กระบี่จงมา 870.2 ดอกไม้บานตามลำดับ

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 870.2 ดอกไม้บานตามลำดับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นาที​ถัดมา​ จื้อ​กุย​ก็​ถูก​บีบ​ให้​ออก​ไป​จาก​ห้อง​ หวนกลับ​ไป​ยัง​ระเบียง​ของ​ดาดฟ้า​อีกครั้ง​ นาง​ใช้นิ้วโป้ง​ลูบ​ซีก​แก้ม​ บน​แก้ม​มีรอย​เลือด​จางๆ จาก​การ​ถูก​ปราณ​กระบี่​เสี้ยว​หนึ่ง​กรีด​

เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ใน​ตำนาน​จริง​เสีย​ด้วย​!

ซ่งจี๋ซิน​ริน​น้ำชา​สอง​ถ้วย​ ใช้นิ้วมือ​ผลัก​ถ้วย​ชากระเบื้อง​ขาว​ใบ​หนึ่ง​ไป​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​เบา​ๆ

อุปกรณ์​ชงชาบน​โต๊ะ​นี้​ได้​มาจาก​ที่ว่าการ​ผู้ตรวจ​การงาน​เตาเผา​ของ​หลง​โจว​

ไม่ถึงหนึ่ง​เค่อ​

เฉิน​ผิง​อัน​ก็​กลับมา​ที่​หัว​เรือ​

ทิ้ง​ไว้​เพียง​อ๋อง​เจ้าเมือง​ต้า​หลี​สีหน้า​เปลี่ยวเหงา​ให้​เหม่อมอง​ถ้วย​ชาที่อยู่​เบื้องหน้า​เพียงลำพัง​

จ้าว​เหยา​รอคอย​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​กลับมา​อยู่​ตลอด​ พอ​เห็น​ว่า​เขา​กลับมา​แล้วก็​ใช้เสียง​ใน​ใจถามว่า​ “ผู้ฝึก​กระบี่​อีก​สอง​คน​ล่ะ​?”

อันที่จริง​ครั้งแรก​ที่​จ้าว​เหยา​ไป​พบ​เฉิน​ผิง​อัน​ ใช่ว่า​เขา​จะไม่กังวล​ เพราะ​อด​กังวล​ไม่ได้​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​อยาก​จะเก็บ​รวบรวม​กระบี่​เซียน​ไท่​ป๋า​ย​ให้​ครบ​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ผู้ฝึก​กระบี่​หลิว​ไฉ เฝ่ย​หรา​น​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​”

จ้าว​เหยา​ขมวดคิ้ว​ “ทำไม​ถึงเป็น​เฝ่ย​หรา​น”?​

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ไม่รู้​เหมือนกัน​ วันหน้า​เจ้าก็​ลอง​ไป​ถามเอง​ได้​ ทุกวันนี้​เขา​ฝึก​ตน​อยู่​ใน​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​แล้ว​”

จ้าว​เหยา​ยิ้มเจื่อน​ “ทุกวันนี้​เพิ่งจะ​เป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ เจ้าจะให้​ข้า​บิน​ทะยาน​ไป​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ เรื่อง​ของ​ปีมะโว้​แล้ว​ ไม่สู้รอ​ให้​อาจารย์​ป๋า​ย​ย้อนกลับ​มายัง​ไพศาล​ยัง​จะเป็นไปได้​มากกว่า​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ใน​เมื่อ​สามารถ​แหก​กฎ​ของ​ใต้​หล้า​ห้า​สีกลับ​มายัง​บ้านเกิด​ได้​ ไม่แน่​ว่า​อาจจะ​ได้​แหก​กฎ​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ด้วย​ก็ได้​”

จ้าว​เหยา​สะอึก​อึ้ง​ไป​ทันที​

คุย​กับ​เจ้าคน​ที่​ชอบ​จดจำ​ความแค้น​ผู้​นี้​ ไม่เคย​สบายใจ​ได้​เลย​จริงๆ​

จ้าว​เหยา​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ตามมารยาท​ “กลับ​เมืองหลวง​ด้วยกัน​ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “จะหวนกลับ​ไป​ยัง​สถานที่​ที่​เคย​ไป​เยือน​ทางใต้​เสียหน่อย​”

จื้อกุ้ย​สีหน้า​เฉยเมย​ หรี่​ดวงตา​ที่​เป็น​สีทอง​ทั้งคู่​ลง​ หลุบ​ตา​ลง​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​จาก​ที่สูง​ ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ว่า​ “เจ้าในเวลานี้​จะต้อง​ทำให้​คน​ผิดหวัง​”

เฉิน​ผิง​อัน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ เงยหน้า​มอง​สตรี​ผู้​นั้น​ ไม่ได้​อธิบาย​อะไร​ เดิมที​กับ​นาง​ก็​ไม่ได้​มีอะไร​ให้​ต้อง​พูดคุย​กัน​มากมาย​อยู่แล้ว​

แต่​พอ​ได้ยิน​ประโยค​นี้​ของ​จื้อ​กุย​ เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​หัวเราะ​

อย่าง​น้อยที่สุด​หลาย​ปี​ที่​จาก​บ้านเกิด​มานี้​ ติดตาม​ซ่งจี๋ซิน​ร่อนเร่​ไป​ทั่ว​ ถึงอย่างไร​นาง​ก็​ไม่ได้​ทำให้​อาจารย์​ฉีผิดหวัง​

ใน​สงคราม​ใหญ่​ นาง​ทั้ง​ไม่เคย​หันไป​สวามิภักดิ์​เข้า​ร่วมกับ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ กลับกัน​ยัง​เป็น​ฝ่าย​ออก​ไป​จาก​บน​บก​ ต่อสู้​กับ​ปีศาจ​ใหญ่​เฟยเฟย​ราชา​บน​บัลลังก์​เก่า​ ขัดขวาง​วิชา​อภินิหาร​แห่ง​เวท​น้ำ​ของ​อีก​ฝ่าย​ที่​พยายาม​จะทำให้​น้ำท่วม​กลบ​ทับ​นคร​มังกร​เฒ่า เป็นเหตุให้​โดน​กระบอง​ของ​จูเยี่ยน​บรรพบุรุษ​ย้าย​ภูเขา​ตี​แสกหน้า​ไป​หลาย​ที​

หลังจาก​ศึก​ใหญ่​ปิดฉาก​ลง​ก็​ไม่เคย​บุกเข้าไป​ที่​กุย​ซวี​อย่าง​บุ่มบ่าม​เพื่อ​พยายาม​ที่จะ​ก่อ​สำนัก​ตั้ง​ตน​เป็นอิสระ​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ซึ่งไร้​คน​พันธนาการ​

ไม่ได้​ช่วงชิง​อะไร​กับ​ตั้นตั้นฮู​หยิน​แห่ง​หลุม​น้ำ​ลู่​เพียง​เพื่อ​สถานะ​ของ​เจ้าผู้​ครอง​โชคชะตา​น้ำ​ ไม่ว่า​จะคิด​อย่างไร​ สุดท้าย​แล้ว​นาง​ก็​ไม่ได้​อาละวาด​ฉีกหน้า​แตกหัก​กับ​ศาล​บุ๋น​

ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​นาง​ไม่ได้​หลอก​ทำร้าย​ซ่งจี๋ซิน​ ใน​เมื่อ​นาง​ที่อยู่​ตรอก​หนี​ผิง​สามารถ​ขโมย​กิน​ปราณ​มังกร​บน​ร่าง​ของ​ซ่งจี๋ซิน​ได้​ ถ้าอย่างนั้น​นาง​ในเวลานี้​ก็​สามารถ​เอา​ปราณ​มังกร​กลับมา​หล่อเลี้ยง​ซ่งมู่อ๋อง​เจ้าเมือง​ได้​เช่นกัน​

หาก​นาง​ทำ​เช่นนี้​ก็​จะเกี่ยวพัน​ไป​ถึงสถานการณ์​ของ​โชคชะตา​ใน​หนึ่ง​แคว้น​ มีความเป็นไปได้​อย่างยิ่ง​ว่า​จะเป็นเหตุให้​เกิด​สถานการณ์​ที่หนึ่ง​แคว้น​ของ​สกุล​ซ่งต้า​หลี​แบ่ง​ออก​เป็น​สอง​ สุดท้าย​เป็นการ​คุมเชิง​กัน​ของ​เหนือ​และ​ใต้​

เฉิน​ผิง​อัน​หมุนตัว​กลับ​ ยื่นมือ​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ กุม​หมัด​บอกลา​กับ​แม่ทัพ​บู๊​สวม​เสื้อเกราะ​คน​นั้น​

จื้อ​กุย​รอ​ให้​เจ้าหมอ​นั่น​จากไป​แล้ว​ถึงกลับ​ไป​ที่​ห้อง​ พบ​ว่า​ซ่งจี๋ซิน​ใจลอย​ไม่อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว​ นาง​จึงนั่งลง​ตามสบาย​ ถามว่า​ “เจรจา​กัน​ไม่สำเร็จ​หรือ​?”

ซ่งจี๋ซิน​ไม่พูด​อะไร​สัก​คำ​ เขา​เงียบ​อยู่​นาน​มาก​ ก่อน​จะลุกขึ้น​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “ไม่ไป​เมืองหลวง​แล้ว​ ไป​ที่​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​”

สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​ต้า​สุย​

ศิษย์​พี่​เหมา​ได้​ออกจาก​ตำแหน่ง​รอง​เจ้าขุนเขา​ของ​สำนักศึกษา​แล้ว​ อีก​ทั้ง​หลัง​ผ่าน​การประชุม​ศาล​บุ๋น​ไป​ก็​ไม่ได้​ควบ​ตำแหน่ง​เป็น​เจ้ากรม​พิธีการ​และ​เจ้าขุนเขา​สำนักศึกษา​ แต่​มารับ​ตำแหน่ง​เจ้าสำนัก​ศึกษา​คน​ใหม่​ของ​ทวีป​อื่น​

เฉิน​ผิง​อัน​ปรากฏตัว​ที่​ยอดเขา​ของ​ภูเขา​ตง​ซาน​ใน​สำนักศึกษา​ ยืน​อยู่​บน​กิ่งไม้​ของ​ต้นไม้​ใหญ่​ต้น​หนึ่ง​ ทอดสายตา​มอง​ไกล​ไป​ยัง​วังหลวง​ เกา​เซวียน​องค์​ชาย​ใน​อดีต​ได้​กลายเป็น​ฮ่องเต้​พระองค์​ใหม่​ของ​ต้า​สุย​แล้ว​

ปี​นั้น​ใน​เมือง​เล็ก​มีทั้ง​คนดี​และ​คนเลว​ปะปนกัน​ เฉิน​ผิง​อัน​ได้​เหรียญทองแดง​แก่น​ทอง​มาถุงแรก​ หากว่า​กัน​ใน​ความหมาย​ที่​เข้มงวด​แล้วก็​คือ​เป็น​เงิน​ที่​ได้​มาจาก​มือ​ของ​เกา​เซวียน​ บวก​กับ​อีก​สอง​ถุงที่​กู้​ช่าน​ทิ้ง​ไว้​ให้​ เขา​จึงสามารถ​เก็บ​รวบรวม​เงิน​เหรียญทองแดง​แก่น​ทอง​สามประเภท​อย่าง​เงิน​ก้ง​หย่า​ง เงิน​อิ๋ง​ชุน​ และ​เงิน​ยา​เซิ่งได้​อย่าง​ละ​หนึ่ง​ถุงพอดี​ และ​เงิน​เหรียญทองแดง​แก่น​ทอง​สามถุงนี้​ อันที่จริง​ต่าง​ก็​ถือเป็น​โชควาสนา​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​พลาด​ไป​ แรก​สุด​คือ​หนี​ชิว​ตัว​ที่​มอบให้​กู้​ช่าน​ ภายหลัง​ได้​เจอ​กับ​ท่าน​อา​ห​ลี่​ ขณะ​กำลัง​ต่อรองราคา​กลับ​ถูก​เกา​เซวียน​ชิงตัดหน้า​ซื้อ​ปลา​หลี​สีทอง​ตัว​นั้น​ไป​ บวก​กับ​ข้อง​ราชา​มังกร​ที่​มอบให้​เปล่าๆ​ อีก​ใบ​หนึ่ง​

ภายหลัง​ลูกหลาน​สกุล​เกา​เมือง​เก​อห​ยาง​ต้า​สุย​ผู้​นี้​ได้​ใช้สถานะ​ตัวประกัน​จาก​การ​ที่สอง​แคว้น​เป็น​พันธมิตร​กัน​มาอยู่​ที่​ราชวงศ์​ต้า​หลี​ และ​เคย​มาศึก​ษอยู่​ใน​สำนักศึกษา​หลิน​ลู่​บน​ภูเขา​พี​อวิ๋น​นาน​หลาย​ปี​

ตอน​อยู่​ใน​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​ เกา​เซวียน​ก็​มักจะ​มาตกปลา​กับ​อวี๋​ลู่​บ่อยๆ​ และ​แท้จริง​แล้วก็​สนิท​กับ​พวก​เป่า​ผิง​ ห​ลี่​ไหว​มาก​

เฉิน​ผิง​อัน​ลังเล​อยู่​เล็กน้อย​ แต่​สุดท้าย​ก็​ไม่ได้​ไปหา​เกา​เซวียน​ที่​วังหลวง​ต้า​สุย​ ตอนนี้​ฮ่องเต้​ที่​เพิ่งจะ​ขึ้น​ครองราชย์​ได้​ไม่นาน​พระองค์​นี้​กำลัง​ยุ่ง​อยู่​กับ​การ​ตรวจ​ฎีกา​ใน​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​

ขันที​อายุ​มาก​ที่​ถูก​วงการ​ต้า​สุย​เรียกขาน​อย่าง​ลับ​ๆ ว่า​เป็น​ ‘เสนาบดี​’ สอง​รัชสมัย​เฝ้าอยู่​หน้า​ประตู​ จากนั้น​ก็​มีผู้​ถวายงาน​คน​หนึ่ง​มาขอ​เข้าเฝ้า​ฮ่องเต้​ ดูเหมือนว่า​จะชื่อ​ไช่จิงเสิน​

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่สนิท​กับ​เขา​ แต่​ดูเหมือนว่า​ชุยตง​ซาน​และ​ท่าน​อา​ห​ลี่​ต่าง​ก็​สนิท​กับ​เขา​มาก​

ต่อมา​เขา​ก็​แค่​ไป​เดินเล่น​อยู่​ริม​ทะเลสาบ​ของ​สำนักศึกษา​ครู่หนึ่ง​ ครั้น​เรือน​กาย​ก็​จางหาย​ไป​ ออก​เดินทางไกล​ต่อ​อีกครั้ง​

ปี​นั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ฟังคำบอกเล่า​จาก​จางซาน​เฟิง บอ​กว่า​ยุค​บรรพกาล​มีเทพ​หญิง​ที่​ทำหน้าที่​ป่าวประกาศ​การ​มาถึงของ​ฤดูใบไม้ผลิ​ คอย​ดูแล​บุปผา​พืชพรรณ​ใน​ใต้​หล้า​ ผล​ปรากฏ​ว่า​ใน​แคว้น​กู่​อวี๋​มีต้นไม้​ใหญ่​ต้น​หนึ่ง​ที่​ไม่งอกงาม​ร่วงโรย​ตามเวลา​ที่​กำหนด​ เทพ​หญิง​จึงออก​โองการ​ทำให้​ต้นไม้​ต้น​นี้​ไม่อาจ​มีสติปัญญา​ จึงยาก​ยิ่ง​ที่จะ​ฝึก​ตน​กลายเป็น​ภูต​หล่อหลอม​เรือน​กาย​ได้​สำเร็จ​ ดังนั้น​จึงมีคำ​กล่าวว่า​ทึ่ม​เหมือน​ตอไม้​อวี๋​ใน​โลก​ยุค​หลัง​เกิดขึ้น​

หาก​เฉิน​ผิง​อัน​จำไม่ผิด​ นัก​เล่านิทาน​แซ่ฉู่ที่อยู่​ทางทิศใต้​ ปี​นั้น​มีตบะ​แค่​ขอบเขต​ห้า​จริงๆ​ นี่​จึงไม่สอดคล้อง​กับ​ปี​ที่​มัน​ดำรงอยู่​บน​โลก​

ผู้ฝึก​ตน​ที่อยู่​บน​ภูเขา​มีคำ​กล่าวถึง​อายุ​ลวง​และ​อายุ​จริง​ วิธี​การคำนวณ​ไม่ค่อย​เหมือนกับ​อายุ​ของ​คน​ล่าง​ภูเขา​ ถ้าอย่างนั้น​ภูติ​ต้น​อวี๋​โบราณ​ตน​นี้​จึงเป็น​ดั่ง​คำ​ว่า​อายุ​ลวง​หลาย​พันปี​ แต่​อายุ​แท้จริง​กลับ​ไม่มาก​พอ​ตามแบบฉบับ​แล้ว​

เวลา​นั้น​เฉิน​ผิง​อัน​อ่าน​ตำ​รามา​น้อย​ วิสัยทัศน์​ตื้นเขิน​ ก่อนหน้านี้​ยัง​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​อีก​ฝ่าย​คือ​เชื้อพระวงศ์​แคว้น​กู่​อวี๋​ ไม่อย่างนั้น​อาศัย​แค่​คน​แซ่ฉู่คนเดียว​ บวก​กับ​เรื่องเล่า​ที่​จางซาน​เฟิงเล่า​ให้​ฟัง รวมไปถึง​เรื่อง​ที่​อีก​ฝ่าย​บอ​กว่า​ตัวเอง​มาจาก​แคว้น​กู่​อวี๋​ก็​น่าจะ​พอ​คาดเดา​ได้​แล้ว​

ภูต​ใน​ใต้​หล้า​นี้​ ขอ​แค่​หลอม​เรือน​กาย​ได้​สำเร็จ​ เรื่อง​ของ​ชื่อจริง​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​สำคัญ​อย่าง​ถึงที่สุด​

หาก​ใช้วิธี​การอธิบาย​ตัวอักษร​ตาม​แบบ​ของ​อาจารย์​สวี่​แห่ง​เส้าห​ลิง​ ตัวอักษร​ฉู่ (楚) ด้านบน​คือ​อักษร​หลิน​ (林) ด้านล่าง​คือ​อักษร​ผี่​ (疋) อักษร​ผี่​สามารถ​อธิบาย​ได้​ว่า​ ‘เท้า​’ อักษร​มู่ (木) สอง​ตัวประกอบ​กัน​เป็น​อักษร​หลิน​ (林 คำ​ว่า​หลิน​หมายถึง​ป่า​ คำ​ว่า​มู่แปล​ว่า​ต้นไม้​) ใต้​ต้นไม้​มีเท้า​ ราชครู​แคว้น​กู่​อวี๋​ผู้​นั้น​จึงใช้อักษร​นี้​มาเป็น​แซ่ของ​ตัวเอง​

เฉิน​ผิง​อัน​เงยหน้า​มอง​ไป​กลางอากาศ​เหนือ​ท่าเรือ​

แคว้น​กู่​อวี๋​ จวน​ต้า​เม่า

แซ่สกุล​ประจำ​แคว้น​ของ​แคว้น​กู่​อวี๋​ก็​เป็น​แซ่ฉู่เช่นเดียวกัน​ ส่วน​ภูต​ต้น​อวี๋​ที่​ใช้นามแฝง​ว่า​ฉู่เม่าก็​รับหน้าที่​เป็น​ราชครู​แคว้น​กู่​อวี๋​มานาน​หลาย​ปี​แล้ว​

เวลานี้​ฉู่เม่ากำลัง​ทานอาหาร​ อาหาร​รส​เลิศ​เต็มโต๊ะ​จัดทำ​อย่าง​ประ​ณีติ​ บวก​กับ​สุรา​เลิศ​รส​ของ​บรรณาการ​ที่​เอา​มาจาก​เมืองหลวง​ และ​ยังมี​สาวใช้​เยาว์วัย​สอง​คน​คอย​ปรนนิบัติ​อยู่​ด้าน​ข้าง​ ช่างเป็น​เทพ​เซียน​ที่​ใช้ชีวิต​ของ​เทพ​เซียน​จริงๆ​

แค่​ดู​จาก​ที่​เขา​ทุ่มเท​ความคิด​ใน​เรื่อง​การ​กิน​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​เขา​เป็น​คนพิถีพิถัน​คน​หนึ่ง​

แน่นอน​ว่า​ปี​นั้น​ใต้เท้า​ราชครู​ท่าน​นี้​ยัง​ค่อนข้างจะ​เกรงใจ​อยู่​มาก​ บน​ร่าง​สวม​เสื้อเกราะ​สีขาว​หิมะ​ที่​จำแลง​มาจาก​เม็ด​เสื้อเกราะ​ของ​สำนัก​การทหาร​ ตบ​ลง​ไป​บน​กระจก​คุ้มกัน​หัวใจ​เบื้องหน้า​ตัวเอง​อย่าง​แรง​ ขอให้​เฉิน​ผิง​อัน​ออก​หมัด​ใส่ตรงจุด​นี้​

นั่น​เป็นครั้งแรก​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ได้​เห็น​เม็ด​เสื้อเกราะ​สำนัก​การทหาร​ ดูเหมือนว่า​จะเป็น​ของ​ใน​คลังสมบัติ​อักษร​ตี้​ (อักษร​ดิน​ เป็นรอง​จาก​อักษร​เทียน​หรือ​อักษร​ฟ้า)

เป็น​วีรบุรุษ​ชายชาตรี​แนว​เดียวกัน​กับ​ตู้​อวี้​แห่ง​ตำหนัก​ขวาน​ผี​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​เจอ​ที่​อุตรกุรุทวีป​ใน​ภายหลัง​ คน​หนึ่ง​ขอให้​เจ้าต่อย​ คน​หนึ่ง​ขอให้​เจ้ายอมให้​สามกระบวนท่า​

เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ คลาย​ภาพ​บรรยากาศ​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ออกมา​เล็กน้อย​

ฉู่เม่าตีหน้า​เคร่ง​ หัวเราะ​หยัน​เอ่ย​ว่า​ “ผู้​ที่มา​เยือน​คือ​แขก​ ไย​ต้อง​ทำ​ลับๆ ล่อๆ​”

ไม่ได้​หันหน้า​มา ยังคง​ใช้ตะเกียบ​คีบ​อาหาร​ต่อไป​

ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​ถ้ำสถิต​คน​หนึ่ง​ ขอบเขต​ไม่สูง แต่กลับ​ใจกล้า​ไม่น้อย​

ตรงหน้า​ประตู​มีคน​ชุด​เขียว​ที่​ยืน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​เผย​กาย​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ราชครู​ฉู่ สบายดี​หรือไม่​”

ฉู่เม่าขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ เบี่ยง​หน้า​มาช้าๆ เพียงแต่ว่า​พอ​เขา​เห็น​รูปโฉม​ของ​คน​ผู้​นั้น​ ใต้เท้า​ราชครู​ก็​เหงื่อ​แตก​พลั่ก​ราวกับ​ตากฝน​

กลับเป็น​สาวใช้​สอง​คน​ที่​คอย​ปรนนิบัติ​ใต้เท้า​ราชครู​กิน​อาหาร​ที่​ยัง​ไม่รู้​ถึงความหนักเบา​และ​ผลดี​ผลเสีย​

รู้สึก​เพียง​ว่า​บุรุษ​ชุด​เขียว​ที่​ปีน​กำแพง​เข้ามา​ช่างใจกล้า​เสีย​จริง​ อืม​ หน้าตา​ก็​หล่อเหลา​ไม่น้อย​

ฉู่เม่าต้อง​ใช้มือหนึ่ง​จับ​ประคอง​โต๊ะ​ถึงจะลุก​ยืน​โงนเงน​ขึ้น​ได้​ เขา​ถอยหลัง​ไป​สอง​สามก้าว​ จัดระเบียบ​เสื้อผ้า​ให้​เรียบร้อย​ก่อน​ แล้วจึง​หยิบ​ป้าย​หยก​แผ่น​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ แขวน​ไว้​ตรง​เอว​ สุดท้าย​ประสานมือ​คารวะ​ก้มตัว​ลง​ต่ำสุด​ “ฉู่เม่าผู้ฝึก​ลมปราณ​แห่ง​แคว้น​กู่​อวี๋​คารวะ​เจ้าสำนัก​เฉิน”​

ข้า​ผู้อาวุโส​ไม่ได้​ตาบอด​ บุปผา​ใน​คันฉ่อง​จันทรา​ใน​สายน้ำ​ที่​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ก่อนหน้านี้​ชมดู​ด้วย​ความ​เบิกบานใจ​ ดื่ม​สุรา​ไป​ก็​ไม่น้อย​

ส่วน​ป้าย​สงบสุข​ปลอดภัย​ที่​กรม​อาญา​ต้า​หลี​แจกจ่าย​ให้​ของ​ฉู่เม่าชิ้น​นี้​ แน่นอน​ว่า​เป็น​ระดับ​ล่าง​สุด​

เพียงแต่​ฉู่เม่าคิด​จน​หัว​แทบ​แตก​ก็​คิดไม่ออก​ว่า​เซียน​กระบี่​ที่​สูงส่งเกิน​ปีนป่าย​ผู้​นี้​มาเยือน​แคว้น​กู่​อวี๋​เล็ก​ๆ ทำไม​?

เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ก็​หยิบ​ป้าย​สงบสุข​ปลอดภัย​แผ่น​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​เช่นกัน​ “บังเอิญ​ขนาด​นี้​เชียว​ ข้า​เอง​ก็​มีอยู่​แผ่น​หนึ่ง​”

คิดไม่ถึง​ว่า​ป้าย​ของ​ผู้​ถวายงาน​แผ่น​นี้​จะเอา​ออกมา​ใช้ได้​บ่อย​ขนาด​นี้​

ฉู่เม่าขับ​เรือ​ตาม​กระแสลม​ทันใด​ “เป็นเรื่อง​ที่​มิกล้า​คาดฝัน​จริงๆ​ ถึงกับ​โชคดี​ได้​เป็น​ผู้​ถวายงาน​ต้า​หลี​เหมือนกับ​เซียน​กระบี่​เฉิน​ ก่อนหน้านี้​ยัง​เพ้อฝัน​ไป​ว่า​จะสามารถ​แลก​เอา​ป้าย​ผู้​ถวายงาน​ลำดับ​รอง​มา หาก​ทำได้​ก็​คง​ดี​ ทว่า​ตอนนี้​ต่อให้​ต้า​หลี​มอบ​ป้าย​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ให้​กับ​ข้า​ ข้า​ก็​คง​ต้อง​ปฏิเสธ​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​เท้า​ก้าว​ข้าม​ธรณีประตู​เข้ามา​ บิด​หมุน​ข้อ​มือหนึ่ง​ครั้ง​ก็​มีน้ำเต้า​เลี้ยง​กระบี่​สีชาด​ลักษณะ​คล้าย​น้ำเต้า​บรรจุ​เหล้า​โผล่​มาเพิ่ม​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “เป็น​เจ้าพูด​เอง​นะ​ บอ​กว่า​ในอนาคต​ขอ​แค่​ผ่าน​แคว้น​กู่​อวี๋​มา จะต้อง​มาเป็น​แขก​ที่​บ้าน​ของ​เจ้าให้ได้​ ต่อให้​อยาก​ไป​ดื่มเหล้า​ที่​วังหลวง​ก็​ยัง​ไม่มีปัญหา​ แล้ว​ยัง​แนะนำ​ข้า​ว่า​ทาง​ที่​ดี​ที่สุด​ควรจะ​เลือก​คืน​ที่​มีพายุ​หิมะ​ พวกเรา​สอง​คน​นั่ง​อยู่​บน​หลังคา​ตำหนัก​หลัง​ใหญ่​ ร่ำสุรา​ชมหิมะ​ ต่อให้​ฮ่องเต้​รู้​ก็​ไม่มีทาง​มาไล่​”

ตอนนั้น​ฉู่เม่าบอ​กว่า​ตัวเอง​มีความสัมพันธ์​แบบ​ที่​ทั้ง​ช่วยเหลือ​กัน​และ​ป้องกัน​กันเอง​กับ​ฮ่องเต้​สกุล​ฉู่ ดังนั้น​เมื่อ​ย้อนกลับ​ไป​มอง​ก็​ถือเป็น​ถ้อยคำ​จริงใจ​ที่​เอ่ย​ได้​อย่าง​มีมโน​สำนึก​จริงๆ​

ฉู่เม่ายืน​อยู่​ที่​เดิม​ อึ้ง​งัน​ไร้​คำพูด​ ประดุจ​โดน​ฟ้าผ่า​ลง​กลาง​หัว​

เซียน​กระบี่​ชุด​เขียว​ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ จะเป็น​เด็กหนุ่ม​ของ​เมื่อ​ปี​นั้น​ได้​อย่างไร​?!

เวลา​เพิ่ง​ผ่าน​ไป​กี่​ปี​เอง​? เวลา​นั้น​ตน​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​เด็กหนุ่ม​เพียงแค่​พบ​เจอกัน​บน​ทางแคบ​ ไม่ว่า​อย่างไร​ทั้งสองฝ่าย​ก็​ดูเหมือน​จะ…ผลัดกัน​รุก​ผลัดกัน​รับ​อยู่​กระมัง​?

อีก​อย่าง​เจ้าเป็น​ถึงนาย​ท่าน​เซียน​กระบี่​ขอบเขต​ห้า​คน​หนึ่ง​ ช่วย​มอง​ภูต​ขอบเขต​ถ้ำสถิต​ตัวเล็ก​ๆ อย่าง​ข้า​เป็น​ผายลม​ที่​ปล่อย​ออกมา​ไม่ได้​หรือ​?

ไย​ต้อง​ซักไซ้​ไล่​เรียง​รื้อ​ค้น​บัญชี​เก่า​ ทำลาย​มาด​แห่ง​ตระกูล​เซียน​ไป​เสีย​เปล่าๆ​

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​เก้าอี้​มาแล้ว​นั่งลง​ไป​ ยิ้ม​เอ่ย​กับ​สาวใช้​คน​หนึ่ง​ว่า​ “รบกวน​แม่นาง​ช่วย​เอา​ถ้วย​และ​ตะเกียบ​มาเพิ่ม​อีก​ชุด​”

ฉู่เม่าเพิ่ง​คิด​ว่า​จะสั่งสอน​ห่าน​บื้อ​ที่​ไม่มีแววตา​แม้แต่น้อย​ผู้​นั้น​สัก​สอง​สามประโยค​ กลับ​สังเกตเห็น​ก่อน​ว่า​เซียน​กระบี่​มอง​ตน​กึ่ง​ยิ้ม​กึ่ง​บึ้ง​ ฉู่เม่าจึงพูด​กับ​สาวใช้​คน​นั้น​ด้วย​สีหน้า​เมตตา​ทันที​ “จำไว้​ว่า​เอา​สุรา​ดี​มาหลาย​ๆ กา​ด้วย​”

เฉิน​ผิง​อัน​นั่งลง​แล้วก็​ถามชวน​คุย​ว่า​ “เจ้ากับ​นักพรต​ป๋า​ย​ลู่​ยัง​คบค้าสมาคม​กัน​อยู่​หรือไม่​?”

สำหรับ​นักพรต​ป๋า​ย​ลู่​ที่​เป็นหนึ่ง​ใน​พันธมิตร​ของ​ฉู่เม่า ยาก​นัก​ที่​ความทรงจำ​จะไม่แจ่มชัด​เหมือน​เพิ่ง​เกิดขึ้น​

มาอย่าง​รวดเร็ว​ แต่​เผ่นหนี​ไป​รวดเร็ว​ยิ่งกว่า​

ตอนนั้น​ฉู่เม่าเห็นท่า​ไม่ดี​ก็​รีบ​เรียก​เทพ​ภูเขา​ฉิน​และ​นักพรต​ป๋า​ย​ลู่​ให้​มาช่วยเหลือ​ทันที​ คิดไม่ถึง​ว่า​นักพรต​ป๋า​ย​ลู่​ที่​เพิ่งจะ​พลิ้ว​กาย​ลง​ใน​ระเบียง​ เท้า​เพิ่ง​สัมผัส​พื้น​ก็​ดีด​ปลายเท้า​ เสก​แส้ปัดฝุ่น​ใน​มือ​ให้​จำแลง​เป็น​กวาง​ขาว​ตัว​หนึ่ง​ มาอย่าง​รีบร้อน​ ทว่า​จากไป​กลับ​รีบร้อน​ยิ่งกว่า​ ทิ้ง​ไว้​เพียง​ประโยค​เดียว​ว่า​ ‘มารดา​มัน​เถอะ​ ผู้ฝึก​กระบี่​!’

อันที่จริง​เฉิน​ผิง​อัน​ในเวลานั้น​ไหน​เลย​จะถือว่า​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ได้​

กระบี่​บิน​เล่ม​หนึ่ง​ มีหรือไม่​มีวิชา​อภินิหาร​แห่ง​ชะตาชีวิต​ถึงจะเป็น​เรื่องสำคัญ​ใน​สำคัญ​อีกที​

และ​ชูอี​กับ​สือ​อู่​ ใน​ฐานะ​กระบี่​บิน​สอง​เล่ม​ที่อยู่​เคียงข้าง​เฉิน​ผิง​อัน​มายาวนาน​ที่สุด​ จนถึง​ตอนนี้​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยัง​หา​วิชา​อภินิหาร​แห่ง​ชะตาชีวิต​ของ​พวก​มัน​ไม่เจอ​

ฉู่เม่ายิ่ง​อก​สั่น​ขวัญ​ผวา​ เขา​ถอนหายใจ​ตอบ​ว่า​ “ก่อนหน้านี้​นักพรต​ป๋า​ย​ลู่​ได้รับบาดเจ็บ​เล็กน้อย​ใน​สงคราม​ ทุกวันนี้​ไป​ยัง​ต่าง​ทวีป​เพื่อ​ผ่อน​คลายอารมณ์​แล้ว​ บอ​กว่า​หาก​ท่องเที่ยว​เก้า​ทวีป​ของ​ไพศาล​เสร็จ​เมื่อไหร่​จะต้อง​ไป​เยือน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​สักครั้ง​ เปิด​โลกทัศน์​เสียหน่อย​ ถือ​เสีย​ว่า​ทำ​หน้าหนา​ไป​ดื่ม​สุรา​คารวะ​เหล่า​เซียน​กระบี่​ที่​รบ​ตาย​ไป​ ท่าน​นักพรต​ยัง​บอก​ด้วยว่า​เมื่อก่อน​ไม่รู้​ถึงความดี​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ รอ​กระทั่ง​สงคราม​ยากลำบาก​ที่​เซียน​ซือ​ทำเนียบ​วงศ์ตระกูล​บน​ภูเขา​นึก​จะตาย​ก็​ตาย​ อีก​ทั้ง​ยัง​ตาย​กัน​ที​เป็นเบือ​ลุกลาม​มา ถึงได้​รู้​ว่า​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่​เดิมที​นึกว่า​ไม่มีความเกี่ยวข้อง​อะไร​แม้แต่น้อย​ได้​ช่วย​ใต้​หล้า​ไพศาล​ปกป้อง​ความสงบ​ผาสุก​ไว้​นาน​นับ​หมื่น​ปี​นั้น​มีความกล้าหาญ​ถึงเพียงใด​ ไม่ง่าย​ถึงเพียงใด​”

อันที่จริง​ปี​นั้น​เมื่อ​กลับ​ไป​ยัง​เมืองหลวง​ของ​แคว้น​กู่​อวี๋​ ฉู่เม่าเคย​ส่งนักฆ่า​กลุ่ม​หนึ่ง​ไป​ เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​สอง​คน​ ผู้ฝึก​ตน​อิสระ​สอง​คน​ ให้​ไป​ลอบฆ่า​เซียน​กระบี่​เด็กหนุ่ม​คน​นั้น​ ผล​คือ​เป็น​ดั่ง​วัว​ปั้น​ดิน​หล่น​ลง​มหาสมุทร​ ดั่ง​ซาลาเปา​ที่​เอา​ขว้าง​หัว​หมา​ แต่ละคน​จากไป​แล้ว​ไม่หวน​กลับมา​

ดังนั้น​ตลอด​หลาย​ปี​ผ่าน​มานี้​ ฉู่เม่าจึงไม่เคย​คิด​จะไป​แก้แค้น​ที่​เมือง​แยนจือ​แคว้น​ไฉ่อี​ ยอมรับ​ว่า​ตัวเอง​ดวง​ซวย​ ไป​มีเรื่อง​กับ​ใคร​ไม่มี ดัน​ไป​มีเรื่อง​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​เสียได้​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ถาม “ด้วย​รากฐาน​มหา​มรรคา​ของ​ราชครู​ฉู่ ปี​นั้น​ทำไม​ถึงไม่หันไป​สวามิภักดิ์​กับ​เผ่า​ปีศาจ​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ล่ะ​?”

ฉู่เม่าคลี่​ยิ้ม​ “เป็น​ภูต​ ไม่ได้​เป็น​สัตว์เดรัจฉาน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​ชามเหล้า​ขึ้น​ “ชน​กัน​หน่อย​”

ฉู่เม่ารีบ​ใช้สอง​มือ​ยก​จอก​เหล้า​ รอ​กระทั่ง​เซียน​กระบี่​ชุด​เขียว​ดื่ม​แล้ว​เขา​ถึงได้​พลัน​แหงนหน้า​ กระดก​ดื่มเหล้า​ใน​จอก​จน​หมด​

ฉู่เม่าริน​เหล้า​จน​เต็ม​อีกครั้ง​ รีบ​เอ่ย​ถ้อยคำ​ไพเราะ​ที่​ได้​ผลประโยชน์​โดย​ไม่ต้อง​เสียเงิน​สัก​แดง​ “หาก​ไม่เป็น​เพราะ​เซียน​กระบี่​เฉิน​มีภูเขา​เป็น​ของ​ตัวเอง​ มิอาจ​ปลีกตัว​ออกมา​ได้​จริงๆ​ ไม่มีอิสระ​สง่างามเหมือน​เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​แห่ง​ศาล​ลม​หิมะ​ ไม่อย่างนั้น​หาก​ไป​อยู่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ด้วย​คุณสมบัติ​ของ​เซียน​กระบี่​เฉิน​จะต้อง​ไม่ด้อย​ไป​กว่า​เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​แม้แต่​นิด​แน่นอน​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด