กระบี่จงมา 842.2 ผู้ฝึกกระบี่คนใหม่

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 842.2 ผู้ฝึกกระบี่คนใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่มีเสียง​ใน​ใจของ​หนิง​เหยา​ตอบ​กลับมา​

เฉิน​ผิง​อัน​จึงได้​แต่กลับ​ไป​ที่​โรงเตี๊ยม​อี​กรอบ​ เพียงแต่ว่า​เพิ่งจะ​เดิน​ไป​ถึงหน้า​ประตู​บ้าน​ก็​ได้ยิน​เสียง​ถามของ​หนิง​เหยา​ตอบ​กลับมา​แล้ว​ “มีอะไร​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “วันนี้​ข้า​จะอยู่​ที่นี่​ก่อน​นะ​ พรุ่งนี้​เช้าพวกเรา​ค่อย​ไปดู​การ​ประลอง​ขอ​งอ​วี๋หง​กับ​โจว​ไห่​จิ้งด้วยกัน​?”

หนิง​เหยา​บอ​กว่า​ไม่มีปัญหา​ เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​นึก​ขึ้น​ได้​ หาก​ตน​ไม่อยู่​ที่นี่​ กลับ​ไป​โรงเตี๊ยม​ก็​จะอยู่​ต่อ​ได้​แล้ว​หรือ​? เขา​รู้สึก​กลัดกลุ้ม​นิดๆ​ จึงเดิน​เข้าไป​ใน​ตรอก​ ไป​ที่​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​หยก​ขาว​เพื่อ​คุย​เล่น​กับ​อาจารย์​และ​ศิษย์​คู่​นั้น​สัก​สอง​สามประโยค​ เด็กหนุ่ม​จ้าวต​วน​หมิง​เพิ่งจะ​โคจร​ลมปราณ​แบบ​มหา​จักรวาล​เสร็จ​ไป​หนึ่ง​รอบ​ จึงกำลัง​ฝึก​วิชา​หมัด​เท้า​ที่​ทำให้​คน​มอง​รู้สึก​แสบตา​ ผู้ฝึก​ตน​เฒ่านั่ง​อยู่​บน​เบาะ​รอง​นั่ง​ เฉิน​ผิง​อัน​นั่ง​ยอง​อยู่​ด้าน​ข้าง​ ขอ​ถั่วลิสง​ห้า​รส​มาจาก​เด็กหนุ่ม​กำ​มือหนึ่ง​ หลิว​เจีย​ถามว่า​ “ไป​เกี่ยวข้อง​กับ​ศาล​หง​หลู​ได้​อย่างไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ตอบ​ “ข้า​มีลูกศิษย์​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เฉาฉิงหล่า​ง คงจะ​เคย​ได้ยิน​ชื่อ​กระมัง​?”

หลิว​เจีย​คิด​แล้วก็​ถามว่า​ “ปั้งเหยี่ยนคน​ใหม่​น่ะ​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ “เฉาฉิงหล่า​งกับ​สวิน​ซวี่​ปัน​ของ​ศาล​หง​หลู​เป็น​สหาย​สอบ​ร่วม​สนาม​กัน​ ได้​รู้จัก​กัน​ตอนที่​เข้า​เมืองหลวง​มาร่วม​การ​สอบ​ระดับ​มณฑล​ช่วง​ฤดูใบไม้ผลิ​ด้วยกัน​ มีความสัมพันธ์​ที่​ไม่เลว​”

หลิว​เจีย​ถามอย่าง​คลางแคลง​ “แล้ว​เหตุใด​ลูกศิษย์​ของ​เจ้าถึงเป็น​แค่​ปั้งเหยี่ยน​ ไม่ได้​เป็น​จ้วง​หยวน​หลา​งล่ะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​คร้าน​จะพูดจา​ไร้สาระ​ เพียงแค่​เหล่​ตา​มอง​ผู้ฝึก​ตน​เฒ่า โยน​เปลือก​ถั่ว​ทิ้ง​ไว้​บน​พื้น​

จ้าวต​วน​หมิง​ที่​ร้อง​ฮื่อ​ฮ่าพลาง​ปล่อย​หมัด​ไป​ด้วย​ตะโกน​ขึ้น​มา “อาจารย์​ ท่าน​ไม่รู้​อะไร​ ข้า​เคย​ได้ยิน​ท่าน​ปู่​เล่า​ว่า​ เค​อจวี่​รุ่น​ของ​เฉาปั้งเหยี่ยน​นั้น​มีแต่​คน​มาก​ความสามารถ​ โชคชะตา​บุ๋น​โชติช่วง​ อย่า​ว่าแต่​ปั้งเหยี่ยน​ ทั่น​ฮวา​สอง​คน​อย่าง​เฉาฉิงหล่า​งกับ​หยาง​ซ่วง​เลย​ ต่อให้​เป็น​เม่าหลิน​หลา​งอันดับ​แรก​ๆ ใน​กลุ่ม​ของ​จิ้น​ซื่อ​ระดับ​สอง​ หาก​เป็น​ใน​อดีต​ คิด​จะคว้า​ตำแหน่ง​จ้วง​หยวน​มาก​็ยัง​ไม่ยาก​”

หลิว​เจีย​พูด​ชวน​คุย​ “ทุกๆ​ สามปี​เมืองหลวง​จะมีการ​สอบ​ระดับ​มณฑล​หนึ่ง​ครั้ง​ แต่ละครั้ง​ก็​ยัง​เน้น​สามอันดับ​ของ​ขั้นแรก​เหมือนกัน​ไม่ใช่หรือ​ ไม่มีอะไร​น่าแปลกใจ​ หาก​ถามข้า​ ใน​เมื่อ​ไม่ได้​ตำแหน่ง​จ้วง​หยวน​มาก็​ไม่สู้สอบ​ได้​ตำแหน่ง​ทั่น​ฮวา​ ยัง​จะสามารถ​ขี่ม้า​ชมเมือง​ไป​พร้อมกับ​จิ้น​ซื่อ​ที่​อายุ​น้อยที่สุด​ได้​ด้วย​ มีหน้ามีตา​จะตาย​ไป​ หาก​ข้า​จำไม่ผิด​ล่ะ​ก็​ ปี​นั้น​หยาง​ซ่วง​อายุ​สิบ​แปด​ปี​ เจ้าหนู​อีก​คน​ตอนนั้น​ก็​เพิ่งจะ​อายุ​สิบห้า​ปี​? แล้ว​ตอนนั้น​เฉาฉิงหล่า​งลูกศิษย์​ของ​เจ้าอายุ​เท่าไร​ล่ะ​? ยี่สิบ​แล้ว​กระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​หัวเราะ​ร่า​ตอบ​ “ปี​นี้​เซียน​ซือ​ผู้เฒ่า​หลิว​อายุ​เท่าไร​หรือ​?”

หลิว​เจีย​ลูบ​หนวด​ยิ้ม​ “หาก​ตอน​เป็น​เด็กหนุ่ม​ข้า​เข้าร่วม​สอบ​เค​อจวี่​ ขี่ม้า​ชมบุปผา​ (ชมบุปผา​ภาษาจีน​คือ​ทั่น​ฮวา​ คำ​เดียว​กับ​ตำแหน่ง​ทั่น​ฮวา​ บัณฑิต​อันดับ​สามของ​การ​สอบ​) ต้อง​เป็น​ของ​ข้า​อย่าง​แน่นอน​”

พอ​เฉิน​ผิง​อัน​ออก​ไป​จาก​สถาน​ประกอบ​พิธีกรรม​หยก​ขาว​ เด็กหนุ่ม​ก็​เอ่ย​เสียง​เบา​ “อาจารย์​ เฉาฉิงหล่า​งผู้​นั้น​ร้ายกาจ​มาก​ ตอนที่​ท่าน​ปู่​ของ​ข้า​คุย​กับ​สหาย​เก่า​ในกรม​พิธีการ​เป็นการ​ส่วนตัว​ยัง​เคย​พูดถึง​เขา​เป็นพิเศษ​ บอ​กว่า​เรื่อง​ของ​เศรษฐกิจ​และ​การ​เตรียม​กำลัง​รบ​ เฉาฉิงหล่า​งได้รับ​การ​ยอมรับ​ว่า​คำตอบ​ใน​ข้อสอบ​ของ​เขา​คือ​อันดับ​หนึ่ง​ ขุนนาง​ผู้ตัดสิน​หลัก​ของ​เมืองหลวง​สำรอง​สอง​ท่าน​กับ​อาจารย์​ผู้คุม​สอบ​อีก​สิบ​กว่า​ท่าน​ยัง​ตั้ง​ใจมาอ่าน​กระดาษ​คำตอบ​ของ​เขา​โดยเฉพาะ​ด้วย​”

หลิว​เจีย​ยิ้ม​กล่าว​ “เหลวไหล​ ข้า​หรือ​จะไม่รู้​ว่า​เฉาฉิงหล่า​งผู้​นั้น​ไม่ธรรมดา​? อาจารย์​ก็​แค่​แกล้ง​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​โมโห​เล่น​เท่านั้น​ มีเผย​เฉียน​เป็น​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ขุนเขา​แล้ว​ยัง​ไม่รู้จัก​พอ​ ยัง​จะมีลูกศิษย์​ผู้​เป็นที่​ภาคภูมิใจ​ที่​สอบ​ติด​ปั้งเหยี่ยน​อีก​ มาทำตัว​หน้า​เหม็น​โอ้อวด​อะไร​กับ​ข้า​กัน​”

จ้าว​ตวน​หมิง​เอ่ย​อย่าง​ระมัดระวัง​ “อาจารย์​ วันหน้า​ตอนดึก​ๆ เวลา​ท่าน​เดิน​ตอนกลางคืน​ต้อง​ระวัง​ให้​มาก​นะ​ ข้า​เคย​ได้ยิน​พี่ใหญ่​เฉิน​บอ​กว่า​รอง​เจ้ากรม​จ้าว​ของ​กรม​อาญา​ถูก​เอา​ไป​แขวน​ไว้​บน​ต้นไม้​ด้วย​ล่ะ​”

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าได้ยิน​แล้ว​หนังตา​ก็​สั่น​ระริก​ จับ​รอง​เจ้ากรม​ของ​เมืองหลวง​คน​หนึ่ง​ไป​ห้อย​ไว้​บน​ต้นไม้​? หลิว​เจีย​เอ่ย​อย่าง​อัดอั้น​ “จ้าว​เหยา​แห่ง​กรม​อาญา​? เขา​เป็น​คน​บ้าน​เดียว​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ใช่หรือ​ แล้ว​ยัง​เป็น​บัณฑิต​สาย​บุ๋น​เดียวกัน​ด้วย​ พวกเขา​ไม่ถูกกัน​หรือ​? คง​ไม่ถึงขั้น​นั้น​กระมัง​ ก่อนหน้านี้​ไหน​เจ้าบอ​กว่า​จ้าว​เหยา​ยัง​เป็น​ฝ่าย​มาหา​เฉิน​ผิง​อัน​ที่นี่​ด้วยตัวเอง​ไงล่ะ​? นี่​เป็นเรื่อง​ที่​ละเมิด​กฎ​ของ​วงการ​ขุนนาง​อย่าง​มาก​เลย​นะ​”

จ้าวต​วน​หมิง​พยักหน้า​ “นั่นสิ​ มอง​ดูเหมือน​ความสัมพันธ์​ของ​พวกเขา​จะไม่แย่​นะ​ แล้ว​ยังมี​ความสัมพันธ์​ใน​ชั้น​อาจารย์​อา​กับ​ศิษย์​หลาน​อยู่​ด้วย​ สนิท​กับ​พี่ใหญ่​เฉิน​เหมือน​พวกเรา​สอง​คน​นี่แหละ​ เพราะฉะนั้น​อาจารย์​ท่าน​ถึงต้อง​ระวัง​อย่างไรเล่า​”

หลิว​เจีย​พูด​เสียง​ขุ่น​ “แล้ว​เจ้าไม่บอก​ตั้งแต่แรก​?”

เด็กหนุ่ม​เอ่ย​อย่าง​น้อยใจ​ “อาจารย์​เมื่อครู่นี้​ท่าน​พูดจา​น่าฟัง​ติดต่อกัน​ ใน​คำพูด​ซ่อน​คำพูด​ดุจ​สำลี​ซ่อน​เข็ม​ ข้า​ฟังแล้ว​เพลิดเพลิน​นัก​ ตัดใจ​ขัดจังหวะ​ท่าน​ไม่ลง​นี่​นา​”

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าเหลือบมอง​เปลือก​ถั่ว​บน​พื้น​ข้าง​เบาะ​รอง​นั่ง​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ตวน​หมิง​อ่า​ พรุ่งนี้​เจ้าต้อง​ไปดู​คน​ประลอง​กัน​กับ​ผี​ขี้เหล้า​เฉาไม่ใช่หรือ​ พา​พี่ใหญ่​เฉิน​เจ้าไป​ด้วยกัน​สิ ช่วย​หา​ที่นั่ง​ดี​ๆ ให้​เขา​หน่อย​”

จ้าวต​วน​หมิง​กลอกตา​มอง​บน​ “พี่ใหญ่​เฉิน​ต้องการ​ให้​ข้า​ช่วย​เสีย​ที่ไหน​ คน​เขา​มีป้าย​สงบสุข​ที่​กรม​อาญา​แจกจ่าย​ให้​อยู่​นะ​”

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าบ่น​อย่าง​ไม่พอใจ​ “จะดี​จะชั่ว​ก็​เป็น​น้ำใจ​ แค่นี้​ก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​หรือ​? เสียแรง​ที่​เจ้าเป็น​ลูกหลาน​ขุนนาง​ ถูก​ฟ้าผ่า​จน​โง่แล้ว​หรือ​ไร​?”

จ้าวต​วน​หมิง​ร้อง​อ้อ​หนึ่ง​ที​ แล้ว​ฝึก​กระบวนท่า​วร​ยุทธ​ที่​เรียนรู้​มาด้วยตัวเอง​ต่อไป​ ไม่รู้​ว่า​จะสามารถ​รับ​หมัด​ครึ่ง​หมัด​ของ​ปรมาจารย์​ใหญ่​ด้าน​การ​ฝึก​ยุทธ​อย่าง​พวก​อวี๋หง​ โจว​ไห่​จิ้งได้​หรือไม่​?

วัน​ต่อมา​ บริเวณ​ใกล้เคียง​กับ​ศาล​เทพ​อัคคี​ กำลังจะ​มีการ​ถามหมัด​บน​ยอดเขา​ที่​ชื่อเสียง​ขจร​ขจาย​ไกล​เกิดขึ้น​

เดิมที​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​ของ​โรงเตี๊ยม​อยาก​จะบอก​กับ​เฉิน​ผิง​อันว่า​ให้​พา​บุตรสาว​ของ​ตน​ไป​ด้วย​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​นาง​ถูก​พวก​โจร​น้อย​และ​พวก​อันธพาล​หน้า​หม้อ​คิด​ไม่ดี​ด้วย​ เพียงแต่​คาดไม่ถึง​ว่า​บุตรสาว​ของ​ตน​จะเผ่น​หาย​ไป​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ เกิน​ครึ่ง​คง​นัดหมาย​กับ​สหาย​ทั้งหลาย​เอาไว้​แล้ว​ว่า​จะไป​เดินเล่น​ที่​ตลาด​ก่อน​ จากนั้น​ไป​จับจอง​หา​ที่นั่ง​ไว้​แต่​เนิ่นๆ​ ผู้เฒ่า​จึงได้​แต่​ล้มเลิก​ความคิด​

ข่าว​การ​ถามหมัด​ครั้งนี้​ อันที่จริง​เมื่อ​หนึ่ง​เดือนก่อน​ก็ได้​แพร่​ไป​ทั่ว​ทุก​หัวถนน​ของ​เมืองหลวง​แล้ว​ ดังนั้น​รอ​กระทั่ง​เข้าไป​ใกล้​ศาล​เทพ​อัคคี​ ระยะทาง​ที่​เดิมที​ใช้เวลา​แค่​หนึ่ง​ก้านธูป​ เฉิน​ผิง​อัน​กับ​หนิง​เหยา​จึงต้อง​เดิน​นาน​เกือบ​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ตลอดทาง​มีผู้คน​เบียดเสียด​กัน​แออัด​ บวก​กับ​ที่สอง​ข้างทาง​ยังมี​พ่อค้า​หาบเร่​น้อย​ใหญ่​ที่​เจอ​ช่องว่าง​ก็​ลอด​ตัว​ขายของ​ไป​ตลอดทาง​ เป็นเหตุให้​เส้นทาง​ไป​ยัง​ลาน​ประลอง​ยุทธ​ที่อยู่​ด้านหลัง​ศาล​เทพ​อัคคี​ทั้งหลาย​ยิ่ง​อัด​แน่น​ไป​ด้วย​ผู้คน​ บางครั้ง​ก็​จะมีเสียง​สตรี​กรีดร้อง​ หรือไม่​ก็​โยน​ข้าวของ​ขว้างปา​อย่าง​ตระหนก​ลน​ มีเด็กหนุ่ม​หรือไม่​ก็​ชายฉกรรจ์​ฝีเท้า​ว่องไว​ประดุจ​ปลา​ที่​แหวกว่าย​ผ่าน​กระแส​ผู้คน​ ไม่ว่า​จะเป็น​ทรัพย์สิน​ของ​ชาวบ้าน​หรือ​เอา​มือ​ไม้ลูบไล้​แตะ​อั๋ง​เรือน​กาย​ของ​ดรุณี​น้อย​ หาก​ทำสำเร็จ​ก็​มักจะ​หายตัว​ไป​ไม่เห็น​เงาใน​เสี้ยว​วินาที​

หนิง​เหยา​เริ่ม​เสียใจ​ภายหลัง​แล้ว​ที่​ตาม​เฉิน​ผิง​อัน​มาชมความ​ครึกครื้น​ที่นี่​ ช่างอึกทึก​จอแจ​เสีย​จริง​ เพียง​ระยะทาง​สั้น​ๆ นี้​ ลำพัง​แค่​พวก​อันธพาล​ที่​พยายาม​จะเบียด​เข้ามา​ใกล้​ก็​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​จัดการ​ไป​ห้า​หก​กลุ่ม​แล้ว​ คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ยิ้ม​ตาหยี​กระชาก​ข้อมือ​เอาไว้​ แล้ว​ดึง​ขึ้น​จน​เท้า​ลอย​พ้น​พื้น​ เขา​เจ็บปวด​จน​หน้าซีด​ขาว​ทันควัน​ เฉิน​ผิง​อัน​ปล่อยมือ​ ตบ​หัว​ของ​อีก​ฝ่าย​ ฝ่าย​หลัง​หัว​หมุนติ้ว​ รีบ​พา​คน​ไสหัว​ห่าง​ไป​ไกล​อย่าง​รู้​กาลเทศะ​ทันที​ หลายครั้ง​เข้า​ก็​ไม่มีใคร​กล้า​มาเอาเปรียบ​ตรงนี้​อีก​ มารดา​มัน​เถอะ​ ชายหนุ่ม​หญิงสาว​คู่​นี้​คือ​คน​มีวร​ยุทธ​!

บน​ถนน​มีหัวขโมย​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​ถูก​ทางการ​หมายหัว​ไว้​อย่าง​ลับ​ๆ พอ​เจอ​ตัว​ก็​เอา​ฝัก​ดาบ​ทุบ​หัว​อย่าง​แรง​ ตี​จน​อีก​ฝ่าย​ล้ม​ไป​กอง​อยู่​กับ​พื้น​ หน้าผาก​มีเลือด​สด​ไหลริน​ แต่ละคน​กุม​หัว​นั่ง​ยอง​ สุดท้าย​จึงต้อง​มอบ​ถุงเงิน​ใบ​ใหญ่​และ​ยังมี​ถุงหอม​ที่​ฉวย​มาจาก​บน​ร่าง​ของ​สตรี​จำนวน​ไม่น้อย​ออก​ไป​ให้​แต่​โดยดี​ ใน​บรรดา​คน​ของ​ฝั่งทางการ​ก็​มีนักการ​อายุ​มาก​คน​หนึ่ง​ของ​ที่ว่าการ​ที่​คล้าย​รู้จัก​กับ​เด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​โจร​ จึงลากตัว​อีก​ฝ่าย​ไป​ด้าน​ข้าง​ ถลึงตา​ใส่ ตวาด​สั่งสอน​สอง​สามประโยค​ บอก​ให้​เด็กหนุ่ม​รีบ​จากไป​เดี๋ยวนี้​ ส่วน​คนอื่นๆ​ ที่​เหลือ​ล้วน​ถูก​ลูกน้อง​คน​หนึ่ง​ของ​เขา​พา​ตัว​ไป​ที่ว่าการอำเภอ​

อวี๋หง​มีเส้น​ผม​ขาวโพลน​ เรือน​กาย​แข็งแกร่ง​กำยำ​ ผู้ฝึก​ยุทธ​ของ​ราชวงศ์​จูอิ๋ง​เก่า​ผู้​นี้​ ว่า​กัน​ว่า​อายุ​มาก​ถึงหนึ่ง​ร้อยห้าสิบ​ปี​แล้ว​ แม้จะแก่​ชรา​แต่​ยัง​เปี่ยม​กำลังวังชา​ ถึงกับ​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​เลื่อน​สู่ยอดเขา​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​

ปรมาจารย์​เฒ่าดีด​ร่าง​ขึ้น​มาจาก​พื้นดิน​ทางทิศใต้​ของ​เมืองหลวง​ ทะยาน​ลม​พลิ้ว​กาย​ลงมา​ตาม​เส้นทาง​ที่​กรม​อาญา​กำหนด​ไว้​ให้​ก่อนหน้านี้​ เพียง​ชั่วพริบตา​ก็​มาปรากฏตัว​อยู่​บน​ลาน​กว้าง​ด้านหลัง​ศาล​เทพ​อัคคี​ ชักนำ​ให้​เกิด​เสียง​ไชโย​โห่ร้อง​ก้อง​ฟ้าดัง​มาเป็น​ระลอก​

ส่วน​โจว​ไห่​จิ้งปรมาจารย์​ใหญ่​หญิง​ที่​มีชาติกำเนิด​มาจาก​แคว้น​เล็ก​ใต้​อาณัติ​เลียบ​มหาสมุทร​ตะวันตกเฉียงใต้​ผู้​นั้น​ ตอนนี้​ยัง​ไม่ปรากฏตัว​

ก่อน​จะเลื่อน​สู่ขอบเขต​ยอดเขา​ โจว​ไห่​จิ้งไร้​ชื่อเสียง​ มีชาติกำเนิด​จาก​ชาวประมง​ริมทะเล​ ดูเหมือนว่า​จะเป็น​บุตรสาว​ของ​เถ้าแก่​ตลาด​ปลา​คน​หนึ่ง​ ปี​นี้​อายุ​ห้าสิบ​เจ็ด​ปี​ แต่กลับ​มีใบหน้า​อ่อนเยาว์​เหมือน​คน​อายุ​ยี่สิบ​ต้น​ๆ เรือน​กาย​สูงเพรียว​ เล่าลือ​กัน​ว่า​รูปโฉม​งดงาม​นัก​ วันนี้​พวก​ลูกหลาน​ขุนนาง​ผู้​มีคุณูปการ​ทั้งหลาย​ของ​เมืองหลวง​ต่าง​ก็​มาชมการ​ประลอง​เพราะ​นาง​ ส่วน​อวี๋หงคน​นั้น​จะมีอะไร​ให้​น่ามอง​กัน​ จะให้​มอง​กล้ามเนื้อ​เป็น​มัด​ๆ บน​ร่าง​ของ​ตา​เฒ่าคน​หนึ่ง​อย่างนั้น​หรือ​?

สถานที่​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ห่าง​จาก​ลาน​ประลอง​ยุทธ​มาไม่ไกล​ มีรถม้า​สอง​คัน​จอด​อยู่​หน้า​ตรอก​ ใน​ห้อง​โดยสาร​รถม้า​มีหญิงสาว​คน​หนึ่ง​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​ ลมหายใจ​ของ​นาง​ทอด​ยาว​ บุคลิก​สุขุม​มั่นคง​

ใน​มือ​ของ​นาง​ถือ​ขนม​เปี๊ยะ​ไว้​ชิ้น​หนึ่ง​ มีชื่อว่า​ฝูโส่วเซียง​ เป็น​ของ​ที่​คน​ต้องการ​มาก​แต่กลับ​มีน้อย​ใน​เมืองหลวง​ แค่​เอา​มือ​ลูบไล้​ผ่าน​ก็​จะมีกลิ่นหอม​ติดมือ​ทั้งวัน​ (ตรง​ตาม​ชื่อ​ฝูโส่วเซียง)​

ข้าวของ​จาก​ร้อย​แคว้น​ใน​หนึ่ง​ทวีป​ล้วน​มารวมกัน​อยู่​ใน​เมือง​หนึ่ง​ของ​ต้า​หลี​

สารถี​ที่​ขับรถ​ให้​นาง​คือ​บุรุษ​ที่​มีลักษณะ​สุภาพอ่อนโยน​แต่​หล่อเหลา​อย่าง​ถึงที่สุด​ เขา​สวม​ชุด​ตัว​ยา​วสี​ขาว​หิมะ​ ตรง​เอว​ห้อย​ไผ่​เขียว​หนึ่ง​ท่อน​ สะพาย​กระบี่​ยาว​ที่​ชื่อว่า​ ‘ลวี่​จู’ (ไข่มุก​มรกต​)

สตรี​เปลี่ยนมือ​ที่​ถือ​ขนม​เปี๊ยะ​ชิ้น​นั้น​ มีม่าน​ชั้นหนึ่ง​กั้น​ขวาง​ นาง​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เบา​ๆ คุย​กับ​สารถี​ที่อยู่​ข้างนอก​ “ลำบาก​ให้​อาจารย์​ซูต้อง​มาเป็น​สารถี​ให้​แล้ว​”

คนขับรถ​ที่​ถูก​โจว​ไห่​จิ้งเรียก​อย่าง​ให้​ความเคารพ​ว่า​อาจารย์​ซูก็​คือ​ซูหลา​ง เซียน​กระบี่​ไผ่​เขียว​จาก​แคว้น​ซงซีแคว้น​ใต้​อาณัติ​ใน​ภาค​กลาง​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​

ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​ซูหลา​งเพิ่งจะ​ปิด​ด่าน​เสร็จสิ้น​ เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​เดินทางไกล​ได้​สำเร็จ​ ทุกวันนี้​เป็น​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​รอง​ของ​กรม​อาญา​ต้า​หลี​อย่าง​ลับ​ๆ อีก​ทั้ง​เขา​กับ​โจว​ไห่​จิ้งยัง​รู้จัก​กัน​ใน​ยุทธ​ภพ​เมื่อ​นาน​มาก​แล้ว​ สำหรับ​ปรมาจารย์​หญิง​ที่​มีศาสตร์​คง​ความ​อ่อนเยาว์​ผู้​นี้​ แน่นอน​ว่า​ซูหลา​งต้อง​มีความคิด​บางอย่าง​ น่าเสียดาย​ที่​คน​หนึ่ง​มีเจตนา​ อีก​คน​ไร้​ใจ ครั้งนี้​โจว​ไห่​จิ้งมาถามหมัด​กับ​อวี๋หง​ที่​เมืองหลวง​ ไม่ว่า​จะด้วย​เหตุผล​ส่วนตัว​หรือ​ส่วนรวม​ ซูหลา​งก็​ต้อง​พยายาม​ที่จะ​แสดง​มิตรภาพ​ของ​เจ้าบ้าน​ครึ่งตัว​ให้จงได้​

โจว​ไห่​จิ้งวาง​ขนม​เปี๊ยะ​ใน​มือ​ลง​ จากนั้น​หยิบ​คันฉ่อง​ประทิน​โฉมบาน​หนึ่ง​ขึ้น​มา มอง​ซ้าย​มอง​ขวา​อย่าง​ละเอียดลออ​ ไม่ว่า​จะมอง​อย่างไร​ก็​เป็น​สตรี​งดงาม​ที่​ชวน​ให้​คนรัก​ถนอม​ เป็น​โฉมสะคราญ​แห่ง​ยุคสมัย​คน​หนึ่ง​

แต่​นาง​กลับ​เผย​สีหน้า​คับแค้นใจ​ใน​ตัวเอง​ออกมา​เสี้ยว​หนึ่ง​ อายุ​ของ​ตน​ไม่น้อย​แล้ว​จริงๆ​ แต่กลับ​ยัง​ไม่มีบุรุษ​ที่​ถูกใจ​ น่าเสียดาย​ที่​สาวงาม​อุตส่าห์​ประทิน​โฉมงามงด​ แต่กลับ​ไม่มีบุรุษ​ให้​ถามว่า​งามหรือไม่​

ซูหลา​งก​ล่า​ว​ “ไม่รู้​ว่า​เผย​เฉียน​จะมาชมศึก​ด้วย​หรือไม่​?”

สี่ปรมาจารย์​ใหญ่​ด้าน​วร​ยุทธ​ที่​ได้รับ​การประเมิน​จาก​หนึ่ง​แคว้น​ เผย​เฉียน​อยู่​ใน​อันดับ​ที่สอง​ อายุ​น้อยที่สุด​ ชื่อ​เสียงดี​ที่สุด​

โจว​ไห่​จิ้งที่​สวม​ชุด​กระโปรง​สีเหลือง​ไข่​ห่าน​ส่ายหน้า​ แปะ​รูป​ดอกไม้​ลง​บน​หน้าผาก​เบา​ๆ พลาง​พูด​ไป​ด้วย​ “เกิน​ครึ่ง​คง​ไม่มากระมัง​ แต่​ก็​มีความเป็นไป​ได้ที่​นาง​จะอำพราง​กาย​มาชมศึก​ มองออก​ว่า​เผย​เฉียน​ไม่ใช่คน​ที่​ชอบ​ชื่อเสียง​จอมปลอม​มาก​นัก​”

โจว​ไห่​จิ้งเหลือบมอง​ตลับ​เครื่อง​ประทิน​โฉมที่อยู่​ข้าง​เท้า​แล้ว​ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ หาเงิน​มาสะสมเป็น​สินเดิม​ช่างไม่ง่าย​เลย​จริงๆ​ แล้ว​ยังมี​เครื่องประดับ​มวยผม​ประเภท​ต่างๆ​ ที่​ต้อง​เอา​มาเติม​บน​ศีรษะ​อีก​ ช่วยไม่ได้​ โอกาส​หา​ได้​ยาก​ ผ่าน​หมู่บ้าน​นี้​ไป​ก็​ไม่มีร้าน​นี้​แล้ว​ ก่อนหน้านี้​ได้​ตกลง​ราคา​กับ​ร้านค้า​มากมาย​หลาย​สิบ​ร้าน​ใน​เมืองหลวง​ซึ่งรวมไปถึง​ร้าน​ผ้าแพร​ต่วน​ ร้าน​เครื่อง​ประทิน​โฉม ร้าน​เครื่องประดับ​ศีรษะ​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​เอาไว้​แล้ว​ หาก​ผิดสัญญา​ ขาด​ของ​สิ่งใด​ไป​สัก​ชิ้น​ หลัง​จบเรื่อง​ต้อง​ชดใช้​ด้วย​เงินก้อน​ใหญ่​

ซูหลา​งเอ่ย​เตือน​ “อวี๋หง​มาถึงแล้ว​”

โจว​ไห่​จิ้งรีบร้อน​จัดการ​ตัวเอง​ให้​เหมาะสม​แล้ว​ลุกขึ้น​ยืน​ ค้อมตัว​แหวก​ผ้าม่าน​ออก​ กระโดด​ลง​จาก​รถม้า​ ทั่ว​ร่าง​เรืองรอง​ไป​ด้วย​แสงไข่มุก​อัญมณี​ ไม่เหมือน​ผู้ฝึก​ยุทธ​ที่​กำลังจะ​ประลอง​ฝีมือ​กับ​คนอื่น​ กลับ​เหมือน​สตรี​มีเงิน​ที่​ผ่าน​ชีวิต​ยากลำบาก​มาจน​เคยชิน​แล้ว​จู่ๆ ก็​กลายเป็น​เศรษฐี​เสีย​มากกว่า​ ดังนั้น​ไม่ว่า​จะเป็น​ของมีค่า​ชิ้น​ใด​ที่​สามารถ​โอ้อวด​ความ​มีเงินได้​ นาง​ก็​ล้วน​ประโคม​ลง​ไป​บน​ร่าง​ บน​ศีรษะ​และ​บน​ข้อมือ​

ซูหลา​งก​ลั้น​ขำ​ มองดู​แล้ว​น่า​ตลก​มาก​จริงๆ​ แต่​หาก​จะรู้สึก​ว่า​หมัด​เท้า​ของ​โจว​ไห่​จิ้งอ่อนนุ่ม​ด้วยเหตุนี้​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​คิดผิด​มหันต์​แล้ว​

โจว​ไห่​จิ้งไม่ได้​รีบร้อน​ทะยาน​ร่าง​ไป​ปราก​ฎตัว​ที่​ลาน​ประลอง​ยุทธ​ นาง​หยุด​ยืน​อยู่​ข้าง​รถม้า​ จับ​ประคอง​ปิ่น​ทอง​ที่​คล้าย​กับ​ ‘ยื่น​ออก​มาจาก​หน้าผา​’ ชิ้น​หนึ่ง​อย่าง​ระมัดระวัง​ เอ่ย​ว่า​ “อย่า​หัวเราะ​นะ​ อาจารย์​ซูไม่เคย​ผ่าน​ชีวิต​ที่​ยากลำบาก​มาก่อน​ ไม่รู้​หรอก​ว่าการ​หาเงิน​นั้น​ยาก​ลำเข็ญ​เพียงใด​”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด