กระบี่จงมา 699.1 ต้องการถามหมัด

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 699.1 ต้องการถามหมัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คนกลุ่มหนึ่งเดินทางผ่านยอดเขาแสงทองและภูเขาแสงจันทร์ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอุตรกุรุทวีป คือยอดเขาคู่รักที่หาได้ยากคู่หนึ่ง

ยอดเขาแสงทองมีห่านหลังทองสัตว์วิเศษบินเข้าออกในบางครั้ง เพียงแต่ว่ายากที่จะตามหาร่องรอยของมันได้พบ หากผู้ฝึกตนคิดจะจับมันก็เป็นเรื่องยากยิ่งกว่ายาก ส่วนภูเขาแสงจันทร์นั้น ทุกๆ วันขึ้นสิบห้าค่ำที่พระจันทร์เต็มดวงก็มักจะมีกบยักษ์สีขาวหิมะตัวใหญ่เท่ายอดเขาตัวหนึ่งนำพาพวกลูกหลานขึ้นเขามาดึงดูดแก่นแสงจันทร์ ดังนั้นจึงได้ฉายาว่าภูเขาฟ้าผ่า

ตามเส้นทางที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ ไม่เพียงแต่จงใจอ้อมผ่านท่าเรือตระกูลเซียน ขึ้นเขาลงห้วยอาศัยการเดินเป็นหลัก ดูเหมือนว่าหลี่ไหวเองก็ไม่รีบร้อนไปเยือนยอดเขาสิงโต และเผยเฉียนก็ไม่รีบกลับไปยังแจกันสมบัติทวีป

หากเอ่ยตามคำพูดของหลี่ไหวที่กล่าวเป็นการส่วนตัวก็คือ เผยเฉียนหวังว่าเมื่อตัวเองกลับไปถึงจะได้พบเจอกับอาจารย์พ่อแล้ว

ใช่ว่าหลี่ไหวจะไม่อยากไปเจอท่านพ่อท่านแม่ที่เมืองเล็กตีนเขาของยอดเขาสิงโตเร็วๆ เพียงแต่ว่าบางครั้งคิดถึงสภาพการณ์ของเผยเฉียนก็คิดว่าช่างมันเถอะ เขาทำใจเอ่ยโน้มน้าวนางไม่ได้แม้แต่คำเดียว

นอกจากจะตัดใจไม่ลงแล้ว ประเด็นสำคัญคือยังไม่กล้าอีกด้วย เผยเฉียนไม่ใช่หลี่เป่าผิง ฝ่ายหลังตีคนแล้วยังพอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง หลี่ไหวรู้ดีว่าเผยเฉียนซ่อนสมุดบัญชีเล่มเล็กเอาไว้หลายเล่ม ว่ากันว่ามีกันแทบทุกคน เป็นสมุดบัญชีแบบที่ว่ามีกันเฉพาะคนละเล่ม หลี่ไหวมักจะรู้สึกว่าสมุดบัญชีเล่มบางของตน มีความเป็นไปได้อย่างถึงที่สุดว่าจะเป็นเล่มที่หนาที่สุดแล้ว

เหวยไท่เจินเองก็ไม่ถือสาที่ต้องเดินทางอย่างเชื่องช้า แต่ต่อให้นางจะเห็นเรื่องประหลาดมาจนชินตา เหตุการณ์ประหลาดไม่คาดฝันก็ยังมีมาให้เห็นติดๆ กันอยู่เรื่อย

ยกตัวอย่างเช่นเผยเฉียนเลือกวันที่อากาศอึมครึมขึ้นไปบนยอดเขาแสงทองที่มีก้อนหินประหลาดเยียบเย็นตั้งเรียงราย เหมือนว่านางไม่ได้ขึ้นเขาเพื่อไปเสี่ยงดวงหวังได้เจอห่านหลังทอง กลับกันคือทั้งอยากจะขึ้นเขาไปชมขุนเขาสายน้ำ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยินดีจะได้เห็นห่านหลังทองที่นิสัยดุร้ายพวกนั้นด้วย นี่ยังไม่นับว่าประหลาดเท่าไร ที่ประหลาดคือพอขึ้นเขามาแล้วก็มานอนพักค้างแรมกันบนยอดเขา หลังจากเผยเฉียนคัดตัวอักษรเสร็จแล้วก็เริ่มเดินนิ่งฝึกวิชาหมัด ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในตลาดด่านไน่เหอของชายหาดโครงกระดูกได้ซื้อตำรา ‘รวมเล่มวางใจ’ ของสำนักพีหมาและ ‘น้ำค้างวสันต์คงเหมันต์’ ของสวนน้ำค้างวสันต์ที่ราคาถูกอย่างถึงที่สุดมาสองเล่ม เผยเฉียนมักจะหยิบเอามาเปิดอ่านบ่อยๆ ทุกครั้งที่อ่านเจอคำบรรยายเกี่ยวกับเซียนกระบี่หนุ่มสองคนและหน้าผาอวี้อิ๋งใน ‘น้ำค้างวสันต์คงเหมันต์’ นางก็จะต้องคลี่ยิ้ม ราวกับว่าเวลาที่อารมณ์ไม่ดี เพียงแค่ได้อ่านเนื้อหาในบทที่ไม่ยาวนั้นก็สามารถช่วยคลายความกลัดกลุ้มให้นางได้แล้ว

และเผยเฉียนก็ยังถามข้อสงสัยบางอย่างในเรื่องวิชาความรู้กับหลี่ไหว หลี่ไหวจึงได้แต่แข็งใจช่วยตอบคำถามให้นาง เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เผยเฉียนได้คำตอบซึ่งหลี่ไหวยกเอามาจากตำราอริยะปราชญ์ นางกลับไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร

เหวยไท่เจินมั่นใจว่าพวกเขาต้องกลับไปมือเปล่า ไม่ได้เห็นห่านหลังทองอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรสัตว์วิเศษบนภูเขาประเภทนี้ก็มักจะปรากฎตัวภายใต้แสงตะวันสาดส่อง ร้อยปีถึงจะพานพบได้สักครั้ง

คิดไม่ถึงว่าช่วงเวลาที่ม่านราตรีหนาหนัก เหวยไท่เจินเลือกสถานที่หนึ่งแสร้งทำเป็นหลอมลมปราณเหมือนเทพเซียนทั่วไป ส่วนหลี่ไหวที่ปลุกความกล้าหาญด้วยการบอกว่าจะเฝ้ายามตอนกลางคืนกำลังก่อกองไฟ เพราะไม่มีอะไรทำจึงเขี่ยกิ่งไม้เล่น แล้วพูดชวนคุยประโยคหนึ่งว่านกในกรงบางส่วนนั้นขังไว้ไม่อยู่ แสงอาทิตย์ก็คือขนของพวกมัน

ครู่หนึ่งต่อมาทะเลเมฆดำทะมึนก็เหมือนดวงตาสวรรค์ที่เปิดออก อันดับแรกก็มีสีทองจุดหนึ่งปรากฏขึ้นก่อน แต่ยิ่งนานแสงนั้นก็ยิ่งสว่างเจิดจ้า ลากเอาเส้นยาวสีทองมาเส้นหนึ่ง ราวกบว่าพุ่งตรงมายังยอดเขาแสงทองที่เหวยไท่เจินอยู่

ในฐานะเทพเซียนโอสถทองแห่งยอดเขาสิงโตและศิษย์พี่หญิงร่วมสำนักของนายหญิงในนาม เมื่อหลายปีก่อนเหวยไท่เจินก็ได้ใช้สถานะสาวใช้ติดตามหลี่หลิ่วเดินทางมาท่องเที่ยวยังที่แห่งนี้

เหวยไท่เจินเป็นภูตกลางเขาที่เกิดและเติบโตมาในอาณาเขตของภูเขากระจกวิเศษ อันที่จริงการที่นางจำแลงร่างได้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว การฝ่าทะลุขอบเขตหลังจากนั้นก็ยิ่งไม่ต้องเพ้อฝัน แต่พอเจอกับนายหญิง เหวยไท่เจินแทบจะใช้ความเร็วหนึ่งปีในการฝ่าทะลุขอบเขตหนึ่งขั้น กระทั่งเลื่อนเป็นโอสถทองถึงได้หยุดนิ่ง นายหญิงบอกให้นางชะลอเอาไว้หน่อย บอกว่าทัณฑ์สวรรค์จากการที่พยายามฝ่าคอขวดโอสถทองไปเป็นก่อกำเนิดนั้น หากจะให้นางช่วยขวางไว้ให้ก็ไม่เป็นปัญหา แต่หลังจากที่เหวยไท่เจินมีหางแปดหาง ทั้งรูปโฉมและบุคลิกจะยิ่งกลมกลืนกับธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ ย่อมมีความเย้ายวนมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากให้ทำหน้าที่เป็นสาวใช้คอยส่งน้ำยกชาให้น้องชาย ย่อมง่ายที่จะทำให้น้องชายของนางเสียสมาธิยามที่ต้องศึกษาเล่าเรียน

นางติดตามเจ้านายอย่างหลี่หลิ่วไปพบเจอโลกกว้างมามากมาย พูดถึงแค่เซียนจับปลาของหินพักมังกรก็เป็น ‘เสมียนตำหนักนอกเมือง’ ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งแล้ว ยิ่งมีหลุมน้ำลู่ที่มีปีศาจขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งเฝ้าพิทักษ์ เป็นวัตถุที่ต้องผ่านการหล่อหลอมอย่างยากลำบาก ทว่าที่นั่นกลับเป็นเพียงแค่สถานที่พักร้อนในอดีตแห่งหนึ่งของนายหญิงเท่านั้น ผลคือปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานกลับกลายมามีสถานะแทบไม่ต่างจากนางเหวยไท่เจิน ยามที่สตรีโตเต็มวัยที่สวมชุดชาววังยิ้มเอ่ยกับโอสถทองเล็กๆ อย่างเหวยไท่เจินกลับมีแววของการประจบสอพลอ แล้วยังมีเจ้านครจักรพรรดิขาวแห่งทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางนั่นอีก…ดังนั้นเหวยไท่เจินจึงไม่ถึงขั้นหวาดกลัวห่านหลังทองที่ขอบเขตไม่สูงตัวหนึ่งนัก ก่อนที่นายหญิงจะปรากฎตัวที่ชายหาดโครงกระดูกก็ได้มอบสมบัติหนักด้านการโจมตีและการป้องกันให้กับเหวยไท่เจินอย่างละชิ้นแล้ว หากพูดตามคำกล่าวของนายหญิงก็คือ ขอแค่ใช้ได้อย่างเหมาะสม เหวยไท่เจินก็สามารถแลกเปลี่ยนชีวิตกับผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ได้อย่างสบายๆ เพียงแต่ว่าปากของน้องชายนายหญิงนี่ก็ช่าง…พวกเซียนซือบนภูเขาอดทนรอคอยเฝ้าปรารถนาอย่างลำบากยากแสนมานานหลายปีหลายสิบปี หลี่ไหวที่เอ่ยถ้อยคำด้วยความเบื่อหน่ายง่ายๆ ประโยคเดียวกลับเรียกให้ห่านหลังทองตัวหนึ่งปรากฏตัวแล้ว?

เผยเฉียนสะดุ้งตื่นจากฝัน นางสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเร็วกว่าเหวยไท่เจินเสียอีก รีบสะพายหีบไม้ไผ่ขึ้นหลัง ในมือถือไม้เท้าเดินป่า ชำเลืองตามองห่านหลังทองที่พุ่งมาด้วยท่าทางดุดัน รีบบอกให้เทพธิดาเหวยพาหลี่ไหวจากไป บอกว่าพวกเรามายึดสถานที่ของคนอื่นเขา หากตีกันย่อมเป็นฝ่ายที่ไร้เหตุผล ควรต้องรีบย้ายถิ่นยกพื้นที่กลับคืนให้กับคนเขา

เหวยไท่เจินไม่กล้าละเมิดคำสั่งของเผยเฉียน รีบทะยานลมพาหลี่ไหวออกมาจากยอดเขาแสงทอง ส่วนเผยเฉียนนั้นก็ยิ่งรวดเร็วฉับไว ถอยหลังกรูดห่างไปหลายสิบจั้ง วิ่งตะบึงหันหน้าเข้าหาหน้าผา จากนั้นก็กระโดดตัวขึ้นสูง ทิ้งตัวดิ่งลงไปจากหน้าผา

เหวยไท่เจินก้มหน้ามองเงาร่างที่ร่วงดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วนั้น ผู้ฝึกยุทธขอบเขตหก ทั้งไม่ได้มีเรือนกายร่างทอง แล้วก็ยิ่งไม่ใช่ขอบเขตเดินทางไกล เผยเฉียนจะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ?

การกระโดดของเผยเฉียนครั้งนี้มีระยะทางไกลมากถึงห้าสิบหกสิบจั้ง มองปราดๆ ก็มีมาดของปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลอย่างยิ่ง

ระหว่างที่ร่างของเผยเฉียนกำลังจะกระแทกลงพื้น นางก็พลันเกิดโทสะที่ตัวเองทำอะไรไม่มีความชำนาญเสียเลย เพราะนางนึกถึงคำสั่งสอนของอาจารย์พ่อขึ้นมาได้ เรื่องสำคัญอันดับแรกในการท่องอยู่ในยุทธภพก็คือ ‘ก่อนถามหมัด ลดขอบเขตลงสองขอบเขต’ ดังนั้นตอนนี้นางจึงกำลังทำตัวน่าอับอาย ควรจะใช้ท่วงท่าของผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่ในการท่องยุทธภพอย่างระมัดระวัง จากนั้น ‘ภายใต้สถานการณ์อันตรายเร่งด่วน’ บางอย่าง อย่างมากสุดก็แค่ต้องเผยพิรุธของผู้ฝึกยุทธขอบเขตห้าอย่างไม่ทันระวัง เมื่อเป็นเช่นนี้หากจำเป็นต้องถามหมัดกับคนอื่น ก็เท่ากับว่านางได้ยึดครองโอกาสได้เปรียบไปก่อนส่วนหนึ่ง

ดังนั้นเผยเฉียนจึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะล้อมคอกเมื่อวัวหาย จากที่มีสีหน้านิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านก็จงใจทำให้ลมหายใจของตัวเองวุ่นวาย มือเท้าเปลี่ยนเป็นโบกสะเปะสะปะ เนื่องจากกังวลว่าหากเอาหลังลงจะทำให้หีบไม้ไผ่แตก สุดท้ายนางจึงได้แต่เอาหน้าลงพื้น ตรงตีนเขาของภูเขาแสงจันทร์จึงเกิดเป็นหลุมใหญ่ที่ฝุ่นตลบคละคลุ้งหลุมหนึ่ง

ส่งเสียงร้องโอ้ยๆๆ แล้วก็เริ่มกระโดดเหยงๆ วิ่งขากะเผลกจากไป

อันที่จริงระหว่างที่วิ่งเผยเฉียนยังรู้สึกละอายใจในฝีมือการแสดงที่อ่อนด้อยของตัวเอง หากอาจารย์พ่ออยู่ข้างกาย เกรงว่าตนคงได้กินมะเหงกเป็นแน่

หลี่ไหวหลับตาแน่น เหงื่อเย็นไหลมาตามสันหลัง ความรู้สึกยามขี่เมฆทะยานหมอกนี้ไม่ดีเลยจริงๆ

ครึ่งก้านธูปต่อมาเหวยไท่เจินก็พาหลี่ไหวลดตัวลงต่ำช้าๆ ฝีเท้าของเผยเฉียนขยับว่องไวขึ้นแล้วหลายส่วน นางทะยานร่างขึ้นไปบนกิ่งสูงของต้นไม้โบราณต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กับภูเขาแสงจันทร์ สีหน้าเคร่งขรึมมองไปยังทิศทางที่ตั้งของยอดเขาแสงทอง แล้วก็ต้องผ่อนลมหายใจโล่งอก ก้มหน้าพูดกับพวกหลี่ไหวว่า “ไม่เป็นอะไรแล้ว อีกฝ่ายนิสัยดีมาก ไม่ได้ตามตอแยไม่เลิกรา”

บนยอดเขาแสงทอง หลังจากที่ห่านหลังทองตัวนั้นพลิ้วกายลงบนพื้นแสงสีทองก็เปล่งวูบหนึ่งที ก่อนที่จะกลายร่างเป็นหญิงสาวเรือนกายอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่ง ชุดที่นางสวมใส่คล้ายชุดขนนกสีทอง สีหน้าของนางมีความไม่พอใจเล็กน้อย นี่มันอะไรกัน เพราะรีบร้อนเดินทางไปหน่อย และตนก็จงใจเก็บพลังอำนาจของตบะโอสถทองเอาไว้แล้ว ยิ่งไม่มีจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย ก็แค่เหมือนเจ้าบ้านที่รีบกลับบ้านมารับรองแขกอย่างกระตือรือร้นเท่านั้น ไหนเลยจะคิดว่าคนกลุ่มนั้นจะเผ่นหนีไปโดยตรง ในอุตรกุรุทวีปแห่งนี้ไม่เคยมีข่าวลือว่าห่านหลังทองเป็นฝ่ายทำร้ายคนก่อนเลยนะ

หลังจากสองเท้าสัมผัสพื้น ร่างของหลี่ไหวก็โงนเงน เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ยังหวาดผวาไม่คลาย เอ่ยอย่างกลัวไม่หาย “ไม่เป็นเทพเซียนแล้ว ให้ตายอย่างไรก็ไม่เป็นแล้ว ทุกวันบินไปบินมา ไม่มั่นคงเอาเสียเลย”

เผยเฉียนถลึงตาใส่หลี่ไหว เตือนเขาว่าข้างกายยังมีเทพธิดาเหวยที่เป็นคนในกลุ่มเทพเซียนซึ่งกินแสงอรุโณทัยดื่มน้ำค้างอยู่ด้วย

หลี่ไหวรีบขอขมาอีกฝ่าย เหวยไท่เจินได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร แท้จริงแล้วนางใจไม่ดียิ่งกว่าหลี่ไหวเสียอีก

แม้ว่าเผยเฉียนจะเคารพกฎของอาจารย์พ่อ ไม่มองคนใกล้ชิดทุกคน ‘มากเกินจำเป็น’ แต่นางก็มักจะรู้สึกว่าเทพธิดาเหวยที่นิสัยอ่อนโยนผู้นี้ออกจะประหลาดไปบ้าง ขอบเขตเซียนดินโอสถทองนั้นอาจเป็นของจริง แต่ตัวตนที่แท้จริงกลับบอกได้ยากแล้ว แต่ในเมื่อนี่เป็นเรื่องในบ้านของหลี่ไหว เพราะถึงอย่างไรเหวยไท่เจินก็เป็นคนที่หลี่หลิ่วพามาให้อยู่ข้างกายหลี่ไหว เผยเฉียนจึงไม่ได้เข้ามายุ่งด้วย เพราะถึงอย่างไรเจ้าทึ่มหลี่ไหวผู้นี้ก็เป็นคนโง่ที่มีโชคของคนโง่

ผ่านยอดเขาแสงทองมาแล้วก็ไปเยือนภูเขาแสงจันทร์ เผยเฉียนไม่กล้าขึ้นไปบนภูเขา ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง พวกเขาอยู่บนเส้นทางภูเขาที่ห่างจากภูเขาฟ้าผ่าแห่งนั้นมาหลายสิบลี้ แล้วก็จริงดังคาด กบตีกลองกลุ่มใหญ่ที่ส่งเสียงร้องดังสนั่นรวมตัวกันอยู่บนภูเขา หันหน้าเขาหาแสงจันทร์บนฟ้า เสียงดังดั่งฟ้าคำราม เผยเฉียนเบิกตามองไปอย่างละเอียด ตัวของภูเขาแสงจันทร์เองเหมือนเป็นสถานที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมแห่งหนึ่งที่สามารถรวบรวมแสงจันทร์เอาไว้ได้ มีจิตวิญญาณดวงจันทร์ที่หนาบางไม่เท่ากัน เป็นเสี้ยวเป็นเส้นหล่นลงบนภูเขา แล้วถูกพวกกบตีกลองทั้งหลายกลืนลงท้อง

ภูเขาแห่งนี้ของค่ำคืนนี้มีแสงจันทร์มากมาย เพียงแต่เผยเฉียนรู้สึกว่าถึงอย่างไรก็ไม่ดีเท่าของที่บ้านตัวเอง

หลี่ไหวเอ่ยเบาๆ “ใต้หล้าเปลี่ยวร้างมีพระจันทร์สามดวงจริงๆ หรือ?”

เผยเฉียนพยักหน้ารับ “จริง ขนมไหว้พระจันทร์สามก้อนใหญ่แขวนสูงอยู่บนฟ้า พอๆ กับขนมที่พี่หญิงซิ่วซิ่วกิน เห็นแล้วชวนน้ำลายไหล”

เผยเฉียนหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมา ใช้พู่กันวง ‘กบตีกลองบนภูเขาแสงจันทร์’ ไว้แถบหนึ่ง ด้านหน้าคือห่านหลังทองของยอดเขาแสงทอง ขยับมาด้านล่างคือศาลเทพอัคคีเมืองสุยเจี้ยของแคว้นอิ๋นผิง ต่อจากนั้นก็มีเหล้าฝูอิ๋งของแคว้นไหวหวง วัดจินตั๋วเมืองอวี้ฮู่ ทะเลสาบคนใบ้หุบเขาลมเหลืองแคว้นเป่าเซียง ตำหนักขวานผีสำนักการทหาร เป็นต้น

หลี่ไหวขยับมาชำเลืองตามอง เผยเฉียนไม่ได้ห้ามเขาแอบดู หลี่ไหวถามว่า “ดูจากท่าทางแล้วพวกเราคงห่างจากบ้านเกิดของหมี่ลี่น้อยไม่ไกลแล้วสินะ?”

เผยเฉียนปิดสมุดลง ใส่กลับไปในหีบไม้ไผ่ พยักหน้ารับ “ไม่ไกลแล้ว”

หลี่ไหวถาม “เหล้าฝูอิ๋งคือเหล้าหมักตระกูลเซียนหรือ? จะซื้อกาหนึ่งเอากลับไป หรือว่าจะเอาไปเป็นของขวัญมอบให้คนอื่น?”

เผยเฉียนยิ้มกล่าว “ไม่ใช่เหล้าหมักตระกูลเซียนอะไร เป็นเหล้าที่อาจารย์พ่อเคยดื่มร่วมกับยอดฝีมือคนหนึ่งในเหลาสุรากลางตลาด ไม่แพง พวกเราสามารถซื้อกลับไปหลายๆ ไหได้”

อาจารย์พ่อเคยบอกว่า เกี่ยวกับเรื่องของบุญบารมีและคุณธรรมในโลกมนุษย์ใบนี้ แผนการอันยาวไกลของยอดฝีมือท่านนั้นทำให้อาจารย์พ่อกระจ่างแจ้งได้หลายส่วน

หน้าประตูถ้ำสถิตเทพเซียนแห่งหนึ่งบนภูเขาแสงจันทร์ เด็กหนุ่มร่างอ้วนฉุสวมชุดสีขาวหิมะยิ้มถามว่า “พี่หญิงจินเฟิ่ง นี่ก็คือกลุ่มคนที่ไม่รู้อะไรควรไม่ควรกลุ่มนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าคนหนึ่งในนั้นจะมีขอบเขตเท่าเทียมกับพวกเรานะ เพียงแต่ว่าเก็บซ่อนลมปราณได้ดีเยี่ยม รูปโฉมงามเย้ายวน ดูจากลมปราณของนางที่เที่ยงตรงอย่างถึงที่สุดก็ไม่เหมือนภูตจิ้งจอกทั่วไปที่กราบไหว้ดวงจันทร์อยู่ล่างภูเขาเพื่อหล่อหลอมเรือนกายเลย คงไม่ได้เป็นเซียนจิ้งจอกตระกูลเซียนที่บรรลุมรรคาแล้วหรอกนะ?”

สตรีที่มาจากยอดเขาแสงทองกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “สหายอวี้ลู่ หากเจ้าเกิดหวั่นไหวกับจิ้งจอกตนนั้นก็ไม่สู้ลองออกจากภูเขาไปหยั่งเชิงนางดูเล่า”

เด็กหนุ่มตัวอ้วนที่ถูกสตรีเรียกว่า ‘อวี้ลู่’ ส่ายหน้า “อาจารย์หล่อหลอมบนภูเขามีวิธีการมากมาย กลอุบายก็เยอะ ไม่แน่ว่าอาจจงใจล่อให้ข้าออกจากภูเขาจะได้ตัดขาดการเชื่อมโยงระหว่างข้ากับรากภูเขา แล้วฉวยโอกาสย้ายเอาภูเขาแสงจันทร์ไปเป็นภูเขาจำลองในสวนดอกไม้ด้านหลังจวนเซียนของพวกเขาที่มีไว้ชมทัศนียภาพก็เป็นได้ ข้าไม่เหมือนพี่หญิงจินเฟิ่งที่ไม่มีห่วงผูกคอนี่นา ลูกหลานบนภูเขาล้วนต้องได้รับการดูแลจากข้า ไม่อย่างนั้นหากกลายไปเป็นเหมือนแคว้นหูของแจกันสมบัติทวีปก็คงอนาถมากแล้ว”

สตรีลังเลตัดสินใจไม่ได้

เด็กหนุ่มร่างอ้วนที่ร่างจริงคือบรรพบุรุษของกบตีกลองยิ้มเอ่ย “พี่หญิงจินเฟิ่งเกิดหวั่นไหวเข้าแล้วหรือ?”

สตรีขมวดคิ้วกล่าว “ก่อนหน้านี้จิตแห่งมรรคาเกิดริ้วกระเพื่อมขึ้นกะทันหัน จึงคิดว่าโชควาสนามาถึงแล้ว ราวกับว่าคว้าจับโอกาสในการฝ่าทะลุขอบเขตเสี้ยวหนึ่งไว้ได้ แต่ข้าไม่กล้าแน่ใจ กังวลว่าโชคและเคราะห์จะมาพร้อมกัน ข้าเองก็ไม่ต่างจากเจ้า หวาดกลัวจิตใจของคนบนภูเขาอย่างยิ่ง”

เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “จินเฟิ่ง ถ้าอย่างนั้นให้ข้าช่วยปกป้องมรรคาให้เจ้าดีไหม? ยอดเขาแสงทองและภูเขาแสงจันทร์เป็นภูเขาคู่รัก เจ้าและข้าต่างก็พิสูจน์มรรคาจำแลงร่างเป็นคนอยู่ที่นี่ รากฐานของมหามรรคาคือหนึ่งเดียวกัน หากเจ้าสามารถฝ่าทะลุขอบเขตก็จำไว้ว่าวันหน้าช่วยปกป้องมรรคาให้ข้าบ้าง ส่วนคำสาบานขุนเขาสายน้ำอะไรนั่นก็ช่างเถิด ข้าไม่เชื่อเรื่องพวกนั้น และพวกเราสองคนก็ไม่ต้องการ ทั้งสองฝ่ายนิสัยใจคอเป็นอย่างไร พวกเรารู้กันดีอยู่แก่ใจมากที่สุด”

หญิงสาวกัดฟันพูด “ได้ ลองเดิมพันดูสักตั้ง!”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 699.1 ต้องการถามหมัด

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 699.1 ต้องการถามหมัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คนกลุ่มหนึ่งเดินทางผ่านยอดเขาแสงทองและภูเขาแสงจันทร์ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอุตรกุรุทวีป คือยอดเขาคู่รักที่หาได้ยากคู่หนึ่ง

ยอดเขาแสงทองมีห่านหลังทองสัตว์วิเศษบินเข้าออกในบางครั้ง เพียงแต่ว่ายากที่จะตามหาร่องรอยของมันได้พบ หากผู้ฝึกตนคิดจะจับมันก็เป็นเรื่องยากยิ่งกว่ายาก ส่วนภูเขาแสงจันทร์นั้น ทุกๆ วันขึ้นสิบห้าค่ำที่พระจันทร์เต็มดวงก็มักจะมีกบยักษ์สีขาวหิมะตัวใหญ่เท่ายอดเขาตัวหนึ่งนำพาพวกลูกหลานขึ้นเขามาดึงดูดแก่นแสงจันทร์ ดังนั้นจึงได้ฉายาว่าภูเขาฟ้าผ่า

ตามเส้นทางที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ ไม่เพียงแต่จงใจอ้อมผ่านท่าเรือตระกูลเซียน ขึ้นเขาลงห้วยอาศัยการเดินเป็นหลัก ดูเหมือนว่าหลี่ไหวเองก็ไม่รีบร้อนไปเยือนยอดเขาสิงโต และเผยเฉียนก็ไม่รีบกลับไปยังแจกันสมบัติทวีป

หากเอ่ยตามคำพูดของหลี่ไหวที่กล่าวเป็นการส่วนตัวก็คือ เผยเฉียนหวังว่าเมื่อตัวเองกลับไปถึงจะได้พบเจอกับอาจารย์พ่อแล้ว

ใช่ว่าหลี่ไหวจะไม่อยากไปเจอท่านพ่อท่านแม่ที่เมืองเล็กตีนเขาของยอดเขาสิงโตเร็วๆ เพียงแต่ว่าบางครั้งคิดถึงสภาพการณ์ของเผยเฉียนก็คิดว่าช่างมันเถอะ เขาทำใจเอ่ยโน้มน้าวนางไม่ได้แม้แต่คำเดียว

นอกจากจะตัดใจไม่ลงแล้ว ประเด็นสำคัญคือยังไม่กล้าอีกด้วย เผยเฉียนไม่ใช่หลี่เป่าผิง ฝ่ายหลังตีคนแล้วยังพอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง หลี่ไหวรู้ดีว่าเผยเฉียนซ่อนสมุดบัญชีเล่มเล็กเอาไว้หลายเล่ม ว่ากันว่ามีกันแทบทุกคน เป็นสมุดบัญชีแบบที่ว่ามีกันเฉพาะคนละเล่ม หลี่ไหวมักจะรู้สึกว่าสมุดบัญชีเล่มบางของตน มีความเป็นไปได้อย่างถึงที่สุดว่าจะเป็นเล่มที่หนาที่สุดแล้ว

เหวยไท่เจินเองก็ไม่ถือสาที่ต้องเดินทางอย่างเชื่องช้า แต่ต่อให้นางจะเห็นเรื่องประหลาดมาจนชินตา เหตุการณ์ประหลาดไม่คาดฝันก็ยังมีมาให้เห็นติดๆ กันอยู่เรื่อย

ยกตัวอย่างเช่นเผยเฉียนเลือกวันที่อากาศอึมครึมขึ้นไปบนยอดเขาแสงทองที่มีก้อนหินประหลาดเยียบเย็นตั้งเรียงราย เหมือนว่านางไม่ได้ขึ้นเขาเพื่อไปเสี่ยงดวงหวังได้เจอห่านหลังทอง กลับกันคือทั้งอยากจะขึ้นเขาไปชมขุนเขาสายน้ำ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยินดีจะได้เห็นห่านหลังทองที่นิสัยดุร้ายพวกนั้นด้วย นี่ยังไม่นับว่าประหลาดเท่าไร ที่ประหลาดคือพอขึ้นเขามาแล้วก็มานอนพักค้างแรมกันบนยอดเขา หลังจากเผยเฉียนคัดตัวอักษรเสร็จแล้วก็เริ่มเดินนิ่งฝึกวิชาหมัด ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในตลาดด่านไน่เหอของชายหาดโครงกระดูกได้ซื้อตำรา ‘รวมเล่มวางใจ’ ของสำนักพีหมาและ ‘น้ำค้างวสันต์คงเหมันต์’ ของสวนน้ำค้างวสันต์ที่ราคาถูกอย่างถึงที่สุดมาสองเล่ม เผยเฉียนมักจะหยิบเอามาเปิดอ่านบ่อยๆ ทุกครั้งที่อ่านเจอคำบรรยายเกี่ยวกับเซียนกระบี่หนุ่มสองคนและหน้าผาอวี้อิ๋งใน ‘น้ำค้างวสันต์คงเหมันต์’ นางก็จะต้องคลี่ยิ้ม ราวกับว่าเวลาที่อารมณ์ไม่ดี เพียงแค่ได้อ่านเนื้อหาในบทที่ไม่ยาวนั้นก็สามารถช่วยคลายความกลัดกลุ้มให้นางได้แล้ว

และเผยเฉียนก็ยังถามข้อสงสัยบางอย่างในเรื่องวิชาความรู้กับหลี่ไหว หลี่ไหวจึงได้แต่แข็งใจช่วยตอบคำถามให้นาง เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เผยเฉียนได้คำตอบซึ่งหลี่ไหวยกเอามาจากตำราอริยะปราชญ์ นางกลับไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร

เหวยไท่เจินมั่นใจว่าพวกเขาต้องกลับไปมือเปล่า ไม่ได้เห็นห่านหลังทองอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรสัตว์วิเศษบนภูเขาประเภทนี้ก็มักจะปรากฎตัวภายใต้แสงตะวันสาดส่อง ร้อยปีถึงจะพานพบได้สักครั้ง

คิดไม่ถึงว่าช่วงเวลาที่ม่านราตรีหนาหนัก เหวยไท่เจินเลือกสถานที่หนึ่งแสร้งทำเป็นหลอมลมปราณเหมือนเทพเซียนทั่วไป ส่วนหลี่ไหวที่ปลุกความกล้าหาญด้วยการบอกว่าจะเฝ้ายามตอนกลางคืนกำลังก่อกองไฟ เพราะไม่มีอะไรทำจึงเขี่ยกิ่งไม้เล่น แล้วพูดชวนคุยประโยคหนึ่งว่านกในกรงบางส่วนนั้นขังไว้ไม่อยู่ แสงอาทิตย์ก็คือขนของพวกมัน

ครู่หนึ่งต่อมาทะเลเมฆดำทะมึนก็เหมือนดวงตาสวรรค์ที่เปิดออก อันดับแรกก็มีสีทองจุดหนึ่งปรากฏขึ้นก่อน แต่ยิ่งนานแสงนั้นก็ยิ่งสว่างเจิดจ้า ลากเอาเส้นยาวสีทองมาเส้นหนึ่ง ราวกบว่าพุ่งตรงมายังยอดเขาแสงทองที่เหวยไท่เจินอยู่

ในฐานะเทพเซียนโอสถทองแห่งยอดเขาสิงโตและศิษย์พี่หญิงร่วมสำนักของนายหญิงในนาม เมื่อหลายปีก่อนเหวยไท่เจินก็ได้ใช้สถานะสาวใช้ติดตามหลี่หลิ่วเดินทางมาท่องเที่ยวยังที่แห่งนี้

เหวยไท่เจินเป็นภูตกลางเขาที่เกิดและเติบโตมาในอาณาเขตของภูเขากระจกวิเศษ อันที่จริงการที่นางจำแลงร่างได้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว การฝ่าทะลุขอบเขตหลังจากนั้นก็ยิ่งไม่ต้องเพ้อฝัน แต่พอเจอกับนายหญิง เหวยไท่เจินแทบจะใช้ความเร็วหนึ่งปีในการฝ่าทะลุขอบเขตหนึ่งขั้น กระทั่งเลื่อนเป็นโอสถทองถึงได้หยุดนิ่ง นายหญิงบอกให้นางชะลอเอาไว้หน่อย บอกว่าทัณฑ์สวรรค์จากการที่พยายามฝ่าคอขวดโอสถทองไปเป็นก่อกำเนิดนั้น หากจะให้นางช่วยขวางไว้ให้ก็ไม่เป็นปัญหา แต่หลังจากที่เหวยไท่เจินมีหางแปดหาง ทั้งรูปโฉมและบุคลิกจะยิ่งกลมกลืนกับธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ ย่อมมีความเย้ายวนมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากให้ทำหน้าที่เป็นสาวใช้คอยส่งน้ำยกชาให้น้องชาย ย่อมง่ายที่จะทำให้น้องชายของนางเสียสมาธิยามที่ต้องศึกษาเล่าเรียน

นางติดตามเจ้านายอย่างหลี่หลิ่วไปพบเจอโลกกว้างมามากมาย พูดถึงแค่เซียนจับปลาของหินพักมังกรก็เป็น ‘เสมียนตำหนักนอกเมือง’ ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งแล้ว ยิ่งมีหลุมน้ำลู่ที่มีปีศาจขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งเฝ้าพิทักษ์ เป็นวัตถุที่ต้องผ่านการหล่อหลอมอย่างยากลำบาก ทว่าที่นั่นกลับเป็นเพียงแค่สถานที่พักร้อนในอดีตแห่งหนึ่งของนายหญิงเท่านั้น ผลคือปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานกลับกลายมามีสถานะแทบไม่ต่างจากนางเหวยไท่เจิน ยามที่สตรีโตเต็มวัยที่สวมชุดชาววังยิ้มเอ่ยกับโอสถทองเล็กๆ อย่างเหวยไท่เจินกลับมีแววของการประจบสอพลอ แล้วยังมีเจ้านครจักรพรรดิขาวแห่งทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางนั่นอีก…ดังนั้นเหวยไท่เจินจึงไม่ถึงขั้นหวาดกลัวห่านหลังทองที่ขอบเขตไม่สูงตัวหนึ่งนัก ก่อนที่นายหญิงจะปรากฎตัวที่ชายหาดโครงกระดูกก็ได้มอบสมบัติหนักด้านการโจมตีและการป้องกันให้กับเหวยไท่เจินอย่างละชิ้นแล้ว หากพูดตามคำกล่าวของนายหญิงก็คือ ขอแค่ใช้ได้อย่างเหมาะสม เหวยไท่เจินก็สามารถแลกเปลี่ยนชีวิตกับผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ได้อย่างสบายๆ เพียงแต่ว่าปากของน้องชายนายหญิงนี่ก็ช่าง…พวกเซียนซือบนภูเขาอดทนรอคอยเฝ้าปรารถนาอย่างลำบากยากแสนมานานหลายปีหลายสิบปี หลี่ไหวที่เอ่ยถ้อยคำด้วยความเบื่อหน่ายง่ายๆ ประโยคเดียวกลับเรียกให้ห่านหลังทองตัวหนึ่งปรากฏตัวแล้ว?

เผยเฉียนสะดุ้งตื่นจากฝัน นางสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเร็วกว่าเหวยไท่เจินเสียอีก รีบสะพายหีบไม้ไผ่ขึ้นหลัง ในมือถือไม้เท้าเดินป่า ชำเลืองตามองห่านหลังทองที่พุ่งมาด้วยท่าทางดุดัน รีบบอกให้เทพธิดาเหวยพาหลี่ไหวจากไป บอกว่าพวกเรามายึดสถานที่ของคนอื่นเขา หากตีกันย่อมเป็นฝ่ายที่ไร้เหตุผล ควรต้องรีบย้ายถิ่นยกพื้นที่กลับคืนให้กับคนเขา

เหวยไท่เจินไม่กล้าละเมิดคำสั่งของเผยเฉียน รีบทะยานลมพาหลี่ไหวออกมาจากยอดเขาแสงทอง ส่วนเผยเฉียนนั้นก็ยิ่งรวดเร็วฉับไว ถอยหลังกรูดห่างไปหลายสิบจั้ง วิ่งตะบึงหันหน้าเข้าหาหน้าผา จากนั้นก็กระโดดตัวขึ้นสูง ทิ้งตัวดิ่งลงไปจากหน้าผา

เหวยไท่เจินก้มหน้ามองเงาร่างที่ร่วงดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วนั้น ผู้ฝึกยุทธขอบเขตหก ทั้งไม่ได้มีเรือนกายร่างทอง แล้วก็ยิ่งไม่ใช่ขอบเขตเดินทางไกล เผยเฉียนจะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ?

การกระโดดของเผยเฉียนครั้งนี้มีระยะทางไกลมากถึงห้าสิบหกสิบจั้ง มองปราดๆ ก็มีมาดของปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลอย่างยิ่ง

ระหว่างที่ร่างของเผยเฉียนกำลังจะกระแทกลงพื้น นางก็พลันเกิดโทสะที่ตัวเองทำอะไรไม่มีความชำนาญเสียเลย เพราะนางนึกถึงคำสั่งสอนของอาจารย์พ่อขึ้นมาได้ เรื่องสำคัญอันดับแรกในการท่องอยู่ในยุทธภพก็คือ ‘ก่อนถามหมัด ลดขอบเขตลงสองขอบเขต’ ดังนั้นตอนนี้นางจึงกำลังทำตัวน่าอับอาย ควรจะใช้ท่วงท่าของผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่ในการท่องยุทธภพอย่างระมัดระวัง จากนั้น ‘ภายใต้สถานการณ์อันตรายเร่งด่วน’ บางอย่าง อย่างมากสุดก็แค่ต้องเผยพิรุธของผู้ฝึกยุทธขอบเขตห้าอย่างไม่ทันระวัง เมื่อเป็นเช่นนี้หากจำเป็นต้องถามหมัดกับคนอื่น ก็เท่ากับว่านางได้ยึดครองโอกาสได้เปรียบไปก่อนส่วนหนึ่ง

ดังนั้นเผยเฉียนจึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะล้อมคอกเมื่อวัวหาย จากที่มีสีหน้านิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านก็จงใจทำให้ลมหายใจของตัวเองวุ่นวาย มือเท้าเปลี่ยนเป็นโบกสะเปะสะปะ เนื่องจากกังวลว่าหากเอาหลังลงจะทำให้หีบไม้ไผ่แตก สุดท้ายนางจึงได้แต่เอาหน้าลงพื้น ตรงตีนเขาของภูเขาแสงจันทร์จึงเกิดเป็นหลุมใหญ่ที่ฝุ่นตลบคละคลุ้งหลุมหนึ่ง

ส่งเสียงร้องโอ้ยๆๆ แล้วก็เริ่มกระโดดเหยงๆ วิ่งขากะเผลกจากไป

อันที่จริงระหว่างที่วิ่งเผยเฉียนยังรู้สึกละอายใจในฝีมือการแสดงที่อ่อนด้อยของตัวเอง หากอาจารย์พ่ออยู่ข้างกาย เกรงว่าตนคงได้กินมะเหงกเป็นแน่

หลี่ไหวหลับตาแน่น เหงื่อเย็นไหลมาตามสันหลัง ความรู้สึกยามขี่เมฆทะยานหมอกนี้ไม่ดีเลยจริงๆ

ครึ่งก้านธูปต่อมาเหวยไท่เจินก็พาหลี่ไหวลดตัวลงต่ำช้าๆ ฝีเท้าของเผยเฉียนขยับว่องไวขึ้นแล้วหลายส่วน นางทะยานร่างขึ้นไปบนกิ่งสูงของต้นไม้โบราณต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กับภูเขาแสงจันทร์ สีหน้าเคร่งขรึมมองไปยังทิศทางที่ตั้งของยอดเขาแสงทอง แล้วก็ต้องผ่อนลมหายใจโล่งอก ก้มหน้าพูดกับพวกหลี่ไหวว่า “ไม่เป็นอะไรแล้ว อีกฝ่ายนิสัยดีมาก ไม่ได้ตามตอแยไม่เลิกรา”

บนยอดเขาแสงทอง หลังจากที่ห่านหลังทองตัวนั้นพลิ้วกายลงบนพื้นแสงสีทองก็เปล่งวูบหนึ่งที ก่อนที่จะกลายร่างเป็นหญิงสาวเรือนกายอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่ง ชุดที่นางสวมใส่คล้ายชุดขนนกสีทอง สีหน้าของนางมีความไม่พอใจเล็กน้อย นี่มันอะไรกัน เพราะรีบร้อนเดินทางไปหน่อย และตนก็จงใจเก็บพลังอำนาจของตบะโอสถทองเอาไว้แล้ว ยิ่งไม่มีจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย ก็แค่เหมือนเจ้าบ้านที่รีบกลับบ้านมารับรองแขกอย่างกระตือรือร้นเท่านั้น ไหนเลยจะคิดว่าคนกลุ่มนั้นจะเผ่นหนีไปโดยตรง ในอุตรกุรุทวีปแห่งนี้ไม่เคยมีข่าวลือว่าห่านหลังทองเป็นฝ่ายทำร้ายคนก่อนเลยนะ

หลังจากสองเท้าสัมผัสพื้น ร่างของหลี่ไหวก็โงนเงน เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ยังหวาดผวาไม่คลาย เอ่ยอย่างกลัวไม่หาย “ไม่เป็นเทพเซียนแล้ว ให้ตายอย่างไรก็ไม่เป็นแล้ว ทุกวันบินไปบินมา ไม่มั่นคงเอาเสียเลย”

เผยเฉียนถลึงตาใส่หลี่ไหว เตือนเขาว่าข้างกายยังมีเทพธิดาเหวยที่เป็นคนในกลุ่มเทพเซียนซึ่งกินแสงอรุโณทัยดื่มน้ำค้างอยู่ด้วย

หลี่ไหวรีบขอขมาอีกฝ่าย เหวยไท่เจินได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร แท้จริงแล้วนางใจไม่ดียิ่งกว่าหลี่ไหวเสียอีก

แม้ว่าเผยเฉียนจะเคารพกฎของอาจารย์พ่อ ไม่มองคนใกล้ชิดทุกคน ‘มากเกินจำเป็น’ แต่นางก็มักจะรู้สึกว่าเทพธิดาเหวยที่นิสัยอ่อนโยนผู้นี้ออกจะประหลาดไปบ้าง ขอบเขตเซียนดินโอสถทองนั้นอาจเป็นของจริง แต่ตัวตนที่แท้จริงกลับบอกได้ยากแล้ว แต่ในเมื่อนี่เป็นเรื่องในบ้านของหลี่ไหว เพราะถึงอย่างไรเหวยไท่เจินก็เป็นคนที่หลี่หลิ่วพามาให้อยู่ข้างกายหลี่ไหว เผยเฉียนจึงไม่ได้เข้ามายุ่งด้วย เพราะถึงอย่างไรเจ้าทึ่มหลี่ไหวผู้นี้ก็เป็นคนโง่ที่มีโชคของคนโง่

ผ่านยอดเขาแสงทองมาแล้วก็ไปเยือนภูเขาแสงจันทร์ เผยเฉียนไม่กล้าขึ้นไปบนภูเขา ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง พวกเขาอยู่บนเส้นทางภูเขาที่ห่างจากภูเขาฟ้าผ่าแห่งนั้นมาหลายสิบลี้ แล้วก็จริงดังคาด กบตีกลองกลุ่มใหญ่ที่ส่งเสียงร้องดังสนั่นรวมตัวกันอยู่บนภูเขา หันหน้าเขาหาแสงจันทร์บนฟ้า เสียงดังดั่งฟ้าคำราม เผยเฉียนเบิกตามองไปอย่างละเอียด ตัวของภูเขาแสงจันทร์เองเหมือนเป็นสถานที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมแห่งหนึ่งที่สามารถรวบรวมแสงจันทร์เอาไว้ได้ มีจิตวิญญาณดวงจันทร์ที่หนาบางไม่เท่ากัน เป็นเสี้ยวเป็นเส้นหล่นลงบนภูเขา แล้วถูกพวกกบตีกลองทั้งหลายกลืนลงท้อง

ภูเขาแห่งนี้ของค่ำคืนนี้มีแสงจันทร์มากมาย เพียงแต่เผยเฉียนรู้สึกว่าถึงอย่างไรก็ไม่ดีเท่าของที่บ้านตัวเอง

หลี่ไหวเอ่ยเบาๆ “ใต้หล้าเปลี่ยวร้างมีพระจันทร์สามดวงจริงๆ หรือ?”

เผยเฉียนพยักหน้ารับ “จริง ขนมไหว้พระจันทร์สามก้อนใหญ่แขวนสูงอยู่บนฟ้า พอๆ กับขนมที่พี่หญิงซิ่วซิ่วกิน เห็นแล้วชวนน้ำลายไหล”

เผยเฉียนหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมา ใช้พู่กันวง ‘กบตีกลองบนภูเขาแสงจันทร์’ ไว้แถบหนึ่ง ด้านหน้าคือห่านหลังทองของยอดเขาแสงทอง ขยับมาด้านล่างคือศาลเทพอัคคีเมืองสุยเจี้ยของแคว้นอิ๋นผิง ต่อจากนั้นก็มีเหล้าฝูอิ๋งของแคว้นไหวหวง วัดจินตั๋วเมืองอวี้ฮู่ ทะเลสาบคนใบ้หุบเขาลมเหลืองแคว้นเป่าเซียง ตำหนักขวานผีสำนักการทหาร เป็นต้น

หลี่ไหวขยับมาชำเลืองตามอง เผยเฉียนไม่ได้ห้ามเขาแอบดู หลี่ไหวถามว่า “ดูจากท่าทางแล้วพวกเราคงห่างจากบ้านเกิดของหมี่ลี่น้อยไม่ไกลแล้วสินะ?”

เผยเฉียนปิดสมุดลง ใส่กลับไปในหีบไม้ไผ่ พยักหน้ารับ “ไม่ไกลแล้ว”

หลี่ไหวถาม “เหล้าฝูอิ๋งคือเหล้าหมักตระกูลเซียนหรือ? จะซื้อกาหนึ่งเอากลับไป หรือว่าจะเอาไปเป็นของขวัญมอบให้คนอื่น?”

เผยเฉียนยิ้มกล่าว “ไม่ใช่เหล้าหมักตระกูลเซียนอะไร เป็นเหล้าที่อาจารย์พ่อเคยดื่มร่วมกับยอดฝีมือคนหนึ่งในเหลาสุรากลางตลาด ไม่แพง พวกเราสามารถซื้อกลับไปหลายๆ ไหได้”

อาจารย์พ่อเคยบอกว่า เกี่ยวกับเรื่องของบุญบารมีและคุณธรรมในโลกมนุษย์ใบนี้ แผนการอันยาวไกลของยอดฝีมือท่านนั้นทำให้อาจารย์พ่อกระจ่างแจ้งได้หลายส่วน

หน้าประตูถ้ำสถิตเทพเซียนแห่งหนึ่งบนภูเขาแสงจันทร์ เด็กหนุ่มร่างอ้วนฉุสวมชุดสีขาวหิมะยิ้มถามว่า “พี่หญิงจินเฟิ่ง นี่ก็คือกลุ่มคนที่ไม่รู้อะไรควรไม่ควรกลุ่มนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าคนหนึ่งในนั้นจะมีขอบเขตเท่าเทียมกับพวกเรานะ เพียงแต่ว่าเก็บซ่อนลมปราณได้ดีเยี่ยม รูปโฉมงามเย้ายวน ดูจากลมปราณของนางที่เที่ยงตรงอย่างถึงที่สุดก็ไม่เหมือนภูตจิ้งจอกทั่วไปที่กราบไหว้ดวงจันทร์อยู่ล่างภูเขาเพื่อหล่อหลอมเรือนกายเลย คงไม่ได้เป็นเซียนจิ้งจอกตระกูลเซียนที่บรรลุมรรคาแล้วหรอกนะ?”

สตรีที่มาจากยอดเขาแสงทองกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “สหายอวี้ลู่ หากเจ้าเกิดหวั่นไหวกับจิ้งจอกตนนั้นก็ไม่สู้ลองออกจากภูเขาไปหยั่งเชิงนางดูเล่า”

เด็กหนุ่มตัวอ้วนที่ถูกสตรีเรียกว่า ‘อวี้ลู่’ ส่ายหน้า “อาจารย์หล่อหลอมบนภูเขามีวิธีการมากมาย กลอุบายก็เยอะ ไม่แน่ว่าอาจจงใจล่อให้ข้าออกจากภูเขาจะได้ตัดขาดการเชื่อมโยงระหว่างข้ากับรากภูเขา แล้วฉวยโอกาสย้ายเอาภูเขาแสงจันทร์ไปเป็นภูเขาจำลองในสวนดอกไม้ด้านหลังจวนเซียนของพวกเขาที่มีไว้ชมทัศนียภาพก็เป็นได้ ข้าไม่เหมือนพี่หญิงจินเฟิ่งที่ไม่มีห่วงผูกคอนี่นา ลูกหลานบนภูเขาล้วนต้องได้รับการดูแลจากข้า ไม่อย่างนั้นหากกลายไปเป็นเหมือนแคว้นหูของแจกันสมบัติทวีปก็คงอนาถมากแล้ว”

สตรีลังเลตัดสินใจไม่ได้

เด็กหนุ่มร่างอ้วนที่ร่างจริงคือบรรพบุรุษของกบตีกลองยิ้มเอ่ย “พี่หญิงจินเฟิ่งเกิดหวั่นไหวเข้าแล้วหรือ?”

สตรีขมวดคิ้วกล่าว “ก่อนหน้านี้จิตแห่งมรรคาเกิดริ้วกระเพื่อมขึ้นกะทันหัน จึงคิดว่าโชควาสนามาถึงแล้ว ราวกับว่าคว้าจับโอกาสในการฝ่าทะลุขอบเขตเสี้ยวหนึ่งไว้ได้ แต่ข้าไม่กล้าแน่ใจ กังวลว่าโชคและเคราะห์จะมาพร้อมกัน ข้าเองก็ไม่ต่างจากเจ้า หวาดกลัวจิตใจของคนบนภูเขาอย่างยิ่ง”

เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “จินเฟิ่ง ถ้าอย่างนั้นให้ข้าช่วยปกป้องมรรคาให้เจ้าดีไหม? ยอดเขาแสงทองและภูเขาแสงจันทร์เป็นภูเขาคู่รัก เจ้าและข้าต่างก็พิสูจน์มรรคาจำแลงร่างเป็นคนอยู่ที่นี่ รากฐานของมหามรรคาคือหนึ่งเดียวกัน หากเจ้าสามารถฝ่าทะลุขอบเขตก็จำไว้ว่าวันหน้าช่วยปกป้องมรรคาให้ข้าบ้าง ส่วนคำสาบานขุนเขาสายน้ำอะไรนั่นก็ช่างเถิด ข้าไม่เชื่อเรื่องพวกนั้น และพวกเราสองคนก็ไม่ต้องการ ทั้งสองฝ่ายนิสัยใจคอเป็นอย่างไร พวกเรารู้กันดีอยู่แก่ใจมากที่สุด”

หญิงสาวกัดฟันพูด “ได้ ลองเดิมพันดูสักตั้ง!”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+