

สตรีร่างสูงใหญ่วางกระบี่พาดขวางไว้เบื้องหน้า พูดอย่างเฉยเมยว่า “ปิดลง”

ซิ่วไฉเฒ่าพยักหน้ารับแล้วปิดช่องโหว่บนม่านฟ้าลงอีกครั้งจริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด