ตำนานเทพกู้จักรวาล 709 เจ้าสาวในโลงน้ำแข็ง

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 709 เจ้าสาวในโลงน้ำแข็ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพภัยพิบัติร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวซ้ำๆ กันหลายครั้ง ขณะที่เขาพยายามสลัดฉินมู่ให้หลุด แต่ทว่าฉินมู่เกาะหนึบที่หลังเขาเหมือนกับปลิงและยังคงแทะทึ้งไปที่หัวของเขา

เปรี๊ยะ!

หม้อห้าอัสนีลอยเข้ามา และห้ามหาเมฆอสุนีบาตก็เข้ามาห้อมล้อมฉินมู่และฟาดใส่เขาอย่างสะเปะสะปะ เทพศาสตราระฆังไฟในเมฆสายฟ้าพวยพุ่งออกมา และเสียงฟ้าคำรามก็ฟาดถล่มใส่ฉินมู่ด้วยเช่นกัน ตอนนั้นฉินมู่ถึงถูกซัดกระเด็นออกไป

เทพภัยพิบัติตั้งท่าใหม่และโจมตีฉินมู่อีกครั้ง ทันใดนั้น อักษรรูนเคลื่อนย้ายระยะไกลก็ปรากฏล้อมรอบฉินมู่และพาเขาหายวับ เขาปรากฏใหม่ที่หลังของเทพภัยพิบัติ และแทะทึ้งศีรษะของอีกฝ่ายต่อ

เทพสรรพชีวิตและจักรพรรดิแดงฉานหันมามองกันและกันด้วยความหนักอึ้ง พวกเขาต่างก็สิ้นความคิดจนปัญญา

ในแดนบาดาล ประตูสวรรค์แดนบาดาลตรึงสะกดมหาสมุทร ขณะที่โอรสหยินสวรรค์ทั้งสองกำลังต้านทานการโจมตีจากเถียนฉู่ ท้าวยมราช และเทพีหยินสวรรค์ในเวลาเดียวกัน

เมื่อประตูสวรรค์แดนบาดาลโผล่ออกมา ตราบเท่าที่เขายืนอยู่ใต้ประตูนั้น ร่างกายของเขาก็จะเป็นอมตะไม่มีวันตาย ไม่ว่าการบาดเจ็บใดที่เถียนฉู่ ท้าวยมราช และเทพีหยินสวรรค์ก่อแก่เขา ก็จะเยียวยากลับมาดีดังเดิมด้วยพลังอำนาจการกลับชาติมาเกิดเพียงเล็กน้อย ทำให้เขาอยู่ในสภาวะพละกำลังเต็มเปี่ยมตลอดเวลา!

ท้าวยมราช เถียนฉู่ และเทพีหยินสวรรค์ ยิ่งต่อสู้ไปก็ยิ่งตื่นตระหนก ในสภาวะเช่นนี้โอรสหยินสวรรค์ไม่มีทางถูกโค่นล้มไปได้อย่างแน่นอน และหากว่าพวกเขาไม่สามารถสังหารเขาไปได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้

ประตูสวรรค์แดนบาดาลเป็นสมบัติวิเศษที่โอรสหยินสวรรค์สร้างขึ้นมา ทักษะเทวะและวิธีการเช่นนี้สมแล้วกับที่เป็นยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิ เขานั้นสมกับฉายาจักรพรรดิดำแดนบาดาลอย่างไม่ต้องสงสัย

และในตอนนั้นเอง ในอาณาเขตแดนบาดาล ในคุกบาดาล จิตวิญญาณดั้งเดิมนับไม่ถ้วนที่ถูกตรึงสะกดที่นั่นก็รู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนและคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวด้วยเช่นกัน ผู้ต้องขังทั้งหลายตื่นขึ้นมา และฉงนฉงาย

“วิธีที่ดีที่สุดในการแทรกซึมเข้าฐานที่มั่นศัตรู ก็คือให้ศัตรูเชิญเจ้าเข้ามา” จิตวิญญาณดั้งเดิมของนักบุญคนตัดไม้กล่าวขณะที่ลืมตาขึ้น

บันทึกเป็นตายเพรียกขานดวงวิญญาณของเขามา และก็ถูกส่งเข้าไปในใต้บาดาลเพื่อตรึงสะกดเอาไว้ ผนังทั้งสี่ด้านของกรงขังถูกออกแบบเพื่อมุ่งโจมตีจิตวิญญาณดั้งเดิม และอักษรรูนลั่นดาลจิตวิญญาณดั้งเดิมก็จารึกอยู่ทั่วบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้น มีโซ่หลายเส้นร้อยผ่านร่างของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาใช้ทักษะเทวะ

นักบุญคนตัดไม้ศึกษาตรวจตราอักษรรูน และผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาก็ตกลงไปยังโซ่อันพันธนาการเขาเอาไว้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เขาก็สามารถตรึกตรองเข้าใจหลักเหตุผลทั้งหมดในเวทปิดผนึก

ฟู่

โซ่เคลื่อนที่ไปราวกับงูใหญ่เพื่อดึงพวกมันออกจากร่างเขาทีละเส้นๆ คนตัดไม้ลอยไปยังพื้นและเดินตรงไปยังประตูกรงขัง

ประตูส่งเสียงเอี๊ยดและเปิดอ้า

เขาได้ไขวิธีการทลายฝ่าคุกใต้บาดาลภายในพริบตา เขาสามารถเข้าและออกสถานที่แห่งนี้ได้ตามใจ

นักบุญคนตัดไม้ออกจากกรงและเดินไปยังกรงอื่น ขณะที่เดินไปต่อหน้าต่อตาผู้คุมนั้น เขาก็สะบัดมือหนึ่งครา กรงนั้นก็เปิดออก และโซ่อันร้อยพันกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกก็ร่วงลงกับพื้น

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกระโดดออกจากคุก และกระโจนขย้ำเข้าใส่ผู้คุม เขาทำลายกรงอื่นๆ เพื่อปล่อยฟู่ยื่อลัว ผู้เฒ่าตกปลา ชื่อซี และคณะ

“ท่านทั้งหลาย พวกเรามาแหกคุกนี้ให้เปิดเปิง และปล่อยคนคุกทั้งหมดออกมากันเถอะ ยิ่งพวกเราสร้างความโกลาหลได้มากเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น!”

นักบุญคนตัดไม้กล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ยิ่งแดนบาดาลปั่นป่วนมากเท่าไร สันตินิรันดร์ก็จะยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น หากว่าจะโกลาหลกันไปสักหลายสิบปีหลายร้อยปีก็จะยิ่งดีที่สุด แบบนั้นแล้ว สันตินิรันดร์จะปลอดภัยไปหลายสิบปีหลายร้อยปี!”

ทุกคนผงกศีรษะและทลายฝ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง พวกเขาสังหารผู้คนที่วิ่งกรูกันเข้ามา และปลดปล่อยคนคุกทั้งหมด

คุกใต้บาดาลนั้นเป็นคุกที่มีการระวังป้องกันอย่างเข้มงวดที่สุดในแดนบาดาล และเทพเจ้าที่ไม่เคารพนบนอบต่อสภาสวรรค์ก็ล้วนแต่ถูกกักขังเอาไว้ที่นี่ เทพเจ้าเหล่านี้ถูกกระชากกายเนื้อออกไป และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็ถูกนำมากักขังทรมานที่นี่

ในคุกใต้บาดาลมีผู้คุมมากมาย ก็เพราะว่าที่นี่รวมผู้คนอันตรายไว้มากที่สุด แต่ทว่า เมื่อผู้คนเหล่านั้นต้องเผชิญกับตัวตนอันดุร้ายยิ่งกว่า อย่างผู้เฒ่าตกปลา ชื่อซี และฟู่ยื่อลัว พวกเขาก็ถูกโจมตีด้วยวิชาสังหารโดยไม่พูดจา

ผู้เฒ่าตกปลาสะบัดตะขอเบ็ดออกไปและเกี่ยวดวงวิญญาณออกมา แต่ละตะขอล้วนแม่นยำ ชื่อซีมีสามเศียรหกกร ขณะที่วิชาฝึกปรือของฟู่ยื่อลัวยิ่งน่าแตกตื่นกว่า ทั้งสามคนพลิกคุกใต้บาดาลจนระเบิดเปิดเปิง และหากว่ามีตัวตนที่คนทั้งสามนี้รับมือไม่ได้ ก็ยังคงมีกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกมาเป็นกองหนุน

ตั้งแต่เมื่อกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกได้เดินออกมาจากคุกในกรอบคิดจิตใจของเขา วรยุทธของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น เขามีแนวโน้มที่จะทลายฝ่าจากขั้นแท่นประหารเทพไปยังอัครนครหยก

ทุกคนบุกตะลุยไปในคุกใต้บาดาลที่มีหลายชั้นหลายขุมลึกลงไปใต้ดินของแดนบาดาล ยิ่งพวกเขาลงไปลึกเท่าไร ก็ยิ่งเผชิญกับผู้คุมที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อพวกเขามาถึงชั้นลึกที่สุด ทุกคนก็เหน็ดเหนื่อย โชคดีว่า พวกเขาได้ปล่อยนักโทษออกมาอย่างมากมาย อันดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้คุม และลดแรงกดดันของพวกเขา

“มันอยู่ที่นี่!”

นักบุญคนตัดไม้มองไปรอบๆ สถานที่อันมืดสลัวและดูเย็นเยียบชั่วร้าย สัตว์ประหลาดมากมายอันเหมือนกับกิ้งก่าไต่ปีนไปทั่วผนัง พวกมันทั้งว่องไวและมหึมา

“คนผู้นั้นน่าจะถูกตรึงสะกดเอาไว้ที่นี่”

ทุกคนมองไปรอบๆ มีห้องขังอยู่มากมายที่นั่น แต่ทุกห้องขังมีประตูอันหลอมสร้างขึ้นมาจากโลหะเทวะ ตราประทับโองการจักรพรรดิทุกชนิดเกลื่อนไปทั่วประตู เวทปิดผนึกในประทับโองการเหล่านั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ประทับเอาไว้

ฟู่ยื่อลัวถามด้วยเสียงต่ำ “พวกเรามาช่วยเหลือใครกัน พี่ทางเต๋าสามารถบอกพวกเราได้แล้ว ใช่ไหม”

นักบุญคนตัดไม้ก้าวออกไปข้างหน้าและตรวจตราดูรอยประทับโองการจักรพรรดิบนห้องขัง เขาแยกแยะเวทปิดผนึกชนิดต่างๆ และหมายที่จะใช้มันเพื่อวิเคราะห์อนุมานว่าที่ขังอยู่ในแต่ละห้องนั้นเป็นใครบ้าง เขากล่าวอย่างเยือกเย็น “คนผู้นี้คือราชาสวรรค์คนแรกแห่งยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง ในปราสาทสวรรค์แห่งยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งมีทั้งหมดสามสิบหกวังสวรรค์ ราชาสวรรค์ทั้งสี่ควบคุมสี่มหาวังสวรรค์อันทรงเกียรติที่สุด ในบรรดาสี่ราชาสวรรค์ ราชันย์เขียวครามแห่งทิศตะวันออกนั้นอายุมากที่สุด ท้าวสักกะแห่งทิศตะวันตกนั้นหนุ่มแน่นที่สุด ราชาสวรรค์แดนบาดาลแห่งทิศเหนือนั้นกล้าหาญที่สุดหลังจากดื่มสุรา และที่แข็งแกร่งที่สุดคือราชาสวรรค์แห่งทิศใต้”

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกหัวใจเต้นโครมคราม และเขากล่าวด้วยเสียงอันหนักอึ้ง “ท้าวสักกะคือนามของพุทธเจ้า และเดิมทีเขาเป็นเทพเจ้าที่เชี่ยวชาญงานวิศวกรรม ราชาสวรรค์แห่งทิศใต้นี้มีคำว่าตี้อยู่ในนาม แต่นี่ไม่ใช่นามของพุทธเจ้าและไม่ใช่แซ่ตระกูล ”

นักบุญคนตัดไม้แยกแยะโองการจักรพรรดิอย่างระมัดระวัง และกล่าว “องค์ชายกล่าวถูกแล้ว คำว่า ตี้ ในนามของราชาสวรรค์แห่งทิศใต้เป็นศักดิ์ฐานะ กำลังฝีมือของนางเหนือล้ำกว่าราชันย์เขียวครามเสียอีก นางมีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิกับจักรพรรดิก่อตั้ง แม้ว่านางจะพ่ายแพ้ให้แก่จักรพรรดิก่อตั้งแต่ทุกคนก็ยกย่องนางด้วยคำว่าตี้”

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกเงียบไปครู่หนึ่ง “ตี้อี้เยว่แห่งสี่มหาราชาสวรรค์ ร่ำลือกันว่านางเสียชีวิตไปตั้งแต่ก่อนการปะทุขึ้นมาของภัยพิบัติ”

“เดิมทีข้าก็คิดว่านางตกตายไปในการศึกเช่นกัน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่”

นักบุญคนตัดไม้ยืนอยู่ตรงหน้าห้องขังหนึ่งและสำรวจตรวจตราโองการจักรพรรดิ “ครั้งหนึ่งศิษย์คนโตของข้าได้ส่งแผนที่ภูมิประเทศผ่านศิษย์คนรองของข้า และหนึ่งในนั้นคือแผนที่ของคุกใต้บาดาล ระบุเป้าหมายเอาไว้ที่ส่วนลึกที่สุดของคุกใต้บาดาล”

สีหน้าเขาหมองลง เพื่อแสวงหามรรคาแห่งนักบุญ บรรพจารย์ก่อตั้งแห่งลัทธินักบุญสวรรค์ได้ทำเรื่องต่างๆ มากมาย อันแม้แต่นักบุญคนตัดไม้ก็ไม่กล้าคิดกล้ากระทำ

กระนั้นศิษย์คนโตของเขาก็หายสาบสูญไปโดยไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

“เขาจะต้องเคยมายังแดนบาดาลมาก่อน ดังนั้นเขาจึงต้องการส่งข่าวสารมาให้ข้า บนแผนที่ภูมิประเทศที่ฉินมู่ทำเครื่องหมายเอาไว้ มันมีอักษรรูนเล็กๆ ที่ศิษย์คนโตของข้าทิ้งเอาไว้ อักษรรูนนี้เป็นรอยประทับทักษะเทวะที่ตี้อี้เยว่มักจะใช้อยู่บ่อยๆ”

เมื่อเขากล่าวถึงตรงนี้ เขาก็กลายเป็นเงียบงัน เขานั้นกังวลกับสถานการณ์ของบรรพจารย์ก่อตั้งเป็นอย่างยิ่ง

ผู้เฒ่าตกปลาเอ่ยชม “ศิษย์คนโตของเจ้านี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ถึงกับบุกเข้ามาในสถานที่แบบนี้ได้โดยไม่มีใครรู้เห็น และสามารถหาตำแหน่งที่ขังของตี้อี้เยว่ได้ ศิษย์อีกสองคนของเจ้าก็เหนือธรรมดาเช่นกัน ข้าเคยพบกับราชครูสันตินิรันดร์มาก่อน พรสวรรค์ของเขาไร้ผู้ต่อต้าน และถึงกับเหนือล้ำกว่าเจ้าเมื่อในอดีต เพียงแต่ว่าศิษย์คนรองของเจ้านั้นดูจะซุกซนไปหน่อย แต่จะว่าไปแล้ว เจ้าปิดบังศิษย์คนรองของเจ้าและใช้เขาเป็นเหยื่อล่อแบบนี้จะดีหรือ”

หางตาของนักบุญคนตัดไม้กระตุก และเขาสำรวจโองการจักรพรรดิบนประตูคุกอย่างถี่ถ้วน “เขามีสัตว์ประหลาดมหึมาในหว่างคิ้ว ดังนั้นเขาไม่ตายหรอก ให้เขาเผชิญเคราะห์กรรมบ้างสักหน่อยก็เป็นเรื่องดี เขายังอ่อนหัดและเชื่อคนง่ายจนเกินไป”

“อ่อนหัดและเชื่อคนง่าย?” ฟู่ยื่อลัวและชื่อซีแค่นเสียง ทั้งสองคนต่างก็เพลี่ยงพล้ำอย่างใหญ่หลวงในน้ำมือของฉินมู่

บรรพชนแรกลองคิดจิตนาการฉินมู่ที่อ่อนหัดและเชื่อคนง่าย และสีหน้าของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

นักบุญคนตัดไม้มองไปยังโองการจักรพรรดิบนประตูและปราณชีวิตของเขาก็ไหลออกมาแปรเปลี่ยนเป็นอักษรรูน อักษรูนเหล่านี้จุดแสงวาบและฉายส่องลงไปยังโองการจักรพรรดิทีละอันๆ

ทุกครั้งที่มันฉายส่องลงไป เวทปิดผนึกในโองการจักรพรรดิก็จะเปิดออก ความเร็วของเขาเร็วขึ้นอย่างสุดขีดขั้ว และแปรเปลี่ยนเป็นอักษรรูนปราณชีวิตมากมายนับไม่ถ้วน ชั้นของเวทปิดผนึกแต่ละชั้นในโองการจักรพรรดิก็เปิดไปทีละเปลาะ

หลังจากผ่านไปนาน นักบุญคนตัดไม้ก็ยกฝ่ามือขึ้น และแกะลอกโองการจักรพรรดิที่แปะเอาไว้อย่างแผ่วเบา

ทุกคนยกย่องเลื่อมใสวิธีการของเขา แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เพราะในเมื่อนักบุญคนตัดไม้เป็นผู้นำของสี่มหาครูบาสวรรค์ คนตัดไม้อันเลื่องชื่อด้านความรอบรู้ แทบจะไม่มีเวทปิดผนึกใดในโลกหล้าที่เขาเปิดไม่ได้!

ประตูคุกแง้มเปิดออก และเสียงของมันก็ดังเสียดแก้วหู ลมเย็นเยือกเป่าเข้ามาใส่ใบหน้าเขา และทำให้เสื้อผ้าของทุกคนสะบัดไหว เส้นผมและคิ้วของพวกเขาก็เกาะไปด้วยน้ำแข็ง

“ความรักใคร่เสน่หาล้วนแต่ทิ้งความโศกศัลย์อันเปล่ากลวงไว้แต่โบราณ ความเคียดแค้นยาวนานไม่มีสิ้นสุด ใครเล่าจะสลัดตนเองหลุดไปด้วยยิ้มหนึ่ง ราวกับต้นหลิวน่าเวทนาที่ลอยล่องไปทั่วไร้ถิ่นพำนัก”

เสียงถอนหายใจด้วยความโศกาอาดูรดังมาจากในคุกและทำให้หัวใจพวกเขาเย็นยะเยือก ฟู่ยื่อลัวกล่าวด้วยความตกตะลึง “ราชาสวรรค์ตี้อี้เยว่ผู้โด่งดัง ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงหรอกหรือ”

นักบุญคนตัดไม้ผงกศีรษะและก้าวเท้าเข้าไป

มันเป็นห้องน้ำแข็งที่เย็นเยือกจนน่าสะพรึงกลัว มังกรน้ำแข็งเก้าตัวห้อมล้อมห้องน้ำแข็งเอาไว้ด้วยการห้อยศีรษะลงมาจากข้างบน และนาบหัวของพวกมันเข้าไปห้อมล้อมโลงน้ำแข็งโลงหนึ่ง และในโลงนั้นก็มีสตรีงามล้ำเลิศไร้ผู้ทัดเทียมนอนอยู่ นางสวมใส่ชุดดำ แต่กระนั้นก็มีมงกุฎหงส์และผ้าคลุมเจ้าสาว นางนอนอยู่ในโลงน้ำแข็งอย่างเงียบเชียบ

ผิวของนางขาวสล้างยิ่งกว่าหิมะ และยิ่งดูขาวผุดผาดเข้าไปใหญ่ตัดกับอาภรณ์สีดำที่สวมใส่

นางนอนอยู่ในโลงน้ำแข็งราวกับลอยละล่องอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ดูเงียบงันและชวนพิศวง

มังกรน้ำแข็งเก้าตัวนั้นพ่นลมหายใจเยือกแข็งออกไป และดูเหมือนว่ากำลังพยายามแช่แข็งศพของสตรีในโลงนั้น

กระนั้นเจ้าสาวศพสวยในน้ำแข็งก็ตื่นขึ้นมาแล้ว นางลืมตาขึ้นมาและยกฝ่ามือขึ้นเบาๆ นิ้วประดุจหยกของนางงอขึ้นไป และบนนิ้วของนางมีแหวนอันวิลิศมาหราที่มีหนามแหลมสวมใส่อยู่

แกรก แกรก แกรก

มังกรน้ำแข็งพลันแตกสลาย และเหลือมังกรน้ำแข็งเพียงตัวเดียวเท่านั้น มันเผยสีหน้าสะพรึงกลัวและรีบหดตัวขึ้นไปขดหนี

นักบุญคนตัดไม้ก้าวไปข้างหน้า และคว้าจับมือของศพสาวนั้น เจ้าสาวศพลอยขึ้นมาอย่างแช่มช้าและลงเหยียบกับพื้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนล้า

“เชิญราชาสวรรค์แห่งทิศใต้กลับเข้าประจำการ!” นักบุญคนตัดไม้กล่าวอย่างเคร่งขรึม

ตี้อี้เยว่กล่าวอย่างเศร้าโศก “ข้ากลับเข้าประจำการแล้วจะอย่างไรล่ะ ข้าตายไปแล้ว”

มีก็แต่ตอนนี้ที่ทุกๆ คนสังเกตเห็นรูอันมีขนาดเท่านิ้วมือบนหน้าผากของนาง พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรสร้างบาดแผลนี้ให้กับนาง แต่พวกเขาสามารถมองทะลุไปเห็นผนังข้างหลังนางได้ผ่านรูนี้

แม้ว่านางจะสวมใส่ชุดดำ แต่เสื้อผ้ามีรูปทรงและการออกแบบอย่างชุดแต่งงาน นางยังมีมงกุฎหงส์และผ้าคลุมเจ้าสาวอยู่อีกด้วย บนมงกุฎนั้นเป็นผ้าม่านสีแดงจัดจ้าบางๆ ที่ถูกเปิดแง้มไว้เผยเครื่องหน้าอันสะคราญ

นางนั้นจะต้องนั่งอยู่อย่างเงียบๆ บนเตียงในค่ำคืนวิวาห์ รู้สึกทั้งกระสับกระส่ายและสุขใจเมื่อผ้าม่านนั้นถูกแง้มเปิด และก็เป็นตอนที่ใครบางคนประทุษร้ายนางจนถึงแก่ชีวิต

คนผู้เดียวที่สามารถเข้าใกล้กับราชาสวรรค์อันดับหนึ่งได้ ก็มีแต่รักแท้เพียงหนึ่งเดียวของนางเท่านั้น–เจ้าบ่าว

ก็คือเจ้าบ่าวที่แทงศีรษะนางจนตายขณะที่เปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก

“เมื่อครั้งกระโน้น จักรพรรดิก่อตั้งวางแผนที่จะเชื้อเชิญราชาสวรรค์กลับไปต่อสู้ภัยพิบัติ เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าจะได้ข่าวการเสียชีวิตของท่านหลังจากที่ได้แต่งงานไป ภัยพิบัติประทุขึ้น และชีวิตนับไม่ถ้วนก็สูญเสีย”

นักบุญคนตัดไม้กล่าว “เมื่อครั้งกระโน้น ราชาสวรรค์ได้เสาะหาความรู้จากทุกหนแห่ง และท่านก็ได้ติดตามจักรพรรดิทั้งสี่ทิศเพื่อไปฝึกฝนเพื่อจะได้จัดการรับมือกับภัยพิบัติ บัดนี้ภัยพิบัติครั้งใหม่กำลังมาเยือนแล้ว และท่านไม่อาจพลาดมันได้อีกเป็นหนที่สอง ส่วนความตายของท่านนั้น ศิษย์น้อยของข้าได้จัดการสะสางแล้ว และท่านก็สามารถฟื้นคืนชีพมาได้”

ตี้อี้เยว่พึมพำ “ข้าสามารถฟื้นคืนชีพ?”

นางหันศีรษะไปมองยังมังกรน้ำแข็งที่ตัวสั่นงันงกอยู่ในมุมหนึ่ง

มังกรน้ำแข็งนั้นสั่นกึกๆ และวิงวอนด้วยเสียงอันสั่นเทิ้ม “ฮองเฮา ยกโทษให้ข้าด้วย! พวกเราเพียงแต่ทำตามคำสั่ง พวกเราไม่มีทางเลือกอื่น นอกเสียจากจะแช่แข็งร่างกายและจิตวิญญาณดั้งเดิมของฮองเฮาเอาไว้…”

“ฮองเฮา?”

สีหน้าของตี้อี้เยว่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้าเรียกข้าว่าฮองเฮา? เมื่อใดกันที่ข้า ตี้อี้เยว่ จะต้องพึ่งพิงศักดิ์ฐานะจากบุรุษเพศ แม้แต่ครูบาสวรรค์ก็ไม่กล้าเรียกข้าว่าฮองเฮาและเรียกข้าว่าราชาสวรรค์แทน เจ้ากล้าเรียกข้าว่าฮองเฮา? จงเรียกข้าว่าตี้อี้เยว่!”

มังกรน้ำแข็งลังเลและกล่าวอย่างระมัดระวัง “ตี้อี้เยว่…”

แกรก!

เขาระเบิดออกเปลี่ยนเป็นสะเก็ดน้ำแข็ง แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ป่นละเอียดไม่มีชิ้นดี

“กล้าดีอย่างไรมาเรียกข้าด้วยชื่อ เจ้าสมควรตายแล้วที่มาบังอาจต่อข้า!”

ตี้อี้เยว่หันกลับไปและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราไปกันเถอะ พวกเราไปพบกับเจ้าบ่าวของข้ากัน ข้าไม่ได้พบกับมุสิกไร้ใจผู้นี้มาสองหมื่นปีแล้ว เขาไม่เคยมาเยี่ยมเยียนข้าสักครั้งหลังจากที่ข้าไปตาย ตอนนี้ข้าอยากจะเจาะหัวเขาให้มีรูเหมือนกับของข้าเสียจริง…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด