ตำนานเทพกู้จักรวาล 754 ตัวภาระหลันอวี้เถียน

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 754 ตัวภาระหลันอวี้เถียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แดน​โบราณ​วินาศ​ หมู่บ้าน​พิการ​ชรา​

เมื่อ​รุ่งอรุณ​มาถึง ฉิน​มู่และ​ผู้นำทาง​ความตาย​ก็​นำ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ไป​ยัง​หมู่​บ้านเล็ก​ๆ แห่ง​นี้​ นี่​คือ​สถานที่​อัน​ฉิน​มู่เคย​อยู่อาศัย​มาก่อน​ และ​บัดนี้​มัน​ก็​ถูก​แม่ไก่​มังกร​เข้ายึดครอง​

ใน​หมู่บ้าน​ ฉิน​มู่ต้ม​ไก่​และ​ประกอบอาหาร​อื่นๆ​ อีก​หลาย​จาน​ จากนั้น​เขา​ก็​ไป​ที่​บ้าน​ของ​คน​แล่​เนื้อ​เพื่อ​ขุด​เอา​ไห​สุรา​ที่​ฝังอยู่​ใต้​เตียง​ออกมา​

เขา​ได้​ทาน​งานเลี้ยง​ภูตผี​ที่​คฤหาสน์​ราชันย์​ศักดิ์สิทธิ์​เมตตา​เทียม​สวรรค์​ และ​มัน​ไม่มีรสชาติ​เลย​แม้แต่น้อย​ ดังนั้น​เขา​จึงรู้สึก​หิวโหย​อดอยาก​ และ​ยิ่งไปกว่านั้น​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ก็​เพิ่ง​ฟื้นคืนชีพ​มา ดังนั้น​เขา​ก็​หิว​อยู่​หน่อย​ๆ ด้วย​เช่นกัน​

หลังจาก​มื้อ​อาหาร​ ฉิน​มู่และ​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ก็​มาที่​แม่น้ำ​หย่ง​และ​เฝ้ามอง​แม่น้ำ​อัน​ไหล​รี่​

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​กำลัง​ปั้น​ทักษะ​เท​วะ​และ​จะโยน​มัน​ลง​ไป​ใน​แม่น้ำ​เชี่ยว​ แต่​ฉิน​มู่ก็​รีบ​หยุด​เขา​เอาไว้​ เขา​ส่าย​ศีรษะ​และ​กล่าว​ “ใน​แม่น้ำ​หย่ง​มีสิ่งมีชีวิต​มากมาย​ และ​ยังมี​ราชา​มังกร​แม่น้ำ​หย่ง​อีกด้วย​ ดู​เจ้าสิว่า​ตอนนี้​แข็งแกร่ง​ขนาด​ไหน​ เจ้าจะปลิดชีวิต​ทุกสิ่ง​ใน​แม่น้ำ​ไป​หมด​หรือ​อย่างไร​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​คิด​อยู่​หน่อย​หนึ่ง​จึงค่อย​สลาย​ทักษะ​เท​วะ​ของ​ตน​ “สาเหตุ​ที่​เขา​เป็น​เช่นนี้​ เพราะว่า​เขา​ขาดหาย​บางส่วน​ของ​ดวงวิญญาณ​ หรือว่า​เขา​ความจำเสื่อม​?”

ฉิน​มู่หันกลับ​ไปมา​ เห็น​ความโกลาหล​ที่​เกิดขึ้น​เมื่อ​แม่ไก่​มังกร​รวมตัวกัน​ไล่กวด​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ถูก​จิก​จน​เลือด​โซมไป​หมด​ เขา​นั้น​ดู​น่าเวทนา​เมื่อ​ในที่สุด​ก็​ถูก​แม่ไก่​มังกร​จิก​ตี​ลง​ไป​กับ​พื้น​

แม่ไก่​มังกร​ตัวผู้​หลาย​ตัว​ขึ้นไป​ยืน​บน​ตัว​ชายหนุ่ม​และ​โก่ง​คอ​ขัน​รับ​ตะวัน​เช้า

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ถอนหายใจ​ และ​ปั้น​ทักษะ​เท​วะ​อีก​ก้อน​ ก่อนที่จะ​สลาย​มัน​ไป​อีกครั้ง​ “ดู​เขา​สิ เขา​เหมือนเดิม​ที่ไหน​กัน​ ใน​อดีต​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เต็มไปด้วย​ประกาย​จรัส​และ​ชีวิตชีวา​ เขา​นั้น​ทั้ง​เสรี​และ​เบา​สบาย​ กระนั้น​ใน​ตอนนี้​ แม้แต่​แม่ไก่​มังกร​ก็​ยัง​กล้า​รังแก​เขา​”

ฉิน​มู่ลุกขึ้น​เพื่อ​ไล่ตะเพิด​แม่ไก่​มังกร​ไป​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​รีบ​คลาน​ลุกขึ้น​มาปัดฝุ่น​และ​ขนไก่​ที่​ติด​อยู่​ตาม​เนื้อตัว​ของ​เขา​

“ข้า​เอง​ก็​มองไม่เห็น​สาเหตุ​การ​สูญเสีย​ความทรงจำ​ของ​เขา​ ดวงวิญญาณ​ของ​เขา​ขาดหาย​บางอย่าง​ แต่​ส่วน​ที่​หาย​ไป​นั้น​ไม่ถึงหนึ่ง​ใน​สิบ​ของ​ดวงวิญญาณ​ แต่​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ สามวิญญาณ​และ​เจ็ด​จิต​ของ​เขา​ยังคง​อยู่ดี​”

ฉิน​มู่พึมพำ​กับ​ตนเอง​ “ข้า​คิด​ว่า​คงจะ​ดีกว่า​ถ้าพวกเขา​กลับ​ไป​ที่​แดน​ใต้พิภพ​และ​ถามภูติ​บดี​ว่า​ดวงวิญญาณ​ที่​หาย​ไป​ของ​เขา​นั้น​อยู่​ที่ไหน​ หากว่า​ค้นพบ​ดวงวิญญาณ​ส่วน​นั้น​ แต่​ความทรงจำ​ของ​เขา​ก็​ยังคง​ไม่กลับมา​ นั่น​คง​เป็นปัญหา​ที่​หัว​ของ​เขา​แล้ว​ล่ะ​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​พยักหน้า​ เขา​เห็น​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ถูก​แม่ไก่​มังกร​ไล่ต้อน​ไป​ที่​มุม และ​นั่ง​คู้​ตัว​กุม​หัว​เอาไว้​

“หากว่า​เขา​ไม่ฟื้น​คืน​ความทรงจำ​กลับมา​ เขา​จะเอาตัวรอด​ได้​อย่างไร​ใน​โลก​อัน​โหดร้าย​นี้​” ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ส่าย​ศีรษะ​

ฉิน​มู่เดิน​เข้าไป​ และ​เขา​ก็​ยก​มือขึ้น​เพื่อ​แปรเปลี่ยน​ริ้ว​ทาง​เพลิง​ให้​เป็น​มังกร​อัคคี​อัน​กระโจน​ขย้ำ​และ​ขับไล่​แม่ไก่​มังกร​กระเจิง​ไป​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เห็น​สถานการณ์​ และ​ดวงตา​ของ​เขา​ก็​เป็นประกาย​ เขา​กล่าว​ด้วย​ความ​ปีติ​ยินดี​ “วิธี​นี้​เยี่ยม​จริงๆ​!” หลังจากที่​กล่าว​เช่นนั้น​ เขา​ก็​สะบัดมือ​

แม่ไก่​มังกร​รอบ​ๆ เขา​ที่​กำลัง​ย่อง​เข้ามา​ใกล้​ เมื่อ​พวก​มัน​เห็น​ท่าทาง​มือ​ของ​เขา​ก็​รีบ​หลบ​ แต่​เมื่อ​พวก​มัน​เห็น​ว่า​ไม่เกิด​อะไร​ขึ้น​ ก็​โมโห​ขึ้น​มาแล้ว​พุ่ง​เข้า​จิก​ตี​อีกครั้ง​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​รีบ​สะบัดมือ​อีก​หน​ และ​ริ้ว​ทาง​ไฟก็​พุ่ง​ทะยาน​ออก​ไป​ราวกับ​มังกร​

แม่ไก่​มังกร​มากมาย​แตก​กระเจิง​ไป​ทั่ว​ทิศทาง​ และ​มีตัว​หนึ่ง​ที่​หลบหนี​ไป​ได้​ไม่ทัน​กาล​ มัน​ถูก​เผา​จน​เกรียม​ และ​กลิ่นหอม​เนื้อ​สุก​ก็​ลอย​ออกมา​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ตกตะลึง​ และ​เขา​มอง​ไป​ที่​มือ​ของ​ตนเอง​ด้วย​ความ​ไม่เชื่อ​สายตา​ จากนั้น​เขา​ก็​วิ่ง​ไป​ยัง​แม่ไก่​มังกร​ที่​ถูก​เผา​ตาย​ และ​เริ่ม​ร่ำไห้​เพื่อ​ไว้อาลัย​แก่​มรณกรรม​ของ​แม่ไก่​มังกร​

เขา​อยาก​ที่จะ​ฝังศพ​แม่ไก่​มังกร​ ดังนั้น​เขา​จึงขุด​หลุมศพ​ไป​ร่ำไห้​ไป​ แต่​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ เขา​ก็​รู้สึก​ว่า​กลิ่นหอม​นั้น​ยั่วยวนใจ​เหลือเกิน​ เขา​จึงแอบ​กัด​ดู​คำ​หนึ่ง​ เขา​ทั้ง​ปาด​น้ำตา​และ​กิน​เนื้อไก่​ไป​ในเวลาเดียวกัน​ ปล่อย​หลุม​ที่​เขา​เพิ่ง​ขุด​ทิ้ง​ไว้​อย่างนั้น​ จากนั้น​ก็​โยน​กระดูก​ไก่​ลง​ไป​ใน​หลุม​

ฉิน​มู่และ​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​หันมา​มอง​กันและกัน​ เห็น​ความ​ตื่นตระหนก​ที่​ฉาย​ใน​แววตา​ของ​แต่ละ​ฝ่าย​

“นั่น​คือ​ทักษะ​เท​วะ​อักษร​รู​น​อัคคี​ของ​เทพ​ครอง​ดาวอังคาร​หรือ​” ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ถาม

ฉิน​มู่ผงกศีรษะ​ “แม้ว่า​โครงสร้าง​อักษร​รู​น​อัคคี​ของ​เทพ​ครอง​ดาวอังคาร​จะไม่ซับซ้อน​ แต่​ความสำเร็จ​เชี่ยวชาญ​ของ​ข้า​สูงล้ำ​ อักษร​รู​น​ถูก​ข้า​ย่อ​ขนาด​ลง​ไป​อย่าง​สุดขีด​ขั้ว​ และ​ก็​ยาก​ที่​ผู้อื่น​จะมองเห็น​แง่อัศจรรย์​ภายใน​นั้น​ได้​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​กล่าว​ “แต่ทว่า​ เขา​มองเห็น​มัน​ และ​เรียนรู้​มัน​ได้​”

ฉิน​มู่กล่าว​ด้วย​เสียง​เบา​ “วร​ยุทธ​ของ​เขา​มิได้​สาบสูญ​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​ มัน​ยังมี​เหลืออยู่​บ้าง​ แต่​ใจความสำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​ว่า​ปฏิภาณ​และ​พรสวรรค์​ของ​เขา​นั้น​ล้ำเลิศ​ท้าทาย​สวรรค์​อย่าง​แท้จริง​ ข้า​สงสัย​ว่า​…”

เขา​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​พิลึก​ประหลาด​ “วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ก็​เป็น​กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​พึมพำ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ และ​กล่าว​ “เขา​ไม่มีความทรงจำ​ก็​ไม่เป็นไร​ เพียงแต่ว่า​… สติ​ของ​เขา​ดูเหมือน​จะไม่ดี​เท่าใด​นัก​ เจ้าเคย​เห็น​ใคร​ร้องไห้​ให้​แก่​ไก่​ตาย​มาก่อน​หรือเปล่า​ ร่ำไห้​และ​กิน​มัน​ไป​พร้อมๆ กัน​ด้วย​เนี่ย​นะ​?”

ฉิน​มู่เด็ด​หนวด​หร็อมแหร็ม​ของ​เขา​ออกมา​เส้น​หนึ่ง​ “ดูเหมือน​จะไม่ดี​จริงๆ​…พวกเรา​ไปหา​ภูติ​บดี​ก่อน​เถอะ​!”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ผงกหัว​และ​เรียก​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​มา เขา​เพิ่ง​กิน​ไก่​ไป​ได้​ครึ่งตัว​ และ​หิ้ว​อีก​ครึ่งหนึ่ง​มาด้วย​สีหน้า​ละอายใจ​

ฉิน​มู่และ​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​จนปัญญา​ ทั้ง​สามคน​ขึ้น​เรือ​น้อย​ และ​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ก็​โบกมือ​ วัง​น้ำวน​สีดำ​ปรากฏ​ และ​เรือ​ก็​แล่น​เข้าไป​ใน​วังวน​นั้น​ จากนั้น​วังวน​ก็​หายวับ​ไป​

“วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ ทำไม​เจ้าไม่กิน​แล้ว​ล่ะ​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​มอง​ไป​ที่​เขา​และ​ถาม “เจ้ารู้สึก​เศร้า​เพราะว่า​เจ้าเพิ่ง​เผา​เพื่อนเล่น​จนตาย​และ​กิน​สหาย​ของ​เจ้าเข้าไป​หรือ​”

“ข้า​อิ่ม​แล้ว​”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​กล่าวตอบ​ไป​อย่าง​สัตย์ซื่อ​ “ข้า​กิน​เข้าไป​อีก​ไม่ได้​แล้ว​ ข้า​คิด​จะเอาไว้​กิน​ตอนที่​หิว​อีกที​”

ฉิน​มู่ไม่รู้​จะหัวเราะ​หรือ​ร่ำไห้​ เขา​คิดในใจ​ ใน​อดีต​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​มาก​ด้วย​สติปัญญา​ แต่​ตอนนี้​เขา​กลับ​โง่เซ่อ​ วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​คงจะ​ต้อง​รับ​กรรม​พา​พี่ชาย​โง่เซ่อ​คน​นี้​ตระเวน​ไป​ทั่ว​ เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ลิงโลด​ยินดี​ใน​ความ​เคราะห์ร้าย​ของ​ผู้อื่น​

“วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​ สภาสวรรค์​หลง​ฮั่น​จาก​เมื่อ​ครั้งนั้น​ ใคร​เป็น​ผู้ชนะ​” ฉิน​มู่ถาม

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ลังเล​ไป​ครู่หนึ่ง​และ​ปลด​หน้ากาก​มาร​ออกจาก​หลัง​ศีรษะ​ เขา​ส่าย​หัว​และ​กล่าว​ “ข้า​ก็​ไม่แน่ใจ​นัก​ เมื่อ​ปลาย​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ สภาสวรรค์​ทั้ง​สามต่าง​ก็​อ้าง​ตน​ว่า​เป็น​ผู้​เที่ยงแท้​ ส่วน​ว่า​ใคร​ได้รับ​ชัยชนะ​ไป​ใน​ท้ายที่สุด​ ข้า​ไม่ทราบ​ ข้า​นั้น​อยู่​แต่​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ และ​น้อย​นัก​ที่จะ​ออก​ไป​ยัง​โลก​ภายนอก​ เมื่อ​สภาสวรรค์​ทั้ง​สามต่อสู้​ช่วงชิง​อำนาจ​นำ​ ข้า​เอง​ก็​ต้อง​มาปวดหัว​กับ​การออกไป​เก็บเกี่ยว​ดวงวิญญาณ​ แต่ทว่า​…”

เขา​นิ่ง​ไป​ครู่หนึ่ง​แล้วจึง​กล่าว​ “ครั้งหนึ่ง​วิญญูชน​สวรรค์​เย​ว่​ได้​มาหา​ข้า​และ​บอก​ข้า​ว่า​พันธมิตร​สวรรค์​พ่ายแพ้​ วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น​เสียชีวิต​ และ​นาง​เอง​ก็​เตรียม​ที่จะ​ซุ่มตัว​กบดาน​”

“วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น?”​

ฉิน​มู่ถาม “ใช่วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋นคน​นั้น​ไหม​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ผงกศีรษะ​

ฉิน​มู่รู้สึก​เหมือน​ถูก​กระแทก​ด้วย​ความ​เศร้าสลด​ และ​หลังจาก​ครู่หนึ่ง​ เขา​ก็​กล่าว​ด้วย​ความขมขื่น​ “หากว่า​เขา​ไม่ได้​เข้าร่วม​พันธมิตร​สวรรค์​ บางที​เขา​ก็​อาจจะ​ไม่ตาย​ เขา​ถูก​ทำร้าย​ก็​เพราะ​คำ​เพียง​คำ​เดียว​ของ​ข้า​ ข้า​…”

“มัน​ไม่ใช่ความผิด​ของ​เจ้า”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​กล่าว​ “นั่น​คือ​ตัวตน​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น​อยู่แล้ว​ แม้ว่า​เขา​จะได้รับ​การ​เทิด​มงกุฎ​ให้​เป็น​วิญญูชน​สวรรค์​ และ​ไม่ค่อย​จะพูดจา​อะไร​มากมาย​ แต่​เขา​เป็น​คน​ที่​มีหัวใจ​อบอุ่น​มาก​ ครั้งหนึ่ง​วิญญูชน​สวรรค์​เย​ว่​เคย​กล่าวว่า​ ก่อนที่​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​จะเสนอแนะ​ให้​ก่อตั้ง​พันธมิตร​สวรรค์​ วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น​ก็​กำลัง​คิด​ที่จะ​รวบรวม​ผู้คน​เที่ยงธรรม​ทั้งโลก​หล้า​เพื่อ​อวย​วาสนา​ให้​แก่​เผ่าพันธุ์​อยู่แล้ว​ วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น​…”

เขา​นิ่งงัน​ไป​ครู่หนึ่ง​ และ​ก้มหน้า​คอตก​ “เขา​เคย​ปลอมตัว​เป็น​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​และ​ยัง​ปลอมตัว​เป็น​เจ้ากับ​วิญญูชน​สวรรค์​ฉิน​ ใช้ชื่อ​ของ​เจ้าเพื่อ​ผดุง​ความเป็นธรรม​ เขา​ถนอม​รักษา​ความหวัง​แม้น้อย​นิด​ของ​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​และ​เผ่าพันธุ์​อื่นๆ​ เอาไว้​ใน​โมงยาม​ที่​มืดมน​ที่สุด​ ใน​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ ผู้​คนตาย​ไป​มากมาย​ และ​ในขณะเดียวกัน​นั้น​ เผ่า​มนุษย์​และ​เผ่า​อื่นๆ​ ก็​เกือบ​ที่จะ​ไม่อาจ​อยู่รอด​ได้​อีกต่อไป​ เขา​จึงได้​แต่​ทำ​เช่นนั้น​…”

ฉิน​มู่ตะลึงงัน​

“ภูติ​บดี​น่าจะ​รู้​ว่า​สภาสวรรค์​แห่ง​ไหน​ได้รับ​ชัยชนะ​ ใช่ไหม​” เขา​ข่ม​ระงับ​ความปั่นป่วน​ใน​หัวอก​และ​ถาม

“ภูติ​บดี​ไม่มีทาง​พูด​เรื่อง​นี้​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ส่าย​ศีรษะ​ “ข้า​เคย​ถามเขา​แล้ว​ครั้งหนึ่ง​ และ​เขา​ไม่ปริปาก​ แต่ทว่า​ หลังจาก​โมงยาม​แห่ง​ความ​มืดมน​นั้น​ ภูติ​บดี​ก็​ยิ่ง​หดหู่​กว่า​เดิม​ เขา​ทำหน้าที่​ที่​เขา​ต้อง​ทำ​และ​แทบจะ​ไม่เข้ามา​ยุ่ง​เกี่ยวกับ​เรื่องราว​ของ​โลก​ภายนอก​ ข้า​เอง​ก็​อยาก​จะรู้​เหมือนกัน​ว่า​ฝ่าย​ไหน​ที่​ผงาด​ขึ้น​มาเป็น​ผู้ชนะ​ แต่ว่า​ข้า​ไม่เคย​เห็น​โฉมหน้า​ของ​ผู้​ที่นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​จักรพรรดิ​”

ฉิน​มู่ตะลึง​ไป​เล็กน้อย​ “ไม่เคย​เห็น​โฉมหน้า​ของ​คน​ผู้​นั้น​?”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ผงกศีรษะ​ และ​เรือ​น้อย​ก็​แล่น​ลอย​เข้าไป​ใกล้​ภูติ​บดี​มากขึ้น​ทุกที​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ ผู้​ซึ่งอยู่​ที่​หัว​เรือ​ ก็​อ้า​ปาก​หวอ​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​ เขา​มอง​ไป​ยัง​ภูติ​บดี​อัน​ใหญ่​มหึมา​ไร้​ปาน​เปรียบ​ซึ่งยืน​ตระหง่าน​อยู่​ใน​ความมืด​ และ​อึ้ง​ไป​จน​พูด​อะไร​ไม่ออก​

“ไม่เคย​เห็น​มาก่อน​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​มีใบหน้า​นิ่ง​สงบ​และ​ไร้อารมณ์​ เขา​กล่าว​อย่าง​เยือกเย็น​ “ทุกคน​กล่าวว่า​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​จบ​ลง​ไป​ได้​สี่แสน​ห้า​หมื่น​ปี​แล้ว​ และ​ถัด​จากนั้น​ก็​คือ​ยุคสมัย​แสงฉาน​ ฮี่ๆ ใคร​จะคาดคิด​ล่ะ​ว่า​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ไม่เคย​จบสิ้น​ ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ยัง​ดำรงอยู่​ตลอดเวลา​จนบัดนี้​!”

ฉิน​มู่หัว​ใจเต้น​ตึก​ๆ

ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ดำรงอยู่​ตลอดเวลา​จนบัดนี้​!

แม้ว่า​สภาสวรรค์​หลง​ฮั่น​อัน​ภูติ​บดี​ไม่ยินดี​ที่จะ​เอ่ยถึง​และ​ไม่ปริปาก​เกี่ยวกับ​มัน​เลย​สัก​คำ​จะยังคง​มีอยู่​ มัน​ก็​เหมือนกับ​เงื้อม​เงามหึมา​ที่​คลี่​คลุม​มาตลอด​อสงไขย​ ทั้ง​แสงฉาน​ จักรพรรดิ​สูงส่ง จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ จนกระทั่ง​ถึงสันติ​นิรันดร์​ใน​ปัจจุบัน​!

“สภาสวรรค์​นั้น​มีหลาย​สิ่งหลายอย่าง​ที่​ผู้คน​ไม่อาจ​เข้าใจ​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​กล่าว​ “เทพ​บรรพกาล​แห่ง​สภาสวรรค์​เทพ​บรรพกาล​ก็​อยู่​ใน​สภาสวรรค์​นั้น​ด้วย​เช่นกัน​ เทพเจ้า​จาก​เผ่า​หลัง​ฟ้าดิน​และ​ครึ่ง​เทพ​มากมาย​ก็​อยู่​ใน​สภาสวรรค์​แห่ง​นั้น​ ข้า​เอง​ก็​ไม่รู้​จริงๆ​ ว่า​ใคร​คือ​ผู้ชนะ​คน​สุดท้าย​…พวกเรา​ไป​พบ​ภูติ​บดี​เถอะ​”

เรือ​กระดาษ​ลอย​ไป​ยัง​ดวงตา​ที่สาม​ของ​ภูติ​บดี​ และ​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ก็​จอด​เรือ​ พวกเขา​เข้าไป​ใน​โถงศักดิ์สิทธิ์​ข้างใน​ดวงตา​

ข้า​ฝน​โถงศักดิ์สิทธิ์​นั้น​ ภูติ​บดี​อัน​มีขนาดเล็ก​จิ๋ว​กว่า​ร่าง​จริง​นับ​เท่า​ไม่ถ้วน​ก็​กำลัง​ก้ม​ศีรษะ​ลงมา​และ​มอง​ไป​ยัง​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ผู้​ซึ่งกำลัง​หิ้ว​ไก่​ครึ่งตัว​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ถูก​มองดู​จน​กระสับกระส่าย​ และ​เขา​จึงได้​แต่​รวบรวม​ความกล้า​และ​ยก​ไก่​ครึ่งตัว​ชูขึ้น​เหนือ​หัว​ “เจ้าก็​อยาก​กิน​หรือ​ ข้า​เห็น​ว่า​เจ้าก็​ดู​หิว​เหมือนกัน​…”

สายตา​ของ​ภูติ​บดี​วูบ​ไหว​ และ​เขา​ส่าย​ศีรษะ​พลาง​ถอนหายใจ​ “น่าเวทนา​ วิญญูชน​สวรรค์​เมื่อ​อดีตกาล​ได้​กลาย​มาเป็น​สภาพ​เช่นนี้​ เจ้าได้​นำ​เขา​มาที่นี่​เพื่อ​ค้นหา​ดวงวิญญาณ​ส่วน​ที่​ขาดหาย​ไป​ ใช่หรือไม่​”

ฉิน​มู่ค้อม​ศีรษะ​คารวะ​ “ขอ​ภูติ​บดี​โปรด​ร่าย​เวทมนตร์​ของ​ท่าน​เพื่อ​เสาะหา​ตำแหน่ง​แห่งหน​ของ​ดวงวิญญาณ​ที่​หาย​ไป​ด้วย​เถิด​!”

“เมื่อ​ครั้งกระโน้น​ ข้า​อวยพร​ให้​แก่​เขา​ ดังนั้น​ต่อให้​เจ้าไม่ร้องขอ​ข้า​ ข้า​ก็​จะช่วย​เขา​”

ภูติ​บดี​เปิด​ดวงตา​ที่​หว่าง​คิ้ว​ และ​จอ​แสงก็​ฉาย​ส่อง​ออก​มาจาก​ดวงตา​ที่สาม​ เขา​กล่าว​อย่าง​เคร่งขรึม​ “เมื่อ​ข้า​เห็น​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​ ข้า​ก็​เห็น​ดวงวิญญาณ​แตกสลาย​ของ​เขา​พุ่ง​ผ่าน​โลก​มิติ​นับไม่ถ้วน​ และ​โลก​หล้า​อัน​ไร้​ขอบเขต​ก็​วูบ​ผ่าน​ไป​ใน​พริบตา​”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ยืน​อยู่​ใน​จอ​แสงและ​รู้สึก​กระสับกระส่าย​ ข้างนอก​จอ​แสง โลก​มิติ​มากมาย​พุ่ง​ผ่าน​อย่าง​รวดเร็ว​ ขุนเขา​อัน​ยิ่งใหญ่​และ​ทะเลทราย​อัน​ไพศาล​พุ่ง​วาบ​ ดวงดาว​มากมาย​เหลือคณา​ก็​พุ่ง​ผ่าน​ไป​อย่าง​เร็วจี๋​

ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ จอ​แสงก็​พลัน​เผย​ให้​เห็น​หมู่​ปราสาท​ราช​วัง​สวรรค์​อัน​เกรียงไกร​ ทวยเทพ​อัน​สูงตระหง่าน​ และ​สภาสวรรค์​ที่​เป็น​ทิวากาล​อยู่​ชั่วนิรันดร์​

หมู่​ปราสาท​สวรรค์​ใน​จอภาพ​พุ่ง​ผ่าน​ร่าง​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ และ​ความเร็ว​ก็​ยิ่ง​เร็ว​ขึ้น​และ​เร็ว​ขึ้น​ ทันใดนั้น​ ภาพ​ก็​ค่อยๆ​ ช้าลง​ และ​ในที่สุด​ก็​หยุด​ลง​ตรงหน้า​ประตู​ของ​ราช​วัง​แห่ง​หนึ่ง​

หลังจากที่​ภาพ​พุ่ง​ผ่าน​ประตู​เข้าไป​ มัน​ก็​ผ่าน​เก๋ง​ศาลา​และ​เรือน​ตึก​มากมาย​ มาจนถึง​พื้นที่​อัน​ลี้ลับ​ยาก​จะเข้าใจ​หลังจากที่​ทะลุ​ผ่าน​ประตู​หลาย​ต่อ​หลาย​บาน​ จากนั้น​ภาพ​ก็​ถูก​ตัด​หาย​

ภูติ​บดี​กล่าว​ “ดวงวิญญาณ​แตกหัก​ของ​เขา​ถูก​สะกด​เอาไว้​ใน​โถงหอม​กำจาย​ และ​เวท​ปิดผนึก​ใน​โถงนั้น​แข็งแกร่ง​เกินไป​ ดังนั้น​มัน​จึงตัด​สายตา​ของ​ข้า​”

ฉิน​มู่ระบาย​ลมหายใจ​โล่งอก​แล้ว​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ตราบเท่าที่​พวกเรา​รู้​ว่า​มัน​อยู่​ที่ไหน​ ก็​มีความหวัง​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​มีสีหน้า​เคร่งเครียด​ เขา​ขมวดคิ้ว​ เห็นได้ชัด​ว่า​โถงหอม​กำจาย​นั้น​มิได้​เรียบง่าย​ธรรมดา​อย่าง​ที่​ฉิน​มู่คิด​

“โถงหอม​กำจาย​เป็นหนึ่ง​ใน​เจ็ด​สิบสอง​ท้องพระโรง​ การ​จัดเรียง​ผัง​ของ​มัน​คล้ายคลึง​กับ​ปราสาท​สวรรค์​”

ภูติ​บดี​กล่าว​อย่าง​ไม่ยินดียินร้าย​ “แม้แต่​ยอด​ฝีมือ​ระดับ​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าก็​เข้าไป​ไม่ได้​ อย่า​ว่าแต่​เจ้า”

ฉิน​มู่กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “อย่างไร​ก็​ต้อง​มีหนทาง​”

ภูติ​บดี​ถาม “เจ้ารู้​วิธี​เข้าไป​ใน​สภาสวรรค์​ไหม​ล่ะ​ เจ้ารู้​ไหม​ว่า​มัน​ตั้งอยู่​ที่ไหน​”

ฉิน​มู่อึ้ง​ไป​

เขา​ไม่รู้​จริงๆ​ นั่นแหละ​ คนอื่นๆ​ เรียก​มัน​ว่า​สภาสวรรค์​นอก​โลก​ แต่ทว่า​สภาสวรรค์​นี้​ตั้งอยู่​ที่ไหน​กัน​แน่​ แม้แต่​นักบุญ​คน​ตัดไม้​ก็​ไม่อาจ​ให้​คำตอบ​ได้​

ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ ขนาด​นักบุญ​คน​ตัดไม้​ก็​ยัง​ไม่รู้​ว่า​ศัตรู​ของ​ยุคสมัย​แสงฉาน​คือ​ใคร​

ภูติ​บดี​มอง​ไป​ที่​เขา​และ​กล่าว​ “เจ้าออก​ไป​ก่อน​ ข้า​มีเรื่อง​ที่จะ​ต้อง​สนทนา​กับ​ราชันย์​ขุนนาง​”

ฉิน​มู่เดิน​ออก​ไป​จาก​โถงศักดิ์สิทธิ์​และ​ชะโงก​หัว​เข้ามา​ ประตู​ปิด​ใส่หน้า​และ​กัน​เขา​เอาไว้​ข้างนอก​ทันที​

“ใจแคบ​ ทำตัว​ลึกลับ​!” ฉิน​มู่ฮึ่มฮั่มด้วย​ความโมโห​ แต่​สายตา​ของ​เขา​ตกลง​ไป​ที่​เรือ​กระดาษ​ของ​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​อย่าง​ช่วยไม่ได้​

ใน​โถงศักดิ์สิทธิ์​ ภูติ​บดี​มอง​ไป​ที่​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ “ดวงวิญญาณ​แตกหัก​ของ​เขา​ไม่อาจ​นำ​กลับมา​ได้​ใน​ตอนนี้​ เจ้าวางแผน​ว่า​จะทำ​อย่างไร​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ “เขา​คือ​ญาติสนิท​คน​ที่สอง​ของ​ข้า​ ข้า​ต้อง​ปกป้อง​เขา​”

“ตอนนี้​เขา​เหมือนกับ​กระดาษ​ขาว​”

ภูติ​บดี​กล่าว​ “ยิ่งไปกว่านั้น​ เขา​ยัง​เป็น​กระดาษ​ขาว​ที่​โง่เซ่อ​ หากว่า​เขา​ติดตาม​เจ้า เขา​ก็​จะกลายเป็น​คนเก็บตัว​เหมือนกับ​เจ้า และ​เขา​ก็​จะต้อง​ตาย​อย่าง​น่าอนาถ​ทันทีที่​เดิน​ออก​ไป​จาก​แดน​ใต้พิภพ​ สาเหตุ​ที่​เจ้าสามารถ​รอดชีวิต​มาได้​ใน​ช่วง​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​นี้​ ก็เพราะว่า​เจ้าอยู่​แต่​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ หากว่า​เจ้าออก​ไป​ เจ้าก็​คง​สิ้นชีวิต​ไป​นาน​แล้ว​ หากว่า​เขา​ติดตาม​เจ้า เขา​ก็​จะลงเอย​แบบ​เจ้า”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​มอง​อย่าง​เงียบงัน​ไป​ยัง​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ที่​กำลัง​เลีย​น้ำมัน​ออกจาก​นิ้ว​ของ​ตนเอง​ ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ เขา​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มา “ข้า​ได้​คิดตก​แล้ว​ และ​ข้า​นั้น​ไม่เหมาะ​ที่จะ​พา​เขา​ติดสอยห้อยตาม​ไป​จริงๆ​ ข้า​กำลัง​คิด​ว่า​จะมอบ​เขา​ให้​วิญญูชน​สวรรค์​มู่ดูแล​”

ภูติ​บดี​กล่าว​ “ให้​เขา​หรือ​ เจ้าไม่กลัว​ว่า​เขา​จะพา​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เข้ารกเข้าพง​หรือ​”

“แต่​อย่าง​น้อย​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ก็​จะไม่ตาย​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​กล่าว​ “ที่​ข้า​กังวล​ก็​กลัว​ว่า​วิญญูชน​สวรรค์​มู่จะไม่ยินดี​ที่จะ​พา​เขา​ติดตาม​ไป​ด้วย​ แม้ว่า​เขา​จะช่วยชีวิต​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ด้วย​หัวใจ​อบอุ่น​ ทั้ง​ยัง​ล้างแค้น​ให้​แก่​เขา​ แต่​เขา​ไม่มีทาง​คอย​ดูแล​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ได้​เป็นแน่​”

ภูติ​บดี​ยก​ยิ้ม​ที่​มุมปาก​ “เขา​ไม่มีทางเลือก​อื่น​นอกจาก​จะต้อง​ทำ​เช่นนั้น​ เขา​กำลัง​เอา​เรือ​ของ​เจ้าเข้าไป​ใน​ยัง​ส่วนลึก​ที่สุด​ของ​แดน​ใต้พิภพ​ ลอบ​เร้น​ไป​เยี่ยม​พบ​มารดา​ของ​เขา​ เขา​นั้น​กำลังจะ​ก่อ​ความผิด​อัน​ใหญ่หลวง​ ดังนั้น​เขา​ไม่มีทางเลือก​อื่น​นอกจาก​จะต้อง​นำ​ตัว​ภาระ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ไป​ด้วย​”

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ตกตะลึง​ และ​เขา​กล่าว​สรรเสริญ​ “ภูติ​บดี​ช่างทรง​ปัญญา​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด