ตำนานเทพกู้จักรวาล 537 ปากอีกาอันดับหนึ่งแห่งสวรรค์ไท่หวง

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 537 ปากอีกาอันดับหนึ่งแห่งสวรรค์ไท่หวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมฆไอน้ำเหนือศีรษะหวงเยว่เดือดเป็นควัน ภาพปรากฏการณ์นี้ก่อขึ้นมาจากการที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาสูดเอาปราณชีวิตเข้าและออก ในตอนนั้น สายตาของเขาจับจ้องลงบนบุคคลบนภูเขาและเมฆไอน้ำก็ยิ่งขยายพอง มันขยายใหญ่เป็นครึ่งไร่

ปราณชีวิตในเมฆไอน้ำควบแน่นเป็นหยาดฝนที่ร่วงลงไปสู่พื้น เมื่อพวกมันร่วงตกใส่ศีรษะของชายหนุ่ม พวกมันก็ระเหยเป็นไอและกลับไปเป็นเมฆไอน้ำอีกครั้ง วัฏจักรนี้โคจรซ้ำไปมารอบแล้วรอบเล่า

ภูเขาถูกยกขึ้นมาด้วยอักษรรูนปราณชีวิตของนักบุญคนตัดไม้กับฟู่ยื่อลัว และมิได้สร้างขึ้นมาด้วยการเสกสรรอันเที่ยงแท้ ดังนั้นมันจึงไม่สูงมาก หวงเยว่ปีนเขาขึ้นไป มาถึงยอดเขาภายในไม่กี่ก้าว ก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงจุดที่เขาห่างจากเจ๋อหัวหลีไปร้อยห้าสิบวา

“เมื่อข้าพบเจ้าในสนามรบ ข้าเกือบตกตายในน้ำมือของเจ้า”

รัศมีของหวงเยว่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างดุเดือด และจิตหาญสู้ของเขาก็พลุ่งพล่าน ต่อให้เขาเคยพ่ายแพ้มาก่อน เขาก็ไม่กริ่งเกรงเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน จิตหาญสู้อันไร้ขอบเขตของเขาถูกจุดสันดาป!

เขาคือคนคลั่งยุทธที่ไร้ความกลัว!

“ข้าได้ตามหาเจ้ามานานเพื่อล้างแค้นสำหรับความพ่ายแพ้ในหนก่อน” หวงเยว่ฮึกเหิมจนเนื้อเต้น “ศิษย์พี่จะให้โอกาสนี้แก่ข้าได้หรือไม่”

เจ๋อหัวหลีหันกลับมา และสายตาก็ตกลงมาที่เขา แต่กระนั้น ดวงตามารบนด้ามดาบมารข้างหลังเขาก็ไม่เปิดออก

เท้าซ้ายของเขาพลันเปลี่ยน และปลายเท้าของเขาก็ชี้ไปทางขวาง เท้าของเขามิได้เรียงต่อกัน ในเมื่อเขาชี้ปลายเท้าซ้ายไปยังหวงเยว่ และปลายเท้าขวาไปยังสตรีอีกคนที่กำลังไต่ปีนขึ้นมาบนภูเขา นางปรากฏตรงหน้าพวกเขาในชั่วขณะถัดมา

หวงเยว่สีหน้าตกวูบ และเขากล่าวอย่างเย็นชา “ฉานเยี่ยน อย่ามาขัดจังหวะธุระของข้า มิเช่นนั้น ข้าจะสังหารเจ้าด้วยเช่นกัน!”

ฉานเยี่ยนก็เป็นผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวง หวงเยว่และคนอื่นๆ เดิมทีได้รีบรุดไปยังจุดที่ขวานกับทวนไขว้กันในตอนที่พวกเขาเข้ามาในโลกจำลองศึกทราย แต่ทว่าเมื่อทุกคนมุ่งหน้าไปตรงนั้น สถานที่ดังกล่าวก็สูญเสียความหมายของมันไป ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนไปซ่อนตัวแทน

เพียงผู้เดียวที่ไม่ซ่อนตัวก็คือฉินมู่

เขาได้วิ่งตะบึงไปอย่างบ้าคลั่งกลางอากาศ และด้วยความเร็วสูงของเขา เขาก็ได้ทิ้งร่องรอยของเมฆขาวเอาไว้ตลอดเส้นทางจนถึงขอบของโลกจำลองศึกทราย นำทางผู้อื่นไปหาเขา

ถัดไปนั้น ฉินมู่ก็ยังไม่สนใจจะซ่อนตัวและเริ่มใช้ค้อนของเขาตีเหล็ก ล่อยอดฝีมือเผ่ามารมากมายให้เข้าไปพยายามล่าหัวเขา

ขณะที่ยอดฝีมือมารกำลังง่วนอยู่ ยอดฝีมือแห่งสวรรค์ไท่หวงก็มีโอกาสอันหายากที่จะไปล่าหัวยอดฝีมือมารอันอยู่ตามเส้นทาง

ฉานเยี่ยนตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงคอยเฝ้าดักตรงเส้นทางที่จะนำไปยังฉินมู่ นางค้นพบเจ๋อหัวหลีที่ยืนอยู่บนยอดเขา ทั้งยังเห็นหวงเยว่ด้วยความยินดี นางรีบปีนขึ้นภูเขามา หมายที่จะร่วมมือกับหวงเยว่ ยอดยุทธฝีมือแกร่งอันดับสาม เพื่อกำจัดยอดฝีมือเผ่ามารคนนี้

“ศิษย์พี่หวงเยว่ เจ้าและศิษย์พี่หญิงอวี่เหอล้วนแต่เป็นศิษย์ของเทพเที่ยงแท้ผางอวี้ ดังนั้นเจ้าพึงรู้ว่าสถานการณ์ใหญ่นั้นสำคัญกว่า”

ฉานเยี่ยนมองไปที่เจ๋อหัวหลีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นางกล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึม “การประลองนี้ไม่ได้เกี่ยวพันแค่ความแค้นส่วนตัวหรือเป็นโอกาสที่ให้เจ้าไล่ล่าสุดขีดขั้วของมรรคา วิชา และทักษะเทวะเท่านั้น มันยังเกี่ยวพันกับความเป็นเจ้าของเมืองหลีและชะตากรรมของสวรรค์ไท่หวงของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือเจ้า ก็ยากอยู่ที่จะรับมือกับคนผู้นี้ แต่หากว่าพวกเราร่วมมือกัน ก็จะสามารถล้มเขาได้!”

“ข้าไม่ร่วมมือกับเจ้า ถอยไปเสีย” หวงเยว่มีสีหน้ามั่นคงและส่ายหัว “เห็นแก่ที่พวกเราเป็นผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่เหมือนกัน ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่หากว่าเจ้าฉวยโอกาสสังหารศิษย์พี่เจ๋อหัวหลีระหว่างที่พวกเราต่อสู้กัน ก็อย่าหาว่าข้าไร้ใจ”

สายตาของเขามั่นคง และจ้องมองไปยังเจ๋อหัวหลี ความปรารถนาของเขาที่จะเสาะแสวงเต๋านั้นเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง และเขาก็หัวเราะในคอ “หากว่าข้าชนะ เขาก็จะตายในน้ำมือข้า แต่หากว่าข้าพ่ายแพ้ เขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เจ้าสามารถฉวยโอกาสลงมือได้ในตอนนั้นและไม่เป็นการล้อเล่นกับชะตาของเมืองหลี! เจ้าเพียงแค่ต้องคอยดู มิเช่นนั้น ก็อย่าโทษว่าข้าไร้ปรานี!”

ฉานเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่นางก็ถอยไปหนึ่งก้าว

หวงเยว่คลั่งขึ้นมาและรัศมีของเขาก็เข้มข้นขึ้น “เจ๋อหัวหลี โปรดชี้แนะข้า!”

“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เทพเที่ยงแท้เยาว์ที่ว่าๆ กันในสวรรค์ไท่หวงเป็นเรื่องขำขันในสายตาข้า” เจ๋อหัวหลีมีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย “พวกเจ้าไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของการเป็นเทพเที่ยงแท้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะต้องบรรลุเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอนเพียงเพราะแค่กายเนื้อบรรลุไปถึงขั้นเทพเที่ยงแท้เยาว์ เจ้าไม่รู้เลยสักนิดว่ายังคงห่างไกลนัก มีสามประการที่เป็นเงื่อนไขของเทพเที่ยงแท้เยาว์ และพวกมันคือกายเนื้อ จิตวิญญาณดั้งเดิม และมรรคาเต๋า พวกเจ้าสำเร็จเพียงแค่ประการเดียว แต่ข้าแตกต่างออกไป”

ดาบมารบนหลังเขาสั่นเทิ้มแต่เบาๆ และส่งเสียงหึ่ง เขากล่าวอย่างแช่มช้า “ก่อนที่ข้าจะลงมายังแดนต่ำใต้ ข้าได้สำเร็จสองประการแล้ว เพียงแต่มรรคาเต๋าของข้าเท่านั้นที่ยังขาดพร่อง ข้าจุติลงมาเพื่อคารวะฟู่ยื่อลัวเป็นอาจารย์ในการนำทางข้าเสาะหามรรคาเต๋าของตน หวงเยว่ เจ้ายึดติดลุ่มหลงกับมรรคา วิชา และทักษะเทวะ ดังนั้นเจ้าก็กำลังจะสำเร็จเงื่อนไขที่สอง ข้านับถือความตั้งใจมั่นนี้ของเจ้า ดังนั้นจงเข้ามาพร้อมๆ กันเถอะ อย่าได้สูญเสียชีวิตไปโดยเปล่าดาย”

“อย่าดูแคลนข้า หรือมรรคา วิชา และทักษะเทวะของข้า! ปราศจากการทำลาย ย่อมไม่มีการเสกสรรใหม่! ผู้หนึ่งย่อมแข็งแกร่งขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเขาเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น! ภูเขาทลายกองทัพ!”

หวงเยว่กู่ร้องและวิ่งตะบึงไปอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเขาทำเช่นนั้น ก็ปลดปล่อยการโจมตีออกไป และเพลงหมัดของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นทักษะเทวะ ในชั่วพริบตานั้น รูปเงาของหมัดจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏและรวบรวมเข้าด้วยกันเป็นภูเขาลูกหนึ่ง ในพริบตาถัดมา พวกมันก็เหมือนกับหมู่ดาวที่กำลังทำลายล้างกองทัพให้ราพณาสูร!

หมัดของเขาหนักหน่วงขนาดที่ว่าลมอันพุ่งออกมาจากมันสามารถบีบอัดอากาศ และส่งคลื่นการระเบิดออกไปราวกับสายฟ้ากำลังคะนอง

กระบวนท่าของหวงเยว่ได้แสดงถึงความสำเร็จอันน่าแตกตื่นในวิชาหมัดของเขา เมื่อเขาได้ต่อสู้กับเจ๋อหัวหลีในสนามรบ เขาได้ตระหนักถึงสิ่งที่เขาขาดพร่องไป และเมื่อเขาพบเจ๋อหัวหลีในบัดนี้ ภายใต้แรงกดดันของศัตรูอันแข็งแกร่ง เขาก็ถึงกับสามารถรุดหน้าไปอีกขั้นหนึ่งได้ ทักษะเทวะของเขาภูเขาทลายกองทัพนั้นกำลังจะบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ

ที่แผ่นหลังของเจ๋อหัวหลี ดาบมารพลันลืมดวงตาขึ้นมาและหมุนวน ขยายใหญ่ขึ้นและมีสีแดงฉานราวโลหิต

เจ๋อหัวหลีเอื้อมมือไปชักดาบของเขาออกมาและฟันไปยังภูเขาทลายกองทัพ พริบตานั้นแสงมีดพวยพุ่งออกไปและปะทะเข้ากับรูปเงาหมัด แสงมีดสะท้อนกระดอนไปมา และดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นแสงมีดนับหมื่นในพริบตา ก่อนขึ้นมาเป็นดาบภูเขาอันฟาดทำลายภูเขาทลายกองทัพ!

แสงมีดนับหมื่นพลันหลอมรวมกัน กลายเป็นหนึ่งมีดที่ฟันมายังศีรษะของหวงเยว่

เขาประกบสองมือรับมันเอาไว้ แต่ดาบมารก็พลันแยกเป็นสอง ทำให้สีหน้าของหวงเยว่แปรเปลี่ยน เลือดเนื้องอกเงยออกมาใต้รักแร้ของเขา และอีกสองแขนก็ยกขึ้นมาประกบต้านแสงมีดเล่มที่สอง

ไม่ทันที่เขาจะได้ระบายลมหายใจโล่งอก ดาบมารสองเล่มก็แยกตัวออกมาเป็นสี่

หวงเยว่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด และเลือดเนื้อก็กระดุบกระดิบใต้รักแร้ของเขา แขนอีกสี่ข้างงอกเงยออกมาเพื่อคว้าจับแสงมีดอันฟาดฟันเข้ามา

จากนั้น เขาก็เบิกตากว้างด้วยความสิ้นหวัง เมื่อแสงมีดทั้งสี่แยกตัวเป็นแปดฟาดฟันเขา

ฉึก ฉึก ฉึก

แสงมีดใหม่เฉือนฟันลงมา และหวงเยว่ก้มหน้าลง มองดูแสงมีดเหล่านั้นที่หายวับลงไปในพื้น บาดแผลสี่รอยทั้งยาวเหยียดและตรงแหน็วปรากฏที่ใบหน้าของเขา ขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น

เจ๋อหัวหลีสะบัดดาบมารของเขาและเสียบมันกลับเข้าฝักที่หลังของเขาแต่เบามือ ขณะที่หวงเหย่ฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ

เขาจึงมองไปจากฉานเยี่ยนผู้ซึ่งมีสีหน้ามืดครึ้มและกำลังถอยกลับอย่างเชื่องช้า

“ไปซะ ข้าไม่สังหารสตรี” เจ๋อหัวหลีกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย

ฉานเยี่ยนยังคงไม่คลายใจและยังเดินถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อนางห่างออกไปได้หนึ่งลี้นางก็หันหลังและวิ่งตะบึงไปอย่างไม่คิดชีวิต ในจังหวะนั้น กล้ามเนื้อของเจ๋อหัวลีเกร็งแน่น ด้วยเสียงระเบิดดัง เขาพุ่งไปทะลุความเร็วเสียงและชักดาบของเขาออกด้วยสองมือ ฟาดฟันไปข้างหน้า!

ดาบนั้นพลันไปถึงแผ่นหลังของฉานเยี่ยนในพริบตา นางหันกลับมาในอากาศ เหวี่ยงไจกระบี่ออกไปอันขยายตัวพองขึ้น ไม่ทันที่กระบี่บินจะยิงออกไป ดาบนั้นก็ผ่านางแยกกลางจากยอดกระหม่อม!

เจ๋อหัวหลีหยุดยั้งและรั้งมีดกลับ หันกายผละไป

“ข้าจะต้องให้ชายในภาพวาดผู้นั้นเห็นเพลงดาบของอาจารย์ ดังนั้นข้าไม่อาจได้รับบาดเจ็บ จำต้องลอบสังหารเจ้าจากข้างหลัง” ด้วยสีหน้าอันเยือกเย็น เขาเอียงหูฟังเสียงที่มาของค้อนตีเหล็ก “สตรี ในพริบตาที่เจ้าหันหลัง จุดอ่อนของเจ้าก็จะเผยออกมาใหญ่ที่สุด อย่าได้เผยแผ่นหลังให้แก่ข้าเด็ดขาด”

ข้างหลังเขา ฉานเยี่ยนร่วงลงไป

อีกฟากหนึ่ง ภูเขาพังทลายเมื่อสองเงาร่างต่อสู้กันอย่างดุเดือดท่ามกลางเทือกเขา ขุนเขาที่มีสันเขาแหลมคมประดุจดาบถูกแทงทะลุและแหลกละเอียดเป็นอักษรรูน หายวับไปในอากาศ

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว และอวี่เหอแตะรอบแผลบนใบหน้าของนาง ศัตรูของนางตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถทำให้นางบาดเจ็บได้

นางเงยศีรษะขึ้นและมองไปยังแสงมีดอันพุ่งวาบและหายวับไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว

เจ๋อหัวหลี เจ้าและช่างตีเหล็กล้วนแต่เปิดเผยอวดโอ่พอๆ กัน แต่ข้าไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยที่จะเอาชนะเจ้าได้! นางหันกายจากไป ข้าจะต้องไปตามหาศิษย์น้องหญิงและชายคนอื่นๆ ก่อนที่จะมากำจัดเจ้า!

โลกจำลองศึกทรายกว้างใหญ่ ทำให้ยากที่จะเสาะหาคนอื่นๆ

มีการต่อสู้ปะทุขึ้นมาบนภูเขาหลายลูก ผู้ฝึกวิชาเทวะได้พบประจันกับยอดฝีมือเผ่ามาร และพวกเขาย่อมทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารฝ่ายตรงกันข้าม

นั่นจึงเป็นเหตุให้ หลังจากสองคนใดก็ตามจากคนละฝักฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน การต่อสู้ก็มักจะสิ้นสุดลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกวิชาเทวะมักจะมีจุดจบที่ความตาย ไม่ก็พิการ อันทำให้สถานการณ์ค่อนข้างหดหู่

แต่ทว่า แม้เพียงการต่อสู้เพียงระยะเวลาอันสั้น แต่ก็นานพอที่พวกเขาจะสัประยุทธ์กันไปเป็นระยะทางกว่าสิบลี้ ไม่ว่าพวกเขาผ่านไปที่ใด ภูเขาก็จะถูกตัดและพังทลาย ความวินาศสันตะโรที่พวกเขาก่อนั้นน่าดูน่าชมเลยทีเดียว

และยังมีบางคนที่ใช้ทักษะเทวะมหึมาเพื่อทำลายล้างอาณาบริเวณกว้างใหญ่ถึงร้อยลี้ ซึ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดๆ

แน่ล่ะ ที่นี่คือโลกจำลองศึกทราย มิใช่โลกภายนอก แม้ว่าผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นเจ็ดดาวจะไม่อ่อนแอ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีพลังทำลายล้างสูงขนาดนี้ที่ข้างนอกนั่น

สถานที่อันขวานและหอกไขว้กัน เป็นที่หนึ่งอันเงียบสงบ

ซังฮั่วติดตั้งกับดักของนางอย่างตื่นเต้น และซุ่มรอโจมตี นางรอให้ศัตรูตกลงมาในกับดักสังหารของนางอย่างเงียบกริบ

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หลังจากสองชั่วโมง เด็กสาวคนนี้ก็โผล่หัวขึ้นมาจากที่ซ่อนของนาง ด้วยเปียยาวๆ สองเปียที่ห้อยลงมา

ผ่านไปอีกสองชั่วโมง และซังฮั่วก็ไปนั่งอยู่บนหัวขวาน นางนั่งเท้าคางและแกว่งขาไปมาด้วยความเบื่อหน่าย

ผ่านไปอีกสองชั่วโมง ซังฮั่วนอนแผ่ไปบนสันขวาน นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางฉงนฉงาย “ทุกคนอยู่ที่ไหนกัน”

นางพลันลุกขึ้น ดูบ้าคลั่งเล็กน้อย “พวกเขาหายไปไหนกันหมด ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ทุกคนจะต้องมาเพื่อสู้กันเป็นแน่หรอกหรือ ไม่ว่าจะมิตรหรือศัตรู ใครก็ได้มาที่นี่สักหน่อยเถอะ!”

ข้างนอกโลกจำลองศึกทราย เทพและมารมองไปที่การต่อสู้ข้างในทั้งด้วยความยินดีทั้งด้วยความกระวนกระวาย มันผ่านไปไม่นานเท่าไร แต่ก็เปิดศึกปะทะกันขึ้นมาหลายครั้ง

เมื่อฉินมู่ได้สังหารเผ่ามารสามคนและนอนแผ่กับพื้นแสร้งเป็นศพเพื่อล่อศัตรูคนที่สี่ออกมา มารเทวะทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวาย พวกเขาล้วนแต่ผุดเหงื่อเย็นเยียบออกมาด้วยกังวลถึงมารสาวที่ซ่อนอยู่บนยอดเขาใกล้ๆ

โชคดีที่ว่านางไม่ถูกหลอก และเพียงแค่หันกายจากไป มารเทวะเกือบทั้งหมดจึงระบายลมหายใจโล่งอก

“นายท่าน เขาเป็นผู้สืบทอดท่านจริงๆ ด้วย!” เสือเทพยดาขนดำร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

นักบุญคนตัดไม้สีหน้าไร้อารมณ์ ขณะที่ฟู่ยื่อลัวแย้มยิ้ม สายตาของพวกเขามาประสานกัน ก่อนที่จะผละออกไป

เมื่อทุกคนเห็นเจ๋อหัวหลีสังหารยอดฝีมือเยาว์สองคน หวงเยว่และฉานเยี่ยน ด้วยเพียงสองดาบ เทพเจ้าเกือบทั้งหมดแห่งสวรรค์ไท่หวงก็ผุดเหงื่อเย็นเยียบออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ พวกเขากังวลถึงผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ แห่งสวรรค์ไท่หวงอย่างแท้จริง

แต่ทว่าที่กังวลที่สุดก็ยังคงเป็นบิดาของซังฮั่ว เทพซังเย่ เขากำหมัดแน่น ฝ่ามือของเขาชื้นเหงื่อไปหมด

ลูกสาวคนดี อย่าออกมาเลยนะ นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเสงี่ยมเถอะ…

เทพซังเย่จ้องเขม็งไปยังจุดที่ขวานและทวนไขว้กันอยู่และเห็นซังฮั่วกระโดดลงมาจากขวาน สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างระงับไม่อยู่ และเขาภาวนากับตนเอง อย่าออกไป อย่าออกไปเด็ดขาด

ซังฮั่ววิ่งออกไป

อย่าพบศัตรู อย่าพบศัตรู…

มารสาวคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางนาง

เทพซังเย่แทบจะเป็นลม นางกำลังจะตาย…

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพกู้จักรวาล 537 ปากอีกาอันดับหนึ่งแห่งสวรรค์ไท่หวง

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 537 ปากอีกาอันดับหนึ่งแห่งสวรรค์ไท่หวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมฆไอน้ำเหนือศีรษะหวงเยว่เดือดเป็นควัน ภาพปรากฏการณ์นี้ก่อขึ้นมาจากการที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาสูดเอาปราณชีวิตเข้าและออก ในตอนนั้น สายตาของเขาจับจ้องลงบนบุคคลบนภูเขาและเมฆไอน้ำก็ยิ่งขยายพอง มันขยายใหญ่เป็นครึ่งไร่

ปราณชีวิตในเมฆไอน้ำควบแน่นเป็นหยาดฝนที่ร่วงลงไปสู่พื้น เมื่อพวกมันร่วงตกใส่ศีรษะของชายหนุ่ม พวกมันก็ระเหยเป็นไอและกลับไปเป็นเมฆไอน้ำอีกครั้ง วัฏจักรนี้โคจรซ้ำไปมารอบแล้วรอบเล่า

ภูเขาถูกยกขึ้นมาด้วยอักษรรูนปราณชีวิตของนักบุญคนตัดไม้กับฟู่ยื่อลัว และมิได้สร้างขึ้นมาด้วยการเสกสรรอันเที่ยงแท้ ดังนั้นมันจึงไม่สูงมาก หวงเยว่ปีนเขาขึ้นไป มาถึงยอดเขาภายในไม่กี่ก้าว ก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงจุดที่เขาห่างจากเจ๋อหัวหลีไปร้อยห้าสิบวา

“เมื่อข้าพบเจ้าในสนามรบ ข้าเกือบตกตายในน้ำมือของเจ้า”

รัศมีของหวงเยว่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างดุเดือด และจิตหาญสู้ของเขาก็พลุ่งพล่าน ต่อให้เขาเคยพ่ายแพ้มาก่อน เขาก็ไม่กริ่งเกรงเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน จิตหาญสู้อันไร้ขอบเขตของเขาถูกจุดสันดาป!

เขาคือคนคลั่งยุทธที่ไร้ความกลัว!

“ข้าได้ตามหาเจ้ามานานเพื่อล้างแค้นสำหรับความพ่ายแพ้ในหนก่อน” หวงเยว่ฮึกเหิมจนเนื้อเต้น “ศิษย์พี่จะให้โอกาสนี้แก่ข้าได้หรือไม่”

เจ๋อหัวหลีหันกลับมา และสายตาก็ตกลงมาที่เขา แต่กระนั้น ดวงตามารบนด้ามดาบมารข้างหลังเขาก็ไม่เปิดออก

เท้าซ้ายของเขาพลันเปลี่ยน และปลายเท้าของเขาก็ชี้ไปทางขวาง เท้าของเขามิได้เรียงต่อกัน ในเมื่อเขาชี้ปลายเท้าซ้ายไปยังหวงเยว่ และปลายเท้าขวาไปยังสตรีอีกคนที่กำลังไต่ปีนขึ้นมาบนภูเขา นางปรากฏตรงหน้าพวกเขาในชั่วขณะถัดมา

หวงเยว่สีหน้าตกวูบ และเขากล่าวอย่างเย็นชา “ฉานเยี่ยน อย่ามาขัดจังหวะธุระของข้า มิเช่นนั้น ข้าจะสังหารเจ้าด้วยเช่นกัน!”

ฉานเยี่ยนก็เป็นผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวง หวงเยว่และคนอื่นๆ เดิมทีได้รีบรุดไปยังจุดที่ขวานกับทวนไขว้กันในตอนที่พวกเขาเข้ามาในโลกจำลองศึกทราย แต่ทว่าเมื่อทุกคนมุ่งหน้าไปตรงนั้น สถานที่ดังกล่าวก็สูญเสียความหมายของมันไป ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนไปซ่อนตัวแทน

เพียงผู้เดียวที่ไม่ซ่อนตัวก็คือฉินมู่

เขาได้วิ่งตะบึงไปอย่างบ้าคลั่งกลางอากาศ และด้วยความเร็วสูงของเขา เขาก็ได้ทิ้งร่องรอยของเมฆขาวเอาไว้ตลอดเส้นทางจนถึงขอบของโลกจำลองศึกทราย นำทางผู้อื่นไปหาเขา

ถัดไปนั้น ฉินมู่ก็ยังไม่สนใจจะซ่อนตัวและเริ่มใช้ค้อนของเขาตีเหล็ก ล่อยอดฝีมือเผ่ามารมากมายให้เข้าไปพยายามล่าหัวเขา

ขณะที่ยอดฝีมือมารกำลังง่วนอยู่ ยอดฝีมือแห่งสวรรค์ไท่หวงก็มีโอกาสอันหายากที่จะไปล่าหัวยอดฝีมือมารอันอยู่ตามเส้นทาง

ฉานเยี่ยนตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงคอยเฝ้าดักตรงเส้นทางที่จะนำไปยังฉินมู่ นางค้นพบเจ๋อหัวหลีที่ยืนอยู่บนยอดเขา ทั้งยังเห็นหวงเยว่ด้วยความยินดี นางรีบปีนขึ้นภูเขามา หมายที่จะร่วมมือกับหวงเยว่ ยอดยุทธฝีมือแกร่งอันดับสาม เพื่อกำจัดยอดฝีมือเผ่ามารคนนี้

“ศิษย์พี่หวงเยว่ เจ้าและศิษย์พี่หญิงอวี่เหอล้วนแต่เป็นศิษย์ของเทพเที่ยงแท้ผางอวี้ ดังนั้นเจ้าพึงรู้ว่าสถานการณ์ใหญ่นั้นสำคัญกว่า”

ฉานเยี่ยนมองไปที่เจ๋อหัวหลีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นางกล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึม “การประลองนี้ไม่ได้เกี่ยวพันแค่ความแค้นส่วนตัวหรือเป็นโอกาสที่ให้เจ้าไล่ล่าสุดขีดขั้วของมรรคา วิชา และทักษะเทวะเท่านั้น มันยังเกี่ยวพันกับความเป็นเจ้าของเมืองหลีและชะตากรรมของสวรรค์ไท่หวงของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือเจ้า ก็ยากอยู่ที่จะรับมือกับคนผู้นี้ แต่หากว่าพวกเราร่วมมือกัน ก็จะสามารถล้มเขาได้!”

“ข้าไม่ร่วมมือกับเจ้า ถอยไปเสีย” หวงเยว่มีสีหน้ามั่นคงและส่ายหัว “เห็นแก่ที่พวกเราเป็นผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่เหมือนกัน ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่หากว่าเจ้าฉวยโอกาสสังหารศิษย์พี่เจ๋อหัวหลีระหว่างที่พวกเราต่อสู้กัน ก็อย่าหาว่าข้าไร้ใจ”

สายตาของเขามั่นคง และจ้องมองไปยังเจ๋อหัวหลี ความปรารถนาของเขาที่จะเสาะแสวงเต๋านั้นเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง และเขาก็หัวเราะในคอ “หากว่าข้าชนะ เขาก็จะตายในน้ำมือข้า แต่หากว่าข้าพ่ายแพ้ เขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เจ้าสามารถฉวยโอกาสลงมือได้ในตอนนั้นและไม่เป็นการล้อเล่นกับชะตาของเมืองหลี! เจ้าเพียงแค่ต้องคอยดู มิเช่นนั้น ก็อย่าโทษว่าข้าไร้ปรานี!”

ฉานเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่นางก็ถอยไปหนึ่งก้าว

หวงเยว่คลั่งขึ้นมาและรัศมีของเขาก็เข้มข้นขึ้น “เจ๋อหัวหลี โปรดชี้แนะข้า!”

“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เทพเที่ยงแท้เยาว์ที่ว่าๆ กันในสวรรค์ไท่หวงเป็นเรื่องขำขันในสายตาข้า” เจ๋อหัวหลีมีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย “พวกเจ้าไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของการเป็นเทพเที่ยงแท้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะต้องบรรลุเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอนเพียงเพราะแค่กายเนื้อบรรลุไปถึงขั้นเทพเที่ยงแท้เยาว์ เจ้าไม่รู้เลยสักนิดว่ายังคงห่างไกลนัก มีสามประการที่เป็นเงื่อนไขของเทพเที่ยงแท้เยาว์ และพวกมันคือกายเนื้อ จิตวิญญาณดั้งเดิม และมรรคาเต๋า พวกเจ้าสำเร็จเพียงแค่ประการเดียว แต่ข้าแตกต่างออกไป”

ดาบมารบนหลังเขาสั่นเทิ้มแต่เบาๆ และส่งเสียงหึ่ง เขากล่าวอย่างแช่มช้า “ก่อนที่ข้าจะลงมายังแดนต่ำใต้ ข้าได้สำเร็จสองประการแล้ว เพียงแต่มรรคาเต๋าของข้าเท่านั้นที่ยังขาดพร่อง ข้าจุติลงมาเพื่อคารวะฟู่ยื่อลัวเป็นอาจารย์ในการนำทางข้าเสาะหามรรคาเต๋าของตน หวงเยว่ เจ้ายึดติดลุ่มหลงกับมรรคา วิชา และทักษะเทวะ ดังนั้นเจ้าก็กำลังจะสำเร็จเงื่อนไขที่สอง ข้านับถือความตั้งใจมั่นนี้ของเจ้า ดังนั้นจงเข้ามาพร้อมๆ กันเถอะ อย่าได้สูญเสียชีวิตไปโดยเปล่าดาย”

“อย่าดูแคลนข้า หรือมรรคา วิชา และทักษะเทวะของข้า! ปราศจากการทำลาย ย่อมไม่มีการเสกสรรใหม่! ผู้หนึ่งย่อมแข็งแกร่งขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเขาเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น! ภูเขาทลายกองทัพ!”

หวงเยว่กู่ร้องและวิ่งตะบึงไปอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเขาทำเช่นนั้น ก็ปลดปล่อยการโจมตีออกไป และเพลงหมัดของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นทักษะเทวะ ในชั่วพริบตานั้น รูปเงาของหมัดจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏและรวบรวมเข้าด้วยกันเป็นภูเขาลูกหนึ่ง ในพริบตาถัดมา พวกมันก็เหมือนกับหมู่ดาวที่กำลังทำลายล้างกองทัพให้ราพณาสูร!

หมัดของเขาหนักหน่วงขนาดที่ว่าลมอันพุ่งออกมาจากมันสามารถบีบอัดอากาศ และส่งคลื่นการระเบิดออกไปราวกับสายฟ้ากำลังคะนอง

กระบวนท่าของหวงเยว่ได้แสดงถึงความสำเร็จอันน่าแตกตื่นในวิชาหมัดของเขา เมื่อเขาได้ต่อสู้กับเจ๋อหัวหลีในสนามรบ เขาได้ตระหนักถึงสิ่งที่เขาขาดพร่องไป และเมื่อเขาพบเจ๋อหัวหลีในบัดนี้ ภายใต้แรงกดดันของศัตรูอันแข็งแกร่ง เขาก็ถึงกับสามารถรุดหน้าไปอีกขั้นหนึ่งได้ ทักษะเทวะของเขาภูเขาทลายกองทัพนั้นกำลังจะบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ

ที่แผ่นหลังของเจ๋อหัวหลี ดาบมารพลันลืมดวงตาขึ้นมาและหมุนวน ขยายใหญ่ขึ้นและมีสีแดงฉานราวโลหิต

เจ๋อหัวหลีเอื้อมมือไปชักดาบของเขาออกมาและฟันไปยังภูเขาทลายกองทัพ พริบตานั้นแสงมีดพวยพุ่งออกไปและปะทะเข้ากับรูปเงาหมัด แสงมีดสะท้อนกระดอนไปมา และดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นแสงมีดนับหมื่นในพริบตา ก่อนขึ้นมาเป็นดาบภูเขาอันฟาดทำลายภูเขาทลายกองทัพ!

แสงมีดนับหมื่นพลันหลอมรวมกัน กลายเป็นหนึ่งมีดที่ฟันมายังศีรษะของหวงเยว่

เขาประกบสองมือรับมันเอาไว้ แต่ดาบมารก็พลันแยกเป็นสอง ทำให้สีหน้าของหวงเยว่แปรเปลี่ยน เลือดเนื้องอกเงยออกมาใต้รักแร้ของเขา และอีกสองแขนก็ยกขึ้นมาประกบต้านแสงมีดเล่มที่สอง

ไม่ทันที่เขาจะได้ระบายลมหายใจโล่งอก ดาบมารสองเล่มก็แยกตัวออกมาเป็นสี่

หวงเยว่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด และเลือดเนื้อก็กระดุบกระดิบใต้รักแร้ของเขา แขนอีกสี่ข้างงอกเงยออกมาเพื่อคว้าจับแสงมีดอันฟาดฟันเข้ามา

จากนั้น เขาก็เบิกตากว้างด้วยความสิ้นหวัง เมื่อแสงมีดทั้งสี่แยกตัวเป็นแปดฟาดฟันเขา

ฉึก ฉึก ฉึก

แสงมีดใหม่เฉือนฟันลงมา และหวงเยว่ก้มหน้าลง มองดูแสงมีดเหล่านั้นที่หายวับลงไปในพื้น บาดแผลสี่รอยทั้งยาวเหยียดและตรงแหน็วปรากฏที่ใบหน้าของเขา ขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น

เจ๋อหัวหลีสะบัดดาบมารของเขาและเสียบมันกลับเข้าฝักที่หลังของเขาแต่เบามือ ขณะที่หวงเหย่ฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ

เขาจึงมองไปจากฉานเยี่ยนผู้ซึ่งมีสีหน้ามืดครึ้มและกำลังถอยกลับอย่างเชื่องช้า

“ไปซะ ข้าไม่สังหารสตรี” เจ๋อหัวหลีกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย

ฉานเยี่ยนยังคงไม่คลายใจและยังเดินถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อนางห่างออกไปได้หนึ่งลี้นางก็หันหลังและวิ่งตะบึงไปอย่างไม่คิดชีวิต ในจังหวะนั้น กล้ามเนื้อของเจ๋อหัวลีเกร็งแน่น ด้วยเสียงระเบิดดัง เขาพุ่งไปทะลุความเร็วเสียงและชักดาบของเขาออกด้วยสองมือ ฟาดฟันไปข้างหน้า!

ดาบนั้นพลันไปถึงแผ่นหลังของฉานเยี่ยนในพริบตา นางหันกลับมาในอากาศ เหวี่ยงไจกระบี่ออกไปอันขยายตัวพองขึ้น ไม่ทันที่กระบี่บินจะยิงออกไป ดาบนั้นก็ผ่านางแยกกลางจากยอดกระหม่อม!

เจ๋อหัวหลีหยุดยั้งและรั้งมีดกลับ หันกายผละไป

“ข้าจะต้องให้ชายในภาพวาดผู้นั้นเห็นเพลงดาบของอาจารย์ ดังนั้นข้าไม่อาจได้รับบาดเจ็บ จำต้องลอบสังหารเจ้าจากข้างหลัง” ด้วยสีหน้าอันเยือกเย็น เขาเอียงหูฟังเสียงที่มาของค้อนตีเหล็ก “สตรี ในพริบตาที่เจ้าหันหลัง จุดอ่อนของเจ้าก็จะเผยออกมาใหญ่ที่สุด อย่าได้เผยแผ่นหลังให้แก่ข้าเด็ดขาด”

ข้างหลังเขา ฉานเยี่ยนร่วงลงไป

อีกฟากหนึ่ง ภูเขาพังทลายเมื่อสองเงาร่างต่อสู้กันอย่างดุเดือดท่ามกลางเทือกเขา ขุนเขาที่มีสันเขาแหลมคมประดุจดาบถูกแทงทะลุและแหลกละเอียดเป็นอักษรรูน หายวับไปในอากาศ

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว และอวี่เหอแตะรอบแผลบนใบหน้าของนาง ศัตรูของนางตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถทำให้นางบาดเจ็บได้

นางเงยศีรษะขึ้นและมองไปยังแสงมีดอันพุ่งวาบและหายวับไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว

เจ๋อหัวหลี เจ้าและช่างตีเหล็กล้วนแต่เปิดเผยอวดโอ่พอๆ กัน แต่ข้าไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยที่จะเอาชนะเจ้าได้! นางหันกายจากไป ข้าจะต้องไปตามหาศิษย์น้องหญิงและชายคนอื่นๆ ก่อนที่จะมากำจัดเจ้า!

โลกจำลองศึกทรายกว้างใหญ่ ทำให้ยากที่จะเสาะหาคนอื่นๆ

มีการต่อสู้ปะทุขึ้นมาบนภูเขาหลายลูก ผู้ฝึกวิชาเทวะได้พบประจันกับยอดฝีมือเผ่ามาร และพวกเขาย่อมทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารฝ่ายตรงกันข้าม

นั่นจึงเป็นเหตุให้ หลังจากสองคนใดก็ตามจากคนละฝักฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน การต่อสู้ก็มักจะสิ้นสุดลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกวิชาเทวะมักจะมีจุดจบที่ความตาย ไม่ก็พิการ อันทำให้สถานการณ์ค่อนข้างหดหู่

แต่ทว่า แม้เพียงการต่อสู้เพียงระยะเวลาอันสั้น แต่ก็นานพอที่พวกเขาจะสัประยุทธ์กันไปเป็นระยะทางกว่าสิบลี้ ไม่ว่าพวกเขาผ่านไปที่ใด ภูเขาก็จะถูกตัดและพังทลาย ความวินาศสันตะโรที่พวกเขาก่อนั้นน่าดูน่าชมเลยทีเดียว

และยังมีบางคนที่ใช้ทักษะเทวะมหึมาเพื่อทำลายล้างอาณาบริเวณกว้างใหญ่ถึงร้อยลี้ ซึ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดๆ

แน่ล่ะ ที่นี่คือโลกจำลองศึกทราย มิใช่โลกภายนอก แม้ว่าผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นเจ็ดดาวจะไม่อ่อนแอ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีพลังทำลายล้างสูงขนาดนี้ที่ข้างนอกนั่น

สถานที่อันขวานและหอกไขว้กัน เป็นที่หนึ่งอันเงียบสงบ

ซังฮั่วติดตั้งกับดักของนางอย่างตื่นเต้น และซุ่มรอโจมตี นางรอให้ศัตรูตกลงมาในกับดักสังหารของนางอย่างเงียบกริบ

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หลังจากสองชั่วโมง เด็กสาวคนนี้ก็โผล่หัวขึ้นมาจากที่ซ่อนของนาง ด้วยเปียยาวๆ สองเปียที่ห้อยลงมา

ผ่านไปอีกสองชั่วโมง และซังฮั่วก็ไปนั่งอยู่บนหัวขวาน นางนั่งเท้าคางและแกว่งขาไปมาด้วยความเบื่อหน่าย

ผ่านไปอีกสองชั่วโมง ซังฮั่วนอนแผ่ไปบนสันขวาน นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางฉงนฉงาย “ทุกคนอยู่ที่ไหนกัน”

นางพลันลุกขึ้น ดูบ้าคลั่งเล็กน้อย “พวกเขาหายไปไหนกันหมด ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ทุกคนจะต้องมาเพื่อสู้กันเป็นแน่หรอกหรือ ไม่ว่าจะมิตรหรือศัตรู ใครก็ได้มาที่นี่สักหน่อยเถอะ!”

ข้างนอกโลกจำลองศึกทราย เทพและมารมองไปที่การต่อสู้ข้างในทั้งด้วยความยินดีทั้งด้วยความกระวนกระวาย มันผ่านไปไม่นานเท่าไร แต่ก็เปิดศึกปะทะกันขึ้นมาหลายครั้ง

เมื่อฉินมู่ได้สังหารเผ่ามารสามคนและนอนแผ่กับพื้นแสร้งเป็นศพเพื่อล่อศัตรูคนที่สี่ออกมา มารเทวะทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวาย พวกเขาล้วนแต่ผุดเหงื่อเย็นเยียบออกมาด้วยกังวลถึงมารสาวที่ซ่อนอยู่บนยอดเขาใกล้ๆ

โชคดีที่ว่านางไม่ถูกหลอก และเพียงแค่หันกายจากไป มารเทวะเกือบทั้งหมดจึงระบายลมหายใจโล่งอก

“นายท่าน เขาเป็นผู้สืบทอดท่านจริงๆ ด้วย!” เสือเทพยดาขนดำร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

นักบุญคนตัดไม้สีหน้าไร้อารมณ์ ขณะที่ฟู่ยื่อลัวแย้มยิ้ม สายตาของพวกเขามาประสานกัน ก่อนที่จะผละออกไป

เมื่อทุกคนเห็นเจ๋อหัวหลีสังหารยอดฝีมือเยาว์สองคน หวงเยว่และฉานเยี่ยน ด้วยเพียงสองดาบ เทพเจ้าเกือบทั้งหมดแห่งสวรรค์ไท่หวงก็ผุดเหงื่อเย็นเยียบออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ พวกเขากังวลถึงผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ แห่งสวรรค์ไท่หวงอย่างแท้จริง

แต่ทว่าที่กังวลที่สุดก็ยังคงเป็นบิดาของซังฮั่ว เทพซังเย่ เขากำหมัดแน่น ฝ่ามือของเขาชื้นเหงื่อไปหมด

ลูกสาวคนดี อย่าออกมาเลยนะ นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเสงี่ยมเถอะ…

เทพซังเย่จ้องเขม็งไปยังจุดที่ขวานและทวนไขว้กันอยู่และเห็นซังฮั่วกระโดดลงมาจากขวาน สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างระงับไม่อยู่ และเขาภาวนากับตนเอง อย่าออกไป อย่าออกไปเด็ดขาด

ซังฮั่ววิ่งออกไป

อย่าพบศัตรู อย่าพบศัตรู…

มารสาวคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางนาง

เทพซังเย่แทบจะเป็นลม นางกำลังจะตาย…

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+