ตำนานเทพกู้จักรวาล 734 เจ็ดวิญญูชนสวรรค์ในสระหยก

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 734 เจ็ดวิญญูชนสวรรค์ในสระหยก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วัว​แก่​ติดตาม​ไป​ข้างหลัง​พวกเขา​ทั้งสอง​ และ​เหงื่อ​เม็ด​เป้ง​ก็​ร่วง​ลง​จาก​หน้าผาก​ของ​เขา​ไม่หยุด​ จังหวะ​ปราณ​ของ​ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เปลี่ยนแปลง​ไปมา​ตลอดเวลา​ และ​แม้ว่า​พวกเขา​จะไม่ต่อสู้​กัน​โดย​เปิดเผย​ แต่​พวกเขา​ก็​ลอบ​ท้าทาย​ซึ่งกันและกัน​อย่าง​ไม่ยอม​ลดราวาศอก​!

ทั้งคู่​ล้วนแต่​เป็น​ลา​ดื้อ​หัวรั้น​!

วัว​แก่​เอาแต่​ปาดเหงื่อ​ที่​ตก​จาก​หน้าผาก​ ข้า​ไม่น่าฟัง​นาย​ผู้เฒ่า​ที่​ให้​พา​ฉิน​มู่ไป​พบ​กับ​เทพี​หยิน​สวรรค์​เลย​ ข้า​น่าจะ​อยู่​ข้างๆ​ นาย​ผู้เฒ่า​ต่อ​ และ​ค่อยๆ​ ละเลียด​ชาของ​ข้า​ไป​ระหว่าง​ที่​สำราญ​กับ​กล้องยาสูบ​น้ำ​ หากว่า​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​แพ้​ นั่น​ก็​ไม่ดี​ หากว่า​ฉิน​มู่แพ้​ นั่น​ก็​ไม่ดี​อีก​เหมือนกัน​ หากว่า​ข้า​กลับ​ไป​ทั้ง​แบบนี้​ ข้า​ก็​จะอธิบาย​อะไร​ไม่ได้​! ข้า​ไม่อาจ​แบกหน้า​กลับ​ไป​บอก​นาย​ผู้เฒ่า​ได้​ว่า​ ข้า​ส่งฉิน​มู่ไป​ยัง​สภาสวรรค์​เทพ​บรรพกาล​ และ​เขา​ก็​ต่อย​ตี​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​จน​ยับเยิน​…

เขา​ไม่รู้​ว่า​เขา​ควรจะ​เข้าข้าง​ใคร​ใน​ตอนนี้​

ถ้าตัดสิน​ความสัมพันธ์​ใกล้ชิด​ระหว่าง​เขา​และ​ทั้งสอง​คน​ เขา​ก็​ควรจะ​ช่วย​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​

แต่​ฉิน​มู่นั้น​เป็น​เด็กหนุ่ม​ที่​ดี​อย่างยิ่ง​ และ​สุภาพ​ต่อ​เขา​เป็นอย่างมาก​ เขา​เรียก​หาว่า​ศิษย์​พี่​ซาน​ตัว​อยู่​ตลอดเวลา​ แต่​จาก​ความ​คิดลึก​ๆ ข้างใน​ เขา​รู้สึก​สนิท​ชิด​เชื้อ​กับ​ฉิน​มู่มากกว่า​

เขา​ลำบากใจ​จริงๆ​

แต่​ถึงอย่างไร​ เขา​ก็​มองออก​ว่า​ทั้ง​ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ต่าง​ก็​เป็น​อัจฉริยะ​ จังหวะ​ปราณ​ของ​พวกเขา​ทั้งสอง​มีการเปลี่ยนแปลง​นับ​พัน​หมื่น​ และ​การเคลื่อนไหว​เพียง​เล็กน้อย​ใดๆ​ ของ​กาย​เนื้อ​ คลื่น​กระเพื่อม​เล็กน้อย​ใดๆ​ จาก​สำนึก​รู้​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ หรือ​การเปลี่ยนแปลง​เล็กน้อย​ใดๆ​ ใน​ปราณ​ชีวิต​ ก็​จะถูก​ฝ่ายตรงข้าม​จับ​สัมผัส​ได้​ และ​เปลี่ยนแปลง​จังหวะ​ปราณ​เพื่อ​รับมือ​ให้​สอดคล้อง​

แต่ละ​ย่างก้าว​ที่​พวกเขา​เดิน​ไป​ ก็​จะมีการเปลี่ยนแปลง​หลาย​สิบ​ประการ​ และ​เพราะว่า​ขอบฟ้า​วิสัยทัศน์​ของ​พวกเขา​สูงล้ำ​ยิ่งนัก​ การเปลี่ยนแปลง​ดังกล่าว​จึงเล็ง​ไป​ที่​จุดอ่อน​ของ​คู่ต่อสู้​ เป็นผล​ให้​เมื่อ​ปราณ​ของ​พวกเขา​ปะทะ​กัน​ พวกเขา​ก็​เริ่ม​จะเดิน​ตุปัดตุเป๋​

ทั้งสอง​คน​ย่างก้าว​ไป​ข้างหน้า​เหมือนกับ​คนเมา​สุรา​ พวกเขา​ยิ่ง​ดู​ปัด​เป๋​มากขึ้น​ทุกที​ และ​พวกเขา​ก็​ไม่อาจ​หยุด​ได้​ และ​ก็​เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​หยุดกลางคัน​

โชค​ยัง​ดี​ว่า​ พวกเขา​เข้าใกล้​หัว​ของ​ปลา​คุ​นยักษ์​แล้ว​ และ​เพียง​ระยะทาง​อีก​สอง​สามลี้​ พวกเขา​ก็​จะไป​ถึงข้าง​กาย​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​

โอรส​หยิน​สวรรค์​มอง​ไป​ยัง​รถลาก​ของ​เทพี​หยิน​สวรรค์​ อัน​กำลัง​แล่น​มาทาง​พวกเขา​ด้วย​ความตื่นเต้น​ ผู้คน​ส่วนใหญ่​ก็​มารวมตัวกัน​บน​หัว​ของ​คุ​นยักษ์​ และ​พวกเขา​ก็​เงย​ศีรษะ​มอง​ด้วย​ความ​อัศจรรย์​ใจ

ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เดิน​กะเผลก​เข้ามา​ และ​ไอ​น้ำ​ก็​พวยพุ่ง​ออก​มาจาก​ร่างกาย​ของ​พวกเขา​ ไอ​น้ำ​ยิ่ง​มาก็​ยิ่ง​หนาแน่น​ เมื่อ​พวกเขา​ทั้งสอง​ต่าง​ก็​เดิน​ไป​ข้างหน้า​อย่าง​ไม่ยินยอมพร้อมใจ​

โอรส​หยิน​สวรรค์​พลัน​สัมผัส​ได้​ถึงบางอย่าง​ และ​รีบ​หันไป​มอง​ เขา​เห็น​ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เดิน​เข้ามา​ และ​เขา​ก็​พลัน​สัมผัส​ได้​ถึงจังหวะ​ปราณ​สอง​แบบ​อัน​แตกต่าง​ที่​กำลัง​ปะทะ​กัน​ ปราณ​ทั้งสอง​นั้น​มาจาก​ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​

ทำไม​พวกเขา​ถึงเริ่ม​ต่อสู้​กัน​ล่ะ​ แต่​พวกเขา​สู้กัน​ก็​เป็นเรื่อง​ดี​ ข้า​สามารถ​ผูกมิตร​กับ​ทั้งสองฝ่าย​ และ​ทำให้​พวกเขา​ปาด​ป้าย​น้ำตา​ด้วย​ความสำนึก​ขอบคุณ​ได้​

โอรส​หยิน​สวรรค์​แตกตื่น​ แต่​ก็​รู้สึก​ลิงโลด​ที่​พบ​เหยื่อ​ วิธี​ต่อสู้​ของ​ทั้งสอง​คน​นี้​ประหลาด​ยิ่งนัก​ และ​เป็นครั้งแรก​ที่​ข้า​ได้​พบเห็น​วิธี​การต่อสู้​เช่นนี้​ ทำไม​ข้า​ถึงไม่เข้าไป​แยก​พวกเขา​ออกมา​ และ​ทำให้​พวกเขา​ซาบซึ้ง​ใน​ตัว​ข้า​ล่ะ​!

ปราณ​ของ​เขา​แผ่​พุ่ง​ออก​ไป​และ​เฉือน​ตัด​ระหว่าง​พวกเขา​ทั้งสอง​ เขา​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “พี่​ฉิน​ พี่​มู่ ให้​ข้า​เป็น​ผู้​เจร.​..”

ขณะ​ปราณ​ของ​เขา​ผ่า​กลาง​ระหว่าง​พวกเขา​ทั้งสอง​ ปราณ​ของ​ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​อัน​เชี่ยวกราก​ดุจ​อุทกภัย​ ก็​พลัน​พบ​ช่องทาง​ให้​ไหล​ไป​ และ​โถมซัด​ไป​ยัง​เขา​!

ไม่ทัน​ที่​โอรส​หยิน​สวรรค์​จะได้​สิ้น​สุดคำพูด​ เขา​ก็​ถูก​จังหวะ​ปราณ​ทั้งสอง​กด​ทับ​ และ​จิต​คิด​ของ​เขา​ก็​โล่ง​ว่าง​ไป​หมด​ เขา​คิด​อะไร​ไม่ออก​ทั้งสิ้น​!

เขา​รู้สึก​ก็​แต่ว่า​ฟ้าและ​ดิน​แยก​ทลาย​ใน​เสี้ยว​พริบตา​นั้น​และ​ถล่ม​ลงมา​ เขา​ร่วง​ลง​จาก​ที่สูง​ลิบลิ่ว​ และ​ข้างใต้​เขา​ก็​เป็น​ความมืด​ ความมืด​อัน​ไร้​ขอบเขต​

เขา​ดิ้นรน​อย่าง​ช่วยเหลือ​ตนเอง​ไม่ได้​ และ​ได้​แต่​ร่วงหล่น​ลง​ไป​ เขา​มองเห็น​ใบหน้า​สอง​หน้าที่​ประจัน​กันและกัน​อยู่​ใน​ความมืด​ และ​นั่น​คือ​ใบหน้า​ของ​ ‘มู่ชิง’ และ​ ‘ฉิน​ไค​’ อัน​หนึ่ง​นั้น​อยู่​ซ้าย​ และ​อีก​หนึ่ง​อยู่​ขวา​

ใบหน้า​ทั้งสอง​ใหญ่​มหึมา​อย่าง​ไร้​ปาน​เปรียบ​ และ​เขา​ก็​ตกลง​ไป​ระหว่าง​ทั้งคู่​อย่าง​พอดิบพอดี​ เขา​นั้น​ตัวเล็ก​จิ๋ว​อย่าง​สุดกู่​ และ​กำลัง​ร่วง​ลง​ไป​ใน​ความมืด​ไร้​สิ้นสุด​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ เสียง​ของ​ฉิน​มู่ก็​ดัง​มา “พี่​หยิน​ พี่​หยิน​!”

ภาพหลอน​ตรงหน้า​สายตา​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​หายวับ​ไป​ ฉิน​มู่นั้น​กำลัง​พยุง​แขน​ด้าน​ซ้าย​ของ​เขา​ ขณะที่​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กำลัง​พยุง​แขน​ด้าน​ขวา​เพื่อ​ป้องกัน​ไม้ให้​เขา​ร่วง​ล้ม​ลง​

โอรส​หยิน​สวรรค์​ร่าง​โซมไป​ด้วย​เหงื่อ​ราวกับว่า​เพิ่ง​ขึ้น​มาจาก​น้ำ​

“พี่​หยิน​รู้สึก​ไม่สบาย​ตรงไหน​หรือเปล่า​” ฉิน​มู่ถามด้วย​ความห่วงใย​

“ข้า​เชี่ยวชาญ​ใน​ศาสตร์​วิชาแพทย์​ ข้า​สามารถ​ช่วย​เยียวยา​พี่​หยิน​ได้​ ดังที่​เขา​ว่า​กัน​ว่า​ แพทย์​อาทร​คนไข้​ประดุจ​บิดร​มารดา​…”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “พี่​หยิน​เข้ามา​โดน​ลูกหลง​ระหว่าง​พวกเรา​ ดังนั้น​เขา​เพียงแต่​ตระหนก​ไป​เท่านั้น​ เขา​ไม่ได้​ป่วยไข้​ ยา​รักษา​ใดๆ​ ล้วนแต่​มีพิษ​อยู่​สามส่วน​ หากว่า​เขา​กิน​ยา​ของ​เจ้า เขา​ก็​จะเจ็บป่วย​ พี่​มู่…”

“อย่า​เรียก​ข้า​ว่า​พี่​มู่!”

เส้นเลือด​ปูด​ขึ้น​มาบน​หน้าผาก​ของ​เขา​ และ​เขา​ระงับ​ความ​พลุ่งพล่าน​ใน​หัวใจ​ จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เป็น​บรรพชน​เฒ่าของ​เขา​ งั้น​จะให้​เขา​มาเรียก​ว่า​พี่น้อง​ได้​อย่างไร​

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เข้าใจ​ความนัย​และ​กล่าว​อย่าง​เย็นชา​ “เดิมที​ข้า​ก็​อยาก​จะวาง​มีด​วาง​ดาบ​กับ​เจ้า แต่​เจ้าก็​ไม่รู้จัก​ชื่นชม​มัน​ เจ้าคิด​ว่า​ข้า​กลัว​เจ้าจริงๆ​ น่ะ​หรือ​ กำลัง​ฝีมือ​เจ้าสูงล้ำ​จริงๆ​ นั่นแหละ​ แต่​มัน​อาจจะ​ไม่สูงเท่ากับ​ข้า​!”

ฉิน​มู่ยิ้ม​หยัน​และ​กล่าว​ “กำลัง​ฝีมือ​ของ​ข้า​อาจจะ​ไม่สูงไป​กว่า​เจ้า แต่​จิต​เต๋า​ของ​ข้า​สูงกว่า​แน่​ ข้า​ไม่มีทาง​ไร้ประโยชน์​เหมือนกับ​เจ้า”

โอรส​หยิน​สวรรค์​รู้สึก​ปวดหัว​ตึ้บ​ และ​เขา​รีบ​กล่าว​ “รถลาก​ของ​เทพี​หยิน​สวรรค์​อยู่​ที่นี่​แล้ว​ เลิก​เถียง​กัน​เถอะ​ พวก​เจ้าสะสางกัน​ดี​ๆ ไม่ได้​หรือ​อย่างไร​”

เสียงคำราม​กึกก้อง​มา และ​เขา​ก็​เห็น​มังกร​ยักษ์​ที่​ลาก​รถลาก​อัน​เลิศ​ล้ำ​วิไล​มา และ​มังกร​แต่ละ​ตัว​ก็​ใหญ่​มหึมา​เสีย​ยิ่งกว่า​ปลา​คุ​นยักษ์​ใต้เท้า​พวกเขา​เสีย​อีก​ พวก​มัน​เหิน​ลม​ขี่​เมฆเพื่อ​เหาะ​ข้าม​ศีรษะ​ของ​พวกเขา​ไป​

มังกร​เหล่านั้น​สวมใส่​ชุด​เกราะ​สีเขียว​ และ​พวก​มัน​ก็​เป็น​สมบัติ​วิเศษ​ที่​หลอม​สร้าง​ขึ้น​มาจาก​เหล็ก​หยิน​สวรรค์​ ทำให้เกิด​แสงล้ำค่า​สาดส่อง​จาก​ร่างกาย​ของ​พวก​มัน​ รถลาก​นั้น​ก็​หลอม​สร้าง​ขึ้น​มาจาก​เหล็ก​หยิน​สวรรค์​เป็นส่วนใหญ่​และ​ประดับ​ไป​ด้วย​เมฆา ข้างใต้​ร่ม​ฉัตร​ของ​รถ​มีลูกปัด​ห้อย​ลงมา​ และ​แต่ละ​ลูกปัด​ก็​มีแสงเจิดจ้า​ พวก​มัน​หลอม​สร้าง​ขึ้น​มาโดย​ใช้ดาวเคราะห์​ต่างๆ​ และ​ถูก​ขัดเกลา​จน​เหลือ​ขนาด​เพียง​สิบห้า​วา​

หมู่​เมฆลอย​อ้อยอิ่ง​อยู่​ระหว่าง​ลูกปัด​ห้อย​ และ​ทั้ง​เมฆทั้ง​ลูกปัด​ก็​ขัดขวาง​สายตา​ของ​ทุกคน​เอาไว้​ พวกเขา​มองเห็น​เทพนารี​นั่ง​อยู่​ใต้​ฉัตร​อย่าง​เลือนราง​

โอรส​หยิน​สวรรค์​จ้อง​ด้วย​ดวงตา​เบิก​กว้าง​และ​ดู​ตะลึงงัน​ ก็ต่อเมื่อ​มังกร​ยักษ์​เหล่านั้น​ลาก​รถ​ไป​ยัง​ใจกลาง​สภาสวรรค์​แล้ว​ เขา​จึงพึมพำ​ออกมา​

“เมื่อไหร่​ข้า​ถึงจะน่าเกรงขาม​เช่นนั้น​บ้าง​”

ทุก​คนใน​บริเวณ​โดยรอบ​ระเบิด​หัวเราะ​

แม้แต่​ปลา​คุ​นยักษ์​ให้​เท้า​ของ​เขา​ก็​หัวร่อ​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​

โอรส​หยิน​สวรรค์​หน้า​แดงฉาน​ และ​เขา​ก็​ตะกุกตะกัก​ “ห​ยะ​–อย่า​หัวเราะ​ใส่ข้า​ ข้า​จะต้อง​น่าเกรงขาม​และ​น่าประทับใจ​แบบ​นั้น​ใน​ภายภาคหน้า​แน่ๆ​! เมื่อ​เวลา​นั้น​มาถึง ฮี่ๆ ทุกคน​จะต้อง​มาโค้ง​คารวะ​แทบ​เท้า​ข้า​…”

เสียงหัวเราะ​ของ​ทุกคน​ยิ่ง​ดัง​เข้าไป​ใหญ่​

โอรส​หยิน​สวรรค์​หน้า​แดงก่ำ​ขึ้นไป​ทุกที​ และ​เขา​เตรียม​ที่จะ​ออกปาก​โต้แย้ง​มาก​ไป​กว่า​นี้​ แต่​ทันใดนั้น​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ก็​กล่าว​ “พี่​หยิน​ ใน​โลก​หล้า​มีผู้คน​มากมาย​ไร้​ประมาณ​ แต่​พวก​ที่​สามารถ​ก่อการ​ใหญ่​และ​ทิ้ง​ชื่อ​เอาไว้​ใน​ประวัติศาสตร์​นั้น​มีเพียงแค่​สี่ห้า​คน​เท่านั้น​ พวกเขา​ไม่มีความทะเยอทะยาน​เช่นนี้​จึงได้​แต่​หัวเราะเยาะ​คนอื่น​ โปรด​อย่า​เก็บ​มาคิด​ใส่ใจ”

โอรส​หยิน​สวรรค์​เต็มไปด้วย​ความ​ซาบซึ้ง​และ​กล่าว​ “นกกระจาบ​ไม่รู้จัก​ความทะเยอทะยาน​ของ​หงส์​ ข้า​จะไม่ลดตัว​ลง​ไป​อยู่​ระดับ​เดียว​กับ​พวกเขา​”

ฉิน​มู่ปรายตา​มอง​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​และ​คิดในใจ​ นี่​เขา​กำลัง​อธิบาย​ความทะเยอทะยาน​ของ​ตนเอง​ หรือว่า​เขา​คิด​เผื่อ​ผู้คน​เหล่านี้​ เพื่อ​มิให้​โอรส​หยิน​สวรรค์​แก้แค้น​ต่อ​พวกเขา​ในอนาคต​กัน​แน่​ บางที​อาจจะ​เป็น​ทั้งคู่​ บัดนี้​เมื่อ​ข้า​ได้​ย้อน​กลับมา​ใน​อดีต​ ข้า​จะสามารถ​สังหาร​โอรส​หยิน​สวรรค์​และ​เปลี่ยนแปลง​อนาคต​ได้​ไหม​นะ​

ใน​หัวใจ​ของ​เขา​มีความลังเล​อยู่​

ปลา​คุ​นยักษ์​แบก​พวกเขา​บิน​ผ่าน​หมู่​ปราสาท​ และ​พวกเขา​ก็ได้​พบ​กับ​รถลาก​อัน​น่าประทับใจ​และ​เหนือ​ธรรมดา​ของ​เทพ​บรรพกาล​ที่​เดิน​ทางผ่าน​ไป​มากมาย​ อัน​ทำให้เกิด​ความอิจฉา​ระลอก​แล้ว​ระลอก​เล่า​

ในที่สุด​ พวกเขา​ก็​มาถึงสระ​หยก​แห่ง​สภาสวรรค์​

สภาสวรรค์​นั้น​กว้างใหญ่​ไพศาล​จน​เกินไป​ และ​แม้ด้วย​ความเร็ว​การเหาะ​ของ​คุ​นยักษ์​ เขา​ก็​ยัง​ต้อง​บิน​มาเป็นเวลา​นาน​กว่า​จะถึงสระ​หยก​

คุ​นยักษ์​ค่อยๆ​ ชะลอ​และ​ลง​ไป​จอด​ที่​ข้างๆ​ แท่น​หยก​ขาว​ข้างๆ​ สระ​หยก​ ทุกคน​หยุด​กิจกรรม​ทุกอย่าง​ และ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ก็​ช่วย​ฉิน​มู่จ่าย​ค่าโดยสาร​ โดย​ให้​ยาเม็ด​มังกร​หยก​แก่​คุ​นยักษ์​มากขึ้น​อีกหน่อย​ ปลา​คุ​นยักษ์​จึงเหาะ​ตรง​ไป​ยัง​แม่น้ำ​สวรรค์​บน​ท้องฟ้า​ และ​ผลุบ​หาย​เข้าไป​ใน​แม่น้ำ​ก่อน​จะแหวกว่าย​จากไป​

แม้ว่า​สระ​หยก​จะมีคำ​ว่า​สระ​ แต่​สำหรับ​ฉิน​มู่และ​คนอื่นๆ​ แล้ว​ มัน​ดู​เหมือนกับ​มหาสมุทร​ใน​สภาสวรรค์​เสีย​มากกว่า​ หมู่​เมฆที่นี่​ไหล​เลื่อน​ และ​มีขุนเขา​เซียน​มากมาย​อยู่​บน​มหาสมุทร​ ทั้ง​ยังมี​เต่า​ทะเล​ยักษ์​ที่​แบก​เขา​ศักดิ์สิทธิ์​เหล่านั้น​และ​แหวกว่าย​ไป​ทั่ว​สระ​หยก​

มัน​ยังมี​ดอกบัว​อัน​ใหญ่​มหึมา​น่า​เหลือเชื่อ​ใน​มหาสมุทร​อัน​กิน​พื้นที่​เป็น​ร้อย​ไร่​ บาง​ดอก​ก็​บาน​ออกมา​แล้ว​ กลีบ​สีขาว​และ​แดง​ของ​พวก​มัน​ชวน​ลุ่มหลง​ยิ่งนัก​ บ้าง​ก็​ยัง​เป็น​ดอก​ตูม​ที่​เรียว​บาง​และ​ชูช่อ​สง่าพวก​มัน​มีทั้ง​สีเขียว​ สีขาว​ และ​สีชมพู​ อัน​ทำให้​ดู​สวยงาม​เป็น​อย่างยิ่ง​

ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​มากมาย​กำลัง​ละ​เล่น​กัน​อยู่​ข้างๆ​ สระ​หยก​ และ​ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​เหล่านี้​ก็​ล้วนแต่​เป็น​ผู้คน​ที่​มาจาก​แดน​ต่ำ​ใต้​ ทั้ง​ยังมี​ครึ่ง​เทพ​ที่​โอรส​หยิน​สวรรค์​กล่าวถึง​อยู่​จำนวน​หนึ่ง​ พวกเขา​มิได้​แปลงร่าง​เป็น​มนุษย์​ และ​ปรากฏตัว​ใน​ร่าง​ของ​สัตว์​เท​วะ​

สำหรับ​ผู้คน​ในอนาคต​ ครึ่ง​เทพ​เหล่านี้​คือ​สัตว์​เท​วะ​ แต่​สำหรับ​ผู้คน​ในตอนนี้​ พวกเขา​คือ​ครึ่ง​เทพ​ที่​ครอบครอง​สายเลือด​อัน​สูงส่งและ​มีศักดิ์​ฐานะ​อัน​เลิศ​ล้ำ​ เมื่อ​ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​พบ​เจอ​พวกเขา​ ก็​จะต้อง​เคารพ​นบนอบ​

ข้างๆ​ สระ​หยก​ ผู้คน​หลาย​คน​เรียก​เต่า​ยักษ์​มาและ​จ่าย​ยา​วิญญาณ​จำนวน​หนึ่ง​เพื่อ​จะได้​ขึ้นไป​ขี่​บน​ขุนเขา​ศักดิ์สิทธิ์​บน​หลังเต่า​ เต่า​พวก​นี้​ก็​จะแบก​ขุนเขา​ศักดิ์สิทธิ์​ว่าย​ไป​ยัง​ส่วนลึก​ของ​สระ​หยก​

และ​ดอกบัว​ใน​มหาสมุทร​ก็​ถึงกับ​มีประเทศ​เล็ก​ๆ ตั้งอยู่​ ผู้คน​มากมาย​ไป​ที่นั่น​เพื่อ​หา​ความสำราญ​

“สำหรับ​เทพ​บรรพกาล​ นี่​คือ​สระ​หยก​ แต่​สำหรับ​พวกเรา​แล้ว​ นี่​คือ​ทะเล​หยก​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​กล่าว​ “ใน​ระหว่าง​มหา​สมาคม​สภาสวรรค์​ ผู้คน​มากมาย​ได้​ขึ้น​มาที่นี่​จาก​แดน​ต่ำ​ใต้​เพื่อ​เที่ยวเล่น​และ​เปิดหูเปิดตา​ แต่ทว่า​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​และ​สหาย​เต๋า​คนอื่นๆ​ นั้น​แตกต่าง​ออก​ไป​ พวกเขา​มีปณิธาน​อัน​สูงส่ง และ​พวกเขา​ใช้โอกาส​นี้​เพื่อ​เชื้อเชิญ​ผู้​เปี่ยม​ความสามารถ​ทั้งหมด​ใน​แดน​ต่ำ​ใต้​ ด้วย​การ​จัด​ชุมนุม​สระ​หยก​ แม้ว่า​พวกเรา​จะด้อย​กว่า​มหา​สมาคม​ของ​เทพ​บรรพกาล​ แต่​พวกเรา​ก็​ยัง​ต้อง​จารึก​ชื่อ​เอาไว้​ใน​ประวัติศาสตร์​!”

ดวงตา​ของ​เขา​เป็นประกาย​ และ​ฉิน​มู่มองเห็น​มัน​ใน​ดวงตา​ของ​เขา​ หัวใจ​เขา​สะท้าน​ไป​เล็กน้อย​ เมื่อ​กาล​ก่อน​นั้น​ โอรส​หยิน​สวรรค์​ก็​เป็น​เด็กหนุ่ม​ที่​เต็มไปด้วย​ความทะเยอทะยาน​ แต่​นี่​ก็​ถูกต้อง​แล้ว​ล่ะ​ ความสำเร็จ​ของ​เขา​ในอนาคต​เบื้องหน้า​นั้น​สูงล้ำ​อย่าง​สุด​แสน​ เขา​เป็นหนึ่ง​ใน​ยอด​ฝีมือ​ไม่กี่​คนใน​ขั้น​บัลลังก์​จักรพรรดิ​ ดังนั้น​เขา​ก็​ย่อม​มีฝีมือ​ความสามารถ​เป็น​ของ​ตนเอง​

โอรส​หยิน​สวรรค์​เรียก​เต่า​ยักษ์​ตัว​หนึ่ง​มาและ​กล่าว​ “พวกเรา​มาที่นี่​ตาม​คำเชิญ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เพื่อ​ร่วม​การ​ชุมนุม​สระ​หยก​”

เต่า​เฒ่าตัว​นั้น​กล่าว​ “วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ได้​สั่งเอาไว้​ว่า​มิต้อง​เรียก​เก็บ​ยา​วิญญาณ​จาก​ผู้​ที่มา​เข้าร่วม​การ​ชุมนุม​สระ​หยก​ เชิญขึ้น​มา”

ฉิน​มู่ตกตะลึง​และ​ถาม “ศักดิ์​ฐานะ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ใน​สภาสวรรค์​สูงล้ำ​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เป็น​ผู้นำ​ของ​พวกเรา​ เผ่าพันธุ์​อัน​ต่ำต้อย​ทั้งหลาย​ ดังนั้น​ศักดิ์​ฐานะ​ของ​เขา​ย่อม​สูงส่งอย่างยิ่ง​ แม้แต่​เทพ​บรรพกาล​ก็​ยัง​เรียกหา​เขา​ว่า​สหาย​เต๋า​ และ​รู้สึก​ว่า​เขา​คือ​บุคคล​ที่​สามารถ​พัฒนา​มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ต่อไป​ได้​”

พวกเขา​ขึ้นไป​บน​ขุนเขา​ศักดิ์สิทธิ์​บน​หลังเต่า​ และ​เต่า​เฒ่าก็​รีบ​ว่ายน้ำ​ไป​ยัง​ส่วนลึก​ของ​สระ​หยก​ ทิวทัศน์​โดยรอบ​ชวน​ชื่นตา​ชื่นใจ​

“วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เป็น​บุคคล​แรก​ที่​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ทารก​วิญญาณ​ และ​การ​ฝึก​วร​ยุทธ​สมบัติ​เท​วะ​มีที่​มาจาก​เขา​ หลังจากที่​เขา​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​แล้ว​ ฟ้าและ​ดิน​ก็​แปรเปลี่ยน​ทำให้​ทั้งโลก​หล้า​ตื่นตระหนก​ ในเวลานั้น​ เทพ​บรรพกาล​มากมาย​ได้​ฉาย​ส่อง​รูปเงา​ของ​พวกเขา​ลงมา​ และ​ห้อมล้อม​เขา​เพื่อ​ชื่นชมยินดี​ ยกย่อง​เขา​ว่า​เป็น​ผู้ก่อตั้ง​ยุคสมัย​อัน​สลักสำคัญ​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​กล่าว​ “เทพ​สรรพ​ชีวิต​เรียก​เขา​ว่า​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ ภูติ​บดี​อวยพร​ชีวิต​ให้​แก่​เขา​ ทำให้​เขา​เป็น​อมตะ​ไม่มีวัน​ตาย​ แต่ทว่า​ ก็​ยังคง​มีผู้คน​ที่​สามารถ​ทัดเทียม​กับ​เขา​ได้​ วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ได้​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ห้า​ธาตุ​ แซ่ของ​เขา​มิใช่ฮ่าว​ แต่​ชื่อ​ของ​เขา​มีคำ​ว่า​ฮ่าว​ ดังนั้น​เทพ​บรรพกาล​จึงเรียก​เขา​ว่า​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ และ​ยังมี​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ผู้​ซึ่งเปิด​สมบัติ​เท​วะ​หก​ทิศ​ วิญญูชน​สวรรค์​เย​ว่​ผู้​ซึ่งเปิด​สมบัติ​เท​วะ​เจ็ด​ดาว​ วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​ผู้​ซึ่งเปิด​สมบัติ​เท​วะ​ชาว​สวรรค์​ วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​ผู้​ซึ่งเปิด​สมบัติ​เท​วะ​เป็น​ตาย​ และ​วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น​ผู้​ซึ่งเปิด​สมบัติ​เท​วะ​สะพาน​เท​วะ​ พวกเขา​เป็นที่รู้จัก​เรียกขาน​ว่า​เจ็ด​วิญญูชน​สวรรค์​ และ​หลังจากที่​พวกเขา​ทำสำเร็จ​ เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​ฟ้าและ​ดิน​ก็​แปรเปลี่ยน​ และ​จักรพรรดิ​ฟ้าก็​มามอบ​ฉายา​ให้​แก่​พวกเขา​”

ฉิน​มู่พึมพำ​และ​กล่าว​ “ช่างเป็น​ยุคสมัย​ที่​เต็มไปด้วย​ผู้คน​อัน​ชวน​ลุ่มหลง​ ผู้คน​เหล่านี้​สมแล้ว​ที่จะ​ได้รับ​การขนานนาม​ให้​เป็น​วิญญูชน​สวรรค์​ ด้วยว่า​พวกเขา​สามารถ​สถาปนา​ระบบ​การ​ฝึก​วร​ยุทธ​แห่ง​สมบัติ​เท​วะ​ ไม่ว่า​ชน​รุ่น​หลังจาก​สร้างสรรค์​อะไร​ขึ้น​มา ก็​คง​ยาก​ที่จะ​เหนือ​ล้ำ​กว่า​พวกเขา​ไป​ได้​…”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ก็​มีอารมณ์​ความรู้สึก​เช่นเดียวกัน​และ​กล่าว​ “สามารถ​ไป​พบ​เจอ​กับ​เจ็ด​วิญญูชน​สวรรค์​ การ​เดินทาง​เที่ยว​นี้​ไม่เสียเปล่า​แล้ว​

ทั้งสอง​คน​สายตา​มาประสานกัน​ และ​ทั้งคู่​ต่าง​ก็​แค่น​เสียง​และ​สะบัดหน้า​ผละ​จากกัน​

วัว​แก่​ติด​อยู่​ระหว่าง​พวกเขา​และ​พลัน​รู้สึก​ถึงแรงกดดัน​ที่​เพิ่มพูน​ขึ้น​ เขา​โอดครวญ​ใน​ใจ ทั้งสอง​คน​ต่าง​ก็​เป็น​ลา​ดื้อ​หัวรั้น​ ข้า​หวัง​ว่า​พวก​เจ้าทั้งสอง​คง​ไม่ก่อเรื่อง​มากมาย​ไป​กว่า​นี้​ และ​ทำให้​ข้า​ต้อง​ตกที่นั่ง​ลำ​บา​ก.​..

ข้างหน้า​นั้น​ หมู่​ปราสาท​ราช​วัง​ส่องแสง​เรืองรอง​ และ​ดู​ยิ่งใหญ่​ตระการ​เป็น​อย่างยิ่ง​ เต่า​เฒ่าแบก​ขุนเขา​ศักดิ์สิทธิ์​มาตรงหน้า​หมู่​ราช​วัง​และ​กล่าว​ “พวกเรา​มาถึงแดน​ลับ​สระ​หยก​แล้ว​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​เร่งฝีเท้า​ของ​เขา​และ​กล่าว​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ “วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ น้องชาย​หยิน​เฉาจิ่น​มาที่นี่​แล้ว​เพื่อ​เข้าร่วม​การ​ชุมนุม​!”

ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ก็​ก้าว​ออก​ไป​ข้างหน้า​ วัว​แก่​ปลุก​ปลอบขวัญ​ตนเอง​และ​เดิน​ไป​ระหว่าง​พวกเขา​ทั้งสอง​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​พวกเขา​ก่อเรื่อง​อีก​ เขา​คิด​อยู่​ใน​ใจ ตราบใดที่​ทั้งคู่​ไม่ต่อย​ตี​กัน​จน​น่วม​ นั่น​ก็​เป็นบุญ​หัว​ข้า​แล้ว​!

ปราสาท​ราช​วัง​คึกคัก​ไป​ด้วย​กิจกรรม​ต่างๆ​ มีผู้คน​เดิน​ไปมา​ขวักไขว่​ พวกเขา​คงจะ​ต้อง​เป็น​ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​จาก​ทั่วโลก​ที่มา​เข้าร่วม​การ​ชุมนุม​

ฉิน​มู่จิต​สะท้าน​หวั่นไหว​ ท่ามกลาง​ผู้คน​ที่อยู่​ที่นี่​ จะให้กำเนิด​ตัวตน​อัน​ยิ่งใหญ่​สะท้าน​โลก​มากมาย​แค่​ไหน​กัน​นะ​

ทันใดนั้น​ เขา​ก็​ตะลึง​ไป​เล็กน้อย​ เขา​เห็น​หลวงจีน​รูป​หนึ่ง​ และ​ข้างๆ​ เขา​ก็​คือ​นักพรต​คน​หนึ่ง​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด