ตำนานเทพกู้จักรวาล 751 หน้ากากมาร

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 751 หน้ากากมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่ชาย​ มีคน​มาเยี่ยม​ผู้ต้องขัง​แน่ะ​ นาง​มาส่งอาหาร​ให้​เจ้า!”

ฉิน​มู่เปิด​ใบ​หลิว​ที่​หว่าง​คิ้ว​ของ​เขา​ออก​ และ​เห็น​ทารก​ยักษ์​ที่​ถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ใจกลาง​แผ่นดิน​รูป​ตัว​ฉิน​ “เป็น​สาวน้อย​กำดัด​ หน้าตา​สะสวย​ มีหาง​งู แถมยัง​มีเสียง​ของ​บุรุษเพศ​”

“ข้า​ไม่เคย​เกี่ยง​เลือก​กิน​อาหาร​!”

ทารก​เงย​ศีรษะ​ขึ้น​มาและ​ลิงโลด​ดีใจ​เป็น​อย่างยิ่ง​ แต่​เขา​ก็​พลัน​ถามด้วย​ความสงสัย​ “เจ้าไม่ได้​โกหก​ข้า​แน่​หรือ​ หากว่า​เจ้าโกหก​ข้า​ ข้า​จะอัด​เจ้าให้​ตาย​แล้วก็​จับ​เจ้ากิน​ซะ หากว่า​เจ้าไม่ได้​โกหก​ ข้า​ก็​จะกิน​เจ้าตอนที่​ยัง​เป็น​ๆ”

ไม่ทัน​ที่​ฉิน​มู่จะได้​พูด​อะไร​ เสียง​หยาบกร้าน​ของ​ลู่​หลี​ก็​ดัง​มาจาก​แม่น้ำ​จนปัญญา​ นาง​หัวเราะ​คิกคัก​และ​กล่าว​ “ฉิน​เฟิงชิง ข้า​ไม่ได้​มาหา​เจ้า คราวนี้​ข้า​จะปล่อย​เจ้าไป​ วันข้างหน้า​ยังอีก​ยาว​ไกล​ เจ้าจะต้อง​ตก​มาใน​เงื้อมมือ​ข้า​ใน​สักวัน​”

นาง​มีเรือนร่าง​ของ​สตรี​ชัด​ๆ แต่​นาง​ก็​มีเสียง​อัน​หยาบกร้าน​ของ​บุรุษ​ นี่​มัน​พิลึกกึกกือ​จริงๆ​

หาง​ของ​ลู่​หลี​เลื้อย​ไป​ และ​นาง​ก็​แหวกว่าย​ไป​ข้างหน้า​แม่น้ำ​จนปัญญา​

ใน​แผ่นดิน​รูป​ตัว​ฉิน​ “น้องชาย​นิสัย​ไม่ดี​ เจ้าโกหก​ข้า​จริงๆ​ ด้วย​! เข้ามา​สิ มาดู​กัน​หน่อย​ว่า​ข้า​จะกระทืบ​เจ้าให้​ตาย​อย่างไร​! ข้า​จะเด็ดหัว​และ​ขา​ของ​เจ้าออก​ก่อน​แล้ว​กิน​มัน​เข้าไป​!”

ที่​ข้างๆ​ นั้น​ ร่าง​แยก​ของ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​และ​สำนึก​รู้​ของ​จักรพรรดิ​แดงฉาน​ได้​เข้าไป​ซ่อน​ใน​เทือกเขา​แห่ง​แผ่นดิน​รูป​ตัว​ฉิน​แล้ว​ พวกเขา​กลัว​ว่า​ทารก​จะระบาย​โทสะ​ใส่

ฉิน​มู่แปะ​ใบ​หลิว​กลับ​ไป​คืน​ที่​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ทำไม​ลู่​หลี​ถึงดู​พูดจา​ง่าย​จังล่ะ​วันนี้​”

ขณะที่​เขา​กล่าว​อยู่​นั่นเอง​ เรือน​กาย​มหึมา​มากมาย​ก็​แหวกว่าย​อยู่​ใต้​ผิวน้ำ​แห่ง​แม่น้ำ​จนปัญญา​ พวก​มัน​เคลื่อน​ผ่าน​สะพาน​จนปัญญา​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​

ฉิน​มู่สีหน้า​ว่างเปล่า​ พวก​มัน​คือ​สัตว์ประหลาด​ใต้พิภพ​และ​มาร​เท​วะ​ใต้พิภพ​จำนวน​นับไม่ถ้วน​!

มาร​เท​วะ​ใต้พิภพ​ที่​ลู่​หลี​นำ​ไป​นั้น​ก็ได้​พา​เอา​สัตว์ประหลาด​มากมาย​ไร้​คณา​มาด้วย​ และ​พวก​มัน​ก็​กำลัง​เดิน​ทางผ่าน​มาทาง​แม่น้ำ​จนปัญญา​

ร่างกาย​อัน​ลื่น​เมือก​และ​ใหญ่​มหึมา​ใต้​ผิว​แม่น้ำ​เหล่านั้น​ มโหฬาร​อย่าง​ไร้​ปาน​เปรียบ​ กระนั้น​พวก​มัน​ก็​คล่องแคล่ว​ราวกับ​ปลา​ใน​แม่น้ำ​ อัน​ประกอบ​ไป​ด้วย​ทั้งมวล​น้ำ​และ​ไฟเพลิง​ จำนวน​สัตว์ประหลาด​ที่​แหว​กห​ว่าย​มาทำให้​หนัง​หัว​เขา​ลุก​วูบวาบ​ไป​หมด​

“สี่มหา​ผู้บัญชาการ​แคว้น​ที่​สภาสวรรค์​ส่งมาประจำการ​ใน​แดน​ใต้พิภพ​อยู่​ที่นี่​หมด​แล้ว​!”

วัว​แก่​มอง​ลง​ไป​จาก​สะพาน​แล้ว​กล่าว​ “การบุกเบิก​ยมโลก​ใน​คราวนี้​ นั่น​คือ​ความพยายาม​ที่จะ​เปลี่ยน​ยมโลก​ให้​กลาย​เป็นแดน​บาดาล​อีก​แห่ง​ ทันทีที่​มัน​ถูก​ก่อสร้าง​ขึ้น​มา ยมโลก​ก็​จะกว้างใหญ่​ไพศาล​เท่าๆ​ กับ​แดน​บาดาล​ ข้า​คะเน​ว่า​ ไม่เพียงแต่​ลู่​หลี​ เสวียน​หมิง​ หา​น​เห​ลย​ และ​เจว้​หวง​ที่​ลงมือ​ แม้แต่​โอรส​หยิน​สวรรค์​ก็​คง​ไม่อยู่​เฉย​”

เขา​ต่อย​ลง​ไป​ยัง​แม่น้ำ​จนปัญญา​ แต่​เขา​ทำได้​แค่​ทำ​ให้น้ำ​กับ​ไฟแยก​ออก​จากกัน​ แต่​ไม่สามารถ​ทำอันตราย​มาร​เท​วะ​และ​สัตว์ประหลาด​ที่อยู่​ใต้​น้ำ​ได้​เลย​สักนิด​

นี่​เพราะว่า​แม่น้ำ​จนปัญญา​เป็น​เส้น​กั้น​เขต​ระหว่าง​แดน​ใต้พิภพ​และ​ยมโลก​ แม้ว่า​สัตว์ประหลาด​เหล่านั้น​จะดูเหมือน​แหวกว่าย​มาใต้​น้ำ​ แต่​จริงๆ​ แล้ว​พวก​มัน​กำลัง​แหวกว่าย​อยู่​ใน​แดน​ใต้พิภพ​

แม้ว่า​หนิ​ว​ซาน​ตัว​จะเป็นยอด​ยุทธ​ใน​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าแห่ง​มรรคา​บู๊​ และ​เพลง​หมัด​ของ​เขา​ก็​ขั้น​เขื่อง​โข​และ​ดุดัน​ เขา​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ทะลวง​ข้าม​โลก​มิติ​ไป​โจมตี​มาร​เท​วะ​และ​สัตว์ประหลาด​เหล่านั้น​

เขา​รู้จัก​แต่​ทักษะ​เท​วะ​ใน​มรรคา​บู๊​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่มีความรู้​เกี่ยวกับ​ทักษะ​เท​วะ​ใต้พิภพ​เท่าใด​นัก​

“โอรส​หยิน​สวรรค์​ก็​จะลงมือ​ด้วย​หรือ​”

ฉิน​มู่ถามด้วย​ความกังขา​ “พี่สาว​ตี้​อี้​เย​ว่​อยู่​ที่นี่​ เขา​ยัง​จะกล้า​เสนอหน้า​มาอีก​หรือ​”

ฉิน​มู่เอง​ก็ได้​รับฟัง​ถึงความรัก​และ​ความแค้น​ระหว่าง​ตี้​อี้​เย​ว่​และ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ กษัตริย์​มนุษย์​บรรพชน​แรก​ลอบ​บอกเล่า​เขา​ถึงเรื่องราว​ระหว่าง​สอง​คน​นั้น​

ตอนนี้​เมื่อ​ตี้​อี้​เย​ว่​บุกเบิก​ยมโลก​ โอรส​หยิน​สวรรค์​ยัง​จะกล้า​มาปรากฏตัว​อีก​หรือ​

“หากว่า​เขา​กล้า​เสนอหน้า​มา ข้า​ก็​คงจะ​ประทับใจ​กับ​ความ​หนา​ของ​หนัง​หน้า​ของ​เขา​มาก​”

ขณะที่​ฉิน​มู่คิด​มาถึงตรงนี้​ ห้วง​มิติ​แห่ง​ยมโลก​ก็​สั่นสะเทือน​ไม่หยุดยั้ง​ ท้องฟ้า​ผ่าแยก​ออก​ และ​ใบหน้า​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ก็​ปรากฏ​ออก​มาจาก​รอยแยก​บน​ท้องฟ้า​ ดวงตา​ใหญ่​มหึมา​สอง​ลูก​ของ​เขา​กลอก​ไปมา​มองดู​บริเวณ​โดยรอบ​

ฉิน​มู่ตกตะลึง​

วัว​แก่​กล่าว​ “เจ้าประมาท​ความ​หน้าหนา​ของ​เขา​เกินไป​ ด้วย​การ​ปรากฏตัว​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ มาร​เท​วะ​และ​สัตว์ประหลาด​พวก​นี้​ก็​น่าจะ​สามารถ​เริ่ม​โจมตี​ยมโลก​ได้​”

ไม่ทัน​ที่​เขา​จะกล่าว​จบ​ โอรส​หยิน​สวรรค์​ใน​ท้องฟ้า​ก็​อ้า​ปาก​ออกมา​ และ​เริ่ม​สวด​ท่อง​ภาษาใต้พิภพ​อัน​ลึกซึ้ง​และ​ซับซ้อน​ ปราณ​มาร​ใต้พิภพ​เข้ามา​รวมตัวกัน​และ​ก่อตัว​ขึ้น​มาเป็น​ดวง​ตาตั้ง​ที่​หว่าง​คิ้ว​ของ​เขา​

ดวง​ตาตั้ง​นั้น​ลืม​ขึ้น​มา และ​ลำแสง​รังสี​ทมิฬ​ก็​ยิง​ลง​มาจาก​ท้องฟ้า​ มัน​เฉือน​ตัด​บน​แม่น้ำ​จนปัญญา​ และ​แม่น้ำ​ก็​แหวก​แยก​ออก​เป็น​สอง​ฝั่ง จาก​ผิว​แม่น้ำ​ที่​ปริ​เปิด​ มาร​เท​วะ​มากมาย​กระโจน​ออกมา​และ​ร้อง​คำราม​อย่าง​กึกก้อง​

รังสี​เนตร​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ตกลง​มาจาก​ท้องฟ้า​และ​เฉือน​ตัด​ รังสี​เนตร​นั้น​ไป​ถึงสะพาน​แห่ง​ระหว่าง​เป็น​ตาย​อย่าง​รวดเร็ว​

หนิ​ว​ซาน​ตัว​คำราม​ไป​อย่าง​เกรี้ยวกราด​ และ​ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​อย่าง​รุนแรง​ เขา​แปลงร่าง​เป็น​เทพยดา​หัว​วัว​และ​บดขยี้​รังสี​เนตร​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ด้วย​หมัด​เดียว​

ฉิน​มู่มอง​ตรง​ไป​ยัง​แม่น้ำ​จนปัญญา​และ​เห็น​สัตว์ประหลาด​นับไม่ถ้วน​ที่​คลาน​ไต่​ออกมา​ราวกับ​ฝูงมด​อัน​แตก​พล่าน​จากรัง​ พวก​มัน​ปีน​ออกมา​จากแดน​ใต้พิภพ​ และ​เข้า​มายัง​ยมโลก​ผ่าน​รอยแยก​นั้น​

“ที่แท้​ก็​เป็น​สัตว์​ขี่​ของ​ชาวนา​เฒ่า วัว​แก่ตัว​นั้น​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​พลัน​สังเกตเห็น​สะพาน​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ถ้าเจ้านาย​เจ้ามาเอง​คงจะ​ดีกว่า​นี้​ ฮี่ ฉิน​เฟิงชิงก็​อยู่​ที่นี่​ด้วย​ กาย​เนื้อ​ของ​เจ้าเป็น​ของ​ข้า​…”

ใน​ตอนนั้น​เอง​ ลำแสง​มีด​ก็​พวยพุ่ง​ขึ้นไป​สู่ท้องฟ้า​ มัน​คือ​การ​สะบัด​ดาบ​ของ​เถียน​ฉู่ที่​เฉือน​ตัด​ไป​ยัง​โอรส​หยิน​สวรรค์​ โอรส​หยิน​สวรรค์​ยิ้ม​หยัน​และ​ปล่อย​ให้​มีด​ของ​เถียน​ฉู่ฟัน​มาที่​ใบหน้า​ของ​เขา​ตามสบาย​

เมื่อ​ใบหน้า​ของ​เขา​ถูก​ผ่า​แหวก​ออก​ ใบหน้า​บน​ท้องฟ้า​ก็​จะหาย​ไป​ จากนั้น​ก็​จะมีใบ​หน้าใหม่​ปรากฏ​ขึ้น​มา และ​มัน​ก็​ยังคง​เป็น​ใบหน้า​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​

เถียน​ฉู่กำลังจะ​ฟัน​ไป​อีกครั้ง​ แต่​ทันใดนั้น​ก็​มีใบหน้า​ปรากฏ​เหนือ​ท้องฟ้า​อัน​มืดมน​ของ​ยมโลก​มากขึ้น​ทุกที​ มีใบหน้า​หล่อเหลา​เป็น​ร้อย​ที่​ปรากฏ​ขึ้น​มาใน​ชั่วพริบตา​ ปิดกั้น​ทั้ง​ฟากฟ้า​แห่ง​ยมโลก​!

ใบหน้า​นับ​ร้อย​บน​ท้องฟ้า​อ้า​ปาก​ออกมา​พร้อมๆ กัน​ และ​แขน​ก็​ถึงกับ​เอื้อม​ออกมา​จากใน​ปาก​ แขน​เป็น​ร้อย​คว้า​จับ​ลงมา​ข้างล่าง​

เถียน​ฉู่ใช้ดาบ​เท​วะ​ประตู​สวรรค์​เพื่อ​ป้องกัน​ และ​ตัด​เอา​มือ​มหึมา​นั้น​อย่าง​ต่อเนื่อง​ แต่ทว่า​ก็​มีมือ​ที่​คว้า​ขย่ม​ลงมา​มากขึ้น​ทุกที​

หนิ​ว​ซาน​ตัวยืน​อยู่​บน​สะพาน​ และ​เพลง​หมัด​ของ​เขา​ก็​ดุดัน​และ​ทรงพลัง​ เขา​สามารถ​ป้องปัด​มือ​ใหญ่​ยักษ์​ที่​คว้า​มาใส่ได้​ แต่ทว่า​บน​ท้องฟ้า​มีมือ​มากมาย​เกินไป​ ยาก​ที่​เขา​จะป้องกัน​ได้​หมด​

ในเวลาเดียวกัน​นั้น​ สี่มหา​ผู้บัญชา​แคว้น​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ก็​ข้าม​แม่น้ำ​จนปัญญา​มาแล้ว​ พวกเขา​จัด​ทัพ​มาร​เท​วะ​หลาย​หมื่น​ตน​และ​นำ​มาร​สัตว์ประหลาด​จำนวน​นับไม่ถ้วน​เข้ามา​โจมตี​เทพเจ้า​แห่ง​ยมโลก​ใน​เมือง​

ใน​เมือง​เทพยดา​ยมโลก​ เสียงคำราม​ของ​เทพเจ้า​กึกก้อง​ไป​ทั่ว​เวหา​ พวกเขา​ดาหน้า​เข้ามา​ต่อสู้​ ทุกคน​จาก​ทั้งสอง​ฝั่งแม่น้ำ​จนปัญญา​พลัน​ตก​อ​ยู​ใน​การศึก​ชุลมุน​

ทันใดนั้น​ ท้าว​ยมราช​ผู้​ซึ่งกำลัง​บุกเบิก​ยมโลก​ ก็​สะบัด​เปิด​ผ้าคลุม​หลัง​ของ​เขา​ เมือง​เทพยดา​ยมโลก​พลัน​อยู่​ใต้​การ​ครอบงำ​ของ​ผ้าคลุม​

เมื่อ​ท้าว​ยมราช​ยก​ผ้าคลุม​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ ก็​หลงเหลือ​เพียงแต่​โครงกระดูก​ที่สอง​ฝั่งแม่น้ำ​จนปัญญา​

สัตว์ประหลาด​และ​มาร​เท​วะ​มากมาย​ถูก​เขา​เปลี่ยน​ให้​กลายเป็น​โครงกระดูก​ขาว​

“บุตร​ที่เก็บ​มาได้​ของ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​นับว่า​มีฝีมือ​อยู่​ไม่น้อย​! แต่ทว่า​ ทักษะ​เท​วะ​ใต้พิภพ​ของ​เจ้า ยัง​มิได้​ฝึกฝน​จน​สมบูรณ์แบบ​!”

บน​ท้องฟ้า​ มือ​มหึมา​เอื้อม​ลงมา​จับ​ชาย​ผ้าคลุม​ของ​ท้าว​ยมราช​ มือ​เหล่านั้น​ดึง​ร่าง​ของ​ท้าว​ยมราช​ขึ้นไป​ และ​เขา​ก็​แตกตื่น​ เขา​ร้อง​คำราม​และ​ชัก​กระบี่​ออกมา​เพื่อ​เฉือน​ตัด​มือ​ยักษ์​เหล่านั้น​!

ลู่​หลี​ เจว้​หวง​ เสวียน​หมิง​ หา​น​เห​ลย​ สี่มหา​ผู้บัญชาการ​แคว้น​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ฉวยโอกาส​นี้​เพื่อ​บุกเข้าไป​เข่นฆ่า​ใน​เมือง​ เทพเจ้า​แห่ง​ยมโลก​ส่วนใหญ่​เป็น​เพียง​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ และ​แม้ว่า​พวกเขา​จะฟื้นฟู​กาย​เนื้อ​กลับมา​ใน​แดน​เป็น​ของ​คนตาย​ พวกเขา​ก็​ยัง​ไม่อาจ​รบพุ่ง​ป้องกัน​สี่มหา​ผู้บัญชาการ​แคว้น​ได้​ ผู้คน​มากมาย​ถูก​บดขยี้​ดวงวิญญาณ​ไป​

ทันใดนั้น​ ประตู​ก็​ลอย​เข้ามา​และ​ตกลง​ใจกลาง​ระหว่าง​ฟ้าและ​ดิน​

“ประตู​สวรรค์​แดน​บาดาล​!”

ลู่​หลี​และ​เทพเจ้า​ตน​อื่นๆ​ ร้อง​ออกมา​ พลานุภาพ​ของ​ประตู​สวรรค์​แดน​บาดาล​กด​ข่ม​ลง​ และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​ทุกๆ​ คน​ก็​ถูก​กด​ลง​ไป​กับ​พื้น​ พวกเขา​ถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ไม่อาจ​ขยับเขยื้อน​

ตี้​อี้​เย​ว่​เหาะ​ขึ้น​มา และ​ยืน​ด้วย​เท้า​เปลือยเปล่า​บน​ประตู​สวรรค์​แดน​บาดาล​ นาง​เงย​ศีรษะ​ขึ้น​และ​เผย​รอยยิ้ม​ที่​ไม่เชิงยิ้ม​บน​ใบหน้า​ “สามี ทำไม​เจ้าไม่มาด้วย​ร่าง​ที่​แท้จริง​สักหน่อย​ล่ะ​ ทำไม​เจ้าเพียงแค่​ฉาย​ภาพ​ตนเอง​มาด้วย​ทักษะ​เท​วะ​ ข้า​อยาก​จะฟังคำหวาน​หู​ของ​เจ้าอีกครั้ง​เสีย​จริง​”

บน​ท้องฟ้า​อัน​มืดมิด​เบื้องบน​ ใบหน้า​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​บิดเบี้ยว​ไปมา​อย่าง​ไม่หยุดยั้ง​ ทันใดนั้น​ ใบหน้า​ทั้งหมด​ก็​รวบรวม​เข้าด้วยกัน​เป็นหนึ่งเดียว​ ใบหน้า​นี้​ค่อยๆ​ จางหาย​ และ​ลับ​ลา​ไป​ในที่สุด​

“ตี้​อี้​เย​ว่​ ข้า​ได้​ทำผิด​ต่อ​เจ้าจริงๆ​ ดังนั้น​ข้า​จะไม่ต่อสู้​กับ​เจ้า นี่​ไม่ใช่เพราะว่า​ข้า​กลัว​เจ้าหรอก​นะ​”

เสียง​ของ​เขา​เดินทาง​ห่างไกล​ไป​ๆ ทุกที​ “แต่ทว่า​ ภารกิจ​ของ​ข้า​เสร็จสิ้น​แล้ว​ สาเหตุ​ที่​ข้า​เฉือน​เปิด​ยมโลก​นั้น​มิใช่ว่า​เพราะว่า​ต้องการ​มาหยุดยั้ง​พวก​เจ้าด้วย​ตนเอง​ ข้า​เพียงแต่​ทำให้​พลัง​อำนาจ​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ไหล​เข้ามา​ได้​ ราชา​สวรรค์​แดน​บาดาล​ เจ้าก็​เตรียม​สะสางความแค้น​กับ​ภูติ​บดี​ที่​ไป​เฉือน​ตัด​เขา​มาก่อสร้าง​ยมโลก​เสียเถอะ​! ตอนนี้​ งาน​ของ​ข้า​สำเร็จ​และ​ข้า​ก็​สามารถ​ล่าถอย​ได้​…”

ตี้​อี้​เย​ว่​หัวใจ​โลดเต้น​ และ​นาง​ก็​รีบ​หันไป​มอง​ยัง​แม่น้ำ​จนปัญญา​

แม่น้ำ​จนปัญญา​เงียบกริบ​ไร้​สุ้มเสียง​

สัตว์ประหลาด​และ​มาร​เท​วะ​ที่​หลั่งไหล​ออก​มาจาก​แม่น้ำ​หยุด​ต่อสู้​และ​ไม่ขยับเขยื้อน​ สี่มหา​ผู้บัญชาการ​แคว้น​กำลัง​ป้องกัน​อยู่​ข้างหน้า​ทัพ​มาร​เท​วะ​และ​กำลัง​รอ​อยู่​

จาก​แม่น้ำ​จนปัญญา​ เรือ​กระดาษ​ลำ​หนึ่ง​ลอย​ออกมา​ และ​ตะเกียง​ที่​หัว​เรือ​ก็​เหมือนกับ​เสาแสงอัน​จุด​สว่าง​ให้​แก่​ยมโลก​

ที่​หัว​เรือ​นั้น​ ผู้เฒ่า​อัน​มีใบ​หน้าที่​มองเห็น​ได้​ไม่ชัด​ยกมือ​ของ​เขา​ขึ้น​มาและ​ปลด​ตะเกียง​ที่​แขวน​ลง​ สีหน้า​ของ​เขา​ไร้อารมณ์​

ถัดไป​น้ำ​ เรือ​กระดาษ​ก็​ลอย​ออกมา​สมทบ​มากขึ้น​ทุกที​จาก​แม่น้ำ​จนปัญญา​ และ​บน​เรือ​กระดาษ​แต่ละ​ลำ​ก็​ล้วนแต่​เป็น​ผู้เฒ่า​ที่​มีใบหน้า​อัน​ราง​เลือน​ พวกเขา​ล้วนแต่​ถือ​ตะเกียง​อัน​สามารถ​กรีด​ผ่าน​ความมืด​ทมิฬ​ได้​!

เรือ​กระดาษ​นับไม่ถ้วน​ล่องลอย​อยู่​บน​ท้องฟ้า​ และ​แสงตะเกียง​ก็​สาดส่อง​ออก​ไป​ใน​ทุกทิศทาง​ ท้องฟ้า​สั่นสะเทือน​ บิดเบี้ยว​ และ​หด​ย่น​ แผ่นดิน​ก็​สะเทือน​เลื่อน​ลั่น​และ​หด​เข้าไป​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ภูเขา​ใน​ความมืด​ก็​หดกลับ​เข้าไป​ใน​แผ่นดิน​ และ​พวก​มัน​ก็​แปรเปลี่ยน​กลับมา​เป็น​พื้นดิน​เรียบ​!

มิติ​อวกาศ​ที่​ตี้​อี้​เย​ว่​ ราชา​สวรรค์​เถียน​ฉู่ และ​ท้าว​ยมราช​ได้​ลงแรง​บุกเบิก​ออก​ไป​ ก็​ถูก​ฟาด​กลับมา​เป็น​รูป​เดิม​ด้วย​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ใน​ชั่วพริบตา​!

“วัง​สวรรค์​ขอบ​ทราย​!”

ท้าว​ยมราช​กู่​ร้อง​ และ​แผ่นดิน​ก็​สะท้าน​หวั่นไหว​อย่าง​ไม่หยุดหย่อน​ เมือง​เทพยดา​หนึ่ง​ปรากฏ​ขึ้น​มาใน​ความมืด​ และ​กำแพงเมือง​อัน​ดำ​ดิบ​ก็​ดู​ราวกับว่า​จะถูก​หลอม​ขึ้น​มาจาก​เหล็ก​ดำ​ พวก​มัน​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ใน​ก้นบึ้ง​ของ​ยมโลก​ และ​มัน​ก็​คือ​วัง​สวรรค์​ขอบ​ทราย​ หนึ่ง​ใน​สามสิบ​หก​วัง​สวรรค์​แห่ง​สภาสวรรค์​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​

“วีรชน​แห่ง​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ทั้งหลาย​ที่​พลี​กาย​ใน​ศึก​!”

ท้าว​ยมราช​จ้อง​ไป​ยัง​เรือ​กระดาษ​อัน​ล่องลอย​เต็ม​น่านฟ้า​ และ​ชูกระบี่​ขึ้น​สูง “โครงกระดูก​แห่ง​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ทั้งหลาย​ที่​สิ้นลมหายใจ​ใน​รณ​ยุทธ​! ข้า​ร้องขอ​เจ้า ต่อสู้​เพื่อ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​อีก​ครั้งหนึ่ง​!”

ครืน​ ครืน​

เสียง​กัมปนาท​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ดัง​ออก​มาจาก​เมือง​เทพยดา​ที่​หล่อหลอม​ขึ้น​มาจาก​เหล็ก​ดำ​ โครงกระดูก​ใหญ่​มหึมา​มากมาย​ค่อยๆ​ ลุกขึ้น​ยืน​ และ​คว้า​จับ​ศาสตราวุธ​อัน​เก่า​พัง​ของ​พวก​มัน​ ยืน​อยู่​ตรงนั้น​อย่าง​เงียบเชียบ​ ไฟผีสาง​สีฟ้าแผดเผา​อยู่​ใบ​เบ้าตา​ของ​พวก​มัน​

พวก​มัน​เหล่านี้​คือ​เทพเจ้า​ทั้งหลาย​ที่​ได้​ตก​ตาย​ไป​ใน​ศึก​อัน​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ถูก​ทำลายล้าง​ โครงกระดูก​ของ​พวกเขา​ล้วนแต่​ถูก​กลบ​ฝังเอาไว้​ใน​ยมโลก​ และ​บัดนี้​เมื่อ​พวกเขา​ได้ยิน​เสียง​เพรียก​ขาน​ของ​ท้าว​ยมราช​ พวกเขา​ก็​ฟื้น​ตื่นขึ้น​มาจาก​ความตาย​

ทันใดนั้น​ ประตู​แห่ง​เมือง​เทพยดา​เหล็ก​ดำ​ก็​เปิด​ออก​ และ​สัตว์​พิสดาร​สามหัว​ตัว​หนึ่ง​ก็​วิ่ง​ตะบึง​ออกมา​ มัน​แบก​โครงกระดูก​เทพเจ้า​วิ่ง​ไป​ข้างหน้า​ และ​เสียง​แกลบ​ๆ ของ​กีบ​เท้า​มัน​ก็​ดัง​มาถี่ยิบ​

โครงกระดูก​เทพเจ้า​นั้น​ยังคง​ถือ​ธงอัน​ขาดวิ่น​ และ​ผืน​ธงก็​คลี่​ออกมา​ใน​สาย​ลง​ คำ​ว่า​ ‘เย​ว่’​ ยังคง​ปรากฏ​ให้​เห็น​

บน​ประตู​สวรรค์​แดน​บาดาล​ ตี้​อี้​เย​ว่​มอง​ไป​ยัง​คำ​ว่า​ ‘เย​ว่’​ บน​ผืน​ธง และ​น้ำตา​ก็​พลัน​หลั่งไหล​

นั่น​คือ​ธงของ​นาง​

ใน​ฐานะ​ราชา​สวรรค์​อันดับ​หนึ่ง​ นาง​เอง​ก็​มีกองทัพ​เทพยดา​ของ​ตนเอง​ แต่ทว่า​ ก่อนที่​ภัยพิบัติ​จะปะทุ​ขึ้น​มา นาง​ได้​จากไป​เพื่อ​แต่งงาน​กับ​โอรส​หยิน​สวรรค์​

บัดนี้​นาง​ได้​เห็น​ธงศึก​ของ​ตนเอง​อีกครั้ง​ แต่​ผู้​ใต้​บัญชา​ของ​นาง​ล้วนแต่​กลายเป็น​โครงกระดูก​ไป​หมด​แล้ว​

แม้ว่า​พวกเขา​จะกลายเป็น​โครงกระดูก​ แต่​ก็​ยัง​แบก​ถือ​ธงศึก​ของ​นาง​!

โครงกระดูก​เทพเจ้า​พุ่ง​ไป​ข้างหน้า​ และ​สัตว์​พิสดาร​สามหัว​ที่​แบก​เขา​อยู่​ก็​พลัน​หยุดชะงัก​ เทพเจ้า​นั้น​ปัก​ธงลง​ไป​กับ​พื้น​อย่าง​หนักหน่วง​ที่​ตีน​ประตู​สวรรค์​แดน​บาดาล​ และ​เงย​ศีรษะ​ขึ้น​มาด้วย​ความ​หยิ่งผยอง​

ข้างหลัง​เขา โครงกระดูก​เทพเจ้า​นับไม่ถ้วน​กรู​กัน​มาด้วย​เสียง​กลอกแกลก​ และ​พวกเขา​ก็​หยุด​อยู่​ข้างหลัง​ด้วย​กระบวน​ทัพ​อัน​เป็นระเบียบ​

ประตู​เหล็ก​ดำ​ของ​เมือง​เทพยดา​แห่ง​นี้​เปิด​ออก​ และ​โครงกระดูก​เทพเจ้า​ก็​กรู​กัน​ออกมา​มากยิ่งขึ้น​ พวกเขา​จัดเรียง​กัน​เป็น​กระบวน​ทัพ​และ​ยืน​ประจันหน้า​กองเรือ​กระดาษ​ทั้ง​หลายอย่าง​เงียบงัน​

ผู้เฒ่า​บน​เรือ​กระดาษ​สะบัด​แขน​เสื้อ​ คน​กระดาษ​และ​ม้ากระดาษ​มากมาย​พรั่งพรู​ออก​มาจาก​แขน​เสื้อ​ของ​เขา​ แปร​เปลี่ยนเป็น​เทพเจ้า​นับไม่ถ้วน​

ทั้งสองฝ่าย​ยืน​อยู่​ตรงนั้น​โดย​ไร้​สุ้มเสียง​

“ตัด​เขา​ของ​ภูติ​บดี​ย่อม​มีราคา​ที่​ต้อง​จ่าย​”

บน​เรือ​กระดาษ​ลำ​หนึ่ง​ ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ยก​ตะเกียง​ขึ้น​และ​กล่าว​อย่าง​เยือกเย็น​ “กฎ​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​มิอาจ​ฝ่าฝืน​ หากว่า​เจ้าคืน​ยมโลก​กลับ​ไป​วันนี้​ ย่อม​ไม่มีชีวิต​ใด​ต้อง​สูญเสีย​ แต่​หากว่า​ไม่ แม้แต่​หญ้า​สัก​ใบ​ก็​จะไม่หลงเหลือ​”

ตี้​อี้​เย​ว่​และ​คนอื่นๆ​ รู้สึก​หวาดหวั่น​ เถียน​ฉู่กอด​ไห​สุรา​เดิน​มาพลาง​กรอก​เหล้า​เข้า​ปาก​อั้ก​ๆ เขา​ตะโกน​ “ราชันย์​ขุนนาง​ ข้า​คือ​ผู้​ที่​ตัด​เขา​ของ​ภูติ​บดี​ ถ้าเจ้าแน่จริง​ ก็​มาเอาเรื่อง​กับ​ข้า​สิ!”

“เจ้าเมาอีกแล้ว​”

ผู้เฒ่า​บน​เรือ​กระดาษ​ปรายตา​มอง​เขา​ และ​กล่าว​อย่าง​ไม่ยินดียินร้าย​ “ไม่ต้อง​พยายาม​ป้องกัน​ หนึ่ง​ล้าน​ปี​ที่ผ่านมา​ โลก​มิติ​นับไม่ถ้วน​ถูก​ทำลายล้าง​เพราะ​พยายาม​ต่อสู้​กับ​ข้า​ เมื่อใด​ที่​กฎ​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ถูก​ล่วงละเมิด​ ย่อม​ไม่มีผู้บริสุทธิ์​”

ตี้​อี้​เย​ว่​ยิ้ม​หยัน​และ​กล่าว​ “แดน​บาดาล​ก็​เป็น​เขา​ของ​ภูติ​บดี​! ทำไม​ราชันย์​ขุนนาง​ไม่ไป​ทำลายล้าง​แดน​บาดาล​ด้วย​เล่า​ ทำไม​เจ้าถึงมาข่มเหง​รังแก​พวก​ข้า​แทน​ กฎ​แดน​ใต้พิภพ​มัน​เหลวไหล​ทั้งนั้น​ ใคร​ที่​แข็งแกร่ง​กว่า​พวก​เจ้า ก็​เล่นตลก​กับ​กฎ​เหลวไหล​ของ​พวก​เจ้าตามแต่​ใจพวกเขา​!”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ขมวดคิ้ว​และ​หยุด​พูด​

แสงจาก​ตะเกียง​ยังคง​ส่อง​ไป​ และ​ยมโลก​ก็​กำลังจะ​ถูก​ฟาด​ให้​กลับ​ไป​เป็น​รูป​ดั้งเดิม​

ท้าว​ยมราช​กัดฟัน​กรอด​และ​กำ​กระบี่​ใน​มือ​อย่าง​แน่น​หนัก​ เขา​กล่าว​ด้วย​ความ​เคร่งขรึม​ “เตรียม​สู้จนตัวตาย​!”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ถอนหายใจ​ “ดื้อด้าน​”

ทันใดนั้น​ บน​สะพาน​ระหว่าง​เป็น​ตาย​ ฉิน​มู่แกะสลัก​หน้ากาก​และ​โยน​มัน​ลง​ไป​บน​เรือ​กระดาษ​ใต้​สะพาน​

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ก้มหน้า​ลง​มอง​หน้ากาก​ มัน​คือ​หน้ากาก​มาร​อัน​คุ้นเคย​ที่​มีน้ำตา​สอง​สาย​ประดับ​อยู่​

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​บน​สะพาน​ และ​ฉิน​มู่กล่าว​อย่าง​แผ่วเบา​ “ตอนนี้​ข้า​เข้าใจ​แล้ว​ ข้า​กลับมา​แล้ว​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ร่าง​สั่นเทิ้ม​อย่าง​ควบคุม​ตนเอง​ไม่ได้​ และ​เรือ​กระดาษ​ที่​เกลื่อน​ฟ้าอยู่​นั้น​ก็​พลัน​เข้ามา​ชน​กันและกัน​ ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​จำนวน​มากมาย​ไร้​ประมาณ​ก็​หลอม​รวม​เข้าด้วยกัน​ และ​แปร​เปลี่ยนเป็น​บุคคล​เพียง​คนเดียว​ เขา​ก้มลง​และ​หยิบ​หน้ากาก​

ผู้เฒ่า​นี้​มอง​ไป​ที่​หน้ากาก​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ก่อนที่จะ​สวม​มัน​เอาไว้​ที่​หลัง​ศีรษะ​

“มู่”

เขา​เงย​ศีรษะ​ขึ้น​มอง​ไป​ยัง​ชายหนุ่ม​ “เจ้ากลับมา​แล้ว​ เจ้ารู้​หรือไม่​ว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​กี่​ปี​แล้ว​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด