กระบี่จงมา 828.4 เดินทางไปเยือนเมืองหลวงยามค่ำคืน

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 828.4 เดินทางไปเยือนเมืองหลวงยามค่ำคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ห​ร่วน​ฉงหันหน้า​ไป​มอง​ หลิว​เสี้ยน​หยาง​รีบ​คีบ​อาหาร​ให้​อาจารย์​ทันที​ “ฝีมือ​ทำอาหาร​ของ​อาจารย์​เห็นได้ชัด​ว่า​ได้​นำ​ศาสตร์​การหลอม​กระบี่​มาใช้ ฝีมือ​ถึงได้​เชี่ยวชาญ​เพียงนี้​!”

เซอ​เย​ว่​เริ่ม​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​เหตุใด​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ที่​ไม่ยี่หระ​สิ่งใด​ถึงได้​มีคน​ชอบ​มากมาย​ขนาด​นี้​ เพราะ​อริยะ​ห​ร่วน​สำนัก​การทหาร​ผู้​นี้​ค่อนข้างจะ​คร่ำครึ​หัวโบราณ​ ต่ง​กู่​ลูกศิษย์​ใหญ่​ก็​เอาอย่าง​ เคารพ​อาจารย์​มากเกินไป​ เป็นเหตุให้​วางตัว​ระมัดระวัง​สำรวม​เกิน​กว่า​เหตุ​ ส่วน​สวี​เสี่ยว​เฉียว​นั้น​มีนิสัย​เงียบขรึม​ ไม่ชอบ​พูดคุย​ เซี่ยห​ลิง​มีกลิ่นอาย​เซียน​ล่องลอย​เกินไป​ อยู่​ห่าง​จาก​ฝุ่นธุลี​ใน​โลกีย์​ ไม่ชอบ​ยุ่ง​เกี่ยวกับ​กิจธุระ​ทั้งหลาย​ หาก​ไม่มีหลิว​เสี้ยน​หยาง​ คาด​ว่า​อาหาร​มื้อ​นี้​ทุกคน​คง​กินกัน​อย่าง​เงียบเชียบ​ กิน​เสร็จ​ก็​แยกย้าย​กัน​ไป​

ห​ร่วน​ฉงเอ่ย​ต่อว่า​ “วันหน้า​ต่ง​กู่​ดูแล​เรื่อง​รายรับ​รายจ่าย​ของ​คลังสมบัติ​ สวี​เสี่ยว​เฉียว​รับผิดชอบ​ดูแล​กฎ​ของ​ศาล​บรรพ​จารย์​ เซี่ยห​ลิง​ชอบ​ฝึก​ตน​ หาก​ยินดี​แบ่ง​ความสนใจ​ออกมา​ก็​สามารถ​รับ​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​เพิ่ม​หลาย​ๆ คน​ได้​ ลูกศิษย์​ของ​ลูกศิษย์​บน​ภูเขา​มีน้อย​ไป​สักหน่อย​ เป็นเหตุให้​เรื่อง​ที่​วันหน้า​ควรจะ​ไปมาหาสู่​กับ​ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​และ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​อย่างไร​ พวก​เจ้าก็​ต้อง​ปรึกษา​กันเอา​เอง​แล้ว​ แล้วก็​ไม่ใช่ว่า​หลิว​เสี้ยน​หยาง​เป็น​เจ้าสำนัก​แล้วก็​จำเป็นต้อง​แบกรับ​เรื่อง​นี้​เพียงลำพัง​”

พูดคุย​แค่​ไม่กี่​คำ​ ห​ร่วน​ฉงก็​คุย​เรื่องใหญ่​ใน​สำนัก​เสร็จ​รวดเดียว​

ห​ร่วน​ฉงหยิบ​ตะเกียบ​ขึ้น​มา เอ่ย​ว่า​ “กินข้าว​”

ออกคำสั่ง​เสร็จ​ ทุกคน​ก็​ก้มหน้าก้มตา​กินข้าว​

นอกจาก​คำพูด​ชวน​ตลกขบขัน​ของ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ที่​พูดแทรก​มาเป็นระยะ​แล้ว​ บน​โต๊ะ​ก็​ไม่มีคำพูด​ใดๆ​ อีก​ เซอ​เย​ว่​รู้สึก​เลื่อมใส​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ใน​จุด​นี้​มาก​นัก​ ไม่ว่า​จะพูด​อะไร​หรือ​ทำ​อะไร​ล้วน​ไม่เคย​อึดอัด​ขัดเขิน​

ห​ร่วน​ฉงเป็น​คน​แรก​ที่​กิน​อิ่ม​ วาง​ตะเกียบ​ลง​ ก่อน​จะลุกขึ้น​ยืน​ได้​เอ่ย​ว่า​ “เสี้ยน​หยาง​ นับแต่​วันนี้​ไป​เจ้าก็​คือ​เจ้าสำนัก​แล้ว​ ดังนั้น​ไม่ต้อง​บอกกล่าว​กับ​ข้า​ทุก​เรื่อง​ วันหน้า​ข้า​จะสนใจ​แค่​เรื่อง​หลอม​กระบี่​อย่าง​เดียว​แล้ว​”

จากนั้น​จึงหันไป​มอง​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​อีก​สามคน​ที่​เหลือ​ ห​ร่วน​ฉงเอ่ย​อย่าง​เรียบ​เฉย​ว่า​ “ไม่ว่า​จะรับหน้าที่​อะไร​ใน​สำนัก​ เป็น​สหาย​ร่วม​สำนัก​ก็​ควร​มีท่าที​ของ​สหาย​ร่วม​สำนัก​ ความเคยชิน​ที่​สกปรก​บางอย่าง​ตอน​อยู่​ข้างนอก​ วันหน้า​อย่า​ได้​พา​ขึ้น​มาบน​ภูเขา​ด้วย​”

พูด​จบ​ห​ร่วน​ฉงก็​เดิน​ออก​นอก​ห้อง​ ทะยาน​ลม​จากไป​

พอ​ห​ร่วน​ฉงจากไป​ ต่ง​กู่​และ​สวี​เสี่ยว​เฉียว​ก็​มีการ​พูดคุย​กัน​บ้าง​ กลับ​กลายเป็น​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ที่​เริ่ม​เคี้ยว​อาหาร​อย่าง​ละเอียด​ ไม่พูดคุย​อะไร​แล้ว​

กิน​อาหาร​มื้อ​นี้​เสร็จ​ สวี​เสี่ยว​เฉียว​ก็​รับหน้า​ที่เก็บ​จานชาม​และ​ตะเกียบ​ เซอ​เย​ว่​ก็​ช่วยด้วย​ สวี​เสี่ยว​เฉียว​มีความประทับใจ​ที่​ดีเยี่ยม​ต่อ​แม่นา​งอ​วี๋คน​นี้​

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ยก​ขา​นั่งไขว่ห้าง​ คาบ​ไม้จิ้มฟัน​ทำท่า​เหมือน​นาย​ท่าน​ใหญ่​ รอ​กระทั่ง​แม่นาง​สอง​คน​ไป​ที่​ห้องครัว​แล้วก็​เอา​นิ้ว​เคาะ​ผิว​โต๊ะ​เบา​ๆ พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เต็มไปด้วย​ความปรารถนาดี​ “เหล่า​ต่ง​อ่า​ เสี่ยว​เซี่ย​อ่า​ พวก​เจ้าสอง​คน​ต่าง​ก็​อายุ​ไม่น้อย​กัน​แล้ว​ เริ่ม​หา​ภรรยา​กัน​ได้​แล้ว​นะ​ ไม่อย่างนั้น​เจ้าสำนัก​อย่าง​ข้า​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​พวก​คนโสด​กลุ่ม​ใหญ่​อยู่​ทุกวัน​ คง​ต้อง​ละอายใจ​อย่าง​มาก​ ใน​ใจรู้สึก​ไม่ใคร่​จะดี​”

เซี่ยห​ลิง​ยิ้ม​เอ่ย​ “ศิษย์​พี่​ต่ง​ หาก​รู้​แต่แรก​ว่า​พอ​คน​บางคน​ได้​เป็น​เจ้าสำนัก​แล้​วจะ​ทำตัว​ทุเรศ​แบบนี้​ ท่าน​ก็​น่าจะ​ช่วง​ชิงตำแหน่ง​เจ้าสำนัก​มาบ้าง​นะ​? หรือไม่​พวกเรา​สอง​คน​เปลี่ยนใจ​ไป​ขอร้อง​อาจารย์​ดี​ไหม​? เดี๋ยว​ข้า​ช่วย​พูด​โน้มน้าว​ศิษย์​พี่​สวี​เอง​ ท่าน​รับผิดชอบ​ไป​ตอแย​อาจารย์​ ถึงเวลา​นั้น​คิด​จะเปลี่ยน​เจ้าสำนัก​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็นเรื่อง​ของ​ข้าว​มื้อ​เดียว​เท่านั้น​”

ต่ง​กู่​พยักหน้า​ “ใน​ใจรู้สึก​ไม่ใคร่​จะดี​อยู่​บ้าง​จริงๆ​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ร้อง​เพ้ย​ “พวก​เจ้าสอง​คน​เนี่ย​นะ​คิด​จะไป​ก่อ​คลื่น​ลมมรสุม​กับ​ช่างห​ร่วน​?”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ผาย​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ลูบ​เส้น​ผม​ตรง​จอนหู​ “อีก​อย่าง​ จะเล่า​ความลับ​ให้​พวก​เจ้าฟัง สายตา​ที่​ศิษย์​พี่​หญิง​สวี​มอง​ข้า​ ไม่ปกติ​มาตั้ง​นาน​แล้ว​”

สวี​เสี่ยว​เฉียว​ที่อยู่​ใน​ห้องครัว​ อยู่ดีไม่ว่าดี​ก็​เจอ​หายนะ​ที่มา​เยือน​โดย​ไม่คาดฝัน​เช่นนี้​จึงอับอาย​จน​พาน​เป็น​ความโกรธ​ “หลิว​เสี้ยน​หยาง​ เจ้าอยาก​ตาย​หรือ​?! ต่อให้​ปากไม่มีหูรูด​ ชอบ​พูดจา​เหลวไหล​แค่​ไหน​ก็​น่าจะ​มีขอบเขต​บ้าง​สิ! เชื่อ​หรือไม่​ว่า​ข้า​จะฉีก​ปาก​เจ้าให้​เละ​เลย​?”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​พูด​ด้วย​สีหน้า​ไร้เดียงสา​ “ข้า​บอ​กว่า​สายตา​ที่​ศิษย์​พี่​มอง​ศิษย์​น้อง​เหมือน​พี่สาว​แท้ๆ​ มอง​น้องชาย​แท้ๆ​ ที่​พลัด​พรากจากกัน​ไป​นาน​แล้ว​ได้​กลับมา​เจอกัน​อีกครั้ง​ ช่างมีเมตตา​ช่างอ่อนโยน​ยิ่งนัก​ ทำให้​ใน​ใจข้า​อบอุ่น​เหลือเกิน​ นี่​ก็​ผิด​ด้วย​หรือ​?”

เซอ​เย​ว่​กระตุก​ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​สวี​เสี่ยว​เฉียว​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “อย่า​ไป​สนใจ​เขา​เลย​ เขา​เอาแต่​ฝัน​อยู่​ทุกวัน​ สมอง​เลย​ไม่ค่อย​เต็มเต็ง​เท่าไร​”

สวี​เสี่ยว​เฉียว​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​อย่าง​ฉุนๆ​ “ไม่ถือสา​เขา​แล้ว​ วันหน้า​แม่นา​งอ​วี๋​เจ้าก็​ควบคุม​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ให้​มาก​หน่อย​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​เขา​ทำตัว​ไร้​แก่นสาร​ เป็น​อันธพาล​ เอ้อระเหย​ลอยชาย​ไป​วัน​ๆ”

เซอ​เย​ว่​รู้สึก​อัดอั้น​เล็กน้อย​ เหตุใด​แม่นาง​คน​นี้​ถึงไม่รู้จัก​พูด​บ้าง​เลย​นะ​ ตัว​คน​ไม่เลว​ แต่​ตาไม่มีแวว​ไป​สักหน่อย​

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ลุกขึ้น​ยืน​ “ข้า​ต้อง​ไป​ภูเขา​พี​อวิ๋น​สัก​รอบ​ ใช้สถานะ​ของ​เจ้าสำนัก​ไป​พูดคุย​ธุระ​บางอย่าง​ พวก​เจ้าทำ​ธุระ​ของ​ตัวเอง​กัน​ไป​เถอะ​”

กล่าว​จบ​ก็​ตบ​ไหล่​เซี่ยห​ลิง​ “เสี่ยว​เซี่ย​ ตั้งใจ​ฝึก​ตน​นะ​ อย่า​อารมณ์ร้อน​ อย่า​หยิ่งยโส​”

เซี่ยห​ลิง​กุม​หมัด​ยิ้ม​กล่าว​ “จะเชื่อฟัง​เจ้าสำนัก​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ยัง​ติดใจ​ไม่เลิก​จึงทำ​ท่าจะ​ไป​ตบ​ไหล่​ศิษย์​พี่ใหญ่​แล้ว​เอ่ย​สั่งสอน​สัก​สอง​สามประโยค​ด้วย​ ต่ง​กู่​กลับ​โบก​มือขึ้น​มาซะก่อน​ “ให้​มัน​น้อย​ๆ หน่อย​เถอะ​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​หัวเราะ​ร่า​เดิน​ออกจาก​ห้อง​ไป​ ถามว่า​ “แม่นา​งอ​วี๋​ พวกเรา​ลง​เขา​ไป​ด้วยกัน​ไหม​?”

เซอ​เย​ว่​ส่ายหน้า​ “ไม่ล่ะ​ ข้า​ต้อง​กลับ​ไป​ที่​ร้าน​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​จึงไป​เยือน​ภูเขา​พี​อวิ๋น​เพียงลำพัง​ พูดคุย​เรื่อง​หนึ่ง​กับ​เว่ย​ป้อ​

เว่ย​ป้อ​อึ้ง​ตะลึง​ นี่​เป็น​เรื่องใหญ่​มาก​ เขา​จึงทั้ง​ไม่ส่ายหน้า​แล้วก็​ไม่ตอบ​ตกลง​ ได้​แต่​ถามว่า​ “นี่​คือ​ความหมาย​ของ​อริยะ​ห​ร่วน​เอง​หรือ​?”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ตบ​อก​ พูด​กลั้ว​หัวเราะ​ดังลั่น​ “ซาน​จวิน​ใหญ่​เว่ย​เจ้าอย่า​สนใจ​เลย​ ถึงอย่างไร​สำนัก​กระบี่​หลง​เฉวียน​ใน​ทุกวันนี้​ ข้า​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ก็​เป็น​คน​ที่​มีสิทธิ์​ตัดสินใจ​แล้ว​”

เว่ย​ป้อ​ถามอย่าง​คลางแคลง​ “หมายความว่า​อย่างไร​?”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​หัวเราะ​ฮ่าๆ “ตอนนี้​ข้า​คือ​เจ้าสำนัก​คน​ใหม่​แล้ว​ ข้า​ยัง​ตัดสินใจ​เอง​ไม่ได้​อีก​หรือ​?”

เว่ย​ป้อ​นิ่ง​คิด​ไป​พัก​หนึ่ง​ หลิว​เสี้ยน​หยาง​หุบ​ยิ้ม​ พยักหน้า​ เว่ย​ป้อ​ถอนหายใจ​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “เข้าใจ​แล้ว​ จะจัดการ​ให้​ทันที​ ทาง​ฝั่งของ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ ข้า​จะช่วย​อธิบาย​ให้​เอง​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ “สหาย​อย่าง​เว่ย​ซาน​จวิน​ ต่อให้​จุด​โคม​ตามหา​ก็​ยาก​ที่จะ​หา​เจอ​”

วันนี้​กลุ่ม​ยอดเขา​ที่อยู่​ใน​แถบ​ภูเขาใหญ่​ทิศตะวันตก​ของ​สำนัก​กระบี่​หลง​เฉวียน​ นอกจาก​ภูเขา​สามลูก​ที่​เช่ามาจาก​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่​ยังอยู่​ที่​เดิม​แล้ว​ ภูเขา​ลูก​อื่นๆ​ ซึ่งรวมถึง​ภูเขา​เสิน​ซิ่ว​ล้วน​ถูก​เว่ย​ป้อ​ซาน​จวิน​ขุนเขา​เหนือ​ที่​เรียก​รวม​เหล่า​เทพ​ภูเขา​ของ​ภูเขา​ทายาท​ ให้​มาร่วมกัน​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​เคลื่อนย้าย​ไป​ยัง​อาณาเขต​ของ​อดีต​ขุนเขา​กลาง​จน​หมด​

นับแต่​วันนี้​เป็นต้นไป​ ใน​อาณาเขต​ของ​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูเก่า​ก็​จะไม่มีสำนัก​กระบี่​หลง​เฉวียน​อะไร​อีกแล้ว​ วันหน้า​จะเหลือ​แค่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่​เป็น​สำนัก​อักษร​จงเพียง​แห่ง​เดียว​

ตอนที่​เว่ย​ป้อ​กำลัง​ง่วน​วุ่นวาย​ หลิว​เสี้ยน​หยาง​ก็​นั่ง​ยอง​อยู่​บน​ยอดเขา​พี​อวิ๋น​ตลอดเวลา​ สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ คีบ​ต้น​หญ้า​ไว้​ใน​ปาก​

อันที่จริง​นี่​ก็​คือ​ความต้องการ​ของ​ห​ร่วน​ฉงผู้​เป็น​อาจารย์​ เพียงแต่​เขา​ไม่เอ่ย​ออกมา​ก็​เท่านั้น​

……

กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ จั่ว​โย่ว​ที่​สวม​ชุด​ของ​ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​นั่งขัดสมาธิ​ วาง​กระบี่​พาด​ขวาง​ไว้​บน​หัวเข่า​ สายตา​มอง​ตรง​ไป​ข้างหน้า​

เฉาจวิ้น​ที่​ข้าม​มหาสมุทร​เร่งรุด​เดินทาง​มาถึงที่นี่​มีท่าทาง​เหน็ดเหนื่อย​จาก​การ​เดินทาง​ มาถึงก็​นั่ง​แปะ​อยู่​ห่าง​ไป​ไม่ไกล​ หอบ​หายใจ​ฮัก​ๆ พอ​ลมหายใจ​สงบ​ลง​ได้​บ้าง​แล้วก็​หันไป​ยิ้ม​เอ่ย​ทักทาย​ “อาจารย์​จั่ว​!”

จั่ว​โย่ว​พยักหน้า​รับ​เบา​ๆ

เฉาจวิ้นรอ​อยู่​นาน​ เห็น​ว่า​จั่ว​โย่ว​ยังคง​ไม่มีท่าที​ว่า​จะเปิดปาก​พูด​ก็​แข็งใจ​เอ่ย​เรียก​ “อาจารย์​จั่ว​?”

จั่ว​โย่ว​ถามอย่าง​สงสัย​ “มีเรื่อง​อะไร​หรือ​?”

ตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​แห่ง​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​ผู้​นี้​ หลังจากที่​จิต​แห่ง​กระบี่​ได้รับ​ความเสียหาย​ก็​ยัง​กล้า​ส่งกระบี่​บน​สนามรบ​สอง​แห่ง​อย่าง​ที่​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​และ​ใบ​ถงทวีป​ วันนี้​ยัง​กล้า​มาที่นี่​ ดูท่า​คง​คิด​จะออก​กระบี่​ต่อ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​?

ความประทับใจ​ที่​จั่ว​โย่ว​มีต่อ​คน​ผู้​นี้​เปลี่ยนเป็น​ดีขึ้น​หลาย​ส่วน​

เฉาจวิ้น​รู้สึก​หัวโต​ขึ้น​มาสองเท่า​ ไหน​เฉิน​ผิง​อัน​ผู้​นั้น​บอ​กว่า​เจ้าที่​เป็น​ศิษย์​พี่​ของ​เขา​ให้​ข้า​มาฝึก​กระบี่​กับ​เจ้าที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ไงเล่า​? นี่​ก็​จะไม่ยอมรับ​เสียแล้ว​?

แต่​หาก​จะให้​เขา​ร่าย​เหตุผล​กับ​จั่ว​โย่ว​ก็​อย่า​เลย​ดีกว่า​

เฉาจวิ้น​ถามอย่าง​ระมัดระวัง​ “อาจารย์​จั่ว​ลืม​อะไร​ไป​หรือไม่​?”

จั่ว​โย่ว​ขมวดคิ้ว​ “เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ มีอะไร​ก็​พูด​มาตรงๆ​”

เฉาจวิ้น​พูด​หน้าม่อย​ “เฉิน​ผิง​อัน​แนะนำ​ให้​ข้า​มาที่นี่​ มาฝึก​กระบี่​กับ​อาจารย์​จั่ว​”

ไม่กล้า​พูดความจริง​ด้วยซ้ำ​

เฉิน​ผิง​อัน​เจ้าตะพาบ​ผู้​นั้น​เป็น​ศิษย์​น้อง​ของ​จั่ว​โย่ว​ แต่​ตน​กลับ​ไม่ใช่

จั่ว​โย่ว​พยักหน้า​ “ได้​สิ”

เฉาจวิ้น​ผ่อน​ลมหายใจ​โล่งอก​ อัดอั้น​ก็​ส่วน​อัดอั้น​ แต่​ก็​ยัง​ดี​ที่​ไม่ได้มา​เสียเที่ยว​ เพียงแต่​ใน​ใจอด​สบถ​ด่า​ไม่ได้​ เจ้าอิ่น​กวาน​ชาติ​สุนัข​

“ศิษย์​น้อง​ของ​ข้า​คน​นั้น​บอก​เจ้าว่า​ให้​เจ้ามาที่นี่​เป็น​คำแนะนำ​ของ​ข้า​ใช่หรือไม่​?”

จั่ว​โย่ว​หัวเราะ​ ยื่นมือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​กด​ฝัก​กระบี่​เบา​ๆ แค่​รอ​ให้​อา​เหลียง​สร้าง​ความ​ครึกโครม​ที่​ทางทิศใต้​สัก​เล็กน้อย​ ตน​ก็​สามารถ​ออก​กระบี่​ตาม​ไป​ได้​แล้ว​

ส่วน​การ​ถ่ายทอด​เวท​กระบี่​ให้​กับ​เฉาจวิ้น​ อันที่จริง​ไม่ได้​มีปัญหา​ใดๆ​ เลย​ สภาพ​จิตใจ​ คุณสมบัติ​และ​นิสัยใจคอ​ของ​เฉาจวิ้น​ใน​ทุกวันนี้​ เมื่อ​เทียบ​กับ​ผู้​มีพรสวรรค์​อายุ​น้อย​ของ​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​ใน​อดีต​คน​นั้น​ เรียก​ได้​ว่า​เป็น​คนละ​คน​กัน​แล้ว​

เฉาจวิ้น​เหลือบมอง​การกระทำ​ที่​ยื่นมือ​ไป​กด​ฝัก​กระบี่​ของ​จั่ว​โย่ว​แล้ว​รีบ​ส่ายหน้า​อย่าง​แรง​ พูด​อย่าง​หนักแน่น​ว่า​ “ไม่มีเรื่อง​แบบ​นั้น​สักหน่อย​!”

จั่ว​โย่ว​หันหน้า​ไป​มอง​ ถามด้วย​ความ​ใคร่รู้​ว่า​ “จริง​หรือ​? เจ้าพูดความจริง​มา”

เฉาจวิ้น​จึงแข็งใจ​ตอบ​ว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​เคย​บอ​กว่า​อาจารย์​จั่ว​ให้​ข้า​มาจริงๆ​”

จั่ว​โย่ว​ทอดสายตา​มอง​ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​ ดูเหมือนว่า​จะอารมณ์​ไม่เลว​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ไม่เกรงใจ​ศิษย์​พี่​เลย​จริงๆ​”

เฉาจวิ้น​อึ้ง​ตะลึง​ จั่ว​โย่ว​ก็​เป็น​คน​ที่​พูด​ล้อเล่น​เป็น​ด้วย​หรือ​?

……

ทาง​ทิศเหนือ​สุด​ของ​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ กลาง​ม่าน​ราตรี​ของ​คืนหนึ่ง​มีศิลา​แบ่ง​อาณาเขต​ถูก​ตั้งขึ้น​อย่าง​เงียบเชียบ​ ‘ภูเขา​ลั่วพั่ว​ห่าง​ไป​ทาง​ทิศเหนือ​สอง​แสน​ลี้​’

เรือ​ข้าม​ทวีป​ลำ​หนึ่ง​ที่​มีชื่อว่า​เฟิงยวน​เดินทาง​มาจาก​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​ กำลัง​ชะลอ​จอด​ลง​ที่​ท่าเรือ​ภูเขา​หนิ​วเจี่ยว​อย่าง​เชื่องช้า​

ส่วน​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ที่​ไม่มีการ​ห้าม​ออกจาก​เคหะ​สถาน​ยามค่ำคืน​ก็​มีแสงไฟส่องสว่าง​ราวกับ​เวลากลางวัน​ คน​สอง​คน​ไม่จำเป็นต้อง​ส่งมอบ​เอกสาร​ผ่าน​ด่าน​ก็​สามารถ​เข้ามา​ใน​เมือง​ได้​อย่าง​ราบรื่น​ไร้​อุปสรรค​ ตรงหน้า​ประตูเมือง​ถึงกับ​ไม่มีการ​สอบถาม​สัก​คำ​ เพราะ​ชายหนุ่ม​หญิงสาว​ที่​ดูเหมือน​จะเป็น​คู่​บำเพ็ญ​เพียร​บน​ภูเขา​คู่​นี้​ต่าง​ก็​แขวน​ป้าย​ผู้​ถวายงาน​ไท่​ผิง​ที่​กรม​อาญา​แจกจ่าย​ให้​

เมืองหลวง​ต้า​หลี​ที่​พลัง​อำนาจ​ยิ่งใหญ่​น่า​ครั่นคร้าม​ มีทั้ง​คนดี​และ​คนเลว​ปะปนกัน​ คืนนี้​แค่​มีป้าย​สงบสุข​ปลอดภัย​เพิ่ม​มาสอง​แผ่น​ อันที่จริง​ไม่ใช่เรื่อง​ที่​สะดุดตา​นัก​

หนิง​เหยา​มอง​ไกลๆ​ ไป​ยัง​วังหลวง​ต้า​หลี​แห่ง​นั้น​ ตรา​ผนึก​ขุนเขา​สายน้ำ​แต่ละ​ชั้น​ล้วน​ไม่เลว​ นาง​ถามว่า​ “ต่อจากนี้​จะไป​ที่ไหน​? หาก​ป๋า​ยอ​วี้​จิงจำลอง​ออก​กระบี่​ ข้า​จะรับ​ไว้​เอง​ เจ้าแค่​ไป​อธิบาย​เหตุผล​กับ​คนใน​วังหลวง​ก็​พอ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ไม่รีบร้อน​ ไป​หาอาหาร​มื้อ​ดึก​กินกัน​ก่อน​ดี​ไหม​?”

หนิง​เหยา​พยักหน้า​ “ตามใจ​เจ้า”

หา​ร้าน​ขาย​อาหาร​มื้อ​ดึก​ร้าน​หนึ่ง​ได้​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​นั่งลง​ สั่งเกี๊ยว​น้ำ​มาสอง​ชาม หยิบ​ตะเกียบ​ไม้ไผ่​สอง​คู่​ออก​มาจาก​กระบอกไม้ไผ่​ ยื่น​ส่งให้​หนิง​เหยา​คู่​หนึ่ง​ เฉิน​ผิง​อัน​ถือ​ตะเกียบ​ใน​มือ​ เป่า​ลม​เบา​ๆ ใส่เกี๊ยว​น้ำ​ที่​ควัน​ร้อน​ลอย​กรุ่น​ถ้วย​นั้น​ ยิ้ม​เอ่ย​เตือน​นาง​ตาม​จิตใต้สำนึก​ว่า​ระวัง​ร้อน​ เพียงแต่​เพิ่งจะ​พูด​ออก​ไป​ก็​หลุด​ขำ​ตัวเอง​ หันไป​ทำ​หน้าทะเล้น​ใส่นาง​แทน​ ก่อน​จะก้มหน้า​คีบ​อาหาร​เข้า​ปาก​หนึ่ง​คำ​แล้ว​เริ่ม​เคี้ยว​ช้าๆ หนิง​เหยา​หันหน้า​มามอง​ เนิ่นนาน​ก็​ยัง​ไม่ถอน​สาย​ตากลับ​ รอ​กระทั่ง​เฉิน​ผิง​อัน​เงยหน้า​มอง​มากลับ​มองเห็น​เพียง​ขน​ตา​ของ​นาง​เท่านั้น​

รอ​จน​หนิง​เห​ยากิน​เสร็จ​ถึงสังเกตเห็น​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​เอา​สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ยิ้ม​ตาหยี​มอง​มาที่​ตน​

หนิง​เหยา​คิด​แล้วก็​เอ่ย​ว่า​ “ไม่ค่อย​อิ่ม​เท่าไร​ สั่งอีก​ถ้วย​ดี​ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​โบกมือ​เป็น​วงกว้าง​ “ใน​กระเป๋า​มีเงิน​ กิน​เกี๊ยว​น้ำ​มาก​หน่อย​จะเป็นไรไป​”

ลูกค้า​โต๊ะ​ข้างๆ​ นินทา​ใน​ใจไม่หยุด​ ดู​เจ้าทำท่า​โอ้อวด​เข้า​สิ ต้อง​เป็น​คนใน​ยุทธ​ภพ​ที่​ตกอับ​เพียง​ไหน​ถึงพูดจา​ห้าว​เหิม​ได้​กะ​อี​แค่​กิน​เกี๊ยว​น้ำ​เพิ่ม​อีก​ชามหนึ่ง​?

พอ​หันไป​มอง​สตรี​ที่​ยิ้ม​ตาหยี​ก็​ให้​รู้สึก​เสียดาย​ที่​นาง​หน้าตา​งดงาม​ซะเปล่า​ ดัน​เป็น​สตรี​ที่​ตาไม่มีแวว​เสียได้​ ถึงได้มา​ใช้ชีวิต​ ท่อง​อยู่​ใน​ยุทธ​ภพ​กับ​บุรุษ​ยากจน​เช่นนี้​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด