กระบี่จงมา 838.3 อีกคนหนึ่ง

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 838.3 อีกคนหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉิน​ผิง​อัน​สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ ปี​นั้น​อยู่​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​อยู่​ว่าง​ไม่มีอะไร​ทำ​ ได้​หล่อหลอม​ตัวอักษร​ใน​บันทึก​ขุนเขา​สายน้ำ​เล่ม​นั้น​ไป​แล้ว​ ตัวอักษร​ที่​หลอม​ค่อนข้าง​เยอะ​ ชาย​แขน​เสื้อ​ชุด​เขียว​จึงมีตัวอักษร​พุ่ง​ออกมา​ยี่สิบ​สี่ตัว​ จากนั้น​ก็​ประกอบ​รวมกัน​เป็น​สิบเอ็ด​ชื่อ​ของ​ผู้ฝึก​ตน​แผนภูมิ​ดิน​กลุ่ม​นั้น​พอดี​

ซ่งซวี่​ หัน​โจ้วจิ่น​ เก๋​อห​ลิ่ง​ อวี๋อวี๋​ ลู่​ฮุย​ โฮ่ว​แจว๋​ หยวน​ฮว่า​จิ้ง สุย​หลิน​ ก่าย​เยี่ยน​ โก่​ว​ฉุน​ ขู่​โส่ว​

ผู้ฝึก​กระบี่​สอง​คน​ อาจารย์​ค่าย​กล​ ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ นักพรต​เต๋า​ ภิกษุ​ ผู้ฝึก​ตน​สำนัก​การทหาร​ ผู้ฝึก​ตน​สำนัก​หยิน​หยาง​ ผู้ฝึก​ตน​ผี​

ท่า​ไม้ตาย​ของ​เด็กหนุ่ม​โก่​ว​ฉุน​ผู้​นั้น​ ตอนนี้​ยัง​ไม่อาจ​รู้​ได้​

พล​ทหารม้า​หนุ่ม​มีชื่อว่า​ขู่​โส่ว​ นอกจาก​ระหว่าง​ที่​วิญญาณ​วีรบุรุษ​เดินทาง​ยามค่ำคืน​แล้ว​คน​ผู้​นี้​ลง​มือหนึ่ง​ครั้ง​ จากนั้น​การเข่นฆ่า​สอง​ครั้ง​ของ​เมืองหลวง​ เขา​ล้วน​ไม่ได้​ลงมือ​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​ตัวอักษร​เหล่านี้​พลาง​แบ่ง​สมาธิปล่อย​จิตวิญญาณ​จมจ่อม​อยู่​ใน​ฟ้าดิน​เล็ก​ ตรวจสอบ​วิญญาณ​และ​ช่อง​โพรง​ลมปราณ​ใหญ่​ทั้ง​หลายอย่าง​ละเอียด​ ไม่มีความผิดปกติ​ใดๆ​ ชุด​คลุม​อาคม​บน​ร่าง​ก็​ไม่มีร่องรอย​เล็ก​ละเอียด​ที่​ผ่าน​การ​เล่น​ตุกติก​มาก่อน​

ก่อนหน้านี้​เดิน​ทางผ่าน​อาราม​เต๋า​ขนาดเล็ก​ กลอน​คู่​ที่​แขวน​ไว้​บน​ที่ว่าการ​ของ​เต้า​ลู่​เมืองหลวง​คือ​ ‘ต้นสน​และ​ต้น​ป่าย​จวน​สีทอง​หล่อเลี้ยง​พื้นที่​มงคล​ คิดถึง​ห​ลิง​ซวี​สถานที่​ฝึก​ตน​บรรพกาล​’

ที่​ศาล​เทพ​อัคคี​แห่ง​นั้น​ เฟิงอี๋​ใช้เหล้า​ร้อย​บุปผา​มารับรอง​แขก​ เพราะ​เฉิน​ผิง​อัน​มอง​ความเป็นมา​ของ​ผนึก​ดิน​กระดาษ​แดง​ออก​ จึงสอบถาม​เรื่อง​ของ​การ​ส่งของ​บรรณาการ​ เฟิงอี๋​จึงถือโอกาส​พูดถึง​กองกำลัง​สอง​แห่ง​ จวน​ผี​นคร​เฟิงตู​ ภูเขา​ฟางจู้ ชิงจวิน​ ถ้ำสวรรค์​พื้นที่​มงคล​ใน​เขตการปกครอง​และ​ทะเบียน​ราษฎร์​ของ​เซียน​ดิน​ทั้งหมด​ การ​ยกเลิก​ใบ​มรณะ​ การ​ขึ้นทะเบียน​เกิด​

โดยเฉพาะ​อย่าง​หลัง​ที่​เนื่องจาก​เฉิน​ผิง​อัน​พูดถึง​ภูเขา​จิ่ว​ตู​ของ​ธวัล​ทวีป​ ฟังจาก​น้ำเสียง​ของ​เฟิงอี๋​แล้ว​ เกิน​ครึ่ง​ภูเขา​ฟางจู้น่าจะ​กลายเป็น​หมอ​กค​วันที่​ลอย​ผ่าน​ตา​ไป​แล้ว​ ไม่อย่างนั้น​บรรพ​จารย์​เปิด​ขุนเขา​ของ​ภูเขา​จิ่ว​ตู​ก็​ไม่มีทาง​ได้รับ​ภูเขา​ที่​ปริ​แตก​ส่วน​นั้น​แล้ว​ได้​สืบทอด​ท่วงทำนอง​แห่ง​เต๋า​และ​เส้นสาย​แห่ง​เซียน​ส่วน​นั้น​ไป​

ซาก​ปรัก​จวน​เซียน​ที่​ถูก​อาจารย์​ค่าย​กล​หัน​โจ้วจิ่น​หล่อหลอม​ รวมไปถึง​ข้า​รับใช้​เซียน​กระบี่​ของ​อวี๋อวี๋​ เห็นได้ชัด​ว่า​ล้วน​มีประวัติศาสตร์​ยาว​ไกล​ มีกลิ่นอาย​ของ​ความ​โบราณ​ หรือว่า​จะเป็นการ​บอก​อย่าง​เป็นนัย​อีก​อย่างหนึ่ง​ของ​เฟิงอี๋​? บางที​เหล้า​หมัก​ร้อย​บุปผา​หลาย​กา​นั้น​ แท้จริง​แล้ว​กลับเป็น​แค่​ตัว​ล่อ​ใน​การ​เปิด​เผยความลับ​สวรรค์​อย่างหนึ่ง​เท่านั้น​?

วิชา​อภินิหาร​บน​ภูเขา​มีมากมาย​ให้​ใช้ไม่หมดสิ้น​ พูดถึง​แค่​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​ทั้งหลาย​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ใน​ใต้​หล้า​ก็​มีวิชา​อภินิหาร​ที่​น่า​เหลือเชื่อ​กี่มากน้อย​แล้ว​? มีมาก​จน​นับ​ไม่ไหว​

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “ก่อนหน้านี้​สารถี​เฒ่าผู้​นั้น​เจ้าอารมณ์​มาก​เลย​ กำเริบ​โอหัง​มาก​ ประโยค​แรก​ที่​พบ​หน้า​กัน​ก็​บอก​ข้า​ว่า​มีลม​ให้​รีบ​ผาย​”

อันที่จริง​เฉิน​ผิง​อัน​อยาก​จะฝึกปรือ​ฝีมือ​กับ​เขา​อย่าง​มาก​

หนิง​เหยา​พยักหน้า​ จากนั้น​ก็​อ่านหนังสือ​ต่อ​ เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ตอบ​มาง่ายๆ​ ว่า​ “นิสัย​แย่​ๆ ไม่ควร​ปล่อย​ไว้​ ทำไม​เจ้าไม่ฟัน​เขา​ให้​ตาย​ไป​เลย​เล่า​?”

เฉิน​ผิง​อัน​อึ้ง​ค้าง​พูดไม่ออก​ ได้​แต่​ถอนหายใจ​แล้ว​กล่าวว่า​ “หาก​ต้อง​ตี​กัน​ขึ้น​มาจริงๆ​ ข้า​อาศัย​เย่​โหย​ว​แค่​เล่ม​เดียว​คง​ยัง​ฟัน​เขา​ไม่ตาย​กระมัง​?”

หนิง​เหยา​เอ่ย​ประโยค​ที่​ไม่มีต้นสายปลายเหตุ​ว่า​ “กวน​อี้​หรา​น​เข้าใจ​เจ้าเป็น​อย่าง​ดี​ มิน่าเล่า​ถึงเป็นเพื่อน​กัน​ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “ตอน​ที่อยู่​ทะเลสาบ​ซูเจี่ยน​ กวน​อี้​หรา​น​ช่วย​ข้า​ไว้​มาก​ ไม่มีมาด​ของ​ลูกหลาน​ชนชั้นสูง​เลย​แม้แต่น้อย​”

สิ่งที่​คิดในใจ​กลับ​กลายเป็น​ว่า​ แต่​ข้า​ผู้อาวุโส​กลับ​มอบให้​ทั้ง​จาน​ฝน​หมึก​ทั้ง​สุรา​ เจ้ากวน​อี้​หรา​นกลับ​ตอบแทน​สหาย​เช่นนี้​ เป็นการ​ก่อกรรม​ทำชั่ว​หรือไม่​? งานเลี้ยง​สุรา​ที่​ลำคลอง​ชางผู​หลังจากนั้น​คง​ต้อง​รอ​ไป​ก่อน​แล้ว​

อันที่จริง​หนิง​เหยา​ไม่ค่อย​ชอบ​พูดถึง​ทะเลสาบ​ซูเจี่ยน​เท่าไร​ เพราะ​นั่น​คือ​ด่าน​ใน​ใจที่​เฉิน​ผิง​อัน​ข้าม​ผ่าน​ไป​ได้​ยาก​ที่สุด​

นาง​ตัดใจ​พูด​อะไร​มากมาย​ไม่ได้​ ต่อให้​เป็น​ฝ่าย​พูดถึง​ก่อน​ก็​แค่​พูดถึง​สตรี​อย่าง​หม่า​ตู่​อี๋​เท่านั้น​ อันที่จริง​เรื่อง​ใน​อดีต​บางอย่าง​ไม่ได้​ผ่าน​ไป​แล้ว​อย่าง​แท้จริง​ เรื่อง​ที่​ผ่าน​ไป​แล้ว​อย่าง​แท้จริง​มีสอง​ประเภท​ หนึ่ง​คือ​จดจำ​ไม่ได้​แล้ว​ นอกจากนี้​ก็​คือ​เรื่อง​ใน​อดีต​ที่​สามารถ​พูดถึง​อย่าง​ผ่อนคลาย​ได้​

สอง​มือ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​วาง​พาด​อยู่​บน​โต๊ะ​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “เจ้าก็​รู้​ว่า​ข้า​เติบ​โตมา​ด้วย​ข้าวของ​พวก​เพื่อนบ้าน​ นอกจาก​รู้สึก​ซาบซึ้ง​ใน​บุญคุณ​ เห็น​ใน​ความดี​ของ​พวกเขา​แล้ว​ ตัวเอง​ยัง​ต้อง​คอย​ไป​สังเกต​สีหน้า​และ​คำพูด​ของ​คนอื่น​ ไม่อย่างนั้น​ก็​ง่าย​ที่จะ​ทำให้​พวก​คน​ที่​หวังดี​ถูก​ญาติ​ทำให้​ลำบากใจ​ยาม​ที่​ต้อง​ใช้ชีวิต​ของ​พวกเขา​เอง​”

หนิง​เหยา​วาง​หนังสือ​ลง​ ถามเสียง​อ่อนโยน​ “ยกตัวอย่างเช่น​?”

เฉิน​ผิง​อัน​คิด​แล้วก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ยกตัวอย่างเช่น​ที่​ตรอก​หม่า​เหว่​ย​มีหญิง​ชรา​อยู่​คน​หนึ่ง​ที่​มักจะ​ชอบ​มอบ​ของ​ให้​ข้า​ แล้ว​ยัง​ต้อง​แอบ​มอบให้​ลับหลัง​คน​ที่​บ้าน​ มีอยู่​ครั้งหนึ่ง​ที่​เดิน​ผ่านหน้า​ประตู​บ้าน​ของ​นาง​ นาง​ก็​เรียกตัว​ข้า​ไว้​คุย​กัน​ ลูกสะใภ้​ของ​หญิง​ชรา​มาเจอ​พอดี​ก็​เริ่ม​พูดจา​ไม่น่าฟัง​บางอย่าง​ ทั้ง​พูด​ให้​หญิง​ชรา​ฟัง แล้วก็​พูด​ให้​ข้า​ฟังด้วย​ บอ​กว่า​เหตุใด​ถึงได้​มีเรื่อง​ประหลาด​เช่นนี้​ ของ​ใน​บ้าน​ก็​ไม่ได้​ถูก​คน​ขโมย​ไป​เสียหน่อย​ หรือว่า​มัน​กลายเป็น​ภูติ​ มีเท้า​งอก​ออกมา​จึงวิ่ง​ไป​ที่​บ้าน​ของ​คนอื่น​แล้ว​”

หนิง​เหยา​ถาม “ถ้าอย่างนั้น​เจ้าทำ​อย่างไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​คิด​แล้วก็​ส่ายหน้า​ “ไม่อาจ​ทำ​อะไร​ได้​”

เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​หยิบ​ถ้วย​น้ำขึ้น​มา “ก็​แค่​พอ​คิด​ถึงว่า​ตอนนั้น​ท่าน​ยาย​คน​นั้น​ใช้มือซ้าย​กำ​ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​มือขวา​เอาไว้​แน่น​ ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ หันหลัง​ให้​คนใน​บ้าน​นาง​แล้ว​ยัง​เป็น​เด็ก​รุ่นหลัง​ของ​นาง​ด้วย​ ทว่า​กลับ​ต้อง​เค้น​รอยยิ้ม​ให้​กับ​คนนอก​อย่าง​ข้า​ ราวกับ​กลัว​ว่า​ข้า​จะรู้สึก​ไม่ดี​ อันที่จริง​หลังจาก​แยก​กับ​ท่าน​ยาย​แล้ว​ ระหว่าง​ที่​เดิน​ไป​บน​ถนน​ ใน​ใจข้า​รู้สึก​แย่​อย่าง​มาก​ ที่​แย่​ยิ่งกว่า​คือ​ข้า​ไม่รู้​ว่า​วันนั้น​ท่าน​ยาย​จะอยู่​ร่วมกับ​คนใน​ครอบครัว​เช่นไร​”

ดังนั้น​ภายหลัง​ตอน​ที่อยู่​บน​เกาะ​ชิงเสีย​ของ​ทะเลสาบ​ซูเจี่ยน​ ต้อง​ดื่มเหล้า​ร่วมโต๊ะ​กลับ​หลิว​จื้อ​เม่าที่​เดิมที​ควร​ฆ่ากันและกัน​ จะนับ​เป็นเรื่อง​อะไร​ได้​หรือ​? ไม่นับ​เป็น​อะไร​ได้​เลย​

หนิง​เหยา​ฟุบ​ตัว​อยู่​บน​โต๊ะ​ ถามว่า​ “ตอนที่​เจ้ายัง​เด็ก​ เวลา​ที่​บ้านใกล้เรือนเคียง​มีงาน​ทั้ง​งานมงคล​และ​อวมงคล​ก็​ล้วน​เป็น​ฝ่าย​ไป​ช่วยเหลือ​ใช่ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “จะเป็นไปได้​อย่างไร​ คำพูด​บางอย่าง​ไม่น่าฟัง​เลย​จริงๆ​ ข้า​ไม่อยาก​สนใจ​พวกเขา​หรอก​”

จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​หัวเราะ​ “แน่นอน​ว่า​ความสามารถ​ใน​การทะเลาะ​กับ​คนอื่น​ของ​ข้า​ในเวลานั้น​ยัง​ไม่ค่อย​ได้เรื่อง​เท่าไร​จริงๆ​ อยาก​เถียง​ก็​เถียง​สู้ไม่ได้​ แต่​ก็​มีวิธี​ทำให้​ตัวเอง​ไม่ต้อง​รู้สึก​อัดอั้น​ เวลา​ต้อง​ไป​แย่ง​น้ำ​กลางดึก​ต้อง​คุ้ย​เอา​คัน​กั้น​น้ำ​เล็ก​ๆ ที่​ขวาง​ไม่ให้น้ำ​ไหล​เข้าสู่​ที่นา​ออก​ รู้จัก​ใช่ไหม​?”

เห็น​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ทำไม้ทำมือ​ประกอบ​ หนิง​เหยา​ก็​ส่ายหน้า​ “ไม่เคย​เห็น​กับ​ตา​มาก่อน​ แต่​ก็​พอ​จะจินตนาการ​ได้​”

ดวงตา​เฉิน​ผิง​อัน​ฉาย​ประกาย​วิบวับ​ มีสีหน้า​ลำพองใจ​เหมือน​เด็ก​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ “ข้า​ในเวลานั้น​สามารถ​หา​ที่​หลบ​แถวๆ​ คันนา​ ไม่ไป​ไหน​ตลอด​ทั้งคืน​ ทว่า​คนอื่น​กลับ​ไม่มีความอดทน​เช่นนี้​ ดังนั้น​จึงไม่มีใคร​มาแย่ง​น้ำ​แข่ง​กับ​ข้า​ได้​”

ใน​ความทรงจำ​ของ​หนิง​เหยา​ เฉิน​ผิง​อัน​เคย​มีสีหน้า​ แววตา​ ท่าทาง​มาหลากหลาย​รูปแบบ​ มีเพียง​ความ​ลำพองใจ​ ความภาคภูมิใจ​ใน​ตัวเอง​ที่​เป็นอยู่​ตอนนี้​ที่​เห็น​ได้​น้อย​ครั้ง​นัก​

เด็กน้อย​คน​หนึ่ง​ที่​ตากแดด​ทั้งวัน​จน​กลายเป็น​ถ่าน​ดำ​น้อย​ ถึงอย่างไร​ก็​ไม่ต้อง​กลัว​ที่จะ​ต้อง​เดินทาง​ยามค่ำคืน​อยู่แล้ว​ ยิ่ง​ไม่กลัวผี​ไม่ผี​อะไร​ทั้งนั้น​ มักจะ​นอน​อยู่​บน​คันนา​เพียงลำพัง​ ยก​ขา​ไขว่ห้าง​ คาบ​ต้น​หญ้า​ บางครั้ง​ก็​โบกมือ​ไล่​ยุง​ มอง​แสงจันทร์​หรือไม่​ก็​แสงดาว​ที่​พร่างพราว​อย่าง​ถึงที่สุด​อยู่​อย่างนั้น​

เด็ก​ที่​โดดเดี่ยวเดียวดาย​คน​หนึ่ง​นอน​มอง​ฟ้าอยู่​บน​พื้น​

เวลานี้​เอา​คาง​วาง​ไว้​บน​แขน​ บุรุษ​ยิ้ม​ตาหยี​

หนิง​เหยา​หยิบ​หนังสือ​ขึ้น​มาใหม่​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ข้า​ก็​จะอ่านหนังสือ​เหมือนกัน​”

ดวงจิต​เมล็ด​งาลาดตระเวน​อยู่​ใน​ฟ้าดิน​เล็ก​เรือน​กาย​มนุษย์​ สุดท้าย​มาที่​ริม​ทะเลสาบ​ เฉิน​ผิง​อัน​พลิก​เปิด​อ่าน​เอกสารลับ​ของ​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​อย่าง​ว่องไว​ ไม่มีรายการ​ของ​ภูเขา​ฟางจู้ เฉิน​ผิง​อัน​ยังคง​ไม่ถอดใจ​ ปล่อย​ให้​ดวงจิต​ขยับ​เคลื่อน​ต่อไป​ บันทึก​ไม่ตาย​ บันทึก​ถือกำเนิด​…มีผล​เก็บเกี่ยว​เล็กๆ น้อยๆ​ บางอย่าง​ แต่​ก็​ยัง​ไม่อาจ​รวบรวม​เส้นสาย​ที่​สมเหตุสมผล​ขึ้น​มาได้​

เฉิน​ผิง​อัน​ที่อยู่​ริม​ทะเลสาบ​หัวใจ​สิ้นเปลือง​พลังจิต​และ​ปราณ​วิญญาณ​ไป​เป็น​จำนวนมาก​เพื่อ​สร้าง​หอ​หนังสือ​แห่ง​หนึ่ง​เอา​มาไว้​เก็บ​รวบรวม​ตำรา​ทั้งหมด​อย่าง​ยากลำบาก​ มีการ​แบ่ง​หมวดหมู่​ เพื่อให้​สะดวก​ใน​การ​เลือก​อ่าน​ เลือก​ตรวจสอบ​ความทรงจำ​ของ​บันทึก​ที่เก็บ​ซ่อน​ไว้​ ประหนึ่ง​การตกปลา​ครั้งหนึ่ง​ คันเบ็ด​คือ​หอ​หนังสือ​ที่ว่างเปล่า​ จิตใจ​คือ​เส้นเอ็น​ตกปลา​ เอา​อักษร​ ถ้อยคำ​ ประโยค​ที่​สำคัญ​บางอย่าง​มาเป็น​เหยื่อ​ล่อ​ โยน​คันเบ็ด​ไป​ที่​หอ​หนังสือ​ สิ่งที่​ตก​ขึ้น​มาได้​ก็​คือ​ ‘ปลา​ที่​ว่าย​อยู่​ใน​บ่อ​’ จาก​ตำรา​บาง​เล่ม​หรือ​ตำรา​หลาย​เล่ม​

ไม่มีใคร​ถ่ายทอดวิชา​นี้​ให้​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ เป็น​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​เรียนรู้​มาจาก​มหาสมุทร​ความรู้​โจว​มี่และ​ลูกศิษย์​อย่าง​เผย​เฉียน​ เอา​มาผสมผสาน​รวมกัน​ ถึงได้​มีวิชา​อภินิหาร​นี้​และ​ภาพ​เหตุการณ์​เช่นนี้​

หลังจากที่​ออก​มาจาก​เรือ​ราตรี​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยุ่ง​อยู่​กับ​การ​ทำ​เรื่อง​หนึ่ง​ เขา​ได้​รวบรวม​และ​หล่อหลอม​กระแสน้ำ​ไหล​แห่ง​กาลเวลา​หนึ่ง​หยด​ เมล็ด​พันธ์​วิถี​กระบี่​หนึ่ง​เมล็ด​ และ​ไม้บรรทัด​ไม้ไผ่​เล่ม​หนึ่ง​ขึ้น​มาบน​ทะเลสาบ​หัวใจ​อย่าง​ระมัดระวัง​ ของ​แต่ละ​ชิ้น​ลอย​อยู่​กลางอากาศ​ แบ่ง​ออก​เป็น​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​นำมาใช้​วัด​เวลา​ น้ำหนัก​และ​ความ​ยาว​ และ​นี่​ก็​เป็น​สิ่งที่​เฉิน​ผิง​อัน​เรียนรู้​มาจาก​หลี่​เซิ่ง เขา​สร้าง​ระบบ​การ​วัด​ขึ้น​มาใน​ฟ้าดิน​เล็ก​ร่างกาย​มนุษย์​ด้วยตัวเอง​ เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ต่อให้​ตกไป​อยู่​ใน​ฟ้าดิน​เล็ก​ของ​คนอื่น​ก็​ไม่ถึงขั้น​มึนงง​หา​ทิศทาง​ไม่ถูก​

น่าเสียดาย​ที่​การผสาน​มรรคา​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​อีก​ครึ่ง​แห่ง​ทำให้​เฉิน​ผิง​อัน​สูญเสีย​จิต​หยิน​และ​จิต​หยาง​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​ ไม่อย่างนั้น​เรื่อง​ของ​การ​ฝึก​ตน​นี้​ เฉิน​ผิง​อัน​มีแต่​จะทำได้​เร็ว​ยิ่งกว่า​เดิม​

เวลานี้​เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​ริมน้ำ​ เหนือศีรษะ​คือ​ภาพ​บรรยากาศ​ของ​จิต​ธรรม​ที่​ดวงตะวัน​จันทรา​ลอย​ขึ้น​ลง​ กระแส​ธาร​สีเงิน​ไหลริน​ คน​บน​ฝั่งก้มหน้า​ลง​มอง​คนใน​น้ำ​

เฉิน​ผิง​อัน​ดึง​สายตา​กลับมา​ เพิ่งจะ​หมุนตัว​ก็​ต้อง​หันหน้า​กลับ​ไป​มอง​เงาสะท้อน​กลับ​ของ​ตัวเอง​ใน​น้ำ​ของ​ทะเลสาบ​หัวใจ​ทันที​ เขา​ขมวดคิ้ว​ นึกถึง​ผู้ฝึก​ตน​หนุ่ม​ที่​คล้าย​จะไม่มอบ​ความรู้สึก​ถึงการดำรงอยู่​ใดๆ​ อย่าง​ขู่​โส่ว​ขึ้น​มา

ขู่​โส่ว?​ (จุดอ่อน​/ไม่ถนัด​/ไม่เก่ง​)

นี่​ก็​คือ​คำศัพท์​ทาง​หมากล้อม​อย่างหนึ่ง​

ยกตัวอย่างเช่น​เผย​เฉียน​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ขุนเขา​ของ​ตน​ก็​คือ​จุดอ่อน​ของ​ป๋า​ยโส่ว​แห่ง​สำนัก​กระบี่​ไท่ฮุย​ แน่นอน​ว่า​กวอ​จู๋จิ่ว​ก็​คล้าย​จะเป็น​จุดอ่อน​ของ​เผย​เฉียน​ เป็น​ดั่ง​คำกล่าว​ตามแบบฉบับ​ที่ว่า​ของ​สิ่งหนึ่ง​มักจะ​ข่ม​อีก​สิ่งหนึ่ง​ได้​เสมอ​

ถ้าอย่างนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​แห่ง​ตรอก​หนี​ผิง​ก็​คล้าย​จะเป็น​จุดอ่อน​ของ​หม่า​ขู่​เสวียน​แห่ง​ตรอก​ซิ่งฮวา​

ส่วน​เฉาสือ​ ไม่ต้องสงสัย​เลย​ว่า​คือ​จุดอ่อน​ที่​ใหญ่​ที่สุด​บน​เส้น​ทางการ​ฝึก​วร​ยุทธ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ ส่วน​ผู้ฝึก​กระบี่​หลิว​ไฉก็​คือ​บุคคล​ที่​เป็น​จุดอ่อน​บน​วิถี​แห่ง​กระบี่​

เฉิน​ผิง​อัน​ลังเล​อยู่​เล็กน้อย​ ก่อน​จะหัน​ตัว​เดิน​ไป​ยัง​ริมน้ำ​ นั่งขัดสมาธิ​ เริ่ม​หลับตา​บำรุง​จิต​ สอง​มือ​ทำ​มุทรา​ เพียงแต่ว่า​เขา​ต้อง​ลืมตา​ขึ้น​อย่าง​รวดเร็ว​

เจ้าโล้น​น้อย​ที่​ขี่​มังกร​เพลิง​ลาดตระเวน​มาถึงที่​แห่ง​นี้​ มัน​นั่ง​สูงอยู่​บน​หัว​มังกร​เพลิง​ เอ่ย​ว่า​ “ความทุกข์ทรมาน​ที่​ได้รับ​ใน​ชาติ​นี้​ ล้วน​เป็น​ผลกรรม​ที่​ทำ​มาแต่ปางก่อน​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​อ่อนใจ​ “เหตุผล​นั้น​ข้า​เข้าใจ​”

เจ้าโล้น​น้อย​ถามว่า​ “จำมหา​ปณิธาน​ที่สอง​ได้​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​ พระ​ไภษัชย​คุรุ​ (หรือ​ภาษาจีนกลาง​คือ​เหย้า​ซือฝอ​ พระพุทธเจ้า​ทาง​ด้าน​การแพทย์​ของ​นิกาย​มหายาน​) มีมหา​ปณิธาน​อัน​ยิ่งใหญ่​อยู่​สิบสอง​ข้อ​ มหา​ปณิธาน​ข้อ​ที่สอง​นั้น​ก็​คือ​หวัง​ให้​รัศมี​ธรรม​ส่อง​ทะลุ​ความ​มมืด​ ให้​ความกระจ่าง​แก่​ปรารถนา​ของ​เวไนย​สัตว์​

เมื่อ​กาล​ที่​เรา​มาอุบัติ​ยัง​โลก​และ​ได้​บรรลุ​พระ​โพธิญาณ​แล้ว​ กาย​จงประดุจ​รัตน​ไวฑูรย์​ วิมล​ใสตลอดทั้ง​ภายใน​และ​ภายนอก​ บริสุทธิ์​ปราศ​มลทิน​แปดเปื้อน​ มีประภาส​รัศมี​แผ่​ไพศาล​ กุศล​บารมี​ไพบูลย์​ยิ่งใหญ่​ มีกาย​เป็นสุข​ใน​เปลว​อัคคี​ที่​โชติช่วง​อลังการ​ รุ่งเรือง​ไป​กว่า​ดวง​สุริยัน​และ​จันทรา​ สรรพสัตว์​ใน​นิรย​ภูมิที่​ได้​สัมผัส​รัศมี​ทั้งสิ้น​จัก​ได้​ไป​อุบัติ​ยัง​สถานที่​ต่างๆ​ ตาม​ปรารถนา​ เพื่อ​กระทำ​กิจ​ทั้งปวง​

ห้องมืด​พันปี​ เพียง​ตะเกียง​หนึ่ง​ดวง​ก็​สว่างไสว​

เจ้าโล้น​น้อย​ยก​สอง​แขน​กอดอก​ เอ่ย​อย่าง​ขุ่นเคือง​ว่า​ “ ‘ขอ​พระโพธิสัตว์​แล้ว​ได้ผล​’ ประโยค​นี้​เป็น​เจ้าที่​พูด​เอง​กับ​ปาก​ตอน​เป็น​เด็ก​ แต่​พอ​เจ้าเติบใหญ่​ เจ้าคิด​อย่างไร​? มาย้อน​นึกดู​ ทุกครั้งที่​เจ้าเดิน​ขึ้น​เขา​ไป​เก็บ​สมุนไพร​ ลง​จาก​ภูเขา​มาต้ม​ยา​ตอน​เด็ก​ๆ ศักดิ์สิทธิ์​หรือไม่​เล่า​? แบบนี้​ถือว่า​เมื่อ​มีจิต​ศรัทธา​ความ​ศักดิ์สิทธิ์​ก็​บังเกิด​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​อืม​รับ​เบา​ๆ หนึ่ง​ที​

เจ้าโล้น​น้อย​ขี่​มังกร​เพลิง​จากไป​ ปาก​ก็​ก่น​ด่า​ไป​ด้วย​ตลอดทาง​ เฉิน​ผิง​อัน​ล้วน​รับ​ไว้​ทั้งหมด​ เงียบ​ไป​นาน​ ตอนที่​ลุกขึ้น​ยืน​ เขา​ที่​มอง​เงาตัวเอง​ใน​น้ำ​ก็​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ไป​ด้วยว่า​ “จุดอ่อน​ที่​ใหญ่​ที่สุด​อยู่​ที่​ตัวเอง​?”

จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​หน้าเขียว​คล้ำ​ก็​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าพวก​ตะพาบ​กลุ่ม​นี้​ไม่ต้องการ​ชีวิต​กัน​แล้ว​หรือ​ไร​?!”

ดวงจิต​เมล็ด​งาถอย​ออก​มาจาก​ฟ้าดิน​เล็ก​อย่าง​รวดเร็ว​ เฉิน​ผิง​อัน​ถึงขั้น​ไม่ทัน​ได้​เอ่ย​อะไร​กับ​หนิง​เหยา​ก็​ก้าว​หนึ่ง​ก้าว​หด​ย่อ​พื้นที่​ตรง​ดิ่งไป​ยัง​โรงเตี๊ยม​ตระกูล​เซียน​แห่ง​นั้น​ ปล่อย​หมัด​ต่อย​ตรา​ผนึก​ขุนเขา​สายน้ำ​ให้​แตก​ออก​

ทาง​ฝั่งของ​หอ​เห​ริ​นอวิ๋น​อี้​อวิ๋น​ กระบี่​ยาว​เย่​โหย​ว​แหวก​ผ่า​อากาศ​ลาก​เป็น​แสงกระบี่​ที่​เจิดจ้า​พร่างพราว​เส้น​หนึ่ง​อยู่​เหนือ​เมืองหลวง​ ก่อน​จะถูก​เฉิน​ผิง​อัน​กำ​ไว้​ใน​มือ​

เรือน​กาย​เฉิน​ผิง​อัน​พลิ้ว​ลง​บน​หลังคาเรือน​หลัง​หนึ่ง​ มือขวา​ถือ​กระบี่​ มือซ้าย​ห้า​อสนี​มารวมกลุ่ม​ ถึงขั้น​ที่​เรียก​นก​ใน​กรง​และ​จันทร์​ใน​บ่อ​ออกมา​ในเวลาเดียวกัน​

หาก​ไม่ทัน​ระวัง​ เจ้าคน​พวก​นี้​ก็​จะจับ​ผลัด​จับ​ผลู​หลง​เข้ามา​ทักทาย​ ‘เฉิน​ผิง​อัน​’ อีก​คน​หนึ่ง​

ผู้บริสุทธิ์​ดุจ​เทพ​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด