ตำนานเทพกู้จักรวาล 687 ชุบชีวิตหยินสวรรค์

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 687 ชุบชีวิตหยินสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินมู่สูดลมหายใจลึกยาวและสะกดข่มหัวใจอันเต้นระรัว

ในการรวบรวมดวงวิญญาณที่กระจัดกระจายของเทพีหยินสวรรค์ ใช้เพียงแค่นำทางวิญญาณไม่พอหรอก

นำทางวิญญาณเป็นทักษะเทวะที่สามารถนำทางดวงวิญญาณกลับมาจากแดนใต้พิภพ ทำให้ดวงวิญญาณกลับเข้ามาในร่างเนื้อ

ขณะที่เทพีหยินสวรรค์ถูกกัดกินเข้าไปจนเหลือแต่ผืนหนัง ดวงวิญญาณของนางก็คงจะถูกกินเข้าไปด้วย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของทรายดำในโลกหยินสวรรค์

หากว่าเขาต้องการจะรวบรวมดวงวิญญาณของนางกลับมา เขาก็จะต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างในนำทางวิญญาณ!

ฉินมู่ก็ ‘เกิดพุทธิปัญญา’ จากเทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้ง และเขาคิดถึงวิธีการเปลี่ยนแปลงนำทางวิญญาณเพื่อรวบรวมดวงวิญญาณของเทพีหยินสวรรค์

ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณของเทพีหยินสวรรค์ย้อนกลับมา นางก็จะสามารถขัดขวางการควบคุมของแดนบาดาลอันมีต่อความมืดในแดนโบราณวินาศได้

ยิ่งไปกว่านั้น เทพีหยินสวรรค์ยังรู้ความลับมากมายที่ผู้คนโดยมากไม่ล่วงรู้ และนั่นอาจจะช่วยให้ฉินมู่ไขความลับของแดนโบราณวินาศได้มากกว่านั้น อนึ่ง เทพีหยินสวรรค์เป็นเทพเจ้าก่อนฟ้าดิน และด้วยความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ สันตินิรันดร์ก็คงได้รับแรงกดดันน้อยลง

แน่ล่ะว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงนำทางวิญญาณและหลอมรวมดวงวิญญาณของนางกลับมาได้หรือไม่ หากว่ามันไม่ได้ผล เขาก็จะไม่มีทางหลบหนีการไล่ล่าของเทพีหยินสวรรค์ไปได้อย่างแน่นอน และก็คงมีแต่ตายกับตาย

เสียงของฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น เขาสามารถมองเห็นร่างกายอันยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของเทพีหยินสวรรค์ ปรากฏอยู่รางๆ ในม่านหมอก

นางเร่งรุดมาตามทิศทางเสียงของฉินมู่ และก็เพราะว่าผีเปรตควบคุมร่างกายของนาง เพราะถึงอย่างไร นางไม่ใช่เทพีหยินสวรรค์ตัวจริง และไม่มีพลานุภาพอันเหนือธรรมดา นางมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในความมืด และได้แต่กะเกณฑ์ทิศทางจากการฟังเสียง

ฉินมู่เพ่งสมาธิตั้งใจ ประตูน้อมสวรรค์พลันปรากฏขึ้นมาข้างหลังเขา ม้วนคัมภีร์ค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นและชัดเจนขึ้นในมือของเขา

เมื่อยืนอยู่บนยอดหอคอย เขาก็พลิกม้วนคัมภีร์โบราณและอ่านนิพนธ์แดนใต้พิภพที่อยู่ข้างใน ภาษาใต้พิภพอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนก็เปล่งออกมาจากปากของเขา มันทั้งเยือกเย็นและมั่นคง

ข้างหลังเขา ประตูน้อมสวรรค์พลันหันกลับไป เดิมทีปากประตูเปิดออกไปข้างนอก ตอนนี้กลายเป็นเปิดเข้าข้างใน และคานประตูก็พลิกสลับกับธรณีประตู

ประตูน้อมสวรรค์เป็นดั่งชื่อ มันคือประตูที่น้อมรับอิทธิพลแห่งฟ้าและดิน ฟ้าคือแดนปริศนา และดินคือแดนใต้พิภพ เหนือคานประตูคือเขตแดนปริศนา และใต้ธรณีประตูคือเขตแดนใต้พิภพ

ในอดีตนั้นฉินมู่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสถานที่ไหนที่จะเป็นตัวแทนของกึ่งกลางฟ้าและดิน ในตอนนี้เขากระจ่างชัดแล้วว่าจุดกึ่งกลางระหว่างฟ้าและดินคือโลกมนุษย์ แต่ว่ามันก็คงมีสถานที่อันอยู่ในเงาของฟ้า

เมื่อพลิกประตูน้อมสวรรค์กลับทิศทาง ฟ้าพลิกดินคว่ำ แบบนี้แล้ว เงาของฟ้าก็จะพลิกจากใต้ฟ้าไปอยู่เหนือฟ้า

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มิใช่ว่าเขาพลิกโลกหยินสวรรค์ขึ้นไปข้างบนและวางเหนือแดนปริศนาจริงๆ ในทางกลับกัน เขาได้เปลี่ยนโครงสร้างของประตูน้อมสวรรค์

โดยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของทักษะเทวะ ผลลัพธ์ของทักษะเทวะก็จะแตกต่างจากที่เคยเป็นมา และในคราวนี้ เขาก็พลิกทุกสิ่งทุกอย่างผันคว่ำไปหมด

คัมภีร์ในมือของเขามิใช่เครื่องมือในการขับเคลื่อนทักษะเทวะออกมา แต่มันคือเครื่องมือเพื่อให้เขาแน่ใจได้ว่าทุกๆ ถ้อยคำที่เขาเปล่งออกนั้นถูกต้องทั้งหมด มันเทียบเท่ากับพจนานุกรมของถ้อยคำใต้พิภพ

ความก้องและความถี่ของเสียงเขายิ่งไพศาลมากขึ้นทุกที ส่วนที่กึกก้องไปนั้นก็ยิ่งกระตุ้นเร้า ส่วนที่ทุ้มทึบก็ยิ่งกดต่ำและสั่นสะเทือนมากขึ้นทุกที ประตูน้อมสวรรค์ไม่มีลมพยาบาทกวาดพัดออกมาอีกต่อไป ในทางตรงข้าม มันกลับมีแสงที่ค่อยๆ ปรากฏ

ในเวลาเดียวกันนั้น เทพีหยินสวรรค์ก็หาตำแหน่งของเขาพบได้ในที่สุดและเดินเข้ามา ร่างกายของนางดูชัดเจนขึ้น

เมื่อหมอกดำตรงหน้านางกระจัดกระจายไป นางก็ปรากฏตรงหน้าหอคอยสูง

เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งไม่มัวคิด และเปิดบันทึกเป็นตายทันที แสงจากบันทึกเป็นตายฉายส่องไปยังใบหน้าของเทพีหยินสวรรค์!

เครื่องหน้าของเทพีหยินสวรรค์พลันบิดเบี้ยว และนางก็กรีดร้องโหยหวนออกมา ควันดำพวยพุ่งออกจากทวารทั้งห้า

ฟิ้ววว

นางยกฝ่ามือขึ้นมาป้องไว้ตรงหน้า และนิ้วของนางก็บิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว นิ้วของนางแห้งเหี่ยวไปด้วยความเร็วจี๋

มืออีกข้างของนางยกขึ้น และนางก็ตะกุยไปยังเทพเจ้าบนยอดหอคอย แต่ทว่า ฝ่ามือของนางก็เหี่ยวแฟบลงจากการส่องแสงของบันทึกเป็นตาย เมื่อฝ่ามือฟาดมาถึงหอคอย มันก็ได้กลายเป็นผืนหนังลอยละล่องอันร่วงลงไปแล้ว มันทำอะไรฉินมู่และพวกพ้องไม่ได้

ฉินมู่ไม่แบ่งแยกจิตคิดอื่น และยังคงเปล่งภาษาใต้พิภพต่อ แสงสว่างส่องออกมาจากประตูกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นทุกทีๆ แสงสว่างเจิดจ้าสาดส่องออกมาประสานกับเสียงกึกก้องที่สะท้านสะเทือนพิภพ

เสียงนั้นถึงกับซ้อนทับกับเสียงของฉินมู่จนเหมือนกับเป็นหนึ่งเดียว แต่เมื่อมันผ่านจากประตูน้อมสวรรค์ออกมา มันก็ขยายออกไปอีกหลายเท่า และก้องสะท้อนไปทั่วฟ้าและดิน!

แสงสว่างจากประตูน้อมสวรรค์สาดส่องลงไปบนร่างของเทพีหยินสวรรค์ และเสียงหวีดร้องของนางก็ยิ่งน่าเวทนาและแสบหู มันแทบจะดังกลบเสียงภาษาใต้พิภพที่ดังมาจากฉินมู่และประตูน้อมสวรรค์

ทันใดนั้น ร่างของนางก็เคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกแสงจากบันทึกเป็นตาย และมือของนางก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว

เทพศักดิ์สิทธิ์อันเกิดมาจากฟ้าและดินได้คว้าจับฐานหอคอยสูงลิ่วด้วยกำลังเถื่อน!

เทพเจ้าแห่งจักรพรรดิก่อตั้งรีบเบี่ยงเป้าบันทึกเป็นตาย และแสงสว่างจากบันทึกก็ส่องไปยังใบหน้าของนางอีกครั้ง ควันดำไหลออกจากใบหน้าของนาง และใบหน้าก็เริ่มหดยุบเข้าไป เปลี่ยนให้นางกลายเป็นสตรีไร้หน้า

ประตูน้อมสวรรค์ของฉินมู่ก็หันตามนางไป ดังนั้นแสงจากประตูน้อมสวรรค์จึงไม่เคยผละจากใบหน้าเทพี

แสงจากประตูยิ่งมาก็ยิ่งเจิดจ้า ไหลเข้าไปในร่างกายของนาง ในเวลาเดียวกันนั้น ความมืดในร่างกายของนางก็ไหลเทออกมาจากใบหน้าด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง

เทพีหยินสวรรค์ดิ้นรนและกรีดร้องเมื่อเหวี่ยงหอคอยไปรอบๆ พลานุภาพอันทรงพลังเช่นนี้น่าตระหนกยิ่งนัก สมแล้วกับที่เป็นเทพก่อนฟ้าดิน!

เท้าของฉินมู่ปักหลักมั่นอยู่บนยอดหอคอย และไม่ว่านางจะเหวี่ยงสะบัดหอคอยมากเท่าไร ฉินมู่ก็ไม่ไหวติง และยังคงสวดภาษาต่อ

เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะปักหลักตนเองไว้อย่างมั่นคง และให้แสงจากบันทึกเป็นตายส่องไปบนใบหน้าของเทพีหยินสวรรค์ เพื่อขับไล่ทรายดำออกมามากขึ้นอีก

ในเวลาเดียวกันนั้น ทรายดำก็ไหลมา แปรเปลี่ยนเป็นเกลียวกระแสความมืดอันหนาใหญ่เท่ามังกร และขย้ำเข้าใส่ร่างของเทพีหยินสวรรค์

นั่นคือการอัญเชิญวิญญาณ!

นำทางวิญญาณอันยกระดับพัฒนาที่ฉินมู่ใช้อัญเชิญดวงวิญญาณของเทพีหยินสวรรค์มา และท่ามกลางทรายดำใดๆ ก็ตามในโลกหยินสวรรค์ ไม่ว่าอันไหนที่มีสะเก็ดดวงวิญญาณแตกสลายของเทพีหยินสวรรค์ ก็จะถูกเหนี่ยวนำมาที่นี่ด้วยทักษะเทวะ แม้ว่ามันจะเป็นผงละเอียดเล็กๆ มันก็ยังโบยบินมายังร่างกายของเทพีหยินสวรรค์

ไม่เพียงเท่านั้นทักษะเทวะของเขายังสามารถเดินทางไปยังแดนโบราณวินาศ และทุกโลกมิติที่เชื่อมต่อกับโลกหยินสวรรค์!

เดิมทีนำทางวิญญาณเป็นเวทมนตร์จากแดนใต้พิภพ และเพราะว่าผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสันตินิรันดร์ไม่เคยศึกษาค้นคว้าภาษาใต้พิภพ พวกเขาจึงแทนที่ภาษาใต้พิภพด้วยภาษามาร

แม้กระนั้น นำทางวิญญาณก็ยังคงทำให้พลังอำนาจของผู้ฝึกวิชาเทวะควานเข้าไปในแดนใต้พิภพเพื่อแย่งชิงดวงวิญญาณผู้คนที่ตายไปกลับมาได้

นี่แสดงให้เห็นว่าทักษะเทวะนี้มหัศจรรย์ปานใด

มีก็แต่ในมือของฉินมู่ ผู้เชี่ยวชาญภาษาใต้พิภพ ทักษะเทวะนี้จึงคืนกลับสภาพเดิม ครั้งแรกที่ฉินมู่ใช้ทักษะเทวะนี้อย่างอลังการ ก็คือในแดนลางร้ายแห่งสวรรค์ไท่หวง ด้วยทักษะเทวะเดียว เขาสามารถปลุกเทพเจ้าหลายพันที่ตายในการรบได้!

นั่นคือครั้งที่เขาแย่งชิงดวงวิญญาณและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพเจ้ามากมายมาจากภูติบดี ดังนั้นผู้นำทางความตายจึงบุกเข้ามาอย่างดุร้าย

นำทางวิญญาณที่ยกระดับแล้วนี้ จะเหนี่ยวนำทุกอนุภาคของดวงวิญญาณเทพีหยินสวรรค์ อันกระจัดกระจายไปในแดนโบราณวินาศและในโลกมิติอื่นๆ ที่เชื่อมกับแดนหยินสวรรค์กลับมา เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่า นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาจะทำ

นอกจากอัญเชิญอนุภาคทั้งหมดของดวงวิญญาณนางกลับมาแล้ว เขายังต้องการประกอบสร้างดวงวิญญาณของนางขึ้นมาใหม่และชุบชีวิตเทพีศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ตายไปแล้วตั้งไม่รู้กี่พันปี!

แม้แต่ในแผ่นดินรูปตัวฉินในดวงตาที่สามของเขา เสียงอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนนี้ก็ยังดังเข้าไป และทำให้ร่างแยกของเทพสรรพชีวิต สำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉาน และทารกยักษ์ฉินเฟิงชิงรับฟังจนเหม่อลอย

“น้องชายตัวร้ายสะกดคำได้ไม่เลวเลย”

ทารกนั่งอยู่กับพื้นและดึงหัวแม่โป้งที่ดูดไว้ออกมาจากปาก พลางกล่าวด้วยเสียงอ้อแอ้ “เมื่อข้าจับตัวเขาได้ ข้าจะเด็ดหัวเขาออกมากิน”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตมีสีหน้าทะมึนและกล่าวด้วยเสียงเบา “เขากำลังใช้ประโยชน์จากข้า”

สำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉานรู้สึกว่าภาษามารของฉินมู่ค่อนข้างลึกล้ำและยากจะเข้าใจ เขาจึงถาม “เขาใช้ประโยชน์จากท่านอย่างไร”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตกล่าวพลางถอนหายใจ “เขาพลิกประตูน้อมสวรรค์เพื่อขโมยแสงของข้า และประกอบสร้างดวงวิญญาณของคนอื่น”

สำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉานกระโดดโหยงด้วยความตกใจและร้องออกมา “เขากล้าขโมยพลังของท่านเลยหรือ ไอ้เด็กนี่มันจะท้าทายสวรรค์เกินไปหน่อยไหม”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตกล่าว “ทำไมเขาจะไม่กล้า เขากล้ากระทั่งขังเจ้าและข้าไว้ที่นี่ ประสาอะไรกับแค่ขโมยพลังของข้า? โชคยังดีว่าเขาขโมยไปไม่มาก สาเหตุที่เขาพลิกประตูน้อมสวรรค์และหยิบยืมแสงของข้าเพื่อสาดส่องเข้าไปในโลกหยินสวรรค์ นั้นคงจะเพื่อชุบชีวิตเทพีหยินสวรรค์”

จักรพรรดิแดงฉานสีหน้าเครียดขรึม และเขากล่าวอย่างสำรวม “เทพีหยินสวรรค์ตายแล้วหรือ”

“ก่อนเจ้าจะตาย นางตายไปเรียบร้อยแล้ว”

ร่างแยกของเทพสรรพชีวิตกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “เมื่อครั้งกระโน้น ข้าสัมผัสได้ถึงความตายของนาง แต่ข้าไม่อาจมองเห็นโลกหยินสวรรค์ได้ จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน เมื่อข้าเคลื่อนที่ โลกหยินสวรรค์ก็เคลื่อนที่ด้วยเช่นกัน และโลกนี้จะซ่อนอยู่ในเงาของข้าไปชั่วนิรันดร์ ดังนั้น ข้าจึงช่วยชีวิตนางไม่ได้”

สายตาของจักรพรรดิแดงฉานไหววูบ “เทพีหยินสวรรค์ตายไปก่อนข้า? ถ้าเช่นนั้น นางก็คงจะต้องตายไปในยุคสมัยหลงฮั่น หากว่านางตายในยุคสมัยแสงฉาน ข้าก็จะต้องล่วงรู้ สามสวรรค์แห่งหลงฮั่น ในระหว่างยุคสมัยหลงฮั่น สามสภาสวรรค์ได้ตั้งประจันหน้ากัน ข้าเรียนถามเทพสรรพชีวิตได้หรือไม่ ว่าสภาสวรรค์ใดที่สังหารเทพีหยินสวรรค์ไป”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตปรายตามองเขาและกล่าวอย่างสงบนิ่ง “เจ้าก็ตายไปแล้ว ไม่จำความเป็นต้องถามมากมาย แต่อีกด้านหนึ่ง บุตรแห่งฉินทำให้ข้าคันหัวใจอย่างยิ่ง เด็กคนนี้ถึงกับคิดค้นทักษะเทวะที่ทำให้ผู้คนที่ดวงวิญญาณแตกสลายไปแล้วได้ประกอบสร้างดวงวิญญาณขึ้นมาใหม่ หากว่าเขากระทำสำเร็จแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงของโลกหล้า… มันมีคนที่หัวแหลมขนาดนี้ในโลกได้อย่างไร”

สำนึกรู้จักรพรรดิแสงฉานกล่าวพลางถอนหายใจ “เขาไม่ได้หัวแหลมหรอก เพียงแต่เขาสามารถคิดในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าคิดและไม่มีวันคิดไปถึง เขาสามารถคิดถึงสิ่งที่ผู้อื่นไม่มีวันจินตนาการออก และเขาก็กล้าที่จะลุยทำมัน คนอื่นๆ อาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขารู้คือกฎและเหตุผลอันตายตัว แต่ในหัวใจของเขา ไม่มีกฎและเหตุผลใดที่ตายตัว นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงสามารถคิดค้นทักษะเทวะที่แม้แต่เทพสรรพชีวิตก็ยังแตกตื่น”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าเขาจะมีความคิดมากมาย แต่ก็ยากที่จะกล่าวว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่”

ในตอนนั้น เสียงของฉินมู่ที่เดินทางเข้าไปในแผ่นดินรูปตัวฉินก็พลันสั้นและกระชั้น ราวกับว่าเป็นพยางค์รัวต่อๆ ตามพยางค์มา

สีหน้าของเทพสรรพชีวิตกลายเป็นหนักอึ้ง และเขากล่าวด้วยเสียงต่ำ “หากว่าเขาทำสำเร็จ หลักกฎเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดินก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จักรพรรดิแดงฉาน เจ้าสัมผัสได้หรือไม่ถึงการเปลี่ยนแปลงในเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดิน”

ในตอนนั้นเอง พุทธเจ้าใหญ่ที่กำลังหลับไหลอยู่เหนือแผ่นดินรูปตัวฉินก็พลันตื่นขึ้นมาและลืมตาของเขา เขากล่าวด้วยความตื่นตระหนก “เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดินงั้นหรือ ใครกัน… เอ๋? พี่ทางเต๋าเทพสรรพชีวิต และจักรพรรดิแดงฉาน พวกท่านทั้งสองมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“พุทธเจ้าเฒ่า อย่าลงมา อย่าลงมา!”

สำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉานรีบโบกไม้โบกมือและหยุดพุทธเจ้าใหญ่ที่กะจะลงมาสนทนา “หากว่าเจ้าลงมา เจ้าก็จะลงเอยในชะตากรรมเดียวกันกับพวกเรา เจ้าจะถูกต่อยตีจนยับเยินโดยทารกประหลาดหัวโตนี่!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพกู้จักรวาล 687 ชุบชีวิตหยินสวรรค์

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 687 ชุบชีวิตหยินสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินมู่สูดลมหายใจลึกยาวและสะกดข่มหัวใจอันเต้นระรัว

ในการรวบรวมดวงวิญญาณที่กระจัดกระจายของเทพีหยินสวรรค์ ใช้เพียงแค่นำทางวิญญาณไม่พอหรอก

นำทางวิญญาณเป็นทักษะเทวะที่สามารถนำทางดวงวิญญาณกลับมาจากแดนใต้พิภพ ทำให้ดวงวิญญาณกลับเข้ามาในร่างเนื้อ

ขณะที่เทพีหยินสวรรค์ถูกกัดกินเข้าไปจนเหลือแต่ผืนหนัง ดวงวิญญาณของนางก็คงจะถูกกินเข้าไปด้วย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของทรายดำในโลกหยินสวรรค์

หากว่าเขาต้องการจะรวบรวมดวงวิญญาณของนางกลับมา เขาก็จะต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างในนำทางวิญญาณ!

ฉินมู่ก็ ‘เกิดพุทธิปัญญา’ จากเทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้ง และเขาคิดถึงวิธีการเปลี่ยนแปลงนำทางวิญญาณเพื่อรวบรวมดวงวิญญาณของเทพีหยินสวรรค์

ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณของเทพีหยินสวรรค์ย้อนกลับมา นางก็จะสามารถขัดขวางการควบคุมของแดนบาดาลอันมีต่อความมืดในแดนโบราณวินาศได้

ยิ่งไปกว่านั้น เทพีหยินสวรรค์ยังรู้ความลับมากมายที่ผู้คนโดยมากไม่ล่วงรู้ และนั่นอาจจะช่วยให้ฉินมู่ไขความลับของแดนโบราณวินาศได้มากกว่านั้น อนึ่ง เทพีหยินสวรรค์เป็นเทพเจ้าก่อนฟ้าดิน และด้วยความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ สันตินิรันดร์ก็คงได้รับแรงกดดันน้อยลง

แน่ล่ะว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงนำทางวิญญาณและหลอมรวมดวงวิญญาณของนางกลับมาได้หรือไม่ หากว่ามันไม่ได้ผล เขาก็จะไม่มีทางหลบหนีการไล่ล่าของเทพีหยินสวรรค์ไปได้อย่างแน่นอน และก็คงมีแต่ตายกับตาย

เสียงของฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น เขาสามารถมองเห็นร่างกายอันยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของเทพีหยินสวรรค์ ปรากฏอยู่รางๆ ในม่านหมอก

นางเร่งรุดมาตามทิศทางเสียงของฉินมู่ และก็เพราะว่าผีเปรตควบคุมร่างกายของนาง เพราะถึงอย่างไร นางไม่ใช่เทพีหยินสวรรค์ตัวจริง และไม่มีพลานุภาพอันเหนือธรรมดา นางมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในความมืด และได้แต่กะเกณฑ์ทิศทางจากการฟังเสียง

ฉินมู่เพ่งสมาธิตั้งใจ ประตูน้อมสวรรค์พลันปรากฏขึ้นมาข้างหลังเขา ม้วนคัมภีร์ค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นและชัดเจนขึ้นในมือของเขา

เมื่อยืนอยู่บนยอดหอคอย เขาก็พลิกม้วนคัมภีร์โบราณและอ่านนิพนธ์แดนใต้พิภพที่อยู่ข้างใน ภาษาใต้พิภพอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนก็เปล่งออกมาจากปากของเขา มันทั้งเยือกเย็นและมั่นคง

ข้างหลังเขา ประตูน้อมสวรรค์พลันหันกลับไป เดิมทีปากประตูเปิดออกไปข้างนอก ตอนนี้กลายเป็นเปิดเข้าข้างใน และคานประตูก็พลิกสลับกับธรณีประตู

ประตูน้อมสวรรค์เป็นดั่งชื่อ มันคือประตูที่น้อมรับอิทธิพลแห่งฟ้าและดิน ฟ้าคือแดนปริศนา และดินคือแดนใต้พิภพ เหนือคานประตูคือเขตแดนปริศนา และใต้ธรณีประตูคือเขตแดนใต้พิภพ

ในอดีตนั้นฉินมู่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสถานที่ไหนที่จะเป็นตัวแทนของกึ่งกลางฟ้าและดิน ในตอนนี้เขากระจ่างชัดแล้วว่าจุดกึ่งกลางระหว่างฟ้าและดินคือโลกมนุษย์ แต่ว่ามันก็คงมีสถานที่อันอยู่ในเงาของฟ้า

เมื่อพลิกประตูน้อมสวรรค์กลับทิศทาง ฟ้าพลิกดินคว่ำ แบบนี้แล้ว เงาของฟ้าก็จะพลิกจากใต้ฟ้าไปอยู่เหนือฟ้า

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มิใช่ว่าเขาพลิกโลกหยินสวรรค์ขึ้นไปข้างบนและวางเหนือแดนปริศนาจริงๆ ในทางกลับกัน เขาได้เปลี่ยนโครงสร้างของประตูน้อมสวรรค์

โดยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของทักษะเทวะ ผลลัพธ์ของทักษะเทวะก็จะแตกต่างจากที่เคยเป็นมา และในคราวนี้ เขาก็พลิกทุกสิ่งทุกอย่างผันคว่ำไปหมด

คัมภีร์ในมือของเขามิใช่เครื่องมือในการขับเคลื่อนทักษะเทวะออกมา แต่มันคือเครื่องมือเพื่อให้เขาแน่ใจได้ว่าทุกๆ ถ้อยคำที่เขาเปล่งออกนั้นถูกต้องทั้งหมด มันเทียบเท่ากับพจนานุกรมของถ้อยคำใต้พิภพ

ความก้องและความถี่ของเสียงเขายิ่งไพศาลมากขึ้นทุกที ส่วนที่กึกก้องไปนั้นก็ยิ่งกระตุ้นเร้า ส่วนที่ทุ้มทึบก็ยิ่งกดต่ำและสั่นสะเทือนมากขึ้นทุกที ประตูน้อมสวรรค์ไม่มีลมพยาบาทกวาดพัดออกมาอีกต่อไป ในทางตรงข้าม มันกลับมีแสงที่ค่อยๆ ปรากฏ

ในเวลาเดียวกันนั้น เทพีหยินสวรรค์ก็หาตำแหน่งของเขาพบได้ในที่สุดและเดินเข้ามา ร่างกายของนางดูชัดเจนขึ้น

เมื่อหมอกดำตรงหน้านางกระจัดกระจายไป นางก็ปรากฏตรงหน้าหอคอยสูง

เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งไม่มัวคิด และเปิดบันทึกเป็นตายทันที แสงจากบันทึกเป็นตายฉายส่องไปยังใบหน้าของเทพีหยินสวรรค์!

เครื่องหน้าของเทพีหยินสวรรค์พลันบิดเบี้ยว และนางก็กรีดร้องโหยหวนออกมา ควันดำพวยพุ่งออกจากทวารทั้งห้า

ฟิ้ววว

นางยกฝ่ามือขึ้นมาป้องไว้ตรงหน้า และนิ้วของนางก็บิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว นิ้วของนางแห้งเหี่ยวไปด้วยความเร็วจี๋

มืออีกข้างของนางยกขึ้น และนางก็ตะกุยไปยังเทพเจ้าบนยอดหอคอย แต่ทว่า ฝ่ามือของนางก็เหี่ยวแฟบลงจากการส่องแสงของบันทึกเป็นตาย เมื่อฝ่ามือฟาดมาถึงหอคอย มันก็ได้กลายเป็นผืนหนังลอยละล่องอันร่วงลงไปแล้ว มันทำอะไรฉินมู่และพวกพ้องไม่ได้

ฉินมู่ไม่แบ่งแยกจิตคิดอื่น และยังคงเปล่งภาษาใต้พิภพต่อ แสงสว่างส่องออกมาจากประตูกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นทุกทีๆ แสงสว่างเจิดจ้าสาดส่องออกมาประสานกับเสียงกึกก้องที่สะท้านสะเทือนพิภพ

เสียงนั้นถึงกับซ้อนทับกับเสียงของฉินมู่จนเหมือนกับเป็นหนึ่งเดียว แต่เมื่อมันผ่านจากประตูน้อมสวรรค์ออกมา มันก็ขยายออกไปอีกหลายเท่า และก้องสะท้อนไปทั่วฟ้าและดิน!

แสงสว่างจากประตูน้อมสวรรค์สาดส่องลงไปบนร่างของเทพีหยินสวรรค์ และเสียงหวีดร้องของนางก็ยิ่งน่าเวทนาและแสบหู มันแทบจะดังกลบเสียงภาษาใต้พิภพที่ดังมาจากฉินมู่และประตูน้อมสวรรค์

ทันใดนั้น ร่างของนางก็เคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกแสงจากบันทึกเป็นตาย และมือของนางก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว

เทพศักดิ์สิทธิ์อันเกิดมาจากฟ้าและดินได้คว้าจับฐานหอคอยสูงลิ่วด้วยกำลังเถื่อน!

เทพเจ้าแห่งจักรพรรดิก่อตั้งรีบเบี่ยงเป้าบันทึกเป็นตาย และแสงสว่างจากบันทึกก็ส่องไปยังใบหน้าของนางอีกครั้ง ควันดำไหลออกจากใบหน้าของนาง และใบหน้าก็เริ่มหดยุบเข้าไป เปลี่ยนให้นางกลายเป็นสตรีไร้หน้า

ประตูน้อมสวรรค์ของฉินมู่ก็หันตามนางไป ดังนั้นแสงจากประตูน้อมสวรรค์จึงไม่เคยผละจากใบหน้าเทพี

แสงจากประตูยิ่งมาก็ยิ่งเจิดจ้า ไหลเข้าไปในร่างกายของนาง ในเวลาเดียวกันนั้น ความมืดในร่างกายของนางก็ไหลเทออกมาจากใบหน้าด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง

เทพีหยินสวรรค์ดิ้นรนและกรีดร้องเมื่อเหวี่ยงหอคอยไปรอบๆ พลานุภาพอันทรงพลังเช่นนี้น่าตระหนกยิ่งนัก สมแล้วกับที่เป็นเทพก่อนฟ้าดิน!

เท้าของฉินมู่ปักหลักมั่นอยู่บนยอดหอคอย และไม่ว่านางจะเหวี่ยงสะบัดหอคอยมากเท่าไร ฉินมู่ก็ไม่ไหวติง และยังคงสวดภาษาต่อ

เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะปักหลักตนเองไว้อย่างมั่นคง และให้แสงจากบันทึกเป็นตายส่องไปบนใบหน้าของเทพีหยินสวรรค์ เพื่อขับไล่ทรายดำออกมามากขึ้นอีก

ในเวลาเดียวกันนั้น ทรายดำก็ไหลมา แปรเปลี่ยนเป็นเกลียวกระแสความมืดอันหนาใหญ่เท่ามังกร และขย้ำเข้าใส่ร่างของเทพีหยินสวรรค์

นั่นคือการอัญเชิญวิญญาณ!

นำทางวิญญาณอันยกระดับพัฒนาที่ฉินมู่ใช้อัญเชิญดวงวิญญาณของเทพีหยินสวรรค์มา และท่ามกลางทรายดำใดๆ ก็ตามในโลกหยินสวรรค์ ไม่ว่าอันไหนที่มีสะเก็ดดวงวิญญาณแตกสลายของเทพีหยินสวรรค์ ก็จะถูกเหนี่ยวนำมาที่นี่ด้วยทักษะเทวะ แม้ว่ามันจะเป็นผงละเอียดเล็กๆ มันก็ยังโบยบินมายังร่างกายของเทพีหยินสวรรค์

ไม่เพียงเท่านั้นทักษะเทวะของเขายังสามารถเดินทางไปยังแดนโบราณวินาศ และทุกโลกมิติที่เชื่อมต่อกับโลกหยินสวรรค์!

เดิมทีนำทางวิญญาณเป็นเวทมนตร์จากแดนใต้พิภพ และเพราะว่าผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสันตินิรันดร์ไม่เคยศึกษาค้นคว้าภาษาใต้พิภพ พวกเขาจึงแทนที่ภาษาใต้พิภพด้วยภาษามาร

แม้กระนั้น นำทางวิญญาณก็ยังคงทำให้พลังอำนาจของผู้ฝึกวิชาเทวะควานเข้าไปในแดนใต้พิภพเพื่อแย่งชิงดวงวิญญาณผู้คนที่ตายไปกลับมาได้

นี่แสดงให้เห็นว่าทักษะเทวะนี้มหัศจรรย์ปานใด

มีก็แต่ในมือของฉินมู่ ผู้เชี่ยวชาญภาษาใต้พิภพ ทักษะเทวะนี้จึงคืนกลับสภาพเดิม ครั้งแรกที่ฉินมู่ใช้ทักษะเทวะนี้อย่างอลังการ ก็คือในแดนลางร้ายแห่งสวรรค์ไท่หวง ด้วยทักษะเทวะเดียว เขาสามารถปลุกเทพเจ้าหลายพันที่ตายในการรบได้!

นั่นคือครั้งที่เขาแย่งชิงดวงวิญญาณและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพเจ้ามากมายมาจากภูติบดี ดังนั้นผู้นำทางความตายจึงบุกเข้ามาอย่างดุร้าย

นำทางวิญญาณที่ยกระดับแล้วนี้ จะเหนี่ยวนำทุกอนุภาคของดวงวิญญาณเทพีหยินสวรรค์ อันกระจัดกระจายไปในแดนโบราณวินาศและในโลกมิติอื่นๆ ที่เชื่อมกับแดนหยินสวรรค์กลับมา เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่า นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาจะทำ

นอกจากอัญเชิญอนุภาคทั้งหมดของดวงวิญญาณนางกลับมาแล้ว เขายังต้องการประกอบสร้างดวงวิญญาณของนางขึ้นมาใหม่และชุบชีวิตเทพีศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ตายไปแล้วตั้งไม่รู้กี่พันปี!

แม้แต่ในแผ่นดินรูปตัวฉินในดวงตาที่สามของเขา เสียงอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนนี้ก็ยังดังเข้าไป และทำให้ร่างแยกของเทพสรรพชีวิต สำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉาน และทารกยักษ์ฉินเฟิงชิงรับฟังจนเหม่อลอย

“น้องชายตัวร้ายสะกดคำได้ไม่เลวเลย”

ทารกนั่งอยู่กับพื้นและดึงหัวแม่โป้งที่ดูดไว้ออกมาจากปาก พลางกล่าวด้วยเสียงอ้อแอ้ “เมื่อข้าจับตัวเขาได้ ข้าจะเด็ดหัวเขาออกมากิน”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตมีสีหน้าทะมึนและกล่าวด้วยเสียงเบา “เขากำลังใช้ประโยชน์จากข้า”

สำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉานรู้สึกว่าภาษามารของฉินมู่ค่อนข้างลึกล้ำและยากจะเข้าใจ เขาจึงถาม “เขาใช้ประโยชน์จากท่านอย่างไร”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตกล่าวพลางถอนหายใจ “เขาพลิกประตูน้อมสวรรค์เพื่อขโมยแสงของข้า และประกอบสร้างดวงวิญญาณของคนอื่น”

สำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉานกระโดดโหยงด้วยความตกใจและร้องออกมา “เขากล้าขโมยพลังของท่านเลยหรือ ไอ้เด็กนี่มันจะท้าทายสวรรค์เกินไปหน่อยไหม”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตกล่าว “ทำไมเขาจะไม่กล้า เขากล้ากระทั่งขังเจ้าและข้าไว้ที่นี่ ประสาอะไรกับแค่ขโมยพลังของข้า? โชคยังดีว่าเขาขโมยไปไม่มาก สาเหตุที่เขาพลิกประตูน้อมสวรรค์และหยิบยืมแสงของข้าเพื่อสาดส่องเข้าไปในโลกหยินสวรรค์ นั้นคงจะเพื่อชุบชีวิตเทพีหยินสวรรค์”

จักรพรรดิแดงฉานสีหน้าเครียดขรึม และเขากล่าวอย่างสำรวม “เทพีหยินสวรรค์ตายแล้วหรือ”

“ก่อนเจ้าจะตาย นางตายไปเรียบร้อยแล้ว”

ร่างแยกของเทพสรรพชีวิตกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “เมื่อครั้งกระโน้น ข้าสัมผัสได้ถึงความตายของนาง แต่ข้าไม่อาจมองเห็นโลกหยินสวรรค์ได้ จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน เมื่อข้าเคลื่อนที่ โลกหยินสวรรค์ก็เคลื่อนที่ด้วยเช่นกัน และโลกนี้จะซ่อนอยู่ในเงาของข้าไปชั่วนิรันดร์ ดังนั้น ข้าจึงช่วยชีวิตนางไม่ได้”

สายตาของจักรพรรดิแดงฉานไหววูบ “เทพีหยินสวรรค์ตายไปก่อนข้า? ถ้าเช่นนั้น นางก็คงจะต้องตายไปในยุคสมัยหลงฮั่น หากว่านางตายในยุคสมัยแสงฉาน ข้าก็จะต้องล่วงรู้ สามสวรรค์แห่งหลงฮั่น ในระหว่างยุคสมัยหลงฮั่น สามสภาสวรรค์ได้ตั้งประจันหน้ากัน ข้าเรียนถามเทพสรรพชีวิตได้หรือไม่ ว่าสภาสวรรค์ใดที่สังหารเทพีหยินสวรรค์ไป”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตปรายตามองเขาและกล่าวอย่างสงบนิ่ง “เจ้าก็ตายไปแล้ว ไม่จำความเป็นต้องถามมากมาย แต่อีกด้านหนึ่ง บุตรแห่งฉินทำให้ข้าคันหัวใจอย่างยิ่ง เด็กคนนี้ถึงกับคิดค้นทักษะเทวะที่ทำให้ผู้คนที่ดวงวิญญาณแตกสลายไปแล้วได้ประกอบสร้างดวงวิญญาณขึ้นมาใหม่ หากว่าเขากระทำสำเร็จแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงของโลกหล้า… มันมีคนที่หัวแหลมขนาดนี้ในโลกได้อย่างไร”

สำนึกรู้จักรพรรดิแสงฉานกล่าวพลางถอนหายใจ “เขาไม่ได้หัวแหลมหรอก เพียงแต่เขาสามารถคิดในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าคิดและไม่มีวันคิดไปถึง เขาสามารถคิดถึงสิ่งที่ผู้อื่นไม่มีวันจินตนาการออก และเขาก็กล้าที่จะลุยทำมัน คนอื่นๆ อาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขารู้คือกฎและเหตุผลอันตายตัว แต่ในหัวใจของเขา ไม่มีกฎและเหตุผลใดที่ตายตัว นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงสามารถคิดค้นทักษะเทวะที่แม้แต่เทพสรรพชีวิตก็ยังแตกตื่น”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าเขาจะมีความคิดมากมาย แต่ก็ยากที่จะกล่าวว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่”

ในตอนนั้น เสียงของฉินมู่ที่เดินทางเข้าไปในแผ่นดินรูปตัวฉินก็พลันสั้นและกระชั้น ราวกับว่าเป็นพยางค์รัวต่อๆ ตามพยางค์มา

สีหน้าของเทพสรรพชีวิตกลายเป็นหนักอึ้ง และเขากล่าวด้วยเสียงต่ำ “หากว่าเขาทำสำเร็จ หลักกฎเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดินก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จักรพรรดิแดงฉาน เจ้าสัมผัสได้หรือไม่ถึงการเปลี่ยนแปลงในเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดิน”

ในตอนนั้นเอง พุทธเจ้าใหญ่ที่กำลังหลับไหลอยู่เหนือแผ่นดินรูปตัวฉินก็พลันตื่นขึ้นมาและลืมตาของเขา เขากล่าวด้วยความตื่นตระหนก “เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดินงั้นหรือ ใครกัน… เอ๋? พี่ทางเต๋าเทพสรรพชีวิต และจักรพรรดิแดงฉาน พวกท่านทั้งสองมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“พุทธเจ้าเฒ่า อย่าลงมา อย่าลงมา!”

สำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉานรีบโบกไม้โบกมือและหยุดพุทธเจ้าใหญ่ที่กะจะลงมาสนทนา “หากว่าเจ้าลงมา เจ้าก็จะลงเอยในชะตากรรมเดียวกันกับพวกเรา เจ้าจะถูกต่อยตีจนยับเยินโดยทารกประหลาดหัวโตนี่!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+