ตำนานเทพกู้จักรวาล 740 เหตุแปรผันในสระหยก

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 740 เหตุแปรผันในสระหยก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะที่​เขา​กำลังจะ​พูด​เรื่อง​ที่สอง​อยู่​นั่นเอง​…“วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว!”​

ชายหนุ่ม​อีก​คน​ได้ยิน​เสียง​เรียก​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ และ​เขา​ก็​หัน​ศีรษะ​กลับมา​มองดู​ทุกๆ​ คน​ เขา​เผย​รอยยิ้ม​และ​ทักทาย​ “วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ สหาย​เหล่านี้​ที่​มีกำลัง​ฝีมือ​สูงล้ำ​! เจ้าได้​ชักนำ​พวกเขา​เข้าพวก​แบบนี้​หรือ​”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​หัวเราะ​และ​กล่าว​ “นี่​ไม่ใช่ชักนำ​เขา​เข้าพวก​ พี่​ฉิน​และ​พี่​มู่ล้วนแต่​เป็น​ผู้​มีคุณงามความดี​ และ​พวกเขา​ไม่อาจ​ขาดหาย​ไป​ได้​จาก​ชุมนุม​สระ​หยก​ครั้งนี้​ ข้า​เตรียม​ที่จะ​ถวาย​ฎีกา​ขึ้นไป​ยัง​ฝ่าบาท​ และ​ร้องขอ​ฉายานาม​วิญญูชน​สวรรค์​สอง​ตำแหน่ง​ พวกเขา​จะเข้าร่วม​เป็น​เก้า​วิญญูชน​สวรรค์​กับ​พวกเรา​ วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ เจ้าคิด​ว่า​อย่างไร​”

ฉิน​มู่สำรวจ​ตรวจตรา​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​เป็น​ผู้ก่อตั้ง​สมบัติ​เท​วะ​ห้า​ธาตุ​ และ​เขา​สวมใส่​เสื้อผ้า​อัน​หรูหรา​ที่​ปัก​ลาย​ไป​ด้วย​อักษร​รู​นข​อง​นก​ สัตว์ป่า​ และ​ปลา​

และ​ยังมี​วง​รัศมี​อยู่​ข้างหลัง​ศีรษะ​ของ​เขา​ อัน​มีดวงดาว​ห้า​ดวง​อยู่​ใน​รัศมี​ นั่น​น่าจะเป็น​ดาว​ธาตุ​ทั้ง​ห้า​ รัศมี​ข้างหลัง​ศีรษะ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​นั้น​เป็น​รูปไข่​ ขณะที่​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​เป็น​รูป​วงกลม​

ท่วงที​ของ​เขา​ก็​แตกต่าง​ไป​จาก​วิญญูชน​สวรรค์​คนอื่นๆ​ ที่​ฉิน​มู่ได้​พบ​เจอ​ไป​แล้ว​ วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​หมกมุ่น​กับ​การค้นคว้า​ และ​ไม่สนใจ​รูปโฉม​ของ​ตนเอง​ วิญญูชน​สวรรค์​โย​ว​มีนิสัย​เหมือน​เด็ก​ประหลาด​ วิญญูชน​สวรรค์​หั่ว​ตรงไปตรงมา​และ​ใสซื่อ​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​นั้น​นุ่มนวล​และ​ลื่นไหล​ และ​ทุกคน​ที่​ฉิน​มู่ได้​พบ​มายัง​ไม่มีใคร​ให้​ความรู้สึก​แง่ลบ​แก่​ฉิน​มู่

และ​ความรู้สึก​ต่อ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ที่​ฉิน​มู่สัมผัส​นั้น​ก็​คือ​คน​ผู้​นี้​ทั้ง​หนักแน่น​และ​ดุดัน​ เขา​จะต้อง​บุก​ตะลุย​ไป​ยัง​เป้าหมาย​อย่าง​ไม่สนใจ​ผลกระทบ​ใดๆ​ เขา​จะต้อง​สำเร็จ​สิ่งที่หมาย​มาด​ไว้​ให้จงได้​

เมื่อ​เทียบ​กับ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​แล้ว​ เขา​ยัง​คงขาด​ไป​ใน​การบ่ม​เพาะ​เครือข่าย​ความสัมพันธ์​ แต่ทว่า​ เพราะ​เขา​เต็มไปด้วย​ความ​กระตือรือร้น​ จึงมิอาจ​ดูเบา​ได้​

แม้ว่า​ธรรมชาติ​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​จะบรรลุ​ขั้น​สมบูรณ์แบบ​ แต่​เพราะ​ว่าความ​สมบูรณ์แบบ​เช่นนั้น​ทำให้​เขา​ระมัดระวัง​จน​เกินไป​ และ​สูญเสียโอกาส​

แต่ทว่า​ จาก​วิญญูชน​สวรรค์​ทั้งหลาย​ที่​ข้า​ได้​พบ​มา พวกเขา​ล้วนแต่​เป็น​ผู้คน​ที่​มีความสามารถ​เลิศ​ล้ำ​เหนือ​ธรรมดา​ ไม่อาจ​ประเมิน​ใคร​ต่ำ​ได้​เลย​

ฉิน​มู่คิดในใจ​ ยุค​สมัยนี้​ไม่ยิ่งใหญ่​และ​ไพศาล​เกินไป​หน่อย​หรือ​ ถึงกับ​ให้กำเนิด​ยอด​อัจฉริยะ​มากมาย​ขนาด​นี้​ขึ้น​มาได้​

วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าวสา​ยตา​ตกลง​ไป​ที่​ใบหน้า​ของ​ฉิน​มู่ ฉิน​มู่พยัก​หน้าเป็น​การทักทาย​ แต่​สายตา​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ก็​เลื่อน​ไป​ยัง​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​และ​วัว​แก่​ในทันที​ “ฉายานาม​วิญญูชน​สวรรค์​นั้น​ ศิษย์​พี่​ทั้งสอง​ย่อม​คู่ควร​ ข้า​ได้​เห็น​ศิษย์​พี่​ทั้งสอง​ต่อสู้​กัน​แล้ว​ และ​มัน​ก็​มหัศจรรย์​เป็น​อย่างยิ่ง​ ข้า​เต็มไปด้วย​ความชื่นชม​ แต่​ยาก​ที่จะ​กล่าว​ได้​ว่า​จักรพรรดิ​ฟ้าจะเห็นชอบ​ต่อ​ฎีกา​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​หรือไม่​ ข้า​มีธุระ​อื่น​ต้อง​ทำ​” หลังจาก​เขา​กล่าว​เช่นนั้น​ เขา​ก็​หัน​กาย​จากไป​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ใช้สายตา​ส่งเขา​ไป​ และ​เขา​ก็​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ก็​เป็น​เช่นนั้น​ อย่า​เก็บ​มาคิด​ใส่ใจ”

โอรส​หยิน​สวรรค์​กล่าว​ “อันที่จริง​แล้ว​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​เป็น​ครึ่ง​เทพ​…”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ปรายตา​มอง​เขา​ และ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ก็​หุบปาก​ลง​ทันที​

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ถามด้วย​ความสงสัย​ใคร่รู้​ “ทำไม​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ถึงเป็น​ครึ่ง​เทพ​ ทำไม​เขา​ถึงสามารถ​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ห้า​ธาตุ​และ​กลายเป็น​วิญญูชน​สวรรค์​ได้​”

ฉิน​มู่ถาม “ทำไม​เจ้าถึงขี้สงสัย​นัก​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​จ้อง​เขา​ “เจ้าไม่สงสัย​หรือ​อย่างไร​”

ฉิน​มู่แค่น​เสียง​และ​หันไป​ถามด้วย​สีหน้า​อยากรู้อยากเห็น​ “ใช่แล้ว​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ ทำไม​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ถึงสามารถ​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ห้า​ธาตุ​ได้​แม้ว่า​เขา​จะเป็น​ครึ่ง​เทพ​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ข่มใจ​ไว้​ไม่ให้​ชัก​กระบี่​มาฟัน​เขา​สัก​ฉัวะ​ เขา​ก็​มอง​ไป​ยัง​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ด้วย​เช่นกัน​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ลังเล​ และ​เขา​ก็​อธิบาย​ “มัน​มีเหตุผล​อยู่​ การ​ที่​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ห้า​ธาตุ​นั้น​เป็น​การทด​ลองของ​เทพ​บรรพกาล​ เขา​เป็น​บุตร​ระหว่าง​เทพ​บรรพกาล​กับ​มนุษย์​”

ทั้งสอง​คน​อึ้ง​ไป​เล็กน้อย​

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​นำ​พวกเขา​เข้าไป​ข้างใน​วัง​ข้าง​จักรพรรดินี​ฟ้า และ​สถานที่​แห่ง​นี้​เต็มไปด้วย​ผู้คน​ เขา​เดิน​หลบ​คนอื่นๆ​ ไป​และ​กล่าว​ “วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​เป็น​ครึ่ง​มนุษย์​และ​ครึ่ง​เทพ​ เขา​มีกาย​เนื้อ​ของ​มนุษย์​และ​มีสายเลือด​ของ​เทพเจ้า​ สาเหตุ​ที่​มัน​เป็น​การทดลอง​ก็เพราะว่า​หลังจากที่​ข้า​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ทารก​วิญญาณ​ ก็ได้​กระตุ้น​ให้​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​ใน​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​ฟ้าและ​ดิน​ ดังนั้น​ทุกคน​จึงสามารถ​ฝึกปรือ​ได้​ เมื่อ​ครั้งกระโน้น​ ข้า​ค้นพบ​ว่า​ยังมี​สมบัติ​เท​วะ​ชิ้น​อื่นๆ​ เทพ​บรรพกาล​บาง​ตน​รู้สึก​ว่า​ใน​เมื่อ​ครึ่ง​เทพ​ไม่สามารถ​ฝึก​วร​ยุทธ​ได้​ ครึ่ง​เทพ​ก็​จะถูก​พวกเรา​ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​ทั้งหลาย​บดบัง​ไป​หมด​ในอนาคต​ นั่น​จึงทำให้​พวกเขา​หา​หน​ทางแก้ไข​ให้​ครึ่ง​เทพ​สามารถ​ฝึก​วร​ยุทธ​ได้​เช่นกัน​ ดังนั้น​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​จึงถือกำเนิด​ขึ้น​มา”

ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ตาม​เขา​ไป​ และ​พวกเขา​ก็​แตกตื่น​เมื่อ​ได้ยิน​

การ​ปรากฏตัว​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ นั่น​คงจะ​เป็นการ​ขับเคี่ยว​ชิงดีกัน​ระหว่าง​ครึ่ง​เทพ​และ​สรรพ​ชีวิต​หลัง​ฟ้าดิน​

ฉิน​มู่ถาม “หากว่า​ครึ่ง​เทพ​แปลงร่าง​เป็น​มนุษย์​ ก็​ไม่ใช่ว่า​พวกเขา​สามารถ​ฝึก​วร​ยุทธ​ได้​เช่นกัน​หรอก​หรือ​”

“พี่​มู่ก็​รู้เรื่อง​นี้​ด้วย​หรือ​”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​สะท้าน​ใจอย่าง​รุนแรง​ และ​เขา​เผย​สีหน้า​ตื่นตระหนก​ ผ่าน​ไป​สักพัก​หนึ่ง​เขา​จึงกล่าว​ต่อ​ “เมื่อ​ครึ่ง​เทพ​แปลงร่าง​เป็น​มนุษย์​ พวกเขา​ก็​จะสามารถ​มีสมบัติ​เท​วะ​ได้​อย่าง​มนุษย์​ แน่นอน​ว่า​พวกเขา​ก็​จะสามารถ​ฝึก​วร​ยุทธ​ได้​ แต่ทว่า​ ครึ่ง​เทพ​นั้น​เป็น​เผ่าพันธุ์​สูงส่ง และ​พวกเขา​มอง​ว่าการ​แปลงร่าง​เป็น​มนุษย์​นั้น​เป็นเรื่อง​น่า​ดูแคลน​ อีก​อย่าง​ เมื่อ​กาล​ก่อน​นั้น​ ยัง​ไม่มีวิชา​ฝึกปรือ​ที่​ทำให้​ครึ่ง​เทพ​กลายเป็น​มนุษย์​ได้​ มีก็​แต่​เมื่อ​เร็ว​ๆ นี้​ที่​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ได้​แก้ไขปัญหา​ดังกล่าว​ เขา​ได้​คิดค้น​วิชา​ฝึกปรือ​ที่​ทำให้​ครึ่ง​เทพ​ฝึกปรือ​จน​กลายเป็น​มนุษย์​ได้​ เขา​ยัง​ไม่ทัน​ได้​ประกาศ​มัน​ออก​ไป​ แต่​พี่​มู่ถึงกับ​ล่วง​รู้เรื่อง​นี้​ เจ้านั้น​ไม่ธรรมดา​จริงๆ​!”

ฉิน​มู่สะดุ้ง​ และ​เขา​พึมพำ​ใน​ใจว่า​เผย​ไต๋​ไป​อีกแล้ว​

ใน​ยุคสมัย​อนาคต​ วิชา​ฝึกปรือ​ที่​ทำให้​เผ่าพันธุ์​อื่นๆ​ แปลงร่าง​เป็น​มนุษย์​ได้​นั้น​ดาษดื่น​ทั่วไป​ ดังนั้น​จึงทำให้​เขา​ฉงน​ฉงาย​ เขา​ลืม​ไป​ว่า​ยุคสมัย​นี้ยัง​ไม่มีวิชา​ฝึกปรือ​ที่ว่า​เลย​สักนิด​

วิญญูชน​สวรรค์​ไม่ถามหยั่ง​ต่อ​ และ​เขา​ก็​กล่าว​ “เทพ​บรรพกาล​มองการณ์ไกล​ในอนาคต​ ครึ่ง​เทพ​นั้น​อาศัย​การ​เติบโต​ และ​เมื่อ​พวกเขา​เติบโต​เต็ม​วัย​ กำลัง​ฝีมือ​ของ​พวกเขา​ก็​แทบจะ​ไม่ด้อย​ไป​กว่า​เทพ​บรรพกาล​ แต่​ชีวิต​ของ​พวกเขา​ไม่ยืนยาว​ พวกเขา​ไม่สามารถ​กระโดด​ออกจาก​วัฏจักร​เกิด​แก่​เจ็บ​ตาย​ไป​ได้​ ข้า​มิได้​ทุ่มเท​ความคิด​ลง​ไป​ใน​การ​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​อื่นๆ​ และ​ข้า​ก็​กำลัง​ไตร่ตรอง​ว่า​จะทำให้​ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​คนอื่น​กลายเป็น​อมตะ​เหมือน​เทพ​บรรพกาล​ได้​อย่างไร​ การ​ที่​ตัว​ข้า​เอง​ไม่มีวัน​ตาย​จาก​ความ​อมตะ​ที่​ภูติ​บดี​มอบให้​นั้น​ไม่ใช่หน​ทางออก​ ข้า​รู้สึก​ว่า​ข้า​จะต้อง​เสาะหา​หนทาง​อมตะ​ให้​แก่​ทุก​ผู้คน​ หลังจากนั้น​เวลา​ผ่าน​หลาย​สิบ​ปี​ จนกระทั่ง​เมื่อ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ห้า​ธาตุ​ ข้า​ถึงได้สติ​ แต่ทว่า​ ไม่ทัน​ที่​ข้า​จะได้​ศึกษา​ค้นคว้า​สมบัติ​เท​วะ​ห้า​ธาตุ​ วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ก็ได้​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​หก​ทิศ​แล้ว​”

เขา​มอง​ไป​ยัง​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ได้​ตรึกตรอง​ทำความเข้าใจ​สมบัติ​เท​วะ​ห้า​ธาตุ​ร่วมกับ​ข้า​พร้อมๆ กัน​ แต่กระนั้น​นาง​ก็​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​หก​ทิศ​ได้​ก่อน​ข้า​ ดังนั้น​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​จึงเฉลียวฉลาด​กว่า​ข้า​มาก​นัก​”

วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​เร่ง​เขา​ “รีบ​ๆ ไปหา​ที่​ตั้งหลัก​ของ​พวกเรา​เร็วๆ เข้า​ ข้า​ยัง​อยาก​ไป​ตรึกตรอง​ทำความเข้าใจ​ทักษะ​เท​วะ​กับ​พี่​มู่และ​พี่​ฉิน​นะ​!”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​พา​พวกเขา​ผ่าน​ทะลุ​ราช​วัง​ข้าง​ และ​เมื่อ​พวกเขา​ไป​ถึงสนาม​ด้านหลัง​ พวกเขา​ก็​เดิน​ตรง​ไป​ยัง​ตึก​หลัง​หนึ่ง​ “หลังจากนั้น​ สมบัติ​เท​วะ​ก็​ค่อยๆ​ เปิด​กัน​มาทีละ​ชิ้น​ เมื่อ​วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​สะพาน​เท​วะ​ ข้า​ก็​พลัน​เกิด​ความ​รู้แจ้ง​ขึ้น​มา และ​ในที่สุด​ข้า​ก็​เสาะพบ​หนทาง​ที่จะ​ทำให้​ทุกคน​สำเร็จ​ความ​อมตะ​ เพื่อให้​พวกเขา​ทัดเทียม​กับ​เทพเจ้า​”

เขา​เผย​ความมั่นใจ​อัน​แข็งแกร่ง​ออกมา​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ศิษย์​พี่​ทั้งหลาย​ โปรด​อยู่​ที่​เรือน​รุ่งโรจน์​นี้​ก่อน​ ข้า​ยังคง​ต้อง​ไป​ต้อนรับ​แขกเหรื่อ​ แต่ทว่า​ ใน​คราวนี้​ วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าวจะ​ประกาศ​วิชา​ฝึกปรือ​ที่​ทำให้​ครึ่ง​เทพ​สามารถ​ฝึก​วร​ยุทธ​ได้​ และ​ข้า​เอง​ก็​จะประกาศ​วิธีการ​ที่​มนุษย์​สามารถ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​ได้​!”

เขา​มีสายตา​อัน​เร่าร้อน​ และ​กล่าว​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ “ใน​คราวนี้​ข้า​จะต้อง​ทำให้​สรรพ​ชีวิต​หลัง​ฟ้าดิน​ในอนาคต​ยืน​เคียงบ่าเคียงไหล่​กับ​เทพเจ้า​ได้​ ทัดเทียม​กับ​เทพ​บรรพกาล​! นี่​คือ​ยุคทอง​ และ​การ​มาถึงของ​ศิษย์​พี่​ทั้งสอง​ก็​จะผลักดัน​ทักษะ​เท​วะ​ให้​ก้าว​ต่อไป​ข้างหน้า​อีก​ พวก​เจ้าได้​แสดง​ให้​ข้า​เห็น​ยุคสมัย​อัน​ไพศาล​แห่ง​ความมั่งคั่ง​รุ่งเรือง​! พี่​หยิน​ พวกเรา​ไป​กัน​เถอะ​!”

เขา​ลุกขึ้น​และ​จากไป​ ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ส่งเขา​ออก​ ฉิน​มู่พลัน​แย้มยิ้ม​และ​กล่าว​ “วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ เจ้ายัง​ไม่ได้​ลงนาม​ใน​สมุด​ของ​ข้า​เลย​”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​หัวเราะ​ร่า​ และ​ยก​พู่กัน​เพื่อ​เขียน​ลง​ไป​สามคำ​บน​สมุด​ของ​ฉิน​มู่ เขา​คืน​พู่กัน​แล้ว​กล่าว​ “ข้า​หวัง​ว่า​ศิษย์​พี่​ทั้งสอง​จะไม่หวง​วิชา​ และ​นำ​เอา​มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​มาเกื้อหนุน​ให้​ยุคทอง​ของ​พวกเรา​มาถึงโดยเร็ว​ยิ่งขึ้น​!” หลังจากที่​เขา​กล่าว​เช่นนั้น​ เขา​ก็​จากไป​พร้อมกับ​โอรส​หยิน​สวรรค์​

ฉิน​มู่ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​เรือน​รุ่งโรจน์​ และ​มอง​ไป​ยัง​ชื่อ​บน​สมุด​น้อย​ แม้ว่า​จะเป็น​อักษร​โบราณ​ แต่​เขา​ก็​ยัง​อ่าน​ออก​

ห​ลัน​อวี้เถียน​

นั่น​น่าจะเป็น​ชื่อจริง​ของ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​

เขา​มอง​ไป​ยัง​พวกเขา​ที่​เดิน​ห่าง​ออก​ไป​และ​โพล่ง​ขึ้น​มา “ฉิน​ไค​ เจ้าคิด​อย่างไร​กับ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้”​

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มีสีหน้า​เคร่งขรึม​และ​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​อัน​หนักหน่วง​ “หากว่า​พวกเรา​เกิด​ใน​ยุคสมัย​เดียวกัน​ ข้า​คง​ไม่กล้า​ประชัน​การครอบ​ครองโลก​หล้า​กับ​เขา​ ข้า​จะสวามิภักดิ์​ต่อ​เขา​”

ฉิน​มู่ตะลึง​ไป​และ​กล่าว​ “เจ้าขาดความมั่นใจ​ใน​ตนเอง​ขนาด​นี้​เลย​หรือ​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​อย่าง​เคร่งขรึม​ “ปณิธาน​ ความ​เฉียบขาด​ ความสามารถ​ การ​วางตัว​ และ​การ​จัดการ​เรื่องราว​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เหนือ​ล้ำ​ไป​กว่า​ข้า​ ข้า​คงจะ​ยินยอมพร้อมใจ​ที่จะ​เป็น​ผู้​ใต้​บัญชา​เขา​”

ฉิน​มู่ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ และ​ไม่สามารถ​ที่จะ​ปฏิเสธ​ได้​ว่า​วิญญูชน​สวรรค์​นั้น​เปี่ยม​ไป​ด้วย​เสน่ห์​ นับว่า​หา​ได้​ยาก​ไม่ว่า​จะเป็น​ใน​อดีต​หรือ​ปัจจุบัน​

ท่ามกลาง​ผู้คน​ที่​เขา​เคย​พบพาน​ หลาย​คน​นั้น​มีพรสวรรค์​อัน​สะท้าน​ขวัญ​ หลาย​คน​มีปณิธาน​อัน​ไพศาล​ หลาย​คน​เฉียบขาด​ห้าวหาญ​เป็น​อย่างยิ่ง​ และ​หลาย​คน​ก็​วางตัว​และ​จัดการ​เรื่องราว​ได้​ดีมาก​ แต่ทว่า​ ไม่มีใคร​เลย​ที่​สมบูรณ์แบบ​เท่ากับ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​

“ถ้าอย่างนั้น​ แล้ว​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ล่ะ​?” ฉิน​มู่ถามต่อ​

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เต็มไปด้วย​ความ​ห้าวหาญ​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​ได้​พบ​กับ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​เพียง​ครู่เดียว​ และ​ข้า​เห็น​ได้​ว่า​คน​ผู้​นี้​หัวแข็ง​และ​มีความคิด​เป็น​ของ​ตนเอง​สูง หากว่า​ข้า​ได้​พบ​กับ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ ข้า​จะต่อสู้​กับ​เขา​เพื่อให้​ทัดเทียม​กัน​ และ​ข้า​ก็​จะช่วงชิง​อำนาจ​ของ​โลก​หล้า​ เพื่อ​รวบรวม​หัวใจ​ของ​ผู้คน​ ไม่มีทาง​รู้​ได้​ว่า​ใคร​จะแพ้​หรือ​ชนะ​”

ฉิน​มู่พลัน​แย้มยิ้ม​ออกมา​ “แล้ว​หากว่า​เจ้าเจอ​ข้า​ล่ะ​?”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​จ้อง​ไป​ที่​เขา​และ​ไม่พูดจา​เป็นเวลา​นาน​

ฉิน​มู่เผย​สีหน้า​กระตือรือร้น​และ​จ้อง​ไป​ที่​เขา​ยัง​ไม่ลดละ​

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กระแอม​ไอ​และ​กล่าว​ “เจ้า…นิสัยใจคอ​ของ​เจ้ามีจุดอ่อน​มากเกินไป​ เจ้าเหมือนกับ​มีจุดอ่อน​ไป​ทั่ว​ทั้งตัว​ ลม​รั่ว​ออกมา​ทุกหนทุกแห่ง​…”

ฉิน​มู่ใบ​หน้ามืด​ดำ​ราวกับ​ถ่าน​ และ​เขา​ก็​มีสีหน้า​ทะมึน​

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “อย่า​โกรธ​ไป​ หากว่า​พวกเรา​มาจาก​ยุคสมัย​เดียวกัน​ ข้า​ไม่คิด​ว่า​จะได้​เป็น​ศัตรู​ แต่​คงจะ​เป็น​สหาย​กัน​แทน​ เจ้าอาจจะ​มีนิสัยใจคอ​ประหลาด​ และ​คอย​เอาแต่​กัด​ข้า​ แต่​ข้า​ไม่รู้สึก​ถึงเจตนาร้าายจาก​เจ้า ในทางกลับกัน​ มัน​เหมือนกัน​ เหมือนกับ​…”

เขา​มีสีหน้า​ประหลาด​พิลึก​ “เหมือนกับ​ความโมโห​ที่​อีก​ฝ่าย​พยายาม​ไม่เพียงพอ​”

ฉิน​มู่พูดไม่ออก​

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ต่อ​ “พรสวรรค์​และ​ปฏิภาณ​ของ​เจ้าไม่ด้อย​ไป​กว่า​ข้า​ แต่​เจ้ายัง​ไม่เข้าที่เข้าทาง​ เจ้ายัง​ไม่ได้​ควบคุม​ตัวเอง​ให้​เหมาะเจาะ​จึงยัง​ไม่ได้​ครอบครอง​ปัญญา​ญาณอัน​แท้จริง​ นี่​คือ​จุด​ที่​เจ้าด้อย​กว่า​ข้า​ บางที​เจ้าอาจจะ​ทำได้​ดีกว่า​ข้า​ในอนาคต​ แต่​ตอนนี้​เจ้ายัง​ไม่ได้​ทำ​เช่นนั้น​”

ฉิน​มู่พยักหน้า​น้อย​ๆ และ​มอง​ไป​ที่​เขา​ด้วย​อารมณ์​อัน​ผสม​ปนเป​ เขา​คิดในใจ​ จริงๆ​ แล้ว​เจ้าเป็น​คน​ที่​ข้า​เรียนรู้​เพื่อ​เอา​เยี่ยงอย่าง​ ข้า​อยาก​ที่จะ​เป็น​เหมือน​เจ้า แต่​ก็​ไม่เหมือน​เจ้าโดยสิ้นเชิง​

“พวกเรา​ไป​ที่​เรือน​ตึก​กัน​เถอะ​” จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ “วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​กำลัง​รอ​พวกเรา​อยู่​”

ฉิน​มู่สะสางความรู้สึก​ของ​เขา​ และ​เดิน​เข้าไป​ใน​เรือน​พร้อมกับ​เขา​

วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ตื่นเต้น​จน​เก็บอาการ​ไม่อยู่​ และ​นาง​ก็​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ในที่สุด​พวกเรา​ก็​หลุด​จาก​เรื่อง​วุ่นวาย​พวก​นั้น​ ตอนนี้​พวกเรา​สามารถ​เพ่ง​สมาธิกับ​การศึกษา​ค้นคว้า​ได้​แล้ว​ ข้า​เกลียด​การ​สร้าง​เครือข่าย​มาก​ที่สุด​ หากว่า​ไม่ใช่เพราะ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​เชิญข้า​มา ข้า​ก็​คง​คร้าน​เกิน​กว่า​ที่จะ​เข้าร่วม​! พวกเรา​รีบ​เริ่ม​กัน​เถอะ​!”

ฉิน​มู่กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “พี่​ห​ลิง​ เจ้าเป็น​หัว​เรือ​ ส่วน​พวกเรา​จะคอย​ช่วย​สนับสนุน​ ไม่ว่า​เจ้าจะไม่เข้าใจ​หรือ​คิด​คำนวณ​อะไร​ไม่ออก​ตรงไหน​ พวกเรา​จะช่วย​แก้ไขปัญหา​ให้​ ข้า​ไม่อาจ​พูด​ได้​ถึงศาสตร์​ทั้งหมด​ แต่​ใน​ด้าน​ทักษะ​เท​วะ​เสกสรร​และ​การเรียนรู้​อื่นๆ​ แล้ว​ พวก​ข้า​ทั้งสอง​ล้วนแต่​แข็งแกร่ง​เป็น​อย่างยิ่ง​ อย่าง​น้อย​ๆ พวก​ข้า​ก็​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​ใครๆ​ ใน​โลก​หล้า​!”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ลังเล​และ​ในที่สุด​ก็​ตกลงใจ​ได้​ “แม้ว่า​มู่ชิงจะค่อนข้าง​ยโส​โอหัง​ไป​หน่อย​ แต่​มัน​ก็​เป็น​ดังที่​เขา​กล่าว​ ใน​จักรวาล​แห่ง​นี้​ไม่ว่า​จะสิบ​หมื่น​ปี​ก่อนหน้า​หรือ​อีก​สิบ​หมื่น​ปี​ให้หลัง​ ก็​ไม่มีใคร​ชาญฉลาด​ยิ่ง​ไป​กว่า​พวก​ข้า​ทั้งสอง​ได้​ วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ โปรด​จัดระบบ​ความคิด​ของ​เจ้า แล้ว​พวกเรา​จะช่วย​ขัดเกลา​ให้​สมบูรณ์แบบ​”

วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ปีติ​ยินดี​

ทั้ง​สามคน​เริ่ม​ที่จะ​ง่วน​กับ​การศึกษา​ค้นคว้า​ วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​พยายาม​ที่จะ​คิดค้น​ทักษะ​เท​วะ​สำหรับ​สสาร​อัน​แข็ง​ค้าง​ไป​ชั่วนิรันดร์​ นาง​ได้​ค้นพบ​ทิศทาง​แล้ว​และ​เริ่ม​ก้าว​ออก​ไป​ย่างก้าว​แรก​ แต่​ความรู้​ที่​เกี่ยวข้อง​นั้น​มากมาย​และ​ยุ่งเหยิง​จน​เกินไป​ ทักษะ​เท​วะ​เสกสรร​นั้น​เป็น​เพียงแค่​แขนง​หนึ่ง​ใน​บรรดา​เหล่านั้น​

โชคดี​ว่า​ ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เรียนรู้​สิ่งต่างๆ​ ทุกหนทุกแห่ง​ และ​ความสำเร็จ​ของ​พวกเขา​ใน​เชิงพีชคณิต​ก็​หา​ได้​ยาก​ใน​โลก​หล้า​ ปัญหา​ต่างๆ​ ของ​วิญญูชน​สวรรค์​ห​ลิง​ถูก​พวกเขา​ไข​กระจ่าง​ไป​ทีละ​เปลาะ​ๆ

หลังจากที่​พวกเขา​เริ่ม​การค้นคว้า​ เวลา​ครึ่ง​เดือน​ก็​ผ่าน​ไป​โดยไม่รู้ตัว​ และ​พวกเขา​ก็​หลงลืม​วัน​คืน​ วัว​แก่​มีนิสัยใจคอ​อัน​สงบ​เย็น​ และ​เขา​ก็​นั่ง​จิบ​ชาและ​สูบ​กล้องยาสูบ​น้ำ​อยู่​ไม่ไกล​ บางครั้ง​เขา​ก็​รู้สึก​เบื่อหน่าย​และ​คิดในใจ​ วัง​ข้าง​ของ​จักรพรรดินี​ฟ้านี่​ไม่ได้เรื่อง​เอา​เสีย​เลย​ ทำไม​ไม่มีที่นา​สัก​หลาย​ๆ ทุ่ง​กัน​นะ​ หลังจาก​ไม่ได้​ทำไร่ไถนา​มาหลาย​วัน​ กระดูก​กระเดี้ย​ว​ข้า​ก็​เริ่ม​จะเกียจคร้าน​…

ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​มาเข้าร่วม​การ​ชุมนุม​มากขึ้น​ทุกที​ และ​ใน​ช่วงเวลา​เหล่านี้​ ก็​มีผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​มากมาย​ที่มา​นั่ง​อยู่​ใน​บริเวณ​เรือน​รุ่งโรจน์​ เมื่อ​พวกเขา​เหน็ดเหนื่อย​ ก็​จะมานอน​พักผ่อน​ใต้​ต้นไม้​

วัว​แก่​พ่น​ควัน​ยาสูบ​ออก​ไป​เป็น​วง​ และ​มอง​ด้วย​สายตา​เอื่อย​เฉื่อย​ไป​ยัง​ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​ทั้งหลาย​ที่​กำลัง​ปรึกษาหารือ​กัน​เรื่อง​มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ ครึ่ง​เทพ​มากมาย​ก็​มายัง​สระ​หยก​ด้วย​ และ​พวกเขา​บางคน​ก็​ถึงกับ​โบยบิน​อยู่​บน​ท้องฟ้า​ พวกเขา​ไม่ร่อน​ลงมา​กับ​พื้น​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ ความ​อึกทึก​ก็​ดัง​มาเมื่อ​ผู้คน​นับไม่ถ้วน​ส่งข่าว​ต่อ​ๆ กัน​ไป​ “เจ็ด​วิญญูชน​สวรรค์​กำลังจะ​สอน​บรรยาย​แล้ว​!”

“ข้า​ได้ยิน​ว่า​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​กำลังจะ​บอกกล่าว​พวกเรา​ถึงวิธีการ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​ ให้​พวกเรา​ไป​ยัง​โถงตำหนัก​หลัก​แห่ง​ราช​วัง​ข้าง​!”

“รีบ​ไป​แต่​เนิ่นๆ​ จะได้​จับจอง​ที่นั่ง​ดี​ๆ! หากว่า​เจ้าชักช้า​ก็​จะได้​อยู่​แต่​ข้างนอก​ ทั้ง​หนาว​และ​หิวโหย​!”

เสียงร้อง​โหวกเหวก​ดัง​มาใน​บริเวณ​โดยรอบ​ เมื่อ​ทุกๆ​ คน​กรู​เข้าไป​ยัง​โถงตำหนัก​หลัก​ วัว​แก่​รีบ​ลุกขึ้น​มาและ​เขา​คิด​อยู่​ใน​ใจ ข้า​จะต้อง​ไป​บอก​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​และ​ฉิน​มู่เกี่ยวกับ​การ​ชุมนุม​นี้​ พวกเขา​ได้​สนทนา​เรื่อง​นี้​มาก็​นานโข​แล้ว​…

ขณะที่​เขา​คิด​อยู่​นั่นเอง​ เขา​พลัน​ได้ยิน​เสียง​หวีดร้อง​ออกมา​เมื่อ​ผู้คน​มากมาย​ร้อง​โหยหวน​ด้วย​ความ​ประหวั่นพรั่นพรึง​

เสียง​นั้น​อึงคะนึง​จน​ไม่ได้ศัพท์​ และ​วัว​แก่​ก็​ไม่รู้​ว่า​พวกเขา​ตะโกน​อะไร​กัน​

คน​พวก​นี้​โหวกเหวก​เกินไป​ไหม​ ผู้คน​แห่ง​ยุค​โบราณ​ล้วนแต่​มีพวก​ตื่นไฟ​

วัว​แก่​ส่าย​หัว​ไปมา​ และ​เดิน​ต่อ​เข้าไป​ยัง​เรือน​ ในขณะที่​เสียง​ตะโกน​นั้น​ชัดเจน​มากขึ้น​ทุกที​

มีบางคน​ตะโกน​อยู่​ข้างนอก​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​

“วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ตาย​แล้ว​!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด