ตำนานเทพกู้จักรวาล 476 แสงตะวันหลากสีเหนือทะเลแดง

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 476 แสงตะวันหลากสีเหนือทะเลแดง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากพายุ ฉินมู่ปีนออกจากเนินทรายสูงและมองไปรอบๆ ในสายตาของเขามีแต่ทะเลทรายอันรกร้างและเงียบสงัด มีก็แต่เนินทรายอันเรียงกันเป็นรูปเกล็ดที่หลงเหลืออยู่จากพายุอันซัดถล่มไปเมื่อครู่

เรือตะวันนั้นแตกเป็นชิ้นๆ พินาศยับเยิน เห็นได้ชัดว่าการโจมตีทั้งสุดท้ายของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้นั้นแข็งแกร่งอย่างสุดขีด นางมีใจคิดที่จะลากราชครูสันตินิรันดร์ไปตายพร้อมๆ กับนางเมื่อลงมือจู่โจมครั้งสุดท้ายนั้น ผลพวงของมันก็คือเรือตะวันพินาศย่อยยับไปด้วย

เพลิงไฟในทะเลทรายปลาสนาการ แม้ว่าทรายจะยังคงเป็นสีแดง เพลิงไฟอันแผดเผาผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศไม่ปรากฏอยู่อีกต่อไป

ฉินมู่มองไปยังที่ไกลๆ แต่มองไม่เห็นพวกมันที่ไหนเลยสักแห่ง

ทะเลทรายเพลิงโหมมอดดับไปแล้ว

เขาตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ และรีบยกมือขึ้นดู รอยประทับอัคคีบนผิวหนังของเขาก็หายไปเช่นกัน

เขานำกระจกออกมาสามสี่บาน ยกมันขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็ไม่เห็นรอยประทับอัคคีตรงไหน

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้สิ้นชีวิตแล้ว!

หัวใจของฉินมู่เต้นตึกตักอย่างรุนแรง มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ได้วางเพลิงไฟอันใช้มุ่งโจมตีผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศโดยเฉพาะ รอยประทับอัคคีพวกนั้นจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกที่ย่างกรายเข้ามาในทะเลทราย และยิ่งมีสายเลือดสูงส่งบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็จะยิ่งเกิดรอยประทับอัคคีมากขึ้นเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น รอยประทับอัคคีของฉินมู่ลุกลามไปทั้งร่างกายของเขา

แต่มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ได้ตกตายลงไป ดังนั้นเพลิงไฟในทะเลทรายจึงหายวับไปเช่นกัน รอยประทับอัคคีบนผู้คนที่ถูกละทิ้งก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป!

“แค่ก แค่ก!”

เนินทรายอีกเนินที่ไกลๆ แตกออกมา และกิเลนมังกรก็ปีนออกมาจากในนั้น พลางพ่นทรายในปากของเขาออก ฉินมู่เรียกเขาจากที่ไกลๆ และเดินกะเผลกๆ เข้าไปหา

อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่ามันมิได้มาจากการต่อสู้กับผานกงสั่ว มันเกิดจากลูกหลงของการโจมตีครั้งสุดท้ายของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ อันทำให้เขาบาดเจ็บอย่างหนัก

กิเลนมังกรพุ่งเข้ามาหาฉินมู่และหลุบหางลง ฉินมู่เหยียบขึ้นไปทางปลายหางของเขา และกิเลนมังกรก็ยกหางขึ้นเพื่อให้เขาไถลลงมาที่หลัง

กิเลนมังกรวิ่งตะบึงไปข้างๆ เรือตะวัน

ฉินมู่นั่งลงและตะโกนไปด้วยเสียงอันดัง “ราชครู เจ้ายังมีชีวิตอยู่ไหม”

“ข้าอยู่นี่”

เสียงของราชครูสันตินิรันดร์มาจากใกล้ๆ และฉินมู่มองตรงไปที่แหล่งที่มา เขาเห็นราชครูสันตินิรันดร์อยู่ใต้เงาของหินก้อนใหญ่ ฉินมู่ไกลลงมาจากหลังของกิเลนมังกรด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบาดเจ็บอีกแล้ว?”

“ไม่ร้ายแรงเกินไปหรอก อาการบาดเจ็บครั้งนี้ยังสาหัสน้อยกว่าครั้งก่อน” ราชครูสันตินิรันดร์หลับตาลงราวกับว่าเขาผล็อยหลับไป จากนั้นเขาก็ลืมตาข้างหนึ่งและมองไปข้างหลังพลางกล่าวอย่างอ่อนแรง “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้นั้นแข็งแกร่งจริงๆ ด้วยการยืมพลังอำนาจของเรือตะวัน นางก็เหนือล้ำเสียยิ่งกว่าเทพเจ้าจากเหนือฟ้า”

ฉินมู่มองไปยังทิศทางเดียวกับเขา แต่มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง ถึงจะฉงนฉงาย แต่เขาก็เริ่มรักษาเยียวยาตนเองก่อน หลังจากนั้น เขาหมายจะเข้าไปเคลื่อนย้ายตัวราชครู แต่พบว่ามิอาจกระทำได้

“จ้าวลัทธิ เจ้ายกเทพเจ้าไม่ได้หรอก” ราชครูสันตินิรันดร์กล่าวด้วยรอยยิ้มจืดจาง

ฉินมู่เข้าใจความหมายของเขา และเข้าไปรักษาเขากับที่แทน “ราชครูยังคงตั้งใจที่จะไปยังเหนือฟ้าอีกหรือ”

ราชครูสันตินิรันดร์ส่ายหน้า “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ได้เปรียบด้านชัยภูมิเมื่อพวกเราต่อสู้กันที่นี่ และข้าก็เกือบจะพ่ายแพ้ หากว่าข้าไปยังเหนือฟ้า ก็ยังคงมีเทพเจ้าอยู่ที่นั่นจำนวนหนึ่ง และมันเป็นดินแดนของพวกเขา คงจะยิ่งอันตรายร้ายกาจกว่าที่ข้าเผชิญอยู่ที่นี่ ข้าเพียงแต่ต้องรอสักพัก ให้จักรพรรดิและตัวตนระดับจ้าวลัทธิคนอื่นๆ บรรลุเป็นเทพเจ้าเช่นกัน”

มียอดฝีมือในขั้นสะพานเทวะมากมายในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ อันติดชะงักอยู่ที่วรยุทธขั้นนี้มาชั่วนาตาปี การเผยแพร่ตัวแบบพีชคณิตห้วงมิติในการซ่อมแซมสะพานเทวะของฉินมู่ ได้มอบความหวังแก่พวกเขาในการบรรลุเป็นเทพเจ้า

“เจ้าปล่อยผู้สูงศักดิ์ไปหรือ” ราชครูสันตินิรันดร์ถาม

ฉินมู่กล่าวอย่างจริงจังระหว่างที่ตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา “ข้าได้ทำข้อตกลงว่าจะไม่คร่าชีวิตเขา แต่มันยากที่จะรั้งเขาเอาไว้โดยไม่ทุ่มสุดตัวเพื่อสังหารหมายชีวิต ความสามารถของผู้สูงศักดิ์ในวิชาหลบหนีนั้นไร้เทียมทานในโลกหล้า ข้าไม่เคยพบเห็นบุคคลที่ลื่นไหลขนาดนี้มาก่อน แต่ถึงอย่างไร ข้าก็โชคดีได้ขาเขามาครึ่งหนึ่ง”

“ปล่อยเขาเพ่นพ่านอย่างอิสระนั้นจะก่อเภทภัยมากมายในอนาคต แม้แต่ข้าก็ไม่อาจต้านทานเวทมนตร์สักการะดวงวิญญาณของเขาได้ มีผู้คนน้อยนักที่รู้ชื่อจริงของข้า แต่หากว่าเขาไปที่สุสานแม่น้ำเพื่อตรวจสอบ เขาก็จะสามารถค้นพบ นามของจักรพรรดิเองก็ถูกสืบเสาะได้เช่นกัน” ราชครูสันตินิรันดร์กล่าวอย่างเคร่งขรึม

ฉินมู่นำเอาเข็มเงินมากมายออกมาปัก จนเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเม่น ระหว่างที่ปักเข็มเล่มสุดท้ายเข้าไปตรงหว่างคิ้ว เขาก็ยิ้มกล่าว “สำหรับข้า ผู้สูงศักดิ์มิใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป เทพเจ้าข้างหลังเขาเรียกว่าเทพหมอผีขุย เขาพ่ายแพ้แก่ผู้สูงศักดิ์และถูกฉีกร่างเนื้อกับจิตวิญญาณดั้งเดิมแยกออกจากกัน ผู้สูงศักดิ์ซ่อนกายเนื้อของเขาเอาไว้ในภูเขาหยางแห่งแดนโบราณวินาศ และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาไว้ในภูเขาหยิน ตราบเท่าที่พวกเรากำจัดจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุย พวกเราก็จะสามารถทำลายเวทมนตร์สักการะดวงวิญญาณของผู้สูงศักดิ์”

ราชครูสันตินิรันดร์ปรายตามองเขาอย่างไม่ยินดียินร้าย “หากว่าผู้สูงศักดิ์ล่วงหน้าก่อนเจ้าไปก้าวหนึ่ง และย้ายสถานที่เก็บซ่อนจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยล่ะ?”

ฉินมู่ตกตะลึง จากนั้นตบต้นขาของราชครูอย่างแรง จนทำให้คนโดนน้ำตาไหลจากความเจ็บปวด ฉินมู่รีบดึงมือของเขาออก และหลอมปรุงยาวิญญาณอีกสองเตา “วิชาแพทย์ของผู้สูงสูงศักดิ์ยอดเยี่ยมนัก ด้อยกว่าข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาเสียขาไปครึ่งหนึ่งก็คงไม่ตายหรอก รอที่นี่เถอะ ข้าจะเดินทางไปภูเขาหยิน! อย่าลืมทานยาให้ตรงเวลาด้วยล่ะ!”

ราชครูสันตินิรันดร์นำลูกแก้วเต่าดำออกมาและโยนไปให้เขา “เอามันไป เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น!”

ฉินมู่ทิ้งน้ำและอาหารไว้จำนวนสามสี่ถุงหนังก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนมังกรและจากไปอย่างเร่งร้อน

ราชครูสันตินิรันดร์เอนพิงก้อนหินใหญ่และคิดอยากที่จะลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็ต้องทรุดลงไปนั่งใหม่ เขาหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยและยิ้มขื่น “ข้าบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้อีกแล้ว…โชคยังดี เมื่อจ้าวลัทธิ ไอ้เด็กแสบนี่ ยัดลูกแก้วเต่าดำใส่มือมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ นางไม่ลงมือโจมตี ไม่อย่างนั้นข้าคงตายจากการเล่นคะนองของเขา…”

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดผวาติดแน่นในจิตใจ

ฉินมู่ได้วางลูกแก้วเต่าดำและลูกแก้วมังกรเขียวเข้าไปในมือของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อทดสอบนาง แต่ทว่าเขามิได้คิดคำนึงเลยว่าราชครูสันตินิรันดร์อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เขาคาดหมายเอาไว้

เจ้าหมอนั่นมันเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวราชครู เสียยิ่งกว่าที่ราชครูมีต่อตนเอง ระหว่างการเดินทางเคียงข้างฉินมู่ อันตรายก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ

โชคดีที่ไอ้เด็กแสบหายไปแล้ว ภูเขาหยินอาจจะอันตราย แต่อยู่ใกล้ๆ เขานี่อันตรายกว่ามาก

ราชครูสันตินิรันดร์เอนกายลงเพื่อฟื้นฟูตนเอง ในขณะนั้น ข้างหลังก้อนหินใหญ่ที่เขาพิงอยู่ มวลทรายก็หมุนเป็นเกลียวอย่างเงียบงันและรวบรวมขึ้นมาก่อเป็นยักษ์ทราย

ราชครูสันตินิรันดร์ดูราวจะไม่สำเหนียกอะไร และเสียงกรนก็ดังมาจากคอของเขา แต่ทว่าดวงตาเขาค่อยๆ เปิดออกมา

เขาลอบยกมือขึ้นและดึงเอาเข็มเงินที่ฉินมู่ปักไว้บนหว่างคิ้วออก

มันมิใช่เข็มเงิน แต่เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง–กระบี่ไร้กังวล

ราชครูสันตินิรันดร์ถือมันไว้ด้วยดวงตาที่หรี่แคบ จากนั้นพลันแทงเข้าไปในก้อนหินข้างหลังเขา

ยักษ์ทรายกำลังแย้มยิ้มอยู่ในตอนนั้น พร้อมที่จะขย้ำเข้าใส่ กระบี่ไร้กังวลแทงทะลุหัวใจของมัน ด้วยเสียงปัง แสงกระบี่แปดพันเล่มยิงออกมาจากทุกทิศทาง ระเบิดออกจากในร่างของยักษ์ทราย!

กระบี่ไร้กังวลสั่นสะเทือน และกระบี่ทั้งแปดพันเล่มก็บินกลับมาพร้อมกับมีโลหิตเทวะหยาดหยดจากปลายของพวกมัน กระบี่ทั้งหลายก่อตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นไจกระบี่อันมีขนาดเท่าผลส้ม

ราชครูสันตินิรันดร์เอนพิงก้อนหินต่อ ขณะที่ไจกระบี่นั้นลอยอ้อมก้อนหินวกกลับมาหาเขา

“ขอบใจ”

ราชครูสันตินิรันดร์แย้มยิ้มและดีดลูกกลมนั้นหนึ่งที มันพุ่งหวีดหวือและหายไปยังทิศไกลๆ

ข้างหลังก้อนหินใหญ่ ยักษ์ทรายนั้นค่อยๆ พังทลายลงขณะที่โลหิตเทวะหลั่งไหลอกจากมัน เลือดเริ่มนองย้อมพื้นมากขึ้นทุกทีๆ

กิเลนมังกรกำลังวิ่งตะบึงไปทางทิศตะวันออก พลันฉินมู่ก็ยื่นมือขึ้นและกวักเรียก ไจกระบี่พุ่งหวือมาวางอยู่บนมือของเขา กิเลนมังกรพลันทรุดยวบและเซแซ่ดๆ ไปสามสี่ก้าว

ฉินมู่ใส่ไจกระบี่ของเขาเข้าไปในถุงเต๋าตี้และแย้มยิ้ม “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ตายสนิทในที่สุด”

ด้วยความตกตะลึง กิเลนมังกรร้องออกมา “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ยังมีชีวิตอยู่หรือ รอยประทับอัคคีบนร่างของท่านหายไป และเพลิงไฟในทะเลทรายก็มอดดับแล้วมิใช่หรือ แล้วนางจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”

“นางกลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์ และทำเช่นนั้นเพื่อให้พวกเราคิดว่านางตายไปแล้ว ดังนั้นราชครูจึงเล่นไปตามบทราวกับว่าเขาก็คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ทว่าเขาปรายตาเป็นสัญญาณบอกเตือนข้า ดังนั้นตอนที่ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ได้แปรเปลี่ยนกระบี่ไร้กังวลให้เป็นเข็ม และปักมันไว้บนหว่างคิ้วของเขา”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “สาเหตุที่ราชครูมอบลูกแก้วเต่าดำให้แก่ข้าก็เพราะว่าเขากลัวว่ามันจะตกไปอยู่ในมือของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ ทำให้นางรับมือยากเข้าไปใหญ่ บัดนี้นางตายสนิทแล้วจริงๆ หากว่าเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองหันกลับไปดู”

กิเลนมังกรรีบหันกลับไป และเห็นทะเลสีแดงฉานค่อยๆ แผ่ขยายออกมาด้วยความเร็วอันยิ่งยวด มันก่อขึ้นมาจากโลหิตเทวะและกำลังกลืนกินทะเลทราย พุ่งเข้ามาทางพวกเขา ภาพที่เห็นนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดขีด!

กิเลนมังกรวิ่งหนี หลังจากแผ่มามากกว่าร้อยลี้ ทะเลแดงก็ไม่ขยายตัวอีกต่อไป

กิเลนมังกรถาม “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้เลือดไหลเยอะขนาดนี้เลยหรือ”

“โลหิตเทวะของนางกลายกลับมาเป็นเลือดของปุถุชน ดังนั้นจึงย่อมมีมากมายเนืองนอง”

ฉินมู่ก็หันกลับไปดูและเห็นแสงตะวันหลากสีที่สาดส่องอยู่เหนือทะเลแดงฉาน บนชายฝั่งทะเล พืชพันธุ์วรรณาทั้งหลายต่างก็งอกงามอย่างบ้าคลั่ง เพราะถึงอย่างไร ต่อให้ที่รกร้างอย่างทะเลทรายก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิตที่ทนทายาดอยู่

“มนุษย์ก็เหมือนกัน ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะร้ายกาจแค่ไหน พวกเขาก็จะค้นพบวิธีการดำรงชีวิตอยู่ต่อไป!”

เขาเปิดเนตรสวรรค์ชาดเพื่อมองไปที่ไกลๆ เรือตะวันอันแตกพังเป็นชิ้นๆ ได้กลายเป็นเกาะที่ใจกลางทะเลแดง ราชครูสันตินิรันดร์ได้ปีนขึ้นไปบนนั้นและไม่จมลงไปในทะเลเลือด

“อย่าลืมทานยาให้ตรงเวลานะ” ฉินมู่โบกมือให้เขา จากนั้นก็ให้กิเลนมังกรเดินทางจากไป

ผานกงสั่วห้ามเลือดของตนเองขณะที่นั่งอยู่บนกองหญ้าหางแมวอันถูกลมหอบเหาะข้ามฟ้าไป เมื่อเขามาถึงแดนโบราณวินาศ นั่นก็ผ่านมาสามวันแล้ว และท้องฟ้าก็กำลังจะมืด

ระหว่างช่วงสามวันนี้ เขาได้เยียวยาอาการบาดเจ็บของตนเอง แต่ทว่าขาขวาท่อนล่างของเขาถูกฉินมู่ตัดสะบั้นไป การเคลื่อนไหวของเขาจึงยากลำบาก

ผานกงสั่วมองไปรอบๆ และสายตาของเขาก็เป็นประกาย เขาเดินตามฝูงสัตว์พิสดารและมายังซากโบราณแห่งหนึ่งก่อนที่ความมืดจะร่วงลงมา

ฉัวะ!

ผานกงสั่วเงื้อมือขึ้นตัดขาของกวางตัวหนึ่ง สัตว์พิสดารนี้ร้องคำรามออกมา ส่งเสียงข่มขู่

ผานกงสั่วเปิดถุงเต๋าตี้ของเขา และฝูงแมลงวิญญาณก็บินออกมา เขายิ้มหยัน “พวกเจ้ากล้ารังแกข้าหรือ ไอ้พวกสัตว์เถื่อน ข้าทำอะไรไอ้เด็กแซ่ฉินไม่ได้ แต่จะฆ่าพวกเจ้าให้หมดนั้นง่ายนิดเดียว!”

สัตว์พิสดารตัวอื่นๆ มองไปที่แมลงวิญญาณอันบินว่อนไปทั่วและไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามดาหน้าออกมา

“ผู้สูงศักดิ์นี่ช่างเขื่องโขเสียจริง” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังมาจากซากโบราณ กล่าวด้วยท่าทีสบายๆ “การที่ผู้สูงศักดิ์แห่งวังทองโหรวหลันต้องมาตกต่ำถึงขั้นเบียดเบียนรังแกฝูงสัตว์พิสดาร น่าขำอะไรอย่างนี้”

“เจ้าเป็นใคร”

ผานกงสั่วรีบต่อขากวางนั้นเข้ากับขาที่ขาดไปของตนเอง โดยไม่ใส่ใจจะพิถีพิถัน เขารีบลุกขึ้นยืนและเห็นหีบใบหนึ่งลอยออกมาจากส่วนลึกของซากโบราณ

ปัง

หีบนั้นเปิดออก และขาสองข้างวิ่งออกมาจากข้างในนั้น พวกมันตามมาด้วยแขนสองข้าง และส่วนลำตัวอันประกอบเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วเป็นร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่ง

มันเดินตรงไปยังหีบและนำหัวหนึ่งมาวางต่อที่คอของมัน

“ผู้สูงศักดิ์ เจ้าจดจำสหายเก่าไม่ได้หรือ” ร่างอันพิลึกกึกกือนั้นหันกลับมา และมันก็คือเด็กหนุ่มหล่อเหลาหน้าขาวปากแดง บนเรียวปากของเขามีรอยยิ้มชวนลุ่มหลงประดับอยู่

ผานกงสั่วสีหน้าซีดเผือดราวขี้เถ้า

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพกู้จักรวาล 476 แสงตะวันหลากสีเหนือทะเลแดง

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 476 แสงตะวันหลากสีเหนือทะเลแดง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากพายุ ฉินมู่ปีนออกจากเนินทรายสูงและมองไปรอบๆ ในสายตาของเขามีแต่ทะเลทรายอันรกร้างและเงียบสงัด มีก็แต่เนินทรายอันเรียงกันเป็นรูปเกล็ดที่หลงเหลืออยู่จากพายุอันซัดถล่มไปเมื่อครู่

เรือตะวันนั้นแตกเป็นชิ้นๆ พินาศยับเยิน เห็นได้ชัดว่าการโจมตีทั้งสุดท้ายของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้นั้นแข็งแกร่งอย่างสุดขีด นางมีใจคิดที่จะลากราชครูสันตินิรันดร์ไปตายพร้อมๆ กับนางเมื่อลงมือจู่โจมครั้งสุดท้ายนั้น ผลพวงของมันก็คือเรือตะวันพินาศย่อยยับไปด้วย

เพลิงไฟในทะเลทรายปลาสนาการ แม้ว่าทรายจะยังคงเป็นสีแดง เพลิงไฟอันแผดเผาผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศไม่ปรากฏอยู่อีกต่อไป

ฉินมู่มองไปยังที่ไกลๆ แต่มองไม่เห็นพวกมันที่ไหนเลยสักแห่ง

ทะเลทรายเพลิงโหมมอดดับไปแล้ว

เขาตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ และรีบยกมือขึ้นดู รอยประทับอัคคีบนผิวหนังของเขาก็หายไปเช่นกัน

เขานำกระจกออกมาสามสี่บาน ยกมันขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็ไม่เห็นรอยประทับอัคคีตรงไหน

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้สิ้นชีวิตแล้ว!

หัวใจของฉินมู่เต้นตึกตักอย่างรุนแรง มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ได้วางเพลิงไฟอันใช้มุ่งโจมตีผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศโดยเฉพาะ รอยประทับอัคคีพวกนั้นจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกที่ย่างกรายเข้ามาในทะเลทราย และยิ่งมีสายเลือดสูงส่งบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็จะยิ่งเกิดรอยประทับอัคคีมากขึ้นเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น รอยประทับอัคคีของฉินมู่ลุกลามไปทั้งร่างกายของเขา

แต่มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ได้ตกตายลงไป ดังนั้นเพลิงไฟในทะเลทรายจึงหายวับไปเช่นกัน รอยประทับอัคคีบนผู้คนที่ถูกละทิ้งก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป!

“แค่ก แค่ก!”

เนินทรายอีกเนินที่ไกลๆ แตกออกมา และกิเลนมังกรก็ปีนออกมาจากในนั้น พลางพ่นทรายในปากของเขาออก ฉินมู่เรียกเขาจากที่ไกลๆ และเดินกะเผลกๆ เข้าไปหา

อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่ามันมิได้มาจากการต่อสู้กับผานกงสั่ว มันเกิดจากลูกหลงของการโจมตีครั้งสุดท้ายของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ อันทำให้เขาบาดเจ็บอย่างหนัก

กิเลนมังกรพุ่งเข้ามาหาฉินมู่และหลุบหางลง ฉินมู่เหยียบขึ้นไปทางปลายหางของเขา และกิเลนมังกรก็ยกหางขึ้นเพื่อให้เขาไถลลงมาที่หลัง

กิเลนมังกรวิ่งตะบึงไปข้างๆ เรือตะวัน

ฉินมู่นั่งลงและตะโกนไปด้วยเสียงอันดัง “ราชครู เจ้ายังมีชีวิตอยู่ไหม”

“ข้าอยู่นี่”

เสียงของราชครูสันตินิรันดร์มาจากใกล้ๆ และฉินมู่มองตรงไปที่แหล่งที่มา เขาเห็นราชครูสันตินิรันดร์อยู่ใต้เงาของหินก้อนใหญ่ ฉินมู่ไกลลงมาจากหลังของกิเลนมังกรด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบาดเจ็บอีกแล้ว?”

“ไม่ร้ายแรงเกินไปหรอก อาการบาดเจ็บครั้งนี้ยังสาหัสน้อยกว่าครั้งก่อน” ราชครูสันตินิรันดร์หลับตาลงราวกับว่าเขาผล็อยหลับไป จากนั้นเขาก็ลืมตาข้างหนึ่งและมองไปข้างหลังพลางกล่าวอย่างอ่อนแรง “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้นั้นแข็งแกร่งจริงๆ ด้วยการยืมพลังอำนาจของเรือตะวัน นางก็เหนือล้ำเสียยิ่งกว่าเทพเจ้าจากเหนือฟ้า”

ฉินมู่มองไปยังทิศทางเดียวกับเขา แต่มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง ถึงจะฉงนฉงาย แต่เขาก็เริ่มรักษาเยียวยาตนเองก่อน หลังจากนั้น เขาหมายจะเข้าไปเคลื่อนย้ายตัวราชครู แต่พบว่ามิอาจกระทำได้

“จ้าวลัทธิ เจ้ายกเทพเจ้าไม่ได้หรอก” ราชครูสันตินิรันดร์กล่าวด้วยรอยยิ้มจืดจาง

ฉินมู่เข้าใจความหมายของเขา และเข้าไปรักษาเขากับที่แทน “ราชครูยังคงตั้งใจที่จะไปยังเหนือฟ้าอีกหรือ”

ราชครูสันตินิรันดร์ส่ายหน้า “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ได้เปรียบด้านชัยภูมิเมื่อพวกเราต่อสู้กันที่นี่ และข้าก็เกือบจะพ่ายแพ้ หากว่าข้าไปยังเหนือฟ้า ก็ยังคงมีเทพเจ้าอยู่ที่นั่นจำนวนหนึ่ง และมันเป็นดินแดนของพวกเขา คงจะยิ่งอันตรายร้ายกาจกว่าที่ข้าเผชิญอยู่ที่นี่ ข้าเพียงแต่ต้องรอสักพัก ให้จักรพรรดิและตัวตนระดับจ้าวลัทธิคนอื่นๆ บรรลุเป็นเทพเจ้าเช่นกัน”

มียอดฝีมือในขั้นสะพานเทวะมากมายในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ อันติดชะงักอยู่ที่วรยุทธขั้นนี้มาชั่วนาตาปี การเผยแพร่ตัวแบบพีชคณิตห้วงมิติในการซ่อมแซมสะพานเทวะของฉินมู่ ได้มอบความหวังแก่พวกเขาในการบรรลุเป็นเทพเจ้า

“เจ้าปล่อยผู้สูงศักดิ์ไปหรือ” ราชครูสันตินิรันดร์ถาม

ฉินมู่กล่าวอย่างจริงจังระหว่างที่ตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา “ข้าได้ทำข้อตกลงว่าจะไม่คร่าชีวิตเขา แต่มันยากที่จะรั้งเขาเอาไว้โดยไม่ทุ่มสุดตัวเพื่อสังหารหมายชีวิต ความสามารถของผู้สูงศักดิ์ในวิชาหลบหนีนั้นไร้เทียมทานในโลกหล้า ข้าไม่เคยพบเห็นบุคคลที่ลื่นไหลขนาดนี้มาก่อน แต่ถึงอย่างไร ข้าก็โชคดีได้ขาเขามาครึ่งหนึ่ง”

“ปล่อยเขาเพ่นพ่านอย่างอิสระนั้นจะก่อเภทภัยมากมายในอนาคต แม้แต่ข้าก็ไม่อาจต้านทานเวทมนตร์สักการะดวงวิญญาณของเขาได้ มีผู้คนน้อยนักที่รู้ชื่อจริงของข้า แต่หากว่าเขาไปที่สุสานแม่น้ำเพื่อตรวจสอบ เขาก็จะสามารถค้นพบ นามของจักรพรรดิเองก็ถูกสืบเสาะได้เช่นกัน” ราชครูสันตินิรันดร์กล่าวอย่างเคร่งขรึม

ฉินมู่นำเอาเข็มเงินมากมายออกมาปัก จนเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเม่น ระหว่างที่ปักเข็มเล่มสุดท้ายเข้าไปตรงหว่างคิ้ว เขาก็ยิ้มกล่าว “สำหรับข้า ผู้สูงศักดิ์มิใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป เทพเจ้าข้างหลังเขาเรียกว่าเทพหมอผีขุย เขาพ่ายแพ้แก่ผู้สูงศักดิ์และถูกฉีกร่างเนื้อกับจิตวิญญาณดั้งเดิมแยกออกจากกัน ผู้สูงศักดิ์ซ่อนกายเนื้อของเขาเอาไว้ในภูเขาหยางแห่งแดนโบราณวินาศ และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาไว้ในภูเขาหยิน ตราบเท่าที่พวกเรากำจัดจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุย พวกเราก็จะสามารถทำลายเวทมนตร์สักการะดวงวิญญาณของผู้สูงศักดิ์”

ราชครูสันตินิรันดร์ปรายตามองเขาอย่างไม่ยินดียินร้าย “หากว่าผู้สูงศักดิ์ล่วงหน้าก่อนเจ้าไปก้าวหนึ่ง และย้ายสถานที่เก็บซ่อนจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยล่ะ?”

ฉินมู่ตกตะลึง จากนั้นตบต้นขาของราชครูอย่างแรง จนทำให้คนโดนน้ำตาไหลจากความเจ็บปวด ฉินมู่รีบดึงมือของเขาออก และหลอมปรุงยาวิญญาณอีกสองเตา “วิชาแพทย์ของผู้สูงสูงศักดิ์ยอดเยี่ยมนัก ด้อยกว่าข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาเสียขาไปครึ่งหนึ่งก็คงไม่ตายหรอก รอที่นี่เถอะ ข้าจะเดินทางไปภูเขาหยิน! อย่าลืมทานยาให้ตรงเวลาด้วยล่ะ!”

ราชครูสันตินิรันดร์นำลูกแก้วเต่าดำออกมาและโยนไปให้เขา “เอามันไป เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น!”

ฉินมู่ทิ้งน้ำและอาหารไว้จำนวนสามสี่ถุงหนังก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนมังกรและจากไปอย่างเร่งร้อน

ราชครูสันตินิรันดร์เอนพิงก้อนหินใหญ่และคิดอยากที่จะลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็ต้องทรุดลงไปนั่งใหม่ เขาหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยและยิ้มขื่น “ข้าบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้อีกแล้ว…โชคยังดี เมื่อจ้าวลัทธิ ไอ้เด็กแสบนี่ ยัดลูกแก้วเต่าดำใส่มือมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ นางไม่ลงมือโจมตี ไม่อย่างนั้นข้าคงตายจากการเล่นคะนองของเขา…”

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดผวาติดแน่นในจิตใจ

ฉินมู่ได้วางลูกแก้วเต่าดำและลูกแก้วมังกรเขียวเข้าไปในมือของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อทดสอบนาง แต่ทว่าเขามิได้คิดคำนึงเลยว่าราชครูสันตินิรันดร์อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เขาคาดหมายเอาไว้

เจ้าหมอนั่นมันเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวราชครู เสียยิ่งกว่าที่ราชครูมีต่อตนเอง ระหว่างการเดินทางเคียงข้างฉินมู่ อันตรายก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ

โชคดีที่ไอ้เด็กแสบหายไปแล้ว ภูเขาหยินอาจจะอันตราย แต่อยู่ใกล้ๆ เขานี่อันตรายกว่ามาก

ราชครูสันตินิรันดร์เอนกายลงเพื่อฟื้นฟูตนเอง ในขณะนั้น ข้างหลังก้อนหินใหญ่ที่เขาพิงอยู่ มวลทรายก็หมุนเป็นเกลียวอย่างเงียบงันและรวบรวมขึ้นมาก่อเป็นยักษ์ทราย

ราชครูสันตินิรันดร์ดูราวจะไม่สำเหนียกอะไร และเสียงกรนก็ดังมาจากคอของเขา แต่ทว่าดวงตาเขาค่อยๆ เปิดออกมา

เขาลอบยกมือขึ้นและดึงเอาเข็มเงินที่ฉินมู่ปักไว้บนหว่างคิ้วออก

มันมิใช่เข็มเงิน แต่เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง–กระบี่ไร้กังวล

ราชครูสันตินิรันดร์ถือมันไว้ด้วยดวงตาที่หรี่แคบ จากนั้นพลันแทงเข้าไปในก้อนหินข้างหลังเขา

ยักษ์ทรายกำลังแย้มยิ้มอยู่ในตอนนั้น พร้อมที่จะขย้ำเข้าใส่ กระบี่ไร้กังวลแทงทะลุหัวใจของมัน ด้วยเสียงปัง แสงกระบี่แปดพันเล่มยิงออกมาจากทุกทิศทาง ระเบิดออกจากในร่างของยักษ์ทราย!

กระบี่ไร้กังวลสั่นสะเทือน และกระบี่ทั้งแปดพันเล่มก็บินกลับมาพร้อมกับมีโลหิตเทวะหยาดหยดจากปลายของพวกมัน กระบี่ทั้งหลายก่อตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นไจกระบี่อันมีขนาดเท่าผลส้ม

ราชครูสันตินิรันดร์เอนพิงก้อนหินต่อ ขณะที่ไจกระบี่นั้นลอยอ้อมก้อนหินวกกลับมาหาเขา

“ขอบใจ”

ราชครูสันตินิรันดร์แย้มยิ้มและดีดลูกกลมนั้นหนึ่งที มันพุ่งหวีดหวือและหายไปยังทิศไกลๆ

ข้างหลังก้อนหินใหญ่ ยักษ์ทรายนั้นค่อยๆ พังทลายลงขณะที่โลหิตเทวะหลั่งไหลอกจากมัน เลือดเริ่มนองย้อมพื้นมากขึ้นทุกทีๆ

กิเลนมังกรกำลังวิ่งตะบึงไปทางทิศตะวันออก พลันฉินมู่ก็ยื่นมือขึ้นและกวักเรียก ไจกระบี่พุ่งหวือมาวางอยู่บนมือของเขา กิเลนมังกรพลันทรุดยวบและเซแซ่ดๆ ไปสามสี่ก้าว

ฉินมู่ใส่ไจกระบี่ของเขาเข้าไปในถุงเต๋าตี้และแย้มยิ้ม “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ตายสนิทในที่สุด”

ด้วยความตกตะลึง กิเลนมังกรร้องออกมา “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ยังมีชีวิตอยู่หรือ รอยประทับอัคคีบนร่างของท่านหายไป และเพลิงไฟในทะเลทรายก็มอดดับแล้วมิใช่หรือ แล้วนางจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”

“นางกลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์ และทำเช่นนั้นเพื่อให้พวกเราคิดว่านางตายไปแล้ว ดังนั้นราชครูจึงเล่นไปตามบทราวกับว่าเขาก็คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ทว่าเขาปรายตาเป็นสัญญาณบอกเตือนข้า ดังนั้นตอนที่ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ได้แปรเปลี่ยนกระบี่ไร้กังวลให้เป็นเข็ม และปักมันไว้บนหว่างคิ้วของเขา”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “สาเหตุที่ราชครูมอบลูกแก้วเต่าดำให้แก่ข้าก็เพราะว่าเขากลัวว่ามันจะตกไปอยู่ในมือของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ ทำให้นางรับมือยากเข้าไปใหญ่ บัดนี้นางตายสนิทแล้วจริงๆ หากว่าเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองหันกลับไปดู”

กิเลนมังกรรีบหันกลับไป และเห็นทะเลสีแดงฉานค่อยๆ แผ่ขยายออกมาด้วยความเร็วอันยิ่งยวด มันก่อขึ้นมาจากโลหิตเทวะและกำลังกลืนกินทะเลทราย พุ่งเข้ามาทางพวกเขา ภาพที่เห็นนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดขีด!

กิเลนมังกรวิ่งหนี หลังจากแผ่มามากกว่าร้อยลี้ ทะเลแดงก็ไม่ขยายตัวอีกต่อไป

กิเลนมังกรถาม “มารดาเฒ่าสวรรค์แท้เลือดไหลเยอะขนาดนี้เลยหรือ”

“โลหิตเทวะของนางกลายกลับมาเป็นเลือดของปุถุชน ดังนั้นจึงย่อมมีมากมายเนืองนอง”

ฉินมู่ก็หันกลับไปดูและเห็นแสงตะวันหลากสีที่สาดส่องอยู่เหนือทะเลแดงฉาน บนชายฝั่งทะเล พืชพันธุ์วรรณาทั้งหลายต่างก็งอกงามอย่างบ้าคลั่ง เพราะถึงอย่างไร ต่อให้ที่รกร้างอย่างทะเลทรายก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิตที่ทนทายาดอยู่

“มนุษย์ก็เหมือนกัน ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะร้ายกาจแค่ไหน พวกเขาก็จะค้นพบวิธีการดำรงชีวิตอยู่ต่อไป!”

เขาเปิดเนตรสวรรค์ชาดเพื่อมองไปที่ไกลๆ เรือตะวันอันแตกพังเป็นชิ้นๆ ได้กลายเป็นเกาะที่ใจกลางทะเลแดง ราชครูสันตินิรันดร์ได้ปีนขึ้นไปบนนั้นและไม่จมลงไปในทะเลเลือด

“อย่าลืมทานยาให้ตรงเวลานะ” ฉินมู่โบกมือให้เขา จากนั้นก็ให้กิเลนมังกรเดินทางจากไป

ผานกงสั่วห้ามเลือดของตนเองขณะที่นั่งอยู่บนกองหญ้าหางแมวอันถูกลมหอบเหาะข้ามฟ้าไป เมื่อเขามาถึงแดนโบราณวินาศ นั่นก็ผ่านมาสามวันแล้ว และท้องฟ้าก็กำลังจะมืด

ระหว่างช่วงสามวันนี้ เขาได้เยียวยาอาการบาดเจ็บของตนเอง แต่ทว่าขาขวาท่อนล่างของเขาถูกฉินมู่ตัดสะบั้นไป การเคลื่อนไหวของเขาจึงยากลำบาก

ผานกงสั่วมองไปรอบๆ และสายตาของเขาก็เป็นประกาย เขาเดินตามฝูงสัตว์พิสดารและมายังซากโบราณแห่งหนึ่งก่อนที่ความมืดจะร่วงลงมา

ฉัวะ!

ผานกงสั่วเงื้อมือขึ้นตัดขาของกวางตัวหนึ่ง สัตว์พิสดารนี้ร้องคำรามออกมา ส่งเสียงข่มขู่

ผานกงสั่วเปิดถุงเต๋าตี้ของเขา และฝูงแมลงวิญญาณก็บินออกมา เขายิ้มหยัน “พวกเจ้ากล้ารังแกข้าหรือ ไอ้พวกสัตว์เถื่อน ข้าทำอะไรไอ้เด็กแซ่ฉินไม่ได้ แต่จะฆ่าพวกเจ้าให้หมดนั้นง่ายนิดเดียว!”

สัตว์พิสดารตัวอื่นๆ มองไปที่แมลงวิญญาณอันบินว่อนไปทั่วและไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามดาหน้าออกมา

“ผู้สูงศักดิ์นี่ช่างเขื่องโขเสียจริง” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังมาจากซากโบราณ กล่าวด้วยท่าทีสบายๆ “การที่ผู้สูงศักดิ์แห่งวังทองโหรวหลันต้องมาตกต่ำถึงขั้นเบียดเบียนรังแกฝูงสัตว์พิสดาร น่าขำอะไรอย่างนี้”

“เจ้าเป็นใคร”

ผานกงสั่วรีบต่อขากวางนั้นเข้ากับขาที่ขาดไปของตนเอง โดยไม่ใส่ใจจะพิถีพิถัน เขารีบลุกขึ้นยืนและเห็นหีบใบหนึ่งลอยออกมาจากส่วนลึกของซากโบราณ

ปัง

หีบนั้นเปิดออก และขาสองข้างวิ่งออกมาจากข้างในนั้น พวกมันตามมาด้วยแขนสองข้าง และส่วนลำตัวอันประกอบเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วเป็นร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่ง

มันเดินตรงไปยังหีบและนำหัวหนึ่งมาวางต่อที่คอของมัน

“ผู้สูงศักดิ์ เจ้าจดจำสหายเก่าไม่ได้หรือ” ร่างอันพิลึกกึกกือนั้นหันกลับมา และมันก็คือเด็กหนุ่มหล่อเหลาหน้าขาวปากแดง บนเรียวปากของเขามีรอยยิ้มชวนลุ่มหลงประดับอยู่

ผานกงสั่วสีหน้าซีดเผือดราวขี้เถ้า

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+