กระบี่จงมา 889.3 ออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิด

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 889.3 ออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจว​ไห่​จิ้งหัวเราะ​หยัน​เอ่ย​ว่า​ “ความขัดแย้ง​บางอย่าง​ใน​ยุทธ​ภพ​ แสงดาบ​เงากระบี่​ หมัด​เท้า​ไร้​ตา​ ใคร​พูดมาก​ประโยค​หนึ่ง​ บางที​ก็​อาจ​ต้อง​ทิ้ง​ชีวิต​ไว้​ตรงนั้น​ เจ้าสำนัก​เฉิน​ใช่ว่า​จะไม่รู้​ถึงอันตราย​ใน​การเข่นฆ่า​ระหว่าง​ผู้ฝึก​ยุทธ​เสียหน่อย​ แบบนี้​จะทำให้​ข้า​ลำบากใจ​เกินไป​หน่อย​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​เอ่ย​ “หาก​ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​ท่าน​เข้าร่วม​ด้วย​ แม่นาง​โจว​สามารถ​บอก​พวกเขา​ก่อน​ได้​ บอก​ไป​ว่า​ข้า​คือ​สหาย​ของ​แม่นาง​โจว​ หาก​ถึงเวลา​นั้น​ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​ท่าน​ยัง​ยืนกราน​ว่า​จะไม่ถอย​ จะเข้าร่วม​กับบุญคุณ​ความแค้น​ใน​ยุทธ​ภพ​ครั้งนี้​ให้ได้​ ถ้าอย่างนั้น​ก็แล้วแต่​ชะตา​ฟ้าลิขิต​แล้ว​”

โจว​ไห่​จิ้งลังเล​ไป​เล็กน้อย​ “ได้​ แต่​ต้อง​ถือว่า​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ติดค้าง​น้ำใจ​ข้า​ครั้งหนึ่ง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ได้​สิ”

โจว​ไห่​จิ้งพลัน​เอ่ย​ว่า​ “อันที่จริง​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ไม่เหมือน​เซียน​กระบี่​อะไร​เลย​ เหมือน​บัณฑิต​มากกว่า​”

บุรุษ​ที่​เคย​พลัดถิ่น​ไป​เป็น​อาจารย์​อยู่​ใน​โรงเรียน​ของ​ต่างบ้านต่างเมือง​เคย​เอ่ย​ว่า​ อริยะ​กล่าว​ไว้​ว่า​ ปณิธาน​ใน​การศึกษา​เล่าเรียน​อยู่​ที่​ปวงประชา​

แล้วก็​เคย​เอ่ย​กับ​นาง​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ เด็กน้อย​ใช้ถ่าน​วาด​เส้นทาง​ ต่อให้​เป็น​มด​ก็​ยัง​ไม่กล้า​ข้าม​ผ่าน​ไป​

โจว​ไห่​จิ้งมักจะ​ฝัน​ว่า​ตัวเอง​ได้​ไป​เยือน​ซาก​ปรัก​โบราณ​แห่ง​หนึ่ง​เป็นประจำ​ ด้านหน้า​ตำหนัก​ใหญ่​แห่ง​หนึ่ง​มีรูปปั้น​ทองแดง​ของ​เซียน​ที่​ใน​มือ​ทำท่า​คล้าย​ถือ​ประคอง​ของ​บางอย่าง​อยู่​ ต้น​กุ้ย​แตกหัก​ ตะไคร่​ขึ้น​เต็ม​พื้น​ ตำหนัก​ถูก​ปล่อย​ร้าง​ พืช​หญ้า​รกชัฏ​ขึ้น​เต็มไปหมด​ แทบ​ทุกครั้ง​นาง​จะต้อง​ได้​พบ​เจอ​กับ​บุรุษ​ที่​เรียก​ตัวเอง​ด้วย​ความภาคภูมิใจ​ว่า​ชิวเฟิงเค่อ​ขี่ม้า​ลาดตระเวน​ยาม​ราตรี​ ท่าทาง​เอ้อระเหย​ลอยชาย​ บอ​กว่า​ตอน​มีชีวิต​อยู่​ตัวเอง​หลอม​โอสถ​อย่าง​ยากลำบาก​หวัง​จะได้​เป็น​เซียน​ ใฝ่ฝัน​จะเป็น​อมตะ​ไม่แก่​โทรม​ โจว​ไห่​จิ้งเดินทาง​ร่วมกับ​เขา​ไป​ตลอดทาง​ พอ​ฟ้าสางเรือน​กาย​ของ​คน​ผู้​นั้น​ก็​สลาย​หาย​ไป​ เป็น​ความฝัน​ที่​ประหลาด​ยิ่ง​

ก่อน​จะออกจาก​บ้านเกิด​ นาง​เคย​ขอให้​อาจารย์​ใน​โรงเรียน​ผู้​นั้น​ทำนาย​ฝัน​ให้​ เขา​บอ​กว่า​นี่​เป็น​บุพเพ​ของ​ชาติก่อน​

โจว​ไห่​จิ้งก้มหน้า​ดื่มเหล้า​ใน​ชามจน​หมด​ วาง​ชามเหล้า​ที่ว่างเปล่า​ลง​ นาง​จ้อง​ชามขาว​นิ่ง​ ก้มหน้า​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าสำนัก​เฉิน​คือ​ผู้ฝึก​ตน​ คิดดู​แล้ว​บน​ภูเขา​ของ​พวก​ท่าน​ก็​น่าจะ​มีคำกล่าว​ที่ว่า​ พวกเรา​มาเกิด​เป็น​คน​ ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​เลย​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “ไม่ง่าย​เลย​จริงๆ​”

โจว​ไห่​จิ้งเอ่ย​เสียง​หนัก​จริงจัง​ “แผ่นดิน​ที่​ให้กำเนิด​ข้า​เลี้ยงดู​ข้า​ จำเป็นต้อง​ตอบแทน​บุญคุณ​!”

เฉิน​ผิง​อัน​รับคำ​ต่อ​ “หาก​มิอาจ​ตอบแทน​บุญคุณ​ ก็​ต้อง​ชำระ​ความแค้น​”

โจว​ไห่​จิ้งเงยหน้า​ขึ้น​เผย​สีหน้า​ตกตะลึง​อย่าง​ที่​มิอาจ​ปิดบัง​

“คนเรา​มีชีวิต​อยู่​บน​โลก​ ได้รับ​ความอยุติธรรม​ก็​ต้อง​ร้องทุกข์​ มีหนี้​ก็​ต้อง​ใช้คืน​ ชาย​หญิง​ใน​ยุทธ​ภพ​ พระคุณ​ต้อง​ตอบแทน​ มีแค้น​ต้อง​ชำระ​”

เฉิน​ผิง​อัน​พูด​ด้วย​สีหน้า​เฉยเมย​ “ไม่อย่างนั้น​พวกเรา​จะฝึก​วร​ยุทธ​ให้​เหนื่อยยาก​กัน​ไป​ทำไม​”

โจว​ไห่​จิ้งลังเล​เล็กน้อย​ เป็น​ฝ่าย​ยื่น​ชามเหล้า​ออกมา​ คงจะ​ต้อง​การชน​ชามเหล้า​แล้ว​ดื่ม​ร่วมกัน​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​อีกครั้ง​

อันที่จริง​เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​ลังเล​ยิ่งกว่า​ แต่กระนั้น​ก็​ยัง​ยก​ชามเหล้า​ชน​กับ​อีก​ฝ่าย​เบา​ๆ

เผ่าพันธุ์​เจียว​หลง​เดินลง​แม่น้ำ​ ผี​ขี้เหล้า​เอง​ก็​ลง​น้ำ​เหมือนกัน​

โจว​ไห่​จิ้งดื่ม​หมด​ใน​รวดเดียว​ เช็ด​ปาก​ เอ่ย​อย่าง​สงสัย​ว่า​ “เจ้าสำนัก​เฉิน​ไม่ใช่เซียน​กระบี่​หรอก​หรือ​? ทำไม​ถึงบอ​กว่า​เรียน​วร​ยุทธ​เหนื่อยยาก​ล่ะ​?”

รู้​ว่า​เฉิน​ผิง​อันเป็น​ปรมาจารย์​ใหญ่​ที่​ขอบเขต​วิถี​วร​ยุทธ​ต้อง​ไม่ต่ำ​อย่าง​แน่นอน​ เพียงแต่​มักจะ​รู้สึก​ว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​สถานะ​เซียน​กระบี่​ของ​อีก​ฝ่าย​แล้ว​ วิถี​การเรียน​วร​ยุทธ​ เห็นได้ชัด​ว่า​ไม่สำคัญ​เท่า​

เฉิน​ผิง​อัน​ส่าย​หน้ายิ้ม​กล่าว​ “การเรียน​หมัด​เคย​ช่วย​ต่อ​ชีวิต​ให้​กับ​ข้า​ มีหรือ​จะกล้า​ไม่ตั้งใจ​ เมื่อ​เทียบ​กัน​แล้ว​ การ​ฝึก​กระบี่​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​การกลายเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ กลับเป็น​เป็น​ช่วงหลัง​ๆ แล้ว​”

โจว​ไห่​จิ้งถาม “หรือว่า​ท่าน​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ปลายทาง​คน​หนึ่ง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “ไม่อย่างนั้น​ข้า​จะเป็น​อาจารย์​ของ​เผย​เฉียน​ได้​อย่างไร​”

โจว​ไห่​จิ้งถามหยั่งเชิง​ “เจ้าสำนัก​เฉิน​ ท่าน​คง​ไม่ได้​ถูกใจ​ข้า​เข้า​แล้ว​กระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​ระอา​ใจ “แม่นาง​โจว​ เรื่อง​ล้อเล่น​แบบนี้​อย่า​ได้​พูด​เลย​”

โจว​ไห่​จิ้งเอ่ย​อย่าง​ขำ​ๆ ปน​ฉุน​ “ถ้าอย่างนั้น​ท่าน​มาคุยโว​อะไร​กับ​ข้า​?”

หาก​จะบอ​กว่า​เฉิน​ผิง​อันเป็น​ขอบเขต​ยอดเขา​ โจว​ไห่​จิ้งยัง​กึ่ง​เชื่อ​กึ่ง​กังขา​ แต่​จะบอ​กว่า​เป็น​ขอบเขต​ปลายทาง​?!

ถ้าอย่างนั้น​ทำไม​เจ้าไม่ไป​ประลอง​ฝีมือ​กับ​ซ่งจ่างจิ้งสักครั้ง​เล่า​?

เสี่ยว​โม่มาปรากฏตัว​อยู่​ที่​หน้า​ประตู​บ้าน​ เพียงแต่ว่า​ข้าง​กาย​มีผู้เฒ่า​คน​หนึ่ง​เพิ่ม​มาด้วย​

เกา​โหย​ว​กับ​ว่าน​เหยียน​ที่อยู่​ใน​ตรอก​ไม่ได้​จากไป​ไหน​ไกล​ต่าง​ก็​ตะลึง​ระคน​ประหลาดใจ​ เพราะ​คุ้นหน้า​ผู้เฒ่า​อยู่​มาก​ ก็​คือ​นัก​เล่านิทาน​ที่​พูด​โม้น้ำลาย​แตก​ฟอง​อยู่​ใต้​สะพานลอย​ แล้ว​ยัง​ถือโอกาส​ขาย​ตำรา​ลับ​หลาย​เล่ม​คน​นั้น​

เสี่ยว​โม่ใช้เสียง​ใน​ใจอธิบาย​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ฟัง ที่แท้​ผู้ฝึก​กระบี่​เฒ่าขอบเขต​ชมมหาสมุทร​คน​นี้​ก็ได้​บอ​กว่า​ตัวเอง​เชี่ยวชาญ​นร​ลักษณ์​ศาสตร์​ มอง​ปราด​เดียว​ก็​ถูกใจ​ใน​ชะตา​ของ​เด็กหนุ่ม​ว่าน​เหยียน​ อีก​ทั้ง​ยัง​สังเกต​ดู​นิสัยใจคอ​ของ​เด็กหนุ่ม​มาพัก​หนึ่ง​แล้ว​ รู้สึก​ว่า​อีก​ฝ่าย​สามารถ​สืบทอด​มรรค​กถา​ส่วนหนึ่ง​ของ​ตัวเอง​ได้​ เพียงแต่​เรื่อง​หลอม​กระบี่​นั้น​ หมดหวัง​

ผู้เฒ่า​มอง​บุรุษ​ชุด​เขียว​ที่อยู่​ใน​ลานบ้าน​แล้ว​รีบ​เก็บ​ความคิด​ทั้งหลาย​กลับคืน​มา ก้มหัว​กุม​หมัด​ ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ “ฝึกฝน​น้อย​ คือ​จำศีล​อยู่​ใน​ป่า​ ฝึกฝน​ใหญ่​คือ​จำศีล​อยู่​ใน​ยุคสมัย​ ข้า​ผู้อาวุโส​ได้​แต่​เที่ยวเล่น​อยู่​ใน​โลก​มนุษย์​ มิอาจ​เทียบ​กับ​เซียน​กระบี่​เฉิน​ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​กุม​หมัด​คารวะ​กลับคืน​ ใช้เสียง​ใน​ใจยิ้ม​กล่าว​ “สหาย​รับ​ลูกศิษย์​ ขอแสดงความยินดี​ด้วย​”

โจว​ไห่​จิ้งเอนตัว​พิง​ประตู​บ้าน​ รวม​เสียง​ให้​เป็น​เส้น​ถามว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าเป็น​ขอบเขต​ปลายทาง​จริงๆ​ หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบกลับ​อย่าง​จริงใจ​ “จริง​”

สายตา​โจว​ไห่​จิ้งฉายแวว​ประหลาด​ “บน​ยอดเขา​แห่ง​นั้น​มีทัศนียภาพ​เป็น​อย่างไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ “ยัง​ไม่สูงมาก​พอ​”

โจว​ไห่​จิ้งมอง​แววตา​และ​สีหน้า​ของ​บุรุษ​ชุด​เขียว​

มารดา​มัน​เถอะ​ เหตุใด​มองดู​แล้ว​เจ้าหมอ​นี่​ก็​หล่อเหลา​เหมือนกัน​นะ​

ดูท่า​เหล่า​เหนียง​น่าจะ​ดื่ม​จน​เมาแล้ว​

คง​ไม่ได้​ถูก​เจ้าหมอ​นี่​กรอก​ยา​ลืม​วิญญาณ​ใส่ใน​เหล้า​ของ​ตน​กระมัง​

โจว​ไห่​จิ้งหัวเราะ​อยู่​กับ​ตัวเอง​

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่อยู่​ขัดจังหวะ​การกราบ​อาจารย์​รับ​ลูกศิษย์​ของ​ผู้อื่น​

หลัก​ๆ แล้ว​เป็น​เพราะ​รอยยิ้ม​ประหลาด​ของ​โจว​ไห่​จิ้งต่างหาก​ที่​น่าขนลุก​

เฉิน​ผิง​อัน​กับ​เสี่ยว​โม่กลับ​ไป​ที่​หอ​เห​ริ​นอวิ๋น​อี้​อวิ๋น​

เซียน​เว่ย​ที่อยู่​ใน​ห้อง​ด้าน​ข้าง​นอนหลับ​กรน​ดัง​ครอก​ๆ

ใน​ตรอก​เล็ก​นอก​ประตู​บ้าน​ของ​โจว​ไห่​จิ้ง ผู้เฒ่า​บอก​สาเหตุ​ที่มา​เยือน​อย่าง​ชัดเจน​ บอกกล่าว​ให้​รู้​ถึงสำนัก​ของ​ตัวเอง​ ให้​ว่าน​เหยียน​ติดตาม​ตน​ไป​ฝึก​ตน​

เด็กหนุ่ม​หน้าตา​หมดจด​มอง​เกา​โหย​ว​แวบ​หนึ่ง​ ลังเล​อยู่​พักใหญ่​ก่อน​จะพยักหน้า​ เพียงแค่​บอก​กับ​เกา​โหย​ว​ว่า​ตน​ต้อง​กลับมา​แน่นอน​

ผู้เฒ่า​บอก​กับ​ว่าน​เหยียน​ว่า​ไม่ต้อง​เอา​อะไร​ไป​ทั้งนั้น​ แล้วก็​ออก​ไป​จาก​ตรอก​ทั้งอย่างนั้น​

อันที่จริง​เกา​โหย​ว​หวัง​ให้​ว่าน​เหยียน​จากไป​ทั้ง​อย่างนี้​ แต่​ก็​อยาก​ให้​ว่าน​เหยียน​ไม่ต้อง​ไป​ไหน​ด้วย​ อยู่​เป็นเพื่อน​กัน​ มีทุกข์​ร่วม​ต้าน​ แต่​สุดท้าย​สหาย​รัก​ต้อง​จากไป​ก็​ดูเหมือนว่า​จะไม่ได้​แย่​ไป​ทั้งหมด​ แต่​ถึงอย่างไร​หัวใจ​ของ​เด็กหนุ่ม​ร่าง​สูงใหญ่​ก็​ว่าง​โหวง​แปลก​ๆ

โจว​ไห่​จิ้งมอง​เด็กหนุ่ม​อารมณ์​ซับซ้อน​ที่นั่ง​ยอง​อยู่​หน้า​ประตู​ ยกมือ​กุม​หัว​

นาง​ถอนหายใจ​ บอก​ที่อยู่​แห่ง​หนึ่ง​ใน​เมืองหลวง​ให้​กับ​เกา​โหย​ว​ โบกมือ​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าไปหา​คน​ตาม​ที่อยู่​นี้​ เขา​ชื่อ​ซูหลา​ง ก็​คือ​คน​ที่​พก​เหล้า​มาก่อนหน้านี้​ บอก​ไป​ว่า​ข้า​ให้​เจ้าไปหา​เขา​ แล้ว​ให้​เขา​สอน​วร​ยุทธ​กับ​เจ้าสัก​สอง​สามกระบวนท่า​ ส่วน​เจ้าจะเรียน​เป็น​กี่มากน้อย​ก็​ต้อง​ดู​ที่​ความสามารถ​ของ​เจ้าเอง​แล้ว​”

เกา​โหย​ว​หันขวับ​กลับมา​ พูด​เสียงสะอื้น​ “ขอบคุณ​ท่าน​น้า​โจว​”

โจว​ไห่​จิ้งเอ่ย​อย่าง​ขำ​ๆ ปน​ฉุน​ “เจ้าตะพาบ​น้อย​ เรียก​พี่​โจว​!”

เกา​โหย​ว​ยิ้ม​กว้าง​ วิ่ง​ปรู๊ด​จากไป​ทันที​ คิด​ว่า​จะกลับบ้าน​ไป​เก็บ​สัมภาระ​ก่อน​ เพียงแต่ว่า​ตอนที่​วิ่ง​ไป​ถึงหัวเลี้ยว​ เขา​กลับ​หันหน้า​มาตะโกน​เสียงดัง​ “ท่าน​น้า​โจว​ จำไว้​ว่า​พรุ่งนี้​ช่วย​บอก​นาง​แทน​ข้า​สัก​คำ​ว่า​ข้า​ออก​ไป​ท่อง​ยุทธ​ภพ​แล้ว​”

โจว​ไห่​จิ้งไม่ได้​พูด​อะไร​

ยุทธ​ภพ​มีอะไร​ดีกัน​เล่า​

เพียงแต่ว่า​สำหรับ​เด็กหนุ่ม​แล้ว​ คน​ที่​เคย​เดินผ่าน​ยุทธ​ภพ​มาอย่าง​แท้จริง​ ไม่ว่า​สุดท้าย​แล้ว​จะมีชีวิต​ที่​ดี​หรือ​ร้าย​ จะได้​สวม​ชุด​แพร​กลับ​บ้านเกิด​หรือ​กลับมา​ด้วย​จิตใจ​ที่​ไม่อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว​ ถึงอย่างไรก็ดี​กว่า​ได้​แต่​มอง​ยุทธ​ภพ​อยู่​ไกลๆ​ ไป​ทั้ง​ชีวิต​

……

ยาม​ฟ้าสาง หนิง​เหยา​ปิด​ด่าน​เสร็จสิ้น​ นาง​เดิน​หนึ่ง​ก้าว​จาก​ห้อง​ใน​โรงเตี๊ยม​มาหา​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​หอ​เห​ริ​นอวิ๋น​อี้​อวิ๋น​

เซียน​เว่ย​กำลัง​นั่ง​ยอง​กิน​อาหารเช้า​กับ​เสี่ยว​โม่ที่​หน้า​ประตู​ห้อง​ด้าน​ข้าง​

เซียน​เว่ย​เห็น​สตรี​สะพาย​กระบี่​คน​นั้น​แล้วก็​ตกตะลึง​อย่าง​หนัก​ หันไป​ยก​นิ้วโป้ง​ให้​กับ​เฉาเซียน​ซือ​เงียบๆ​

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่มีสัมภาระ​อะไร​ให้​ต้อง​เก็บ​ แค่​บอก​กับ​เซียน​เว่ย​ว่า​กิน​อิ่ม​แล้ว​จะต้อง​ออกเดินทาง​ต่อ​ พวกเขา​กำลังจะ​ออกจาก​เมืองหลวง​ต้า​หลี​กัน​แล้ว​

เซียน​เว่ย​กิน​อีก​สอง​สามคำ​ก็​กิน​เสร็จ​ ปัด​มือ​ เตรียม​จะเรียก​เสี่ยว​โม่ให้​ไป​ด้วยกัน​ อย่า​ให้​เฉาเซียน​ซือ​ต้อง​รอ​นาน​ ถึงเพิ่ง​สังเกตเห็น​ว่า​เสี่ยว​โม่ยืน​อยู่​ด้าน​ข้าง​ก่อน​แล้ว​

ยอม​จริงๆ​ เจ้าลูกสมุน​ผู้​นี้​

คน​ทั้ง​กลุ่ม​ไป​ชำระเงิน​ที่​โรงเตี๊ยม​ด้วยกัน​

เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​เอ่ย​สัพยอก​ว่า​ “จอม​ยุทธ​น้อย​เฉิน​จะกลับบ้าน​แล้ว​หรือ​? ไม่คิด​จะอยู่​อีก​สัก​สอง​สามวัน​สร้างชื่อเสียง​ให้​ตัวเอง​ก่อน​หรือ​ไร​? ไม่ต้อง​มีชื่อเสียง​ยิ่งใหญ่​กว่า​ปรมาจารย์​ผู้เฒ่า​อวี๋​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​ไม่ควร​แพ้​ให้​กับ​สตรี​ใน​ยุทธ​ภพ​อย่าง​โจว​ไห่​จิ้งกระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอนตัว​พิง​โต๊ะ​คิดเงิน​ หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “กลับ​แล้ว​ๆ ค่าใช้จ่าย​ใน​เมืองหลวง​สูง ข้า​เอง​ก็​อยาก​อยู่​ต่อ​สัก​หลาย​ๆ วัน​ แต่​เงิน​ใน​กระเป๋า​ไม่ตอบ​ตกลง​ด้วย​”

“คราวหน้า​หาก​มาเมืองหลวง​อีกแล้ว​ยัง​ยินดี​จะมาพัก​ที่​ร้าน​เล็ก​ๆ ของ​ข้า​ ข้า​จะลดราคา​ให้​เจ้าเก้า​ส่วน​”

“หาก​เถ้าแก่​ไม่ลดราคา​ให้​ คราวหน้า​ต่อให้​ข้า​มาเมืองหลวง​ก็​ไม่มีทาง​มาหา​ท่าน​แน่​”

“มีใคร​เขา​หั่น​ราคา​อย่าง​เจ้ากัน​บ้าง​? คุณชาย​เฉิน​เจ้าไม่ทำการค้า​ น่าเสียดาย​แล้ว​”

ลูกสาว​ที่รัก​ของ​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​หลิว​มีนาม​ว่า​ลู่​ไฉ ชื่อเล่น​คือ​จื้อ​ไถ นาง​ตื่น​แต่เช้า​ ตอนนี้​จึงหยิบ​ผ้า​หิ้ว​ถังน้ำ​เตรียม​ช่วย​ทำงาน​แล้ว​ เพียงแต่ว่า​ยัง​ง่วง​ตาปรือ​อยู่​

แม้จะบอ​กว่า​ใน​เรื่อง​การ​วาด​ฝัน​ถึงยุทธ​ภพ​ เรื่อง​ที่​อยาก​เป็น​จอม​ยุทธ​หญิง​ จะวางใจ​ใน​ตัว​เด็กสาว​ไม่ได้​มาโดยตลอด​ แต่​อันที่จริง​ใน​เวลา​ปกติ​นาง​กลับ​ช่วย​งาน​ที่​ร้าน​ไม่น้อย​ ทำงาน​จุกจิก​ยิบ​ย่อย​ จะได้​ขอ​เงินเดือน​จาก​บิดา​ของ​นาง​ได้​ จ่าย​เงิน​ง่าย​หาเงิน​ยาก​นี่​นะ​ ต้องโทษ​ตัวเอง​ที่​อ่านหนังสือ​เร็ว​เกินไป​

เฉิน​ผิง​อัน​จะบอก​เตือน​เจิงเย่​ว่า​วันหน้า​สามารถ​มาเที่ยว​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ได้​ ถ้ามีวาสนา​ต่อกัน​ก็​จะได้​พบ​เจอ​กันเอง​

เด็กสาว​มอง​หนิง​เหยา​แล้ว​ตะโกนเรียก​ “อาจารย์​หนิง​!”

หนิง​เหยา​ส่ายหน้า​ “ข้า​ไม่ใช่อาจารย์​ของ​เจ้า”

เด็กสาว​ยิ้ม​กว้าง​ ก็​แค่​เรียก​ไป​อย่างนั้น​เอง​ อาจารย์​หนิง​ท่าน​ไม่เห็น​ต้อง​คิด​เป็นจริงเป็นจัง​ขนาด​นี้​ นาง​ถามว่า​ “จะกลับ​แล้ว​หรือ​? จะมาอีก​เมื่อไหร่​?”

หนิง​เหยา​ยิ้ม​ตอบ​ “บอก​ได้​ยาก​”

เด็กสาว​ร้อง​อ้อ​หนึ่ง​ที​ ยังคง​รู้สึก​ผิดหวัง​อยู่​บ้าง​เล็กน้อย​ แต่​ก็​ไม่เป็นไร​ ชาย​หญิง​ใน​ยุทธ​ภพ​นี่​นะ​ หยิบ​ขึ้น​ได้​ก็​วาง​ได้​ลง​ ภูเขา​เขียว​สายน้ำ​ใส วันหน้า​ย่อม​ได้​พบกัน​ใหม่​

เฒ่าแก่​ผู้เฒ่า​ถอนใจ​โล่งอก​ ยัง​ดี​ที่​ลูกสาว​ไม่ได้​โวยวาย​ว่า​จะหนี​ออกจาก​บ้าน​อะไร​อีก​

เมืองหลวง​ได้​ก่อตั้ง​ที่ว่าการ​ตู​สุ่ย​เจียน​ (ตรวจสอบ​ดูแล​น้ำ​ของ​เมืองหลวง​) อยู่​ใน​การ​ดูแล​ของ​กรม​โยธา​ หลา​งจงกรม​ทางน้ำ​ กอง​ชิงลี่​ตู​สุ่ย​ ล้วน​เป็น​ขุนนาง​ใหญ่​อันดับ​หนึ่ง​ทั้งสิ้น​ ลูกชาย​คนโต​ของ​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​เป็น​เสมียน​ฝ่าย​ป้องกัน​ทางน้ำ​ รับผิดชอบ​คอย​จับตามอง​ประตู​เขื่อน​แห่ง​หนึ่ง​และ​เรื่อง​การ​ขุด​ลอก​ท้องน้ำ​ ถือว่า​กิน​อาหาร​ของ​ทางราชการ​ ไม่ถือว่า​ได้ดิบได้ดี​อะไร​ แต่​จะดี​จะชั่ว​ก็​ยัง​แสวงหาผลประโยชน์​ได้​ต่อให้​เกิด​เหตุการณ์​เลวร้าย​ บวก​กับ​ที่​สามารถ​ยื่นมือ​เข้า​แทรก​เรื่อง​การ​ปลูก​และ​การ​ดูแลรักษา​ต้น​อวี๋​ต้น​หลิ่ว​ จึงมีรายรับ​เข้ามา​เพิ่มเติม​ ลูกชาย​คน​รอง​เปิดร้าน​ขาย​ผ้า​ทาง​ทิศเหนือ​ของ​เมืองหลวง​ ก็​ถือว่า​ได้​ก่อร่างสร้างตัว​แล้ว​ ดังนั้น​ทุกวันนี้​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​จึงมีเพียง​ลูกสาว​ที่รัก​ที่​ทำให้​คน​ไม่วางใจ​ที่สุด​ตรงหน้า​นี้​เท่านั้น​ การ​ที่​เขา​ไม่วางใจ​ แน่นอน​ว่า​เป็น​เพราะ​เขา​รัก​นาง​ที่สุด​

คน​ทั้ง​กลุ่ม​นั่ง​โดยสาร​เรือข้ามฟาก​ลำ​หนึ่ง​ที่​เดิน​ทางลง​ใต้​ออกจาก​เมืองหลวง​หวนกลับ​บ้านเกิด​ด้วยกัน​

ภูเขา​หนิ​วเจี่ยว​ใน​ทุกวันนี้​ เนื่องจาก​กองทัพ​ต้า​หลี​ที่มา​ประจำ​การณ์​ทยอย​กัน​ถอน​ทัพ​ออก​ไป​ เรือข้ามฟาก​จึงมีการสัญจร​ถี่แน่น​มากขึ้น​

นี่​ต้อง​ยก​คุณ​ความชอบ​ให้​กับ​การดำรงอยู่​ของ​ภูเขา​พี​อวิ๋น​และ​แม่น้ำ​สามสาย​ เป็นเหตุให้​ท่าเรือ​หนิ​วเจี่ยว​กลาย​มาเป็นหนึ่ง​ใน​ศูนย์กลาง​ท่าเรือ​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ของ​เส้นทางเดินเรือ​เหนือ​ใต้​สอง​สาย​

เฉิน​ผิง​อัน​ หนิง​เหยา​ เสี่ยว​โม่ เซียน​เว่ย​

ตอน​มามีแค่​สอง​คน​ ตอน​กลับ​กลับ​มีคน​มาเพิ่ม​อีก​สอง​คน​

คน​ผู้​หนึ่ง​สวม​ชุด​สีเขียว​

หนิง​เหยา​สวม​ชุด​คลุม​อาคม​จิน​ห​ลี่​ สะพาย​กล่อง​กระบี่​ นาง​ดูแคลน​ที่จะ​ร่าย​เวท​อำ​พรางตา​อะไร​ด้วยซ้ำ​

เสี่ยว​โม่แต่งกาย​มอซอ​ด้วย​การสวม​หมวก​เหลือง​รองเท้า​เขียว​อยู่​ตลอด​ เซียน​เว่ย​ที่​ไป​เยือน​ที่ว่าการ​เต้า​เจิ้งเมืองหลวง​มารอบ​หนึ่ง​ก็​ยิ่ง​ใจกล้า​มากขึ้น​ ถึงกับ​เตรียม​กระบี่​ไม้ท้อ​ที่​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​นักพรต​จวน​เทียน​ซือ​ให้​ตัวเอง​เล่ม​หนึ่ง​

หนึ่ง​คน​พัก​หนึ่ง​ห้อง​

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เซียน​เว่ย​ได้​นั่ง​โดยสาร​เรือข้ามฟาก​ตระกูล​เซียน​ที่​แล่น​ไป​โดย​มีเมฆขาว​และ​ฝูงนก​เป็นเพื่อน​ รู้สึก​เพียง​ว่า​ในที่สุด​ตนก​็ร่ำรวย​แล้ว​

หนิง​เหยา​อ่านหนังสือ​อยู่​ใน​ห้อง​

เฉิน​ผิง​อัน​จึงพา​เสี่ยว​โม่และ​เซียน​เว่ย​มาชมทัศนียภาพ​ที่​หัว​เรือ​

เวลานี้​ได้ยิน​ผู้ฝึก​ตน​รุ่นเยาว์​กลุ่ม​ใหญ่​ที่อยู่​ใกล้เคียง​พูดคุย​กัน​ ไม่ได้​ใช้เสียง​ใน​ใจอะไร​ พวกเขา​พูดคุย​กัน​อย่าง​ไร้​ความ​ยำเกรง​ ดูเหมือนว่า​จะมาจาก​พรรค​บน​ภูเขา​ต่างๆ​ ที่​ไม่เหมือนกัน​ เพิ่งจะ​รู้จัก​กันที่​ท่าเรือ​ หลัง​ขึ้น​เรือ​มาแล้วก็​นัดหมาย​กัน​ แต่​พวก​ผู้ฝึก​ลมปราณ​หญิง​ที่​คุย​กัน​เจื้อยแจ้ว​กลับ​มาจาก​สำนัก​เดียวกัน​ ลง​จาก​ภูเขา​มาหา​ประสบการณ์​นี่​นะ​ ความสัมพันธ์​ควัน​ธูป​ก็​ได้มา​เพราะ​อย่างนี้​นี่แหละ​

เนื่องจาก​มีเทพธิดา​อยู่​เยอะ​ พวก​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ผู้ชาย​จึงเริ่ม​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​ บ้าง​ก็​แสดงความสามารถ​ด้าน​การ​ประพันธ์​ ก้มหน้า​พึมพำ​ พูดถึง​ความปวดร้าว​ที่​ต้อง​สูญเสีย​แคว้น​ พูดถึง​ความเจ็บปวด​ที่​บ้านแตกสาแหรกขาด​ พูดถึง​ความ​เศร้าสร้อย​ของ​ชาติกำเนิด​ วัน​เวลา​ที่​งดงาม​ผ่าน​ไป​เร็ว​ ชีวิต​คน​ยาก​จะคงอยู่​ยาวนาน​ น้ำตาไหล​พราก​อาบ​ใบหน้า​

บ้าง​ก็​แสดง​ความร่ำรวย​ออกมา​โดย​ไม่ได้​ตั้งใจ​ อันที่จริง​เทียบ​กับ​การประชัน​ความสามารถ​แล้ว​นี่​กลับ​เห็นผล​ทันตา​มากกว่า​

ใน​บรรดา​เซียน​ซือ​ทำเนียบ​ตระกูล​ที่​อายุ​ยัง​น้อย​ คำ​ว่า​มีเงิน​ก็​มีการ​แบ่ง​เป็น​ระดับ​ต่างๆ​ เช่นกัน​ คน​ที่​มีเรือข้ามฟาก​ส่วนตัว​ นั่น​ก็​แสดงว่า​มีเงิน​จริงๆ​ โดยทั่วไปแล้ว​มีเพียง​บุตรชาย​หญิง​ของ​คู่รัก​จาก​จวน​เซียน​ใหญ่​เท่านั้น​ที่​ถึงจะได้รับ​การปฏิบัติ​เช่นนี้​

ต่อมา​ก็​เป็น​พวก​ที่​มีเรือบิน​จาก​ยันต์​ซึ่งกิน​เงิน​อย่าง​มาก​ จากนั้น​ก็​เป็น​พวก​คน​ที่​ออกจาก​บ้าน​แล้ว​มีพาหนะ​เป็น​สัตว์​เซียน​

สุดท้าย​แน่นอน​ว่า​คือ​คน​ที่​ต้อง​อาศัย​สอง​ขา​ใน​การ​เดิน​ขึ้นเขาลงห้วย​ หาก​รีบร้อน​เดินทาง​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​ใช้ยันต์​เทพ​เดิน​ ยันต์​ม้าเกราะ​ที่​วัสดุ​ธรรมดา​ ระดับ​ขั้น​ไม่สูงมาก​

เฉิน​ผิง​อัน​จึงคิดถึง​ฟ่าน​เอ้อ​แห่ง​นคร​มังกร​เฒ่า เขา​มีเกาะ​กุ้ยฮ​วา​อยู่​ในนามของ​ตัวเอง​เชียว​นะ​

ส่วน​หลิว​โย​ว​โจว​แห่ง​ธวัล​ทวีป​ ช่างเถิด​ ไป​เปรียบเทียบ​กับ​เขา​ไม่ได้​หรอก​

เซียน​เว่ย​เงี่ยหู​ตั้งใจฟัง​ ล้วน​ถือเป็น​ประสบการณ์​ เป็น​โลก​กว้าง​นี่​นะ​

ไม่รู้​ว่า​ทำไม​ถึงคุย​ไป​ถึงภูเขา​พี​อวิ๋น​และ​งานเลี้ยง​ท่อง​ราตรี​ได้​

เสี่ยว​โม่พอ​จะมีความมั่นใจ​แล้ว​

ผู้ฝึก​ลมปราณ​ครึ่งๆ กลางๆ​ อย่าง​เซียน​เว่ย​ฟังเรื่อง​เล่าลือ​ใน​ยุทธ​ภพ​ที่​บอก​ต่อกัน​มาปากต่อปาก​ จึงยัง​ไม่แน่ใจ​สัก​เท่าไร​ แต่​เมื่อ​บวก​กับ​คำพูด​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ที่​มาจาก​ทำเนียบ​บน​ภูเขา​พวก​นี้​ กระทั่ง​พวกเขา​ก็​ยัง​พูด​แบบนี้​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​คง​ไม่ห่าง​จาก​ความเป็นจริง​เท่าไร​แล้ว​

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​เหตุผล​ที่​เซียน​เว่ย​พูด​ก็​นับว่า​มีเหตุผล​มาก​

คนใน​ยุทธ​ภพ​มีแค่​ตั้งชื่อ​ผิด​เท่านั้น​ ไม่มีฉายา​ที่​มอบให้​กัน​ผิด​ๆ

เว่ย​ท่อง​ราตรี​

เซียน​เว่ย​รู้สึก​ว่า​ ‘ฉายา​’ นี้​ ฟังมาก​ๆ เข้า​ก็​ดูเหมือนว่า​จะเผด็จการ​อย่าง​มาก​

ท่อง​ราตรี​ทั้ง​ทวีป​ หาก​ไม่ใช่เว่ย​ป้อ​แล้ว​ยัง​จะมีใคร​อีก​

เสี่ยว​โม่ลังเล​เล็กน้อย​ ก่อน​ถามว่า​ “คุณชาย​ เว่ย​ซาน​จวิน​ท่าน​นั้น​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​เอ่ย​ “พูดถึง​แค่​รูปโฉม​และ​บุคลิก​ หล่อเหลา​มีราศี​ เปี่ยม​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​แห่ง​มรรคา​โบราณ​ เห็น​แล้ว​หลงลืม​ความ​สามัญ หาก​จะพูดถึง​การ​อยู่ร่วม​สังคม​ มีน้ำใจ​มีคุณธรรม​ เอาเป็นว่า​ข้า​หา​ตำหนิ​อะไร​ของ​เขา​ไม่เจอ​เลย​จริงๆ​”

เพียงแต่ว่า​ครั้งแรก​ที่​ทั้งสองฝ่าย​พบ​เจอกัน​ ตอนที่​เว่ย​ป้อ​ยัง​เป็น​เทพ​แห่ง​ผืนดิน​อยู่​ที่​ภูเขา​ฉีตุน​ เขา​ค่อนข้างจะ​เจ้าเล่ห์​ ต่าง​จาก​ภาพลักษณ์​ของ​เว่ย​ซาน​จวิน​แห่ง​ภูเขา​พี​อวิ๋น​ใน​ทุกวันนี้​ราว​ฟ้ากับ​เหว​

เสี่ยว​โม่พยักหน้า​ เข้าใจ​แล้ว​

น่าจะเป็น​เพราะ​คุณชาย​ของ​ตน​พูดจา​แฝงความนัย​ เป็นการ​แหก​กฎ​เตือน​ตน​ว่า​ยาม​มอบ​ของขวัญ​อย่า​มอบ​ของขวัญ​เบา​เกินไป​?

ดูท่า​ฉายา​ของ​เว่ย​ซาน​จวิน​ผู้​นี้​จะไม่ได้​เล่าลือ​กัน​อย่าง​เสียเปล่า​จริงๆ​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด