จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)บทที่ 424 จัดเตรียมการ

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter บทที่ 424 จัดเตรียมการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บท​ที่​ 424 จัด​เตรียมการ​

ฉู่ชวิ๋น​พัก​อยู่​ใน​ภูเขา​เฉียน​หลง​แค่​เพียง​ 2 วัน​เท่านั้น​

เช้าวันที่​ 3 เขา​รีบ​เดินทาง​ออกมา​โดย​ไม่รบกวน​ผู้ใด​

ตลอด​ 3 วัน​ที่ผ่านมา​ ชายหนุ่ม​ได้​จัดการ​สร้าง​ค่าย​กล​รอบ​ภูเขา​ให้​แน่นหนา​มากขึ้น​

และ​ได้​ย้ำ​เตือน​เฉิน​ฮั่น​หลง​ ซุน​ห​ยิง​และ​คนอื่น​ ๆ ไม่ให้​ออก​ไป​จาก​ภูเขา​บ่อย​มาก​นัก​

เนื่องจาก​เขา​พบ​ว่า​พวก​ของ​เฉิน​ฮั่น​หลง​เริ่ม​มีแนว​เส้น​สีดำ​อยู่​บริเวณ​เหนือ​หัว​คิ้ว​แล้ว​ ซึ่งนั่น​เป็น​สัญญาณของ​สิ่งที่​เลวร้าย​

ฉู่ชวิ๋น​รู้สึก​ผิดที่​มีเวลา​อยู่​กับ​บิดา​มารดา​น้อย​เกินไป​

นอกจาก​ความเป็นห่วง​แล้ว​ เขา​คิด​ว่า​ผู้ให้กำเนิด​ทั้งสอง​คน​ต่าง​ก็​คง​รู้สึก​หวาดกลัว​แทน​เขา​อยู่​ทุกเมื่อเชื่อวัน​

โดยเฉพาะ​ทุกครั้งที่​เขา​มีเรื่อง​กับ​ผู้ใด​ ช่วงเวลา​ที่​ฉู่ชวิ๋น​ต้อง​ผ่าน​การนองเลือด​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ข่าว​เหล่านี้​แพร่กระจาย​ไป​ทั่วโลก​ ย่อม​ต้อง​มาถึงหู​พ่อแม่​ของ​เขา​เช่นกัน​

ถ้าเปลี่ยนเป็น​พ่อแม่​ทั่วไป​ คาด​ได้​ว่า​คง​เป็นลม​ไป​นาน​แล้ว​ พ่อแม่​ที่ไหน​กัน​เล่า​จะทน​ให้​ลูก​ออก​ไป​ต่อสู้​ได้​ทุกวัน​?

ก่อนที่​ฉู่ชวิ๋น​จะเดินทาง​จาก​มา เขา​ได้​เข้าไป​ที่​ห้องพัก​ของ​บิดา​มารดา​ และ​โขก​ศีรษะ​คำนับ​สามครั้ง​

หลังจากนั้น​ ก็​ออกเดินทาง​มาที่​เมือง​กู่​เจียง​ มุ่งหน้าตรง​ไป​ที่​สำนัก​ภูผา​ทมิฬ​

เขา​ใช้เวลา​อยู่​กับ​ถางโร้ว​และ​จิ่ว​โย​ว​สอง​วัน​ ก่อนที่จะ​เดินทาง​ออกมา​

ฉู่ชวิ๋น​ได้​ทิ้ง​ของ​ที่​จำเป็นต้อง​ใช้สำหรับ​การ​ฝึก​วิชา​เอาไว้​เป็น​จำนวนมาก​

และ​กำชับ​ให้​พวก​เธอ​รีบ​หนี​ไป​ที่​ภูเขา​เฉียน​หลง​ทันที​หาก​เกิดเรื่อง​ไม่ดีขึ้น​

เมื่อ​เรียบร้อย​ดีแล้ว​ ฉู่ชวิ๋น​ก็​เดินทาง​จาก​มาด้วย​ความ​เงียบงัน​ ถางโร้ว​กับ​จิ่ว​โย​วท​รา​บดี​ว่า​คราวนี้​พวก​เธอ​ไม่สามารถ​ติดตาม​เขา​มาได้​

ฉู่ชวิ๋น​เดินทาง​กลับ​ไป​ที่​เมืองหลวง​โดย​ไม่หยุดพัก​ และ​รีบ​จัดการ​เรื่องราว​ใน​วัง​มังกร​เพลิง​อย่าง​เร่งด่วน​

จากนั้น​ เขา​ก็​พา​จิงหง​ไป​ที่​ภูเขา​หลง​ฉีเพื่อ​พบ​กับ​จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​

จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​รู้เรื่อง​ที่​ฉู่ชวิ๋น​จะเดินทาง​ไป​หุบเขา​อเวจี​แล้ว​

ฉู่ชวิ๋น​บอก​อ๋า​วฮวง​ว่า​เขา​รู้สึก​ได้​ถึงลางร้าย​บางอย่าง​ แต่​ไม่ทราบ​เลย​ว่า​มัน​เป็นเรื่อง​อะไร​ หรือ​อะไร​คือ​สิ่งที่จะ​ก่อให้เกิด​ปัญหา​กัน​แน่​?

“เจ้าคิด​ว่าการ​ไป​ครั้งนี้​จะเกิด​อันตราย​ขึ้น​ใช่ไหม​?” อ๋า​วฮวง​พูด​อย่าง​ครุ่นคิด​

ฉู่ชวิ๋น​ส่ายหน้า​ “ผม​มั่นใจ​ว่า​มัน​ต้อง​มีอะไร​เกิดขึ้น​แน่นอน​ แต่​ไอ้​เรื่อง​ที่​กำลังจะ​เกิดขึ้น​น่ะ​ มัน​คือ​อะไร​กัน​แน่​?”

อ๋า​วฮวง​นิ่ง​คิด​ สุดท้าย​ก็​มอบ​หยด​เลือด​ที่อยู่​ใน​ขวด​หยก​ให้​ชายหนุ่ม​ เลือด​ที่อยู่​ใน​ขวด​เป็น​ของ​อ๋า​วฮวง​เอง​

เขา​บอก​ฉู่ชวิ๋น​ว่า​ ถ้าไม่จำเป็น​ก็​ห้าม​นำ​ออกมา​ใช้เด็ดขาด​

ถึงแม้ว่า​หยด​เลือด​เหล่านี้​จะถูก​จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​ปิดผนึก​อยู่​ใน​ขวด​หยก​เป็น​อย่าง​ดี​ ฉู่ชวิ๋น​ก็​ยัง​รู้สึก​ได้​ถึงความรุนแรง​ที่​บรรจุ​อยู่​ด้านใน​อย่าง​เปี่ยมล้น​

“เอาไว้​ใช้แค่​ยามฉุกเฉิน​เท่านั้น​ มัน​จะช่วย​เพิ่ม​พลัง​ของ​เจ้า ให้​เทียบ​เท่ากับ​ระดับ​แก่นแท้​ลมปราณ​ขั้น​ปลาย​ได้​เป็น​ระยะเวลา​สั้น​ๆ” อ๋า​วฮวง​กำชับ​เสียง​เครียด​

“ผมขอ​อีก​ขวด​ได้​ไหม​?” เมื่อ​เห็น​ของดี​อย่างนี้​ พก​ติดตัว​ไว้​เยอะ​เท่าไหร่​ ก็​ยิ่ง​ดี​เท่านั้น​

“อยาก​ตาย​หรือไง​” อ๋า​วฮวง​ตวาด​ “โชคดี​นะ​ที่​เจ้ามีโครงกระดูก​มังกร​ ถึงสามารถ​ทนทาน​พลัง​ของ​หยด​เลือด​มังกร​ได้​ คนธรรมดา​ไม่มีทาง​ใช้งาน​หยด​เลือด​มังกร​ได้​เด็ดขาด​ เพียงแค่​เอื้อมมือ​สัมผัส​ก็​ต้อง​ตาย​อย่าง​ไม่มีข้อแม้​ และ​ถึงแม้เจ้าจะใช้มัน​เอง​ก็ตาม​ ก็​ไม่มีอะไร​รับประกัน​ได้​ถึงผล​ที่จะ​ตามมา​หลังจากนั้น​ มัน​อาจจะ​ทำให้​เจ้าบาดเจ็บสาหัส​ไป​เลย​ก็ได้​”

ฉู่ชวิ๋น​ล้มเลิก​ความคิด​นั้น​ทิ้ง​ไป​ทันที​

ต่อมา​ พวกเขา​ก็​ช่วยกัน​คิด​ว่า​มองข้าม​อะไร​ไป​อีก​หรือไม่​

“ส่งหลง​อี้​กับ​หลง​เอ้อร์​ไป​คอย​อารักขา​หัวหน้า​หมายเลข​ 1 ด้วย​ดีกว่า​” อ๋า​วฮวง​ว่า​

สีหน้า​ของ​ฉู่ชวิ๋น​แปร​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ “คุณ​คิด​ว่า​พวก​มัน​จะกล้า​ทำร้าย​หัวหน้า​หมายเลข​ 1 เลย​เหรอ​?”

หัวหน้า​หมายเลข​ 1 นอกจาก​มีอำนาจ​ล้นเหลือ​ใน​โลก​มนุษย์​แล้ว​ ยัง​นับ​เป็น​ผู้ฝึก​วิชา​อีก​หนึ่ง​คน​ ปัจจุบัน​มีระดับ​พลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ บรรดา​คน​ที่​อารักขา​อยู่​รอบตัว​ใน​ตอนนี้​ก็​เป็น​จอม​ยุทธ์​ระดับ​จักรพรรดิ​ทั้งสิ้น​ จะมีผู้ใด​ใจกล้า​บ้าบิ่น​หมาย​ทำร้าย​เขา​กัน​?

“แค่​ป้องกัน​เอาไว้​ก่อน​น่ะ​” จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​พูด​

ฉู่ชวิ๋น​พยักหน้า​

“ข้า​ว่า​ส่งคน​ไป​ที่​สำนัก​ภูผา​ทมิฬ​สักหน่อย​ก็ดี​นะ​” จิงหง​พูด​

จิงหง​เอง​ก็​ฝึก​วิชา​คัมภีร์​ความลับ​ฟ้ามาเช่นกัน​ เธอ​หันไป​มองหน้า​ฉู่ชวิ๋น​ที่​ผงกศีรษะ​ตอบรับ​ด้วย​ความ​ร้อนใจ​ “ฉัน​ก็​คิด​เรื่อง​นี้​อยู่​เหมือนกัน​ ว่า​จะสั่งให้​ส่งนักรบ​มังกร​เงิน​ซัก​สี่คน​ ไป​คอย​คุ้มกัน​สำนัก​ภูผา​ทมิฬ​อยู่​พอดี​”

“ใน​เมื่อ​เป็น​แบบนี้​ ทุกที่​ก็​ปลอดภัย​เรียบร้อย​แล้ว​ละ​” จิงหง​กล่าว​

“ลอง​คิดดู​อีกที​ซิ พวกเรา​มองข้าม​อะไร​ไป​อีก​หรือเปล่า​?” ฉู่ชวิ๋น​ลอง​ใช้วิชา​คัมภีร์​ความลับ​ฟ้า แต่​ก็​ยัง​รู้สึก​ได้​ถึงความ​อันตราย​บางอย่าง​ที่​ตกค้าง​อยู่​ใน​จิตใจ​

“ตระกูล​หยาง​กับ​ปราสาท​จตุร​เทพ​ล่ะ​?” จิงหง​นึก​ขึ้น​มาได้​

ฉู่ชวิ๋น​พยักหน้า​ รีบ​โทรศัพท์​ไปหา​ตระกูล​หยาง​กับ​ปราสาท​จตุร​เทพ​ กำชับ​ให้​ช่วงนี้​พวกเขา​ระวังตัว​มากขึ้น​กว่า​เดิม​

แต่​ค่ำคืน​สุดท้าย​ ฉู่ชวิ๋น​กับ​จิงหง​นั่ง​มองหน้า​กัน​ ความรู้สึก​ไม่สบายใจ​ก็​ยังคง​วนเวียน​อยู่​ไม่ไป​ไหน​

มีอะไร​ที่​เรา​มองข้าม​ไป​อีก​หรือเปล่า​นะ​? ฉู่ชวิ๋น​ขมวดคิ้ว​ เค้น​สมอง​ขบคิด​

“ให้​พวก​ของ​ถางโร้ว​ จิ่ว​โย​ว​ แล้วก็​หง​ห​ลิง​ ไป​พัก​อยู่​ที่​ภูเขา​เฉียน​หลง​ก่อน​ดีกว่า​” จิงหง​แนะนำ​

แต่​ครั้งนี้​ฉู่ชวิ๋น​ส่ายหน้า​ปฏิเสธ​ ห​ยาน​อี้​มีกองกำลัง​จาก​ตระกูล​ฉู่คอย​ช่วยเหลือ​ ถางโร้ว​กับ​จิ่ว​โย​ว​ก็​มีพลัง​พอ​ดูแลตัวเอง​ได้​ แถมพวก​เธอ​อยู่​ใจกลาง​สำนัก​เลย​พร้อม​ส่งนักรบ​มังกร​เงิน​ไป​อารักขา​แล้ว​ ไม่มีอะไร​ต้อง​เป็นห่วง​

หลง​อี้​กับ​หลง​เอ้อร์​ถูก​ส่งไป​คอย​อารักขา​หัวหน้า​หมายเลข​ 1

นักรบ​มังกร​เงิน​ที่​ชื่อ​หลง​ซาน​ หลง​อู่​ และ​หลง​ซื่อ​ ประจำการ​อารักขา​วัง​มังกร​เพลิง​

ส่วน​นักรบ​มังกร​เงิน​ที่​เหลืออยู่​ ถูก​ส่งไป​คอย​ดูแล​สำนัก​ภูผา​ทมิฬ​

ยังมี​อะไร​อีก​หรือเปล่า​นะ​?

ความจริง​แล้ว​ ชายหนุ่ม​ไม่ค่อย​เป็นห่วง​เรื่องราว​ใน​เมืองหลวง​สัก​เท่าไหร่​ เนื่องจากว่า​ที่นี่​มีจักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​อยู่​ทั้งคน​ คง​ไม่มีใคร​กล้า​มาก่อความวุ่นวาย​ต่อหน้าต่อตา​แน่นอน​

“จิงหง​ เธอ​ไป​คอย​ดูแล​ปราสาท​จตุร​เทพ​ ฉัน​กลัว​ว่า​พวก​เผ่าพันธุ์​ผีดิบ​มัน​จะใช้โอกาส​นี้​กลับมา​โจมตี​อีก​” ฉู่ชวิ๋น​พูด​

“ไม่ ครั้งนี้​ข้า​จะไป​กับ​เจ้าด้วย​” จิงหง​ปฏิเสธ​

ฉู่ชวิ๋น​สั่น​ศีรษะ​และ​มอง​ตา​จิงหง​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ “ครั้งนี้​ฉัน​ต้อง​ไป​คนเดียว​ ถ้าเห็นท่า​ไม่ดี​ ฉัน​จะได้​หนี​ออกมา​ได้​ง่าย ๆ​”

“แต่​ผีดิบ​ตัว​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ มัน​ไป​อยู่​ที่​หุบเขา​อเวจี​แล้ว​ ที่​ปราสาท​จตุร​เทพ​มีเย่​ฟาน​ตี๋​คอย​ดูแล​ เพียงเท่านี้​ก็​น่าจะ​เพียง​พอแล้ว​กระมัง​” จิงหง​กล่าว​

“ไอ้​หนู​ เจ้าลืม​บางอย่าง​ไป​แล้ว​” อ๋า​วฮวง​พลัน​พูด​ขึ้น​มา

ฉู่ชวิ๋น​กับ​จิงหง​หันไป​มองหน้า​ชาย​ชรา​อย่าง​สงสัย​

“ตัว​เจ้าเอง​ล่ะ​?” อ๋า​วฮวง​ว่า​

จิงหง​สีหน้า​เปลี่ยนแปลง​ไป​ทันที​ อ๋า​วฮวง​กล่าว​ได้​ถูกต้อง​ ฉู่ชวิ๋น​เป็นห่วง​ความปลอดภัย​ของ​คนอื่น​ จน​ลืม​คิดถึง​ความปลอดภัย​ของ​ตัวเอง​ ช่างโง่เง่าอะไร​เช่นนี้​

ฉู่ชวิ๋น​ก็​รู้สึก​ตกใจ​อยู่​เหมือนกัน​ ความรู้สึก​ไม่สบายใจ​ที่​เกิดขึ้น​ เป็น​เพราะว่า​เขา​นั่นแหละ​คือ​ตัวปัญหา​เสีย​เอง​ใช่หรือไม่​?

“ข้า​เห็นด้วย​กับ​ที่​จิงหง​พูด​ ครั้งนี้​ให้​นาง​ไป​กับ​เจ้าเถอะ​” อ๋า​วฮวง​กล่าว​

ฉู่ชวิ๋น​ไม่เห็นด้วย​ ถ้าแม้แต่​เขา​เอง​ยัง​ต้อง​ตกอยู่ในอันตราย​ จิงหง​ไป​ด้วย​ก็​ไม่มีประโยชน์​

“จิงหง​ไม่จำเป็นต้อง​เข้า​หุบเขา​อเวจี​ไป​พร้อมกับ​เจ้า แต่​รอคอย​เจ้าอยู่​ด้านนอก​ก็ได้​” อ๋า​วฮวง​ยื่นข้อเสนอ​

“ฉู่ชวิ๋น​ อย่า​ลืม​นะ​ มีแต่​เจ้าเท่านั้น​ที่จะ​ปกป้อง​คนอื่น​ให้​ปลอดภัย​ได้​ จิงหง​พูด​มาเยอะ​แล้ว​ เจ้าลอง​คิดดู​ให้​ดี​ ถ้าเจ้าเกิด​เป็น​อะไร​ไป​ขึ้น​มา แล้ว​ใคร​จะรับมือ​ไอ้​พวก​มนุษย์​กลายพันธุ์​พวก​นั้น​?”

สุดท้าย​ ฉู่ชวิ๋น​ก็​ต้อง​ยอม​รับปาก​ว่า​จะพา​จิงหง​ติดตาม​ไป​ด้วย​

“ตา​เฒ่าอ๋า​ว​ ใน​เมื่อ​คุณ​เป็นห่วง​ผม​นักหนา​ ก็​ไป​กับ​ผม​ด้วย​เลย​สิ” ฉู่ชวิ๋น​มอง​จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​ “ระดับ​ฝีมือ​อย่าง​คุณ​ แค่​กระดิก​นิ้ว​ทีเดียว​ พวก​มัน​ก็​กลาย​เป็นผง​หมด​แล้ว​”

จิงหง​กำลัง​หันไป​มองหน้า​จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​อยู่​เช่นกัน​ เธอ​คิด​ว่า​ฉู่ชวิ๋น​พูดจา​มีเหตุผล​ ใน​โลก​นี้​จะมีใคร​ที่​สามารถ​ต่อกร​กับ​จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​ได้​อีก​?

อ๋า​วฮวง​ไม่ได้​นึกถึง​ข้อเสนอ​นี้​มาก่อน​ พลัน​สีหน้า​ของ​เขา​ก็​ดู​โดดเดี่ยว​อย่าง​ประหลาด​ ต้อง​ใช้เวลานาน​กว่า​ที่จะ​พูด​ออกมา​ได้​ “ข้า​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​ได้​ใน​เวลา​จำกัด​เท่านั้น​”

“หมายความว่า​ไง?” ฉู่ชวิ๋น​ถาม

“เจ้าไม่รู้​เหรอ​ ข้า​ออกจาก​ที่นี่​ได้​ไม่เกิน​ 5 ชั่วโมง​ ไม่งั้น​จะถือว่า​ทำผิด​กฎ​สวรรค์​” จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​ตอบ​

ฉู่ชวิ๋น​กับ​จิงหง​เบิก​ตาโต​ อย่า​ว่าแต่​ฉู่ชวิ๋น​จะตกใจ​เลย​ ขนาด​จิงหง​ก็​ยัง​อุทาน​ออกมา​ให้​กับ​คำตอบ​ของ​อ๋า​วฮวง​

ถึงแม้เธอ​กับ​เขา​มาจาก​ดินแดน​เซียน​ แต่​ก็​มีความรู้​เกี่ยวกับ​เรื่องราว​พวก​นี้​น้อย​มาก​

“ตา​เฒ่าอ๋า​ว​ ขี้เกียจ​ก็​บอ​กว่า​ขี้เกียจ​ ใช้เหตุผล​นี้​มัน​ไม่ตลก​เกินไป​หน่อย​เหรอ​?” ฉู่ชวิ๋น​ทำ​เสียง​ดุ​ “คุณ​แข็งแกร่ง​ขนาด​นี้​ ยังมี​ใคร​กักขัง​คุณ​ได้​อีก​?”

แม้แต่​เด็ก​สามขวบ​ใน​ดินแดน​เซียน​ก็​ยัง​ต้อง​รู้​ว่า​ เมื่อ​เลื่อน​ระดับ​พลัง​จาก​ขั้น​สร้าง​กาย​ทิพย์​ขึ้นไป​แล้ว​ ก็​จะเป็น​ขั้น​ค้นหา​เต๋า​ หลังจากนั้น​ก็​จะเป็น​ขั้น​เซียน​และ​ขั้น​นิรันดร์​! แล้ว​จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​แข็งแกร่ง​ขนาด​นี้​ไหน​ ใคร​จะกักขัง​เขา​ได้​

“มัน​เป็น​เพราะ​พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​นั่นแหละ​” อ๋า​วฮวง​ตอบ​ด้วย​สีหน้า​เคร่งเครียด​ มอง​ตา​ฉู่ชวิ๋น​แล้ว​พูด​ “ข้า​ตั้งใจ​จะบอก​เจ้าตั้งแต่​ตอน​ที่อยู่​ขั้น​ลมปราณ​ก่อกำเนิด​ แต่​ไม่มีโอกาส​ วันนี้​ก็​ถือโอกาส​บอก​เจ้าเลย​ก็แล้วกัน​”

เมื่อ​เห็น​สีหน้า​ของ​อ๋า​วฮวง​ ความรู้สึก​ไม่ดี​ที่​รบกวน​จิตใจ​ฉู่ชวิ๋น​อยู่​ ก็​เพิ่มพูน​มากขึ้น​ทันที​

“พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​ เป็น​เครื่องมือ​ที่​สวรรค์​ใช้ควบคุม​พวกเรา​ มัน​จะคอย​ดูดกลืน​พลัง​ ทำให้​ผู้ฝึก​วิชา​ไม่สามารถ​ใช้พลัง​ได้​เกิน​ขั้น​นิรันดร์​ พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​มีไว้​เพื่อ​ใช้ควบคุม​บรรดา​ผู้​มีพรสวรรค์​ทัด​เทียมฟ้า​ เมื่อ​ผู้ฝึก​วิชา​คน​นั้น​มีทีท่า​ว่า​จะมีพลัง​ถึงขั้น​นิรันดร์​ โซ่ตรวน​ก็​จะเริ่ม​เคลื่อนไหว​ทันที​”

ฉู่ชวิ๋น​ถามด้วย​ความ​ไม่อยาก​เชื่อ​ “นี่​คุณ​กำลังจะ​บอ​กว่า​ พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​มีชีวิต​อย่างนั้น​เหรอ​?”

อ๋า​วฮวง​พยักหน้า​ อธิบาย​ต่อว่า​ “สำหรับ​ผู้ฝึก​วิชา​สาย​เซียน​ ต่อให้​เรา​ฆ่าศัตรู​ด้วย​ความโหดร้าย​อำมหิต​สัก​แค่​ไหน​ แต่​ถ้าระดับ​พลัง​ยัง​ไม่สูงมากเกินไป​ สถานะ​ของ​พวกเรา​ก็​ยัง​ไม่เป็น​ภัย​ต่อ​สวรรค์​ เพราะ​พวกเรา​ยัง​ไม่แข็งแกร่ง​มาก​พอ​ ไม่อาจ​ท้าทาย​สรรค์​ได้​ แต่​ถ้าหาก​พวกเรา​เลื่อน​ระดับ​ขึ้นไป​ถึงขั้น​นิรันดร์​เมื่อไหร่​ พวกเรา​ก็​จะถูก​มองว่า​อาจ​เป็น​ภัย​คุกคาม​ต่อ​สวรรค์​ และ​สวรรค์​จะปล่อย​ให้​เกิดเรื่อง​แบบ​นั้น​ขึ้น​ไม่ได้​เด็ดขาด​”

ฉู่ชวิ๋น​กับ​จิงหง​ต่าง​ก็​ตกตะลึง​กับ​ความจริง​ที่​เพิ่ง​ได้​รับรู้​

พูด​ไป​แล้ว​ ก็​เปรียบเสมือน​มด​ที่อยู่​รายล้อม​สิงโต​ ไม่ว่า​จะกระโดด​ให้​สูงแค่​ไหน​ พยายาม​แหกปาก​ร้อง​ตะโกน​สัก​เท่าไหร่​ สิงโต​ก็​ไม่มีวัน​ใส่ใจ เนื่องจาก​ใน​สายตา​ของ​สิงโต​แล้ว​ มด​เหล่านี้​ก็​เป็น​เพียง​สิ่งมีชีวิต​ตัวเล็ก​ชั้นต่ำ​ ต่อให้​มด​อ้า​ปาก​กัด​ ก็​ไม่สามารถ​ทำร้าย​พญา​ราชสีห์​ได้​เด็ดขาด​

แต่​ถ้ามด​ตัวเล็ก​ ๆ นั้น​กลับ​พัฒนา​ขึ้น​มาจน​มีพลัง​ ใน​ระดับ​ที่​สามารถ​กัด​สิงโต​ให้​บาดเจ็บ​ได้​ เมื่อนั้น​ สิงโต​ก็​จะเริ่ม​รู้สึก​ว่า​มด​เหล่านี้​เป็น​ภัย​คุกคาม​ต่อ​ตัวเอง​ขึ้น​มา

นี่​คือ​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​ผู้ฝึก​วิชา​สาย​เซียน​กับ​สวรรค์​

“ไม่ใช่สิ” ฉู่ชวิ๋น​ส่ายหน้า​ แล้ว​พูดว่า​ “ใน​ดินแดน​เซียน​ มีผู้ฝึก​วิชา​มีบรรลุ​ถึงขั้น​นิรันดร์​มีนับ​สิบ​คน​ คุณ​จะอธิบาย​เรื่อง​นี้​ยังไง​?”

“แก​ไม่คิด​บ้าง​เหรอ​ว่า​พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​ ก็​เป็น​คน​พวก​นั้นแหละ​ที่​คิดค้น​ขึ้น​มาเอง​?” อ๋า​วฮวง​ตอบ​กลับมา​ด้วย​น้ำเสียง​ราบเรียบ​

“ว่า​ไงนะ​?” ฉู่ชวิ๋น​เบิก​ตาโต​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​

“แบบนี้​ไม่ถูกต้อง​” ฉู่ชวิ๋น​ส่ายหน้า​ เขา​ไม่มีวัน​ยอมรับ​ทฤษฎี​ของ​อ๋า​วฮวง​เด็ดขาด​ จึงพยายาม​หาทาง​โต้แย้ง​เท่าที่​ทำได้​ “ถ้าพันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​เป็น​สิ่งที่​พวก​นั้น​คิดค้น​ขึ้น​มา แล้ว​เซียน​คนอื่น​ ๆ เขา​ยอม​ได้​ยังไง​? รวมถึง​คนอื่น​ ๆ ที่อยู่​ใน​ระดับ​เดียวกัน​ล่ะ​? พวกเขา​จะยอม​ปล่อย​ให้​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​ทำตัว​ร้ายกาจ​แบบนี้​ได้​เรอะ​?”

อ๋า​วฮวง​ส่าย​ศีรษะ​ ตอบ​ว่า​ “เพราะ​พวกเขา​รู้ดี​ว่า​ คน​บางคน​ก็​สามารถ​เป็น​ภัย​คุกคาม​ต่อ​สวรรค์​ได้​จริง ๆ​ ”

“เป็น​ภัย​ต่อ​สวรรค์​?” ฉู่ชวิ๋น​ไม่เข้าใจ​ที่​อ๋า​วฮวง​

“เหมือน​ปลา​คาร์​ฟใน​บ่อ​นี้​” อ๋า​วฮวง​ชี้มือ​ไป​ที่​บ่อน้ำ​ข้าง​ตัว​ แล้ว​พูด​ต่อ​ “เจ้าลอง​คิด​ว่า​เจ้าเป็น​คนเลี้ยง​ปลา​คาร์​ฟพวก​นี้​ขึ้น​มา เจ้าอยาก​จะฆ่าพวก​มัน​เมื่อไหร่​ก็ได้​ อยาก​จะจับ​พวก​มัน​ขึ้น​มาเมื่อไหร่​ก็ได้​ ทุกอย่าง​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ แต่​ใน​กลุ่ม​ปลา​คาร์​ฟเหล่านี้​มีบางส่วน​ที่​ฝึก​วิชา​เพื่อ​ต่อต้าน​เจ้า สิ่งมีชีวิต​ชั้นต่ำ​วิวัฒนาการ​เกิดขึ้น​มาแล้ว​วันหนึ่ง​จาก​ปลา​คาร์​ฟ มัน​ก็​กลายร่าง​เป็น​มังกร​กระโดด​ขึ้น​มาจาก​บ่อ​ ถึงตอนนั้น​ เจ้าก็​เตรียมรับมือ​อะไร​ไม่ทัน​แล้ว​ เจ้าจะทำ​ยังไง​? หรือ​จะยอมให้​มังกร​ตัว​นั้น​เหยียบย่ำ​จน​จมดิน​ไป​เลย​”

ฉู่ชวิ๋น​ไม่พูด​อะไร​ เขา​ปฏิเสธ​ใน​สิ่งที่​อ๋า​วฮวง​พูด​ออกมา​ไม่ได้​อีกแล้ว​

“ถ้าเป็น​แบบ​นั้น​ ผม​กับ​คุณ​ก็​ไม่ต่าง​จาก​ปลา​คาร์​ฟใน​บ่อ​นี้​เลย​น่ะ​สิ?” ฉู่ชวิ๋น​ถาม

อ๋า​วฮวง​ยิ้ม​ด้วย​ความขมขื่น​ พูดว่า​ “ไหน​เจ้าลอง​บอก​มาสิ เรา​ไม่ต่าง​จาก​พวก​มัน​ยังไง​?”

“แบบนี้​ก็​คือ​ พวกเรา​เป็น​เหมือน​วัว​หรือ​แกะ​ที่​พวกเขา​เลี้ยง​เอาไว้​ใน​ฟาร์ม​ปศุสัตว์​ ไม่ว่า​จะพยายาม​ดิ้นรน​มาก​แค่​ไหน​ ก็​ไม่มีทาง​หลุด​จาก​การควบคุม​ของ​คนเลี้ยง​ได้​เด็ดขาด​?” ฉู่ชวิ๋น​มีแววตา​เป็นประกาย​เย็นชา​ หน้าอก​ของ​เขา​พอง​ขึ้น​แล้ว​ยุบ​ลง​ตลอดเวลา​ด้วย​ความโกรธแค้น​

“ถึงจะเป็นการ​เปรียบเปรย​แบบ​โง่ ๆ แต่​ก็​หมายความ​ตามนั้น​นั่นแหละ​” อ๋า​วฮวง​ตอบ​

“เท่ากับ​ว่า​ทั้ง​ชีวิต​ของ​ผม​ จะถูก​พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​ควบคุม​เอาไว้​” ฉู่ชวิ๋น​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​โกรธแค้น​

ทว่า​ จักรพรรดิ​อ๋า​วฮวง​กลับ​ส่าย​ศีรษะ​ “ก็​ไม่เชิง ข้า​สงสัย​ว่า​เจ้าอาจ​อยู่​ใน​สถานการณ์​ที่​ไม่เหมือน​คนอื่น​”

“สถานการณ์​อะไร​?”

“สวรรค์​เบื้องบน​จับตาดู​เจ้าอยู่​ก็​จริง​ แต่​ไม่ใช่ใน​โลก​นี้​ พวกเขา​คอย​เฝ้ามอง​เจ้าที่​เคย​อยู่​ใน​ดินแดน​เซียน​ แล้ว​ทำไม​พวกเขา​ถึงเลิก​จับตามอง​เจ้าน่ะ​เหรอ​ นั่น​ก็​เป็น​เพราะว่า​ เจ้าเลือก​ที่จะ​ทำลาย​วรยุทธ์​ตัวเอง​ เพื่อ​เดินทาง​กลับ​มาสู่โลก​มนุษย์​ยังไง​ล่ะ​”

ดวงตา​ของ​ฉู่ชวิ๋น​เป็นประกาย​แวววาว​ขณะที่​พูดว่า​ “ตอนแรก​ พวกเขา​ก็​ตั้งใจ​จะใช้พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​กับ​ผม​สินะ​ แต่​เพราะ​ผม​ต้อง​เดินทาง​กลับ​มาสู่โลก​มนุษย์​ ผม​ก็​เลย​ชิงทำลาย​วรยุทธ์​ของ​ตัวเอง​เสีย​ก่อน​”

“น่าจะเป็น​อย่างนั้น​” อ๋า​วฮวง​พูด​ด้วย​น้ำ​เสียงทุ้ม​ต่ำ​ “เบื้องบน​ต้องการ​ใช้พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​กับ​ผู้​มีพลัง​ขั้น​นิรันดร์​ทุกคน​ โดยเฉพาะ​เจ้าที่​สามารถ​ ฝึกฝน​จน​ถึงขั้น​นิรันดร์​ได้​ใน​เวลา​แค่​ 3,000 ปี​ ถือเป็น​ภัย​คุกคาม​สำหรับ​พวกเขา​แน่นอน​ แต่​จังหวะ​ที่​พวกเขา​จะนำ​พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​มาใส่ใน​ร่าง​ของ​เจ้า เจ้าดัน​ทำลาย​พลัง​ของ​ตัวเอง​ทิ้ง​ไป​ซะก่อน​ พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​จึงหา​ร่องรอย​ของ​เจ้าไม่เจอ​ แต่​เมื่อ​เจ้าได้มา​เจอ​กับ​ข้า​ พันธนาการ​แห่ง​ท้องฟ้า​ถึงได้​หา​เจ้าเจอ​อีกครั้ง​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด