กระบี่จงมา 517.4 ภูเขาสายน้ำยาวไกล

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 517.4 ภูเขาสายน้ำยาวไกล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินซูแข้งขาอ่อน ต้องเอามือข้างหนึ่งจับสะพานเหล็กเอาไว้

กากเดนราชวงศ์ก่อนผู้นั้นอยู่ใต้เปลือกตาของตนจริงๆ ด้วย!

ตู้อิ๋งยิ้มกล่าว “เอาล่ะ เจ้าหลินซูอุทิศตนถวายชีวิต ตั้งใจทำงานอย่างระมัดระวังรอบคอบเพื่อฮ่องเต้มานานหลายปีขนาดนี้ คอยส่งรายงานลับไปยังเมืองหลวงอยู่เป็นประจำ อีกทั้งคราวนี้ยังช่วยข้ากำจัดยอดฝีมือสองคนของทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมบนทะเลสาบ แล้วคืนนี้ก็ยังได้คลายปมแค้นเก่าแก่ในอดีตอีกด้วย”

หลินซูยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ได้ยินถ้อยคำใจกว้างนี้ของตู้อิ๋งก็ทั้งโล่งใจ แต่ก็ทั้งไม่กล้าวางใจอย่างแท้จริง กลัวก็เพียงแต่ว่าราชสำนักจะคิดบัญชีย้อนหลัง

ตู้อิ๋งไม่คิดจะพูดอะไรให้มากความอีก ปล่อยให้หลินซูอกสั่นขวัญผวาไป กลุ่มอิทธิพลในยุทธภพอย่างหลินซูและภูเขาเจิงหรงนี้ก็คือพวกกุ้งหอยปูปลาในบ่อโคลนเละเทะ แต่กลับจำเป็นต้องมี หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่นที่ทำงานแทนราชสำนัก เรื่องของการทุ่มเทนั้นย่อมต้องทุ่มเท แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะใช้งานได้ดีอย่างหลินซู แล้วนับประสาอะไรกับที่อีกฝ่ายมีจุดอ่อนใหญ่ขนาดนี้ถูกกุมอยู่ในมือของเขาตู้อิ๋งและราชสำนัก วันหน้าภูเขาเจิงหรงก็มีแต่จะยิ่งนอบน้อมเชื่อฟัง เวลาทำงานอะไรก็มีแต่จะยิ่งไม่เลือกวิธีการ คนในยุทธภพฆ่าคนในยุทธภพ ราชสำนักก็แค่ต้องทำตัวเป็นชาวประมงที่เก็บเกี่ยวผลกำไร อีกทั้งคาวเลือดยังไม่ต้องแปดเปื้อนติดกาย

ตู้อิ๋งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “คืนนี้พักค้างแรมที่ภูเขาเจิงหรงนี่แหละ”

หลินซูถามเสียงเบา “แล้วพวกคนหนุ่มที่อายุเข้าเกณฑ์?”

ตู้อิ๋งลังเลตัดสินใจไม่ได้

ชายฉกรรจ์โอสถทองของจวนราชครูต้าจ้วนกระตุกมุมปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ระมัดระวังขับเรือได้นานหมื่นปี เจ้าประมุขหลินตัดสินใจเอาเองเถิด”

สายตาของหลินซูฉายแววอำมหิตในฉับพลัน

คนทั้งกลุ่มเดินข้ามสะพานกันไป เข้าไปยังเมืองเล็กที่แสงไฟสว่างโชติช่วง

ตรงหน้าผา เฉินผิงอันห้อยตัวนิ่งไม่กระดุกกระดิก

ในเมืองเล็กบนยอดเขาของภูเขาเจินหรง ในห้องโถงใหญ่ของพรรคเจิงหรง บนพื้นนองไปด้วยเลือดสด

หลินซูนั่งสีหน้าไร้อารมณ์อยู่บนตำแหน่งประธาน

ชายฉกรรจ์นิสัยเงียบขรึมที่มาจากจวนราชครูของราชวงศ์ต้าจ้วน เจิ้งสุ่ยจู ตู้อิ๋งแม่ทัพใหญ่ผู้พิทักษ์แคว้นจินเฟย ขันทีเฒ่าผู้ถือตราควบคุมกองม้า นั่งเรียงกันตามลำดับ

ฝั่งตรงข้ามคือผู้อาวุโสสกุลหลินหลายท่านของพรรคเจิงหรง จากนั้นก็เป็นบุตรสาวโทนของหลินซู และลูกศิษย์ผู้สืบทอดทุกคนของเขา พวกเขาทุกคนต่างก็ไม่กล้ามองไปฝั่งตรงข้าม

เพราะก่อนหน้านี้ให้ตายอย่างไรเจ้าประมุขหลินซูก็ไม่ยอมนั่งบนตำแหน่งประธาน แล้วก็เป็นเพราะมือกระบี่หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ บอกให้หลินซูรีบนั่ง หลินซูถึงได้นั่งลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ

ในห้องโถงใหญ่ บุรุษที่อายุประมาณยี่สิบปีล้วนตายกันไปแล้วเกินครึ่ง

ใบหน้าของเจิ้งสุ่ยจูเหมือนถูกผนึกด้วยน้ำค้างแข็ง นางหันหน้ามาเอ่ย “ฆ่าเศษสวะพวกนี้สนุกนักหรือไง?!”

เฝิงอี้แห่งจวนราชครูยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่แน่ว่าอาจตกปลาใหญ่จากตำหนักเกล็ดทองได้ตัวหนึ่ง”

ในสถานที่ที่ห่างจากห้องโถงใหญ่ของพรรคเจิงหรงมาอีกช่วงระยะทางหนึ่ง

บุรุษหนุ่มที่รับหน้าที่เป็นอาจารย์ของโรงเรียนต่อจากอาจารย์ผู้เฒ่าหัวเราะเสียงหยันไม่หยุด เขาลุกขึ้นยืน กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง กระบี่ยาวเล่มหนึ่งก็เด้งออกมาจากใต้ดิน เขาถือกระบี่เดินข้ามประตูใหญ่ของโรงเรียน เดินไปบนถนนเส้นใหญ่ ตรงดิ่งไปยังสถานที่ที่อันตรายแห่งนั้น

ความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักเกล็ดทองและราชวงศ์ต้าจ้วนเลวร้าย ทั้งสองฝ่ายขาดก็แค่ยังไม่ได้ฉีกหน้าแตกหักกันโดยตรงก็เท่านั้น

ในเมื่อเรื่องนี้ยุติลงแล้ว เขาก็ไม่ถือสาหากจะถือโอกาสสังหารผู้ฝึกลมปราณโอสถทองคนหนึ่งของต้าจ้วน หากเขามองไม่ผิด มือกระบี่หญิงที่อายุยังน้อยคนนั้นเป็นลูกศิษย์ที่หญิงชราขอบเขตแปดผู้นั้นรักใคร่มากที่สุด หากสองคนนี้ตายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูญเสียดาบวิเศษที่สามารถสยบเจียวน้ำได้ไปด้วย กลับมีเพียงตู้อิ๋งเท่านั้นที่ไม่ตาย แค่นี้ก็มากพอจะทำให้ฮ่องเต้แคว้นจินเฟยร้อนใจหัวหูไหม้ ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่สามารถให้คำอธิบายแก่ฮ่องเต้สกุลโจวต้าจ้วนได้

ทางฝั่งของหน้าผา เฉินผิงอันปล่อยมือ ปล่อยให้ร่างร่วงดิ่งลงมาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

พอขยับเข้าใกล้ด้านล่างสุดของหน้าผา ถึงได้ยื่นมือไปคว้าหน้าผาเอาไว้ ชะลอความเร็วในการร่วงลง พอพลิ้วกายลงบนพื้นก็เดินช้าๆ จากไปไกล

มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นการล่าเหยื่อที่แผนการถูกจัดวางไว้อย่างลึกล้ำยาวไกล

แม้จะบอกว่าทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ตัวเองต้องการ

แต่หากเผยกายอย่างแท้จริง เดินเข้าไปในสถานการณ์นั้น ยิ่งขอบเขตสูงเท่าไรก็ไม่แน่ว่าอาจยิ่งตายเร็วเท่านั้น

เฉินผิงอันไม่คิดจะไปมีส่วนร่วม

กากเดนราชวงศ์ก่อนที่หนีออกจากเมืองหลวงมาได้ ฮ่องเต้แคว้นจินเฟยที่ยึดครองราชย์บัลลังก์ ตู้อิ๋งบุตรบุญธรรมที่สร้างความวุ่นวายให้แก่ยุทธภพ หลินซูพรรคเจิงหรงที่สวามิภักดิ์ต่อราชสำนัก ผู้ฝึกตนตำหนักเกล็ดทองที่ให้การปกป้องคุ้มครององค์ชายอย่างลับๆ ผู้ฝึกยุทธขอบเขตแปดของต้าจ้วน ผู้ฝึกตนโอสถทองจวนราชครู เจียวน้ำที่จะทำให้น้ำท่วมกลบทับเมืองหลวงต้าจ้วน

ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบบางท่านของราชวงศ์ต้าจ้วน กับเซียนกระบี่ใหญ่ที่ผูกปมแค้นต่อกัน

เฉินผิงอันจากไปไกลทั้งอย่างนี้

ส่วนเมืองเล็กบนยอดเขาที่อยู่ด้านหลังก็จะต้องมีเรื่องราวที่สลับซับซ้อนเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความสุขความทุกข์ การพบพรากจากลาของแต่ละคน บางคนอาจตายไปโดยที่ยังไม่รู้สาเหตุเลยด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่เป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของตำหนักเกล็ดทองซึ่งคิดว่าคืนนี้มิอาจมีใครต่อกรกับเขาได้ พลันมีรูเล็กๆ โผล่มาตรงหว่างคิ้ว ก่อนที่เส้นแสงหนึ่งจะเปล่งวาบ ตามมาด้วยโอสถทองในร่างที่ถูกปั่นคว้านจนเละ

ก่อนจะตาย ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่อำพรางตนอย่างลึกล้ำเบิกตากว้าง พึมพำว่า “เซียนกระบี่จีเยว่…”

เพียงไม่นานศพของเขาก็หลอมละลายกลายเป็นกองเลือดกองหนึ่ง

บนภูเขาฝั่งตรงข้าม ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยคนหนึ่งเอาสองมือไพล่หลัง “โอสถทองตัวเล็กๆ ก็กล้ามาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าอย่างนั้นหรือ? ชีวิตหน้าหากยังมีโอกาสไปเกิดใหม่ต้องหัดเรียนรู้เอาจากคนหนุ่มผู้นั้นที่สามารถหนีพ้นหายนะมาได้ถึงสองครั้งเสียบ้าง”

เพียงชั่วพริบตา

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยก็มาหยุดอยู่ข้างกายคนชุดเขียว เดินเคียงบ่าไปด้วยกัน พลางยิ้มเอ่ยว่า “คนต่างถิ่น เจ้าสัมผัสถึงความผิดปกติได้อย่างไร? ลองเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม? หรือว่าตั้งแต่ต้นจนจบเจ้าเพียงแค่คิดจะชมเรื่องสนุกเท่านั้น? มองดูแล้วเจ้ายังอายุไม่มาก แต่กลับทำอะไรรอบคอบไม่น้อย”

เฉินผิงอันถือไม้เท้าเดินป่าไว้ในมือ เท้ายังคงก้าวเดินไม่หยุดนิ่ง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อาจารย์ผู้เฒ่าเชิญใช้เหยื่อตัวใหญ่ตกปลาตัวใหญ่ได้ตามสบาย ผู้น้อยไม่กล้าเข้าไปเหยียบในน้ำขุ่นบ่อนี้”

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยลูบคลำศีรษะ “เจ้าคิดว่ากากเดนราชวงศ์ก่อนผู้นั้นตายไปแล้วหรือยัง?”

เฉินผิงอันตอบ “น่าจะเป็นวิธีขโมยคานเปลี่ยนเสาของตระกูลเซียน มีเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ในร่าง แต่กลับไม่ใช่เมล็ดพันธ์มังกรที่แท้จริง หลินซูคือบุรุษผู้แข็งแกร่งที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้องค์ก่อนอย่างแท้จริง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องเมล็ดพันธ์บัณฑิตผู้นั้นให้ได้ พวกตู้อิ๋งถูกเขาตบตาเสียแล้ว ผู้ฝึกตนเฒ่าตำหนักเกล็ดทองผู้นั้นก็เป็นคนเด็ดขาดมากพอ ช่วยเขาปิดฟ้าข้ามมหาสมุทร ส่วนคนหนุ่มผู้นั้นก็ยิ่งมีจิตใจละเอียดรอบคอบ ไม่อย่างนั้นลำพังเพียงแค่หลินซูคนเดียวคงยากที่จะทำได้ถึงขั้นนี้ แต่สำหรับท่านอาจารย์ผู้เฒ่าแล้ว การต่อยตีกันเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเขาล้วนเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น ถึงอย่างไรหากเมล็ดพันธ์มังกรของราชวงศ์ก่อนแห่งแคว้นจินเฟยไม่ตายก็ย่อมดีกว่า ดาบวิเศษที่สามารถสยบเผ่าพันธุ์เจียวหลงเล่มนั้นขาดแรงไฟไปอีกนิด ซึ่งนั่นกลับยิ่งเป็นการดี ดังนั้นเดิมทีหากยอดฝีมือที่เก็บตัวสันโดษอย่างแท้จริงอยู่ในพรรคเจิงหรงยอมอยู่เฉยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องตายภายใต้กระบี่บินของท่านอาจารย์ผู้เฒ่า”

“ยอมทำตามอย่างว่าง่าย อะไรที่รู้ก็พูดหมดไม่หมกเม็ด ผ่านพ้นหายนะไปได้อีกรอบแล้ว”

หลังจากผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยพูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจุ๊ปากชื่นชม “น่าสนใจๆ แต่น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ”

คนหนุ่มชุดเขียวที่สวมงอบผู้นั้นหยุดฝีเท้า ยิ้มกล่าวว่า “อาจารย์ผู้เฒ่าอย่าได้ข่มขู่ข้าเลย ข้าเป็นคนขี้ขลาด หากยังปล่อยปราณสังหารอบอวลเช่นนี้ และถ้าต่อสู้กันขึ้นมาข้าต้องสู้อาจารย์ผู้เฒ่าไม่ได้แน่ ต่อให้สู้สุดชีวิตก็ยังไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องได้แต่ยกอาจารย์และศิษย์พี่ของตัวเองมาพูดถึงแล้ว เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ”

ผู้เฒ่าร่างเล็กตัวแผดเสียงหัวเราะดังลั่น มองคนหนุ่มแล้วพยักหน้ารับ “ฉลาดไม่เบา สมควรแล้วที่มีชีวิตอยู่รอด หล่อเหลาและเจ้าเล่ห์พอๆ กับข้าตอนที่ยังเป็นหนุ่ม ถือว่าเป็นคนบนเส้นทางเดียวกันครึ่งตัว หากสุดท้ายข้าสามารถสังหารตาเฒ่านั่นได้จริงๆ เจ้าก็มาหาข้าที่ภูเขาวานรคำราม หากมีคนขัดขวางก็บอกไปว่าเจ้ารู้จักผู้เฒ่าแซ่จีคนหนึ่ง ใช่แล้ว เจ้าฉลาดขนาดนี้ อย่าได้คิดจะส่งข่าวไปแจ้งฮ่องเต้สกุลโจวของต้าจ้วนเด็ดขาดเชียว จะได้ไม่คุ้มเสียเอา”

เฉินผิงอันถอนหายใจ

เป็นจีเยว่ ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินแห่งภูเขาวานรคำรามในตำนานคนนั้นจริงๆ เสียด้วย

เฉินผิงอันหันไปมองเมืองเล็กสว่างไสวที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเดียวดาย พลันถามว่า “อาจารย์ผู้เฒ่า ได้ยินมาว่าเซียนกระบี่ใหญ่สามารถออกกระบี่ได้รวดเร็วจนถึงขั้นตัดสะบั้นผลกรรมบางอย่างได้เลย?”

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยคิดแล้วก็ตอบว่า “ข้ายังทำไม่ได้”

แล้วคนทั้งสองก็เงียบกันไป

ผู้เฒ่าพลันส่ายหน้ากล่าวว่า “เด็กเช่นเจ้าโชคร้ายไปสักหน่อย ได้มาเจอกับข้าสองครั้งแล้ว แล้วก็เกือบจะตายไปสามครั้ง ยิ่งมองเจ้าก็ยิ่งอดนึกถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้จริงๆ”

เฉินผิงอันหัวเราะ “แค่ชินกับมันก็ดีเอง”

ผู้เฒ่าโบกมือ “ไปเถอะ คนฝึกกระบี่ อย่าได้ยอมรับชะตากรรมเกินไปนัก แบบนี้สิถึงจะถูก”

และจอมยุทธพเนจรชุดเขียวก็ก้าวยาวๆ จากไปจริงๆ

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยลูบคลำศีรษะ มองปิ่นหยกที่อยู่บนมวยผมของคนหนุ่มด้วยสายตาซับซ้อน แล้วจึงถอนหายใจหนึ่งครั้ง ก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าน่าเสียดายจริงๆ นั่นคือพูดถึงบัณฑิตที่กล้ากระทำการขัดต่อเจตนารมณ์สวรรค์อย่างแท้จริงผู้นั้น

สุดท้ายเขาก็อดไม่ไหว โบกชายแขนเสื้อสร้างฟ้าดินขนาดเล็กขึ้นมา จากนั้นถามว่า “เจ้าเป็นลูกศิษย์ของคนผู้นั้นแห่งแจกันสมบัติทวีปงั้นหรือ?”

คนผู้นั้นหันหน้ากลับมาแต่ไม่ได้เอ่ยคำใด

จีเยว่มีสีหน้าเฉยเมย เอาสองมือไพล่หลัง พูดเสียงทุ้มหนัก “อย่าทำให้อาจารย์ของตัวเองต้องขายหน้า”

คนผู้นั้นทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับ

จีเยว่ยังคงไม่ถอนตราพันธนาการออก เขาพลันยิ้มเอ่ยว่า “ถ้ามีโอกาสก็บอกกับอาจารย์อาจั่วคนนั้นของเจ้าสักคำว่า อันที่จริงวิชากระบี่ของเขา…ไม่ได้สูงส่งขนาดนั้น ปีนั้นเป็นเพราะข้าประมาทเกินไป ขอบเขตก็ไม่สูงพอ ถึงได้ต้านรับกระบี่ของเขาไม่ได้”

คนหนุ่มมีสีหน้าปั้นยาก

จีเยว่โบกมือ “เตือนเจ้าสักคำ ทางที่ดีที่สุดควรเก็บปิ่นหยกชิ้นนี้ไปซะ เก็บซ่อนเอาไว้ให้ดี แม้จะบอกว่าปีนั้นข้าเป็นดั่งศาลาใกล้น้ำจึงได้ยลจันทร์ก่อน พอจะมองเห็นเบาะแสของอุบัติการณ์ทางทิศใต้อยู่บ้าง ถึงได้รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่เคยขยับเข้าไปพิศดูใกล้ๆ อย่างละเอียด แม้แต่ข้าก็ยังสัมผัสไม่ถึงความผิดปกติ แต่หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันหนึ่งในหมื่นขึ้นมาล่ะ? ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ทุกคนที่ไม่ชอบรังแกเด็กรุ่นหลังอย่างข้าหรอกนะ ทุกวันนี้พวกเซียนกระบี่ผายลมสุนัขที่ยังอยู่ในอุตรกุรุทวีป ขอแค่พวกเขามองตัวตนของเจ้าออก ก็มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าจะอดใจไม่ไหวอยากปล่อยกระบี่ใส่เจ้า ส่วนข้อที่ว่าสังหารเจ้าแล้วจะทำให้อาจารย์อาจั่วของเจ้าโมโหจนต้องขึ้นฝั่งมาเยือนอุตรกุรุทวีปหรือไม่นั้น สำหรับพวกลูกกระต่ายขอบเขตก่อกำเนิด ขอบเขตหยกดิบที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเหล่านี้ นั่นมีแต่จะเป็นความสุขในชีวิต ไม่กลัวตายเลยสักนิดจริงๆ นี่ก็คือกระแสความนิยมในอุตรกุรุทวีปของพวกเรา ดี แล้วก็ไม่ดี”

คนหนุ่มหันกลับมาเอ่ยถาม “ปีนั้นผู้ฝึกกระบี่ของอุตรกุรุทวีปที่ออกทะเลไปออกกระบี่ก่อนใคร ก็คืออาจารย์ผู้เฒ่า? เหตุใดข้าเปิดรายงานข่าวภูเขาแม่น้ำมากมาย ถึงได้มีเพียงแค่การคาดเดา ไม่มีบันทึกที่ระบุไว้อย่างแน่ชัด?”

จีเยว่พูดอย่างฉุนปนขัน “เจ้าพวกคนรายงานข่าวที่เหมือนหนูขุดรูอยู่ใต้ดินเหล่านั้น ต่อให้รู้ว่าเป็นข้าจีเยว่ แต่พวกเขาจะกล้าระบุชื่อแซ่ของข้าหรือ? เจ้าลองดูเซียนกระบี่อีกสามคนที่ตามหลังมา มีใครบ้างที่รู้? อีกอย่างวันหน้าเวลาลงจากเขามาฝึกประสบการณ์ก็ควรต้องระวังตัวสักหน่อย ต้องระวังตัวเหมือนอย่างในคืนนี้ เจ้าไม่มีทางรู้เลยว่าคนชักใยดึงเชือกอยู่เบื้องหลังหุ่นเชิดอย่างพวกมดตัวน้อยตัวนิดเหล่านั้น แท้จริงแล้วเป็นเทพเจ้าจากฝ่ายใดกันแน่ พูดประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อย พวกคนอย่างตู้อิ๋งมองหลินซู เจ้ามองตู้อิ๋ง ข้ามองเจ้า แล้วใครเล่าจะรู้ว่ามีหรือไม่มีคนที่กำลังมองข้าจีเยว่อยู่หรือไม่? ผู้ฝึกตนบนภูเขากี่มากน้อยที่ตายไปแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ล่างภูเขาเลย โรคที่รักษายากแค่ไหนก็ยังรักษาได้ มีเพียงคำว่าโง่คำเดียวเท่านั้นที่ไร้ยารักษา”

คนหนุ่มกุมหมัดกล่าวว่า “คำสั่งสอนของท่านอาจารย์ผู้เฒ่า ผู้น้อยจดจำไว้แล้ว”

จีเยว่โบกมือ แล้วร่างของเขาก็หายวับไป

เฉินผิงอันเดินออกห่างมาจากยอดเขาเจิงหรง ออกเดินทางท่องเที่ยวหาประสบการณ์เพียงลำพังต่อไป

ยุทธภพก็เป็นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องเจอคลื่นลมมรสุมอะไรบ้าง

เข้าสู่ช่วงหน้าฝน

เฉินผิงอันจึงเลือกเดินอ้อมราชวงศ์ต้าจ้วนมุ่งหน้าไปยังแคว้นใต้อาณัติที่อยู่ติดทะเลแห่งหนึ่งโดยตรง

บนสะพานเลียบหน้าผา ฝนเม็ดใหญ่ตกกระหน่ำ เฉินผิงอันก่อกองไฟขึ้นกองหนึ่ง เหม่อมองไปยังม่านฝนด้านนอก พอฝนตก ไอร้อนที่อบอวลอยู่ท่ามกลางฟ้าดินก็ลดหายไปมาก

สายฝนกระหน่ำ พรำเสียงเนิบ ต้นหลิ่วลู่เรียง ใบบัวเกลี้ยงกลม ขุนเขาเขียวขจี หนทางยาวไกล ความคิดล่องไป ความคิดถึงล่องลอย

—–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 517.4 ภูเขาสายน้ำยาวไกล

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 517.4 ภูเขาสายน้ำยาวไกล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินซูแข้งขาอ่อน ต้องเอามือข้างหนึ่งจับสะพานเหล็กเอาไว้

กากเดนราชวงศ์ก่อนผู้นั้นอยู่ใต้เปลือกตาของตนจริงๆ ด้วย!

ตู้อิ๋งยิ้มกล่าว “เอาล่ะ เจ้าหลินซูอุทิศตนถวายชีวิต ตั้งใจทำงานอย่างระมัดระวังรอบคอบเพื่อฮ่องเต้มานานหลายปีขนาดนี้ คอยส่งรายงานลับไปยังเมืองหลวงอยู่เป็นประจำ อีกทั้งคราวนี้ยังช่วยข้ากำจัดยอดฝีมือสองคนของทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมบนทะเลสาบ แล้วคืนนี้ก็ยังได้คลายปมแค้นเก่าแก่ในอดีตอีกด้วย”

หลินซูยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ได้ยินถ้อยคำใจกว้างนี้ของตู้อิ๋งก็ทั้งโล่งใจ แต่ก็ทั้งไม่กล้าวางใจอย่างแท้จริง กลัวก็เพียงแต่ว่าราชสำนักจะคิดบัญชีย้อนหลัง

ตู้อิ๋งไม่คิดจะพูดอะไรให้มากความอีก ปล่อยให้หลินซูอกสั่นขวัญผวาไป กลุ่มอิทธิพลในยุทธภพอย่างหลินซูและภูเขาเจิงหรงนี้ก็คือพวกกุ้งหอยปูปลาในบ่อโคลนเละเทะ แต่กลับจำเป็นต้องมี หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่นที่ทำงานแทนราชสำนัก เรื่องของการทุ่มเทนั้นย่อมต้องทุ่มเท แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะใช้งานได้ดีอย่างหลินซู แล้วนับประสาอะไรกับที่อีกฝ่ายมีจุดอ่อนใหญ่ขนาดนี้ถูกกุมอยู่ในมือของเขาตู้อิ๋งและราชสำนัก วันหน้าภูเขาเจิงหรงก็มีแต่จะยิ่งนอบน้อมเชื่อฟัง เวลาทำงานอะไรก็มีแต่จะยิ่งไม่เลือกวิธีการ คนในยุทธภพฆ่าคนในยุทธภพ ราชสำนักก็แค่ต้องทำตัวเป็นชาวประมงที่เก็บเกี่ยวผลกำไร อีกทั้งคาวเลือดยังไม่ต้องแปดเปื้อนติดกาย

ตู้อิ๋งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “คืนนี้พักค้างแรมที่ภูเขาเจิงหรงนี่แหละ”

หลินซูถามเสียงเบา “แล้วพวกคนหนุ่มที่อายุเข้าเกณฑ์?”

ตู้อิ๋งลังเลตัดสินใจไม่ได้

ชายฉกรรจ์โอสถทองของจวนราชครูต้าจ้วนกระตุกมุมปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ระมัดระวังขับเรือได้นานหมื่นปี เจ้าประมุขหลินตัดสินใจเอาเองเถิด”

สายตาของหลินซูฉายแววอำมหิตในฉับพลัน

คนทั้งกลุ่มเดินข้ามสะพานกันไป เข้าไปยังเมืองเล็กที่แสงไฟสว่างโชติช่วง

ตรงหน้าผา เฉินผิงอันห้อยตัวนิ่งไม่กระดุกกระดิก

ในเมืองเล็กบนยอดเขาของภูเขาเจินหรง ในห้องโถงใหญ่ของพรรคเจิงหรง บนพื้นนองไปด้วยเลือดสด

หลินซูนั่งสีหน้าไร้อารมณ์อยู่บนตำแหน่งประธาน

ชายฉกรรจ์นิสัยเงียบขรึมที่มาจากจวนราชครูของราชวงศ์ต้าจ้วน เจิ้งสุ่ยจู ตู้อิ๋งแม่ทัพใหญ่ผู้พิทักษ์แคว้นจินเฟย ขันทีเฒ่าผู้ถือตราควบคุมกองม้า นั่งเรียงกันตามลำดับ

ฝั่งตรงข้ามคือผู้อาวุโสสกุลหลินหลายท่านของพรรคเจิงหรง จากนั้นก็เป็นบุตรสาวโทนของหลินซู และลูกศิษย์ผู้สืบทอดทุกคนของเขา พวกเขาทุกคนต่างก็ไม่กล้ามองไปฝั่งตรงข้าม

เพราะก่อนหน้านี้ให้ตายอย่างไรเจ้าประมุขหลินซูก็ไม่ยอมนั่งบนตำแหน่งประธาน แล้วก็เป็นเพราะมือกระบี่หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ บอกให้หลินซูรีบนั่ง หลินซูถึงได้นั่งลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ

ในห้องโถงใหญ่ บุรุษที่อายุประมาณยี่สิบปีล้วนตายกันไปแล้วเกินครึ่ง

ใบหน้าของเจิ้งสุ่ยจูเหมือนถูกผนึกด้วยน้ำค้างแข็ง นางหันหน้ามาเอ่ย “ฆ่าเศษสวะพวกนี้สนุกนักหรือไง?!”

เฝิงอี้แห่งจวนราชครูยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่แน่ว่าอาจตกปลาใหญ่จากตำหนักเกล็ดทองได้ตัวหนึ่ง”

ในสถานที่ที่ห่างจากห้องโถงใหญ่ของพรรคเจิงหรงมาอีกช่วงระยะทางหนึ่ง

บุรุษหนุ่มที่รับหน้าที่เป็นอาจารย์ของโรงเรียนต่อจากอาจารย์ผู้เฒ่าหัวเราะเสียงหยันไม่หยุด เขาลุกขึ้นยืน กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง กระบี่ยาวเล่มหนึ่งก็เด้งออกมาจากใต้ดิน เขาถือกระบี่เดินข้ามประตูใหญ่ของโรงเรียน เดินไปบนถนนเส้นใหญ่ ตรงดิ่งไปยังสถานที่ที่อันตรายแห่งนั้น

ความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักเกล็ดทองและราชวงศ์ต้าจ้วนเลวร้าย ทั้งสองฝ่ายขาดก็แค่ยังไม่ได้ฉีกหน้าแตกหักกันโดยตรงก็เท่านั้น

ในเมื่อเรื่องนี้ยุติลงแล้ว เขาก็ไม่ถือสาหากจะถือโอกาสสังหารผู้ฝึกลมปราณโอสถทองคนหนึ่งของต้าจ้วน หากเขามองไม่ผิด มือกระบี่หญิงที่อายุยังน้อยคนนั้นเป็นลูกศิษย์ที่หญิงชราขอบเขตแปดผู้นั้นรักใคร่มากที่สุด หากสองคนนี้ตายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูญเสียดาบวิเศษที่สามารถสยบเจียวน้ำได้ไปด้วย กลับมีเพียงตู้อิ๋งเท่านั้นที่ไม่ตาย แค่นี้ก็มากพอจะทำให้ฮ่องเต้แคว้นจินเฟยร้อนใจหัวหูไหม้ ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่สามารถให้คำอธิบายแก่ฮ่องเต้สกุลโจวต้าจ้วนได้

ทางฝั่งของหน้าผา เฉินผิงอันปล่อยมือ ปล่อยให้ร่างร่วงดิ่งลงมาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

พอขยับเข้าใกล้ด้านล่างสุดของหน้าผา ถึงได้ยื่นมือไปคว้าหน้าผาเอาไว้ ชะลอความเร็วในการร่วงลง พอพลิ้วกายลงบนพื้นก็เดินช้าๆ จากไปไกล

มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นการล่าเหยื่อที่แผนการถูกจัดวางไว้อย่างลึกล้ำยาวไกล

แม้จะบอกว่าทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ตัวเองต้องการ

แต่หากเผยกายอย่างแท้จริง เดินเข้าไปในสถานการณ์นั้น ยิ่งขอบเขตสูงเท่าไรก็ไม่แน่ว่าอาจยิ่งตายเร็วเท่านั้น

เฉินผิงอันไม่คิดจะไปมีส่วนร่วม

กากเดนราชวงศ์ก่อนที่หนีออกจากเมืองหลวงมาได้ ฮ่องเต้แคว้นจินเฟยที่ยึดครองราชย์บัลลังก์ ตู้อิ๋งบุตรบุญธรรมที่สร้างความวุ่นวายให้แก่ยุทธภพ หลินซูพรรคเจิงหรงที่สวามิภักดิ์ต่อราชสำนัก ผู้ฝึกตนตำหนักเกล็ดทองที่ให้การปกป้องคุ้มครององค์ชายอย่างลับๆ ผู้ฝึกยุทธขอบเขตแปดของต้าจ้วน ผู้ฝึกตนโอสถทองจวนราชครู เจียวน้ำที่จะทำให้น้ำท่วมกลบทับเมืองหลวงต้าจ้วน

ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบบางท่านของราชวงศ์ต้าจ้วน กับเซียนกระบี่ใหญ่ที่ผูกปมแค้นต่อกัน

เฉินผิงอันจากไปไกลทั้งอย่างนี้

ส่วนเมืองเล็กบนยอดเขาที่อยู่ด้านหลังก็จะต้องมีเรื่องราวที่สลับซับซ้อนเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความสุขความทุกข์ การพบพรากจากลาของแต่ละคน บางคนอาจตายไปโดยที่ยังไม่รู้สาเหตุเลยด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่เป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของตำหนักเกล็ดทองซึ่งคิดว่าคืนนี้มิอาจมีใครต่อกรกับเขาได้ พลันมีรูเล็กๆ โผล่มาตรงหว่างคิ้ว ก่อนที่เส้นแสงหนึ่งจะเปล่งวาบ ตามมาด้วยโอสถทองในร่างที่ถูกปั่นคว้านจนเละ

ก่อนจะตาย ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่อำพรางตนอย่างลึกล้ำเบิกตากว้าง พึมพำว่า “เซียนกระบี่จีเยว่…”

เพียงไม่นานศพของเขาก็หลอมละลายกลายเป็นกองเลือดกองหนึ่ง

บนภูเขาฝั่งตรงข้าม ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยคนหนึ่งเอาสองมือไพล่หลัง “โอสถทองตัวเล็กๆ ก็กล้ามาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าอย่างนั้นหรือ? ชีวิตหน้าหากยังมีโอกาสไปเกิดใหม่ต้องหัดเรียนรู้เอาจากคนหนุ่มผู้นั้นที่สามารถหนีพ้นหายนะมาได้ถึงสองครั้งเสียบ้าง”

เพียงชั่วพริบตา

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยก็มาหยุดอยู่ข้างกายคนชุดเขียว เดินเคียงบ่าไปด้วยกัน พลางยิ้มเอ่ยว่า “คนต่างถิ่น เจ้าสัมผัสถึงความผิดปกติได้อย่างไร? ลองเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม? หรือว่าตั้งแต่ต้นจนจบเจ้าเพียงแค่คิดจะชมเรื่องสนุกเท่านั้น? มองดูแล้วเจ้ายังอายุไม่มาก แต่กลับทำอะไรรอบคอบไม่น้อย”

เฉินผิงอันถือไม้เท้าเดินป่าไว้ในมือ เท้ายังคงก้าวเดินไม่หยุดนิ่ง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อาจารย์ผู้เฒ่าเชิญใช้เหยื่อตัวใหญ่ตกปลาตัวใหญ่ได้ตามสบาย ผู้น้อยไม่กล้าเข้าไปเหยียบในน้ำขุ่นบ่อนี้”

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยลูบคลำศีรษะ “เจ้าคิดว่ากากเดนราชวงศ์ก่อนผู้นั้นตายไปแล้วหรือยัง?”

เฉินผิงอันตอบ “น่าจะเป็นวิธีขโมยคานเปลี่ยนเสาของตระกูลเซียน มีเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ในร่าง แต่กลับไม่ใช่เมล็ดพันธ์มังกรที่แท้จริง หลินซูคือบุรุษผู้แข็งแกร่งที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้องค์ก่อนอย่างแท้จริง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องเมล็ดพันธ์บัณฑิตผู้นั้นให้ได้ พวกตู้อิ๋งถูกเขาตบตาเสียแล้ว ผู้ฝึกตนเฒ่าตำหนักเกล็ดทองผู้นั้นก็เป็นคนเด็ดขาดมากพอ ช่วยเขาปิดฟ้าข้ามมหาสมุทร ส่วนคนหนุ่มผู้นั้นก็ยิ่งมีจิตใจละเอียดรอบคอบ ไม่อย่างนั้นลำพังเพียงแค่หลินซูคนเดียวคงยากที่จะทำได้ถึงขั้นนี้ แต่สำหรับท่านอาจารย์ผู้เฒ่าแล้ว การต่อยตีกันเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเขาล้วนเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น ถึงอย่างไรหากเมล็ดพันธ์มังกรของราชวงศ์ก่อนแห่งแคว้นจินเฟยไม่ตายก็ย่อมดีกว่า ดาบวิเศษที่สามารถสยบเผ่าพันธุ์เจียวหลงเล่มนั้นขาดแรงไฟไปอีกนิด ซึ่งนั่นกลับยิ่งเป็นการดี ดังนั้นเดิมทีหากยอดฝีมือที่เก็บตัวสันโดษอย่างแท้จริงอยู่ในพรรคเจิงหรงยอมอยู่เฉยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องตายภายใต้กระบี่บินของท่านอาจารย์ผู้เฒ่า”

“ยอมทำตามอย่างว่าง่าย อะไรที่รู้ก็พูดหมดไม่หมกเม็ด ผ่านพ้นหายนะไปได้อีกรอบแล้ว”

หลังจากผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยพูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจุ๊ปากชื่นชม “น่าสนใจๆ แต่น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ”

คนหนุ่มชุดเขียวที่สวมงอบผู้นั้นหยุดฝีเท้า ยิ้มกล่าวว่า “อาจารย์ผู้เฒ่าอย่าได้ข่มขู่ข้าเลย ข้าเป็นคนขี้ขลาด หากยังปล่อยปราณสังหารอบอวลเช่นนี้ และถ้าต่อสู้กันขึ้นมาข้าต้องสู้อาจารย์ผู้เฒ่าไม่ได้แน่ ต่อให้สู้สุดชีวิตก็ยังไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องได้แต่ยกอาจารย์และศิษย์พี่ของตัวเองมาพูดถึงแล้ว เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ”

ผู้เฒ่าร่างเล็กตัวแผดเสียงหัวเราะดังลั่น มองคนหนุ่มแล้วพยักหน้ารับ “ฉลาดไม่เบา สมควรแล้วที่มีชีวิตอยู่รอด หล่อเหลาและเจ้าเล่ห์พอๆ กับข้าตอนที่ยังเป็นหนุ่ม ถือว่าเป็นคนบนเส้นทางเดียวกันครึ่งตัว หากสุดท้ายข้าสามารถสังหารตาเฒ่านั่นได้จริงๆ เจ้าก็มาหาข้าที่ภูเขาวานรคำราม หากมีคนขัดขวางก็บอกไปว่าเจ้ารู้จักผู้เฒ่าแซ่จีคนหนึ่ง ใช่แล้ว เจ้าฉลาดขนาดนี้ อย่าได้คิดจะส่งข่าวไปแจ้งฮ่องเต้สกุลโจวของต้าจ้วนเด็ดขาดเชียว จะได้ไม่คุ้มเสียเอา”

เฉินผิงอันถอนหายใจ

เป็นจีเยว่ ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินแห่งภูเขาวานรคำรามในตำนานคนนั้นจริงๆ เสียด้วย

เฉินผิงอันหันไปมองเมืองเล็กสว่างไสวที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเดียวดาย พลันถามว่า “อาจารย์ผู้เฒ่า ได้ยินมาว่าเซียนกระบี่ใหญ่สามารถออกกระบี่ได้รวดเร็วจนถึงขั้นตัดสะบั้นผลกรรมบางอย่างได้เลย?”

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยคิดแล้วก็ตอบว่า “ข้ายังทำไม่ได้”

แล้วคนทั้งสองก็เงียบกันไป

ผู้เฒ่าพลันส่ายหน้ากล่าวว่า “เด็กเช่นเจ้าโชคร้ายไปสักหน่อย ได้มาเจอกับข้าสองครั้งแล้ว แล้วก็เกือบจะตายไปสามครั้ง ยิ่งมองเจ้าก็ยิ่งอดนึกถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้จริงๆ”

เฉินผิงอันหัวเราะ “แค่ชินกับมันก็ดีเอง”

ผู้เฒ่าโบกมือ “ไปเถอะ คนฝึกกระบี่ อย่าได้ยอมรับชะตากรรมเกินไปนัก แบบนี้สิถึงจะถูก”

และจอมยุทธพเนจรชุดเขียวก็ก้าวยาวๆ จากไปจริงๆ

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยลูบคลำศีรษะ มองปิ่นหยกที่อยู่บนมวยผมของคนหนุ่มด้วยสายตาซับซ้อน แล้วจึงถอนหายใจหนึ่งครั้ง ก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าน่าเสียดายจริงๆ นั่นคือพูดถึงบัณฑิตที่กล้ากระทำการขัดต่อเจตนารมณ์สวรรค์อย่างแท้จริงผู้นั้น

สุดท้ายเขาก็อดไม่ไหว โบกชายแขนเสื้อสร้างฟ้าดินขนาดเล็กขึ้นมา จากนั้นถามว่า “เจ้าเป็นลูกศิษย์ของคนผู้นั้นแห่งแจกันสมบัติทวีปงั้นหรือ?”

คนผู้นั้นหันหน้ากลับมาแต่ไม่ได้เอ่ยคำใด

จีเยว่มีสีหน้าเฉยเมย เอาสองมือไพล่หลัง พูดเสียงทุ้มหนัก “อย่าทำให้อาจารย์ของตัวเองต้องขายหน้า”

คนผู้นั้นทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับ

จีเยว่ยังคงไม่ถอนตราพันธนาการออก เขาพลันยิ้มเอ่ยว่า “ถ้ามีโอกาสก็บอกกับอาจารย์อาจั่วคนนั้นของเจ้าสักคำว่า อันที่จริงวิชากระบี่ของเขา…ไม่ได้สูงส่งขนาดนั้น ปีนั้นเป็นเพราะข้าประมาทเกินไป ขอบเขตก็ไม่สูงพอ ถึงได้ต้านรับกระบี่ของเขาไม่ได้”

คนหนุ่มมีสีหน้าปั้นยาก

จีเยว่โบกมือ “เตือนเจ้าสักคำ ทางที่ดีที่สุดควรเก็บปิ่นหยกชิ้นนี้ไปซะ เก็บซ่อนเอาไว้ให้ดี แม้จะบอกว่าปีนั้นข้าเป็นดั่งศาลาใกล้น้ำจึงได้ยลจันทร์ก่อน พอจะมองเห็นเบาะแสของอุบัติการณ์ทางทิศใต้อยู่บ้าง ถึงได้รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่เคยขยับเข้าไปพิศดูใกล้ๆ อย่างละเอียด แม้แต่ข้าก็ยังสัมผัสไม่ถึงความผิดปกติ แต่หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันหนึ่งในหมื่นขึ้นมาล่ะ? ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ทุกคนที่ไม่ชอบรังแกเด็กรุ่นหลังอย่างข้าหรอกนะ ทุกวันนี้พวกเซียนกระบี่ผายลมสุนัขที่ยังอยู่ในอุตรกุรุทวีป ขอแค่พวกเขามองตัวตนของเจ้าออก ก็มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าจะอดใจไม่ไหวอยากปล่อยกระบี่ใส่เจ้า ส่วนข้อที่ว่าสังหารเจ้าแล้วจะทำให้อาจารย์อาจั่วของเจ้าโมโหจนต้องขึ้นฝั่งมาเยือนอุตรกุรุทวีปหรือไม่นั้น สำหรับพวกลูกกระต่ายขอบเขตก่อกำเนิด ขอบเขตหยกดิบที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเหล่านี้ นั่นมีแต่จะเป็นความสุขในชีวิต ไม่กลัวตายเลยสักนิดจริงๆ นี่ก็คือกระแสความนิยมในอุตรกุรุทวีปของพวกเรา ดี แล้วก็ไม่ดี”

คนหนุ่มหันกลับมาเอ่ยถาม “ปีนั้นผู้ฝึกกระบี่ของอุตรกุรุทวีปที่ออกทะเลไปออกกระบี่ก่อนใคร ก็คืออาจารย์ผู้เฒ่า? เหตุใดข้าเปิดรายงานข่าวภูเขาแม่น้ำมากมาย ถึงได้มีเพียงแค่การคาดเดา ไม่มีบันทึกที่ระบุไว้อย่างแน่ชัด?”

จีเยว่พูดอย่างฉุนปนขัน “เจ้าพวกคนรายงานข่าวที่เหมือนหนูขุดรูอยู่ใต้ดินเหล่านั้น ต่อให้รู้ว่าเป็นข้าจีเยว่ แต่พวกเขาจะกล้าระบุชื่อแซ่ของข้าหรือ? เจ้าลองดูเซียนกระบี่อีกสามคนที่ตามหลังมา มีใครบ้างที่รู้? อีกอย่างวันหน้าเวลาลงจากเขามาฝึกประสบการณ์ก็ควรต้องระวังตัวสักหน่อย ต้องระวังตัวเหมือนอย่างในคืนนี้ เจ้าไม่มีทางรู้เลยว่าคนชักใยดึงเชือกอยู่เบื้องหลังหุ่นเชิดอย่างพวกมดตัวน้อยตัวนิดเหล่านั้น แท้จริงแล้วเป็นเทพเจ้าจากฝ่ายใดกันแน่ พูดประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อย พวกคนอย่างตู้อิ๋งมองหลินซู เจ้ามองตู้อิ๋ง ข้ามองเจ้า แล้วใครเล่าจะรู้ว่ามีหรือไม่มีคนที่กำลังมองข้าจีเยว่อยู่หรือไม่? ผู้ฝึกตนบนภูเขากี่มากน้อยที่ตายไปแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ล่างภูเขาเลย โรคที่รักษายากแค่ไหนก็ยังรักษาได้ มีเพียงคำว่าโง่คำเดียวเท่านั้นที่ไร้ยารักษา”

คนหนุ่มกุมหมัดกล่าวว่า “คำสั่งสอนของท่านอาจารย์ผู้เฒ่า ผู้น้อยจดจำไว้แล้ว”

จีเยว่โบกมือ แล้วร่างของเขาก็หายวับไป

เฉินผิงอันเดินออกห่างมาจากยอดเขาเจิงหรง ออกเดินทางท่องเที่ยวหาประสบการณ์เพียงลำพังต่อไป

ยุทธภพก็เป็นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องเจอคลื่นลมมรสุมอะไรบ้าง

เข้าสู่ช่วงหน้าฝน

เฉินผิงอันจึงเลือกเดินอ้อมราชวงศ์ต้าจ้วนมุ่งหน้าไปยังแคว้นใต้อาณัติที่อยู่ติดทะเลแห่งหนึ่งโดยตรง

บนสะพานเลียบหน้าผา ฝนเม็ดใหญ่ตกกระหน่ำ เฉินผิงอันก่อกองไฟขึ้นกองหนึ่ง เหม่อมองไปยังม่านฝนด้านนอก พอฝนตก ไอร้อนที่อบอวลอยู่ท่ามกลางฟ้าดินก็ลดหายไปมาก

สายฝนกระหน่ำ พรำเสียงเนิบ ต้นหลิ่วลู่เรียง ใบบัวเกลี้ยงกลม ขุนเขาเขียวขจี หนทางยาวไกล ความคิดล่องไป ความคิดถึงล่องลอย

—–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+