ตำนานเทพกู้จักรวาล 741 มรณกรรมของวิญญูชนสวรรค์อวี้

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 741 มรณกรรมของวิญญูชนสวรรค์อวี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แค่​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ตาย​มีอะไร​ต้อง​แตกตื่น​…”

วัว​แก่​เดิน​ต่อไป​และ​หัวเราะ​กับ​ตนเอง​ “ผู้​คนใน​สมัยโบราณ​ไม่เคย​เห็น​คนตาย​มาก่อน​หรือ​อย่างไร​ หัว​ของ​ข้า​แทบ​ระเบิด​จาก​เสียง​เอะอะ​…วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ตาย​แล้ว​? วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ตาย​แล้ว​!”

เขา​ร้อง​ดังลั่น​อย่าง​ระงับ​ไม่อยู่​ และ​ไม่สนใจ​ที่จะ​ไป​เรียก​ฉิน​มู่กับ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​อีกต่อไป​ และ​ความวุ่นวาย​ข้างนอก​ก็​ยัง​ไม่ทัน​สงบดี​ บางคน​กำลัง​ตี​อก​ชกหัว​ตนเอง​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ ขณะที่​บางคน​ยืน​นิ่ง​ขึง​ด้วย​สีหน้า​ตื่นตระหนก​ บางคน​ก็​ไป​ไต่ถาม​ผู้อื่น​ และ​เมื่อ​พวกเขา​ยืนยัน​ข่าว​ พวกเขา​ก็​ล้ม​พับไป​กับ​พื้น​ด้วย​สีหน้า​ว่างเปล่า​

วัว​แก่​หัวใจ​ว้าวุ่น​ไป​หมด​ และ​เขา​รู้สึก​ว่า​ผู้​มาก่อน​ใน​ยุค​โบราณ​ทั้งหลาย​ที่มา​ที่มา​ร่วมงาน​ชุมนุม​ขาด​เสาหลัก​ของ​พวกเขา​ไป​

เขา​มอง​ไป​ที่​ทุกๆ​ คน​อัน​กำลัง​โหวกเหวก​โวยวาย​อยู่​ข้างนอก​ เมื่อ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​มีชีวิต​อยู่​ สถานที่​นี้​คือ​ยุคทอง​ที่อยู่​ใน​ระหว่าง​การปฏิรูป​ และ​เมื่อ​มรณกรรม​ของ​วิญญูชน​อวี้​เปิดเผย​ออกมา​ ทุกคน​ก็​เหมือน​แมลง​วันที่​ถูก​เด็ดหัว​

ยุคทอง​ที่​กำลังจะ​แย้ม​แสงอรุณ​สู่พวกเขา​กลับ​มืด​หม่น​ลง​ไป​

ความตาย​ของ​ผู้นำ​ยิ่งใหญ่​นั้น​ได้​ซัดเซ​ผู้คน​แห่ง​ยุค​สมัยนี้​อย่าง​มากมาย​เกินไป​

หัวใจ​ของ​วัว​แก่​ก็​ว่างเปล่า​ เขา​จะตาย​ไป​ทั้งๆ​ แบบนี้​ได้​อย่างไร​ เป็นไปไม่ได้​หรอก​ใช่ไหม​ นี่​มัน​เรื่อง​ล้อเล่น​กัน​ใช่ไหม​ เรื่อง​ล้อเล่น​แบบนี้​มัน​เลยเถิด​เกินไป​แล้ว​…

เสียง​ฝีเท้า​ดัง​มาจาก​ข้างหลัง​เมื่อ​ฉิน​มู่ จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ และ​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​เดิน​เข้ามา​ สีหน้า​ของ​พวกเขา​ก็​ว่างเปล่า​ พวกเขา​ได้ยิน​เสียง​เอะอะ​จาก​ข้างนอก​ตั้งแต่​อยู่​ใน​เรือน​ตึก​ ข่าว​มรณกรรม​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ได้​ฟาด​ตี​พวกเขา​ด้วย​ความหนักหน่วง​อัน​เกิน​จินตนาการ​

ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ได้​เดิน​ทางข้าม​เวลา​มายัง​ยุค​สมัยนี้​ และ​พวกเขา​มิได้​มีปฏิสัมพันธ์​กับ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​มากมาย​นัก​ แม้ว่า​พวกเขา​จะได้​สนทนา​กัน​เพียง​หน​เดียว​ แต่​พวกเขา​ก็​มีความประทับใจ​ที่​ดี​ต่อ​เขา​

พวกเขา​เอง​ก็​เคารพนับถือ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เป็น​อย่างยิ่ง​ และ​รู้สึก​ว่า​เขา​คือ​ผู้นำ​แห่ง​ยุค​บรรพกาล​ที่จะ​สามารถ​ควบคุม​สวรรค์​และ​พิภพ​ นำ​สรรพ​ชีวิต​หลัง​ฟ้าดิน​ทั้งหลาย​มาสร้างสรรค์​ยุค​สมัยใหม่​

พวกเขา​ประเมิน​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ไว้​อย่าง​สูงล้ำ​ กระนั้น​ผู้นำ​หนุ่ม​ที่​กำลัง​รอ​ให้​เวลา​ที่จะ​เปิดเผย​ผลงาน​ชั่วชีวิต​ของ​เขา​ออกมา​ จู่ๆ ก็​ตาย​ลง​ไป​อย่าง​กะทันหัน​แบบนี้​ ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ยอมรับ​ไม่ได้​

วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​เอง​ก็​ยิ่ง​ยอมรับ​เรื่อง​นี้​ไม่ได้​

ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มิได้​มีปฏิสัมพันธ์​มากมาย​กับ​เขา​ แต่​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​เติบโต​ขึ้น​มากับ​ตำนาน​เล่าขาน​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ เมื่อ​นาง​ได้​พบ​กับ​เขา​หลังจากนั้น​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ก็​เหมือนกับ​พี่ชาย​ที่​คอย​ดูแล​และ​ให้กำลังใจ​นาง​มาตลอด​

หลังจากที่​นาง​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​หก​ทิศ​และ​เปลี่ยนไป​ศึกษา​ค้นคว้า​การ​ไม่มีอยู่​ของ​เวลา​ หมาย​ที่จะ​พิสูจน์​มัน​ด้วย​ทักษะ​เท​วะ​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​รู้สึก​ว่า​งานวิจัย​ของ​นาง​คง​ไม่ประสบความสำเร็จ​ และ​เชื่อ​ว่า​นาง​เลือก​หนทาง​ผิด​ แต่กระนั้น​ เขา​ก็​ปฏิบัติ​ต่อ​นาง​อย่าง​ดี​ยิ่ง​

มรณกรรม​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เป็นการ​ซัด​นาง​อย่าง​หนักหน่วง​

สีหน้า​ของ​นาง​ซีดเผือด​ และ​นาง​เดิน​โผเผ​ไป​ข้างหน้า​ ฉิน​มู่กล่าว​ด้วย​เสียง​เบา​ “ตาม​นาง​ไป​ และ​ดู​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​!”

ทั้ง​สามคน​รีบ​ติดตาม​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ผ่าน​ทะเล​ผู้คน​ตรงหน้า​ มีผู้คน​อยู่​ทุกหนทุกแห่ง​ใน​ราช​วัง​ข้าง​ และ​พวกเขา​ก็​ล้วนแต่​จมใน​ความเศร้า​ ครึ่ง​เทพ​บางคน​ก็​กำลัง​มอง​ไป​รอบ​ๆ บน​ท้องฟ้า​

“ทำไม​จู่ๆ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ก็​ตาย​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ด้วย​เสียงต่ำ​ “ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​ไม่อาจ​สังหาร​ตัวตน​แบบ​เขา​ได้​ จะสังหาร​เขา​นั้น​ก็​มีแต่​ครึ่ง​เทพ​หรือ​เทพ​บรรพกาล​ลงมือ​ ข้า​พูด​ถูก​ไหม​”

ฉิน​มู่คิดถึง​อีก​เรื่อง​ และ​เขา​ใคร่ครวญ​ ทำไม​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ถึงถูก​สังหาร​เสีย​ก่อนที่​เขา​จะประกาศ​วิธีการ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​ นอก​เสีย​จาก​ว่าการ​กำจัด​เขา​ก็​คือ​การ​กำจัด​วิธีการ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​!

วัว​แก่​กระซิบ​ “หรือว่า​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​จะแสร้ง​ตาย​ หากว่า​เขา​แสร้ง​ตาย​ เขา​ก็​จะจุดชนวน​ความขัดแย้ง​ระหว่าง​ครึ่ง​เทพ​ มนุษย์​ และ​สภาสวรรค์​…”

ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ส่าย​หัว​

วัว​แก่​ฉงน​

ฉิน​มู่อธิบาย​ “การ​แสร้ง​ตาย​ต่อหน้า​สภาสวรรค์​นั้น​ไร้​ความหมาย​ มีภูติ​บดี​และ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​อยู่​ เขา​ไม่มีทาง​แสร้ง​ตาย​ได้​อย่าง​แน่นอน​ ดวงวิญญาณ​ของ​เขา​ไม่มีทาง​หลบหนี​ไป​จาก​การควบคุม​ของ​แดน​ใต้พิภพ​ และ​เขา​ก็​จะไม่สามารถ​หลบซ่อน​จาก​สายตา​ของ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​ เขา​นั้น​…ตาย​ไป​แล้ว​จริงๆ​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ “ยิ่งไปกว่านั้น​ หากว่า​เขา​ต้องการ​จุดชนวน​ความขัดแย้ง​ เขา​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​แสร้ง​ตาย​ มีเหตุผล​มากกว่า​ที่​เขา​จะเผยแพร่​วิธีการ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​ออก​ไป​ และ​นั่น​ก็เพราะว่า​หลังจากที่​มัน​ถูก​เผยแพร่​ออก​ไป​ มัน​ก็​จะเกิด​ความขัดแย้ง​ระหว่าง​เทพ​ใหม่​และ​เทพ​บรรพกาล​อย่าง​แน่นอน​ ความขัดแย้ง​นี้​จะยิ่ง​สั่งสมมากขึ้น​เรื่อยๆ​ เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ นี่​คือ​ปัญหา​ของ​การ​แบ่ง​ผลประโยชน์​ เทพเจ้า​ใหม่​ต้องการ​ผลประโยชน์​มากขึ้น​ และ​เทพ​บรรพกาล​ก็​อิดออด​ที่จะ​ปล่อย​ผลประโยชน์​ใน​มือ​ออก​ไป​ ความขัดแย้ง​จะทวี​ขึ้น​มาโดยธรรมชาติ​ เขา​นั้น​เป็น​ผู้​ฉลาด​หลักแหลม​ขนาด​นี้​ ดังนั้น​เขา​จะต้อง​ไม่ใช้วิธีการ​แสร้ง​ตาย​อย่าง​แน่นอน​ ยิ่งไปกว่านั้น​ ด้วย​การ​แสร้ง​ตาย​…”

เขา​ไม่กล่าว​ต่อ​ เหมือน​จะมีสิ่งตะขิดตะขวง​ใจบางอย่าง​

แต่ทว่า​ ฉิน​มู่ไม่สนใจ​และ​เสริม​ความ​ให้​ครบถ้วน​แทน​ “ยิ่งไปกว่านั้น​ ด้วย​การ​แสร้ง​ตาย​ เขา​ก็​จะไม่ต่าง​จาก​การ​ส่งตำแหน่ง​ผู้นำ​ออก​ไป​ เขา​จะไม่ทำ​เรื่อง​ที่เกิด​ผลประโยชน์​แก่​ผู้อื่น​ด้วย​การ​เสียสละ​ผลงาน​อัน​เหนื่อยยาก​ของ​ตน​ไป​หรอก​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ส่งสายตา​อัน​เต็มไปด้วย​ความกังวล​ให้​แก่​เขา​ เขา​กล่าว​ด้วย​เสียง​เบา​ “ถึงอย่างไร​ พวกเรา​ก็​เป็น​คนนอก​ พวกเรา​ไม่ควร​พัวพัน​กับ​ยุค​สมัยนี้​ พวกเรา​เพียงแค่​มายัง​ยุค​สมัยนี้​ได้​ไม่กี่​วัน​ แต่​ข้า​สัมผัส​ได้​แล้ว​ว่า​มีความ​มืดมิด​ที่​โถมทะลัก​มาและ​อันตราย​ก็​ห้อมล้อม​อยู่​ทุก​ซอก​มุม”

ฉิน​มู่ส่าย​ศีรษะ​และ​กล่าว​ “ด้วย​การดำรงอยู่​ใน​อดีต​ พวกเรา​ได้​กลาย​เป็นอดีต​ไป​แล้ว​ ไม่ว่า​เรา​จะทำ​อะไร​ลง​ไป​ เมื่อ​พวกเรา​กลับ​ไป​ยัง​สมัยปัจจุบัน​ พวกเรา​ก็​จะตระหนัก​ว่า​สิ่งที่​พวกเรา​ทำ​ลง​ไป​ใน​อดีต​นั้น​เป็น​ประวัติศาสตร์​ที่​เกิดขึ้น​ผ่านพ้น​แล้ว​”

เส้นเลือด​ปูด​ขึ้น​มาบน​หน้าผาก​ของ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ และ​เสียง​ของ​เขา​ก็​ค่อนข้าง​แหบ​พร่า​ “เจ้าอยาก​จะก่อเรื่อง​อีกแล้ว​หรือ​ เจ้าจะต้อง​บังคับ​ให้​ข้า​ลงมือ​กับ​เจ้าให้ได้​ใช่ไหม​”

วัว​แก่​ไม่รู้​ว่า​เขา​กำลัง​คุย​กัน​เรื่อง​อะไร​และ​งงงัน​อย่าง​ถึงที่สุด​

แต่ทว่า​ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ต่าง​ก็​เข้าใจ​ซึ่งกันและกัน​ดี​ ที่​พวกเขา​พูดถึง​การ​ให้​ผลประโยชน์​แก่​ผู้อื่น​ และ​ความมืด​ที่​โถมทะลัก​มานั้น​ล้วนแต่​หมายถึง​ใคร​บางคน​

ที่​พวกเขา​หมายถึง​ก็​คือ​ว่า​ หลังจาก​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ตาย​ไป​ใคร​จะได้รับ​ผลประโยชน์​มาก​ที่สุด​

เมื่อ​การปฏิรูป​ตาย​จาก​ และ​ไม่มีเส้นทาง​ที่จะ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​ เทพ​บรรพกาล​ทั้งหลาย​คือ​กลุ่ม​ที่​ได้รับ​ผลประโยชน์​มาก​ที่สุด​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​มุ่งหน้า​ผลักดัน​อย่าง​ไม่ลดละ​ และ​ใน​เมื่อ​เขา​ต้อง​คอย​ต้อนรับ​ผู้คน​ที่มา​ร่วมงาน​ชุมนุม​ เขา​ก็​จะต้อง​คอย​ประสานงาน​ทั้ง​กับ​ครึ่ง​เทพ​และ​มนุษย์​ และ​แม้กระทั่ง​ต้อง​คอย​วิ่งเต้น​ทาง​สภาสวรรค์​ด้วย​ ดังนั้น​เขา​จึงยาก​ที่จะ​มีเวลาพักผ่อน​

เขา​พัก​อยู่​ใน​ศาลา​วายุ​แผ่ว​ใน​ตึก​น้อย​สระ​หยก​ และ​ใน​ตอนนี้​ ศาลา​วายุ​แผ่ว​ก็​เต็มไปด้วย​ผู้คน​ วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​และ​โอรส​หยิน​สวรรค์​กำลัง​เฝ้าอยู่​หน้า​ประตู​ และ​วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​ก็​มีสีหน้า​เศร้าโศก​และ​โกรธแค้น​ เขา​ถลึงตา​จ้อง​ทุกๆ​ คน​และ​ไม่ให้​พวกเขา​ก้าว​เข้าไป​

วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​เบียด​เข้าไป​ข้างหน้า​และ​ถามด้วย​เสียงแหบ​พร่า​ “มัน​จริง​ไหม​”

วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​สะอื้น​และ​ผงกหัว​ “พวกเขา​ล้วนแต่​อยู่​ข้างใน​ วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​พยายาม​เรียก​ดวงวิญญาณ​มาเพื่อ​ดู​ว่า​จะช่วยชีวิต​เขา​คืน​กลับมา​ได้​ไหม​ วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ได้​ถวาย​ฎีกา​แก่​จักรพรรดิ​สวรรค์​เพื่อ​เชื้อเชิญ​ภูติ​บดี​ให้​คืน​ดวงวิญญาณ​ของ​เขา​…”

ฉิน​มู่มอง​ไป​ที่​โอรส​หยิน​สวรรค์​ โอรส​หยิน​สวรรค์​ยืน​อยู่​ตรงนั้น​ด้วย​สายตา​ว่างเปล่า​ เหมือนกับ​ว่า​เขา​ไม่รู้​หนทาง​ไป​ต่อ​และ​กำลัง​เหม่อลอย​

ม่านตา​ของ​เขา​หด​แคบ​ลง​อย่าง​รวดเร็ว​เมื่อ​จ้องมอง​ไป​ที่​มือ​ของ​ตนเอง​ น้ำตา​สอง​หยด​หยาด​ลง​ไป​บน​ฝ่ามือ​

วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ถลัน​เข้าไป​ใน​ศาลา​วายุ​แผ่ว​ ฉิน​มู่ จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ และ​วัว​แก่​ก็​กะ​จะเข้าไป​ใน​ข้างใน​ศาลา​วายุ​แผ่ว​ แต่​พวกเขา​ก็​ถูก​วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​ขวาง​เอาไว้​ โอรส​หยิน​สวรรค์​ได้สติ​กลับมา​และ​ก็​รีบ​ยก​มือขึ้น​ขวางทาง​ เขา​กล่าว​อย่าง​ขอโทษ​ขอ​โพย​ “พี่​ฉิน​ พี่​มู่ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ได้​เสียชีวิต​อยู่​ข้างใน​ พวก​เจ้าเข้าไป​ไม่ได้​…”

“วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​ ให้​พวกเขา​เข้ามา​”

เสียง​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ดัง​มา “ความสำเร็จ​ใน​มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ของ​พวกเขา​สูงล้ำ​ พวกเขา​อาจจะ​พบ​เบาะแส​!”

วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​ลังเล​ เขา​ลด​มือ​ลง​ จ้อง​ไป​ที่​ฉิน​มู่ด้วย​ดวงตา​แดงก่ำ​และ​กล่าว​ “หาก​เจ้าสามารถ​หา​เบาะแส​ใด​ได้​ ข้า​จะไม่เกลียด​เจ้าอีกต่อไป​”

ฉิน​มู่ผงกศีรษะ​และ​กล่าว​ “ข้า​จะทำให้​ดี​ที่สุด​”

พวกเขา​เดิน​เข้าไป​ใน​ศาลา​วายุ​แผ่ว​ ศาลา​นั้น​สร้าง​อยู่​กลาง​ทะเลสาบ​บน​เกาะ​ มัน​ลอย​อยู่​เหนือ​ทะเลสาบ​ และ​ข้างล่าง​คือ​คลื่น​ใหญ่​บน​ผิว​ทะเลสาบ​ สถานที่​นี้​ดู​โอ่อ่า​สง่างามเป็น​อย่างยิ่ง​

นั่น​ก็เพราะว่า​นี่​คือ​สถาน​ที่พักอาศัย​ของ​จักรพรรดินี​ฟ้า ดังนั้น​ศาลา​วายุ​แผ่ว​จึงใหญ่โต​กว่า​สิ่งปลูกสร้าง​อื่นๆ​ มาก​นัก​ ข้างใน​ยังคง​กว้างขวาง​อย่างยิ่ง​อีกด้วย​

ฉิน​มู่และ​พวกเขา​ทั้ง​สามเดิน​เข้าไป​ใน​เรือน​ศาลา​แห่ง​นี้​ และ​พวกเขา​เห็น​เลือด​อยู่​บน​พื้น​ หน้าต่าง​ถูก​พัง​ออก​ไป​ และ​ก็​มีร่องรอย​ทักษะ​เท​วะ​หลงเหลือ​ไว้​บน​กำแพง​ ศพ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​นอนแผ่​อยู่​ตรงข้าม​หน้าต่าง​ หัว​ของ​เขา​ตก​ห้อย​ และ​แขนขา​ของ​เขา​ก็​อ่อนเปลี้ย​

วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น​ วิญญูชน​สวรรค์​เย​ว่​ และ​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​ล้วนแต่​อยู่​ที่นี่​ วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​กำลัง​จูงสุนัข​สวรรค์​ที่​กำลัง​สูด​จมูก​ดม​ไป​รอบ​ๆ

วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​ยกมือ​ของ​เขา​ขึ้น​มา และ​ปราณ​ชีวิต​ของ​เขา​ก็​แผ่​พุ่ง​ไป​ เขา​ยก​ศพ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ขึ้นไป​บน​อากาศ​สูงจาก​พื้นดิน​สามคืบ​

หน้ากาก​มาร​ข้างหลัง​ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​เริ่มต้น​ร่ำไห้​ แต่​ใบหน้า​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​ยังคง​ไร้อารมณ์​เช่น​เดิม​

ฉิน​มู่มอง​ไป​ยัง​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ที่​กำลัง​ลอย​อยู่​ และ​กระดูก​ทั่ว​ทั้ง​ร่าง​ของ​เขา​ก็​หัก​ไป​จน​หมดสิ้น​ ไม่มีชิ้น​ไหน​ที่​ยังคง​อยู่ดี​ บางคน​คงจะ​ฟาด​ทุบ​กระดูก​ของ​เขา​ด้วย​กำลัง​อัน​หนักหน่วง​ เมื่อ​เขา​ลอย​ร่องแร่ง​ใน​อากาศ​ ก็​ให้​ความรู้สึก​ของ​ความช่วยเหลือ​ตนเอง​ไม่ได้​

“จาก​บาดแผล​ภายนอก​ ผู้​ที่​โจมตี​เขา​มิได้​มีเพียง​คนเดียว​”

ฉิน​มู่เดิน​ไป​รอบ​ๆ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​และ​ตรวจตรา​บาดแผล​ เขา​ไม่ได้​เข้าไป​ใกล้​เกินไป​ แต่​เขา​ก็​ยัง​สามารถ​มองเห็น​อาการ​บาดเจ็บ​บน​ร่างกาย​ของ​เขา​ได้​ชัด​

“แต่ทว่า​อาการ​บาดเจ็บสาหัส​ที่สุด​มิได้​มาจาก​กระดูก​หัก​ แต่​มาจาก​ข้างหลัง​หัวใจ​ของ​เขา​ ใคร​บางคน​จู่โจมเขา​จาก​ข้างหลัง​อย่าง​ไม่ทัน​ให้​ตั้งตัว​ และ​สร้าง​บาดแผล​สาหัส​ให้​แก่​เขา​”

ฉิน​มู่เดิน​อ้อม​ไป​ช้าๆ และ​ภาพ​ก็​ค่อยๆ​ ก่อ​เป็น​รูปร่าง​ใน​ความคิด​ของ​เขา​ คน​ผู้​นั้น​จู่โจมจาก​ข้างหลัง​โดยฉับพลัน​ และ​เพราะว่า​เขา​เกรง​ว่า​จะหลงเหลือ​ร่องรอย​เอาไว้​ เขา​จึงมิได้​ใช้ทักษะ​เท​วะ​ที่​ดี​ที่สุด​ที่​เขา​มี ใน​ทาง​ตรงข้าม​ เขา​ใช้กำลัง​ดิบ​ของ​กาย​เนื้อ​

ด้วย​การ​จู่โจมครั้งแรก​ เขา​ได้​ใช้พละกำลัง​อัน​น่าสะพรึงกลัว​เพื่อ​บด​ขยี้หัวใจ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ จากนั้น​เขา​ก็​หลบ​การ​โจมตี​และ​รีบ​อ้อม​มาข้างหน้า​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้!​

ด้วย​ชุด​การ​โจมตี​ที่​ระดม​ไป​ยัง​กาย​เนื้อ​ มัน​ก็​เหมือน​ค้อน​ใหญ่​ที่​ฟาด​ทุบ​กาย​เนื้อ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ และ​บดขยี้​กระดูก​เขา​เป็น​ชิ้นๆ​!

“ร่องรอย​ทักษะ​เท​วะ​บน​กำแพง​ศาลา​วายุ​แผ่ว​เป็น​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้”​

ฉิน​มู่มอง​ไป​ที่​กำแพง​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​คงจะ​ต้อง​เชื่อใจ​คน​ผู้​นั้น​อย่าง​ถึงที่สุด​ ดังนั้น​อีก​ฝ่าย​จึงมีโอกาส​ลอบ​โจมตี​เขา​

ยิ่งไปกว่านั้น​ วร​ยุทธ​ของ​พวกเขา​ทั้งสอง​ก็​คง​ไม่แตก​ต่างกัน​มากมาย​ วร​ยุทธ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​สูงกว่า​เล็กน้อย​ แต่​กาย​เนื้อ​ของ​ฝ่ายตรงข้าม​แข็งแกร่ง​กว่า​เขา​ เขา​โจมตีกลับ​ไป​ แต่​เขา​สูญเสีย​ความได้เปรียบ​ไป​แล้ว​และ​ถูก​บด​ขยี้หัวใจ​จน​แหลกเหลว​ ยิ่งไปกว่านั้น​ฝ่ายตรงข้าม​ก็​เข้ามา​ประชิดตัว​เขา​

การ​ที่​ถูก​ยอด​ฝีมือ​สำนัก​วิชา​บู๊​เข้า​ประชิดตัว​ได้​ นั่น​จะน่าสะพรึงกลัว​สัก​เพียง​ไหน​

ตัว​ฉิน​มู่เอง​ก็​ฝึก​วิชา​บู๊​ ดังนั้น​เขา​จึงเข้าใจ​ประเด็น​นี้​อย่าง​ชัดแจ้ง​

“แต่ทว่า​สิ่งที่​คร่าชีวิต​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ไป​จริงๆ​ มิใช่อาการ​บาดเจ็บ​บน​กาย​เนื้อ​”

ฉิน​มู่สะท้าน​ใจเล็กน้อย​ เลือด​หยด​หนึ่ง​ลอย​เข้ามา​ และ​ชั้น​วงจร​พยุหะ​ก็​หมุน​วน​ใน​แก้วตา​ของ​เขา​ เขา​เปิด​เนตร​ถึงสวรรค์​ชั้น​แปด​ และ​อักษร​รู​น​ทักษะ​เท​วะ​ขนาดเล็ก​จิ๋ว​ข้างใน​เลือด​ก็​ถูก​ปัด​ออกมา​

นั่น​คือ​ร่องรอย​ที่​หลงเหลือ​จาก​ทักษะ​เท​วะ​ของ​ฝ่ายตรงข้าม​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ไม่มีร่องรอย​ของ​ทักษะ​เท​วะ​เวทมนตร์​ใน​ร่าง​เนื้อ​ของ​เขา​ แต่​มีอักษร​รู​น​ทักษะ​เท​วะ​ใน​โลหิต​ นี่​แสดงว่า​ถึงอย่างไร​ศัตรู​ก็​ใช้ทักษะ​เท​วะ​ แต่​ทักษะ​เท​วะ​นี้​มิได้​พุ่ง​เป้า​จู่โจมที่​กาย​เนื้อ​ ดังนั้น​อะไร​กันที่​ทักษะ​เท​วะ​พุ่ง​เป้า​จู่โจม

ทันใดนั้น​ภาษาใต้พิภพ​อัน​ซับซ้อน​ซ่อนเงื่อน​ก็​ดัง​ออกมา​ และ​ฉิน​มู่ก็​หัวใจ​หวั่นไหว​ เขา​มอง​ไป​ยัง​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​

ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​กำลัง​ขับเคลื่อน​ทักษะ​เท​วะ​ใต้พิภพ​ และ​ร่าย​สวด​ภาษาใต้พิภพ​โบราณ​ด้วย​พยายาม​ที่จะ​อัญเชิญ​ดวงวิญญาณ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​มา เรียก​ดวงวิญญาณ​เขา​คืน​กลับ​จาก​แดน​ใต้พิภพ​

ภาษาใต้พิภพ​ของ​เขา​ไม่แย่​ แต่​มัน​ก็​ยังคง​บกพร่อง​ไป​บ้าง​สำหรับ​หู​ของ​ฉิน​มู่ เพราะ​ถึงอย่างไร​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​ก็​ยัง​ไม่ทัน​ได้​เข้าไป​ใน​แดน​ใต้พิภพ​และ​กลายเป็น​ราชัน​ศักดิ์สิทธิ์​เมตตา​เทียม​สวรรค์​

ดวงตา​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​แดงฉาน​ดุจ​โลหิต​ และ​ภาษาใต้พิภพ​ที่​ออก​มาจาก​ปาก​ของ​เขา​ก็​ยิ่ง​สับสน​มากขึ้น​ทุกที​ แม้ว่า​สีหน้า​ของ​เขา​จะเยือกเย็น​ แต่​หัวใจ​ของ​เขา​ก็​ปั่นป่วน​ดุจ​มรสุม​

หัวใจ​ของ​เขา​ว้าวุ่น​ไป​หมด​ และ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ความสำเร็จ​เชี่ยวชาญ​ก็​ยังคง​ตื้นเขิน​ ต่อให้​หัวใจ​ของ​เขา​ไม่ปั่นป่วน​ เขา​ก็​ยัง​ไม่อาจ​อัญเชิญ​ดวงวิญญาณ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​กลับ​มาจาก​แดน​ใต้พิภพ​ได้​อยู่ดี​

“ข้า​ยังคง​ทำ​ไม่ได้​…”

วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​พลัน​กระอัก​เลือด​ออกมา​และ​คุกเข่า​ลง​ไป​กับ​พื้น​ เขา​เริ่ม​ชักกระตุก​และ​ส่งเสียง​วี้ๆ​ ออกมา​จากใน​คอ​ เขา​กัดฟัน​ข่ม​มัน​เอาไว้​

“ข้า​ยังคง​ไม่สามารถ​!”

เขา​คู้​ตัว​และ​ร่าง​ก็​สั่นเทิ้ม​ สะอื้น​ไป​ทั้ง​คอ​ “ข้า​ยัง​ทำ​ไม่ได้​ ข้า​ไม่อาจ​ช่วย​แม่ของ​ข้า​ได้​ ข้า​ไม่อาจ​ช่วย​พี่ใหญ่​ ข้า​ไม่สามารถ​ทำ​อะไร​ได้​เลย​…”

เขา​นั้น​เฉยชา​กับ​ทุกคน​ แม้แต่​กับ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ เขา​ไม่เคย​เผย​ความรู้สึก​กับ​เขา​เลย​สักนิด​ แต่กระนั้น​ก็​เป็น​วิญญูชน​อวี้​ที่​คอย​ดูแล​เขา​มาโดยตลอด​

เขา​ได้​ถือว่า​วิญญูชน​อวี้​เป็น​ครอบครัว​เพียง​คนเดียว​ที่​หลง​เหลืออยู่​ใน​โลก​ของ​เขา​มาตั้ง​นาน​แล้ว​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ เสียง​อัน​อบอุ่น​ก็​ดัง​ขึ้น​ใน​จิต​คิด​ของ​เขา​ “ข้า​จะพูด​ ให้​เจ้ากล่าว​ตาม​”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​สะดุ้ง​ และ​เขา​ก็​ได้ยิน​เสียงดัง​ใน​หัว​ของ​เขา​อีก​ นั่น​คือ​ภาษามาร​ใต้พิภพ​ที่​ทั้ง​โบราณ​และ​บริสุทธิ์​อย่าง​สุด​แสน​ มัน​ลึกล้ำ​และ​อัศจรรย์​เสีย​จน​เขา​รู้สึก​ราวกับว่า​ภูติ​บดี​ได้​จุติ​ลงมา​ด้วย​ตนเอง​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ลุกขึ้น​ยืน​อีกครั้ง​ และ​สวด​ท่อง​ไป​พร้อม​ๆ กับ​เสียง​นั้น​ ปราณ​มาร​ใต้พิภพ​ไหล​กลิ้ง​ออก​มาจาก​บริเวณ​โดยรอบ​ และ​พื้น​ของ​ศาลา​วายุ​แผ่ว​ก็​กลายเป็น​ความมืด​ เผย​ให้​เห็น​มิติ​อวกาศ​อัน​ลึกล้ำ​

นั่น​คือ​แดน​ใต้พิภพ​

เสียง​ของ​เขา​ดังก้อง​ไป​ทั่ว​ทั้ง​แดน​ใต้พิภพ​ และ​ค้นหา​ดวงวิญญาณ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​

ใน​สายตา​ของ​ทุกๆ​ คนใน​ศาลา​วายุ​แผ่ว​ วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​มิได้​ดูเหมือน​ชายหนุ่ม​อีกต่อไป​ ในทางกลับกัน​ เขา​เหมือนกับ​เทพ​เจ้าที่​ควบคุม​หลัก​กฎ​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ และ​กำลัง​เรียก​คนตาย​ให้​ย้อน​คืน​มา!

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​หัวใจ​สะท้าน​ และ​เขา​มอง​ไป​ยัง​ฉิน​มู่ที่​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ เขา​รู้สึก​ได้​ว่า​สำนึก​รู้​ของ​ฉิน​มู่กำลัง​ส่งคลื่น​กระเพื่อม​ออก​ไป​ และ​มัน​ก็​เป็นการ​เชื่อมต่อ​อัน​มหัศจรรย์​

เขา​สัมผัส​ได้​ว่า​สำนึก​รู้​ของ​ฉิน​มู่กำลัง​เชื่อมต่อ​กับ​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว!​

มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​ก่อนหน้า​นั้น​ยังคง​หยาบกร้าน​ และ​เขา​ไม่สามารถ​ติดต่อ​กับ​แดน​ใต้พิภพ​ได้​ แต่ทว่า​ใน​บัดนี้​ เขา​ถึงกับ​สามารถ​ส่งเสียง​ของ​เขา​ให้​ก้อง​สะท้อน​ไป​ทั่ว​แดน​ใต้พิภพ​ เห็นได้ชัด​ว่า​ไม่ใช่เพราะ​ตัว​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​เอง​ แต่​เป็น​ฉิน​มู่ที่​กำลัง​ถ่ายทอด​ทักษะ​เท​วะ​ใต้พิภพ​อัน​ลึกซึ้ง​ให้​แก่​เขา​อย่าง​ลับ​ๆ

เขา​ถึงกับ​รู้​ทักษะ​เท​วะ​ใต้พิภพ​ เขา​ยัง​รู้​อะไร​อีก​

ขณะที่​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​คิด​มาถึงตรงนี้​ ประตู​ก็​ค่อยๆ​ ผุด​ขึ้น​มาจาก​ความมืด​ ประตู​น้อม​สวรรค์​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ใน​เก๋ง​ศาลา​ และ​เผย​ปราณ​มาร​อัน​เยียบ​เย็น​

ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ฉิน​มู่ก็​ถอนหายใจ​ และ​ตัด​การ​เชื่อมต่อ​กับ​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​

ดวงวิญญาณ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​มิได้​อยู่​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ดวงวิญญาณ​ของ​เขา​…แตกสลาย​ไป​แล้ว​ ตอนนี้​ข้า​รู้​แล้ว​ว่า​ทักษะ​เท​วะ​จาก​บุคคล​ที่​สังหาร​เขา​มีไว้​ทำ​อะไร​

หัวใจ​เขา​มืด​หม่น​ เพื่อ​ทำลาย​ดวงวิญญาณ​ของ​เขา​

วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​พลัน​ร้อง​ออกมา​เหมือน​สัตว์ป่า​ที่​คลุ้มคลั่ง​ เขา​สะกด​ข่ม​เสียง​ของ​ตนเอง​เอาไว้​ และ​ชักกระตุก​อยู่​กับ​พื้น​ด้วย​ฟอง​ที่​ฟอด​ออกมา​จากปาก​

ฉิน​มู่ก้าว​ออก​ไป​ และ​นิ้ว​ของ​เขา​ก็​จี้ลง​ตาม​จุด​ต่างๆ​ อย่าง​รวดเร็ว​เพื่อ​รักษา​ดวงจิต​เขา​ให้​มั่นคง​ เขา​พยุง​อีก​ฝ่าย​ลุกขึ้น​มาและ​ให้​นั่ง​พิง​ประตู​เอาไว้​

“ขอบคุณ​…” วิญญูชน​สวรรค์​โย​วก​ล่า​วอ​ย่าง​แผ่วเบา​ขณะที่​กุมมือ​ของ​ฉิน​มู่เอาไว้​ และ​มอง​ไป​ยัง​ทะเลสาบ​นอก​ประตู​

ฉิน​มู่ตะลึง​ไป​

วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​เงย​ศีรษะ​ขึ้น​และ​จ้องมอง​ใบหน้า​เขา​ด้วย​สายตา​ว่างเปล่า​ “ขอบคุณ​”

ใน​ศาลา​วายุ​แผ่ว​ เสียง​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ดัง​มา “ตอนนี้​เมื่อ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ตาย​ไป​แล้ว​ ชุมนุม​สระ​หยก​จะทำ​อย่างไร​ต่อ​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มาที่​ข้างหลัง​ฉิน​มู่และ​กระซิบ​ “ใครก็ตาม​ที่​ถ่ายทอด​วิธีการ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​ใน​งาน​ชุมนุม​ นั่น​คือ​ฆาตกร​”

ฉิน​มู่ค่อยๆ​ ยืด​หลัง​ตรง​ และ​เสียง​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ก็​ดัง​มา “เมื่อ​หลาย​วันก่อน​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ได้​ถ่ายทอด​วิธีการ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​ให้​แก่​ข้า​ แม้ว่า​เขา​จะพบ​กับ​ชะตากรรม​อัน​เคราะห์ร้าย​ แต่​มรดก​ของ​เขา​ก็​จะถูก​สืบทอด​ต่อไป​ และ​พัฒนา​ไป​สู่จุด​สูงส่ง!”

หาง​ตา​ของ​ฉิน​มู่กระตุก​แล้ว​กระตุก​อีก​ เขา​หัน​ศีรษะ​กลับ​ไป​ด้วย​ความยากลำบาก​

มือ​ใหญ่​กด​ลงมา​ที่​บ่า​ของ​เขา​ มัน​ทั้ง​มั่นคง​และ​แข็งแกร่ง​

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ข่ม​เสียง​ของ​เขา​เอาไว้​และ​กล่าว​ “นี่​ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​พวกเรา​!”

“ใน​โลก​นี้​ไม่มีความ​เที่ยงธรรม​อีกต่อไป​แล้ว​หรือ​” ฉิน​มู่เผย​ยิ้ม​อัน​ดู​ไม่เหมือน​ยิ้ม​ สีหน้า​ร่ำไห้​ที่​ดู​ไม่เหมือน​ร่ำไห้​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด