กระบี่จงมา 850.5 หนึ่งนั้น

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 850.5 หนึ่งนั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ก็​แค่​เงิน​เกล็ด​หิมะ​แค่​ไม่กี่​เหรียญ​หรือ​สิบ​กว่า​เหรียญ​เท่านั้น​ แต่​ถ้าหัก​เป็น​เงิน​ขาว​และ​ทอง​ก้อน​ขึ้น​มา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หาก​เปลี่ยน​มาเป็น​เงิน​เหรียญทองแดง​เป็น​พวง​ๆ อย่า​ว่าแต่​ซื้อ​เลย​ ให้​เปลี่ยน​ชุด​เดินทาง​ยามค่ำคืน​แล้ว​หาผ้า​สัก​ผืน​มาปิด​ใบหน้า​ลวกๆ​ ขึ้นไป​ปล้น​บน​ภูเขา​ นาง​ก็​เริ่ม​มีความคิด​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​บอกลา​แล้ว​จากไป​ โจว​ไห่​จิ้งเดิน​ไป​ส่งที่​หน้า​ประตู​เรือน​

เด็กหนุ่ม​ร่าง​สูงใหญ่​หัวเราะ​เสียง​เบา​ “พี่​หญิง​โจว​ เจ้าหมอ​นี่​หน้าตา​ดีมาก​เลย​นะ​ แค่​มอง​ก็​รู้​ว่า​เป็น​สุภาพชน​คน​หนึ่ง​ ทำไม​ รังเกียจ​ว่า​ใน​กระเป๋า​เขา​ไม่มีเงิน​ก็​เลย​ไม่เห็น​อยู่​ใน​สายตา​อย่างนั้น​หรือ​?”

โจว​ไห่​จิ้งยิ้ม​ตาหยี​ “เขา​ไม่มีเงิน​? เกา​โหย​ว​เอ๋ย​เกา​โหย​ว​ เจ้าช่างสายตา​ดี​จริงๆ​ มิน่าเล่า​คิด​จะขโมย​เงินถึง​ขโมย​มาถึงบน​ร่าง​ข้า​ได้​ เจ้าพลาด​เศรษฐี​ที่​แท้จริง​ไป​คน​หนึ่ง​แล้ว​”

เกา​โหย​ว​หันหน้า​ไป​มอง​แผ่น​หลัง​ของ​ชาย​ผู้​นั้น​ มีเงิน​? คง​ไม่หรอก​กระมัง​?

เด็กหนุ่ม​หน้าตา​หมดจด​พลัน​วิ่งเหยาะๆ​ ไล่ตาม​เฉิน​ผิง​อัน​ไป​ เดิน​เบี่ยง​ตัว​จน​แทบจะ​แนบติด​กำแพง​ เอ่ย​เบา​ๆ ว่า​ “เจ้าสำนัก​เฉิน​ ข้า​ชื่อ​ว่าน​เหยียน”​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ถาม “ว่าน​เหยียน​ที่​มาจาก​ประโยค​พิง​ม้าเขียน​หมื่น​ถ้อยคำ​น่ะ​หรือ​?”

เด็กหนุ่ม​พยักหน้า​รับ​อย่าง​แรง​ ลังเล​อยู่​ชั่วขณะ​ก็​ถามด้วย​ใบหน้า​แดงก่ำ​ “ท่าน​เป็น​วิชา​หมัด​เท้า​หรือไม่​?”

“เป็น​บ้าง​เล็กน้อย​”

“สอน​ให้​คนนอก​ได้​ไหม​?”

“ไม่ได้​”

“ข้า​สามารถ​มอบ​เงิน​ให้ได้​ หาก​เงิน​ไม่พอ​ก็​ติด​ไว้​ก่อน​ ข้า​ต้อง​ใช้คืนให้​แน่นอน​ ข้า​สาบาน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยังคง​ส่ายหน้า​ ไม่ได้​ตอบ​ตกลง​เด็กหนุ่ม​

เด็กหนุ่ม​มีสีหน้า​หม่นหมอง​ “กระบวนท่า​ของ​พวก​อาจารย์​ผู้เฒ่า​ใน​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ พวกเรา​เรียน​ไป​ก็​ไม่มีประโยชน์​ ได้ยิน​มาว่า​ยัง​ต้อง​ใช้ตำรา​หมัด​หรือ​คัมภีร์​อะไร​ด้วย​ พวกเรา​ต่าง​ก็​ไม่เคย​อ่าน​ตำรา​มาก่อน​ จึงไม่อาจ​เรียน​เอา​แก่น​ความรู้​ที่​แท้จริง​มาได้​”

อันที่จริง​ยังมี​คำพูด​บางอย่าง​ที่​ไม่ได้​หลุด​ออก​มาจาก​ปาก​ ฝึก​ท่า​ยืน​นิ่ง​เดิน​นิ่ง​ผายลม​สุนัข​กับ​เกา​โหย​วอ​ย่าง​ส่งเดช​มานาน​หลาย​ปี​ สรุป​แล้ว​ช่วย​เพิ่ม​พละกำลัง​หรือไม่​กลับ​บอก​ได้​ยาก​ แต่​ที่​แน่ๆ​ คือ​หิว​ง่าย​ พอ​หิว​แล้วก็​ต้อง​ไป​ขโมย​เงิน​บน​ถนน​ ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​น้อย​ใหญ่​ใน​เมืองหลวง​ไม่มีที่ไหน​ยินดี​รับ​คนยากจน​สอง​คน​ พรรค​ใน​ยุทธ​ภพ​ก็​ยิ่ง​อยู่​ได้​ยาก​

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “ทำไม​ถึงอยาก​เรียน​หมัด​?”

ว่าน​เหยียน​เอ่ย​ “จะได้​ไม่ถูก​รังแก​ พอ​มีวิชา​ความรู้​ติดตัว​แล้วก็​จะได้​หา​เงินได้​ง่าย​หน่อย​”

โจว​ไห่​จิ้งที่​เอนหลัง​พิง​ประตู​ตะโกน​พูด​กับ​เซียน​กระบี่​หนุ่ม​อยู่​ไกลๆ​ “เรียน​หมัด​ช้าไป​สักหน่อย​ หาก​ได้​เจอกัน​เมื่อ​เจ็ด​แปด​ปีก่อน​ ไม่แน่​ว่า​ข้า​คงจะ​ยินดี​สอน​วิชา​แมว​สามขา​ให้​พวกเขา​อยู่​บ้าง​ แต่​ทุกวันนี้​สอน​ไป​ก็​มีแต่​จะทำร้าย​พวกเขา​ ด้วย​นิสัย​ของ​พวกเขา​ วันหน้า​อยู่​ใน​ยุทธ​ภพ​ ไม่ช้าก็เร็ว​ต้อง​ถูก​คน​ซ้อม​ตาย​อยู่​ใน​สำนัก​แน่นอน​ ไม่สู้เป็น​โจร​ไป​อย่าง​สงบ​ดีกว่า​ ความสามารถ​น้อย​ก็​ก่อเรื่อง​ได้​น้อย​”

เกา​โหย​ว​พูด​อย่าง​ขุ่นเคือง​ “พี่​หญิง​โจว​ อย่า​ได้​ดูแคลน​กัน​สิ สมอง​ของ​ว่าน​เหยียน​ดีมาก​นะ​ เขา​ก็​แค่​ไม่มีเงิน​เรียนหนังสือ​เท่านั้น​ ไม่อย่างนั้น​คง​สอบ​ติด​เป็น​จิ้น​ซื่อ​ไป​แล้ว​”

เด็กหนุ่ม​หน้าตา​หมดจด​ยิ้ม​เขินอาย​ เกา​หัว​ สีหน้า​ไม่เป็นธรรมชาติ​

คน​ทั้งสอง​กำลังจะ​เดิน​ไป​สุด​ปลาย​ตรอก​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยิ้ม​ถามว่า​ “ทำไม​ถึงอยาก​เรียน​วิชา​หมัด​กับ​ข้า​ พี่​หญิง​โจว​ของ​พวก​เจ้าก็​ไม่ใช่คนใน​ยุทธ​ภพ​หรอก​หรือ​ ไย​ต้อง​ละทิ้ง​สิ่งใกล้​ตัว​ไปหา​สิ่งที่อยู่​ไกล​ตัว​ด้วย​เล่า​”

ว่าน​เหยียน​เอ่ย​ “ข้า​รู้สึก​ว่า​อาจารย์​เฉิน​เป็นยอด​ฝีมือ​คน​หนึ่ง​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ก็​”

ว่าน​เหยีย​นรี​บ​แก้ไข​คำพูด​ทันที​ “ก็​เป็นยอด​ฝีมือ​คน​หนึ่ง​!”

เด็กหนุ่ม​หันหน้า​มายิ้ม​ขออภัย​โจว​ไห่​จิ้ง

โจว​ไห่​จิ้งถูก​หยอก​จน​ขำ​

เฉิน​ผิง​อัน​หลุด​หัวเราะ​อย่า​งอด​ไม่อยู่​ “ข้า​เป็นยอด​ฝีมือ​หรือ​ เจ้ามองออก​ได้​อย่างไร​?”

ว่าน​เหยียน​เอ่ย​ “พลัง​อำนาจ​ เจ้าสำนัก​เฉิน​ไม่ว่า​จะเดิน​หรือ​พูดจา​ล้วน​ไม่เหมือนกับ​พวกเรา​ แต่กลับ​เหมือน​ท่าน​น้า​โจว​”

เฉิน​ผิง​อัน​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “มองดู​โลก​อย่าง​ระมัดระวัง​คือ​ความเคยชิน​ที่​ดี​ จะทำให้​เจ้าอ้อม​ผ่าน​อุปสรรค​มากมาย​ไป​อย่าง​ที่​มองไม่เห็น​ เพียงแต่ว่า​เรื่อง​แบบนี้​ พวกเรา​มิอาจ​พิสูจน์​กับ​ตัวเอง​ได้​ เจ้าก็​ถือ​เสีย​ว่า​เป็น​ประสบการณ์​ซึ่งคน​ที่​เคย​ผ่าน​มาก่อน​เล่า​ให้​ฟังก็แล้วกัน​”

ลัทธิ​ขงจื๊อ​กล่าวว่า​พึง​สำรวม​ระมัดระวัง​ตัว​แม้ยาม​อยู่​เพียงลำพัง​ ลัทธิ​พุทธ​กล่าวถึง​การ​บรรลุ​ธรรม​ด้วยตัวเอง​ อันที่จริง​ความหมาย​ไม่ได้​แตก​ต่างกัน​สัก​เท่าไร​ เพียงแต่ว่า​เวลานี้​พูด​เรื่อง​เหล่านี้​กับ​เด็กหนุ่ม​ไม่ได้​มีความหมาย​ จำต้อง​ยอมรับ​ว่า​ หลักการ​เหตุผล​หลายอย่าง​ แท้จริง​แล้ว​มีธรณีประตู​ นอกจากนี้​แล้ว​ยัง​ต้อง​พิถีพิถัน​ใน​เรื่อง​ที่ว่า​ยินดี​จะเรียนรู้​หรือไม่​ เต็มใจ​จะรับฟัง​หรือไม่​อีกด้วย​

เฉิน​ผิง​อัน​หยุด​เท้า​อยู่​หน้า​ตรอก​ ยิ้ม​เอ่ย​กับ​เด็กหนุ่ม​ว่า​ “ท่าน​น้า​โจว​ของ​พวก​เจ้าเป็น​คน​ที่​พูด​ง่าย​ ขอร้อง​นาง​ให้​มาก​ๆ เวลา​ปกติ​ก็​มีไหวพริบ​สักหน่อย​ หาเรื่อง​ทำ​บ้าง​ ยกตัวอย่างเช่น​เป็น​ฝ่าย​ไป​ซื้อ​เหล้า​ให้​กับ​น้า​โจว​ คิด​จะเรียนรู้​วิชา​หมัด​เท้า​เสริมสร้าง​ให้​เรือน​กาย​แข็งแกร่ง​ต้อง​ไม่ยาก​แน่นอน​”

ว่าน​เหยียน​พยักหน้า​ “เข้าใจ​แล้ว​ ยัง​ต้อง​ใช้เงิน​!”

เฉิน​ผิง​อัน​หัวเราะ​ เดิน​ออกจาก​ตรอก​แล้ว​จากไป​ทันที​

โจว​ไห่​จิ้งเบ้​ปาก​

ว่าน​เหยียน​หยุด​ยืน​นิ่ง​อยู่​เนิ่นนาน​ รอ​กระทั่ง​มองไม่เห็น​ชุด​เขียว​นั้น​แล้ว​ ถึงได้​วิ่ง​กลับ​ไปหา​สหาย​รัก​เกา​โหย​ว​และ​โจว​ไห่​จิ้ง

โจว​ไห่​จิ้งเอ่ย​ว่า​ “เรื่อง​ของ​การเรียน​หมัด​ แนะนำ​พวก​เจ้าว่า​ถอดใจ​เสียเถอะ​ เหตุผล​ก็​คือ​ลูก​กระต่าย​น้อย​อย่าง​พวก​เจ้าสอง​คน​ไม่ดำ​มาก​พอ​”

เกา​โหย​ว​ถามอย่าง​คลางแคลง​ “ใจไม่ดำ​มาก​พอ​หรือ​?”

โจว​ไห่​จิ้งกลอกตา​มอง​บน​ หมุนตัว​เดิน​เข้าไป​ใน​บ้าน​ ปิดประตู​เรือน​ลง​

มอง​ถ้วย​ขาว​ที่​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ นาง​หวัง​เพียง​ว่า​เซียน​กระบี่​ที่​มีกลิ่นอาย​ของ​ตำรา​ อาจารย์​ของ​เผย​เฉียน​ผู้​นี้​จะพูดจริงทำจริง​ ไม่มาตอแย​ตน​อีก​

โจว​ไห่​จิ้งนั่ง​อยู่​บน​ธรณีประตู​ของ​ห้อง​หลัก​ มอง​ลานบ้าน​ด้านนอก​

ชาวประมง​ริมทะเล​ตากแดด​จ้าอยู่​ทุกเมื่อเชื่อวัน​ ลมทะเล​พัด​มาพร้อม​กลิ่นคาว​ เด็กหนุ่ม​เด็กสาว​ที่จับ​ปลา​เก็บ​ไข่มุก​ ส่วนใหญ่​ล้วน​ผิวดำ​เกรียม​เหมือน​ถ่าน​ แต่ละคน​จะงดงาม​หน้าตา​ดี​ไป​ได้​อย่างไร​กัน​

เคย​มีบุรุษ​ต่างถิ่น​คน​หนึ่ง​มาหยุดพัก​เท้า​อยู่​ที่​หมู่บ้าน​ริมทะเล​ ช่วย​พวก​ชาวประมง​ตาก​เกลือ​ทะเล​ ทำ​เขื่อนกั้นน้ำ​

และ​บ้านเกิด​ของ​นาง​ก็​อยู่​ใกล้​กับ​มหาสมุทร​ใหญ่​ ฟังบรรพบุรุษ​รุ่น​แล้ว​รุ่น​เล่า​บอกเล่า​สืบ​ต่อกัน​มา บอ​กว่า​ที่นั่น​คือ​สถานที่​ที่​พระอาทิตย์​หลับตา​ลง​พักผ่อน​และ​ลืมตา​ตื่นขึ้น​มา

หวน​นึกถึง​อดีต​อัน​ห่างไกล​ หญิงสาว​ยากจน​งดงาม​ดุจ​บุปผา​ แต่​ไร้​คันฉ่อง​จึงไม่รู้​โฉมหน้าที่​แท้จริง​ของ​ตน​

เฉิน​ผิง​อัน​ที่​เดิน​จากไป​ไกล​ช้าๆ พึมพำ​ว่า​ “บุปผา​เบ่งบาน​ออกผล​พร้อมกัน​”

……

เรือน​ด้านหน้า​ของ​ร้าน​ยา​ตระกูล​หยาง​ ซูเตี้ย​น​และ​ศิษย์​น้อง​สือห​ลิง​ซาน​ยังคง​ดูแล​ร้าน​ต่อไป​ ถึงอย่างไร​ก็​ไม่มีกิจการ​อะไร​ให้​พูดถึง​อยู่แล้ว​

ซูเตี้ย​น​จึงออก​มาจาก​เรือน​ด้านหน้า​ ไป​นั่ง​ที่​เรือน​หลัง​ ต่อให้​อาจารย์​จะไม่อยู่แล้ว​ แต่​นาง​ก็​ยังคง​รักษา​กฎ​ ไม่กล้า​ไป​นั่ง​ที่​ขั้นบันได​ของ​ห้อง​หลัก​ แล้วก็​ไม่กล้า​นั่ง​ที่​ม้านั่งยาว​ตัว​นั้น​

สือห​ลิง​ซาน​เลิก​ผ้าม่าน​ขึ้น​มอง​ศิษย์​พี่​หญิง​แล้ว​ถอนหายใจ​อย่าง​เศร้าสร้อย​ กลุ้มใจ​จะตาย​อยู่แล้ว​ เจ้าตะพาบ​เจิ้งต้าเฟิง​ผู้​นั้น​! พูดจา​เหลวไหล​ไม่ขาดปาก​ ทำร้าย​คน​ไม่เบา​ เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ยอม​ฟังความคิด​แย่​ๆ ของ​เจ้าเฒ่าขึ้นคาน​ผู้​นั้น​ ตอน​ที่อยู่​ซาก​ปรัก​สนามรบ​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ราชวงศ์​จูอิ๋ง​ได้​เจอ​กับ​อวี๋​ลู่​ จึงเอ่ย​ไป​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ตน​ไม่ใช่ศิษย์​น้อง​ของ​ซูเตี้ย​น​ แต่​เป็น​ลูกชาย​ของ​นาง​…ผล​คือ​หลัง​จากนั้นมา​ก็​ไม่เพียงแต่​โดน​ต่อย​ไป​หนึ่ง​หมัด​ ศิษย์​พี่​หญิง​ยัง​ไม่เคย​ทำ​สีหน้า​ดี​ๆ ให้​เขา​เห็น​อีก​เลย​ ถึงขั้น​ที่ว่า​จนถึง​ทุกวันนี้​ก็​ยัง​ไม่ค่อย​ยินดี​จะพูดคุย​กับ​เขา​สัก​เท่าไร​

สือห​ลิง​ซาน​ถามเสียง​เบา​ “ศิษย์​พี่​หญิง​ มีเรื่อง​ใน​ใจหรือ​?”

ซูเตี้ย​น​เหมือน​ไม่ได้ยิน​

สือห​ลิง​ซาน​ถามขึ้น​มาอีก​ “ศิษย์​พี่​หญิง​คิดถึง​อาจารย์​อีกแล้ว​หรือ​?”

ซูเตี้ย​น​ไม่ได้​หันหน้า​มา เพียง​เอ่ย​ว่า​ “ไป​เฝ้าหน้า​ร้าน​”

สือห​ลิง​ซาน​ถอนหายใจ​ดัง​เฮ้อ​ แต่​อารมณ์​กลับ​เบิกบาน​ขึ้น​มาก​ วิ่ง​ตุปัดตุเป๋​ไป​ที่​เรือน​ด้านหน้า​ วันนี้​ศิษย์​พี่​หญิง​พูด​กับ​ตน​ตั้ง​สี่คำ​เชียว​นะ​

ซูเตี้ย​น​กำลัง​คิดถึง​คนอื่น​จริงๆ​ ทว่า​ไม่ใช่อาจารย์​ที่​นาง​เคารพ​ที่สุด​ แต่​เป็น​ท่าน​อา​ของ​นาง​

ใน​เตาเผา​มังกร​แห่ง​หนึ่ง​เคย​มีเด็กเล็ก​ใบหน้า​เหลือง​ตอบ​เนื้อตัว​สกปรก​มอมแมม​คน​หนึ่ง​ ทำให้​คน​แยก​ไม่ออ​กว่า​เป็น​เด็กหญิง​หรือ​เด็กชาย​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​ไม่มีใคร​สนใจไยดี​

เพราะ​ท่าน​อา​ของ​นาง​ไม่อาจ​ทน​สายตา​และ​คำ​พูดทิ่มแทง​จาก​พวก​เพื่อนบ้าน​ได้​จึงขาย​ที่นา​ใน​ราคา​ถูก​แล้วไป​เป็น​คนงาน​ที่​เตาเผา​ และ​เพื่อให้​นาง​มีชีวิต​ที่​ดี​หน่อย​ ท่าน​อา​ของ​นาง​ถึงกับ​ไม่ได้​บอก​ให้​ใคร​รู้​ถึงความสัมพันธ์​ของ​คน​ทั้งสอง​ ท่าน​อา​แค่​ขอร้อง​ช่างเหยา​เป็นการ​ส่วนตัว​ว่า​ ขอให้​นาง​ได้​ทำงาน​เล็กๆ น้อยๆ​ ที่​ความสามารถ​พอ​จะอำนวย​อยู่​ที่นั่น​ นาง​ถึงได้​อยู่​ที่นั่น​ด้วย​

ภายหลัง​ท่าน​อา​ตาย​ไป​

นาง​รู้สึก​ว่า​ยัง​ไม่สู้อยู่​ใน​เมือง​เล็ก​ให้​คน​ด่า​ตาย​ ถึงอย่างไรก็ดี​กว่า​ถูก​คน​ซ้อม​จน​ปางตาย​แล้ว​ค่อย​เอา​เศษกระเบื้อง​แทง​ตัวเอง​ตาย​

พอ​คิดถึง​เรื่อง​นี้​ ซูเตี้ย​น​ก็​ยก​หลัง​มือขึ้น​มาขยี้ตา​

ใน​ช่วงเวลา​หลาย​ปี​นั้น​ บางครั้ง​ที่​ท่าน​อา​ดื่มเหล้า​ก็​มักจะ​พูด​ความในใจ​ให้​นาง​ฟัง คง​เป็น​เพราะ​นาง​ไม่เคย​พูด​อะไร​ ทุกครั้ง​มักจะ​ฟังอย่าง​เงียบๆ​ เสมอ​ เขา​จึงเขา​ใจผิด​คิด​ว่า​นาง​อายุ​น้อย​เกินไป​ก็​เลย​ไม่เข้าใจ​

ท่าน​อา​บอ​กว่า​ สายตา​ที่​มอง​ข้า​ เหมือน​สายตา​ที่​มอง​ขยะ​สกปรก​ ข้า​ล้วน​รับรู้​ แต่​จะอย่างไรเล่า​ ก็ได้​แต่​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่รู้​เท่านั้น​

หลบ​ไม่ได้​ หนี​ไม่พ้น​ แล้วก็​โทษ​พวกเขา​ไม่ได้​ เป็น​ข้า​ที่​รนหาที่​เอง​

ท่าน​อา​ตั้ง​ชื่อเล่น​ให้​นาง​ หรือ​ก็​คือ​ชื่อ​ ‘แยนจือ’​ ใน​ทุกวันนี้​ อันที่จริง​นาง​ไม่ชอบ​เลย​ ถึงขั้น​ยัง​รังเกียจ​มาโดยตลอด​

เวลา​ที่​เขา​อารมณ์ดี​มักจะ​พร่ำพูด​ประโยค​หนึ่ง​กับ​นาง​บ่อยๆ​ ว่า​ ‘แยนจือ​น้อย​ เจ้าเป็น​เด็กผู้หญิง​ ชอบ​ผง​ชาด​เครื่อง​ประทิน​โฉมเป็นเรื่อง​ที่​ดีมาก​เลย​นะ​’

ใน​ช่วงเวลา​หลาย​ปี​นั้น​ คน​เพียงผู้เดียว​ที่​ท่าน​อา​สามารถ​รังแก​ได้​ แท้จริง​แล้วก็​คือ​เด็กหนุ่ม​รอง​เท้าสาน​ที่​ร่าง​ผ่ายผอม​ตัว​เตี้ย​คน​นั้น​

เพราะ​เด็กหนุ่ม​คน​นั้น​ยากจน​เกินไป​ แล้ว​ยัง​เป็น​เด็กกำพร้า​ไร้​ที่พึ่ง​ ดูเหมือนว่า​มีเพียง​อยู่​กับ​คน​แซ่เฉิน​เท่านั้น​ ท่าน​อา​ที่​ไม่ได้ความ​มาก​ที่สุด​ถึงจะกลาย​มาเป็น​คนมีเงิน​ มีหน้ามีตา​ พูดจา​ก็​มีความมั่นใจ​มากขึ้น​

มีหลายครั้ง​ที่​นาง​มอง​เจ้าคน​ที่​อายุ​มากกว่า​นาง​เล็กน้อย​คน​นั้น​อยู่​ไกลๆ​ ตอนที่​ขึ้น​รูป​เครื่อง​ปั้น​ เขา​จะขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ เม้มปาก​แน่น​ แต่​ทุกครั้ง​เค​รื้อ​งปั้น​ที่​ทำ​ออกมา​ล้วน​ไม่ได้เรื่อง​

ท้ายที่สุด​ท่าน​อา​ยัง​เคย​บอก​กับ​นาง​ว่า​ แยนจือ​น้อย​ วันหน้า​หาก​เจอ​เรื่อง​ใด​ ให้​ไปหา​คน​ผู้​นั้น​ ก็​คือ​เฉิน​ผิง​อัน​แห่ง​ตรอก​หนี​ผิง​คน​นั้น​ เขา​จะต้อง​ช่วย​เจ้า จะต้อง​ช่วย​แน่นอน​

แต่​อย่า​ไป​รบกวน​คน​เขา​บ่อยๆ​ หาก​จำนวน​หลายครั้ง​เข้า​ จะทำให้​คน​รังเกียจ​และ​รำคาญ​ได้​เหมือนกัน​

ตอนนั้น​นาง​ไม่รู้​ว่า​นั่น​น่าจะ​ถือว่า​เป็น​คำ​สั่งเสีย​ของ​ท่าน​อา​แล้ว​

มีอยู่​คืนหนึ่ง​ ใน​ตรอก​หนี​ผิง​ บุรุษ​ร่าง​ผอม​สูงที่​ตั้งใจ​เปลี่ยนไป​สวม​ชุด​สะอาดสะอ้าน​โดย​เฉพาะคน​หนึ่ง​ฉวยโอกาส​ที่​เจ้าของบ้าน​ต้อง​คอย​ไป​เฝ้าไฟใน​เตาเผา​แอบ​กลับ​เข้ามา​ใน​เมือง​เล็ก​ตอนกลางคืน​

เด็กหญิง​ตัว​ผอมแห้ง​ผิวดำ​เกรียม​คน​หนึ่ง​รับผิดชอบ​คอย​เฝ้าดูต้นทาง​ให้​ท่าน​อา​ที่​หน้า​ปากตรอก​

บุรุษ​ปีน​กำแพง​เข้าไป​ใน​บ้าน​ เพียงแต่ว่า​ลังเล​อยู่​นาน​ เดิน​วน​ป้วนเปี้ยน​กลับไปกลับมา​ ใน​มือ​กำ​ตลับ​ชาด​ประทิน​โฉมใบ​หนึ่ง​เอาไว้​แน่น​

ก่อนหน้า​นั้น​บุรุษ​ยัง​แอบ​ไป​ที่​ร้าน​ยา​ตระกูล​หยาง​มารอบ​หนึ่ง​ ไปหา​ผู้เฒ่า​นิสัย​แปลกแยก​เพื่อ​ซื้อ​ยาทา​มาหนึ่ง​ตลับ​

การ​ที่​กลัว​ตาย​กลับ​เพียงแค่​เพราะ​กลัว​เจ็บ​ ผูกคอตาย​สภาพ​ศพ​ย่อม​ไม่น่าดู​ กระโดด​น้ำตาย​กว่า​จะตาย​ก็​คง​ทรมาน​อย่าง​มาก​ คิด​แล้วจึง​กลัว​จน​ไม่กล้า​ตาย​ นี่​ทำให้​บุรุษ​ยิ่ง​คิด​ยิ่ง​เสียใจ​ นิสัย​เหมือน​สตรี​จริงๆ​

ตอนที่​บุรุษ​อารมณ์ไม่ดี​เขา​มักจะ​ชอบ​ไป​นั่ง​อยู่​ริมน้ำ​ บ้าง​ก็​ตัด​กระดาษ​แดง​ บ้าง​ก็​ถัก​เปีย​ให้​กับ​แม่นาง​น้อย​ที่​มีชีวิต​อยู่​เพื่อ​พึ่งพา​กันและกัน​ นอกจาก​งาน​ใน​ไร่นา​ที่​นับแต่​เล็ก​มาก​็ไม่ชอบ​ที่สุด​แล้ว​ เวลา​เขา​ทำ​อะไร​มักจะ​มือเบา​คล่องแคล่ว​อย่าง​มาก​ อยู่​ริม​ลำคลอง​ก็​จะหันหน้า​เข้าหา​ผิวน้ำ​ คอย​เอียง​ศีรษะ​หมุน​ไป​หมุน​มาอยู่​ตลอด​คล้าย​กำลัง​ส่องกระจก​ แล้วก็​มักจะ​ยก​ฝ่ามือ​มาลูบไล้​เส้น​ผม​ตรง​จอน​หูเบา​ๆ เป็น​คนงาน​ใน​เตาเผา​คือ​งาน​ที่​ต้อง​เหนื่อยยาก​ ไม่มีห้อง​เดี่ยว​ให้​พัก​ ต้อง​อยู่​ร่วมกับ​บุรุษ​ตัว​โต​ๆ กลุ่ม​ใหญ่​ หาก​ส่องกระจก​แล้ว​ถูก​คน​เห็น​เข้า​จะต้อง​ถูก​ซุบซิบนินทา​

คน​ที่​เขา​เคย​รังเกียจ​ที่สุด​ บางที​ไม่ว่า​ใคร​ก็​คง​คาดไม่ถึง​ ไม่ใช่พวก​คน​ที่​รังแก​เขา​จน​ชินชา​ แต่​กลับเป็น​เด็กหนุ่ม​รอง​เท้าสาน​ที่​มาจาก​ตรอก​หนี​ผิง​

เพราะ​ยาม​ที่​เด็กหนุ่ม​มอง​เขา​ ใน​ดวง​ตาไม่มีแวว​เย้ยหยัน​ ถึงขั้น​ไม่มีความสงสาร​ ราวกับ​กำลัง​มอง​…คนคน​หนึ่ง​

แต่​ยิ่ง​เฉิน​ผิง​อันเป็น​เช่นนี้​ ใน​ใจของ​ชาย​ใจหญิง​ผู้​นี้​กลับ​ยิ่ง​รู้สึก​แย่มาก​เท่านั้น​

เขา​อยาก​ให้​ทุกคน​เป็น​พวก​จิตใจ​สกปรก​โสมม เขา​ยินดี​ให้​เด็กหนุ่ม​คน​นั้น​มีนิสัย​เหมือนกับ​คนงาน​ใน​เตาเผา​ทุกคน​ยัง​ดีกว่า​ เขา​ถึงได้​ชอบ​เป็น​คน​นำ​ขบวน​ผู้คน​ พูดจา​ยุแยง​กระพือ​ไฟ เอ่ย​ถ้อยคำ​เหน็บแนม​ใส่ลูกศิษย์​ของ​เตาเผา​ที่​มาจาก​ตรอก​หนี​ผิง​

กระทั่ง​ถึงวันนั้น​ เขา​ก่อ​เรื่องใหญ่​ ทำให้​ไฟใน​เตาเผา​มังกร​มอด​ดับ​ จึงไป​หลบ​อยู่​ใน​ป่า​ อันที่จริง​เด็กหนุ่ม​เป็น​คน​แรก​ที่​ค้นพบ​ร่องรอย​เขา​ แต่กลับ​ไม่ได้​เอ่ย​อะไร​ แสร้ง​ทำเป็น​มองไม่เห็น​เขา​ หลังจากนั้น​ยัง​ช่วย​อำพราง​ร่องรอย​ให้​เขา​ด้วย​

ภาย​หลังเขา​ถูก​ตัด​ขา​ทั้งสอง​ข้าง​ นอน​พัก​อยู่​บน​เตียง​นาน​ครึ่ง​ปี​ ถึงท้ายที่สุด​คน​ที่​ดูแล​เขา​มาก​ที่สุด​ยังคง​เป็น​เด็กหนุ่ม​ถ่าน​ดำ​ที่​ไม่รู้จัก​ปฏิเสธ​คำ​ขอร้อง​ของ​คนอื่น​

และ​ใน​ช่วง​เวลานี้​ ชาย​ใจหญิง​เช่น​เขา​ถึงได้​พูดคุย​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​บ่อยๆ​ แต่ว่า​เด็กหนุ่ม​พูดน้อย​ ส่วนใหญ่​เป็น​บุรุษ​ที่​พูด​ เด็กหนุ่ม​รับฟัง​

‘เฉิน​ผิง​อัน​’

‘เจ้าเป็น​คน​ประหลาด​นัก​ อันที่จริง​ประหลาด​ยิ่งกว่า​ข้า​เสีย​อีก​ แต่​เจ้าเป็น​คนดี​จริงๆ​’

‘คำพูด​โบราณ​ยัง​บอก​ด้วยว่า​คนดี​อายุ​ไม่ยืน​ แล้ว​ยัง​พูดว่า​คน​ทำดี​ต้อง​ได้ดี​ตอบแทน​ เจ้าคิด​ว่า​อย่างไร​?’

‘เจ้าเอง​ก็​ไม่รู้​เหมือนกัน​ ใช่ไหม​’

‘รอ​ให้​เจ้าโต​กว่า​นี้​อีกหน่อย​ ก็​จะรู้​เอง​ว่า​เป็น​คนดี​นั้น​ต้อง​ลำบาก​มาก​’

บางครั้ง​เฉิน​ผิง​อัน​ถึงจะพูด​ความในใจ​ไป​หนึ่ง​หรือ​สอง​ประโยค​ บอ​กว่า​ตนเอง​ถือว่า​เป็น​คนดี​อะไร​กัน​ อยาก​ตี​เขา​เหมือนกัน​นั่นแหละ​ เพียงแต่ว่า​เจ้าถูก​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ตี​ครั้งหนึ่ง​จน​กลัว​ไป​แล้ว​ ข้า​จึงไม่ต้อง​ลงมือ​แล้ว​

บทสนทนา​ครั้งสุดท้าย​ของ​คน​ทั้งสอง​คือ​ชาย​ใจหญิง​อยาก​จะมอบ​ของ​สิ่งหนึ่ง​ให้​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​

‘จะมอบ​ของ​ชิ้น​หนึ่ง​ให้​เจ้า เป็น​ของ​ชิ้น​เดียว​ที่​มีราคา​ของ​ข้า​แล้ว​’

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด