กระบี่จงมา 853.2 คร่าวๆ

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 853.2 คร่าวๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิว​เสี้ยน​หยาง​เอ่ย​อย่าง​ใคร่รู้​ “แล้ว​ใคร​จะใส่ซอง​ให้​ข้า​ใหญ่​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​? เฉิน​ผิง​อัน​หรือ​?”

ชุยตง​ซาน​หัวเราะ​หึหึ​ “อาจารย์​ข้า​ไม่มีเงิน​อะไร​หรอก​ ต้อง​เป็น​โจว​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เรา​ต่างหาก​!”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “จำไว้​ว่า​ต้อง​เตือน​โจว​อันดับ​หนึ่ง​สัก​คำ​ หากว่า​มีธุระ​ยุ่ง​ ต่อให้​คน​ไม่มา ซอง​แดง​ก็​ต้อง​มาถึงนะ​ เงิน​ใส่ซอง​จะมาก​หรือ​น้อย​ก็​ให้​เขา​พิจารณา​เอา​เอง​ ส่วน​จะใช้ถ้อยคำ​อย่างไร​ น้อง​ชุย​เจ้าก็​ช่วย​ข้า​เกลา​สำนวน​สักหน่อย​ ถึงอย่างไร​ข้า​ก็​หมายความ​เช่น​นี้แหละ​”

ชุยตง​ซาน​ตบ​อก​ดังสนั่น​ฟ้า

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​พลัน​หรี่ตา​เอ่ย​ว่า​ “ชุยตง​ซาน​ เจ้าเอ่ย​กับ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​สัก​อีก​สัก​ประโยค​ว่า​ หาก​เอา​หิน​ผา​มาหลอม​ให้​ดี​ก็​จะกลายเป็น​อาวุธ​เซียน​ชิ้น​หนึ่ง​ได้​”

ชุยตง​ซาน​ถ่ายทอด​ประโยค​นี้​ไป​อย่าง​ไม่มีความลังเล​ใด​

หลิว​เสี้ยน​หยาง​เต้นผาง​ “อาวุธ​เซียน​?! น้อง​ชุย​เจ้ารีบ​เพิ่ม​ราคา​ไป​เลย​ ให้​คนซื้อ​อัด​เงิน​มากกว่า​นี้​! เอาล่ะ​ๆ ถึงอย่างไร​ก็​เป็นเรื่อง​เล็กน้อย​แค่นี้​เอง​ อย่า​มารบกวน​ข้า​อีก​ ไม่อย่างนั้น​พวกเรา​จะไม่ได้​เป็น​พี่น้อง​กัน​แล้ว​นะ​”

ชุยตง​ซาน​ไม่พูด​อะไร​อีก​จริงๆ​ ถอน​สาย​ตากลับ​มาจาก​ลำคลอง​หลง​ซวี​

คน​อย่าง​หลิว​เสี้ยน​หยาง​นี้​ อันที่จริง​ไม่ว่า​ใคร​ก็​อิจฉา​เขา​อยู่​หลาย​ส่วน​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ฉวยโอกาส​ตอนที่​ชุยตง​ซาน​พูดคุย​กับ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ทำ​การคำนวณ​ อนุมาน​ไป​ถึงต้นกำเนิด​อีก​เล็กน้อย​

สาย​ของ​บรรพบุรุษ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​เชี่ยวชาญ​ศาสตร์​การควบคุม​มังกร​ เลี้ยง​มังกร​และ​พิฆาต​มังกร​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ยัง​เคย​ได้รับ​แซ่สอง​พยางค์​อย่า​งอวี้​หลง​ และ​แรกเริ่ม​สุด​ตัวอักษร​ ‘หลิว​’(刘) นี้​ เดิมที​ก็​มีรูปร่าง​คล้าย​กับ​ขวาน​ที่​ใช้เป็น​อาวุธ​ใน​การ​ทำสงคราม​ เป็น​ตัวอักษร​หนึ่ง​ที่​มีบารมี​อำนาจ​น่าเกรงขาม​อย่างยิ่ง​ หลังจาก​ศึก​พิฆาต​มังกร​ผ่าน​พ้นไป​ คาด​ว่า​บรรพบุรุษ​ของ​สกุล​หลิว​คง​ได้​กลับมา​ใช้แซ่หลิว​อีกครั้ง​ ไม่อย่างนั้น​คนรุ่นหลัง​รุ่น​แล้ว​รุ่น​เล่า​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูแห่ง​นี้​ต่าง​ก็​ใช้แซ่อวี้​หลง​ คง​สะดุดตา​มากเกินไป​จริงๆ​ แล้วก็​จะถูก​มหา​มรรคา​ที่​มองไม่เห็น​ของ​ถ้ำสวรรค์​ขนาดเล็ก​แห่ง​หนึ่ง​สยบ​กำราบ​ ทำร้าย​ชะตาชีวิต​ของ​ลูกหลาน​รุ่นหลัง​ แน่นอน​ว่า​ตระกูล​หนึ่ง​ย่อม​ยาก​ที่จะ​แตก​กิ่งก้านสาขา​ ขยับขยาย​วงศ์ตระกูล​ให้​รุ่งเรือง​ออก​ไป​ได้​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ถาม “คนหนุ่ม​ผู้​นี้​เคย​รู้เรื่อง​ใน​บ้าน​ของ​ตัวเอง​หรือไม่​?”

ชุยตง​ซาน​ยิ้ม​กล่าว​ “รู้​หรือไม่​รู้​ก็​ยัง​เป็น​หลิว​เสี้ยน​หยาง​คน​เดิม​อยู่ดี​ไม่ใช่หรือ​”

ดังนั้น​การ​ที่​เถียน​หว่าน​ช่วย​ผูก​ด้าย​แดง​ให้​กับ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​และ​จื้อ​กุย​แห่ง​ตรอก​หนี​ผิง​ย่อม​ไม่ใช่การกระทำ​ที่​ทำ​ไป​อย่าง​เรื่อยเปื่อย​ของ​นาง​

สวรรค์​ประ​ทานข้าว​ให้​กิน​ก็​สามารถ​มีชีวิต​ได้​อย่าง​สงบสุข​ ใช้ชีวิต​อย่าง​มั่นคง​ผ่าน​ไป​ได้​ตลอด​ทั้งชาติ​ บรรพบุรุษ​มอบ​ข้าว​ให้​กิน​ก็​คือ​การ​มีทักษะ​อย่างหนึ่ง​ติดตัว​ ไม่ว่า​จะไป​อยู่​ที่ไหน​ก็​ล้วน​มีข้าว​กิน​

แต่​คน​ผู้​หนึ่ง​หาก​ไม่รู้จัก​ใคร่ครวญ​ ไม่รู้จัก​การ​ย้อน​คิด​ อันที่จริง​ต่อให้​เทพ​เทวดา​และ​บรรพบุรุษ​มอบ​ข้าว​ให้​กิน​พร้อมกัน​ก็​ยัง​ไม่มีประโยชน์​อยู่ดี​ ก็​เหมือนกับ​คน​คน​หนึ่ง​มีเพียง​ชามข้าว​แต่​ไม่มีข้าว​ ตัว​อยู่​ท่ามกลาง​ความสุข​แต่กลับ​ไม่เคย​รับรู้​ถึงความสุข​นั้น​ เพราะ​ไม่เข้าใจ​การถอย​ไป​หนึ่ง​ก้าว​เพื่อ​ครุ่นคิด​ ตาม​คำกล่าว​ของ​บน​ภูเขา​แล้ว​ นี่​เรียก​ว่า​ฝีมือ​และ​หนทาง​เข้ากัน​ไม่ได้​

แน่นอน​ว่า​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ต้อง​มีคุณสมบัติ​ที่​ดีมาก​ แต่​แท้จริง​แล้ว​ใต้​หล้า​นี้​มีตัวอ่อน​เทพ​เซียน​ที่​มีคุณสมบัติ​ใน​การ​ฝึก​ตน​กี่มากน้อย​ที่​ถูก​ทำลาย​ไป​ใน​วิถี​ทางโลก​อย่าง​เงียบเชียบ​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ใช้ชีวิต​สู้มนุษย์​ธรรมดา​หลาย​คน​ไม่ได้​ด้วยซ้ำ​ หาก​จิตใจ​ของ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​เกิด​มีทางแยก​แยก​ออก​ไป​ ยกตัวอย่างเช่น​เป็น​คน​เกียจคร้าน​ เป็น​คน​ตระหนี่​ ไม่แน่​ว่า​ใน​อำเภอ​ไหว​หวง​ของ​ทุกวันนี้​อาจจะ​มีชายโสด​ที่​วัน​ๆ เอาแต่​เล่น​สนุก​เอ้อระเหย​ลอยชาย​ ทั้งปี​ดีแต่​โทษ​คน​บ่น​ฟ้าเพิ่ม​มาอีก​คน​ก็​เป็นได้​

ชุยตง​ซาน​ยิ้ม​ถาม “ผู้อาวุโส​ ให้ราคา​ที่​เหมาะสม​กับ​อาวุธ​เซียน​ชิ้น​หนึ่ง​ดี​ไหม​?”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ยื่นมือ​ออก​ไป​ปาด​หนึ่ง​ที​ บน​โต๊ะ​ก็​มีกระดาษ​ลาย​เมฆที่​มีปราณ​สีม่วง​ลอย​กรุ่น​แผ่น​หนึ่ง​โผล่​มาจาก​ความว่างเปล่า​ สอง​นิ้ว​ของ​เขา​ประกบ​ทำท่า​วาดภาพ​

ตำรา​ลัทธิ​เต๋า​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​นี้​ไม่มีอะไร​เหนือ​เกินไป​กว่า​การเขียน​อักษร​สามภูเขา​และ​การ​วาดภาพ​ห้า​ขุนเขา​ที่​แท้จริง​ ทวยเทพ​ขุนนาง​เซียน​ใน​ยุค​บรรพกาล​ หาก​ไม่มีทำเนียบ​เขียว​ชื่อ​เซียน​จะไม่อาจ​ได้รับ​การ​ถ่ายทอด​ให้​เรียนรู้​ได้​

ผู้ฝึก​ตน​ใน​ยุค​แรกเริ่ม​สุด​ค้นหา​ภูเขา​ที่​มีชื่อเสียง​และ​สายน้ำ​ใหญ่​ เปิด​ภูเขา​ก่อตั้ง​สำนัก​ สร้าง​สิ่งปลูกสร้าง​ติด​ริมน้ำ​ ส่วนใหญ่​มักจะ​มีภาพ​นี้​อยู่​ด้วย​ ภูตผี​ตาม​ป่า​เขา​ ตัว​ประหลาด​ผี​พราย​ เสนียด​ชั่วร้าย​ทั้ง​ร้าย​มิกล้า​กล้ำกราย​เข้าใกล้​ สุดท้าย​มรรค​กถา​แผ่​กระจาย​ไป​ทั่วโลก​มนุษย์​ นอกจาก​มีการเผย​แพร่ภาพ​ค้น​ภูเขา​เป็น​วงกว้าง​แล้วก็​ยังมี​ภาพ​ห้า​ขุนเขา​ที่​แท้จริง​นี้​ เพียงแต่ว่า​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ใน​โลก​ยุค​หลัง​ที่​วาดภาพ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ภาพ​นี้​กลับ​ไม่เคย​รู้​ถึงท่วงทำนอง​ที่​แท้จริง​ของ​มรรค​กถา​ ถือว่า​หา​ประตู​ไม่เจอ​และ​ไม่อาจ​เดิน​เข้าไป​ได้​ แม้แต่​รูปลักษณ์ภายนอก​ก็​ยัง​ไม่เหมือน​ จิตวิญญาณ​ก็​ยิ่ง​กระจัดกระจาย​

ชุยตง​ซาน​รู้​ว่า​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ต้อง​รู้​ว่า​ตัวเอง​รู้​ว่า​เขา​จะมอบ​อะไร​ให้​

ไม่ต้อง​พูด​อะไร​ให้​มากความ​ด้วยซ้ำ​

ชุยตง​ซาน​ฟุบ​ตัว​อยู่​บน​โต๊ะ​ จุ๊ปาก​ชื่นชม​ คล้าย​แสดง​ความเคารพ​และ​การ​ขอบคุณ​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ใช้มรรค​กถา​ เผาผลาญ​ปราณ​เต๋า​ สิ่งที่​กรอก​เท​เข้าไป​คือ​ปณิธาน​เต๋า​ที่​สูงส่งมหัศจรรย์​ พูด​ง่ายๆ​ ก็​คือ​บน​เส้นสาย​ของ​มรรค​กถา​ที่​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ใช้วาดภาพ​นี้​ จะเป็น​เหมือน​การ​คัดลอก​ศิลา​อย่างหนึ่ง​ ยิ่ง​ฉบับ​สำเนา​มีมาก​เท่าไร​ ความหมาย​ก็​ยิ่ง​ตื้นเขิน​มาก​เท่านั้น​

จูเหลี่ยน​มอง​การ​วาดภาพ​ของ​นักพรต​เฒ่าอย่าง​ละเอียด​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ไร้​เรี่ยวแรง​จะซื้อ​ภูเขา​เรียน​วิชา​วาดภาพ​ ภาพ​บรรยากาศ​พัน​หมื่น​ล้วน​อยู่​ใน​ภาพ​”

วันหน้า​หาก​ตน​คิด​จะทำ​เลียนแบบ​ รูปลักษณ์​เหมือน​สัก​เก้า​ส่วน​ยัง​ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​ แต่​จะเหมือน​ทาง​จิตวิญญาณ​ได้​สัก​กี่​ส่วน​ก็​ต้อง​รอ​ให้​จรด​พู่กัน​ก่อน​ถึงจะรู้​คำตอบ​

ชุยตง​ซาน​คีบ​ปลาย​ด้าน​หนึ่ง​ของ​ม้วน​ภาพ​ขึ้น​มาเขย่า​เบา​ๆ ชั่งน้ำหนัก​ของ​มัน​

เดา​ว่า​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​คน​นี้​น่าจะ​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​นี้​เป็น​ครั้ง​ที่สอง​แล้ว​ หาก​เป็นครั้งแรก​จะต้อง​มีระดับ​ขั้น​ของ​อาวุธ​เซียน​ที่​ได้​ทั้ง​ป้องกัน​และ​โจมตี​ ดังนั้น​ภาพ​ที่​แท้จริง​ใน​มือ​ภาพ​นี้​จึงด้อย​กว่า​ระดับ​หนึ่ง​

ภาพ​บรรพบุรุษ​ของ​ตำรา​เต๋า​ภาพ​นี้​ สามารถ​เรียก​ได้​ว่า​เป็น​ภาพ​ผลงาน​แท้จริง​ลำดับ​รอง​ได้​แล้ว​

น่าเสียดาย​ที่​มีระดับ​ขั้น​เป็น​แค่​อาวุธ​กึ่ง​เซียน​ หาก​สามารถ​นำมา​ทำเป็น​สมบัติ​หนัก​ที่​ใช้ใน​การ​โจมตี​ได้​จริง​ แต่​ถ้าใช้เสร็จ​ก็​หมดค่า​ จะเป็นการ​ล้างผลาญ​ทรัพยากร​สวรรค์​เกินไป​แล้ว​ แต่​หาก​นำมา​อัด​กรอบ​เป็น​ภาพวาด​ แขวน​ไว้​ใน​ห้อง​ ถ้าอย่างนั้น​กลับ​ร้ายกาจ​ยิ่ง​ พูด​ได้​คำ​เดียว​ว่า​ ภายใน​หนึ่ง​พันปี​ ไม่มีหายนะ​ก่อเกิด​ เมฆมงคล​มารวมตัวกัน​ ไม่มีความยุ่ง​ยากลำบาก​ของ​ ‘ตระกูล​อัน​เลิศ​ล้ำ​ย่อม​มีผี​ร้าย​จับจ้อง​’ อีกต่อไป​

ชุยตง​ซาน​ถอนหายใจ​ “ผู้อาวุโส​ เอา​ไป​อัด​กรอบ​แขวน​ไว้​บน​ผนัง​ ถึงอย่างไร​ก็​ไม่สู้ใส่แกน​ภาพ​เพื่อ​สะดวก​ยาม​พก​ติด​กาย​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ไม่สนใจ​

ชุยตง​ซาน​จึงได้​แต่​พูดว่า​ “ผู้อาวุโส​ท่าน​พูด​เอง​ว่า​แค่​เอา​ไป​หลอม​เล็กน้อย​ก็​เป็น​อาวุธ​เซียน​ชิ้น​หนึ่ง​ได้​แล้ว​ ทว่า​ภาพ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​นี้​ ผู้เยาว์​จะต้อง​หล่อหลอม​อย่างไร​ ทำ​อย่างไร​ถึงจะสามารถ​ยกระดับ​ขั้น​ให้​มัน​เป็น​อาวุธ​เซียน​ได้​? อีก​อย่าง​ วิธีการ​นี้​ของ​ผู้อาวุโส​ก็​แทบจะ​ใกล้เคียง​กับ​ขอบเขต​ที่​สมบูรณ์แบบ​ที่สุด​แล้ว​ ผู้เยาว์​ทั้ง​ไม่มีความสามารถ​ ยิ่ง​ใจไม่แข็ง​มาก​พอ​ และ​ยิ่ง​มิกล้า​วาด​งูเติม​ขา​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​กล่าว​ “ถ้าอย่างนั้น​ผิน​เต้า​ก็​จะเก็บ​ประโยค​ ‘หลอม​เป็น​อาวุธ​เซียน​’ กลับมา​ก็แล้วกัน​ พวก​เจ้าอยาก​จะแสร้ง​ทำเป็น​ไม่ได้ยิน​ หรือ​จะให้​ผิน​เต้า​ลำบาก​เล็กน้อย​ เก็บ​ประโยค​นั้น​กลับมา​ ทำให้​พวก​เจ้าไม่ได้ยิน​กัน​จริงๆ​ ดี​ล่ะ​?”

หมี่​ลี่​น้อย​ที่อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ภูเขา​ อันที่จริง​คอย​จ้อง​โต๊ะ​เขม็ง​อยู่​ตลอดเวลา​ หลัก​ๆ แล้ว​นาง​กังวล​ว่า​เมล็ด​แตง​จะถูก​คน​กิน​หมด​หรือยัง​ หรือว่า​น้ำชา​จะไม่พอ​หรือไม่​

นาง​พลัน​สังเกตเห็น​ว่า​ห่าน​ขาวใหญ่​เอา​มือ​ข้าง​หนึ่ง​อ้อม​มาด้านหลัง​แล้ว​กระดิก​นิ้ว​ให้​ตน​

หมี่​ลี่​น้อย​ขมวดคิ้ว​เล็ก​สอง​ข้าง​แน่น​ ห่าน​ขาวใหญ่​คิด​จะทำ​อะไร​? กบาล​เล็ก​ๆ ที่​เฉลียวฉลาด​ของ​ตน​แล่น​ไม่ค่อย​ดี​เท่าไร​นะ​

นาง​ตั้งใจ​ครุ่นคิด​ แต่​คิด​แล้วก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​เสียที​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​คง​ได้​แต่​มีใจแต่​ไร้​กำลัง​ ช่วย​อะไร​ไม่ได้​แล้ว​ล่ะ​นะ​

หมี่​ลี่​น้อย​ไม่สนใจ​แล้ว​ สน​แต่​จะเอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ออกมา​ล่วงหน้า​ก่อน​ นาง​จึงเขย่ง​ปลายเท้า​ ตะโกน​พูด​กับ​นักพรต​เฒ่าที่​มีสีหน้า​เมตตา​ปราณี​คน​นั้น​เสียงดัง​ “นักพรต​ผู้เฒ่า​ ชอบ​น้ำชา​มาก​หรือ​? ต้องการ​ให้​ข้า​มอบ​ใบชา​ให้​ท่าน​สัก​เล็กน้อย​หรือไม่​?”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​

หมี่​ลี่​น้อย​จึงรีบ​วิ่ง​ตะบึง​ไป​ที่​เรือน​พัก​ของ​เจิ้งต้าเฟิง​ ไป​เอา​ใบชา​มาให้​นักพรต​ผู้เฒ่า​ วิ่ง​ไป​พลาง​หันหน้า​มาเอ่ย​เตือน​ไป​ด้วยว่า​ “นักพรต​ผู้เฒ่า​ ไม่ใช่ว่า​ไล่​แขก​นะ​ ท่าน​ดื่ม​ชาแทะ​เมล็ด​แตง​ต่อไป​เถอะ​ รอ​เดี๋ยวเดียว​ ไม่ต้อง​รีบ​นะ​ ข้า​จะช่วย​เอา​มาให้​ท่าน​มาก​ๆ หน่อย​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ลุกขึ้น​ยืน​ เพียงแต่ว่า​บน​โต๊ะ​กลับ​มีแกน​ภาพวาด​หยก​ขาว​เพิ่มขึ้น​มาอีก​สอง​อัน​

จูเหลี่ยน​กับ​ชุยตง​ซาน​หันมา​มองหน้า​แล้ว​ยิ้ม​ให้​กัน​

ยังคง​เป็น​ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​ของ​พวกเรา​ที่​มาด​ใหญ่​ มีหน้ามีตา​ที่สุด​จริง​เสีย​ด้วย​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​โบก​ชาย​แขน​เสื้อ​หนึ่ง​ครั้ง​ เก็บ​หิน​ผา​ก้อน​นั้น​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ หิน​เขียว​ริม​ลำคลอง​ยัง​คงอยู่​ ก็​แค่​คง​รูปลักษณ์​ไว้​แต่​จิตวิญญาณ​ได้​จากไป​แล้วก็​เท่านั้น​

ชุยตง​ซาน​เก็บ​ม้วน​ภาพ​และ​แกน​หยก​ขาว​มา จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​ยืน​พร้อมกับ​จูเหลี่ยน​ มารยาท​ใน​การ​รับรอง​แขก​น้อย​นิด​แค่นี้​ยัง​ต้อง​พิถีพิถัน​สักหน่อย​

คาดไม่ถึง​ว่า​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​จะนั่ง​กลับ​ลง​ไป​อีกครั้ง​ เอ่ย​เสียง​หยัน​ว่า​ “อะไร​ ผิน​เต้า​บอก​แล้ว​หรือว่า​จะกลับ​? ภูเขา​ลั่วพั่ว​จะไล่​แขก​รึ​?”

ชุยตง​ซาน​นั่ง​แปะ​ลง​ไป​ จูเหลี่ยน​ยิ้ม​ถาม “ไม่สู้ขึ้น​เขา​ไป​กินข้าว​สัก​มื้อ​แล้ว​ค่อย​กลับ​ดี​ไหม​?”

ผล​คือ​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่ได้ยิน​ ลุกขึ้น​ยืน​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ เอ่ย​ว่า​ “ไม่ว่า​จะตื่น​จาก​ฝัน​หรือว่า​จะอยู่​ใน​ฝัน​ วันหน้า​ไป​ถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​ก็​ถือว่า​เจ้าติดค้าง​ข้าว​ผิน​เต้า​หนึ่ง​มื้อ​ หาก​เจ้าแก่​ตาย​อยู่​ใน​ภูเขา​ลูก​นี้​ไป​ทั้ง​อย่างนี้​ก็​ถือ​เสีย​ว่า​ผิน​เต้า​ไม่ได้​พูด​อะไร​”

จูเหลี่ยน​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​

สุดท้าย​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​รับ​ใบชา​กระปุก​หนึ่ง​มาจาก​มือ​ของ​แม่นาง​น้อย​ชุด​ดำ​ พร้อมกับ​เอ่ย​ขอบคุณ​หนึ่ง​คำ​

หมี่​ลี่​น้อย​เกา​หัว​ “นักพรต​ผู้เฒ่า​เกรงใจ​กัน​เกินไป​แล้ว​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ทอดสายตา​มอง​ไป​ไกล​ ขุนเขา​สายน้ำ​ทอด​ยาว​ น้ำ​ต่ำ​ภูเขา​สูง

ทำไม​ต้อง​เดิน​ขึ้น​เขา​ ทำไม​ต้อง​ฝึก​ตน​?

หนึ่ง​คน​พึมพำ​ กลุ่ม​ภูเขา​ขานรับ​ดังก้อง​

……

ทาง​ฝั่งของ​หัว​กำแพงเมือง​ เว่ย​จิ้น​และ​เฉาจวิ้น​อยู่ดีๆ​ ก็​คล้าย​กลาย​มาเป็น​เจ้าบ้าน​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ผู้คน​ที่​สัญจร​ไปมา​ต่าง​ต้อง​มาทักทาย​พวกเขา​ที่นี่​

เฉาจวิ้น​อารมณ์ดี​อย่าง​มาก​ ช่วงเวลา​ที่ผ่านมา​นี้​เรียก​ได้​ว่า​เป็น​ช่วงเวลา​ที่​โชควาสนา​มาเยือน​ ไม่เพียงแต่​ได้​ฝึก​กระบี่​ข้าง​กาย​จั่ว​โย่ว​ ยัง​ได้​เจอ​กับ​บุคคล​ยิ่งใหญ่​กลุ่ม​หนึ่ง​ติดต่อกัน​ อันดับ​แรก​ก็​เจอ​กับ​นักพรต​ไม่ทราบ​นาม​ที่​ดูเหมือนว่า​จะเป็น​ท่าน​ลุง​ที่​ได้มา​เปล่าๆ​ ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ หลังจากนั้น​ก็​เป็น​หนิง​เหยา​ที่​หวน​กลับคืน​สู่มาตุภูมิ​ ฉีถิงจี้ ลู่​จือ​ และ​ยังมี​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ลู่​เฉิน​ยัง​ถึงขั้น​เชื้อเชิญ​กับ​ปาก​ให้​ตน​ไป​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ เข้าไป​อยู่​ใน​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ไม่ได้​แล้ว​อย่างไร​ ขอ​แค่​นาย​ท่าน​ใหญ่​เฉาพยักหน้า​ก็​สามารถ​ติดตาม​เจ้าลัทธิ​ลู่​ไป​เป็น​แขก​ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิงได้​แล้ว​!

เฉินซาน​ชิว​และ​เตี๋ย​จ้างพลิ้ว​กาย​ลง​ข้าง​กาย​เส้าอวิ๋นเหยียน​โดยตรง​

ทาง​ฝั่งของ​เซียน​กระบี่​แห่ง​หอ​ชุน​ฟาน​ใน​อดีต​ผู้​นี้​ยังมี​ถัว​เหยียนฮู​หยิน​ และ​กระบี่​หลาย​คน​ของ​สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​

เส้าอวิ๋นเหยียน​อธิบาย​สถานการณ์​คร่าวๆ​ ให้​ผู้ฝึก​กระบี่​ใน​พื้น​ที่สอง​คน​นี้​ฟัง เส้าอวิ๋นเหยียน​เห็นดี​ใน​ตัว​ของ​เฉินซาน​ชิวอ​ย่าง​มาก​

เฉินซาน​ชิว​เอ่ย​อย่าง​กังขา​ “เซียน​กระบี่​เส้า เฉิน​ผิง​อัน​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​อีกแล้ว​หรือ​?”

เส้าอวิ๋นเหยียน​ส่ายหน้า​ “ยังคง​เป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​เพราะอะไร​ หลังจากที่​เจ้าลัทธิ​ลู่​ให้​อิ่น​กวาน​ยืม​กวาน​ดอกบัว​ชิ้น​นั้น​ก็​มอง​ขอบเขต​ของ​เขา​ออก​ได้​ไม่ชัดเจน​แล้ว​”

เฉินซาน​ชิวสา​มารถ​เรียกชื่อ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​โดยตรง​ได้​ แต่​เส้าอวิ๋นเหยียน​กลับ​ยัง​ต้อง​เรียก​ด้วย​ความเคารพ​ว่า​อิ่น​กวาน​

เตี๋ย​จ้างเอ่ย​ “ตัว​คน​เดิน​ไป​ถึงไหน​ก็​ทำการค้า​ไป​ถึงตรงนั้น​ เถ้าแก่​รอง​ไม่มีทาง​ขาดทุน​แน่​”

เดิมที​ยาม​อยู่​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ กว่า​ถัว​เหยียนฮู​หยิน​จะสะสมความมั่นใจ​น้อย​นิด​มาได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ ผล​คือ​วันนี้​พอ​มาเจอ​เหตุการณ์​นี้​กลับ​เกิด​หวาดกลัว​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ขึ้น​มาอีก​

ทำไม​ อยู่​ใต้​หล้า​ไพศาล​เป็น​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​ท่าน​ผู้เฒ่า​เห​วิน​เซิ่ง อยู่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เป็น​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ ยัง​ไม่พอ​ ในอนาคต​ยัง​จะไป​ที่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ หรือ​จะไป​เป็น​เจ้าลัทธิ​สี่ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงอีก​?

เฉินซาน​ชิว​คุกเข่า​ข้างเดียว​ ทอดสายตา​มอง​ไป​ไกล​อย่าง​เหม่อลอย​

คน​เดินทางไกล​ที่​กลัดกลุ้ม​ชอบ​ดื่มเหล้า​ กว่า​จะได้​กลับ​มาถึงบ้านเกิด​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ ทว่า​คน​ที่​คิดถึง​กลับ​อยู่​ต่างบ้านต่างเมือง​ แม้แต่​เหล้า​ก็​ไม่กล้า​ดื่ม​แล้ว​

เตี๋ย​จ้างที่อยู่​ข้าง​กาย​ สตรี​แขน​เดียว​ ชาย​แขน​เสื้อ​ข้าง​หนึ่ง​ผูก​ไว้​เป็น​ปม​ เรือน​กาย​อ่อนแอ​บอบบาง​ ทว่า​กลับ​สะพาย​กระบี่​เล่ม​ใหญ่​

ทิวทัศน์​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​เต็มไปด้วย​ความ​อัศจรรย์​อย่าง​แท้จริง​ ขุนเขา​สายน้ำ​ยิ่งใหญ่​งดงาม​ สี่ฤดูกาล​ก็​มีความงาม​เป็น​เอกลักษณ์​ของ​สี่ฤดูกาล​ ผิวน้ำ​ใสกระจ่าง​เป็น​สีเขียว​มรกต​ ดอกไม้​ใน​ภูเขา​เบ่งบาน​ประดุจ​ดอกไม้ไฟ​ คน​จับ​ปลา​บน​แม่น้ำ​ถ่อ​เรือ​ แสงอรุโณทัย​ส่อง​ระเรื่อ​พร้อม​สาย​สายน้ำ​ฤดูใบไม้ผลิ​ พา​กัน​ฉาย​ประกาย​แห่ง​ความงาม​ ล้วน​เป็น​ทัศนียภาพ​ที่​งามเลิศ​ล้ำ​ เพียงแค่​ว่า​เมื่อ​ได้​เห็น​แล้ว​ อันที่จริง​ก็​มีเพียง​เท่านั้น​ เห็น​มาก​เท่าไร​ก็​ลืม​ไป​มาก​ปานกัน​

กลับเป็น​เฉินซาน​ชิว​ที่​เขียน​บันทึก​การ​เดินทาง​เพิ่ม​มาเล่ม​หนึ่ง​ จดบันทึก​ขนบธรรมเนียมประเพณี​ ผู้คน​และ​สิ่งที่​พบ​เจอ​มาตลอดทาง​อย่าง​ละเอียด​

เส้าอวิ๋นเหยียน​รู้​ประวัติ​ความเป็นมา​ของ​กระบี่​สอง​เล่ม​นั้น​ว่า​เป็น​อา​เหลียง​ที่​ปี​นั้น​ไป​ ‘ยืม​’ มาจาก​ป๋า​ยอ​วี้​จิงจำลองของ​ต้า​หลี​ จึงเอ่ย​สัพยอก​ว่า​ “พวก​เจ้าสอง​คน​มีความสัมพันธ์​ที่​ดี​ขนาด​นี้​กับ​อิ่น​กวาน​ ถึงกับ​ยัง​พลาด​งานฉลอง​การ​เลื่อนขั้น​เป็น​สำนัก​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ไป​ ไม่ควร​เลย​จริงๆ​ ทำไม​ กังวล​ว่า​สกุล​ซ่งต้า​หลี​จะทวง​กระบี่​ยาว​สอง​เล่ม​นี้​คืน​ไป​จาก​พวก​เจ้าอย่างนั้น​หรือ​?”

แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​โชคชะตา​กระบี่​ของ​ราชวงศ์​ต้า​หลี​ อันที่จริง​อาศัย​สิ่งนี้​ทำให้​ได้รับ​โชคชะตา​เพิ่ม​มาส่วนหนึ่ง​อย่าง​ที่​มองไม่เห็น​

บวก​กับ​การดำรงอยู่​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​และ​เว่ย​จิ้น​ก็​คล้าย​กับ​ผืน​นา​ไร้​ปุ๋ย​ที่​เดิมที​ไม่เหมาะ​แก่​การหว่าน​ไถแห่ง​หนึ่ง​ที่​มีเมล็ด​พันธ์​วิถี​กระบี่​ก่อกำเนิด​ขึ้น​มาอย่าง​ต่อเนื่อง​

ส่วน​โชคชะตา​วิถี​กระบี่​อันน้อย​นิด​ของ​ราชวงศ์​จูอิ๋ง​เก่า​นั้น​ เมื่อ​เทียบ​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​แล้ว​ ไม่นับ​เป็น​อะไร​ได้​เลย​จริงๆ​

เตี๋ย​จ้างกระตุก​มุมปาก​ “คืน​กระบี่​? คืน​กระบี่​อะไร​ เป็น​อา​เหลียง​ที่​มอบให้​พวกเรา​ ราชสำนัก​ต้า​หลี​มีปัญญา​ก็​ไป​งัดข้อ​กับ​อา​เหลียง​เอง​สิ”

เฉินซาน​ชิว​ยิ้ม​กล่าว​ “ไม่เป็นไร​ กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ต้อง​เกรงใจ​ อย่าง​มาก​วันหน้า​หาก​ภูเขา​ลั่วพั่ว​มีงานฉลอง​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ ข้า​กับ​เตี๋ย​จ้างจะต้อง​มอบ​ของขวัญ​ให้​คนละ​สอง​ชิ้น​อย่าง​แน่นอน​”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด