กระบี่จงมา 865.1 ตัวต่อตัว

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 865.1 ตัวต่อตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บน​ภูเขา​นอก​ภูเขา​ สอง​ฝ่าย​คุมเชิง​กัน​ ต่าง​คน​ต่าง​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​

คน​ผู้​หนึ่ง​มาเยี่ยมเยือน​ถึงบ้าน​ อีก​ผู้​หนึ่ง​รับรอง​แขก​มอบ​ของขวัญ​กลับคืน​

ทาง​ฝั่งของ​เฉิน​ผิง​อัน​ นักพรต​ชุด​เขียว​ที่​เดิน​ออก​มาจาก​กระท่อม​ไม้มาปรากฏตัว​อยู่​ด้านหลัง​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ยืน​อยู่​บน​ยอดเขา​ของ​ขุนเขา​ห้า​สี ประหนึ่ง​เทพ​องค์​หนึ่ง​ที่​ค้ำฟ้า​ยัน​ดิน​ ใน​มือถือ​ตราประทับ​อักษร​น้ำ​ซึ่งซุกซ่อน​โชคชะตา​น้ำ​ของ​ลำคลอง​เย่ลั่ว​เอาไว้​สี่ส่วน​ ตรง​เอว​ห้อย​คาถา​ขอฝน​ที่​มีประกาย​แสงเรืองรอง​เอาไว้​หนึ่ง​บท​

ด้านหลัง​กาย​ธรรม​นักพรต​ร่าง​สูงหมื่น​จั้ง กาย​ธรรม​ร่าง​ทอง​ที่อยู่​ใน​รูปลักษณ์​ของ​ทวยเทพ​ สอง​แขน​รัด​พัน​ด้วย​มังกร​เพลิง​ เท้า​เหยียบ​อยู่​บน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงจำลอง​ คือ​การ​จำแลง​ของ​สมบัติ​พิทักษ์​ภูเขา​ของ​ตำหนัก​อวี้ฝู​ใน​อดีต​ ธงเซียน​กระบี่​ที่​ปัก​อยู่​ใน​นคร​เสิน​เซียว​ ตราประทับ​ห้า​อัสนี​ถูก​องค์​เทพ​ยก​สูง บิน​ทะยาน​ไป​ลอย​อยู่​ตรงจุด​ที่สูง​ที่สุด​ของ​ฟ้าดิน​เล็ก​นก​ใน​กรง​ เทพ​ทั้ง​สามสิบ​หก​องค์​หลังจากที่​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​แต้ม​นัยน์ตา​แล้ว​ พร้อมทั้ง​วิญญาณ​วีรบุรุษ​เซียน​กระบี่​ที่​สวม​ชุด​ขาว​เรือน​กาย​ล่องลอย​สิบ​แปด​คน​ ต่าง​ก็​พา​กัน​ล่องลอย​ไป​ทั่ว​สี่ทิศ​ใน​อาณาเขต​ของ​ขุนเขา​สายน้ำ​หก​พัน​ลี้​ เปิดฉาก​สังหาร​ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​ที่อยู่​โดยรอบ​อาณาเขต​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​อย่าง​กำเริบเสิบสาน​

หลังจากที่​เทพ​สามสิบ​หก​องค์​พุ่ง​ออก​มาจาก​ตราประทับ​อาคม​ ด้านหลัง​ต่าง​ก็​มีนาง​อัปสร​เหมือน​ใน​ภาพวาด​ฝาผนัง​ติด​ตามมา​ด้วย​ ล่องลอย​ดุจ​เซียน​ คิ้ว​ของ​เหล่า​เทพธิดา​เรียว​ยาว​ ใบหน้า​อิ่มเอิบ​ งามพิสุทธิ์​หมดจด​

บน​ศีรษะ​ของ​พวก​นาง​สวมมงกุฎ​ บน​ไหล่​สวม​ผ้าคลุม​หลาก​สี ตรง​หน้าอก​สวม​สร้อย​หยก​และ​พลอย​ ต้นแขน​สวม​กำไล​ ด้านหลัง​มีเส้น​ยาว​ลักษณะ​คล้าย​เปลวเพลิง​ถูกลาก​ยาว​ตามมา​ เมฆหลาก​สีบิน​ล้อ​มวน​ โปรย​ดอกไม้​ปลิว​ปราย​เต็ม​ห้วง​อากาศ​อัน​เวิ้งว้าง​

ราวกับ​หิ่งห้อย​กลุ่ม​ใหญ่​ที่​พลัน​บิน​ออก​มาจาก​ม่าน​ราตรี​ ประกาย​แสงแวววาว​พร่างพราย​อย่าง​ถึงที่สุด​

ภาพ​ที่​ผู้ฝึก​ตน​ของ​นคร​เซียน​จาน​สร้าง​ขึ้น​จาก​การพา​กัน​เผ่นหนี​ก่อนหน้านี้​ เมื่อ​เทียบ​กับ​ภาพ​นี้​แล้ว​ไม่มีค่า​พอให้​พูดถึง​จริงๆ​

ลู่​เฉิน​นั่ง​ยอง​อยู่​ใน​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​ดอกบัว​ เบื้องหน้า​มีโต๊ะ​วาดภาพ​ตัวเล็ก​วาง​อยู่​ ด้าน​หนึ่ง​วาดภาพ​ม้าวิ่ง​แห่ง​กาลเวลา​ ด้าน​หนึ่ง​ก็​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ “เป็น​ลาง​ที่​ดี​ เป็นบุญ​ตา​ให้​อิ่ม​ตา​เสีย​จริง​”

เทพธิดา​นาง​อัปสร​ที่​เป็น​ราวกับ​จิตวิญญาณ​ยุค​โบราณ​พวก​นี้​ ไม่เคย​ถูกวาด​ลง​ไป​บน​สี่ด้าน​ของ​ตราประทับ​อาคม​มาก่อน​ ถือ​เป็นเรื่อง​น่ายินดี​ที่​ไม่คาดฝัน​ เป็นการ​เกิดขึ้น​มาตาม​วงจร​แห่ง​วิถี​ฟ้า

คือ​ท่วงทำนอง​ของ​วิถี​ฟ้าที่​ยัง​หลง​เหลืออยู่​หลัง​หอ​บิน​ทะยาน​แตกสลาย​ หมื่น​ปี​ไม่จางหาย​ คล้ายคลึง​กับ​ปณิธาน​กระบี่​บริสุทธิ์​ที่​ล้อ​มวน​อยู่​รอบ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ไม่จากไป​ไหน​ หลังจากที่​เฉิน​ผิง​อัน​แต้ม​นัยน์ตา​ เสริม​มหา​มรรคา​ส่วนหนึ่ง​ให้​ครบถ้วน​ ถึงได้​คล้าย​กับ​เป็น​คำสั่ง​ให้​พวก​นาง​ออกมา​ ก็​เหมือนกับ​ว่า​ได้​ช่วงชิง​พื้นที่​แห่ง​หนึ่ง​ใน​โลก​มนุษย์​ใหม่เอี่ยม​ใน​อีก​หมื่น​ปี​ให้หลัง​มาให้​กับ​พวก​นาง​

ยุค​บรรพกาล​ ฟ้าดิน​มีหอ​บิน​ทะยาน​อยู่​สอง​แห่ง​ ที่​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู หยาง​เหล่า​โถว​เป็น​ผู้รับผิดชอบ​คอย​นำพา​บุรุษ​ผู้​เป็น​เซียน​ดิน​ให้​เดิน​ขึ้น​สวรรค์​กลายเป็น​เทพ​ ส่วน​หอ​บิน​ทะยาน​ที่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ แน่นอน​ว่า​รับ​ตัว​สตรี​เซียน​ดิน​ที่​ผลัด​รก​เปลี่ยน​กระดูก​ ได้​เลื่อนขั้น​เป็น​เทพ​

ทาง​ฝั่งของ​ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซง ร่าง​จริง​ถือ​หอก​ยา​วสี​ทอง​ที่​หลอม​มาจาก​โครงกระดูก​ของ​เทพ​เอาไว้​ เวลานี้​จิต​หยิน​ที่​ออกจาก​ช่อง​โพรง​เดินทางไกล​ ข้าง​กาย​มีผู้ติดตาม​ลักษณะ​คล้าย​หุ่นเชิด​อย่าง​ดรุณี​น้อย​บน​ลำคลอง​ นาง​คล่องแคล่ว​เฉลียวฉลาด​ นาง​หันหลัง​ให้​กับ​เจ้านาย​และ​เฉิน​ผิง​อัน​ แม่น้ำยา​วสี​เขียว​มรกต​ที่​ซัด​หลุนๆ​ เส้น​หนึ่ง​พุ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​นาง​ ไหล​กรู​ไป​ยัง​นักพรต​ชุด​เขียว​ ใช้เวท​น้ำ​ปะทะ​กับ​เวท​น้ำ​

จิต​หยาง​กาย​นอกกาย​ของ​หยวน​ซงยืน​ถือ​ค้อ​นยักษ์​โชคชะตา​เปลวเพลิง​เล่ม​หนึ่ง​อยู่​บน​ภูเขา​ที่สูง​เป็น​อันดับ​สอง​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ด้านหน้า​ปรากฏ​เป็น​กลอง​ใหญ่​ที่​เปี่ยม​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ ใช้ค้อน​ตี​กลอง​ ทุกครั้ง​ที่เกิด​เสียงดัง​ นคร​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงจำลอง​ซึ่งเป็น​ที่อยู่​ของ​เท​พร่าง​ทอง​ด้านหลัง​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​คล้าย​ถูก​ฉีก​กระชาก​ดินแดน​ใน​ห้วง​จักรวาล​ไป​แถบ​ใหญ่​ เกิด​เป็น​น้ำวน​สีชาด​ลูก​แล้ว​ลูก​เล่า​ ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ถูก​เสียง​กลอง​ทุบ​ให้​แหลกลาญ​ เป็นเหตุให้​ธงเทพ​เซียน​ที่อยู่​ใน​นคร​ส่าย​สะบัด​อย่าง​รุนแรง​ ส่งเสียงดัง​พึ่บพั่บ​

เท​พร่าง​ทอง​ที่สอง​แขน​มีมังกร​เพลิง​เลื้อย​ล้อ​มวน​ทิ้ง​กาย​ลง​ใน​นคร​เสิน​เซียว​ ใช้มือหนึ่ง​จับ​ธงให้​แน่น​ ขณะเดียวกัน​ก็​บังคับ​ตราประทับ​ห้า​อสนี​ที่​ลอย​สูงอยู่​บน​ม่าน​ฟ้าชิ้น​นั้น​ ลำแสง​สีทอง​นับ​ร้อย​นับ​พัน​เส้น​แผ่ออก​มาจาก​บน​ตราประทับ​อาคม​ พริบตา​นั้น​ก็​มีสายฟ้า​สีทอง​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ฟาด​เปรี้ยง​ลงพื้น​ หล่น​ลง​บน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ระหว่าง​แผ่นดิน​กับ​ท้องฟ้า​ราวกับว่า​มีสะพาน​เดิน​ขึ้น​สวรรค์​ซึ่งมีบันได​หลาย​พัน​ขั้น​ถูก​สร้าง​ขึ้น​มา

ลู่​เฉิน​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ “น่าเสียดาย​ที่​การ​ประลอง​เวท​ครั้งนี้​มีแค่​ผิน​เต้า​ที่​ชมศึก​อยู่​คนเดียว​”

ระหว่าง​ฟ้าดิน​มีความงดงาม​ใหญ่หลวง​ที่​มิอาจ​พรรณนา​ การ​ถือกำเนิด​และ​การ​มอด​ดับ​ของ​สรรพสิ่ง​ต่าง​ก็​ซุกซ่อน​ไว้​ด้วย​ธรรมชาติ​บน​มหา​มรรคา​ที่​มิอาจ​ใช้ถ้อยคำ​มาบรรยาย​ได้​

ลู่​เฉิน​เหลือบมอง​กระบี่​ยาว​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ถือ​อยู่​ใน​มือซ้าย​ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​กระบี่​เพียง​หนึ่งเดียว​ที่สูง​กว่า​กระบี่​เซียน​สี่เล่ม​อย่าง​ไท่​ป๋า​ย​ ว่าน​ฝ่า เต้า​จ้างและ​เทียน​เจิน​

สูงเหนือ​นอก​ฟ้า สูงจน​สูงกว่า​นี้​ไม่ได้​อีกแล้ว​

ครั้งนี้​เฉิน​ผิง​อัน​มาถามกระบี่​กับ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ เท่ากับ​เขา​คนเดียว​พก​กระบี่​มาฟัน​เปิด​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เพียงลำพัง​ถึงสามพัน​กว่า​ครั้ง​

เรื่อง​แบบนี้​ หาก​แพร่​ออก​ไป​ย่อม​ไม่มีใคร​เชื่อ​

ก็​เหมือน​บอ​กว่า​สวน​กง​เต๋อ​แห่ง​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ถูก​คน​พลิก​ค้น​สามพัน​ครั้ง​ ป๋า​ยอ​วี้​จิงถูก​คน​ทุบ​ทำลาย​สามพัน​ครั้ง​ ใคร​จะเชื่อ​?

ต่อให้​เป็น​โครงร่าง​ที่ว่างเปล่า​แค่​ไหน​ ต่อให้​จะไม่มีผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่นั่ง​พิทักษ์​ ก็​ยังคง​เป็น​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ยังคง​เป็น​ศาล​บุ๋น​และ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง

ส่วน​ข้อ​ที่ว่า​เหตุใด​ถึงไม่อาจ​ใช้หนึ่ง​กระบี่​สังหาร​หยวน​ซง ฟัน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ให้​แหลก​สลาย​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง​ เพียงแค่​เหมือน​ปี​นั้น​ตอน​เป็น​เด็กหนุ่ม​ที่​ใช้กระบี่​เปิด​มหา​บรรพต​สุ้ย​ซาน​แห่ง​แผ่นดิน​กลาง​ หนึ่ง​เพราะ​ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซงที่​เป็น​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​ผสาน​มรรคา​กับ​ภูเขา​ลูก​นี้​ มีเวท​คาถา​แปลกประหลาด​ สามารถ​ทำให้​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​กลับคืน​สู่สภาพเดิม​ได้​หนึ่ง​หมื่น​ครั้ง​ นอกจากนี้​ก็​เป็น​เพราะ​เวท​กระบี่​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ยังคง​ไม่…ไร้​เทียมทาน​ได้​มาก​พอ​

เป็นเหตุให้​ทั้ง​ไม่อาจ​ทำ​เหมือน​เมื่อ​หมื่น​ปี​ก่อนที่​เฉิน​ชิงตู​ใช้หนึ่ง​กระบี่​ทำลาย​หอ​บิน​ทะยาน​อยู่​ที่นี่​ แล้วก็​ไม่อาจ​เทียบ​กับ​หมื่น​ปี​ให้หลัง​ที่​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ใช้ฝ่ามือ​ผ่า​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ออก​เป็น​สอง​ท่อน​

ไม่มีทาง​เป็น​เพราะ​กระบี่​ยาว​เล่ม​นั้น​ไม่คม​มาก​พอ​

แน่นอน​ว่า​เจ้าเด็ก​เฉิน​ผิง​อัน​ผู้​นี้​ต้อง​มีใจเห็นแก่ตัว​ เท่ากับ​ว่า​เอา​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​มาหลอม​กระบี่​ พยายาม​จะปล่อย​กระบี่​ออก​ไป​ให้ได้​หลาย​พัน​ครั้ง​ กระทั่ง​ถึงหมื่น​กว่า​ครั้ง​ เอา​เวท​กระบี่​ ปณิธาน​กระบี่​ คาถา​กระบี่​ที่​ปะปน​ซับซ้อน​ของ​ทั้ง​ร่าง​มาหลอม​อยู่​ใน​เตา​เดียวกัน​ สุดท้าย​พยายาม​ที่จะ​ผสาน​เป็น​…วิถี​กระบี่​บาง​เส้น​ของ​ตัวเอง​

คาด​ว่า​นี่​คง​เป็นการ​ซ้อมมือ​เพื่อ​ถามกระบี่​ต่อ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงในอนาคต​กระมัง​

ลู่​เฉิน​สัมผัส​ได้​ถึงการเปลี่ยนแปลง​จาก​แรง​กระแทก​ใน​ฟ้าดิน​เล็ก​ร่างกาย​มนุษย์​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​อดไม่ไหว​ใช้เสียง​ใน​ใจถามว่า​ “ได้รับบาดเจ็บ​แล้ว​? แถมยัง​ไม่เบา​ด้วย​?”

ต้อง​เป็น​เพราะ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ครึ่งหนึ่ง​ที่​ผสาน​มรรคา​ด้วย​เกิด​ปัญหา​แน่นอน​

นี่​ก็​เป็นเรื่อง​ปกติ​ หาก​ไม่เป็น​เช่นนี้​ เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ก็​ไม่มีทาง​เผย​กาย​

แต่​ใน​เมื่อ​เฉิน​ชิงตู​ออก​กระบี่​อยู่​ที่นั่น​แล้ว​ ลู่​เฉิน​ไม่คิด​ว่า​จะยัง​มีเรื่อง​ไม่คาดฝัน​อะไร​เกิดขึ้น​อีก​

ผู้ฝึก​ตน​ เพียงแค่​เผย​กาย​ก็​ราวกับว่า​สามารถ​ทำให้​ทั้ง​ฝ่าย​ศัตรู​และ​ฝ่าย​ตัวเอง​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​ไม่คาดฝัน​ทุกอย่าง​ล้วน​ต้อง​หลบเลี่ยง​หลีกทาง​ไป​ หมื่น​ปี​ที่ผ่านมา​นี้​ มีอยู่​ไม่มาก​

มีน้อย​จน​นับ​นิ้ว​ได้​

ลู่​เฉิน​ยอมรับ​ว่า​ตอนนี้​ตัวเอง​ยัง​ทำ​ไม่ได้​ ศิษย์​พี่​อวี๋​โต้​ว​ก็​ทำ​ไม่ได้​เช่นเดียวกัน​

ขอบเขต​สิบ​สี่และ​ขอบเขต​สิบห้า​ ถูก​มอง​เป็น​สอง​ขอบเขต​ที่​หายสาบสูญ​ไป​แล้ว​เสมอมา​ จึงไม่มีชื่อ​เรียก​อะไร​

คำ​ว่า​หายสาบสูญ​ก็​คือ​ไม่มีอาจารย์​ผู้​ถ่ายทอด​ ไม่มีการสืบทอด​มรรค​กถา​หรือ​การ​ทอด​ยาว​ของ​ควัน​ธูป​ใดๆ​ คิด​อยาก​จะฝ่าทะลุ​คอขวด​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ ก็ได้​แต่​แสวงหา​เอง​ พิสูจน์​เอง​ ทำความเข้าใจ​เอง​ ไขว่คว้า​มาเอง​

ฝึก​ตน​บน​เส้นทาง​ด้วยตัวเอง​ พิสูจน์​มรรค​กถา​กับ​ตัวเอง​ เป็น​อมตะ​ดำรงอยู่​ไป​ตลอดกาล​ พิสูจน์​มรรคา​ไม่เสื่อมสลาย​ ทุกอย่าง​ล้วน​อาศัย​การตระหนัก​รู้​การ​ทำความเข้าใจ​ของ​ตัว​ผู้ฝึก​ตนเอง​ คำ​ว่า​ฝึก​ตน​ของ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ก็​เป็น​แค่​การอาศัย​ปราณ​วิญญาณ​อัน​ไร้​ที่​สิ้นสุด​ใน​ฟ้าดิน​สร้าง​เรือน​กาย​ที่​มีขีดจำกัด​ของ​มนุษย์​ สืบทอด​ชีวิต​ที่​เสื่อมโทรม​ได้​ง่าย​ สุดท้าย​คน​ฟ้าผสาน​เป็นหนึ่ง​ ไม่ใช่การ​ลอบ​ขโมย​มหา​มรรคา​ ไม่เป็นหนี้​ติดค้าง​อะไร​กับ​ฟ้าดิน​อีก​

ดังนั้น​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่ มีเพียงแค่​บน​ยอดเขา​เท่านั้น​ที่​ถึงจะมีคำกล่าว​แบบ​ลึกลับ​อำพราง​ไม่กี่​อย่าง​ที่​เป็นความลับ​ไม่แพร่งพราย​ หนึ่ง​ใน​นั้น​ก็​มีคำ​เรียก​ที่ว่า​ ‘ขอบเขต​คน​ฟ้า’ ที่​ไม่ใช่ทั้ง​เทพ​และ​ทั้ง​ไม่ใช่เซียน​

สำหรับ​คำ​ว่า​คน​ฟ้า สามลัทธิ​ต่าง​ก็​มีคำบรรยาย​วัตถุประสงค์​ที่​แตก​ต่างกัน​ไป​ หนึ่ง​ใน​นั้น​คือ​จวน​เทียน​ซือ​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​ที่​ซิ่ว​ไฉเฒ่าไป​เป็น​แขก​ใน​อดีต​ ก็​เคย​มอบ​กลอน​คู่​บท​หนึ่ง​ให้​แก่​จ้าว​เทียน​ไล่​เทียน​ซือ​ใหญ่​รุ่น​ปัจจุบัน​ หนึ่ง​ใน​นั้น​ก็​มีกรอบ​ป้าย​ที่​เขียน​ด้วย​อักษร​ตัว​ใหญ่​ว่า​ ‘คน​ฟ้ารวม​เป็นหนึ่ง​’

เฉิน​ผิง​อัน​บังคับ​ค่าย​กล​กระบี่​ของ​จันทร์​ใน​บ่อ​ต่อ​อีกครั้ง​ ให้​มัน​พุ่ง​กระแทก​ใส่ฟ้าดิน​ที่​ถูก​หยวน​ซงสะบั้น​กั้น​ขวาง​ แค่​ต้อง​ดู​ว่า​ใคร​จะถูก​เผาผลาญ​พลัง​ไป​มากกว่า​กัน​ เขา​ตอบ​ด้วย​เสียง​ใน​ใจว่า​ “เรื่อง​เล็กน้อย​ ชิน​ไป​แล้ว​ก็ดี​เอง​”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​กล่าว​ “นี่​เป็นเรื่อง​ที่​ทำร้าย​รากฐาน​มหา​มรรคา​เชียว​นะ​ หาก​นี่​ยัง​เป็นเรื่อง​เล็ก แล้ว​แบบ​ไหน​ถึงจะเรียก​ว่า​เรื่องใหญ่​?”

หาก​กำแพงเมือง​ครึ่งหนึ่ง​นั้น​ถูก​ใคร​ฟัน​แตก​ ก็​เท่ากับ​ว่า​สะพาน​แห่ง​ความ​เป็น​อมตะ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ได้​ขาดสะบั้น​ไป​อีกครั้ง​ เท่ากับ​ว่า​คืน​มรรค​กถา​ทั้ง​ร่าง​ให้​กับ​ลู่​เฉิน​ ผลลัพธ์​ที่​ตามมา​ย่อม​เลวร้าย​จน​มิอาจ​คาดคิด​

ลู่​เฉิน​อดไม่ไหว​เอ่ย​ว่า​ “เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ดี​กับ​เจ้ามาก​จริงๆ​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “แต่ไหนแต่ไร​มาวาสนา​กับ​ผู้อาวุโส​ของ​ข้า​ก็​ไม่เลว​มาโดยตลอด​”

ลู่​เฉิน​เอ่ย​อย่าง​เป็นกังวล​ “เฉิน​ผิง​อัน​ หาก​อิง​ตาม​การคำนวณ​ของ​ข้า​ อีก​ประมาณ​แปด​พัน​กระบี่​ เจ้าก็​จะตก​อยู่​ใน​สภาพ​ชักหน้าไม่ถึงหลัง​ หาก​โชคดี​ก็​ยัง​สามารถ​ใช้กาลเวลา​ใน​การ​ฝึก​ตน​ภายหลัง​มาค่อยๆ​ ใช้หนี้​คืน​ หาก​โชคร้าย​ ก็​จะต้อง​เอา​ขอบเขต​หนึ่ง​ขั้น​มาชดเชย​ช่องโหว่​ โชคร้าย​กว่า​นั้น​…ช่างเถิด​ ไม่พูดจา​อัปมงคล​จะดีกว่า​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “ข้า​รู้​ว่า​ควร​ทำ​เช่นไร​”

ประโยค​สุดท้าย​ของ​ลู่​เฉิน​ คือ​อยาก​พูดว่า​ตอนนี้​ยืม​ไป​กี่​ขอบเขต​ วันหน้า​ก็​ต้อง​ขอบเขต​ถดถอย​เท่านั้น​

แต่​นี่​คือ​สถานการณ์​ที่​เลวร้าย​ที่สุด​ ลู่​เฉิน​รู้สึก​ว่า​โชค​ของ​ตัวเอง​รวม​กับ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ควรจะ​แย่​ถึงขนาด​นั้น​จึงจะถูก​

ก่อนหน้านี้​ลู่​เฉิน​ยัง​กังวล​ว่า​ใน​เวลา​สั้น​ๆ เพียง​เจ็ด​แปด​ปี​ เฉิน​ผิง​อัน​จะต้อง​ไป​สร้าง​ความวุ่นวาย​ที่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ งัดข้อ​กับ​ศิษย์​พี่​อวี๋​แต่​เนิ่นๆ​ เวลานี้​กลับ​เริ่ม​กังวล​ว่า​เมื่อ​ถึงเวลา​ที่​ตน​เป็น​ผู้ดูแล​กิจธุระ​ใน​ป๋า​ยอ​วี้​จิง เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​มีโรค​แฝงทิ้ง​ไว้​หลังจาก​ศึก​เปิด​ภูเขา​นี้​ ทำให้​ไม่ปรากฏ​กาย​เสียที​ ตน​จะเงียบเหงา​ปานใด​นะ​? อย่า​เห็น​ว่า​อ​ยู​ใน​ใต้​หล้า​บ้านเกิด​ ชื่อเสียง​ของ​ตน​ธรรมดา​ แท้จริง​แล้ว​ใน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงเขา​เป็น​ถึงเจิน​เห​ริน​เจ้าลัทธิ​ที่​ผู้​คนรับ​รู้กัน​ถ้วน​ทั่ว​ว่า​วางตัว​เที่ยงตรง​ ประพฤติ​ใน​ทาง​ชอบ​ ไม่ค่อย​แย้มยิ้ม​พูดคุย​เชียว​นะ​

ลู่​เฉิน​เอ่ย​อย่าง​กังขา​ “ก่อนหน้านี้​ทำไม​ไม่ให้​พวก​หนิง​เหยา​อยู่​ต่อ​นาน​อีก​สักหน่อย​”

ผู้ฝึก​กระบี่​สี่คน​ร่วมแรง​กัน​ออก​กระบี่​ เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ต้อง​เปิด​ภูเขา​เพียงลำพัง​ แน่นอน​ว่า​ย่อม​ผ่อนคลาย​กว่า​มาก​

สอง​เรื่อง​อย่าง​การ​เปิด​ภูเขา​และ​ลาก​ดวงจันทร์​ ผลกระทบ​ที่​มีต่อ​โชคชะตา​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ อันที่จริง​ไม่มีการ​แบ่งแยก​สูงต่ำ​อะไร​

ขอ​แค่​ทำ​วีรกรรม​ใด​วีรกรรม​หนึ่ง​ได้​ก็​เพียง​พอแล้ว​ นอกจาก​ชะตา​ฟ้าที่จะ​เปลี่ยนแปลง​แล้ว​ สำหรับ​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​ก็​ถือ​เป็นการ​สร้าง​ความเสียหาย​อย่าง​สาหัส​เช่นกัน​

แน่นอน​ว่า​หากว่า​กัน​ใน​ระยะยาว​ ย้าย​ดวงจันทร์​ที่​ใน​อดีต​อยู่​ตรงกลาง​ดวง​นั้น​ไป​ ทำให้​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​เหลือ​ดวงจันทร์​แค่​ดวง​เดียว​ ย่อม​ต้อง​มีความหมาย​ยิ่งกว่า​ทำลาย​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ที่​เหลือ​แต่​เปลือก​ว่างเปล่า​เท่านั้น​

“เรื่อง​ของ​การลาก​ดึง​ดวงจันทร์​ มีความเป็นไปได้​สอง​สามส่วน​กับ​มีความเป็นไปได้​สี่ห้า​ส่วน​ จะมีอะไร​ต่าง​หรือ​? ใน​สายตา​ของ​ข้า​ ไม่ใช่ว่าต่าง​ห้า​หก​ส่วน​ แล้วก็​ไม่ได้​ต่าง​เก้า​ส่วน​สิบ​ส่วน​เสียหน่อย​ ทั้งสอง​อย่าง​ไม่ได้​มีความต่าง​อะไร​เลย​สักนิด​”

ใน​สายตา​ของ​ลู่​เฉิน​ การ​เลือก​ที่​มั่นคง​ที่สุด​ยังคง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ห้า​คน​ร่วมมือ​กัน​สังหาร​หยวน​ซง ไม่สู้ละทิ้ง​เรื่อง​ลาก​ดวงจันทร์​ไป​ดีกว่า​

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อธิบาย​ “มีเรื่อง​ไม่คาดฝัน​เกิด​ขึ้นกับ​ข้า​มาก​หน่อย​ ยา​มลาก​ดวงจันทร์​ก็​จะได้​มีเรื่อง​ไม่คาดฝัน​ลดน้อยลง​ไป​หน่อย​”

ลู่​เฉิน​ถอนหายใจ​ หันหน้า​ไป​มอง​บน​ยอดเขา​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ บุรุษ​ชุด​เหลือง​ที่​กัก​ตัวเอง​อยู่​ใน​พื้นที่​แห่ง​นี้​มานาน​หมื่น​กว่า​ปี​ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​คัมภีร์​ซึ่งอ่าน​ได้​ยาก​ที่​มีอยู่​ทุก​บ้าน​

วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​ธาตุ​ไม้ที่​เนิ่นนาน​ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซงก็​ยัง​ไม่ยอม​เปิดเผย​เสียที​ เป็น​ราวกับ​ต้นไม้​โบราณ​หมื่น​ปี​ที่​หล่อหลอม​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ไว้​ในเวลาเดียวกัน​ ทุกครั้งที่​เฉิน​ผิง​อัน​ใช้กระบี่​เปิด​ภูเขา​ หยวน​ซงก็​จะสูญเสีย​วง​ปี​แห่ง​ชะตาชีวิต​ไป​หนึ่ง​วง​ ใน​ช่วงเวลา​ที่​วง​ปี​กำลังจะ​หาย​ไป​หมดสิ้น​ ก็​คือ​ช่วงเวลา​ที่​ลูกศิษย์​คน​แรก​ของ​บรรพบุรุษ​ใหญ่​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ผู้​นี้​กาย​ดับ​มรรคา​สลาย​

ใน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​สามตน​ที่​เดิมที​ควรจะ​เรียก​ลม​ได้​ลม​เรียก​ฝน​ได้​ฝน​อยู่​ใน​บ้านเกิด​ ขมขื่น​เกิน​กว่า​จะบรรยาย​ เห็นได้ชัด​ว่า​คำวิงวอน​ที่​มีต่อ​หยวน​ซงนั้น​ไร้ประโยชน์​ จึงได้​แข็งใจ​บากหน้า​ทุ่ม​สุด​ชีวิต​ร่าย​ใช้วิธีการ​ช่วยเหลือ​ตัวเอง​ที่​เป็น​ท่า​ไม้ตาย​ออกมา​ นอกจาก​ตะขาบ​ตัว​ที่​ใช้ร่าง​โอบล้อม​อยู่​ปลาย​ภูเขา​หลาย​รอบ​แล้ว​ ยังมี​ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​อีก​คน​หนึ่ง​ที่นั่ง​อยู่​บน​เบาะ​รอง​นั่ง​เจ็ด​สี เซียน​เห​ริน​กำลัง​รด​น้ำลง​ไป​ บุปผา​ร้อย​กว่า​ชนิด​ก็​พลัน​ถือกำเนิด​ ผลิ​ดอก​เบ่งบาน​ ก่อน​จะแห้งเหี่ยว​โรยรา​ไป​อย่าง​ต่อเนื่อง​

เซียน​เห​ริน​เผ่า​ปีศาจ​คน​หนึ่ง​ที่​เป็น​สตรี​ นาง​สวม​เสื้อเกราะ​ปัก​ลาย​ตะปู​ทองแดง​ เบื้องหน้า​มีตะเกียง​เซียน​เห​ริน​ถือ​ที่​ทำ​มาจาก​หยก​โบราณ​ลอย​อยู่​ นาง​กำลัง​หลอม​ยันต์​ จุดไฟ​สว่าง​ให้​กับ​ไส้ตะเกียง​ เปลวเพลิง​ปรากฏ​เป็น​สีเหลือง​ทอง​บริสุทธิ์​ ราวกับ​สีสัน​ที่​หลอม​มาจาก​เหรียญทองแดง​แก่น​ทอง​ เห็นได้ชัด​ว่า​ถึงกับ​เรียก​สมบัติ​หนัก​แห่ง​ชะตาชีวิต​ ใช้วิชา​รักษา​ชีวิต​อันเป็น​สมบัติ​ก้น​กรุ​แล้ว​

ตะขาบ​ตัว​นั้น​ชูหัว​ขนาด​มหึมา​ขึ้น​มามอง​สบตา​กับ​กาย​ธรรม​นักพรต​หมื่น​จั้งอยู่​ไกลๆ​

หยวน​ซงเอ่ย​เยาะเย้ย​ “แค่​สาย​ตาเดียว​ก็​คิด​จะผูกมิตร​เป็น​พันธมิตร​กับ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​แล้ว​หรือ​? ดีมาก​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​ลอง​ร่วมมือ​กับ​เขา​ หันมา​แว้ง​โจมตี​ข้า​ดู​”

หยวน​ซงยัง​เอ่ย​อีก​ประโยค​หนึ่ง​เสริม​มาว่า​ “ขอ​แค่​พวก​เจ้าสามคน​มีชีวิต​หนี​รอดไป​จาก​อาณาเขต​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ได้​ ข้า​สามารถ​รับปาก​ว่า​จะไม่ให้​เฝ่ย​หรา​น​และ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​เอา​ผิดพวก​เจ้าฐาน​เป็น​กบฏ​”

ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​สามตน​นี้​ก็​เคย​ได้​แบ่งแยก​ดินแดน​ยึดครอง​พื้น​ที่หนึ่ง​ ชื่อเสียง​ของ​ความดุร้าย​เลื่องลือ​ เพียงแต่ว่า​เวลานี้​กลับ​ตกใจ​จน​ขวัญกระเจิง​แล้ว​ วันหน้า​หรือ​จะยัง​กล้า​เป็น​ศัตรู​กับ​ใต้​หล้า​ไพศาล​

หาก​ไป​อยู่​ใน​หมู่​ชาวบ้าน​ล่าง​ภูเขา​ แล้ว​ใน​ครอบครัว​ยังมี​ผู้อาวุโส​อยู่​ คาด​ว่า​คง​ต้อง​มาที่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ช่วย​ทั้ง​สามคน​เรียกขวัญ​เรียก​วิญญาณ​กลับมา​แล้ว​

ผิว​กลอง​ที่​กาย​นอกกาย​ของ​หยวน​ซงใช้ค้อน​ใหญ่​ทุบตี​ลง​ไป​ คือ​เนื้อหนังมังสา​ร่าง​จริง​ของ​ปีศาจ​ใหญ่​เผ่า​น้ำ​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​ใน​อดีต​ตน​หนึ่ง​ ใน​มือถือ​ค้อ​นยักษ์​โชคชะตา​เปลวเพลิง​ ลั่น​กลอง​รัว​ไม่หยุด​ ค้อน​ทุบ​ลง​บน​ผิว​กลอง​หนักหน่วง​ นอกจาก​จะปะทะ​กับ​วิชา​อสนี​ของ​กาย​ธรรม​ร่าง​ทอง​แล้ว​ ตะขาบ​ใหญ่​ยักษ์​ที่​ร่าง​จริง​รัด​พัน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ก็​เจอ​เคราะห์​ไม่เบา​ ถูก​คลื่นเสียง​ตี​กลอง​ที่​ก้องกังวาน​สะเทือน​มาโดน​ ผิว​เนื้อ​พลัน​ปริ​แตก​ เลือดโชก​ไหล​อาบ​ ผู้ฝึก​ตน​เซียน​เห​ริน​อีก​สอง​คน​ที่​ยัง​คงอยู่​ใน​รูปลักษณ์​มนุษย์​ก็​ยิ่ง​มีเลือด​สด​ไหล​จาก​ทวาร​ทั้ง​เจ็ด​ เบาะ​รอง​นั่ง​สั่น​ไหว​ไม่หยุด​ ถ้วย​ขาว​เกิด​เสียง​แตกร้าว​ ตะเกียง​ที่​เดิมที​ประหนึ่ง​สาวงาม​ที่​ผิวพรรณ​ขาวนวล​เกิด​ลาง​ว่า​จะเป็น​ไข่มุก​เหลือง​ที่​มืด​หม่น​ไร้​แสง เปลวเพลิง​ส่าย​สะบัด​ ดึง​เอา​ยันต์​สีทอง​ปึก​หนึ่ง​ออกมา​ ข่ม​กลั้น​ความเจ็บปวด​จาก​จิต​แห่ง​มรรคา​ที่​ไม่มั่นคง​ จิตวิญญาณ​ที่​สั่นสะเทือน​ ใช้นิ้วมือ​ที่​สั่น​ไหว​จุด​ไส้ตะเกียง​ขึ้น​พร้อมเพรียงกัน​ พยายาม​อย่าง​เต็มที่​ที่จะ​ประคับประคอง​ไม่ให้​ไฟใน​ตะเกียง​มอด​ดับ​ลง​

ตะขาบ​ตัว​นั้น​เจ็บปวด​ทรมาน​อย่าง​ถึงที่สุด​ เรือน​กาย​ดิ้น​กระเสือกกระสน​ บดขยี้​ตัว​ภูเขา​จน​แหลก​ละเอียด​ เศษหิน​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​กลิ้ง​หลุนๆ​ ลงมา​ที่​ตีนเขา​ ฝุ่น​คลุ้ง​กระจาย​ ทราย​เหลือง​ก็​ยิ่ง​ไหล​ซัดสาด​ไล่หลัง​กัน​มา

ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​สามตน​ที่​น่าสงสาร​คล้าย​ตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​อัน​ยากลำบาก​ที่​ถูก​ผู้ฝึก​กระบี่​และ​หยวน​ซงร่วมมือ​กัน​เล่นงาน​ ไม่อยาก​ตาย​ก็​ยัง​ยาก​

แต่​หลังจาก​ปีศาจ​ที่​ร่าง​จริง​คือ​ตะขาบ​ตัว​นั้น​ถูก​หยวน​ซงเปิดโปง​ความ​คิดในใจ​ก็​ไม่กล้า​คิด​ว่า​ตัวเอง​จะโชคดี​รอดชีวิต​อีก​ ก่อนหน้านี้​ยัง​คิด​ว่า​จะสามารถ​ร่วมมือ​กับ​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ทำ​เรื่อง​ที่​เป็นการ​ปัก​บุปผา​ลง​บน​ผ้าแพร​ได้​บ้าง​หรือไม่​ ขอ​แค่​วันนี้​สามารถ​รักษา​ขอบเขต​เอาไว้​ได้​ หลังจาก​มีชีวิต​หนีรอด​ออก​ไป​จาก​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ขอ​แค่​หยวน​ซงตาย​ไป​ก็​ถือว่า​เป็นการ​มอบ​สัญญาสวามิภักดิ์​ฉบับ​หนึ่ง​ให้​แก่​ใต้​หล้า​ไพศาล​ และ​ใน​เมื่อ​ทำ​เช่นนั้น​แล้ว​เขา​ก็​จะแปรพักตร์​โดยตรง​ แอบ​กลับ​ไป​เอา​ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ดวง​นั้น​กลับมา​ก่อน​ แล้ว​ค่อย​หา​ท่าเรือ​กุย​ซวี​แห่ง​หนึ่ง​ เข้า​สวามิภักดิ์​กับ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ยกตัวอย่างเช่น​ไปหา​เจิ้งจวี​จงพญา​มาร​แห่ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​ผู้​นั้น​ให้​มาเป็น​ที่พึ่ง​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด