ตำนานเทพกู้จักรวาล 706 มารกลายร่างของฉินมู่

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 706 มารกลายร่างของฉินมู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จักรพรรดิแดงฉานเดินกลับไปกลับมา เขาคิดคำนวณแล้วกล่าว “เขาได้ฝึกปรือสำนึกรู้เทพอมตะของข้า และด้วยพลังอำนาจของข้าและเจ้า เขาถึงสามารถสะกดข่มพี่ชายของเขาและแย่งชิงตัวตนและพลังอำนาจแห่งโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพมาได้ ตอนนี้พวกเราให้พลังอำนาจเขามากเกินไป และพี่ชายของเขาก็ถูกตรึงค้างอยู่กับที่ด้วยคันฉ่องหยกบาดาลของโอรสหยินสวรรค์ สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้ คือปิดขวางผนึกและหยุดยั้งไม่ให้เขาขโมยพลังอำนาจของพี่ชาย…”

เมื่อเขากล่าวมาถึงตอนนั้น เทพสรรพชีวิตก็ไปปิดขวางผนึกและป้องกันไม่ให้พลังอำนาจของทารกยักษ์รั่วไหลออกไปอีก

“แล้วอะไรต่อ” เทพสรรพชีวิตเร่งเร้าเขา

จักรพรรดิแดงฉานกล่าว “พวกเราสามารถทำลายผนึกคันฉ่องหยกและให้ฉินเฟิงชิงต่อสู้แย่งชิงสันดานมารใต้พิภพกับเขา พวกเราสามารถให้เขาแย่งชิงตัวตนโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพกลับมา”

เทพสรรพชีวิตก้าวออกไปข้างหน้าและตรวจดูสภาพของทารกตัวใหญ่ เขาพบว่าพลานุภาพอันแปลกประหลาดกำลังสะกดข่มแสงรูปปีกผีเสื้อในดวงตาทั้งสามของเขา มันดูเหมือนจะมีวังน้ำวนแปลกประหลาดในแก้วตา และวังน้ำวนเหล่านั้นก็หมุนสูบเข้าไปข้างในอย่างต่อเนื่อง อันปิดผนึกสำนึกรู้ของทารก

เทพสรรพชีวิตพยายามที่จะทำลายทักษะเทวะนี้ แต่มรรคาเต๋าของโอรสหยินสวรรค์นั้นแตกต่างจากเขา เขาไม่เข้าใจอักษรรูนบางตัว ดังนั้นจึงได้แต่หักฝ่าเวทปิดผนึกด้วยกำลังเถื่อน แต่ทว่า เขาเป็นแค่ร่างแยก และกำลังฝีมือของเขาก็จำกัด เขาไม่อาจเคี่ยวกรำทำลายผนึกของโอรสยินสวรรค์ได้ในระยะเวลาอันสั้น

“วิธีนี้ไม่ได้ผล มีวิธีอื่นอีกไหม” เทพสรรพชีวิตได้แต่ล้มเลิกและถาม

จักรพรรดิแดงฉานมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและกล่าว “ปลุกพุทธเจ้าพรหม และพวกเราสามารถรวมพลังกันเพื่อทำลายเวทปิดผนึกโอรสหยินสวรรค์ ปลุกฉินเฟิงชิงขึ้นมา จากนั้นก็ร่วมมือกันเพื่อตรึงสะกดฉินมู่!”

เทพสรรพชีวิตส่ายศีรษะ “เมื่อพุทธเจ้าเฒ่าหลับใหลไปแล้ว พวกเราจะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาง่ายๆ ได้อย่างไร ความคิดนี้ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน”

จักรพรรดิแดงฉานกล่าวพลางถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องฝากทุกอย่างไว้กับโชคชะตา หวังว่าฉินมู่จะฟื้นคืนสติสัมปชัญญะกลับมาและไม่ก่อสร้างความร้ายแรงมากเกินไป”

“ข้าก็หวังว่าอย่างนั้น”

ในโลกภายนอก ฉินมู่ปลดปล่อยสามเศียรหกกรของเขา เหวี่ยงอาละวาดไปรอบๆ หัวทั้งสามของเขาร้องสั้นกระชั้นด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขาโจมตีโหลอวิ๋นชวีและฟู่เอี๋ยนชีในเวลาเดียวกัน

“ย๊าาาา!”

ทักษะเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนระดมถล่มฟู่เอี๋ยนชีและโหลอวิ๋นชวี ในเสี้ยววินาทีนั้น ทั้งสองคนรู้สึกราวกับว่ามีฉินมู่จำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังโจมตีพวกเขาอย่างเกรี้ยวกราด จนทำให้พวกเขาขนลุกขนพองไปหมด

ฟู่เอี๋ยนชีนั้นสามารถป้องกันได้สองทักษะเทวะ ก่อนที่ทักษะเทวะคุ้มกันกายของเขาจะแตกออกจากกำลังเถื่อนของฉินมู่

“ฉีกทึ้งเจ็ดจิตด้วยหนึ่งดรรชนี!” เขาคำรามและซัดแขนขวาออกไปข้างหน้า ด้วยหัวแม่มือที่เหลืออยู่ของเขา เขาก็บิดงอมันขึ้นข้างบนและกดประทับลงไปยังฉินมู่

โลกแห่งความมืดปรากฏข้างหลังเขา และนั่นคือรูปเงาของแดนบาดาล รูปเงาของเทพเจ้าเจ็ดรูปเงาอันมีรูปลักษณ์และขนาดแตกต่างกันยืนอยู่ข้างหลังตัวเขา และแต่ละตนก็มีภาพฉายเป็นของตนเอง

เทพเจ้าเหล่านั้นเป็นตัวแทนของจิตทั้งเจ็ดอันได้แก่ศพสุนัข ศรซ่อน หยินนกกระจอก คร่าโจร ไร้พิษ ขจัดมลทิน และปอดฉุน

ด้วยการอวยพรของเจ็ดมหาเทพ การโจมตีของเขาก็มีพลานุภาพอันสามารถฉีกทึ้งจิตทั้งเจ็ดได้

ฉินมู่กำมือเข้าหากันเหลือแต่นิ้วหัวแม่โป้งเหมือนกันที่งัดขึ้นไปเพื่อโจมตีเขา ฟู่เอี๋ยนชีได้ยินเสียงกระดูกหัวแม่มือของเขาแตกหัก และมันก็ระเบิดเสียงดังปังในพริบตาถัดมา

หลังจากนั้น พลานุภาพก็แล่นพล่านไปยังข้อมือของเขา เข้าไปสู่แขนทำให้ข้อต่อข้อศอกเคลื่อน จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเศษกระดูกแตกแทงทะลุผิวหนังของตน

กระดูกแขนของแขนเล็กๆ ของเขายิงพุ่งออกจากข้อมือ และหลุดออกไปจากร่างกาย

ความเจ็บปวดแสนสาหัสเขาครอบงำเขา และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจกับกายเนื้อของตน แต่ความเจ็บปวดจากกายเนื้อก็มากมายเหลือคณา

อีกฟากหนึ่งนั้น แขนอีกห้าแขนของฉินมู่กำขึ้นมาเป็นหมัดและกดลงไปยังหว่างคิ้ว หัวใจ ตันเถียน ปลายกระดูกสันหลัง และทะเลปราณของฟู่เอี๋ยนชีด้วยหัวแม่โป้งห้านิ้ว

ฟู่เอี๋ยนชีกระอักเลือดออกมา และรู้สึกจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาชาไปหมด จิตวิญญาณของเขาถึงกับถูกฉินมู่ปิดผนึกเอาไว้ด้วยทักษะเทวะใต้พิภพ โลหิตในกายของเขาเย็นเยียบ และความหวาดกลัวก็แล่นซ่านในหัวใจ เขาไม่ได้หยิบยืมพลังอำนาจของทวยเทพแห่งเจ็ดจิต และความสำเร็จของเขาในเชิงวิญญาณและจิตได้เหนือล้ำกว่าข้าไปไกล!

ด้วยแขนทั้งหกและหัวทั้งสาม ฉินมู่สามารถขับเคลื่อนทักษะเทวะด้วยความเร็วอันไร้ผู้ต่อต้าน มันเหมือนกับพายุชัดๆ และท่ามกลางห่าฝนของทักษะเทวะ ก็ถึงกับมีกำปั้นและลูกเตะจำนวนนับไม่ถ้วน เขานั้นกำลังขับเคลื่อนทักษะเทวะเวทมนตร์ ทักษะเทวะวิชากระบี่ และทักษะเทวะกายเนื้อไปพร้อมๆ กัน!

สามเศียรหกกรนั้นเป็นสุดยอดวิชาแห่งยุคสมัยแสงฉาน เพราะว่ามีการขาดสะบั้นไประหว่างช่วงสมัยจักรพรรดิแดงฉานและสมัยจักรพรรดิแสง จึงเกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ในวิชา แต่ด้วยการฝึกปรือทั้งสองสุดยอดวิชา ฉินมู่ก็ปิดช่องโหว่ดังกล่าวได้

สามเศียรหกกรที่ไร้ช่องโหว่นั้น เหมือนกับมีคนสามคนไม่มีผิด ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ นั่นทำให้ฟู่เอี๋ยนชีไม่อาจหาจุดอ่อนใดๆ ได้ และนี่ก็ทำให้โหลอวิ๋นชวีไม่สามารถค้นหาโอกาสอันเหมาะสมที่จะทำให้เขาบาดเจ็บรุนแรง

วรยุทธของฟู่เอี๋ยนชีนั้นต่ำกว่าเล็กน้อย เขายังคงอยู่ในขั้นสระหยก และหลังจากที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาถูกปิดผนึก เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที ในเสี้ยววินาทีนั้น เขาต้องรับลูกเตะและกำปั้นนับครั้งไม่ถ้วน ขณะที่แสงกระบี่และแสงมีดนับร้อยแทงทะลุร่างของเขา เปลี่ยนให้เขากลายเป็นเลือดเนื้อเละเทะ

กระนั้นเขาก็ยังตัดสินใจอย่างเฉียบขาด และพลันถอยกลับเข้าไปในความมืดเพื่อหายไปจากสันตินิรันดร์

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นศิษย์ของจักรพรรดิดำ เขาขับเคลื่อนทักษะเทวะแดนบาดาลเพื่อหายเข้าไปในแดนบาดาล ด้วยวิธีนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดโจมตีโดนเขา

กระนั้นในพริบตาถัดมา ฉินมู่ก็ถึงกับบุกตะลุยเข้าไปในแดนบาดาล!

ทั้งสองคนต่อสู้พันตูกันในความมืด และเมื่อโหลอวิ๋นชวีตามมาสมทบ จิตวิญญาณดั้งเดิมของฟู่เอี๋ยนชีก็ถูกกระแทกหลุดออกจากร่างไปแล้ว

ฉินมู่คว้ากำจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาเข้าที่คอ พลางสกัดป้องกันการโจมตีของโหลอวิ๋นชวีด้วยแขนอีกห้าข้างที่เหลือ

กายเนื้อของฟู่เอี๋ยนชีร่วงลงกับพื้น และเขายังไม่ทันตายสนิท เขานั้นกำลังจะลุกกระโจน แต่ทันใดหนึ่งในศีรษะของฉินมู่ยิงลำแสงเทวะออกมา ลำแสงเทวะทั้งสามปักเขาไว้กับพื้น

คอของฉินมู่หัน และอีกศีรษะหนึ่งก็ยิงลำแสงเทวะเป่าโหลอวิ๋นชวีปลิวกระเด็นไป

เพราะถึงอย่างไรโหลอวิ๋นชวีก็แข็งแกร่ง และสามารถป้องกันการโจมตีเหล่านี้เอาไว้ได้ด้วยกำลังเถื่อน แต่คอของฉินมู่หมุนอีกครั้ง และลำแสงอีกสามลำก็ยิงออกจากเศียรที่สามของเขา เป่าเขากระเด็นไปอีกรอบ

โหลอวิ๋นชวีกำลังขวัญหนีดีฝ่อ หากว่าฉินมู่เพียงแค่สังหารฟู่เอี๋ยนชีและขุยชิงเผย นั่นก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งสองคนเป็นศิษย์แห่งแดนบาดาล และพวกเขาก็จะถูกนำทางกลับไปยังแดนบาดาล ทำให้จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขากลับไปสู่แดนบาดาลได้

จักรพรรดิดำควบคุมแดนบาดาล และสามารถทำให้พวกเขากลับชาติมาเกิดได้อย่างรวดเร็ว ในกาลข้างหน้า พวกเขาก็จะยังคงเป็นศิษย์ของจักรพรรดิดำ

ในอดีตนั้น พวกเขาเวียนว่ายตายเกิดมาหลายครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวความตายและการถูกทำลายมรรคา อย่างมาก พวกเขาก็จะกลับชาติมาเกิดและเริ่มต้นใหม่อีกหนแต่ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในคราวนี้แตกต่างออกไป

ฉินมู่เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ และพวกเขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงอันดุร้ายของเขา เมื่อเขาถือกำเนิดในแดนใต้พิภพ เขาก็ได้กินภูตผีมากมายในแดนใต้พิภพ และกลืนกินยอดฝีมือมากอิทธิพลมากมาย แม้แต่ผีในขั้นบัลลังก์จักรพรรดิก็ถูกเขาฟาดตีจนยับเยินน่าสังเวช

หากฉินมู่ตกลงใจที่จะกินพวกเขา พวกเขาก็จะตายไปโดยสิ้นเชิง และไม่มีโอกาสกลับชาติมาเกิดอีกต่อไป

ฉินมู่ขับไล่โหลอวิ๋นชวีกระเด็นไป และพลันอ้าปากใหญ่กว้างออกเพื่อนำจิตวิญญาณดั้งเดิมของฟู่เอี๋ยนชีเข้ามา ความตื่นเต้นฉายชัดบนใบหน้าของเขา

โหลอวิ๋นชวีกัดฟันกรอด และร่างของเขาก็ปรากฏและหายวับไปมาขณะที่เดินทางสลับระหว่างแดนบาดาลและโลกจริงเพื่อหลบหลีกแสงเทวะจากดวงตาของฉินมู่ เขาพยายามโจมตีฉินมู่อย่างสุดชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสกลืนกินฟู่เอี๋ยนชี

ทันใดนั้น เขาก็โยนทักษะเทวะออกไปสองดอกเพื่อฉีกทำลายกายเนื้อของฟู่เอี๋ยนชีและขุยชิงเผย เมื่อทั้งสองศพนั้นถูกฉีกทำลายเป็นส่วนๆ การบูชายัญโลหิตก็พลันปะทุขึ้นมาแปรเปลี่ยนศพทั้งสองให้เป็นแสงโลหิตสองสาย

ในบริเวณของสถาบันแม่น้ำหย่ง รูปสลักหินพลันฟื้นคืนชีพมา เลือดและเนื้อของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ฉินมู่ป้องกันการโจมตีของโหลอวิ๋นชวี และลำแสงเทวะอีกจำนวนหนึ่งก็ยิงจากดวงตาทั้งหลายของเขาอีกครั้งเพื่อยิงโหลอวิ๋นชวีให้หลุดออกจากแดนบาดาล เขาคว้าจิตวิญญาณดั้งเดิมของฟู่เอี๋ยนชีและส่งมันเข้าไปในปาก

ในตอนนั้นเอง เขาก็พลันรู้สึกว่ามีเงาดำชะโงกค้ำเหนือหัว และรีบหลบทันที หอดูดาวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อเทพเจ้าอันสูงใหญ่และเหี้ยมหาญขึ้นมานั่งยองๆ อยู่บนใจกลางหอดูดาว

เทพอันสูงใหญ่กำยำนั้นลุกขึ้นยืน

ใช้ศพของศิษย์น้องทั้งสอง ปลุกเทพภัยพิบัติขึ้นมาจนได้!

โหลอวิ๋นชวีลิงโลดยินดี และกำลังจะร่วมมือกับเทพภัยพิบัติเพื่อโจมตีฉินมู่ แต่ทันใดนั้น เทพภัยพิบัติก็ฟาดทุบลงมาที่เขา โหลอวิ๋นชวีไม่ทันระวังตัว และถูกอัดกระแทกจมลงไปใต้ดินด้วยกำปั้นยักษ์!

ดินยุบตัวเข้าไปกลายเป็นหลุมลึก

เทพภัยพิบัติเงื้อหมัดกลับขึ้นมา และยังคงมีเลือดหยดติ๋งๆ จากกำปั้น

กระดูกของโหลวอวิ๋นชวีแตกหักไปหมด และเขาก็นอนหมดรูปอยู่กับพื้น เขาย้อนเสียใจขึ้นมา ข้าลืมไปว่า เทพภัยพิบัติพวกนี้ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น…

เขาร้อนรนใจ เทพภัยพิบัตินี้ได้ทำให้กายเนื้อของเขาพิการไปทั้งหมด เขาจึงได้แต่ทิ้งมันไป จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาออกไปจากร่างและเขาก็คิดในใจ ศิษย์แดนบาดาลไม่จำเป็นต้องใช้กายเนื้อ พลังต่อสู้ของพวกเราไม่ได้อ่อนแอลงไปมากเมื่อเทียบกับมีกายเนื้อ

เมื่อจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาออกไปจากร่างเขาก็เห็นเทพภัยพิบัติต่อสู้กับฉินมู่บนท้องฟ้าอย่างดุเดือด

ในตอนนั้น ฉินมู่อาละวาดจนแทบจะเรียกได้ว่าบ้าคลั่ง ทักษะเทวะของเขาพรั่งพรูออกจากมือของเขาดุจสายน้ำ คัมภีร์สักกะ วิชามุทราฟ้าและดินของบรรพชนแรก วิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาจากรังมังกรแท้ วิชาและทักษะจากผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านพิการชรา ทักษะเทวะของอดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลาย หรือวิชาฝึกปรือของจักรพรรดิแดงฉานและจักรพรรดิแสง พวกมันถูกขับเคลื่อนออกมาโดยไม่สนใจว่าในอดีตนั้นเขาตรึกตรองเข้าใจดีหรือไม่!

แม้ว่าเขาจะไม่มีพลังอำนาจของโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ แต่เขาก็ยังหยิบยืมส่วนหนึ่งมาได้สำเร็จ อันทำให้เขามีวรยุทธเสมอกับโหลอวิ๋นชวี

ด้วยพลังวัตรอันเข้มข้นเช่นนี้ การควบคุมทักษะเทวะก็ง่ายดาบดุจยกมือ แม้ว่าเมื่อต้องเผชิญกับเทพภัยพิบัติ เขาก็ไม่ถอยสักก้าว เขาป้องกันเพียงน้อยครั้งและโจมตีไปมากกว่า

เขาไม่มีอาวุธวิญญาณหรือเทพศาสตราในมือ ดังนั้นเขาจึงต่อสู้กับเทพภัยพิบัติด้วยมือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระยะประชิดหรือระยะไกล มันก็ทั้งดิบเถื่อนและรุนแรง เขาโถมถล่มใส่เทพตนนั้นด้วยทักษะเทวะของตน

วรยุทธของโหลอวิ๋นชวีเข้มข้นกว่าเขาอยู่เล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงในทักษะเทวะไม่อาจทัดเทียมฉินมู่ ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะเทวะหลายอย่างของแดนบาดาลมุ่งโจมตีดวงวิญญาณ ในด้านของการจู่โจมสร้างความเสียหายแล้ว เขาด้อยกว่าฉินมู่มาก

เจ้าหมอนี่มันเชี่ยวชาญทักษะเทวะกี่ชนิดกัน

โหลอวิ๋นชวีมองไปยังการต่อสู้บนท้องฟ้า และหัวใจของเขาก็เต้นระทึก ที่แท้นี่ก็พละกำลังเต็มพิกัดของโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ? เขาแข็งแกร่งจริงๆ! มิน่าล่ะอาจารย์ถึงต้องการจะได้ตัวเขามาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม!

ที่เขาไม่รู้ก็คือว่า พลังอำนาจที่ฉินมู่หยิบยืมมานั้นไม่ถึงหนึ่งในร้อยของพลังอำนาจโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ มันถูกตัดทอนไปโดยเทพสรรพชีวิตและจักรพรรดิแดงฉาน เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องราวใหญ่โตเกินควบคุม

เทพภัยพิบัติมีพละกำลังไร้ประมาณ เขาสามารถรุกไล่ฉินมู่ให้ถอยไปได้ด้วยทักษะเทวะเดียว และยังสร้างการบาดเจ็บแก่ฉินมู่ แต่ทว่า ฉินมู่ได้ฝึกปรือวิชาเสกสรรของจักรพรรดิแดงฉานและจักรพรรดิแสง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อหรือจิตวิญญาณดั้งเดิม มันก็สามารถฟื้นฟูคืนมาด้วยความเร็วอันน่าประหวั่นพรั่นพรึง บาดแผลใดๆ สมานกลับมาในชั่วครู่ และเขาก็เป็นอมตะไม่มีวันตายอย่างสมบูรณ์แบบ

ทักษะเทวะของฉินมู่ใช้เวลาขับเคลื่อนสั้นๆ และทรงพลานุภาพ ทักษะเทวะของเขาสามารถระเบิดไปในระยะกระชั้นชิดสุดๆ และพลานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวก็ถูกควบคุมให้ระเบิดไปในพื้นที่เล็กๆ เขาไม่มีอาวุธวิญญาณใดๆ แต่ปราณชีวิตของเขาสามารถแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่บินละเอียดยิบมากมายที่ไหลวนรอบกายเขา กระบี่ที่ฉวัดเฉวียนไปมาร้ายกาจดุดันยิ่งกว่าเก่า!

วิชาเช่นนี้เขาเรียนมาจากฉินหานเจินบิดาของเขา มรรคา วิชา และทักษะเทวะของฉินหานเจิน ทำให้เขาสามารถรวบรวมพลังอำนาจอันไร้ประมาณเข้าไปในกระบี่ธรรมดาเล่มหนึ่ง การระเบิดออกไปของทักษะเทวะจะทำลายพื้นที่เล็กๆ เท่านั้น และพลานุภาพจะใหญ่หลวงยิ่งนัก

หลังจากฝึกปรือกับฉินหานเจินมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้ว่าเขาจะได้เรียนวิชาฝีมือของบิดาตนมาเป็นบางส่วน แต่ฉินมู่ก็ยังไม่อาจสำเร็จเชี่ยวชาญวิธีการควบคุมทักษะเทวะให้เปล่งอานุภาพภายในรัศมีเล็กๆ ก็เพราะว่าฉินหานเจินดำเนินไปตามมรรคาเต๋าของจักรพรรดิก่อตั้ง

แต่ในขณะนี้ เขาสามารถสำเร็จเชี่ยวชาญทักษะเช่นนี้ด้วยความง่ายดาย!

“ข้าจะอัดเจ้าให้ตาย แล้วกินเจ้าซะ!”

ฉินมู่กระโดดสูงและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาวิ่งล้อมเทพภัยพิบัติและซัดใส่เขาด้วยทักษะเทวะนับไม่ถ้วน

เทพภัยพิบัติปัดป้องด้วยความเร็วยิ่งยวด แต่ก็ยังถูกซัดโดนอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเขาก็คำรามลอดไรฟัน และหม้อห้าอัสนีที่ฉินมู่เก็บเอาไว้ในสถาบันแม่น้ำหย่งก็ส่งเสียงกัมปนาท เมื่อฟ้าแลบและฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงปร้างออกมาเป็นร่างแห

หม้อห้าอัสนีลอยขึ้นไปบนอากาศ และฝาของมันก็เปิดขึ้นมา ห้ามหาเมฆอสุนีบาตไหลพลั่กๆ ออกมาจากหม้อ ทั้งยังมีเทพศาสตราระฆังไฟจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผสมปนเปไปกับเมฆ พวกมันคือลูกไฟที่มีขนาดเท่ากำปั้น และเมื่อพวกมันสั่นไหวไปมา มันก็ไม่ได้ส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง แต่ส่งเสียงเหง่งหง่างราวกับใช้ขอนไม้กระแทกใส่ระฆังใบมหึมา!

เทพภัยพิบัติขับเคลื่อนหม้อห้าอัสนี และเมฆสายฟ้าจากข้างในนั้นก็พวยพุ่งตรงไปยังฉินมู่ ด้วยฟ้าแลบและฟ้าผ่า พลานุภาพนี้นับว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างไร้ปานเปรียบจริงๆ!

“กิน!”

ฉินมู่อ้าปากและกลืนเมฆสายฟ้าเข้าไปพร้อมๆ กับเทพศาสตราระฆังไฟ

กินทักษะเทวะของจักรพรรดิอุดร? โหลอวิ๋นชวีกระโดดโหยงด้วยความตกใจ เขาวางแผนว่าจะลอบจู่โจมฉินมู่จากในมิติแดนบาดาล แต่เมื่อมองเห็นภาพนี้หัวใจเขาก็แทบจะกระโดดออกมาจากคอ

ในพริบตาถัดมา ฉินมู่ก็กอดหม้อห้าอัสนี และใช้หม้อนั้นต่างไหสุรา ดื่มมันเข้าไปอั้กๆ อย่างสาแก่ใจ!

นี่…

โหลอวิ๋นชวีหวาดกลัวอย่างจับจิต เขาไม่อาจตอแยตัวตนที่สามารถดื่มห้ามหาเมฆอสุนีบาตและเทพศาสตราระฆังไฟต่างสุราได้เลยจริงๆ

ข้าไม่สนอีกต่อไปแล้ว!

ร่างของเขาสั่นเทิ้ม และประตูก็ปรากฏข้างหลังเขา เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ประตูสวรรค์แดนบาดาล! มารเทวะทั้งมวลแห่งแดนบาดาล จงฟังคำบัญชาของข้า ออกมาเข่นฆ่าอริศัตรู!”

ความมืดไหลบ่ามาจากข้างหลัง และเส้นทางไปยังโลกมิติอื่นก็เปิดขึ้นมา มารเทวะตนหนึ่งขี่ม้าโครงกระดูกอันพวยพุ่งด้วยเพลิงไฟภูตผีก็ก้าวออกมาจากประตู

ถัดจากนั้น มารเทวะฝูงหนึ่งแห่งแดนบาดาลก็กรูกันเข้าไปใส่ฉินมู่!

ฉินมู่กำลังดื่มหม้อห้าอัสนีอย่างสะใจ ก็ถูกมารเทวะเหล่านั้นกลุ้มรุมจนมิด

ในแผ่นดินรูปตัวฉิน เทพสรรพชีวิตและจักรพรรดิแดงฉานมองไปยังสถานการณ์ภายนอกด้วยความว้าวุ่น เมื่อชมดูสถานการณ์ เทพสรรพชีวิตก็กล่าวอย่างลังเล “เขายืมพลังไปไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเอาชนะพวกนั้นได้ หรือพวกเราควรจะให้พลังอำนาจเขามากกว่านี้”

จักรพรรดิแดงตอบไปอย่างเย็นเยียบ “เท่าไรล่ะ แล้วหากว่าเราทำเรื่องเละเทะขึ้นมาจะเก็บกวาดกันอย่างไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด