กระบี่จงมา 857.3 สองสามเรื่อง

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 857.3 สองสามเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซาน​จวิน​ปี้​อู๋​พลัน​พูดไม่ออก​

มั่นใจ​ว่า​หนิง​เหยา​เดินทาง​จากไป​แล้ว​ ปี้​อู๋​ก็​เดิน​หนึ่ง​ก้าว​หด​ย่อ​ขุนเขา​สายน้ำ​ มุ่งหน้า​ไป​ยัง​เรือน​ที่​เงียบสงบ​แห่ง​หนึ่ง​ ผี​ภูเขา​สอง​ตน​ที่​มีรูปร่าง​เป็น​ดรุณี​น้อย​สวม​ชุด​กระโปรง​แบ่ง​ออก​เป็น​สีเหลือง​ไข่​ห่าน​กับ​สีเขียว​อ่อน​ ยอบ​กาย​คารวะ​ซาน​จวิน​ เปิด​ประตู​ให้​เขา​ ปี้​อู๋​เดิน​ก้าว​ข้าม​ธรณี​ประตูออก​ไป​ บน​โต๊ะ​วาง​ม้วน​ภาพ​ม้วน​หนึ่ง​เอาไว้​ หลังจาก​คลี่​กาง​ออก​ก็​เห็น​เพียง​ว่า​บุคคล​ที่​ถูกวาด​ไว้​บน​ม้วน​ภาพ​นั้น​ ก็​คือ​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​

บุรุษ​สวม​ชุด​คลุม​อาคม​สีแดงสด​ ยืน​อยู่​ริม​หน้าผา​ของ​หัว​กำแพง​ ใบหน้า​พร่า​เลือน​ สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ใต้​รักแร้​หนีบ​ดาบ​แคบ​ หลุบ​ตา​ลง​ต่ำ​มอง​ลง​มายัง​พื้นดิน​

นค​รอ​วี้​ป่าน​ที่​เป็น​ของ​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​ก่อตั้ง​แคว้น​มาหนึ่ง​พัน​สอง​ร้อย​กว่า​ปี​แล้ว​ เพียงแต่ว่า​แซ่สกุล​ของ​ฮ่องเต้​ถูก​เปลี่ยนไป​อยู่​หลายครั้ง​ แต่​ชื่อ​รัชสมัย​กลับ​ไม่เปลี่ยน​ ใคร​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​มังกร​ สำหรับ​ที่​แห่ง​นี้​กลับ​ไม่มีความพิถีพิถัน​อะไร​ขนาด​นั้น​

อยู่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ไม่ว่า​ราชวงศ์​ล่าง​ภูเขา​แห่งใด​ที่​ชะตา​แคว้น​ยาวนาน​เกิน​พันปี​ เมื่อ​เทียบ​กับ​สำนัก​บน​ภูเขา​ที่​มีอายุ​เท่ากัน​แล้ว​ ก็​ไม่ควร​ไป​มีเรื่อง​ด้วย​มาก​ยิ่งกว่า​

สถานที่สำคัญ​อย่าง​เมืองหลวง​ของ​ราชวงศ์​ประเภท​นี้​ ไม่ต่าง​จาก​ศาล​บรรพ​จารย์​ของ​บน​ภูเขา​เลย​

ทว่า​เวลานี้​ใน​หอ​เรือน​ที่สูง​ที่สุด​แห่ง​หนึ่ง​ของ​วังหลวง​ ใน​ระเบียง​ใต้​ชายคา​ของ​ชั้น​บนสุด​กลับ​มีคนต่างถิ่น​คน​หนึ่ง​บุก​เข้ามา​

บุรุษ​สวม​ชุด​คลุม​เต๋า​ผ้า​โปร่ง​สีเขียว​ มือหนึ่ง​กำ​เป็น​หมัด​ มือหนึ่ง​ไพล่หลัง​ ราวกับ​กำลัง​เดินเล่น​อยู่​ใน​ลานบ้าน​ตัวเอง​

เวลานี้​เขา​หยุด​เดิน​ เงยหน้า​ขึ้น​ ใต้​ชายคา​แขวน​พวง​กระดิ่ง​ไว้​เต็มไปหมด​ ใน​กระดิ่ง​ทุก​ชิ้น​ห้อย​กระบี่​สั้น​ขนาด​จิ๋ว​สอง​เล่ม​ที่อยู่​ใกล้​กัน​มาก​ เพียง​มีลม​พัด​โชย​ผ่าน​มาก​็จะกระทบ​กัน​เกิด​เป็น​เสียงดัง​

อิง​จาก​บันทึก​ของ​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ ฮ่องเต้​ใน​เมือง​พระองค์​นั้น​ เนื่องจาก​ปิด​ด่าน​นาน​หลาย​ปี​จึงพลาด​สงคราม​ใหญ่​ครั้งนั้น​ไป​ และ​ต้อง​จ่าย​เงิน​ฝน​ธัญพืช​ก้อน​ใหญ่​ให้​กับ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​

อีก​ทั้ง​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​ยังมี​ความสัมพันธ์​ที่​ไม่เลว​กับ​อดีต​ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​สอง​ตน​อย่าง​หวง​หลวน​และ​เจ้าอาราม​ดอกบัว​ ไม่อย่างนั้น​ด้วย​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ก็​คง​ไม่มีทาง​รักษา​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​ไว้​ได้​จริงๆ​

โชคดี​ที่​ทุกวันนี้​ต่อให้​หวง​หลวน​และ​เจ้าอาราม​ดอกบัว​ต่าง​ก็​ตาย​กัน​ไป​แล้ว​ แต่​ดูเหมือนว่า​ฮ่องเต้​พระองค์​นี้​ก็​เพิ่งจะ​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​ กลายเป็น​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​ใหม่​พอดี​

บุรุษ​ร่าง​กำยำ​ที่​สวม​ชุด​คลุม​มังกร​มาโผล่​อยู่​ใน​ระเบียง​ เอ่ย​เสียงทุ้ม​หนัก​ “แขก​ผู้สูงศักดิ์​มาเยือน​ถึงบ้าน​ เสียมารยาท​ที่​ไม่ได้​ไป​รับ​แต่ไกล​ ทว่า​ไฉน​สหาย​ท่าน​นี้​ถึงไม่บอกกล่าว​กัน​ก่อน​สัก​คำ​? ข้า​จะได้​จัด​งานเลี้ยง​สุรา​รอ​ต้อนรับ​ ช่วย​รับลม​ชำระ​ฝุ่น​ (เปรียบเปรย​ว่า​จัด​งานเลี้ยงต้อนรับ​) ให้​กับ​สหาย​”

ข้าง​กาย​เขา​ยังมี​องค์​รักษ์​หญิง​เรือน​กาย​บอบบาง​อีก​คน​หนึ่ง​ติด​ตามมา​ด้วย​ นาง​ทา​แก้ม​ด้วย​ผง​สีทอง​ พก​ดาบ​ไว้​ตรง​เอว​ ถึงกับ​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​สิบ​ที่​แท้จริง​คน​หนึ่ง​

คิ้ว​สอง​ข้าง​ของ​นาง​เชื่อม​ติดกัน​โดยธรรมชาติ​ ใบ​หู​เล็ก​ยาว​ เป็น​ใบหน้า​ของ​คน​ฟ้าอย่าง​ที่​กล่าวถึง​ใน​ตำรา​โบราณ​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เจ้าไม่ต้อง​คิด​อยาก​รับรอง​แขก​อะไร​หรอก​ ไม่มีอะไร​ยุ่งยาก​เลย​สักนิด​ แค่​ต้อง​เอา​ค่าย​กล​กระบี่​ชุด​นั้น​มาให้​ข้า​ยืม​ก็​พอแล้ว​ เหนื่อย​เพียง​ยกมือ​เท่านั้น​” (เปรียบเปรย​ว่า​เป็นเรื่อง​เล็กน้อย​ที่​ไม่ต้อง​เหนื่อยยาก​อะไร​)

ฮ่องเต้​แห่ง​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​ท่าน​นี้​มีนามแฝง​ว่า​เย่​พู่​ ฉายา​มีสอง​อย่าง​ ก่อนหน้านี้​คือ​โพ่​เห​อ​ หลัง​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​แล้วก็​ตั้งฉายา​ที่​ฟังดู​เผด็จการ​ยิ่งกว่า​เก่า​ให้​กับ​ตัวเอง​ เรียก​ตัวเอง​ว่า​ตู้​ปู๋​

ส่วน​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​ที่อยู่​ข้าง​กาย​เย่​พู่​นั้น​ มีชื่อว่า​ป๋า​ยเริ่น​ คือ​สตรี​ผู้​หลงใหล​ใน​วร​ยุทธ​ที่​ขึ้นชื่อ​คน​หนึ่ง​ ทุกวันนี้​อายุ​ร้อย​กว่า​ปี​ มีศาสตร์​คง​ความ​เยาว์วัย​ ตอนที่​นาง​อายุ​ห้าสิบ​กว่า​ปี​ก็​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​ปลายทาง​แล้ว​

นค​รอ​วี้​ป่าน​ได้​เปิด​ค่าย​กล​ป้องกัน​เมืองหลวง​ชั้นหนึ่ง​แล้ว​ เลียนแบบ​พื้นที่​แก้ว​ใส เมืองหลวง​จึงคล้าย​ตก​เข้าไป​อยู่​ใน​ลำธาร​แห่ง​กาลเวลา​ที่​หยุดชะงัก​ ทุกหนทุกแห่ง​ล้วน​มีแต่​ประกาย​เจ็ด​สี ผู้ฝึก​ตน​ทุกคน​ที่อยู่​ใน​เมือง​ต่าง​ก็​เลือก​อยู่​ที่​เดิม​ ไม่กล้า​ทำ​อะไร​บุ่มบ่าม​ หนึ่ง​เพราะ​หาก​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ที่​ต่ำกว่า​ห้า​ขอบเขต​บน​ ขนาด​เซียน​ดิน​ยัง​ก้าวเดิน​ได้​ไม่ง่าย​ อีก​อย่าง​ก็​คือ​นี่​มีลาง​ว่า​ศัตรู​ตัวฉกาจ​ได้มา​อยู่​เบื้องหน้า​แล้ว​ ใคร​เล่า​จะกล้า​ก่อเรื่อง​ในเวลานี้​

เย่​พู่​ย่อม​จำอีก​ฝ่าย​ได้​ เพียงแต่​ลางสังหรณ์​บอก​กับ​เขา​ว่า​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่รู้​ บางที​อาจจะ​ดี​ยิ่งกว่า​

ส่วน​เรื่อง​ที่ว่า​เหตุใด​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ของ​หัว​กำแพงเมือง​คน​หนึ่ง​ถึงกลาย​มาเป็น​ผู้​บรรลุ​มรรคา​ที่​ขอบเขต​เริ่มต้น​คือ​บิน​ทะยาน​ได้​ เย่​พู่​ไม่สงสัย​ใคร่รู้​ ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​แห่ง​นี้​ บน​เส้นทาง​ของ​การ​ฝึก​ตน​ ทุก​ขั้นตอน​ล้วน​เป็น​เพียง​ความว่างเปล่า​ สนใจ​แต่​ผลลัพธ์​เท่านั้น​ สิ่งที่​แสวงหา​ใน​การ​ฝึก​ตน​ก็​หนี​ไม่พ้น​หลักการ​เหตุผล​ที่​เรียบง่าย​อย่าง​ถึงที่สุด​ ตัวเอง​มีชีวิต​อย่างไร​ มีชีวิต​อยู่​ได้​นาน​เท่าไร​ก็​ยิ่ง​ดี​เท่านั้น​ หาก​เกิด​ความขัดแย้ง​กับ​คนอื่น​ขึ้น​มา หรือไม่​ก็​รังเกียจ​ว่า​คน​ข้างทาง​ขวางหูขวางตา​ คนอื่น​ตาย​อย่างไร​ ตาย​ได้​เร็ว​เท่าไร​ก็​ยิ่ง​ดี​เท่านั้น​

เย่​พู่​ได้ยิน​คำพูด​หยอกล้อ​ที่​ชวนหัว​ของ​อีก​ฝ่าย​ก็​เอ่ย​ว่า​ “ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ช่างสมคำเล่าลือ​เสีย​จริง​ เข้าใจ​พูดคุย​ยิ่งนัก​ ถึงขั้น​มีอารมณ์ขัน​ยิ่งกว่า​ที่​ข้า​เคย​ได้ยิน​มาเสีย​อีก​”

สตรี​กระตุก​มุมปาก​ ยื่นมือ​ไป​จับ​ด้าม​ดาบ​ตรง​เอว​

ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​คน​นี้​ดวงตา​ฉาย​ประกาย​เจิดจ้า​ จ้อง​บุรุษ​ที่​เปลี่ยน​มาแต่งกาย​เป็น​นักพรต​ลัทธิ​เต๋า​เขม็ง​ จำได้​สิ ทำไม​นาง​จะจำไม่ได้​ ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ทุกวันนี้​ ภาพเหมือน​ของ​เจ้าหมอ​นี่​ ไม่แน่​ว่า​บน​ภูเขา​สิบ​ลูก​ อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​ต้อง​มีครึ่งหนึ่ง​ที่​มี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หลังจากที่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​เจรจา​กับ​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ไม่สำเร็จ​ อิ่น​กวาน​ที่​อายุ​น้อย​แต่กลับ​ชื่อเสียง​เลื่อง​ระบือ​ผู้​นี้​ก็​ยิ่ง​โด่งดัง​มากกว่า​เดิม​ ตัว​คน​อยู่​ที่​ไพศาล​ แต่กลับ​มีหน้ามีตา​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ไป​พร้อมๆ กัน​ เป็นเหตุให้​ราวกับว่า​หาก​ผู้ฝึก​ลมปราณ​คน​หนึ่ง​ไม่รู้​ชื่อ​ ‘เฉิน​ผิง​อัน​’ ก็​เท่ากับ​ว่าไม่ได้​ฝึก​ตน​

หนึ่งร้อย​ปีก่อน​ ชาติ​สุนัข​บางคน​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ชื่อเสียง​โด่งดัง​อยู่​ที่​สำนัก​ตระกูล​เซียน​เหนือ​กึ่งกลาง​ภูเขา​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ขึ้นไป​เท่านั้น​ คิดไม่ถึง​ว่า​จะมีอิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​โผล่​ออกมา​เสียได้​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​ไป​ยัง​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​คน​นั้น​ “อยาก​จะลอง​ดูหรือ​?”

ใน​กวาน​ที่​สวม​อยู่​บน​ศีรษะ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ ใน​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​ดอกบัว​ที่​แม้แต่​เย่​พู่​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ไป​สืบเสาะ​ตรวจสอบ​ได้​ ลู่​เฉิน​ฝึก​หมัด​เดิน​นิ่ง​พลาง​เหล่​ตา​มอง​สตรี​ที่​ไม่รู้​ฟ้าสูงแผ่นดิน​ต่ำ​คน​นั้น​ แล้ว​จุ๊ปาก​เอ่ย​ “กระเหี้ยนกระหือรือ​เต็มที​ กระเหี้ยนกระหือรือ​เต็มที​แล้ว​จริงๆ​”

เย่​พู่​ออกเสียง​ขัดขวาง​สตรี​ข้าง​กาย​ “ป๋า​ยเริ่น​ อย่า​เสียมารยาท​”

ป๋า​ยเริ่น​กลับ​ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​รู้สึก​ว่า​สามารถ​ลองดู​ได้​ เงื่อนไข​ก็​คือ​อิ่น​กวาน​ยินดี​ใช้แค่​สถานะ​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ใน​การ​ออก​หมัด​”

“ตกลง​”

ระหว่าง​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​พูด​ก็​ก้าวเดิน​ออก​ไป​หนึ่ง​ก้าว​ สอง​นิ้ว​ประกบ​กัน​ มอง​ดูเหมือน​แตะ​ที่​หน้าผาก​ของ​ป๋า​ยเริ่น​เบา​ๆ ทว่า​ร่าง​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​กลับ​กระเด็น​ออก​ไป​ ไม่เพียงแต่​กระแทก​ชน​ราว​รั้ว​ที่อยู่​ด้านหลัง​จน​พัง​ยับ​ นาง​ยัง​กระเด็น​เป็น​เส้นตรง​ลอย​ออก​ไป​จาก​นค​รอ​วี้​ป่าน​

เย่​พู่​ที่​ยัง​คิด​ไม่ตก​ ความคิด​ใน​หัวแล่น​เร็วจี๋​ หลังจาก​ชั่งน้ำหนัก​ผลดี​ผลเสีย​อย่าง​รวดเร็ว​แล้วก็​เลือก​ที่จะ​ไม่ลงมือ​

ตลอดทั้ง​เมืองหลวง​ เดิมที​อยู่​ใน​ดินแดน​แก้ว​ใสที่​หยุดนิ่ง​ไม่เคลื่อนไหว​ กระตุก​ผม​เส้น​เดียว​ต้อง​สะเทือน​ทั้ง​ร่าง​ พอ​ป๋า​ยเริ่น​กระแทก​ชน​ไป​เช่นนั้น​ก็​เกิด​รอยร้าว​เส้น​หนึ่ง​ทันที​ ต่อมา​บริเวณ​โดยรอบ​รอยร้าว​ก็​ปริ​แตก​ขยาย​ออก​ไป​อย่าง​ต่อเนื่อง​ สุดท้าย​นค​รอ​วี้​ป่าน​ก็​คล้าย​ว่า​มีฝน​เท​กระหน่ำ​ที่​ส่อง​ประกาย​แสงสว่าง​พร่างพราว​ตก​ลงมา​กะทันหัน​

ค่าย​กล​ที่​แม้แต่​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ยัง​ไม่อาจ​ใช้หนึ่ง​กระบี่​ผ่า​ได้​ กลับ​แหลก​สลาย​เพียงแค่​แตะ​นิ้ว​เดียว​ง่ายๆ​ เช่นนี้​

วิชา​หมัด​? ไม่เหมือน​

จุด​ที่​น่ากลัว​ที่สุด​ยังคง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​หนุ่ม​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ คล้าย​ว่า​จะไม่ได้​จงใจร่าย​เวท​กระบี่​ออกมา​เลย​

ในที่สุด​เย่​พู่​ก็​เริ่ม​สงสัย​แล้ว​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ยัง​ใช่หมา​เฝ้าประตู​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ตัว​นั้น​อีก​หรือไม่​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “เย่​พู่​ หาก​ให้​ข้า​ไป​เอา​กระบี่​ใน​หอ​ด้วยตัวเอง​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่ถือว่า​ยืม​แล้ว​ นั่น​เรียก​ว่า​แย่ง​”

เย่​พู่​ยิ้มเจื่อน​ “ต่างกัน​ด้วย​หรือ​?”

“ข้า​จะนับ​ถึงสิบ​ หลังจากนี้​เกิน​ครึ่ง​นค​รอ​วี้​ป่าน​ก็​น่าจะ​ไม่เหลือ​ซาก​อยู่แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ผาย​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ แสดงท่าที​ชัดเจน​ว่า​ให้​เย่​พู่​รีบ​ทำเวลา​ “เจ้าควรจะ​รู้สึก​โชคดี​ที่​นคร​อวี้​ป่าน​ไม่ใช่นคร​เซียน​จาน​ ไม่อย่างนั้น​ก็​คง​ไม่เหลือ​อยู่แล้ว​”

นคร​เซียน​จาน​ ถูก​เรียกขาน​ว่า​เป็น​นคร​สูงอันดับ​หนึ่ง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​

นคร​นี้​ตั้งอยู่​ใกล้​กับ​ภาพมายา​ภูเขา​แห่ง​สุดท้าย​ของ​ยันต์​สามภูเขา​พอดี​

เย่​พู่​ถอนหายใจ​เบา​ๆ อยู่​ใน​ใจ ฮ่องเต้​ของ​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​คน​นี้​ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​คน​มีนิสัย​เห่อเหิม​ทะเยอทะยาน​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​ ถึงกับ​เป็น​ฝ่าย​เปิด​ตรา​ผนึก​ โคจร​เวท​ลับ​ ถอน​ตรา​ผนึก​ขุนเขา​สายน้ำ​สิบ​แปด​ชั้น​ออก​ด้วยตัวเอง​ จากนั้น​กวักมือ​ บังคับ​ที่​วาง​พู่กัน​ปะการัง​แดง​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​เดิมที​ลอยตัว​อยู่​กลางอากาศ​ กระบี่​บิน​แต่ละ​เล่ม​ที่​รวมตัวกัน​เป็น​ค่าย​กล​กระบี่​เหมือน​พู่กัน​ที่​ถูกวาง​ไว้​ด้านบน​นั้น​

เย่​พู่​ผลัก​ออก​ไป​เบา​ๆ ผลัก​ที่​วาง​พู่กัน​ปะการัง​แดง​ให้​กับ​นักพรต​ประหลาด​ที่​แปลง​โฉมเป็น​อิ่น​กวาน​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “หวัง​ว่า​ ‘สหาย​เฉิน’​ จะสามารถ​ออก​ไป​จาก​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ได้​อย่าง​ปลอดภัย​”

เฉิน​ผิง​อัน​เก็บ​ที่​วาง​กระบี่​กับ​กระบี่​บิน​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ขอให้​สมพรปาก​เจ้า เพื่อ​เป็น​ของขวัญ​ตอบแทน​กลับคืน​ ข้า​ก็​จะมอบ​ประโยค​หนึ่ง​ให้​กับ​เจ้า หวัง​ว่า​นค​รอ​วี้​ป่าน​แห่ง​นี้​จะแน่นหนา​มาก​พอ​ ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ของ​เจ้าจะมั่นคง​มาก​พอ​”

หลังจาก​แน่ใจ​ว่า​แขกไม่ได้รับเชิญ​ออก​ไป​จาก​นค​รอ​วี้​ป่าน​แล้ว​ เย่​พู่​ก็​ไม่ได้​รีบร้อน​ไป​ตามหา​ป๋า​ยเริ่น​ที่​สถานะ​สูงศักดิ์​เป็น​ถึงฮองเฮา​ แต่​ปล่อย​ดวงจิต​ออก​ไป​ เริ่ม​นับ​เลข​อยู่​ใน​ใจเงียบๆ​

จะระเบิด​เจ้าให้​ตาย​เลย​

ที่​วาง​พู่กัน​อันนั้น​คือ​อาวุธ​เซียน​ชิ้น​หนึ่ง​ บวก​กับ​ที่​กระบี่​บิน​ครึ่งหนึ่ง​ระเบิด​ในเวลาเดียวกัน​ ต่อให้​เขา​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูง​สุดคน​หนึ่ง​ก็​ต้อง​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ และ​หลังจากที่​อีก​ฝ่าย​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​แล้ว​ เย่​พู่​ก็​แค่​ต้อง​ไล่ตาม​ความเคลื่อนไหว​ส่วน​นั้น​ไป​ อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​เอา​กระบี่​ครึ่งหนึ่ง​กลับมา​ได้​ ขณะเดียวกัน​ก็ได้​สังหาร​ศัตรู​ที่​แข็งแกร่ง​อย่าง​ถึงที่​สุดคน​หนึ่ง​ด้วย​

ผล​คือ​เย่​พู่​นับ​เวลา​เสร็จ​แล้ว​กลับ​ต้อง​ปาก​อ้า​ตาค้าง​ เหตุใด​ถึงได้​สูญเสียการ​เชื่อมโยง​กับ​ค่าย​กล​กระบี่​แห่ง​นั้น​ไป​?!

หาย​ไป​ทั้ง​อย่างนี้​น่ะ​หรือ​?

ลู่​เฉิน​ที่อยู่​ใน​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​ม้วน​ชาย​แขน​เสื้อ​ขึ้น​ จากนั้น​ก็​เดิน​นิ่ง​ต่อไป​ หัวเราะ​หึหึ​เอ่ย​ว่า​ “อยู่​ใต้​เปลือกตา​ของ​ข้า​กลับ​โอ้อวด​พรสวรรค์​ด้าน​ค่าย​กล​อย่างนั้น​รึ​ น่าสนใจ​ น่าสนใจ​ ไร้เดียงสา​ซะจน​น่าเอ็นดู​”

หลังจากที่​เฉิน​ผิง​อัน​จุด​ธูป​คารวะ​ที่​ภาพมายา​ภูเขา​ลูก​ที่สอง​ก็​รีบ​มุ่งหน้า​ไป​ที่​นคร​เซียน​จาน​แห่ง​นั้น​ทันที​

เล่าลือ​กัน​ว่า​นคร​สูงแห่ง​นี้​จำแลง​มาจาก​ปิ่น​ (จาน​) เต๋า​ของ​ผู้ฝึก​ตน​คน​แรก​ของ​ฟ้าดิน​

แต่​การ​ที่​สามารถ​ถูก​เรียกขาน​ว่า​เป็น​นคร​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ได้​นั้น​ก็​เกี่ยวข้อง​กับ​สภาพ​ภูมิประเทศ​ที่​สูงชัน​ของ​มัน​ด้วย​

หลังจากที่​หนิง​เหยา​ไป​ถึงท่าเรือ​ตระกูล​เซียน​นอก​นค​รอ​วี้​ป่าน​แล้วก็​เดินเล่น​เลียบ​ริมน้ำ​ไป​ จากนั้น​ก็​ไป​ยัง​สถานที่​แห่ง​ถัดไป​ต่อ​อีกครั้ง​

เพียงแต่ว่า​รอ​กระทั่ง​ฉีถิงจี้และ​ลู่​จือ​ต่าง​ก็ตาม​มาทัน​แล้ว​ ใน​ทะเลสาบ​หัวใจ​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​สอง​คน​นี้​ก็​มีเสียง​ใน​ใจประโยค​หนึ่ง​ที่​ราวกับ​รอคอย​พวกเขา​อยู่​ปราก​ฎขึ้น​มา “ฟัน​นค​รอ​วี้​ป่าน​ได้​ตามสบาย​ หาก​ครึ่ง​ก้านธูป​ไม่พอ​ หนึ่ง​ก้านธูป​ก็ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​ใน​รัศมี​ร้อย​ลี้​นอก​นคร​เซียน​จาน​ อยู่​บน​ยอดเขา​ของ​ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ที่​ไม่เล็ก​ไม่ใหญ่​ การ​ที่​ถูก​บันทึก​ลง​เอก​สารคดี​ของ​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ได้​นั้น​ แน่นอน​ว่า​เป็น​เพราะ​อาศัย​นคร​สูงแห่ง​นั้น​

หลังจาก​จุด​ธูป​คารวะ​แล้ว​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ทรุดตัว​ลงนั่ง​ยอง​ มือ​ข้าง​หนึ่ง​ยื่น​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ ขยุ้ม​ดิน​ขึ้น​มากำ​เล็ก​ กำ​ไว้​ใน​ฝ่ามือ​แล้ว​ขยี้​เบา​ๆ

ลู่​เฉิน​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “ตอน​อยู่​นค​รอ​วี้​ป่าน​ กว่า​จะลงมือ​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ ทำไม​ถึงยัง​ทำ​อย่าง​คลุมเครือ​แบบ​นั้น​อีก​เล่า​?”

อาศัย​มรรค​กถา​ขอบเขต​สิบ​สี่ที่​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ยืม​ไป​ ลู่​เฉิน​ไม่มีการ​เก็บงำ​อำพราง​อะไร​ไว้​ อยู่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​ทุกหนทุกแห่ง​ล้วน​มีแต่​โจร​แห่ง​นี้​ แค่​โบก​ชาย​แขน​เสื้อ​หนึ่ง​ที​ก็​เป็น​วิชา​อภินิหาร​ที่​เป็น​ราวกับ​ทัณฑ์​สวรรค์​แล้ว​ คำกล่าว​นี้​ไม่เกิน​จริง​แม้แต่น้อย​ แต่​ไม่ว่า​จะอยู่​ที่​นคร​ป่าย​ฮวา​ หรือ​นคร​อวี้​ป่าน​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ล้วน​ยับยั้ง​ตัวเอง​ไว้​เป็น​อย่าง​ดี​ ที่​ผิด​หลักการ​ทั่วไป​ก็​คือ​ ขอ​แค่​เฉิน​ผิง​อัน​ลงมือ​ ใน​ทุกๆ​ ครั้ง​ก็​ล้วน​เป็นการ​ฝึก​ประสบการณ์​บน​มหา​มรรคา​ที่​พันปี​ยาก​จะพานพบ​อย่างหนึ่ง​ การ​ขัดเกลา​มรรค​กถา​แต่ละ​อย่าง​ใน​วันนี้​ก็​เหมือน​ท่าเรือ​แต่ละ​แห่ง​ที่จะ​พบ​เจอ​บน​เส้นทาง​ยาม​เดิน​ขึ้น​เขา​สูงในอนาคต​ สามารถ​รับประกัน​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะขึ้นไป​สู่ยอดเขา​ได้​เร็ว​ยิ่งกว่า​เดิม​ อีก​ทั้ง​ทั้งสองฝ่าย​ยัง​มีความรู้​ใจกัน​ดีเยี่ยม​ เฉิน​ผิง​อัน​รู้อยู่แก่ใจ​ดี​ว่า​ ลู่​เฉิน​ไม่มีทาง​เล่น​ตุกติก​หรือ​ซุ่มซ่อน​โจมตี​กับ​เรื่อง​แบบนี้​

“ชิน​กับ​การ​ต้อง​ลด​ขอบเขต​สามขั้น​ยาม​ออกมา​ข้างนอก​แล้ว​ ตอนนี้​อยู่ดีๆ​ ก็​ขอบเขต​สูงขึ้น​มาสามขั้น​ เลย​ปรับตัว​ไม่ค่อย​ทัน​เท่าไร​”

เฉิน​ผิง​อัน​ปล่อยมือ​ ดิน​ที่อยู่​ใน​ฝ่ามือ​จึงร่วง​ลงพื้น​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “ดังนั้น​ตลอดทาง​มานี้​จึงคอย​เตือน​ตัวเอง​ด้วย​เหตุผล​ข้อ​หนึ่ง​ตลอดเวลา​ เปลี่ยน​จาก​ประหยัด​ไป​เป็น​ฟุ่มเฟือย​นั้น​ง่าย​ เปลี่ยน​จาก​ฟุ่มเฟือย​มาเป็น​ประหยัด​กลับ​ยาก​ยิ่ง​”

ลู่​เฉิน​พยักหน้า​ จากนั้น​ก็​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “เส้นทาง​ของ​ยันต์​สามภูเขา​ส่วน​สุดท้าย​ คิด​ดีแล้ว​หรือยัง​?”

แล้ว​ลู่​เฉิน​ก็​หยิบ​คัมภีร์​หวง​ถิงซึ่งศิษย์​พี่​เป็น​คน​คัดลอก​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ คัมภีร์​เล่ม​นี้​มีการ​แบ่ง​เป็น​ใน​นอก​กลาง​สามส่วน​ ลู่​เฉิน​ เว่ยฮู​หยิน​ และ​ยังมี​สถานที่​ฝึก​ตน​แห่ง​หนึ่ง​ใน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงที่​ใน​ชื่อ​ของ​นักพรต​จะต้อง​มีอักษร​ ‘จือ’​ ต่าง​ก็​ได้รับ​กัน​ไป​คนละ​ส่วน​

เฉิน​ผิง​อัน​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ “สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​ ลำคลอง​อู๋ติ้ง”​

ผู้ฝึก​ลมปราณ​ของ​สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​ ไม่มีความสามารถ​อื่น​ใด​ ทำเป็น​แค่​เรื่อง​เดียว​ หมัก​สุรา​เลิศ​รส​ ปีศาจ​ใหญ่​แห่ง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​หลาย​คน​ที่​เป็น​ราชา​บน​บัลลังก์​เก่า​ซึ่งมีเชี่ยอวิ้น​ หย่า​งจื่อ​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ ต่าง​ก็​ให้การ​ดูแล​สำนัก​แห่ง​นี้​มาก​เป็นพิเศษ​

ส่วน​ลำคลอง​อู๋ติ้ง​แห่ง​นั้น​ ถือเป็น​น่านน้ำ​ใต้​การปกครอง​ของ​ลำคลอง​เย่ลั่ว​ เดิน​ทางผ่าน​สอง​สถานที่​นี้​ ตำแหน่ง​สุดท้าย​ที่จะ​ออก​กระบี่​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “มีความมั่นใจ​หรือไม่​?”

ลู่​เฉิน​เงยหน้า​มอง​ดวงจันทร์​ “ประมาณ​หก​ส่วน​”

ดวงจันทร์​สามดวง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ สอ​งด​วงใน​นั้น​ล้วน​เคย​มีเจ้าของ​ เจ้าอาราม​ดอกบัว​ที่​กาย​ดับ​มรรคา​สลาย​ไป​แล้ว​ นอกจากนี้​ก็​คือ​เซอ​เย​ว่​ที่​ทุกวันนี้​…เลี้ยง​เป็ด​ฝูงหนึ่ง​อยู่​ริม​ลำคลอง​หลง​ซวี​ มีเพียง​ดวง​ตรงกลาง​ที่​ตลอด​หมื่น​ปี​ที่ผ่านมา​ไม่เคย​มีเจ้าของ​ ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​บน​ยอดเขา​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​สามารถ​อาศัย​ฝีมือ​ของ​ตัวเอง​ไปเที่ยว​เยือน​ได้​ตามใจชอบ​ แต่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ไม่อนุญาต​ให้​สร้าง​สถานที่​ฝึก​ตน​ขึ้น​มา

ลู่​เฉิน​ยื่น​นิ้วชี้​ไป​ยัง​ถาด​หยก​ขาว​ (เปรียบเปรย​ถึงดวงจันทร์​) ใบ​นั้น​ ถามว่า​ “ทำไม​ไม่ลอง​ดวงจันทร์​ดวง​นี้​ดู​ล่ะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “เป็นเรื่อง​ที่​ไม่มีความมั่นใจ​เลย​”

ลู่​เฉิน​ทำ​การอนุมาน​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ก่อน​เอ่ย​ว่า​ “ยัง​พอ​จะมีความมั่นใจ​อยู่​สามส่วน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​เอ่ย​ “ก็​ยัง​เท่ากับ​ว่า​ไม่มีความมั่นใจ​อยู่ดี​ไม่ใช่หรือ​”

หลังจากที่​เฉิน​ผิง​อัน​ตัดสินใจ​ว่า​จะเปลี่ยนเส้นทาง​ สิงกวาน​หาว​ซู่ก็​อาศัย​ยันต์​เปิน​เย​ว่​แผ่น​หนึ่ง​ทำการ​ ‘บิน​ทะยาน​’ ไป​เพียงลำพัง​อย่าง​เงียบเชียบ​แล้ว​

สุดท้าย​หาว​ซู่จะรอ​อยู่​ที่นั่น​ คอย​รอ​รับ​ฉีถิงจี้กับ​ลู่​จือ​

ถ้อยคำ​ของ​นักกวี​ หาก​ปรารถนา​จะมองเห็น​ไกล​กว่า​เดิม​ ก็​ต้อง​ขึ้น​หอ​เรือน​ไป​อีก​ชั้น​

เรื่องราว​ของ​ตระกูล​เซียน​ หาก​ปรารถนา​จะชมหอ​เรือน​ใน​ใต้​หล้า​ ตัว​ต้อง​อยู่​ใน​แสงจันทร์​

เฉิน​ผิง​อัน​ตั้งใจ​จะทำให้​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​เหลือ​ดวงจันทร์​แค่​ดวง​เดียว​

เฉิน​ผิง​อัน​ปัด​มือ​ ลุกขึ้น​ยืน​ช้าๆ หยิบ​เหล้า​ออกมา​หนึ่ง​กา​ เป็น​เหล้า​ภูเขา​ชิงเสิน​บ้าน​ตน​ เขา​จิบ​เหล้า​ไป​หนึ่ง​อึก​

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​หลัง​มือขึ้น​เช็ด​มุมปาก​ ถามว่า​ “สามจิต​เจ็ด​วิญญาณ​ ดูเหมือนว่า​ความรู้​ของ​เจ็ด​วิญญาณ​จะมีไม่มาก​ แต่​ตอนที่​ข้า​อยู่​ใน​ศาล​บุ๋น​เคย​เห็น​ว่า​ แรกเริ่ม​สุด​นั้น​สามจิต​มีคำ​เรียกขาน​ว่า​ฟ้าดิน​คน​?”

ลู่​เฉิน​ไม่ฝึก​หมัด​อีก​ เขา​นั่งลง​ขัดสมาธิ​ วาง​สอง​มือ​ทับซ้อน​กัน​ไว้​ตรง​หน้าท้อง​ “เอ่ย​ว่า​ “จุด​ที่สาม​จิต​มุ่งไป​ก็​คือ​ความรู้​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​แล้ว​ จิต​ฟ้ามุ่งไป​ ก็​คือ​กรงขัง​ฟ้า ก็​ยังมี​คำกล่าว​อีก​อย่างหนึ่ง​บอ​กว่า​จิต​บิน​ไปนอก​ฟ้าไม่ใช่หรือ​ เทวบุตร​มาร​นอก​โลก​มาได้​อย่างไร​ ตอนนี้​คง​รู้​แล้ว​กระมัง​? ส่วน​สถานที่​ที่​จิต​ดิน​มุ่งไป​ พิถีพิถัน​ใน​เรื่อง​ของ​บุญกรรม​และ​การ​เวียนว่ายตายเกิด​ ดังนั้น​จึงไป​ยัง​สถานที่​จำพวก​นคร​เฟิงตู​เมืองผี​ ส่วน​พวก​วิญญาณ​ผี​เร่ร่อน​ที่​หลังจาก​ตาย​ไป​แล้ว​ยัง​วนเวียน​อยู่​ใน​โลก​คน​เป็น​ไม่ไป​ไหน​ อันที่จริง​ก็​คือ​จิต​คน​แล้ว​ เจ็ด​วิญญาณ​จะติดตาม​เฉพาะ​จิต​นี้​เท่านั้น​ คำ​ว่า​ขวัญหนีดีฝ่อ​ (แปล​ตรงตัว​จะได้​ว่า​จิต​บิน​วิญญาณ​กระจาย​) ที่​พวก​ชาวบ้าน​เอ่ย​กัน​นั้น​ ก็​มีความเป็นมา​เช่นนี้​ มีความเกี่ยวพัน​บน​มหา​มรรคา​อย่าง​ที่​มองไม่เห็น​กับ​แซ่สกุล​ของ​พวกเรา​และ​ชื่อจริง​ของ​เผ่า​ปีศาจ​ ขวัญหาย​ไม่อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว​ ลมหายใจ​รวยริน​ เคราะห์กรรม​หมดสิ้น​ของ​พวก​ชาวบ้าน​ล่าง​ภูเขา​อะไร​นั่น​ คำกล่าว​เหล่านี้​ล้วน​สืบทอด​กัน​มาหลาย​รุ่น​หลาย​สมัย​ อันที่จริง​ได้​เป็นการ​เปิด​เผยความลับ​สวรรค์​มานาน​แล้ว​ เพียงแค่​ว่า​พูด​อย่าง​คลุมเครือ​เท่านั้น​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​ถาม “เจ้าให้​หาว​ซู่ไป​อยู่​ใน​ดวงจันทร์​ ดูเหมือนว่า​ทุกคน​ แม้แต่​ตัว​เขา​เอง​ก็​ยัง​ไม่ถามว่า​ทำไม​”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ไม่ตรง​คำถาม​ “ยกตัวอย่างเช่น​มีหลักการ​เหตุผล​อยู่​ข้อ​หนึ่ง​ ใช้กัน​มานาน​หมื่น​ปี​ หาก​เปลี่ยน​มาเป็น​เจ้า เจ้าจะเชื่อ​หรือไม่​?”

หลักการ​เหตุผล​ข้อ​นี้​เรียบง่าย​อย่างยิ่ง​ ข้า​ก็​คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​คน​หนึ่ง​

ลู่​เฉิน​ทำ​สีหน้า​กระจ่างแจ้ง​ ปรบมือ​ยิ้ม​ “คำกล่าว​นี้​ยอดเยี่ยม​นัก​”

เฉิน​ผิง​อัน​กระดก​เหล้า​เข้า​ปาก​แรง​ๆ หนึ่ง​อึก​ เก็บ​กา​เหล้า​ สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ครั้ง​ หรี่ตา​เขม้น​มอง​นคร​เซียน​จาน​แห่ง​นั้น​

ลู่​เฉิน​ถาม “ต่อจากนี้​พวกเรา​สอง​คน​ก็​แวะ​ไป​เยี่ยมเยือน​ถึงเรือน​ ทักทาย​กับ​เจ้าบ้าน​สัก​คำ​สอง​คำ​ก่อน​?”

นาที​ถัดมา​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ดีด​ปลายเท้า​หนึ่ง​ที​ ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ใต้​ฝ่าเท้า​พลัน​ปริ​แตก​ถล่มทลาย​ มหา​มรรคา​จำแลง​เป็น​กาย​ธรรม​ใหญ่โต​โอฬาร​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่ตน​หนึ่ง​ เท้า​หนึ่ง​เหยียบ​พื้น​ ควงแขน​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​ กำหมัด​ทุบ​ลง​บน​นคร​สูงแห่ง​นั้น​โดยตรง​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด