กระบี่จงมา 504.3 ไม่ฟังเหตุผลย่อมดีที่สุด

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 504.3 ไม่ฟังเหตุผลย่อมดีที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เยี่ยนชิงสายตาเย็นชา “ที่นี่อยู่ห่างจากทะเลสาบชางอวิ๋นอีกแค่ไม่กี่ก้าว แม้ว่าบรรพจารย์รองของดินแดนเซียนเป่าต้งข้าจะยังไม่ลงมาจากภูเขา แต่หากหลังจบเรื่องรู้ว่าเจ้าตู้อวี๋โชคดีได้รู้จักกับสหายที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งเช่นนี้ วันเวลาบนภูเขายาวไกล ภิกษุต่างถิ่นจากไปแล้ว แต่วัดยังคงอยู่ เจ้าไม่กลัวว่าหายนะจะออกจากปากบ้างเลยหรือ?”

ข้าผู้อาวุโสคือชายชาตรีที่ไปเดินวนรอบประตูผีแล้วกลับมาที่โลกคนเป็นสองรอบแล้ว ยังจะกลัวคนอย่างเจ้าอีกหรือ ตู้อวี๋ไม่เพียงแต่ไม่ถอยร่น กลับกันยังกวาดตามองปากน้อยๆ ของเทพธิดาเยี่ยนชิงด้วยสายตาร้อนแรง จากนั้นก็ยิ้มตาหยีไม่พูดไม่จาอะไร

เยี่ยนชิงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตู้อวี๋แห่งตำหนักขวานผีใช่ไหม ข้าจดจำเจ้าและสำนักของเจ้าเอาไว้แล้ว”

นี่ถึงทำให้ตู้อวี๋รู้สึกหวาดเสียวเล็กน้อย

เฉินผิงอันหันหน้ามายิ้มเอ่ยกับตู้อวี๋ว่า “พี่น้องตู้อวี๋ นิสัยแย่ๆ ที่ชอบหลงระเริงตนนี้ของเจ้า ต้องเปลี่ยนแปลงสักหน่อยแล้ว เทพธิดาบนภูเขาความจำดีกว่าจอมยุทธหญิงในยุทธภพที่อายุหกสิบปีก็มีเส้นผมขาวโพลนอยู่มากนัก”

ตู้อวี๋พยักหน้ารับรัวๆ ราวกับไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก “พี่เฉินสั่งสอนได้ถูกต้อง คำพูดล้ำค่าดุจหยกดุจทองคำเช่นนี้ก็เหมือนมอบทรัพย์สินเงินทองให้ข้าหมื่นชั่ง วันหน้าข้าจะต้องเก็บรักษาทรัพย์สมบัติก้อนนี้ไว้ให้ดี”

ขนาดเดิมพันด้วยชีวิตยังเดิมพันมาแล้ว

ถ้าอย่างนั้นก็ทุ่มเดิมพันอย่างสุดตัวอีกสักครั้ง

ขอแค่คืนนี้ผู้อาวุโสสามารถหนีรอดจากทะเลสาบชางอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะผูกปมแค้นหรือไม่ คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะมาแตะต้องตนได้ เพราะต้องชั่งน้ำหนัก ‘สหายผู้ฝึกตน’ ที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกับตนมาก่อนผู้นี้ให้ดี

แน่นอนว่าตนกับสำนักอย่างตำหนักขวานผีไม่สามารถย้ายถิ่นฐานไปไหนได้ แต่ขอแค่ผู้อาวุโสไม่ได้ตายอยู่ในทะเลสาบชางอวิ๋น ผู้ฝึกตนบนภูเขาต่างไม่ใช่คนโง่ ย่อมไม่มีทางยอมเป็นเหยื่อล่อที่ใช้ตกปลา เป็นจันทันที่ยื่นหน้าออกไปอย่างแน่นอน

จนกระทั่งบัดนี้ ตู้อวี๋ที่รู้สึกตัวช้าถึงเพิ่งจะรู้ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสถึงบอกว่าการเดินทางมาเยือนทะเลสาบชางอวิ๋นครั้งนี้ ตนอาจจะได้ต้นทุนกลับมาเล็กน้อย

แน่นอนว่าความอันตรายนั้นต้องอันตรายอย่างใหญ่ อีกทั้งยังมีภัยแฝงที่ตามมาอีกนับไม่ถ้วน

เพียงแต่ว่าบนเส้นทางของการฝึกตน นอกจากบุคคลที่มีน้อยดุจดั่งขนหงส์เขากิเลนอย่างเยี่ยนชิงผู้นี้แล้ว คนอื่นๆ ไหนเลยจะมีเรื่องดีงามอย่างการนอนเสวยสุข เขาตู้อวี๋ก็ยังต้องลงจากภูเขามาเสี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่ามิใช่หรือ?

ดังนั้นถึงได้บอกว่าแม่นางน้อยอย่างเยี่ยนชิงผู้นี้ เมื่อเทียบกับยอดฝีมือบนภูเขาอย่างผู้อาวุโสที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยหรืออาจถึงขั้นหลายพันปีผู้นี้แล้ว ตบะยังตื้นเขินไปหน่อย ดวงตาเล็กๆ คู่นั้นของนาง ตอนนี้ยังไม่อาจเลี้ยงเจียวหลงเอาไว้ได้

หลังจากนั้นเยี่ยนชิงก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เพียงแค่เดินตามคนกลุ่มนั้นไปเงียบๆ

ขยับเข้าไปใกล้ริมตลิ่งทะเลสาบชางอวิ๋น

การมองเห็นพลันเปิดกว้าง

ไม่เสียทีที่เป็นน่านน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในแคว้นอิ๋นผิง

คืนนี้พระจันทร์กลมโตเต็มดวง

ริ้วคลื่นมรกตกระเพื่อมไกลพันลี้ ประกายแสงบนน้ำระยิบระยับงดงาม ทั้งสีของดวงจันทร์และสีของน้ำต่างก็ขานรับเข้ากันเป็นอย่างดี

เนื่องจากเป็นทางเข้าทะเลสาบของคูน้ำจ่าวซี ดังนั้นจึงสร้างท่าเรือแห่งหนึ่งเอาไว้ เพียงแต่ว่าทางน้ำเส้นนี้คือเส้นทางที่เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีใช้รับรองแขกสูงศักดิ์ที่มาจากเมืองหลวงโดยเฉพาะ นางจึงไม่อนุญาตให้ชาวบ้านคนธรรมดาเหยียบย่างเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว

ยืนอยู่ตรงท่าเรือ ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า เฉินผิงอันใช้ไม้เท้าค้ำยันพื้นดิน ทอดสายตามองไปไกลพลางถามว่า “ตู้อวี๋ เจ้าว่าเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีและเสาซีสองท่านนี้ รวมถึงตัวเจ้าเองด้วย หากข้าปล่อยหนึ่งหมัดออกไป ต่อยให้พวกเจ้าตายไปโดยไม่ทันระวัง จะมีสักกี่คนที่ถือว่าตายอย่างอยุติธรรม?”

ตู้อวี๋กะพริบตาปริบๆ คำถามนี้ตอบได้ไม่ง่ายจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ค่อยกล้าบุ่มบ่ามตอบด้วย

เพราะถึงอย่างไรทะเลสาบชางอวิ๋นก็อยู่ตรงหน้า

คำพูดข่มขู่ประโยคนั้นของเยี่ยนชิง อันที่จริงไม่ถือว่าเป็นแค่การแสร้งขู่ให้กลัว กฎเกณฑ์บนภูเขาก็เป็นเช่นนี้ สืบทอดกันมาอย่างนี้เป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีเห็นว่าดูเหมือนทะเลสาบชางอวิ๋นจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นางก็เริ่มร้อนใจราวกับมีไฟลน ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของท่าเรือ พอได้ยินคำถามที่ผู้ฝึกตนอิสระคนนั้นเอ่ยออกมา ในที่สุดก็เริ่มตระหนกลนขึ้นมาบ้างแล้ว

หากบนโลกใบนี้มียาแก้อาการเสียใจภายหลัง นางคงจะซื้อมาสักหลายๆ จินแล้วกลืนลงไปทีเดียว

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในศาลเทพวารี หากตนเกรงใจอีกฝ่ายสักหน่อย เอ่ยตอบรับผู้ฝึกตนอิสระพันธ์ผสมไปสองสามคำให้พอเป็นพิธี ก็คงไม่ถึงขั้นที่ต้องตกอยู่ในสภาพหากเจ้าไม่ตายก็ข้าที่รอดแบบนี้

ไม่ว่าจะอย่างไร ตอนอยู่ในศาล ผู้ฝึกตนอิสระคนนี้เข้ามาในถิ่นของตน ก็ได้ขอให้ตู้อวี๋เข้ามาทักทายในศาลก่อน หลังจากนั้นตัวเขาถึงตามเข้ามา คำพูดที่ตอนนั้นได้ยินแล้วรู้สึกว่าน่าขำและน่ารำคาญอย่างถึงที่สุด ตอนนี้มาลองย้อนนึกดู อันที่จริงก็พอจะถือว่า…มีเหตุผลแล้ว?

เยี่ยนชิงพลันเอ่ยขึ้นว่า “ทางที่ดีที่สุดอย่าได้ฆ่าคนพร่ำเพื่อเพื่อระบายความแค้นอยู่ที่นี่ เพราะไม่มีความหมายใดๆ”

เฉินผิงอันก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเนิบช้า จนกระทั่งมาหยุดอยู่ข้างกายเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซี ดูเหมือนว่าคนทั้งสองจะยืนเคียงไหล่ ชมทัศนียภาพของทะเลสาบร่วมกัน

เฉินผิงอันใช้สองมือยันไม้เท้าปักตรึงไว้กับพื้น ถามเสียงเบาว่า “เด็กสาวที่กระโดดลงน้ำซึ่งถูกเจ้าส่งตัวไปเป็นสาวใช้ของเจ้าทะเลสาบเหมือนการส่งมอบของบรรณาการเหล่านั้น มีใครบ้างไหมที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ ต่อให้ตายก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม แต่กลับถูกเจ้าใช้คนในครอบครัวไปข่มขู่ ถึงได้ยอมสวมชุดแต่งงานทั้งน้ำตา มีพ่อแม่ของพวกนางที่เป็นเดือดเป็นแค้นที่บุตรสาวต้องตายไปอย่างอยุติธรรม มีเด็กหนุ่มที่เติบโตมากับพวกนางตั้งแต่เล็กที่อยากจะแก้แค้นให้พวกนาง แต่กลับถูกพวกเจ้าบี้ให้ตายด้วยนิ้วเดียวอยู่บ้างหรือไม่ เจ้าตอบมาตามตรง มีหรือไม่? หากมีแค่คนเดียวก็ตอบว่ามี”

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีสั่นเทิ้มไปทั้งตัว กัดฟันแน่น

เฉินผิงอันถามอีก “จะเปลี่ยนแปลงไหม? จะแก้ไขไหม? ทะเลสาบชางอวิ๋นจะเปลี่ยนไปไหม?”

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีพยักหน้ารับอย่างแรง พูดน้ำตาคลอเจียนจะหยด “ขอแค่เซียนซือใหญ่เอ่ยมา บ่าวจะต้องแก้ไขความผิดบาปเก่าก่อน…”

แต่เจ้าคนที่สวมงอบผู้นั้นกลับเอ่ยแค่ว่า “ไม่ได้ถามเจ้า ข้ารู้คำตอบอยู่แล้ว”

และในขณะที่เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีกำลังจะเข่าอ่อนลงไปคุกเข่าขอร้องนั้นเอง

นางพลันหันควับไปทางทะเลสาบชางอวิ๋น ดวงตาสองข้างเปล่งประกาย ในใจปิติยินดีสุดขีด

นางยืดเอวได้ตรงทันใด

ตู้อวี๋หดคอ กลืนน้ำลาย

บุรุษร่างสูงใหญ่สวมชุดคลุมมังกร ใบหน้างดงามราวกับหยก ศีรษะสวมมงกุฎคนหนึ่งปรากฎตัวอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบชางอวิ๋น ประดุจดวงเดือนที่ถูกห้อมล้อมด้วยหมู่ดาว เพราะมีเทพวารีของสามลำคลอง และยังมีเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มสาสมใจ รวมไปถึงภูตขุนนางบุ๋นบู๊ผู้ช่วยน้อยใหญ่ของวังมังกรอีกหลายสิบคน พลังอำนาจน่าเกรงขาม ห่างออกไปด้านหลังยังมีพลทหารกุ้งหอยปูปลาอีกหลายร้อยตนที่จัดแถวเข้าขบวนตามลำดับหน้าที่ของตน

ในบรรดานั้นยังมีผู้ฝึกตนตระกูลเซียนบุคลิกไม่ธรรมดาจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นมากที่สุด

และยิ่งมีหญิงชราเรือนกายแข็งแกร่งกำยำไม่เป็นรองบุรุษที่สวมชุดคลุมมังกร บนศีรษะสวมมงกุฎสีทองที่คล้ายกับของเยี่ยนชิง เพียงแต่ว่ารัศมีแสงเข้มข้นกว่า เมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์สาดส่องก็ทอประกายเรืองรอง

ด้านหลังหญิงชรายังมีผู้ฝึกตนที่ลมหายใจทอดยาว ทั่วร่างมีประกายสีสันไหลวนอีกสิบกว่าคนยืนอยู่

พวกเขาก็คืออินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋น กับฟ่านเหวยหรานบรรพจารย์ของดินแดนเซียนเป่าต้งที่จับมือกันออกมาจากงานเลี้ยงในวังมังกร เพื่อมาพบหน้าเซียนกระบี่ต่างถิ่นที่เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีกล่าวถึง

ท่านหนึ่งคือหนึ่งในมังกรข้ามแม่น้ำสองตัวที่ใหญ่ที่สุดในอาณาเขตของหลายสิบแคว้น

อีกท่านหนึ่งคืองูเจ้าถิ่นที่มีอำนาจมากที่สุดในแคว้นอิ๋นผิง

เดิมทีทั้งสองฝ่ายอยู่ในงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตหรูหราที่มีอาหารเลิศรสละลานตา มีสุราเซียนที่ชวนให้คนเมามาย กำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ

จนกระทั่งเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีกลับมาด้วยสภาพกระเซอะกระเซิงและเอ่ยถ้อยคำที่ทำลายบรรยากาศอย่างสิ้นเชิง

นางบอกว่ามีผู้แข็งแกร่งที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมาคนหนึ่งมาเยือนศาลสุ่ยเซียน แล้วก็สามารถสังหารตู้อวี๋แห่งตำหนักขวานผีได้อย่างง่ายดาย แถมยังบอกว่าจะมาเหยียบวังมังกรทะเลสาบชางอวิ๋นให้ราบเป็นหน้ากลอง บังคับชิงตัวสาวใช้หน้าตางดงามเอาไปเป็นของเล่น ทั้งยังบอกอีกว่าเซียนซือของดินแดนเซียนเป่าต้งจะนับเป็นตัวอะไรได้ หากกล้ามาขัดขวาง เขาก็จะสังหารไปพร้อมกันด้วย

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นที่เฝ้าพิทักษ์โชคชะตาน้ำของที่แห่งนี้มานานเป็นพันปีไม่ใช่คนโง่ เขาคุ้นเคยกับนิสัยปากเปราะของบ่าวชั้นต่ำผู้นี้ดี จึงสะบัดชายแขนเสื้อตบให้ร่างทองของเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีสั่นสะเทือน ร่างของนางกลิ้งตลบร้องโหยหวนอยู่กับพื้น เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีที่ความสามารถที่จะทำงานให้สำเร็จมีไม่มาก แต่ความสามารถในการล้างผลาญกลับเหลือเฟือถึงได้ไม่กล้าใส่สีเติมแต่ง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศาลทั้งหมดไปตามจริง

ผู้ฝึกลมปราณกลุ่มนั้นของดินแดนเซียนเป่าต้งคิดแค่ว่าเป็นเรื่องสนุกที่เสริมความบันเทิงยามร่ำสุราเท่านั้น ส่วนเซียนกระบี่อะไรนั่น แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ ว่ากันว่าสาวใช้ข้างกายของเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีเห็นเองกับตาว่ามีกระบี่บินจิ๋วเล่มหนึ่งบินออกมาจากในกาเหล้า แต่คำพูดของสาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่ง แค่เป็นความจริงส่วนสองส่วนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ฟ่านเหวยหรานบรรพจารย์ดินแดนเซียนเป่าต้งก็ทำเพียงรับฟังเงียบๆ ไม่เอ่ยอะไร

เรื่องสกปรกในศาลเทพอภิบาลเมืองของเมืองสุยเจี้ยนั่น ในอดีตนางก็เคยได้ยินมาก่อน แต่ตอนนั้นไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพียงแต่ว่าภายหลังมีลางว่าสมบัติหนักจะเผยกายบนโลกอีกครั้ง นางถึงได้สั่งให้คนตรวจสอบเรื่องนี้ ความเป็นมาคร่าวๆ เหตุก่อนหน้าและผลในภายหลังล้วนเข้าใจอย่างกระจ่างชัด

ในปีนั้นตอนเจอกับลูกหลานของคนรับจดหมายในเมืองหลวง ผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งสองคนที่ลงจากภูเขามาจัดการเรื่องนี้ยังเกิดความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ กับตระกูลเซียนในพื้นที่กลุ่มหนึ่งของแคว้นอิ๋นผิงที่คิดไปในทำนองเดียวกันอีกด้วย

แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามที่เสียเปรียบ จากนั้นก็เก็บหางเจียมเนื้อเจียมตัวจากไปแต่โดยดี

ฟ่านเหวยหรานขมวดคิ้ว “แม่หนูชิง?”

เยี่ยนชิงที่ยืนอยู่ตรงท่าเรือยิ้มบางๆ “บรรพจารย์โปรดวางใจ ข้าไม่เป็นอะไร”

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบหรี่ตาลง

สมกับเป็นผู้ฝึกตนหญิงที่มีรูปโฉมงดงามล่มบ้านล่มเมืองอย่างแท้จริง หากโชคดีมีโอกาสได้เสพสมกับนางสักครั้งก็น่าจะสามารถเพิ่มตบะให้ตนได้อย่างน้อยร้อยปี

เพียงแต่น่าเสียดายที่ดินแดนเซียนเป่าต้งมองเห็นอีกฝ่ายเป็นดั่งไข่มุกบนฝ่ามือ (เปรียบเปรยถึงของล้ำค่าที่ต้องทะนุถนอมประคองไว้บนฝ่ามือ) นังเด็กน้อยที่ผิวเนียนเนื้อนุ่มอย่างเยี่ยนชิงผู้นี้ เป็นแก้วตาดวงใจของสตรีแกร่งอย่างฟ่านเหวยหรานที่ยืนอยู่ข้างกายเขา ทะเลสาบชางอวิ๋นไม่อาจแตะต้องนางได้

ได้ยินมาว่าเยี่ยนชิงเป็นคู่รักกับเหอลู่แห่งนครหวงเยว่? แต่ดูจากท่าทางการยืนและบุคลิกของนาง ยังดี ดูท่าแล้วน่าจะยังไม่เสร็จเหอลู่

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบลอบกลืนน้ำลายที่สอขึ้นมาในปาก

ทางฝั่งของท่าเรือ

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีไม่สนใจอะไรอีก นางกระโดดตัวไปทางทะเลสาบชางอวิ๋น ตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าแห่งทะเลสาบช่วยข้าด้วย!”

อินโหวได้ยินแล้วก็พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “ยังต้องช่วยอีกหรือ?”

นาทีถัดมา

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบที่ท่วงท่าองอาจประหนึ่งจักรพรรดิในโลกมนุษย์ก็ต้องเดือดดาลอย่างหนัก

เห็นเพียงว่าในขณะที่เท้าทั้งสองของเจ้าแห่งคูน้ำคนสนิทของเขากำลังจะสัมผัสพื้นผิวทะเลสาบ กลับถูกคนชุดเขียวสวมงอบที่ยืนอยู่ตรงท่าเรือยื่นมือมาคว้า ร่างของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีลอยหวือกลับไปที่ท่าเรือ แล้วถูกคนผู้นั้นใช้นิ้วทั้งห้ากุมลำคอเอาไว้ พอเขาบีบมือ เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่มีสถานะเป็นแม่ย่าลำคลองก็มีแสงสีทองจางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนปริแตกออกมาจากทวารทั้งเจ็ดและเรือนกาย เพียงชั่วพริบตาร่างทองของเทพวารีก็ถูกกระชากออกมาจากในเนื้อหนังมังสาที่เป็นสตรีเต็มวัยบุคลิกสง่างาม

สองร่างแยกจากกัน

ร่างที่เป็นสตรีสวมชุดชาววังตัวอ่อนยวบลงกับพื้น

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่ถูกบีบให้ต้องเผยร่างทองแผดเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าเวทนา

มือทั้งสองของนางทุบตีมือของคนหนุ่มชุดเขียวสะพายกระบี่อย่างแรง

เห็นเพียงว่าคนผู้นั้นพลันเพิ่มน้ำหนักมือต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นและฟ่านเหวยหราน ศีรษะร่างทองพลันระเบิดแตกเป็นเศษเสี้ยว ก่อนที่ร่างทองนั้นจะกลายเป็นจุดแสงสีทองที่สลายหายไปจากท่าเรืออย่างต่อเนื่อง ถึงอย่างไรนางก็เป็นแค่แม่ย่าลำคลองคนหนึ่ง แม้แต่เศษชิ้นส่วนร่างทองที่มีขนาดเท่าเล็บมือก็ยังไม่สามารถกลับมารวมตัวกันได้

คนผู้นั้นเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ไม่ต้องช่วยแล้วล่ะ”

ตู้อวี๋เงยหน้ามองพระจันทร์ แสร้งทำเป็นคนโง่

มองไม่เห็น ข้ามองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

คราวนี้ระดับการสั่นสะเทือนในหัวใจของเยี่ยนชิงเหนือกว่าตอนที่อยู่ในศาลเทพวารีเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีก่อนหน้านี้เสียอีก เรียกได้ว่าพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทร ประหนึ่งถูกคนใช้หมัดทุบหนักๆ ลงบนหัวใจ

ฟ่านเหวยหรานกระตุกมุมปาก ขยับร่างวูบเดียวก็หายตัวไป

คราวนี้เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นอย่างเจ้าต้องขายหน้าหมดสิ้นซึ่งศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งคนของตัวเองและคนของฝ่ายอื่น เจ้าอินโหวจะอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

ในฐานะผู้ครองทะเลสาบชางอวิ๋น องค์เทพปกครองภูเขาแม่น้ำที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องซึ่งควบคุมชะตาน้ำทั้งหมดเอาไว้ เมื่อจิตใจของอินโหวสะเทือนด้วยความโกรธแค้น ผิวทะเลสาบที่อยู่ใกล้กับท่าเรือจึงเริ่มเกิดคลื่นโถมตัว ลูกคลื่นตีกระทบชายฝั่งส่งเสียงดังขึ้นๆ ลงๆ ไม่หยุด

จากนั้นคนชุดเขียวที่ลงมือทีเดียวก็สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้แก่ผู้คนก็เอ่ยประโยคหนึ่งที่ต้องเป็นคำล้อเล่นอย่างแน่นอน “อยากฟังเหตุผลหรือไม่?”

คนผู้นั้นมองเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋น แล้วค่อยมองไปยังฟ่านเหวยหรานที่สายตาฉายแววคลุมเครือ สุดท้ายเขาก็ถามเองตอบเองว่า “ดูท่าคงไม่อยาก ข้าชอบ”

ฟ้าดินพลันเงียบสงัดไปช่วงเวลาหนึ่ง และแสงจันทร์ที่สาดส่องนั้นก็ไม่เคยมีสรรพสำเนียงใดมานับแต่โบราณ

ตู้อวี๋รู้สึกเพียงว่าในใจเต็มไปด้วยความห้าวเหิม มารดามันเถอะ วันหน้าหากมีความองอาจห้าวหาญเช่นนี้บ้าง ตายไปก็คุ้มแล้ว! แน่นอนว่าทางที่ดีที่สุดยังต้องถูกคนเล่นงานแค่ร่อแร่เกือบตาย จะดีจะชั่วก็เหลือชีวิตไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยเจอเหตุการณ์เช่นนี้!

มารดามันเถอะ ที่แท้วีรบุรุษผู้องอาจก็ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ? เมื่อก่อนการทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ ในยุทธภพของตนนั่นจะนับเป็นอะไรได้?

จิตใจของเยี่ยนชิงกระเพื่อมรุนแรง สีหน้าซับซ้อน

นางมองแผ่นหลังนั้น

ราวกับเมล็ดงาเล็กๆ เมล็ดหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดินกว้างใหญ่เพียงลำพัง ไม่เหมือนผู้ฝึกตน ยิ่งไม่เหมือนเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลบนภูเขา แต่กลับเหมือนจอมยุทธพเนจรที่สะพายกระบี่ท่องเที่ยวไปตามภูเขาแม่น้ำจริงๆ มากกว่า และดูคล้ายว่าจะค่อนข้าง…โดดเดี่ยวด้วย?

เยี่ยนชิงหงุดหงิดกับความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนี้ของตัวเอง รีบปรับสภาพจิตใจให้มั่นคงด้วยการท่องคาถาตระกูลเซียนเงียบๆ

จากนั้นนางก็เห็นว่าคนผู้นั้นปลดหีบไม้ไผ่ลงวางข้างเท้าเบาๆ ก่อน แล้วค่อยปลดงอบวางลงบนหีบไม้ไผ่อีกที

เขาเอาไม้เท้าในมือทิ่มพื้น ส่วนเล็กๆ ปลายไม้เท้าปักเข้าไปในดินของท่าเรือ

จากนั้นเขาก็เริ่มม้วนชายแขนเสื้อช้าๆ

หลังจากยืนได้มั่นคง เขาก็เพียงแค่สะพายกระบี่ แขวนน้ำเต้าบรรจุเหล้าไว้เท่านั้น

สุดท้ายคนผู้นั้นมองไปยังทะเลสาบชางอวิ๋น เอ่ยเนิบช้าว่า “ไม่ต้องเกรงใจ พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันได้เลย ดูสิว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นหมัดข้าที่แข็ง หรือสมบัติอาคมของพวกเจ้าที่มากกว่ากันแน่ วันนี้หากข้าหนีไปจากที่นี่ก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าเฉินคนดี”

ใบหน้าตู้อวี๋เต็มไปด้วยอาการคิดไม่ตก

คำพูดคำจาเอ่ยแค่ครึ่งเดียวน่าจะดีกว่า คำพูดก่อนหน้านั้นฟังแล้วฮึกเหิมนัก แต่ประโยคสุดท้ายนั่น ไม่จำเป็นกระมัง? ผู้อาวุโสยอดฝีมือ ทำแบบนี้จะเป็นการเพิ่มปณิธานให้ผู้อื่น แต่ดับทำลายบารมีของตนเอานะ

เพียงแต่ไม่นานตู้อวี๋ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป

ผู้อาวุโสไม่เคยทำให้ตนผิดหวังจริงๆ

เพราะพูดอะไรล้วนไม่สำคัญ

ต้องดูที่ว่าเขาทำอะไรมากกว่า

ภายใต้สถานการณ์ที่เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นยังไม่ทันได้ทิ้งถ้อยคำอาฆาตแค้นแม้แต่ครึ่งคำ คนชุดเขียวสะพายกระบี่ห้อยกาเหล้าผู้นั้นก็ใช้หนึ่งเท้ากระทืบท่าเรือครึ่งหนึ่งให้พังยุบลงไป แล้วร่างของเขาก็ทะยานไปเบื้องหน้าเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

น้ำทะเลสาบที่ซัดโหมกระหน่ำอยู่ริมฝั่งถอยร่นตามไปด้วย

เทพลำคลองที่สวมชุดเกราะสีเขียว ในมือถือทวนยาวคนหนึ่งปรี่ขึ้นหน้ามาต้านรับศัตรู

เสียงปังจากแค่หนึ่งหมัดเท่านั้น

ทั้งเสื้อเกราะ ผิวหนังและร่างทองต่างก็แหลกสลายคาที่ไปตามๆ กัน

—–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 504.3 ไม่ฟังเหตุผลย่อมดีที่สุด

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 504.3 ไม่ฟังเหตุผลย่อมดีที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เยี่ยนชิงสายตาเย็นชา “ที่นี่อยู่ห่างจากทะเลสาบชางอวิ๋นอีกแค่ไม่กี่ก้าว แม้ว่าบรรพจารย์รองของดินแดนเซียนเป่าต้งข้าจะยังไม่ลงมาจากภูเขา แต่หากหลังจบเรื่องรู้ว่าเจ้าตู้อวี๋โชคดีได้รู้จักกับสหายที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งเช่นนี้ วันเวลาบนภูเขายาวไกล ภิกษุต่างถิ่นจากไปแล้ว แต่วัดยังคงอยู่ เจ้าไม่กลัวว่าหายนะจะออกจากปากบ้างเลยหรือ?”

ข้าผู้อาวุโสคือชายชาตรีที่ไปเดินวนรอบประตูผีแล้วกลับมาที่โลกคนเป็นสองรอบแล้ว ยังจะกลัวคนอย่างเจ้าอีกหรือ ตู้อวี๋ไม่เพียงแต่ไม่ถอยร่น กลับกันยังกวาดตามองปากน้อยๆ ของเทพธิดาเยี่ยนชิงด้วยสายตาร้อนแรง จากนั้นก็ยิ้มตาหยีไม่พูดไม่จาอะไร

เยี่ยนชิงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตู้อวี๋แห่งตำหนักขวานผีใช่ไหม ข้าจดจำเจ้าและสำนักของเจ้าเอาไว้แล้ว”

นี่ถึงทำให้ตู้อวี๋รู้สึกหวาดเสียวเล็กน้อย

เฉินผิงอันหันหน้ามายิ้มเอ่ยกับตู้อวี๋ว่า “พี่น้องตู้อวี๋ นิสัยแย่ๆ ที่ชอบหลงระเริงตนนี้ของเจ้า ต้องเปลี่ยนแปลงสักหน่อยแล้ว เทพธิดาบนภูเขาความจำดีกว่าจอมยุทธหญิงในยุทธภพที่อายุหกสิบปีก็มีเส้นผมขาวโพลนอยู่มากนัก”

ตู้อวี๋พยักหน้ารับรัวๆ ราวกับไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก “พี่เฉินสั่งสอนได้ถูกต้อง คำพูดล้ำค่าดุจหยกดุจทองคำเช่นนี้ก็เหมือนมอบทรัพย์สินเงินทองให้ข้าหมื่นชั่ง วันหน้าข้าจะต้องเก็บรักษาทรัพย์สมบัติก้อนนี้ไว้ให้ดี”

ขนาดเดิมพันด้วยชีวิตยังเดิมพันมาแล้ว

ถ้าอย่างนั้นก็ทุ่มเดิมพันอย่างสุดตัวอีกสักครั้ง

ขอแค่คืนนี้ผู้อาวุโสสามารถหนีรอดจากทะเลสาบชางอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะผูกปมแค้นหรือไม่ คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะมาแตะต้องตนได้ เพราะต้องชั่งน้ำหนัก ‘สหายผู้ฝึกตน’ ที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกับตนมาก่อนผู้นี้ให้ดี

แน่นอนว่าตนกับสำนักอย่างตำหนักขวานผีไม่สามารถย้ายถิ่นฐานไปไหนได้ แต่ขอแค่ผู้อาวุโสไม่ได้ตายอยู่ในทะเลสาบชางอวิ๋น ผู้ฝึกตนบนภูเขาต่างไม่ใช่คนโง่ ย่อมไม่มีทางยอมเป็นเหยื่อล่อที่ใช้ตกปลา เป็นจันทันที่ยื่นหน้าออกไปอย่างแน่นอน

จนกระทั่งบัดนี้ ตู้อวี๋ที่รู้สึกตัวช้าถึงเพิ่งจะรู้ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสถึงบอกว่าการเดินทางมาเยือนทะเลสาบชางอวิ๋นครั้งนี้ ตนอาจจะได้ต้นทุนกลับมาเล็กน้อย

แน่นอนว่าความอันตรายนั้นต้องอันตรายอย่างใหญ่ อีกทั้งยังมีภัยแฝงที่ตามมาอีกนับไม่ถ้วน

เพียงแต่ว่าบนเส้นทางของการฝึกตน นอกจากบุคคลที่มีน้อยดุจดั่งขนหงส์เขากิเลนอย่างเยี่ยนชิงผู้นี้แล้ว คนอื่นๆ ไหนเลยจะมีเรื่องดีงามอย่างการนอนเสวยสุข เขาตู้อวี๋ก็ยังต้องลงจากภูเขามาเสี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่ามิใช่หรือ?

ดังนั้นถึงได้บอกว่าแม่นางน้อยอย่างเยี่ยนชิงผู้นี้ เมื่อเทียบกับยอดฝีมือบนภูเขาอย่างผู้อาวุโสที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยหรืออาจถึงขั้นหลายพันปีผู้นี้แล้ว ตบะยังตื้นเขินไปหน่อย ดวงตาเล็กๆ คู่นั้นของนาง ตอนนี้ยังไม่อาจเลี้ยงเจียวหลงเอาไว้ได้

หลังจากนั้นเยี่ยนชิงก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เพียงแค่เดินตามคนกลุ่มนั้นไปเงียบๆ

ขยับเข้าไปใกล้ริมตลิ่งทะเลสาบชางอวิ๋น

การมองเห็นพลันเปิดกว้าง

ไม่เสียทีที่เป็นน่านน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในแคว้นอิ๋นผิง

คืนนี้พระจันทร์กลมโตเต็มดวง

ริ้วคลื่นมรกตกระเพื่อมไกลพันลี้ ประกายแสงบนน้ำระยิบระยับงดงาม ทั้งสีของดวงจันทร์และสีของน้ำต่างก็ขานรับเข้ากันเป็นอย่างดี

เนื่องจากเป็นทางเข้าทะเลสาบของคูน้ำจ่าวซี ดังนั้นจึงสร้างท่าเรือแห่งหนึ่งเอาไว้ เพียงแต่ว่าทางน้ำเส้นนี้คือเส้นทางที่เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีใช้รับรองแขกสูงศักดิ์ที่มาจากเมืองหลวงโดยเฉพาะ นางจึงไม่อนุญาตให้ชาวบ้านคนธรรมดาเหยียบย่างเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว

ยืนอยู่ตรงท่าเรือ ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า เฉินผิงอันใช้ไม้เท้าค้ำยันพื้นดิน ทอดสายตามองไปไกลพลางถามว่า “ตู้อวี๋ เจ้าว่าเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีและเสาซีสองท่านนี้ รวมถึงตัวเจ้าเองด้วย หากข้าปล่อยหนึ่งหมัดออกไป ต่อยให้พวกเจ้าตายไปโดยไม่ทันระวัง จะมีสักกี่คนที่ถือว่าตายอย่างอยุติธรรม?”

ตู้อวี๋กะพริบตาปริบๆ คำถามนี้ตอบได้ไม่ง่ายจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ค่อยกล้าบุ่มบ่ามตอบด้วย

เพราะถึงอย่างไรทะเลสาบชางอวิ๋นก็อยู่ตรงหน้า

คำพูดข่มขู่ประโยคนั้นของเยี่ยนชิง อันที่จริงไม่ถือว่าเป็นแค่การแสร้งขู่ให้กลัว กฎเกณฑ์บนภูเขาก็เป็นเช่นนี้ สืบทอดกันมาอย่างนี้เป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีเห็นว่าดูเหมือนทะเลสาบชางอวิ๋นจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นางก็เริ่มร้อนใจราวกับมีไฟลน ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของท่าเรือ พอได้ยินคำถามที่ผู้ฝึกตนอิสระคนนั้นเอ่ยออกมา ในที่สุดก็เริ่มตระหนกลนขึ้นมาบ้างแล้ว

หากบนโลกใบนี้มียาแก้อาการเสียใจภายหลัง นางคงจะซื้อมาสักหลายๆ จินแล้วกลืนลงไปทีเดียว

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในศาลเทพวารี หากตนเกรงใจอีกฝ่ายสักหน่อย เอ่ยตอบรับผู้ฝึกตนอิสระพันธ์ผสมไปสองสามคำให้พอเป็นพิธี ก็คงไม่ถึงขั้นที่ต้องตกอยู่ในสภาพหากเจ้าไม่ตายก็ข้าที่รอดแบบนี้

ไม่ว่าจะอย่างไร ตอนอยู่ในศาล ผู้ฝึกตนอิสระคนนี้เข้ามาในถิ่นของตน ก็ได้ขอให้ตู้อวี๋เข้ามาทักทายในศาลก่อน หลังจากนั้นตัวเขาถึงตามเข้ามา คำพูดที่ตอนนั้นได้ยินแล้วรู้สึกว่าน่าขำและน่ารำคาญอย่างถึงที่สุด ตอนนี้มาลองย้อนนึกดู อันที่จริงก็พอจะถือว่า…มีเหตุผลแล้ว?

เยี่ยนชิงพลันเอ่ยขึ้นว่า “ทางที่ดีที่สุดอย่าได้ฆ่าคนพร่ำเพื่อเพื่อระบายความแค้นอยู่ที่นี่ เพราะไม่มีความหมายใดๆ”

เฉินผิงอันก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเนิบช้า จนกระทั่งมาหยุดอยู่ข้างกายเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซี ดูเหมือนว่าคนทั้งสองจะยืนเคียงไหล่ ชมทัศนียภาพของทะเลสาบร่วมกัน

เฉินผิงอันใช้สองมือยันไม้เท้าปักตรึงไว้กับพื้น ถามเสียงเบาว่า “เด็กสาวที่กระโดดลงน้ำซึ่งถูกเจ้าส่งตัวไปเป็นสาวใช้ของเจ้าทะเลสาบเหมือนการส่งมอบของบรรณาการเหล่านั้น มีใครบ้างไหมที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ ต่อให้ตายก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม แต่กลับถูกเจ้าใช้คนในครอบครัวไปข่มขู่ ถึงได้ยอมสวมชุดแต่งงานทั้งน้ำตา มีพ่อแม่ของพวกนางที่เป็นเดือดเป็นแค้นที่บุตรสาวต้องตายไปอย่างอยุติธรรม มีเด็กหนุ่มที่เติบโตมากับพวกนางตั้งแต่เล็กที่อยากจะแก้แค้นให้พวกนาง แต่กลับถูกพวกเจ้าบี้ให้ตายด้วยนิ้วเดียวอยู่บ้างหรือไม่ เจ้าตอบมาตามตรง มีหรือไม่? หากมีแค่คนเดียวก็ตอบว่ามี”

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีสั่นเทิ้มไปทั้งตัว กัดฟันแน่น

เฉินผิงอันถามอีก “จะเปลี่ยนแปลงไหม? จะแก้ไขไหม? ทะเลสาบชางอวิ๋นจะเปลี่ยนไปไหม?”

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีพยักหน้ารับอย่างแรง พูดน้ำตาคลอเจียนจะหยด “ขอแค่เซียนซือใหญ่เอ่ยมา บ่าวจะต้องแก้ไขความผิดบาปเก่าก่อน…”

แต่เจ้าคนที่สวมงอบผู้นั้นกลับเอ่ยแค่ว่า “ไม่ได้ถามเจ้า ข้ารู้คำตอบอยู่แล้ว”

และในขณะที่เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีกำลังจะเข่าอ่อนลงไปคุกเข่าขอร้องนั้นเอง

นางพลันหันควับไปทางทะเลสาบชางอวิ๋น ดวงตาสองข้างเปล่งประกาย ในใจปิติยินดีสุดขีด

นางยืดเอวได้ตรงทันใด

ตู้อวี๋หดคอ กลืนน้ำลาย

บุรุษร่างสูงใหญ่สวมชุดคลุมมังกร ใบหน้างดงามราวกับหยก ศีรษะสวมมงกุฎคนหนึ่งปรากฎตัวอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบชางอวิ๋น ประดุจดวงเดือนที่ถูกห้อมล้อมด้วยหมู่ดาว เพราะมีเทพวารีของสามลำคลอง และยังมีเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มสาสมใจ รวมไปถึงภูตขุนนางบุ๋นบู๊ผู้ช่วยน้อยใหญ่ของวังมังกรอีกหลายสิบคน พลังอำนาจน่าเกรงขาม ห่างออกไปด้านหลังยังมีพลทหารกุ้งหอยปูปลาอีกหลายร้อยตนที่จัดแถวเข้าขบวนตามลำดับหน้าที่ของตน

ในบรรดานั้นยังมีผู้ฝึกตนตระกูลเซียนบุคลิกไม่ธรรมดาจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นมากที่สุด

และยิ่งมีหญิงชราเรือนกายแข็งแกร่งกำยำไม่เป็นรองบุรุษที่สวมชุดคลุมมังกร บนศีรษะสวมมงกุฎสีทองที่คล้ายกับของเยี่ยนชิง เพียงแต่ว่ารัศมีแสงเข้มข้นกว่า เมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์สาดส่องก็ทอประกายเรืองรอง

ด้านหลังหญิงชรายังมีผู้ฝึกตนที่ลมหายใจทอดยาว ทั่วร่างมีประกายสีสันไหลวนอีกสิบกว่าคนยืนอยู่

พวกเขาก็คืออินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋น กับฟ่านเหวยหรานบรรพจารย์ของดินแดนเซียนเป่าต้งที่จับมือกันออกมาจากงานเลี้ยงในวังมังกร เพื่อมาพบหน้าเซียนกระบี่ต่างถิ่นที่เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีกล่าวถึง

ท่านหนึ่งคือหนึ่งในมังกรข้ามแม่น้ำสองตัวที่ใหญ่ที่สุดในอาณาเขตของหลายสิบแคว้น

อีกท่านหนึ่งคืองูเจ้าถิ่นที่มีอำนาจมากที่สุดในแคว้นอิ๋นผิง

เดิมทีทั้งสองฝ่ายอยู่ในงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตหรูหราที่มีอาหารเลิศรสละลานตา มีสุราเซียนที่ชวนให้คนเมามาย กำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ

จนกระทั่งเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีกลับมาด้วยสภาพกระเซอะกระเซิงและเอ่ยถ้อยคำที่ทำลายบรรยากาศอย่างสิ้นเชิง

นางบอกว่ามีผู้แข็งแกร่งที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมาคนหนึ่งมาเยือนศาลสุ่ยเซียน แล้วก็สามารถสังหารตู้อวี๋แห่งตำหนักขวานผีได้อย่างง่ายดาย แถมยังบอกว่าจะมาเหยียบวังมังกรทะเลสาบชางอวิ๋นให้ราบเป็นหน้ากลอง บังคับชิงตัวสาวใช้หน้าตางดงามเอาไปเป็นของเล่น ทั้งยังบอกอีกว่าเซียนซือของดินแดนเซียนเป่าต้งจะนับเป็นตัวอะไรได้ หากกล้ามาขัดขวาง เขาก็จะสังหารไปพร้อมกันด้วย

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นที่เฝ้าพิทักษ์โชคชะตาน้ำของที่แห่งนี้มานานเป็นพันปีไม่ใช่คนโง่ เขาคุ้นเคยกับนิสัยปากเปราะของบ่าวชั้นต่ำผู้นี้ดี จึงสะบัดชายแขนเสื้อตบให้ร่างทองของเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีสั่นสะเทือน ร่างของนางกลิ้งตลบร้องโหยหวนอยู่กับพื้น เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีที่ความสามารถที่จะทำงานให้สำเร็จมีไม่มาก แต่ความสามารถในการล้างผลาญกลับเหลือเฟือถึงได้ไม่กล้าใส่สีเติมแต่ง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศาลทั้งหมดไปตามจริง

ผู้ฝึกลมปราณกลุ่มนั้นของดินแดนเซียนเป่าต้งคิดแค่ว่าเป็นเรื่องสนุกที่เสริมความบันเทิงยามร่ำสุราเท่านั้น ส่วนเซียนกระบี่อะไรนั่น แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ ว่ากันว่าสาวใช้ข้างกายของเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีเห็นเองกับตาว่ามีกระบี่บินจิ๋วเล่มหนึ่งบินออกมาจากในกาเหล้า แต่คำพูดของสาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่ง แค่เป็นความจริงส่วนสองส่วนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ฟ่านเหวยหรานบรรพจารย์ดินแดนเซียนเป่าต้งก็ทำเพียงรับฟังเงียบๆ ไม่เอ่ยอะไร

เรื่องสกปรกในศาลเทพอภิบาลเมืองของเมืองสุยเจี้ยนั่น ในอดีตนางก็เคยได้ยินมาก่อน แต่ตอนนั้นไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพียงแต่ว่าภายหลังมีลางว่าสมบัติหนักจะเผยกายบนโลกอีกครั้ง นางถึงได้สั่งให้คนตรวจสอบเรื่องนี้ ความเป็นมาคร่าวๆ เหตุก่อนหน้าและผลในภายหลังล้วนเข้าใจอย่างกระจ่างชัด

ในปีนั้นตอนเจอกับลูกหลานของคนรับจดหมายในเมืองหลวง ผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งสองคนที่ลงจากภูเขามาจัดการเรื่องนี้ยังเกิดความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ กับตระกูลเซียนในพื้นที่กลุ่มหนึ่งของแคว้นอิ๋นผิงที่คิดไปในทำนองเดียวกันอีกด้วย

แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามที่เสียเปรียบ จากนั้นก็เก็บหางเจียมเนื้อเจียมตัวจากไปแต่โดยดี

ฟ่านเหวยหรานขมวดคิ้ว “แม่หนูชิง?”

เยี่ยนชิงที่ยืนอยู่ตรงท่าเรือยิ้มบางๆ “บรรพจารย์โปรดวางใจ ข้าไม่เป็นอะไร”

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบหรี่ตาลง

สมกับเป็นผู้ฝึกตนหญิงที่มีรูปโฉมงดงามล่มบ้านล่มเมืองอย่างแท้จริง หากโชคดีมีโอกาสได้เสพสมกับนางสักครั้งก็น่าจะสามารถเพิ่มตบะให้ตนได้อย่างน้อยร้อยปี

เพียงแต่น่าเสียดายที่ดินแดนเซียนเป่าต้งมองเห็นอีกฝ่ายเป็นดั่งไข่มุกบนฝ่ามือ (เปรียบเปรยถึงของล้ำค่าที่ต้องทะนุถนอมประคองไว้บนฝ่ามือ) นังเด็กน้อยที่ผิวเนียนเนื้อนุ่มอย่างเยี่ยนชิงผู้นี้ เป็นแก้วตาดวงใจของสตรีแกร่งอย่างฟ่านเหวยหรานที่ยืนอยู่ข้างกายเขา ทะเลสาบชางอวิ๋นไม่อาจแตะต้องนางได้

ได้ยินมาว่าเยี่ยนชิงเป็นคู่รักกับเหอลู่แห่งนครหวงเยว่? แต่ดูจากท่าทางการยืนและบุคลิกของนาง ยังดี ดูท่าแล้วน่าจะยังไม่เสร็จเหอลู่

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบลอบกลืนน้ำลายที่สอขึ้นมาในปาก

ทางฝั่งของท่าเรือ

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีไม่สนใจอะไรอีก นางกระโดดตัวไปทางทะเลสาบชางอวิ๋น ตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าแห่งทะเลสาบช่วยข้าด้วย!”

อินโหวได้ยินแล้วก็พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “ยังต้องช่วยอีกหรือ?”

นาทีถัดมา

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบที่ท่วงท่าองอาจประหนึ่งจักรพรรดิในโลกมนุษย์ก็ต้องเดือดดาลอย่างหนัก

เห็นเพียงว่าในขณะที่เท้าทั้งสองของเจ้าแห่งคูน้ำคนสนิทของเขากำลังจะสัมผัสพื้นผิวทะเลสาบ กลับถูกคนชุดเขียวสวมงอบที่ยืนอยู่ตรงท่าเรือยื่นมือมาคว้า ร่างของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีลอยหวือกลับไปที่ท่าเรือ แล้วถูกคนผู้นั้นใช้นิ้วทั้งห้ากุมลำคอเอาไว้ พอเขาบีบมือ เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่มีสถานะเป็นแม่ย่าลำคลองก็มีแสงสีทองจางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนปริแตกออกมาจากทวารทั้งเจ็ดและเรือนกาย เพียงชั่วพริบตาร่างทองของเทพวารีก็ถูกกระชากออกมาจากในเนื้อหนังมังสาที่เป็นสตรีเต็มวัยบุคลิกสง่างาม

สองร่างแยกจากกัน

ร่างที่เป็นสตรีสวมชุดชาววังตัวอ่อนยวบลงกับพื้น

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่ถูกบีบให้ต้องเผยร่างทองแผดเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าเวทนา

มือทั้งสองของนางทุบตีมือของคนหนุ่มชุดเขียวสะพายกระบี่อย่างแรง

เห็นเพียงว่าคนผู้นั้นพลันเพิ่มน้ำหนักมือต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นและฟ่านเหวยหราน ศีรษะร่างทองพลันระเบิดแตกเป็นเศษเสี้ยว ก่อนที่ร่างทองนั้นจะกลายเป็นจุดแสงสีทองที่สลายหายไปจากท่าเรืออย่างต่อเนื่อง ถึงอย่างไรนางก็เป็นแค่แม่ย่าลำคลองคนหนึ่ง แม้แต่เศษชิ้นส่วนร่างทองที่มีขนาดเท่าเล็บมือก็ยังไม่สามารถกลับมารวมตัวกันได้

คนผู้นั้นเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ไม่ต้องช่วยแล้วล่ะ”

ตู้อวี๋เงยหน้ามองพระจันทร์ แสร้งทำเป็นคนโง่

มองไม่เห็น ข้ามองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

คราวนี้ระดับการสั่นสะเทือนในหัวใจของเยี่ยนชิงเหนือกว่าตอนที่อยู่ในศาลเทพวารีเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีก่อนหน้านี้เสียอีก เรียกได้ว่าพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทร ประหนึ่งถูกคนใช้หมัดทุบหนักๆ ลงบนหัวใจ

ฟ่านเหวยหรานกระตุกมุมปาก ขยับร่างวูบเดียวก็หายตัวไป

คราวนี้เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นอย่างเจ้าต้องขายหน้าหมดสิ้นซึ่งศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งคนของตัวเองและคนของฝ่ายอื่น เจ้าอินโหวจะอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

ในฐานะผู้ครองทะเลสาบชางอวิ๋น องค์เทพปกครองภูเขาแม่น้ำที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องซึ่งควบคุมชะตาน้ำทั้งหมดเอาไว้ เมื่อจิตใจของอินโหวสะเทือนด้วยความโกรธแค้น ผิวทะเลสาบที่อยู่ใกล้กับท่าเรือจึงเริ่มเกิดคลื่นโถมตัว ลูกคลื่นตีกระทบชายฝั่งส่งเสียงดังขึ้นๆ ลงๆ ไม่หยุด

จากนั้นคนชุดเขียวที่ลงมือทีเดียวก็สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้แก่ผู้คนก็เอ่ยประโยคหนึ่งที่ต้องเป็นคำล้อเล่นอย่างแน่นอน “อยากฟังเหตุผลหรือไม่?”

คนผู้นั้นมองเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋น แล้วค่อยมองไปยังฟ่านเหวยหรานที่สายตาฉายแววคลุมเครือ สุดท้ายเขาก็ถามเองตอบเองว่า “ดูท่าคงไม่อยาก ข้าชอบ”

ฟ้าดินพลันเงียบสงัดไปช่วงเวลาหนึ่ง และแสงจันทร์ที่สาดส่องนั้นก็ไม่เคยมีสรรพสำเนียงใดมานับแต่โบราณ

ตู้อวี๋รู้สึกเพียงว่าในใจเต็มไปด้วยความห้าวเหิม มารดามันเถอะ วันหน้าหากมีความองอาจห้าวหาญเช่นนี้บ้าง ตายไปก็คุ้มแล้ว! แน่นอนว่าทางที่ดีที่สุดยังต้องถูกคนเล่นงานแค่ร่อแร่เกือบตาย จะดีจะชั่วก็เหลือชีวิตไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยเจอเหตุการณ์เช่นนี้!

มารดามันเถอะ ที่แท้วีรบุรุษผู้องอาจก็ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ? เมื่อก่อนการทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ ในยุทธภพของตนนั่นจะนับเป็นอะไรได้?

จิตใจของเยี่ยนชิงกระเพื่อมรุนแรง สีหน้าซับซ้อน

นางมองแผ่นหลังนั้น

ราวกับเมล็ดงาเล็กๆ เมล็ดหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดินกว้างใหญ่เพียงลำพัง ไม่เหมือนผู้ฝึกตน ยิ่งไม่เหมือนเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลบนภูเขา แต่กลับเหมือนจอมยุทธพเนจรที่สะพายกระบี่ท่องเที่ยวไปตามภูเขาแม่น้ำจริงๆ มากกว่า และดูคล้ายว่าจะค่อนข้าง…โดดเดี่ยวด้วย?

เยี่ยนชิงหงุดหงิดกับความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนี้ของตัวเอง รีบปรับสภาพจิตใจให้มั่นคงด้วยการท่องคาถาตระกูลเซียนเงียบๆ

จากนั้นนางก็เห็นว่าคนผู้นั้นปลดหีบไม้ไผ่ลงวางข้างเท้าเบาๆ ก่อน แล้วค่อยปลดงอบวางลงบนหีบไม้ไผ่อีกที

เขาเอาไม้เท้าในมือทิ่มพื้น ส่วนเล็กๆ ปลายไม้เท้าปักเข้าไปในดินของท่าเรือ

จากนั้นเขาก็เริ่มม้วนชายแขนเสื้อช้าๆ

หลังจากยืนได้มั่นคง เขาก็เพียงแค่สะพายกระบี่ แขวนน้ำเต้าบรรจุเหล้าไว้เท่านั้น

สุดท้ายคนผู้นั้นมองไปยังทะเลสาบชางอวิ๋น เอ่ยเนิบช้าว่า “ไม่ต้องเกรงใจ พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันได้เลย ดูสิว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นหมัดข้าที่แข็ง หรือสมบัติอาคมของพวกเจ้าที่มากกว่ากันแน่ วันนี้หากข้าหนีไปจากที่นี่ก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าเฉินคนดี”

ใบหน้าตู้อวี๋เต็มไปด้วยอาการคิดไม่ตก

คำพูดคำจาเอ่ยแค่ครึ่งเดียวน่าจะดีกว่า คำพูดก่อนหน้านั้นฟังแล้วฮึกเหิมนัก แต่ประโยคสุดท้ายนั่น ไม่จำเป็นกระมัง? ผู้อาวุโสยอดฝีมือ ทำแบบนี้จะเป็นการเพิ่มปณิธานให้ผู้อื่น แต่ดับทำลายบารมีของตนเอานะ

เพียงแต่ไม่นานตู้อวี๋ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป

ผู้อาวุโสไม่เคยทำให้ตนผิดหวังจริงๆ

เพราะพูดอะไรล้วนไม่สำคัญ

ต้องดูที่ว่าเขาทำอะไรมากกว่า

ภายใต้สถานการณ์ที่เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นยังไม่ทันได้ทิ้งถ้อยคำอาฆาตแค้นแม้แต่ครึ่งคำ คนชุดเขียวสะพายกระบี่ห้อยกาเหล้าผู้นั้นก็ใช้หนึ่งเท้ากระทืบท่าเรือครึ่งหนึ่งให้พังยุบลงไป แล้วร่างของเขาก็ทะยานไปเบื้องหน้าเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

น้ำทะเลสาบที่ซัดโหมกระหน่ำอยู่ริมฝั่งถอยร่นตามไปด้วย

เทพลำคลองที่สวมชุดเกราะสีเขียว ในมือถือทวนยาวคนหนึ่งปรี่ขึ้นหน้ามาต้านรับศัตรู

เสียงปังจากแค่หนึ่งหมัดเท่านั้น

ทั้งเสื้อเกราะ ผิวหนังและร่างทองต่างก็แหลกสลายคาที่ไปตามๆ กัน

—–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+