กระบี่จงมา 846.3 เผด็จศึกไร้ศัตรู

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 846.3 เผด็จศึกไร้ศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตรง​เอว​ของ​บุรุษ​ห้อย​แท่น​ฝน​หมึก​ขนาดเล็ก​ไว้​อัน​หนึ่ง​ คือ​แท่น​ฝน​หมึก​เก่าแก่​ที่​มีรอย​หมึก​เข้มข้น​ แกะสลัก​บทกลอน​เซียน​ท่องเที่ยว​ไว้​หนึ่ง​บท​ เขา​เอ่ย​อย่าง​สะท้อน​ใจเบา​ๆ ว่า​ “ทัศนียภาพ​แปลกตา​ที่​ดวงจันทร์​สามดวง​ลอย​อยู่​กลาง​นภา​พร้อมกัน​ พวกเรา​ไม่ได้​เห็น​แล้ว​”

บน​ไหล่​ของ​สตรี​มีนก​ถงฮวา​ที่​ลักษะ​คล้าย​นก​หลวนเฟิ่ง​ตัว​หนึ่ง​ลอยตัว​อยู่​ นาง​ยิ้ม​เอ่ย​ “เซียน​กระบี่​ผู้เฒ่า​ต่ง​ที่​แกะสลัก​ตัวอักษร​ลง​บน​หัว​กำแพงเมือง​ผู้​นั้น​มีเวท​กระบี่​เลิศ​ล้ำ​จริงๆ​ น่าเสียดาย​ที่​ไม่ได้​เห็นภาพ​ที่​ดวงจันทร์​บน​ฟ้าตกลง​มายัง​โลก​มนุษย์​กับ​ตา​ตัวเอง​ ต่อให้​แค่​ลอง​จินตนาการ​ดู​ก็​ทำให้​จิตวิญญาณ​ของ​คน​สั่น​ไหว​ได้​แล้ว​”

“ได้ยิน​มาว่า​ใน​อดีต​ที่นี่​มีปณิธาน​กระบี่​บริสุทธิ์​สะสมมานาน​นับ​หมื่น​ปี​ ล้วน​เป็น​สิ่งที่​เซียน​กระบี่​เหลือ​ทิ้ง​ไว้​ให้​บน​มหา​มรรคา​ เป็น​กลุ่ม​ๆ เป็น​เส้น​ๆ มีจำนวนมาก​มหาศาล​ ร้อย​ปี​พันปี​ไม่เคย​จางหาย​ไป​ไหน​ เล่าลือ​กัน​ว่า​นคร​บิน​ทะยาน​ไป​อยู่​ใต้​หล้า​ห้า​สี ได้​นำ​ปณิธาน​กระบี่​ไป​ด้วย​ครึ่งหนึ่ง​ หลังจากนั้น​ก็​ถูก​พวก​ผู้ฝึก​กระบี่​สัตว์เดรัจฉาน​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ขโมย​ไป​ไม่น้อย​ น่าเสียดาย​ น่าเสียดาย​จริงๆ​”

“ถึงอย่างไร​พวกเรา​ก็​ไม่ใช่ผู้ฝึก​กระบี่​ ความเสียดาย​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ของ​ข้า​ไม่เหมือนกับ​เจ้า ไม่ได้​เห็น​เซียน​กระบี่​หญิง​ที่​มีชิงช้าตั้ง​วาง​อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​ท่าน​นั้น​ ไม่รู้​เลย​ว่า​โจว​เฉิงนาง​งดงาม​แค่​ไหน​กัน​แน่​”

“ข้า​ก็​มีความเสียดาย​เช่นเดียวกัน​”

ห่าง​จาก​เซียน​ดิน​ชาย​หญิง​สอง​คน​นี้​ไป​ค่อนข้าง​ไกล​ มีคน​กลุ่ม​หนึ่ง​กำลัง​ง่วน​ทำงาน​กัน​อยู่​ คือ​เทพธิดา​จาก​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​จับมือ​กัน​เดินทาง​มาท่องเที่ยว​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ กำลัง​เปิด​บุปผา​ใน​คันฉ่อง​จันทรา​ใน​สายน้ำ​ เพียงแต่ว่า​ภาพ​ที่​ผู้ฝึก​ตน​ของ​บ้านเกิด​พวก​นาง​ได้​เห็น​ต้อง​พร่า​เลือน​อย่าง​แน่นอน​

หาก​เป็น​ธวัล​ทวีป​และ​หลิว​เสีย​ทวีป​ที่อยู่​ห่าง​ไป​ไกล​ยิ่งกว่า​ อย่า​ว่าแต่​ใบหน้า​ของ​พวก​เทพธิดา​เลย​ คาด​ว่า​แม้แต่​เค้าโครง​เรือน​กาย​ของ​พวก​นาง​ก็​คง​มองเห็น​ได้​ไม่ชัดเจน​

ครั้งนี้​ออก​เดินทางไกล​ พวก​นาง​กับ​ร้าน​ผ้า​ห่อ​บุญ​บน​ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ร่วมแรง​กัน​เช่าวัตถุ​ฟางชุ่น​มาสอง​ชิ้น​ สตรี​ออกเดินทาง​ มีสมบัติ​มากเกินไป​ วัตถุ​ฟางชุ่น​ชิ้น​เดียว​หรือ​จะพอ​ ใคร​ที่​เอา​ของ​วาง​มากเกินไป​ กิน​พื้นที่​มากกว่า​ใคร​ พวก​นาง​คน​ที่​เหลือ​ล้วน​กระจ่าง​ชัด​อยู่​ใน​ใจดี​ ก็​แค่​ไม่พูด​ออก​มาจาก​ปาก​เท่านั้น​ ล้วน​เป็น​พี่สาว​น้องสาว​ที่​ใกล้ชิด​สนิทสนม​กัน​ จะถือสา​เรื่อง​นี้​ไป​ไย​ ทำร้าย​ความรู้สึก​กัน​เสีย​เปล่าๆ​

เทพธิดา​คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​สวม​ชุด​กระโปรง​แบบ​ของ​ธิดา​มังกร​ เวลานี้​หยิบ​เอา​ภาพ​ขุนเขา​ธารา​วิหค​บุปผา​ออกมา​ม้วน​หนึ่ง​ หลังจาก​คลี่​กาง​ลง​บน​พื้น​แล้วก็​เกิด​เป็น​ทัศนียภาพ​ที่​ต้นไม้​ดอกไม้​ถือกำเนิด​ พา​กัน​งอกงาม​บานสะพรั่ง​ จากนั้น​ก็​มีนก​มาเกาะ​บน​กิ่งไม้​ ส่งเสียง​จิ๊บๆ​ เจื้อยแจ้ว​ เวลานี้​เทพธิดา​ผู้​นี้​ยึดครอง​ทัศนียภาพ​ของ​ม้วน​ภาพ​นี้​ไว้​เพียงลำพัง​ เรือน​กาย​อรชรอ้อนแอ้น​ ใน​มือ​ของ​นาง​ถือ​ถ้วย​กระเบื้อง​ใบ​เล็ก​ไว้​ใบ​หนึ่ง​ คอย​โยน​อาหาร​ออก​ไป​ป้อน​นก​ที่​โบยบิน​ผ่าน​มาเบา​ๆ

เทพธิดา​คน​ที่​เหลือ​ต้อง​ยืน​อยู่​นอก​ม้วน​ภาพ​ชั่วคราว​ กำลัง​ซุบซิบ​กัน​เบา​ๆ

“เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ท่าน​นั้น​ไม่เสียแรง​ที่​มาจาก​หอ​เทพ​เซียน​ของ​ศาล​ลม​หิมะ​ ช่างมีมาด​เหมือน​เทพ​จริงๆ​ ทั่ว​ร่าง​เปี่ยม​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​เซียน​ มอง​ไกลๆ​ แค่​แวบเดียว​ก็​จิตใจ​หวั่นไหว​แล้ว​ อย่า​หัวเราะ​ๆ ก่อนหน้านี้​ใคร​กันที่​เกือบจะ​ไป​พูดคุย​กับ​เว่ย​จิ้น​แล้ว​?”

“รูปโฉม​ไม่ด้อย​กว่า​ฟู่จิ้น​เลย​ มอง​นาน​เท่าไร​ก็ได้​กำไร​เท่านั้น​นี่​นะ​”

“เซียน​กระบี่​เว่ย​นิสัย​ดี​จริงๆ​ เมื่อวาน​พวกเรา​อยู่​บน​หัว​กำแพง​ ร่าย​บุปผา​ใน​คันฉ่อง​จันทรา​ใน​สายน้ำ​ เขา​ก็​ไม่ได้​ห้าม​ แต่​เจ้าคน​ที่​หันมา​ยักคิ้วหลิ่วตา​ให้​พวกเรา​คน​นั้น​ ค่อนข้างจะ​ขวางหูขวางตา​ไป​สักหน่อย​ หน้า​ไม่บาง​เลย​ ถึงกับ​ทำ​หน้าหนา​จะขยับ​เข้ามา​ใกล้​บุปผา​ใน​คันฉ่อง​จันทรา​ใน​สายน้ำ​ของ​พวกเรา​ด้วย​”

“ได้ยิน​ว่า​เป็น​ตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​คน​หนึ่ง​ของ​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​ ถูก​จั่ว​โย่ว​ทำลาย​จิต​แห่ง​กระบี่​ ภายหลัง​ไป​อยู่​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ ไม่รู้​ว่า​ทำไม​ถึงมาฝึก​กระบี่​อยู่​ที่นี่​ได้​ หาก​ถามข้า​นะ​ เขา​คง​เป็น​แค่​ชั้น​วาง​ดอกไม้​เท่า​นั้นแหละ​”

“เอ๊ะ​ สตรี​ผู้​นั้น​ดูเหมือน​จะเป็น​บรรพ​จารย์​ผู้คุม​กฎ​ของ​ภูเขา​หง​ซิ่งซื่อ​สุ่ย​ คือ​จู้ย่วน​ที่​มีฉายา​ว่า​ ‘ถงเซียน​’?”

“ต้อง​ใช่แน่นอน​ เพราะว่า​ข้า​รู้จัก​เจี่ย​เสวียน​ที่​เป็น​ฉีไต้​จ้าว​ของ​ราชวงศ์​เกิง​อวิ๋น​ เคย​เห็น​ไกลๆ​ ครั้งหนึ่ง​ ว่า​กัน​ว่า​ใน​อดีต​เขา​กับ​จู้ย่วน​เกือบจะ​ได้​เป็น​คู่​บำเพ็ญ​เพียร​กัน​”

ตรง​ทาง​เลียบ​หน้าผา​แห่ง​อื่น​ คน​กลุ่ม​หนึ่ง​กำลัง​เก็บ​เศษหิน​จาก​รอบด้าน​ สถานที่​แห่ง​นี้​คงจะ​เป็น​สนามรบ​ที่​ผ่าน​การเข่นฆ่า​อย่าง​ดุเดือด​แห่ง​หนึ่ง​ ถึงได้​มีหิน​แตก​มากมาย​ขนาด​นี้​

บุรุษ​คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​เก็บ​หิน​มาแค่​ก้อน​เดียว​ ขนาด​เท่า​ฝ่ามือ​ เขา​นั่ง​ยอง​อยู่​บน​พื้น​ คลี่​ยิ้ม​ พึงพอใจ​แล้ว​ สามารถ​เอา​ไป​ทำเป็น​แท่น​ฝน​หมึก​ให้​เจ้าเด็ก​คน​นั้น​ของ​บ้าน​ตน​ได้​ชิ้น​หนึ่ง​แล้ว​ เจ้าลูก​กระต่าย​น้อย​ไม่ใช่ผู้ฝึก​กระบี่​อะไร​ แต่กลับ​เลื่อมใส​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​อย่าง​มาก​ ส่วนตัว​ของ​ชายฉกรรจ์​เอง​คือ​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ขอบเขต​ร่าง​ทอง​คน​หนึ่ง​ หนึ่ง​เพราะ​การท่อง​ยุทธ​ภพ​ ไป​ที่ไหน​ก็​เหมือนกัน​ เหตุผล​อีก​ครึ่งหนึ่ง​ก็​เพื่อให้​ตน​เอา​ไป​โอ้อวด​กับ​เจ้าเด็ก​นั่น​ได้​ ดังนั้น​ถึงได้มา​ที่นี่​ เพราะ​มีความสัมพันธ์​กับ​ภูเขา​หง​ซิ่งซื่อ​สุ่ย​จึงได้​ตามมา​ด้วย​

ริม​ขอบ​ของ​สะพาน​ไม้มีคน​ผู้​หนึ่ง​ปรากฏตัว​จาก​ความว่างเปล่า​ สวม​ชุด​ตัว​ยา​วสี​เขียว​สวม​รองเท้า​ผ้า​ แล้ว​ยัง​สะพาย​กระบี่​

แขก​ที่​ไม่ได้​รับเชิญ​คน​นี้​พูด​ด้วย​สีหน้า​ไร้อารมณ์​ “วาง​กลับ​ไป​”

ชายฉกรรจ์​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ร่าง​ทอง​คือ​คน​แรก​และ​เป็น​คนเดียว​ที่​วาง​เศษหิน​ใน​มือ​ลง​

ผู้ฝึก​ลมปราณ​คนอื่นๆ​ ที่​มาจาก​ภูเขา​สอง​ลูก​ของ​แผ่นดิน​กลาง​ คน​ที่​ลุกขึ้น​ยืน​ก็​แค่​ลุกขึ้น​ยืน​ คน​ที่​หันหน้า​มามอง​ก็​แค่​หันหน้า​มา ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่ยินดี​จะสละ​เศษหิน​ของ​หัว​กำแพงเมือง​ที่​กลายเป็น​ของ​ใน​กระเป๋า​ไป​เรียบร้อย​แล้ว​ทิ้ง​ไป​

ผู้ฝึก​ตน​ผู้สืบทอด​ของ​ศาล​บรรพ​จารย์​ภูเขา​หง​ซิ่งซื่อ​สุ่ยคน​หนึ่ง​โยน​เศษหิน​ใน​มือขึ้น​เบา​ๆ หัวเราะ​หยัน​เอ่ย​ว่า​ “ผี​ขี้​สอด​มาจาก​ไหน​กัน​ กิน​อิ่ม​ว่างงาน​นัก​หรือ​ เจ้าก็​มายุ่ง​ได้​ด้วย​?”

บุรุษ​ชุด​เขียว​ที่​ไม่รู้​ว่า​ใช่ผู้ฝึก​กระบี่​หรือไม่​คน​นั้น​พยักหน้า​ “ยุ่ง​ได้​สิ”

“ลูกศิษย์​สำนักศึกษา​?”

“ไม่ใช่”

“ถ้าอย่างนั้น​ก็​อยาก​โดน​ซ้อม​?”

“เจ้าจะลองดู​ก็ได้​”

ผู้ฝึก​ตน​หนุ่ม​คน​นั้น​ชั่งน้ำหนัก​อยู่​พัก​หนึ่ง​ หาก​อีก​ฝ่าย​คือ​ผี​ตอแย​ยาก​บน​ภูเขา​ ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​ตน​จะเอาชนะ​ได้​ เพราะ​ถึงอย่างไร​อีก​ฝ่าย​ก็​เดินทาง​มาท่องเที่ยว​ที่นี่​ ทั้ง​ยัง​สะพาย​กระบี่​ด้วย​ ไม่แน่​ว่า​อาจ​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​คน​หนึ่ง​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ออกจาก​บ้าน​มาอยู่​ข้างนอก​ ได้รับ​คำสั่งสอน​จาก​สำนัก​ว่า​ห้าม​ก่อเรื่อง​ ดังนั้น​เขา​จึงเริ่ม​ใช้เหตุผล​ “ขนาด​ศาล​บุ๋น​ยัง​ไม่เคย​บอ​กว่า​ไม่อนุญาต​ให้​คน​ที่มา​เที่ยว​เอา​เศษหิน​กลับ​ไป​ พูด​แค่​ว่า​ไม่อนุญาต​ให้​ผู้ฝึก​ตน​ต่อสู้​กัน​ ร่าย​ใช้เวท​คาถา​ที่นี่​โดยพลการ​ ทำไม​เจ้าต้อง​มายุ่ง​กับ​เรื่อง​ของ​คนอื่น​ด้วย​?”

คิดไม่ถึง​ว่า​คน​ผู้​นั้น​จะเอ่ย​ขึ้น​โดยตรง​ว่า​ “วันหน้า​ข้า​จะให้​ศาล​บุ๋น​เพิ่ม​กฎ​ข้อ​นี้​ลง​ไป​ ขโมย​หิน​ต้อง​โดน​ตัด​มือ​”

ทุกคน​อึ้ง​ตะลึง​กัน​ไป​ก่อน​ จากนั้น​ก็​หัวเราะ​ครืน​ ดี​เลย​ สามารถ​วางใจ​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง​แล้ว​ว่า​ไอ้​หมอ​นี่​สามารถ​ซ้อม​ได้​ตามใจชอบ​

ชายฉกรรจ์​ผู้​นั้น​ก็​ส่าย​หน้ายิ้ม​ มีคนหนุ่ม​ที่ไหน​คุยโว​ไม่ต้อง​ร่าง​คำพูด​แบบนี้​บ้าง​ เขา​ลังเล​เล็กน้อย​ ก่อน​จะรวม​เสียง​ให้​เป็น​เส้น​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “น้องชาย​คน​นี้​ อย่า​ได้​หาเรื่อง​อีก​เลย​ อาจารย์​เจี่ย​คือ​ผู้​ถวายงาน​ลำดับ​รอง​ของ​หอ​โหย​ว​เซียน​ แม้ว่า​จะไม่ใช่สำนัก​เซียน​อักษร​จง แต่​ก็​ไม่ใช่ว่า​คน​ทั่วไป​จะมาหาเรื่อง​ได้​ ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​จู้เซียน​ซือ​ที่​ยัง​เป็น​ถึงบรรพ​จารย์​ผู้คุม​กฎ​ของ​ภูเขา​หง​ซิ่ง เจ้าฟังคำแนะนำ​จาก​ข้า​เถอะ​ จากไป​ดีกว่า​ เรื่อง​ที่​ศาล​บุ๋น​ยัง​ไม่สนใจ​ เจ้าก็​ยิ่ง​ไม่มีความจำเป็น​ที่​ต้อง​มาสนใจ​”

ชายฉกรรจ์​ที่นั่ง​ยอง​หยิบ​เศษหิน​ขึ้น​มาอีกครั้ง​

น่าเสียดาย​ที่​คนหนุ่ม​ซึ่งไม่รู้​ฟ้าสูงแผ่นดิน​ต่ำ​ผู้​นั้น​กลับ​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่ได้ยิน​

ซ้ำร้าย​คน​ผู้​นั้น​กลับ​ยัง​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “จะพูด​อีกครั้ง​ วาง​กลับ​ไป​ให้​หมด​”

จากนั้น​ก็​พูด​กับ​ชายฉกรรจ์​ว่า​ “เจ้าสามารถ​เป็น​ข้อยกเว้น​ได้​”

ชายฉกรรจ์​เพียง​ยิ้ม​รับ​ ยิ่ง​พูด​ชายหนุ่ม​ก็​ยิ่ง​เลอะเทอะ​แล้ว​

ศิษย์เอก​ของ​เจี่ย​เสวียน​ยิ้ม​เอ่ย​ “ไป​กับ​มารดา​เจ้า…”

นาที​ถัดมา​ ไม่รู้​ว่า​ทำไม​ ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ศาล​บรรพ​จารย์​ของ​หอ​โหย​ว​เซียน​ผู้​นี้​ถึงหันหน้า​เข้าหา​ผนัง​ หัว​โหม่ง​กระแทก​ชน​ ฟัน​ร่วง​เต็มปาก​ ร่าง​ร่วง​กรูด​ลงมา​

คน​ชุด​เขียว​ผู้​นั้น​เอา​มือ​ข้าง​หนึ่ง​ไพล่หลัง​ มือ​อีก​ข้าง​กด​ที่​ศีรษะ​อีก​ฝ่าย​ เพียง​บิด​หมุน​ข้อ​มือเบา​ๆ ก็​ทำให้​คนหนุ่ม​เจ็บปวด​ราว​ใจจะขาด​ แต่​เพราะ​หน้า​แนบติด​ผนัง​ จึงได้​แต่​ร้อง​ครวญคราง​ อู้อี้​ฟังไม่ชัด​

ผู้ฝึก​ตน​หญิง​ภูเขา​หง​ซิ่ว​คน​หนึ่ง​หวัง​ลงมือ​ช่วย​บุรุษ​คน​นั้น​ ชาย​เสื้อ​สอง​ข้าง​จึงแกว่ง​สะบัด​ พลัน​ลงมือ​อย่าง​อำมหิต​ ชาย​แขน​เสื้อ​ข้าง​หนึ่ง​เรียก​เวท​น้ำ​ อีก​ข้าง​หนึ่ง​เรียก​เวท​อัคคี​ออกมา​ ประหนึ่ง​เชือก​สอง​เส้น​ที่​ส่อง​ประกาย​แสงแวววาว​ รัด​พัน​กัน​อยู่​กลางอากาศ​แล้ว​ฟาด​โบย​ลง​บน​หัวใจ​ด้านหลัง​ของ​คน​ชุด​เขียว​อย่าง​โหดร้าย​

ผล​กลับ​กลายเป็น​ว่า​อยู่ดีๆ​ ก็​ถูก​คน​ผู้​นั้น​กักตัว​มาไว้​ข้าง​กาย​ แล้ว​ยัง​ถูก​กด​ท้ายทอย​จับ​กระแทก​กำแพง​ ดวง​หน้าที่​เดิมที​งดงาม​ของ​หญิงสาว​พลัน​ถูก​กำแพง​เสียดสี​จน​เลือดโชก​ไหล​นอง​

ผู้​ปกป้อง​มรรคา​สอง​คน​หนึ่ง​ชาย​หนึ่ง​หญิง​ทะยาน​ลม​มาพร้อมกัน​อย่าง​รวดเร็ว​ราว​สาย​ฟ้าแลบ​ เจี่ย​เสวียน​เอ่ย​อย่าง​เดือดดาล​ “โจร​ชั่ว​ถึงกับ​กล้า​ลงมือ​อำมหิต​เชียว​รึ​!”

จู้ย่วน​เพิ่งจะ​เรียก​วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​ชิ้น​หนึ่ง​ออกมา​ นาที​ถัดมา​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ท่า​ไม่ดี​ เจี่ย​เสวียน​ก็​ยิ่ง​ราวกับ​เอา​หัว​โหม่ง​ไป​ทาง​คน​ชุด​เขียว​ แต่​ถูก​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ยัน​หน้าผาก​เอาไว้​ บิด​หมุน​ข้อมือ​ทีเดียว​ เจี่ย​เสวียน​ก็​ถูก​เหวี่ยง​กระแทก​ลงพื้น​ ร่าง​กระดอน​ขึ้น​มาหนึ่ง​ที​ ก่อน​จะตัวอ่อน​พังพาบ​อยู่​บน​พื้น​ สลบเหมือด​คาที่​ไป​ทันที​

จู้ย่วน​กำลังจะ​หด​มือ​กลับมา​ก็​ถูก​ฝ่ามือหนึ่ง​ตบ​ฉาด​มาที่​ใบหน้า​ ก่อนที่จะ​หมดสติ​ไป​ นาง​ได้ยิน​เพียง​ประโยค​ที่​คน​ชุด​เขียว​เอ่ย​ว่า​ “เสียดาย​อะไร​?”

ฝ่ามือสอง​ข้าง​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ถูกัน​คล้าย​กับ​เช็ด​อะไร​บางอย่าง​ให้​สะอาด​ พูด​กับ​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​คน​นั้น​ว่า​ “เจ้าสามารถ​เอา​กลับ​ไป​ได้​”

ชายฉกรรจ์​วาง​เศษหิน​ใน​มือ​ลง​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​เอ่ย​ “อย่า​ฟังผิด​ไป​ล่ะ​ ข้า​บอ​กว่า​เอา​กลับ​ไป​ได้​”

ชายฉกรรจ์​จึงหยิบ​เศษหิน​ขนาด​เท่า​กำปั้น​ชิ้น​นั้น​ขึ้น​มาอีกครั้ง​

ถ้าอย่างนั้น​ก็​จะเชื่อ​เจ้า

ร่าง​ของ​คน​ชุด​เขียว​หายวับ​ไป​

คนอื่นๆ​ ที่​เหลือ​ล้วน​งงงัน​ ได้​แต่​หันมา​มองหน้า​กัน​ตา​ปริบๆ​

เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​ใน​ทะเลสาบ​หัวใจ​ของ​ทุกคน​ “ทุกคน​อย่า​มัว​ยืน​อึ้ง​กัน​อยู่เลย​ รีบ​ไสหัวไป​ให้​ไกล​ หนี​ไป​ได้​ไกล​แค่​ไหน​ก็​แค่นั้น​ เขา​คือ​อิ่น​กวาน​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ดังนั้น​หาก​เขา​ฆ่าคน​ที่นี่​ เอาเป็นว่า​ข้า​เฮ้อ​โซ่ว​ห้าม​ไม่ได้​ก็แล้วกัน​ เพราะ​ต่อให้​อยาก​ขวาง​ก็​ขวาง​ไม่อยู่​”

ชายฉกรรจ์​คน​นั้น​สีหน้า​อึ้ง​ตะลึง​ อ้าปากค้าง​ นอกจาก​ความตกใจ​แล้ว​ พอ​เขา​ก้มหน้า​มอง​เศษหิน​ใน​มือ​ก็​ยัง​รู้สึก​ว่า​ตน​กลับ​ไป​ถึงบ้านเกิด​ สามารถ​คุยโว​บน​โต๊ะ​เหล้า​ได้​อย่าง​เต็ม​ที่แล้ว​ ใคร​ก็​อย่า​ได้มา​ห้าม​ เพราะ​ขวาง​อย่างไร​ก็​ขวาง​ไม่อยู่​

หลังจาก​ศาล​บุ๋น​ยกเลิก​คำ​สั่งห้าม​จัดพิมพ์​รายงาน​ขุนเขา​สายน้ำ​ เหตุการณ์​การ​ล้อม​ฆ่าสอง​ครั้ง​ก็​เริ่ม​ค่อยๆ​ แพร่​ไป​บน​ภูเขา​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​

ครั้งแรก​ แน่นอน​ว่า​คือ​ศึก​ของ​ฝูเหยา​ทวีป​ที่​ถูก​ขนานนาม​ว่า​เป็น​ ‘ภาพ​อัน​สง่างามยิ่งใหญ่​แห่ง​ใต้​หล้า​’ ป๋า​ย​เห​ย่​เป็น​ฝ่าย​เผย​กาย​พก​กระบี่​ หนึ่ง​คน​กับ​ไท่​ป๋า​ย​หนึ่ง​เล่ม​ ใช้กระบี่​ท้าทาย​ราชา​บน​บัลลังก์​ครึ่งหนึ่ง​

ครั้ง​ที่สอง​กลับ​เกิดขึ้น​ที่​สนามรบ​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก่อนหน้า​นั้น​ เล่าลือ​กัน​ว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​รุ่นเยาว์​หลาย​คน​ของ​กระโจม​เจี่ยเซิน​แห่ง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ล้อม​ฆ่าเฉินสือ​อี​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​

หนึ่ง​คือ​การต่อสู้​บน​ยอดเขา​อย่าง​สมคำเล่าลือ​

หนึ่ง​คือ​การช่วงชิง​ระหว่าง​ผู้​มีพรสวรรค์​รุ่นเยาว์​ อีก​ทั้ง​ขอบเขต​ของ​แต่ละคน​ก็​ไม่ห่าง​กัน​มาก​พอดี​ มีเพียง​จำนวน​คน​ของ​ทั้งสองฝ่าย​ที่​แตกต่าง​ นี่​ก็​ยิ่ง​น่าสนใจ​แล้ว​

ผู้ฝึก​กระบี่​สี่คน​ของ​กระโจม​เจี่ยเซิน​ที่​ตั้งใจ​วางแผน​ล้อม​สังหาร​อิ่น​กวาน​ แต่ละคน​นอกจาก​คุณสมบัติ​บน​วิถี​กระบี่​จะดีเยี่ยม​ ได้​เลื่อนขั้น​ติดอันดับ​ร้อย​เซียน​กระบี่​ของ​ภูเขา​ถัว​เย​ว่​ และ​อันดับ​รายชื่อ​ยังอยู่​ลำดับ​ต้น​ๆ เหมือนกัน​หมด​โดย​ไม่มีข้อยกเว้น​แล้ว​ ทุกคน​ต่าง​ก็​มีการสืบทอด​และ​ภูมิหลัง​ที่​โดดเด่น​จน​แทบจะ​เรียก​ได้​ว่า​สูงส่งเทียมฟ้า​

หลี​เจิน​ ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ เล่าลือ​กัน​ว่า​เคย​มาฝึก​กระบี่​ที่​หัว​กำแพงเมือง​นาน​หลาย​ปี​ ทุกวันนี้​หายตัว​ไป​ไม่รู้​ร่องรอย​

จู๋เชี่ย​ คือ​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ขุนเขา​ของ​หลิว​ชาที่​เคย​ได้​เลื่อนขั้น​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่

อวี่​ซื่อ​ คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​ถูก​เฟยเฟย​ราชา​บน​บัลลังก์​คน​เก่า​เรียกขาน​ว่า​ ‘คุณชาย​’ เคย​ปรากฏตัว​ที่​ใบ​ถงทวีป​ สุดท้าย​ก็​หายตัว​ไป​พร้อมกับ​หลี​เจิน​

จวิน​ทาน​ ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​หย่า​งจื่อ​ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​ อดีต​เจ้าของ​ลำคลอง​เย่ลั่ว​

หลิว​ป๋า​ย​ หนึ่ง​ใน​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​มหาสมุทร​ความรู้​โจว​มี่ ‘มหา​โจร​แห่ง​ใต้​หล้า​’

และ​คน​ที่​คอย​เป็น​กองหนุน​ คอย​ประสานงาน​บน​สนามรบ​ คือ​เฝ่ย​หรา​น​ ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​ได้​เลื่อนขั้น​เป็น​ผู้​ครอง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​

การ​ล้อม​สังหาร​ครั้งหนึ่ง​ที่​เดิมที​โอกาส​แพ้ชนะ​ไม่ต้อง​ลุ้น​ ผล​กลับ​กลายเป็น​ว่า​ถูก​อิ่น​กวาน​แว้ง​กลับมา​สังหาร​หลิว​ป๋า​ย​

ยาม​ที่​ถามหมัด​กับ​คนอื่น​มักจะ​ปล่อย​หมัด​เข้าที่​ใบหน้า​ของ​คู่ต่อสู้​โดยเฉพาะ​

ก่อนหน้า​นั้น​ก็​เคย​จับ​หัว​อวี้เจวี้ยน​ฟูกระแทก​กำแพง​ ภายหลัง​มีการประชัน​เขียว​ขาว​กับ​เฉาสือ​ที่​สวน​กง​เต๋อ​ของ​ศาล​บุ๋น​ ทำไม​ ถามหมัด​ก็​ถือ​การต่อย​หน้า​หรือ​? ลักษณะ​การ​ปล่อย​หมัด​เช่นนี้​ก็ช่าง​เป็น​เอกลักษณ์​ไม่เหมือน​ใคร​เสีย​จริง​

จับคู่​เข่นฆ่า​บน​สนามรบ​ เลือก​ลงมือ​เฉพาะ​กับ​สตรี​

ได้ยิน​มาว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​หลิว​ป๋า​ย​คือ​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​เผ่า​ปีศาจ​ที่​ใคร​เห็น​ก็​รัก​และ​เอ็นดู​ รูปโฉม​งดงาม​อย่าง​มาก​

ที่แท้​อิ่น​กวาน​ท่าน​นี้​ก็​เป็น​คน​มหัศจรรย์​คน​หนึ่ง​

มิน่าเล่า​ถึงสามารถ​อาศัย​สถานะ​ของ​คนต่างถิ่น​มาดำรงตำแหน่ง​สูงเป็น​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ได้​!

น่าเสียดาย​ที่​นอกจาก​รายงาน​ขุนเขา​สายน้ำ​ไม่กี่​ฉบับ​ซึ่งรวม​ของ​สำนัก​ซาน​ไห่​แผ่นดิน​กลาง​ที่​พูดถึง​ชื่อ​และ​บ้านเกิด​ของ​อิ่น​กวาน​แล้ว​ สำนัก​บน​ภูเขา​แห่ง​อื่น​ ดูเหมือนว่า​ทุกคน​จะรู้กัน​อยู่​ใน​ใจแต่​ไม่พูด​ออกมา​ เกิน​ครึ่ง​คงจะ​ได้รับ​การ​บอกเป็นนัย​บางอย่าง​จาก​ศาล​บุ๋น​หลังจาก​ผ่าน​การประชุม​ครั้งนั้น​

ก็​โชคดี​ที่​ศาล​บุ๋น​ไม่ได้​เปิด​เผยความลับ​ใหญ่​เทียมฟ้า​บางอย่าง​ ไม่อย่างนั้น​ทุกวันนี้​คำ​วิพากษ์วิจารณ์​ที่​ผู้ฝึก​ตน​ของ​ไพศาล​มีต่อ​การ​ล้อม​ฆ่าครั้งนี้​ เกรง​ว่า​คง​กิน​พื้นที่​ใน​บทความ​ทั้งหมด​ของ​รายงาน​ขุนเขา​สายน้ำ​เก้า​ทวีป​เลย​ทีเดียว​

เพราะ​หลี​เจิน​ติดตาม​โจว​มี่เดิน​ขึ้น​ฟ้าไป​ ทุกวันนี้​จึงรับหน้าที่​เป็น​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ชั้นสูง​อย่าง​ผู้​สวม​เสื้อเกราะ​ของ​สรวงสวรรค์​เก่า​

ส่วน​ผู้ฝึก​กระบี่​อวี่​ซื่อ​ที่​มีชาติกำเนิด​มาจาก​ ‘สถานที่​ฟ้ารั่ว​’ แห่ง​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ใน​สรวงสวรรค์​ใหม่​ของ​ทุกวันนี้​ เขา​ก็​คือ​หนึ่ง​ใน​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ชั้นสูง​เช่นเดียวกัน​ ร่าง​จำแลง​คือ​เทพ​วารี​

ส่วน​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่​เดินทาง​มาท่องเที่ยว​ที่นี่​อย่าง​เจี่ย​เสวียน​ จู้ย่วน​นั้น​ยัง​ไม่ทัน​ได้รับ​รายงาน​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ ไม่ได้​ดู​ภาพ​คัดลอก​ของ​บุปผา​ใน​คันฉ่อง​จันทรา​ใน​สายน้ำ​ส่วน​นั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​หวนกลับ​มายัง​จุด​เดิม​ของ​หัว​กำแพงเมือง​ นั่งขัดสมาธิ​ รอคอย​ให้​หนิง​เหยา​กลับมา​อย่าง​เงียบเชียบ​

เฉาจวิ้นจุ๊​ปาก​พูด​ “ก่อนหน้านี้​ใคร​บอ​กว่า​ไม่โกรธ​กัน​นะ​? ยังมี​อีก​นะ​ เฉิน​ผิง​อัน​ ความเคยชิน​ที่​ชอบ​ตี​คน​ตบหน้า​นี้​ของ​เจ้า วันหน้า​ต้อง​แก้ไข​บ้าง​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ต่อ​คำ​ เพียงแค่​เงยหน้า​มอง​ม่าน​ฟ้าเงียบๆ​

ก่อนหน้านี้​ตอน​อยู่​ที่​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ เฟิงอี๋​ที่อยู่​ใน​ศาล​เทพ​อัคคี​ถามเรื่อง​หนึ่ง​อยู่​ไกลๆ​ เฉิน​ผิง​อัน​ช่วย​บอก​คำตอบ​ของ​อาจารย์​ แลก​มาด้วย​เหล้า​หมัก​ร้อย​บุปผา​สิบสอง​กา​

คำตอบ​มีแค่​สี่คำ​ เชิญท่าน​ลง​โอ่ง​

อีก​ทั้ง​ใน​นี้​ยัง​ซุกซ่อน​แผนการ​ที่​ ‘ใหญ่​กว่า​ผืน​ฟ้า’ อย่างหนึ่ง​เอาไว้​ด้วย​ คือ​การ​ ‘เชิญท่าน​ลง​โอ่ง​’ ที่​ถูก​กำหนด​มาแล้ว​ว่า​ใน​อดีต​ไม่เคย​มีใคร​ทำ​ได้มา​ก่อน​ และ​ในอนาคต​จะไม่ปรากฏ​อีก​

เพียงแค่​เพื่อ​รับมือ​กับ​โจว​มี่ที่​เดิน​ขึ้น​ฟ้าไป​อย่างนั้น​หรือ​? แค่​ไม่ให้​มหาสมุทร​ความรู้​โจว​มี่ได้​เข้าไป​อยู่​ใน​สรวงสวรรค์​เก่า​ ไม่ก่อ​หายนะ​ให้​แก่​โลก​มนุษย์​อย่าง​กำเริบเสิบสาน​อีก​เท่านั้น​หรือ​?

แน่นอน​ว่า​ไม่ใช่ ยังคง​ไม่เพียงพอ​

ระหว่าง​ที่​มีการประชุม​ใน​ศาล​บุ๋น​ เฉิน​ผิง​อัน​เคย​ถูกห​ลี่​เซิ่งพา​ไป​ที่​ยอดเขา​ของ​ภูเขา​สุ้ย​ซาน​ ได้​พบ​กับ​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​

จากนั้น​ลอง​มาคิด​เชื่อมโยง​กับ​การประชุม​ริม​ลำคลอง​ที่​ห​ลี่​เซิ่งเป็น​ผู้ดำเนินการ​ บรรพ​จารย์​สามลัทธิ​คอย​มองดู​อยู่​เบื้องหลัง​ การ​ทดสอบ​ใหญ่​ที่​น่า​เหลือเชื่อ​ครั้งหนึ่ง​ ตอนนั้น​ได้​รวบรวม​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่ที่​เว้น​จาก​เจิ้งจวี​จงไว้​อีก​หลาย​คน​

ดังนั้น​ในที่สุด​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ครุ่นคิด​จน​เข้า​ใจถึงแผนการ​ที่​ใหญ่​ยิ่งกว่า​ของ​ศิษย์​พี่​ชุย​ฉาน​

ซิ่ว​หู่​แห่ง​ไพศาล​ที่​เคย​พ่ายแพ้​ใน​การ​เล่น​หมากล้อม​เมฆหลาก​สีของ​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​ ไม่อาจ​เอาชนะ​ผู้​ที่​ถ่อมตน​ยอม​ถอย​ให้​แก่​บรรพชน​ใน​ใต้​หล้า​ผู้​นั้น​ได้​ เรื่อง​สุดท้าย​ที่​เขา​ทำ​ใน​ชีวิต​นี้​ ดูเหมือน​จะเป็นการ​ใช้สถานะ​ของ​บัณฑิต​ผู้​เป็น​ลูกศิษย์​คน​แรก​ของ​เห​วิน​เซิ่ง นำ​กระดาน​หมากล้อม​ฟ้าดิน​มาวาง​ไว้​เบื้องหน้า​ตัวเอง​ ชุย​ฉาน​คนเดียว​ได้​เชื้อเชิญ​ให้​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ ศาสดา​พุทธ​ มรรคา​จารย์​เต๋า​ เชิญบรรพ​จารย์​ของ​ทั้ง​สามลัทธิ​ให้​มานั่งลง​ด้วยกัน​

ดูเหมือนว่า​ชุย​ฉาน​จะไม่เพียงแต่​ต้องการ​ให้​โจว​มี่ที่​ต่อให้​จะเดิน​ขึ้น​ฟ้าได้​สำเร็จ​ ทุกสิ่ง​ที่​ทำ​มาก็​ยัง​เสียเปล่า​ มีแต่​จะพ่ายแพ้​หมดรูป​

เขา​ยัง​ต้องการ​ให้​โลก​มนุษย์​ได้​รู้​ว่า​จะไม่มีบรรพ​จารย์​สามลัทธิ​อีกต่อไป​ด้วย​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด