รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ 456 กลับไปที่เดิม

Now you are reading รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ Chapter 456 กลับไปที่เดิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอได้ใกล้ชิดกันฉินซุ่นซานมาเป็นเวลานาน มู่นวลนวลก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจเธอ

ฉินซุ่ยซานเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พื้นเพครอบครัวก็ดี

อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าใจในแวดวงนี้มากจนเกินไป จึงถูกคนอื่นหว่านล้อมได้ยาก

มู่นวลนวลเห็นสีหน้าเธอดูเครียดและจริงจังจึงพูดขึ้น : “มันเป็นเรื่องที่จะเลี่ยงไม่ได้ การอยู่ในแวดวงนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นที่จับตามองของทุกคน ให้พวกเขาได้คอมเม้นต์”

ฉินซุ่นซานเห็นเธอพูดเช่นนั้นจึงไม่พูดต่อ : “ก็ได้ เธอเข้าใจก็ดีแล้ว”

…………

วันที่ 6 เดือนสิงหาคม ภาพยนต์เรื่องเมืองที่สาบสูญเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ

อากาศเดือนตุลาคมยังคงร้อนอยู่

เพื่อความสะดวกมู่นวลนวลไม่ใส่กระโปร่งแต่เธอแต่งตัวสะบายๆโดยใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาและกางเกงขายาวสีดำ

เธอเป็นคนสวย มีฐานที่ดี เพียงแค่ใส่ชุดสีขาวดำธรรมดาก็สวยได้

เธอแต่งหน้าด้วย แต่แต่งเบาๆและธรรมดา

แค่เขียนคิ้วและทาลิปสติก

“ไม่ได้แต่งหน้าก็สวยกว่านางเอกแล้ว” ฉินซุ่นซานหมั่นไส้เธอ

มู่นวลนวลยิ้มให้เธอแล้วไม่พูดอะไร

พิธีเปิดกล้องจัดอยู่ที่สถานที่แรกที่จะถ่าย เป็นตึกมัธยมร้างในเมืองเก่าๆ

จากในเมืองขับรถไปถึงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ฉินซุ่ยซานเป็นผู้อำนวยการสร้าง ในกองเป็นคนที่ทีอำนาจพอสมควร

ฉนั้นเมื่อเธอไปถึงกอง ทุกคนก็ไปถึงกันแล้ว

นางเอกเป็นนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาภาพยนตร์ ส่วนพระเอกเป็นนักแสดงมีชื่อเสียงพอสมควร ฉินซุ่นซานเคยพูดถึงเรื่องนี้ให้มู่นวลนวลฟังเพียงครั้งเดียว แต่มู่นวลนวลไม่รู้ว่าเป็นใคร

ฉินซุ่ยซานเดินไปแล้วถาม : “ซู่มู่ฮันมารึยัง?”

มู่นวลนวลที่เดินตามหลังเธอพอได้ยิน “ซุ่มู่ฮัน”ชื่อนี้ก็มึนงงเล็กน้อย

เธอรู้สึกว่าซู่มู่ฮันชื่อนี้คุ้นหู

เพราะว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉินซุ่ยซานปลอมเป็นคนใช้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว ตอนที่โม่เอินหยาพูดถึงชื่อนี้ก็ทำให้เธอและโม่เอินหยาต้องทะเลาะตบตีกัน

และรุนแรงมาก

และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ฉินซุ่ยซานของลาออก

ซู่มู่ฮันอยู่ในวงการบันเทิงมานานและถูกวิพากวิจารณ์ในทางบวกตลอดที่อยู่ในแวดวงบันเทิง เขาโด่งดังมากและฐานแฟรคลับก็แน่นมากเช่นกัน

ผลงานของเขที่โด่งดังมีไม่มาก แต่กระแสดีและการตอบรับดีมาก เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน

ฉนั้นค่าตัวของเขาก็ไม่ธรรมดา

วันนี้เป็นวันเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนต์ ฉินซุยซานมาถึงก็ถามหาซู่มู่ฮัน ทำให้มู่นวลนวลนึกสงสัย

ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เว็บซีรี่ส์หรอ?

ไม่ใช่โปรดักชั่นขนาดใหญ่อะไร สามารถให้นักแสดงแถวสองแถวสามหรือเด็กใหม่เข้ามาร่วมพิธีก็ได้

แต่ซู่มู่ฮัน………….

มู่นวลนวลดึงแขนฉินซุ่นซานแล้วถามเธอ: “พระเอกของเรื่องนี้คือ ซุ่มู่ฮัน?”

“ใช่” พอฉินซุ่ยซานพูดจบสีหน้าก็ดูแปลกๆ เธอมองไปรอบๆ และพามู่นวลนวลไปที่ลับตาคน: “เรื่องครั้งก่อนที่ฉันมีเรื่องกับโม่เอินหยาเธอห้ามพูดให้ซู่มู่ฮันฟังนะ”

มู่นวลนวลงงนิดหน่อย : “ก็ได้”

“คุณฉิน”

“มีอะไร?”

มู่นวลนวลยังมีเรื่องจะพูดกับเธอ แต่เธอก็ถูกคนอื่นเรียกไปก่อน

มู่นวลนวลอยากรู้จริงๆว่าฉินซุ่ยซานดึงนักลงทุนมามากน้อยแค่ไหนมาลงทุนถ่ายทำภาพยนต์นี้

ขณะนั้นเอง ผู้ช่วยผู้จัดการของฉินซุ่นซานก็เข้ามารินน้ำให้เธอ : “คุณมู่ ดื่มน้ำ”

“ขอบคุณ” มู่นวลนวลรับแก้วน้ำมา

สักพัก ฉินซุ่นซานเสร็จธุระเธอจึงเดินกลับมาหามู่นวลนวล

“อากาศร้อนมาก” ฉินซุ่ยซานดื่มน้ำเสร็จแล้วหันไปพูดกับมู่นวลนวล: “แต่ต้องถ่ายให้เสร็จก่อนฤดูหนาว แบบนี้จะได้ฉายได้ในช่วงหน้าหนาว”

มู่นวลนวลคิดอีกทีแล้วถามเธอ : “เธอดึกนักลงทุนมาได้เท่าไหร่และใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่?”

ฉินซุ่ยซานบอกกับเธอตรงๆ : “50 ล้าน”

“50 ล้าน?” มู่นวลนวลตกใจกับตัวเลขที่ได้ยิน

50 ล้าน มันมากเกินไปสำหรับเรื่องนี้

“ถ้าหากว่า 50 ล้านไม่พอ ฉันสามารถดึงคนมาลงทุนและเพิ่มเงินลงทุนได้อีก” น้ำเสียงของฉินซุ่นซานดูปกติ

มู่นวลนวลเอามือจับหน้าผาก พูดเสียงเบา : “เธอไม่กลัวขาดทุนหรอ?”

ฉินซุ่ยซานคิดอยู่สักพักแล้วพูด : “ขาดทุนแล้วจะป็นอะไร? อย่างมากก็แค่ไม่ทำงานกับเธอต่อ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือมาตบไหล่มูนวลนวล : “ฉันล้อเล่น ตอนนี้ยังไม่เริ่มถ่าย อย่าพูดเรื่องขาดทุนเลย ถ้าเกิดทำอะไรสักอย่างแล้วคิดถึงผลลัพธ์ไว้ก่อนก็เหนื่อยกันพอดี”

มู่นวลนวลพยักหน้า : “เธอพูดถูก”

ฉินซุ่ยซานยืนขึ้น : “ไปกันเถะ ฉันจะแนะนำเธอให้พนักงานทุกคนรู้จัก”

พนักงานในกองมีเยอะมาก เธอไม่สามารถจำทุกคนได้หมด

แต่รู้สึกได้ว่าตอนที่ฉินซุ่นซานแนะนำเธอกับทุกคนจะพูดเกินไปหน่อย เพราะหลังจากแนะนำเสร็จทุกคนจะสุภาพกับมู่นวลวนลมาก

บางคนพอได้ยินชื่อเธอก็เบิกตากว้างแต่ไม่กล้าถามอะไร

พอแนะนำกับทุกคนแล้ว ซู่มู่ฮันก็เดินผ่านมาพอดี

ซุ่มู่ฮันตัวสูงและผมสั้น มีเคราเล็กน้อย ดวงตาที่คม หล่อเหลาและผิวสีข้าวสาลีที่ทำให้เขามีความเป็นผู้ชาย

เพราะเขาไม่หมือนกับเด็กหนุมในจอทั่วไป ฉนั้นซู่มู่ฮันจึงอาศัยความสามารในการแสดง และเส้นทางในการแสดงก็แคบมาก บทส่วนใหญ่ที่เขาเล่นก็เป็นบทที่หนักและเหนื่อยมาก

ฉินซุ่ยซานมองเห็นเขาจึงเรียกเขา : “ซู่มู่ฮัน”

“มีอะไร?” ซู่มู่ฮันเดินเข้ามา สายตาก็สำรวจไปที่ฉินซุ่ยซาน

ฉินซุ่ยซานให้มือจับที่ไหล่ของมู่นวลนวล : “แนะนำให้นายรู้จัก เธอคือคนเขียนบทของเรามู่นวลนวล”

ซู่มู่ฮันมองไปที่มู่นวลนวล สายตาของเขาดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ทักทายเธออย่างมีมารยาท : “สวัสดีครับคุณมู่”

มู่นวลนวลยิ้มให้ : “สวัสดีค่ะ! เมื่อก่อนฉันเคยดูหนังของคุณ”

ซู่มู่ฮันเป็นพระเอกของเรื่อง ฉนั้นจึงค่อนข้างจะยุ่ง เขาแวะมาพูดคุยกับพวกเธอได้สักพักก็ถูกผู้กำกับเรียกตัวไป

…………

พิธีเปิดกล้องถ่ายทำก็เสร็จไปอย่างราบรื่น

ราบรื่นมากจนกระทั้งมู่นวลนวลกลับถึงบ้านไปก็ไม่มีสื่อที่ตามเล่นงานเธอ

ราบรื่นจนรู้สึกผิดปกติ

มู่นวลนวลคิดแล้วคิดอีกจึงโทรหาโม่ถิงเซียว

คนที่อยู่ปลายสายราวกับว่ารอโทรศัพท์จากเธออยู่ตลอด เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแค่หนึ่งครั้งก็มีคนรับสาย

“มู่นวลนวล”

พอได้ใกล้ชิดกันฉินซุ่นซานมาเป็นเวลานาน มู่นวลนวลก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจเธอ

ฉินซุ่ยซานเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พื้นเพครอบครัวก็ดี

อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าใจในแวดวงนี้มากจนเกินไป จึงถูกคนอื่นหว่านล้อมได้ยาก

มู่นวลนวลเห็นสีหน้าเธอดูเครียดและจริงจังจึงพูดขึ้น : “มันเป็นเรื่องที่จะเลี่ยงไม่ได้ การอยู่ในแวดวงนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นที่จับตามองของทุกคน ให้พวกเขาได้คอมเม้นต์”

ฉินซุ่นซานเห็นเธอพูดเช่นนั้นจึงไม่พูดต่อ : “ก็ได้ เธอเข้าใจก็ดีแล้ว”

…………

วันที่ 6 เดือนสิงหาคม ภาพยนต์เรื่องเมืองที่สาบสูญเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ

อากาศเดือนตุลาคมยังคงร้อนอยู่

เพื่อความสะดวกมู่นวลนวลไม่ใส่กระโปร่งแต่เธอแต่งตัวสะบายๆโดยใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาและกางเกงขายาวสีดำ

เธอเป็นคนสวย มีฐานที่ดี เพียงแค่ใส่ชุดสีขาวดำธรรมดาก็สวยได้

เธอแต่งหน้าด้วย แต่แต่งเบาๆและธรรมดา

แค่เขียนคิ้วและทาลิปสติก

“ไม่ได้แต่งหน้าก็สวยกว่านางเอกแล้ว” ฉินซุ่นซานหมั่นไส้เธอ

มู่นวลนวลยิ้มให้เธอแล้วไม่พูดอะไร

พิธีเปิดกล้องจัดอยู่ที่สถานที่แรกที่จะถ่าย เป็นตึกมัธยมร้างในเมืองเก่าๆ

จากในเมืองขับรถไปถึงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ฉินซุ่ยซานเป็นผู้อำนวยการสร้าง ในกองเป็นคนที่ทีอำนาจพอสมควร

ฉนั้นเมื่อเธอไปถึงกอง ทุกคนก็ไปถึงกันแล้ว

นางเอกเป็นนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาภาพยนตร์ ส่วนพระเอกเป็นนักแสดงมีชื่อเสียงพอสมควร ฉินซุ่นซานเคยพูดถึงเรื่องนี้ให้มู่นวลนวลฟังเพียงครั้งเดียว แต่มู่นวลนวลไม่รู้ว่าเป็นใคร

ฉินซุ่ยซานเดินไปแล้วถาม : “ซู่มู่ฮันมารึยัง?”

มู่นวลนวลที่เดินตามหลังเธอพอได้ยิน “ซุ่มู่ฮัน”ชื่อนี้ก็มึนงงเล็กน้อย

เธอรู้สึกว่าซู่มู่ฮันชื่อนี้คุ้นหู

เพราะว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉินซุ่ยซานปลอมเป็นคนใช้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว ตอนที่โม่เอินหยาพูดถึงชื่อนี้ก็ทำให้เธอและโม่เอินหยาต้องทะเลาะตบตีกัน

และรุนแรงมาก

และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ฉินซุ่ยซานของลาออก

ซู่มู่ฮันอยู่ในวงการบันเทิงมานานและถูกวิพากวิจารณ์ในทางบวกตลอดที่อยู่ในแวดวงบันเทิง เขาโด่งดังมากและฐานแฟรคลับก็แน่นมากเช่นกัน

ผลงานของเขที่โด่งดังมีไม่มาก แต่กระแสดีและการตอบรับดีมาก เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน

ฉนั้นค่าตัวของเขาก็ไม่ธรรมดา

วันนี้เป็นวันเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนต์ ฉินซุยซานมาถึงก็ถามหาซู่มู่ฮัน ทำให้มู่นวลนวลนึกสงสัย

ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เว็บซีรี่ส์หรอ?

ไม่ใช่โปรดักชั่นขนาดใหญ่อะไร สามารถให้นักแสดงแถวสองแถวสามหรือเด็กใหม่เข้ามาร่วมพิธีก็ได้

แต่ซู่มู่ฮัน………….

มู่นวลนวลดึงแขนฉินซุ่นซานแล้วถามเธอ: “พระเอกของเรื่องนี้คือ ซุ่มู่ฮัน?”

“ใช่” พอฉินซุ่ยซานพูดจบสีหน้าก็ดูแปลกๆ เธอมองไปรอบๆ และพามู่นวลนวลไปที่ลับตาคน: “เรื่องครั้งก่อนที่ฉันมีเรื่องกับโม่เอินหยาเธอห้ามพูดให้ซู่มู่ฮันฟังนะ”

มู่นวลนวลงงนิดหน่อย : “ก็ได้”

“คุณฉิน”

“มีอะไร?”

มู่นวลนวลยังมีเรื่องจะพูดกับเธอ แต่เธอก็ถูกคนอื่นเรียกไปก่อน

มู่นวลนวลอยากรู้จริงๆว่าฉินซุ่ยซานดึงนักลงทุนมามากน้อยแค่ไหนมาลงทุนถ่ายทำภาพยนต์นี้

ขณะนั้นเอง ผู้ช่วยผู้จัดการของฉินซุ่นซานก็เข้ามารินน้ำให้เธอ : “คุณมู่ ดื่มน้ำ”

“ขอบคุณ” มู่นวลนวลรับแก้วน้ำมา

สักพัก ฉินซุ่นซานเสร็จธุระเธอจึงเดินกลับมาหามู่นวลนวล

“อากาศร้อนมาก” ฉินซุ่ยซานดื่มน้ำเสร็จแล้วหันไปพูดกับมู่นวลนวล: “แต่ต้องถ่ายให้เสร็จก่อนฤดูหนาว แบบนี้จะได้ฉายได้ในช่วงหน้าหนาว”

มู่นวลนวลคิดอีกทีแล้วถามเธอ : “เธอดึกนักลงทุนมาได้เท่าไหร่และใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่?”

ฉินซุ่ยซานบอกกับเธอตรงๆ : “50 ล้าน”

“50 ล้าน?” มู่นวลนวลตกใจกับตัวเลขที่ได้ยิน

50 ล้าน มันมากเกินไปสำหรับเรื่องนี้

“ถ้าหากว่า 50 ล้านไม่พอ ฉันสามารถดึงคนมาลงทุนและเพิ่มเงินลงทุนได้อีก” น้ำเสียงของฉินซุ่นซานดูปกติ

มู่นวลนวลเอามือจับหน้าผาก พูดเสียงเบา : “เธอไม่กลัวขาดทุนหรอ?”

ฉินซุ่ยซานคิดอยู่สักพักแล้วพูด : “ขาดทุนแล้วจะป็นอะไร? อย่างมากก็แค่ไม่ทำงานกับเธอต่อ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือมาตบไหล่มูนวลนวล : “ฉันล้อเล่น ตอนนี้ยังไม่เริ่มถ่าย อย่าพูดเรื่องขาดทุนเลย ถ้าเกิดทำอะไรสักอย่างแล้วคิดถึงผลลัพธ์ไว้ก่อนก็เหนื่อยกันพอดี”

มู่นวลนวลพยักหน้า : “เธอพูดถูก”

ฉินซุ่ยซานยืนขึ้น : “ไปกันเถะ ฉันจะแนะนำเธอให้พนักงานทุกคนรู้จัก”

พนักงานในกองมีเยอะมาก เธอไม่สามารถจำทุกคนได้หมด

แต่รู้สึกได้ว่าตอนที่ฉินซุ่นซานแนะนำเธอกับทุกคนจะพูดเกินไปหน่อย เพราะหลังจากแนะนำเสร็จทุกคนจะสุภาพกับมู่นวลวนลมาก

บางคนพอได้ยินชื่อเธอก็เบิกตากว้างแต่ไม่กล้าถามอะไร

พอแนะนำกับทุกคนแล้ว ซู่มู่ฮันก็เดินผ่านมาพอดี

ซุ่มู่ฮันตัวสูงและผมสั้น มีเคราเล็กน้อย ดวงตาที่คม หล่อเหลาและผิวสีข้าวสาลีที่ทำให้เขามีความเป็นผู้ชาย

เพราะเขาไม่หมือนกับเด็กหนุมในจอทั่วไป ฉนั้นซู่มู่ฮันจึงอาศัยความสามารในการแสดง และเส้นทางในการแสดงก็แคบมาก บทส่วนใหญ่ที่เขาเล่นก็เป็นบทที่หนักและเหนื่อยมาก

ฉินซุ่ยซานมองเห็นเขาจึงเรียกเขา : “ซู่มู่ฮัน”

“มีอะไร?” ซู่มู่ฮันเดินเข้ามา สายตาก็สำรวจไปที่ฉินซุ่ยซาน

ฉินซุ่ยซานให้มือจับที่ไหล่ของมู่นวลนวล : “แนะนำให้นายรู้จัก เธอคือคนเขียนบทของเรามู่นวลนวล”

ซู่มู่ฮันมองไปที่มู่นวลนวล สายตาของเขาดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ทักทายเธออย่างมีมารยาท : “สวัสดีครับคุณมู่”

มู่นวลนวลยิ้มให้ : “สวัสดีค่ะ! เมื่อก่อนฉันเคยดูหนังของคุณ”

ซู่มู่ฮันเป็นพระเอกของเรื่อง ฉนั้นจึงค่อนข้างจะยุ่ง เขาแวะมาพูดคุยกับพวกเธอได้สักพักก็ถูกผู้กำกับเรียกตัวไป

…………

พิธีเปิดกล้องถ่ายทำก็เสร็จไปอย่างราบรื่น

ราบรื่นมากจนกระทั้งมู่นวลนวลกลับถึงบ้านไปก็ไม่มีสื่อที่ตามเล่นงานเธอ

ราบรื่นจนรู้สึกผิดปกติ

มู่นวลนวลคิดแล้วคิดอีกจึงโทรหาโม่ถิงเซียว

คนที่อยู่ปลายสายราวกับว่ารอโทรศัพท์จากเธออยู่ตลอด เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแค่หนึ่งครั้งก็มีคนรับสาย

“มู่นวลนวล”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ 456 กลับไปที่เดิม

Now you are reading รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ Chapter 456 กลับไปที่เดิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอได้ใกล้ชิดกันฉินซุ่นซานมาเป็นเวลานาน มู่นวลนวลก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจเธอ

ฉินซุ่ยซานเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พื้นเพครอบครัวก็ดี

อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าใจในแวดวงนี้มากจนเกินไป จึงถูกคนอื่นหว่านล้อมได้ยาก

มู่นวลนวลเห็นสีหน้าเธอดูเครียดและจริงจังจึงพูดขึ้น : “มันเป็นเรื่องที่จะเลี่ยงไม่ได้ การอยู่ในแวดวงนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นที่จับตามองของทุกคน ให้พวกเขาได้คอมเม้นต์”

ฉินซุ่นซานเห็นเธอพูดเช่นนั้นจึงไม่พูดต่อ : “ก็ได้ เธอเข้าใจก็ดีแล้ว”

…………

วันที่ 6 เดือนสิงหาคม ภาพยนต์เรื่องเมืองที่สาบสูญเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ

อากาศเดือนตุลาคมยังคงร้อนอยู่

เพื่อความสะดวกมู่นวลนวลไม่ใส่กระโปร่งแต่เธอแต่งตัวสะบายๆโดยใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาและกางเกงขายาวสีดำ

เธอเป็นคนสวย มีฐานที่ดี เพียงแค่ใส่ชุดสีขาวดำธรรมดาก็สวยได้

เธอแต่งหน้าด้วย แต่แต่งเบาๆและธรรมดา

แค่เขียนคิ้วและทาลิปสติก

“ไม่ได้แต่งหน้าก็สวยกว่านางเอกแล้ว” ฉินซุ่นซานหมั่นไส้เธอ

มู่นวลนวลยิ้มให้เธอแล้วไม่พูดอะไร

พิธีเปิดกล้องจัดอยู่ที่สถานที่แรกที่จะถ่าย เป็นตึกมัธยมร้างในเมืองเก่าๆ

จากในเมืองขับรถไปถึงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ฉินซุ่ยซานเป็นผู้อำนวยการสร้าง ในกองเป็นคนที่ทีอำนาจพอสมควร

ฉนั้นเมื่อเธอไปถึงกอง ทุกคนก็ไปถึงกันแล้ว

นางเอกเป็นนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาภาพยนตร์ ส่วนพระเอกเป็นนักแสดงมีชื่อเสียงพอสมควร ฉินซุ่นซานเคยพูดถึงเรื่องนี้ให้มู่นวลนวลฟังเพียงครั้งเดียว แต่มู่นวลนวลไม่รู้ว่าเป็นใคร

ฉินซุ่ยซานเดินไปแล้วถาม : “ซู่มู่ฮันมารึยัง?”

มู่นวลนวลที่เดินตามหลังเธอพอได้ยิน “ซุ่มู่ฮัน”ชื่อนี้ก็มึนงงเล็กน้อย

เธอรู้สึกว่าซู่มู่ฮันชื่อนี้คุ้นหู

เพราะว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉินซุ่ยซานปลอมเป็นคนใช้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว ตอนที่โม่เอินหยาพูดถึงชื่อนี้ก็ทำให้เธอและโม่เอินหยาต้องทะเลาะตบตีกัน

และรุนแรงมาก

และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ฉินซุ่ยซานของลาออก

ซู่มู่ฮันอยู่ในวงการบันเทิงมานานและถูกวิพากวิจารณ์ในทางบวกตลอดที่อยู่ในแวดวงบันเทิง เขาโด่งดังมากและฐานแฟรคลับก็แน่นมากเช่นกัน

ผลงานของเขที่โด่งดังมีไม่มาก แต่กระแสดีและการตอบรับดีมาก เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน

ฉนั้นค่าตัวของเขาก็ไม่ธรรมดา

วันนี้เป็นวันเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนต์ ฉินซุยซานมาถึงก็ถามหาซู่มู่ฮัน ทำให้มู่นวลนวลนึกสงสัย

ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เว็บซีรี่ส์หรอ?

ไม่ใช่โปรดักชั่นขนาดใหญ่อะไร สามารถให้นักแสดงแถวสองแถวสามหรือเด็กใหม่เข้ามาร่วมพิธีก็ได้

แต่ซู่มู่ฮัน………….

มู่นวลนวลดึงแขนฉินซุ่นซานแล้วถามเธอ: “พระเอกของเรื่องนี้คือ ซุ่มู่ฮัน?”

“ใช่” พอฉินซุ่ยซานพูดจบสีหน้าก็ดูแปลกๆ เธอมองไปรอบๆ และพามู่นวลนวลไปที่ลับตาคน: “เรื่องครั้งก่อนที่ฉันมีเรื่องกับโม่เอินหยาเธอห้ามพูดให้ซู่มู่ฮันฟังนะ”

มู่นวลนวลงงนิดหน่อย : “ก็ได้”

“คุณฉิน”

“มีอะไร?”

มู่นวลนวลยังมีเรื่องจะพูดกับเธอ แต่เธอก็ถูกคนอื่นเรียกไปก่อน

มู่นวลนวลอยากรู้จริงๆว่าฉินซุ่ยซานดึงนักลงทุนมามากน้อยแค่ไหนมาลงทุนถ่ายทำภาพยนต์นี้

ขณะนั้นเอง ผู้ช่วยผู้จัดการของฉินซุ่นซานก็เข้ามารินน้ำให้เธอ : “คุณมู่ ดื่มน้ำ”

“ขอบคุณ” มู่นวลนวลรับแก้วน้ำมา

สักพัก ฉินซุ่นซานเสร็จธุระเธอจึงเดินกลับมาหามู่นวลนวล

“อากาศร้อนมาก” ฉินซุ่ยซานดื่มน้ำเสร็จแล้วหันไปพูดกับมู่นวลนวล: “แต่ต้องถ่ายให้เสร็จก่อนฤดูหนาว แบบนี้จะได้ฉายได้ในช่วงหน้าหนาว”

มู่นวลนวลคิดอีกทีแล้วถามเธอ : “เธอดึกนักลงทุนมาได้เท่าไหร่และใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่?”

ฉินซุ่ยซานบอกกับเธอตรงๆ : “50 ล้าน”

“50 ล้าน?” มู่นวลนวลตกใจกับตัวเลขที่ได้ยิน

50 ล้าน มันมากเกินไปสำหรับเรื่องนี้

“ถ้าหากว่า 50 ล้านไม่พอ ฉันสามารถดึงคนมาลงทุนและเพิ่มเงินลงทุนได้อีก” น้ำเสียงของฉินซุ่นซานดูปกติ

มู่นวลนวลเอามือจับหน้าผาก พูดเสียงเบา : “เธอไม่กลัวขาดทุนหรอ?”

ฉินซุ่ยซานคิดอยู่สักพักแล้วพูด : “ขาดทุนแล้วจะป็นอะไร? อย่างมากก็แค่ไม่ทำงานกับเธอต่อ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือมาตบไหล่มูนวลนวล : “ฉันล้อเล่น ตอนนี้ยังไม่เริ่มถ่าย อย่าพูดเรื่องขาดทุนเลย ถ้าเกิดทำอะไรสักอย่างแล้วคิดถึงผลลัพธ์ไว้ก่อนก็เหนื่อยกันพอดี”

มู่นวลนวลพยักหน้า : “เธอพูดถูก”

ฉินซุ่ยซานยืนขึ้น : “ไปกันเถะ ฉันจะแนะนำเธอให้พนักงานทุกคนรู้จัก”

พนักงานในกองมีเยอะมาก เธอไม่สามารถจำทุกคนได้หมด

แต่รู้สึกได้ว่าตอนที่ฉินซุ่นซานแนะนำเธอกับทุกคนจะพูดเกินไปหน่อย เพราะหลังจากแนะนำเสร็จทุกคนจะสุภาพกับมู่นวลวนลมาก

บางคนพอได้ยินชื่อเธอก็เบิกตากว้างแต่ไม่กล้าถามอะไร

พอแนะนำกับทุกคนแล้ว ซู่มู่ฮันก็เดินผ่านมาพอดี

ซุ่มู่ฮันตัวสูงและผมสั้น มีเคราเล็กน้อย ดวงตาที่คม หล่อเหลาและผิวสีข้าวสาลีที่ทำให้เขามีความเป็นผู้ชาย

เพราะเขาไม่หมือนกับเด็กหนุมในจอทั่วไป ฉนั้นซู่มู่ฮันจึงอาศัยความสามารในการแสดง และเส้นทางในการแสดงก็แคบมาก บทส่วนใหญ่ที่เขาเล่นก็เป็นบทที่หนักและเหนื่อยมาก

ฉินซุ่ยซานมองเห็นเขาจึงเรียกเขา : “ซู่มู่ฮัน”

“มีอะไร?” ซู่มู่ฮันเดินเข้ามา สายตาก็สำรวจไปที่ฉินซุ่ยซาน

ฉินซุ่ยซานให้มือจับที่ไหล่ของมู่นวลนวล : “แนะนำให้นายรู้จัก เธอคือคนเขียนบทของเรามู่นวลนวล”

ซู่มู่ฮันมองไปที่มู่นวลนวล สายตาของเขาดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ทักทายเธออย่างมีมารยาท : “สวัสดีครับคุณมู่”

มู่นวลนวลยิ้มให้ : “สวัสดีค่ะ! เมื่อก่อนฉันเคยดูหนังของคุณ”

ซู่มู่ฮันเป็นพระเอกของเรื่อง ฉนั้นจึงค่อนข้างจะยุ่ง เขาแวะมาพูดคุยกับพวกเธอได้สักพักก็ถูกผู้กำกับเรียกตัวไป

…………

พิธีเปิดกล้องถ่ายทำก็เสร็จไปอย่างราบรื่น

ราบรื่นมากจนกระทั้งมู่นวลนวลกลับถึงบ้านไปก็ไม่มีสื่อที่ตามเล่นงานเธอ

ราบรื่นจนรู้สึกผิดปกติ

มู่นวลนวลคิดแล้วคิดอีกจึงโทรหาโม่ถิงเซียว

คนที่อยู่ปลายสายราวกับว่ารอโทรศัพท์จากเธออยู่ตลอด เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแค่หนึ่งครั้งก็มีคนรับสาย

“มู่นวลนวล”

พอได้ใกล้ชิดกันฉินซุ่นซานมาเป็นเวลานาน มู่นวลนวลก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจเธอ

ฉินซุ่ยซานเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พื้นเพครอบครัวก็ดี

อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าใจในแวดวงนี้มากจนเกินไป จึงถูกคนอื่นหว่านล้อมได้ยาก

มู่นวลนวลเห็นสีหน้าเธอดูเครียดและจริงจังจึงพูดขึ้น : “มันเป็นเรื่องที่จะเลี่ยงไม่ได้ การอยู่ในแวดวงนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นที่จับตามองของทุกคน ให้พวกเขาได้คอมเม้นต์”

ฉินซุ่นซานเห็นเธอพูดเช่นนั้นจึงไม่พูดต่อ : “ก็ได้ เธอเข้าใจก็ดีแล้ว”

…………

วันที่ 6 เดือนสิงหาคม ภาพยนต์เรื่องเมืองที่สาบสูญเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ

อากาศเดือนตุลาคมยังคงร้อนอยู่

เพื่อความสะดวกมู่นวลนวลไม่ใส่กระโปร่งแต่เธอแต่งตัวสะบายๆโดยใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาและกางเกงขายาวสีดำ

เธอเป็นคนสวย มีฐานที่ดี เพียงแค่ใส่ชุดสีขาวดำธรรมดาก็สวยได้

เธอแต่งหน้าด้วย แต่แต่งเบาๆและธรรมดา

แค่เขียนคิ้วและทาลิปสติก

“ไม่ได้แต่งหน้าก็สวยกว่านางเอกแล้ว” ฉินซุ่นซานหมั่นไส้เธอ

มู่นวลนวลยิ้มให้เธอแล้วไม่พูดอะไร

พิธีเปิดกล้องจัดอยู่ที่สถานที่แรกที่จะถ่าย เป็นตึกมัธยมร้างในเมืองเก่าๆ

จากในเมืองขับรถไปถึงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ฉินซุ่ยซานเป็นผู้อำนวยการสร้าง ในกองเป็นคนที่ทีอำนาจพอสมควร

ฉนั้นเมื่อเธอไปถึงกอง ทุกคนก็ไปถึงกันแล้ว

นางเอกเป็นนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาภาพยนตร์ ส่วนพระเอกเป็นนักแสดงมีชื่อเสียงพอสมควร ฉินซุ่นซานเคยพูดถึงเรื่องนี้ให้มู่นวลนวลฟังเพียงครั้งเดียว แต่มู่นวลนวลไม่รู้ว่าเป็นใคร

ฉินซุ่ยซานเดินไปแล้วถาม : “ซู่มู่ฮันมารึยัง?”

มู่นวลนวลที่เดินตามหลังเธอพอได้ยิน “ซุ่มู่ฮัน”ชื่อนี้ก็มึนงงเล็กน้อย

เธอรู้สึกว่าซู่มู่ฮันชื่อนี้คุ้นหู

เพราะว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉินซุ่ยซานปลอมเป็นคนใช้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว ตอนที่โม่เอินหยาพูดถึงชื่อนี้ก็ทำให้เธอและโม่เอินหยาต้องทะเลาะตบตีกัน

และรุนแรงมาก

และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ฉินซุ่ยซานของลาออก

ซู่มู่ฮันอยู่ในวงการบันเทิงมานานและถูกวิพากวิจารณ์ในทางบวกตลอดที่อยู่ในแวดวงบันเทิง เขาโด่งดังมากและฐานแฟรคลับก็แน่นมากเช่นกัน

ผลงานของเขที่โด่งดังมีไม่มาก แต่กระแสดีและการตอบรับดีมาก เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน

ฉนั้นค่าตัวของเขาก็ไม่ธรรมดา

วันนี้เป็นวันเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนต์ ฉินซุยซานมาถึงก็ถามหาซู่มู่ฮัน ทำให้มู่นวลนวลนึกสงสัย

ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เว็บซีรี่ส์หรอ?

ไม่ใช่โปรดักชั่นขนาดใหญ่อะไร สามารถให้นักแสดงแถวสองแถวสามหรือเด็กใหม่เข้ามาร่วมพิธีก็ได้

แต่ซู่มู่ฮัน………….

มู่นวลนวลดึงแขนฉินซุ่นซานแล้วถามเธอ: “พระเอกของเรื่องนี้คือ ซุ่มู่ฮัน?”

“ใช่” พอฉินซุ่ยซานพูดจบสีหน้าก็ดูแปลกๆ เธอมองไปรอบๆ และพามู่นวลนวลไปที่ลับตาคน: “เรื่องครั้งก่อนที่ฉันมีเรื่องกับโม่เอินหยาเธอห้ามพูดให้ซู่มู่ฮันฟังนะ”

มู่นวลนวลงงนิดหน่อย : “ก็ได้”

“คุณฉิน”

“มีอะไร?”

มู่นวลนวลยังมีเรื่องจะพูดกับเธอ แต่เธอก็ถูกคนอื่นเรียกไปก่อน

มู่นวลนวลอยากรู้จริงๆว่าฉินซุ่ยซานดึงนักลงทุนมามากน้อยแค่ไหนมาลงทุนถ่ายทำภาพยนต์นี้

ขณะนั้นเอง ผู้ช่วยผู้จัดการของฉินซุ่นซานก็เข้ามารินน้ำให้เธอ : “คุณมู่ ดื่มน้ำ”

“ขอบคุณ” มู่นวลนวลรับแก้วน้ำมา

สักพัก ฉินซุ่นซานเสร็จธุระเธอจึงเดินกลับมาหามู่นวลนวล

“อากาศร้อนมาก” ฉินซุ่ยซานดื่มน้ำเสร็จแล้วหันไปพูดกับมู่นวลนวล: “แต่ต้องถ่ายให้เสร็จก่อนฤดูหนาว แบบนี้จะได้ฉายได้ในช่วงหน้าหนาว”

มู่นวลนวลคิดอีกทีแล้วถามเธอ : “เธอดึกนักลงทุนมาได้เท่าไหร่และใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่?”

ฉินซุ่ยซานบอกกับเธอตรงๆ : “50 ล้าน”

“50 ล้าน?” มู่นวลนวลตกใจกับตัวเลขที่ได้ยิน

50 ล้าน มันมากเกินไปสำหรับเรื่องนี้

“ถ้าหากว่า 50 ล้านไม่พอ ฉันสามารถดึงคนมาลงทุนและเพิ่มเงินลงทุนได้อีก” น้ำเสียงของฉินซุ่นซานดูปกติ

มู่นวลนวลเอามือจับหน้าผาก พูดเสียงเบา : “เธอไม่กลัวขาดทุนหรอ?”

ฉินซุ่ยซานคิดอยู่สักพักแล้วพูด : “ขาดทุนแล้วจะป็นอะไร? อย่างมากก็แค่ไม่ทำงานกับเธอต่อ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือมาตบไหล่มูนวลนวล : “ฉันล้อเล่น ตอนนี้ยังไม่เริ่มถ่าย อย่าพูดเรื่องขาดทุนเลย ถ้าเกิดทำอะไรสักอย่างแล้วคิดถึงผลลัพธ์ไว้ก่อนก็เหนื่อยกันพอดี”

มู่นวลนวลพยักหน้า : “เธอพูดถูก”

ฉินซุ่ยซานยืนขึ้น : “ไปกันเถะ ฉันจะแนะนำเธอให้พนักงานทุกคนรู้จัก”

พนักงานในกองมีเยอะมาก เธอไม่สามารถจำทุกคนได้หมด

แต่รู้สึกได้ว่าตอนที่ฉินซุ่นซานแนะนำเธอกับทุกคนจะพูดเกินไปหน่อย เพราะหลังจากแนะนำเสร็จทุกคนจะสุภาพกับมู่นวลวนลมาก

บางคนพอได้ยินชื่อเธอก็เบิกตากว้างแต่ไม่กล้าถามอะไร

พอแนะนำกับทุกคนแล้ว ซู่มู่ฮันก็เดินผ่านมาพอดี

ซุ่มู่ฮันตัวสูงและผมสั้น มีเคราเล็กน้อย ดวงตาที่คม หล่อเหลาและผิวสีข้าวสาลีที่ทำให้เขามีความเป็นผู้ชาย

เพราะเขาไม่หมือนกับเด็กหนุมในจอทั่วไป ฉนั้นซู่มู่ฮันจึงอาศัยความสามารในการแสดง และเส้นทางในการแสดงก็แคบมาก บทส่วนใหญ่ที่เขาเล่นก็เป็นบทที่หนักและเหนื่อยมาก

ฉินซุ่ยซานมองเห็นเขาจึงเรียกเขา : “ซู่มู่ฮัน”

“มีอะไร?” ซู่มู่ฮันเดินเข้ามา สายตาก็สำรวจไปที่ฉินซุ่ยซาน

ฉินซุ่ยซานให้มือจับที่ไหล่ของมู่นวลนวล : “แนะนำให้นายรู้จัก เธอคือคนเขียนบทของเรามู่นวลนวล”

ซู่มู่ฮันมองไปที่มู่นวลนวล สายตาของเขาดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ทักทายเธออย่างมีมารยาท : “สวัสดีครับคุณมู่”

มู่นวลนวลยิ้มให้ : “สวัสดีค่ะ! เมื่อก่อนฉันเคยดูหนังของคุณ”

ซู่มู่ฮันเป็นพระเอกของเรื่อง ฉนั้นจึงค่อนข้างจะยุ่ง เขาแวะมาพูดคุยกับพวกเธอได้สักพักก็ถูกผู้กำกับเรียกตัวไป

…………

พิธีเปิดกล้องถ่ายทำก็เสร็จไปอย่างราบรื่น

ราบรื่นมากจนกระทั้งมู่นวลนวลกลับถึงบ้านไปก็ไม่มีสื่อที่ตามเล่นงานเธอ

ราบรื่นจนรู้สึกผิดปกติ

มู่นวลนวลคิดแล้วคิดอีกจึงโทรหาโม่ถิงเซียว

คนที่อยู่ปลายสายราวกับว่ารอโทรศัพท์จากเธออยู่ตลอด เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแค่หนึ่งครั้งก็มีคนรับสาย

“มู่นวลนวล”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+