รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ 212 เกิดเรื่องกับนายหญิงจี้แล้ว!

Now you are reading รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ Chapter 212 เกิดเรื่องกับนายหญิงจี้แล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันทีที่นายหญิงจี้เข้ามาถึงยังห้องนั่งเล่น ในแวบแรกเธอก็เห็นจี้หลิงชวนจับมือมู่ซีซีไว้

มู่ซีซีสังเกตได้ว่านายหญิงจี้กำลังจ้องมาที่มือของเธอที่ถูกจี้หลิงชวนจับไว้แน่ มู่ซีซีพยายามสลัดให้หลุดแต่จี้หลิงชวนก็ไม่สนใจ ยิ่งมู่ซีซีพยายามเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจับมันแน่นขึ้นเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน นายหญิงจี้ก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศมันดูแปลกๆ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วรีบพูดกับแม่บ้านจางขึ้นว่า :"แม่บ้านจาง เธอไปทำงานของเธอก่อนเถอะ"

หลังจากให้แม่บ้านจางออกไปแล้ว นายหญิงจี้ก็ขมวดคิ้วและมองไปยังจี้หลิงชวนด้วยสายตาอันน่าสงสัย “หลิงชวน เธอกำลังจะทำอะไร ?ตอนนี้เที่ยงแล้วนะ เธอควรที่จะอยู่ที่บริษัทไม่ใช่หรอกเหรอ กลับบ้านมาทำอะไร?”

“คุณย่า ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณย่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับซีซี” ขณะที่คำพูดของจี้หลิงชวนแผ่วเบาลง นายหญิงจี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยทันที เธอมองไปที่จี้หลิงชวน จากนั้นก็หันไปมองมู่ซีซี ที่ก้มหัวละห้อยราวกับว่าทำอะไรผิดมา

นายหญิงจี้ถือได้ว่าเป็นคนที่เคยเห็นและผ่านโลกมามาก เมื่อเห็นฉากดังกล่าว เธอก็ยังคงมีสีหน้าที่ดูปกติ พร้อมกับมองไปที่จี้หลิงชวน "พูดมาสิ"

ทันทีที่เสียงของนายหญิงจี้สิ้นสุดลง จี้หลิงชวนก็ส่งเอกสารในมือให้นายหญิงจี้ "คุณย่า นี่เป็นข้อมูลผลการตรวจสอบล่าสุด คุณย่าลองอ่านดูให้ละเอียดก่อน"

นายหญิงจี้ รับเอกสารและพลิกอ่านทีละหน้าๆ ใบหน้าของเธอค่อยๆเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีขาว และเมื่อเธอเห็นข้อความสุดท้ายในกระดาษ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธพร้อมกับโยนเอกสารลงกับพื้น และพูดกับจี้หลิงชวนด้วยความโมโหว่า “หลิงชวน! แกไปเอาเอกสารปลอมนี่มาจากไหน แกต้องการโกหกฉันใช่ไหม! ฉันไม่ได้บอกแกไปแล้วเหรอว่า! ไม่อนุญาตให้สอบสวนความจริงในเรื่องใดๆ!ซีซีเป็นลูกสาวคุณป้าของแก! ฉันรู้!”

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่จี้หลิงชวนได้เห็นคุณย่าที่อ่อนโยนและใจดีโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้

จี้หลิงชวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่ย่าพูด “คุณย่า คุณใจเย็นก่อนได้ไหม ข้อมูลนี้เป็นความจริง ถ้าคุณย่าไม่เชื่อผม คุณย่าก็สามารถส่งคนไปสอบสวนได้! ผลที่ได้แม้ว่ามันจะโหดร้าย แต่ก็เป็นความจริง มู่ซีซี ไม่ใช่ลูกสาวของคุณป้า แต่เธอเป็นแค่ลูกบุญธรรมของคุณป้าเท่านั้น!”

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของจี้หลิงชวน นายหญิงจี้ก็จ้องไปที่จี้หลิงชวนและส่ายหน้าไปมา "เป็นไปไม่ได้ แกโกหกฉัน! แกโกหกฉัน! ฉันไม่เชื่อว่าลูกสาวและหลานสาวของฉันตายแล้ว! ซีซีก็คือหลานสาวของฉัน! แกอย่าโกหกฉันอีกเลย ”

ความเสียใจที่สุดในชีวิตนี้ของนายหญิงจี้ คือการที่เธอได้ขับไล่ลูกสาวออกจากบ้าน!

หากว่าเธอไม่ขับไล่ลูกสาวออกจากบ้านล่ะก็ ลูกสาวของเธอก็คงจะไม่เกิดอุบัติเหตุนอกบ้าน และหลานสาวของเธอก็จะไม่มีวันหายตัวไป!

ไม่ง่ายเลย ที่นายหญิงจี้จะต้องทนทุกข์ทรมานกับความรู้สึกผิดมาหลายปีแล้ว และในที่สุดก็มีข่าวดี หลานสาวที่หายตัวไปหลายปีถูกหาจนพบแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ทำให้นายหญิงจี้สบายใจขึ้นบ้าง

แต่ก็ทำให้นายหญิงจี้รู้สึกมีความสุขได้เพียงไม่กี่วัน จู่ๆจี้หลิงชวนก็เอาเอกสารหลักฐานมาบอกกับเธอว่า มู่ซีซี ไม่ใช่หลานสาวของเธอ มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น!

และยังบอกอีกว่าหลานสาวของเธอเองได้เสียชีวิตตั้งแต่19 ปีที่แล้วหลังจากที่เธอเกิดมาได้ไม่นาน !

ความจริงในข้อนี้ ทำให้นายหญิงจี้ยอมรับไม่ได้ ยิ่งหวังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น!

เมื่อจี้หลิงชวนมองไปที่หญิงชราที่ดื้อรั้น จี้หลิงชวนก็ยกมือขึ้นมานวดที่หว่างคิ้วของตัวเอง ขณะที่เขากำลังจะโน้มน้าวมู่ซีซีที่ยืนเงียบอยู่ทางด้านข้าง จู่ๆมู่ซีซีก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก"คุณย่า !"

จี้หลิงชวนหันกลับไปมองที่คุณย่าของเขา คุณย่าที่เมื่อกี้ยังดีๆตอนนี้กลับเป็นลมล้มพับไปบนรถเข็น

มู่ซีซีรีบสะบัดมือออกจากจี้หลิงชวนด้วยความตื่นตระหนก เธอร้อนรนวิ่งเข้าไปคว้ามือของนายหญิงจี้ไว้ด้วยความกังวล“คุณย่า คุณย่าเป็นอะไรไปคะ? คุณย่า อย่าทำให้หนูตกใจสิคะ… … "

เมื่อจี้หลิงชวนที่อยู่ทางด้านข้างเห็นนายหญิงจี้ในสถานการณ์อย่างนั้นรูม่านตาของเขาก็หดเกร็งขึ้นในทันที จี้หลิงชวนชะงักไปชั่วครู่ แต่เมื่อเขาได้สติกลับคืนมาก็ร้องเรียกแม่บ้านจาง และอุ้มคุณย่าไปขึ้นรถ จากนั้นก็ขับรถไปที่โรงพยาบาล

หลังจากที่นายหญิงจี้ถูกส่งตัวมาถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่ยืนรออยู่ก็รีบเข้ามาเข็นรถของนายหญิงจี้ไปที่ห้องฉุกเฉิน

หลังจากทำการช่วยชีวิตถึงสี่ชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องกู้ภัยที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออกจากทางด้านใน

หัวหน้าทีมแพทย์ที่ออกมาจากห้องพร้อมกับสวมหน้ากากอนามัย มู่ซีซี และจี้หลิงชวนรีบเดินไปข้างหน้าและถามขึ้นพร้อมกันว่า “หมอ คุณย่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

หัวหน้าทีมแพทย์ที่ดูแลถอดหน้ากากออก จากนั้นก็มองไปที่จี้หลิงชวนและมู่ซีซีและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูให้เกียรติว่า "คุณชายจี้ คุณผู้หญิง ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ นายหญิงจี้พ้นขีดอันตรายแล้ว "

หลังจากหัวหน้าทีมแพทย์พูดจบประโยค เขาก็มองไปที่จี้หลิงชวนและมู่ซีซีด้วยความลังเลและพูดต่อว่า "คุณชายจี้ คุณผู้หญิง แม้ว่าชีวิตของนายหญิงจี้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เราตรวจสอบแล้วว่านายหญิงจี้ มีอาการกระทบกระเทือนทางสมองที่รุนแรง สมองส่วนหน้าได้รับความเสียหายมาก เธออาจลืมเรื่องที่มากระตุ้นเธอก่อนหน้านี้ ดังนั้น เราขอแนะนำว่าหลังจากที่นายหญิงจี้ฟื้นแล้ว ให้พวกคุณคอยตามใจเธอ และอย่าพูดเรื่องอะไรที่ทำให้เธอขุ่นเคืองใจ”

หลังจากฟังคำพูดของคุณหมอจี้หลิงชวนและมู่ซีซีก็มองหน้ากัน และคิ้วของจี้หลิงชวนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นในทันที

จากนั้นไม่นาน นายหญิงจี้ซึ่งยังอยู่ในอาการโคม่า ถูกเข็นออกจากห้องฉุกเฉินในขณะที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล

แม้ว่านายหญิงจี้ จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เป็นเพราะนายหญิงจี้อายุก็มากแล้ว แพทย์จึงแนะนำให้นายหญิงจี้ อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

นายหญิงจี้ถูกส่งตัวไปที่ห้อง VIP หมอบอกว่าอีกไม่นานเธอก็จะฟื้นขึ้นมา

ทั้งจี้หลิงชวนและมู่ซีซีต่างก็กังวลใจ ทั้งคู่รออยู่หน้าวอร์ดเพื่อรอเวลาที่นายหญิงจี้ฟื้นขึ้นมา

แม้ว่าตอนนี้มู่ซีซีจะรู้ว่าเธอไม่ใช่หลานสาวของนายหญิงจี้ และทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ แต่ในใจของมู่ซีซีก็ยังคงมีความห่วงใยต่อนายหญิงจี้ไม่ได้ลดลงเลย

ตั้งแต่เล็กจนโต มู่ซีซีไม่รู้ว่าความสุขในครอบครัวคืออะไร แต่มาในวันนี้ แม้ว่าเธอกับนายหญิงจี้จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่เธอกลับรู้สึกถึงความรักและความห่วงใยที่นายหญิงจี้มอบให้ เป็นครั้งแรกที่มู่ซีซีได้สัมผัสถึงกลิ่นอายของความรัก

ดังนั้นในใจของมู่ซีซีจึงรู้สึกและปฏิบัติกับนายหญิงจี้ดังเช่นคุณย่าแท้ๆของเธอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด