กระบี่จงมาบทที่ 843.3 ใครล้อมฆ่าใคร

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter บทที่ 843.3 ใครล้อมฆ่าใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คน​หนึ่ง​คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​สิบ​สี่ที่​หลอม​ตำหนัก​อิง​ห​ลิง​ทั้ง​หลัง​ เจ้าว่า​เจ้าเซียว​สวิ้น​ต้องการ​อะไร​ จำเป็นต้อง​คับแค้น​อยาก​เอาชนะ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​? ตัว​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ แต่กลับ​เดิน​ไป​บน​ทาง​นอกรีต​ที่​หลอม​ฟ้าดิน​ผสาน​มรรคา​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ อันที่จริง​ด้วย​คุณสมบัติ​และ​ฐาน​กระดูก​ของ​เซียว​สวิ้น​ ขอ​แค่​ยินดี​รอ​อีก​สักหน่อย​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​ทำ​เช่นนี้​เลย​ เพียงแต่ว่า​แต่ไหนแต่ไร​มาเซียว​สวิ้น​ก็​ทำ​อะไร​โดย​ใช้อารมณ์​อยู่​เสมอ​ ไม่สน​ฟ้าไม่สน​ดิน​ ถึงขั้น​ไม่สนใจ​ว่า​จะเป็น​หรือ​ตาย​ ขอ​แค่​ให้​สะใจเป็น​พอ​ ถ้าอย่างนั้น​ยิ่ง​ใต้​หล้า​ไพศาล​สงบสุข​มีสันติ​มาก​เท่าไร​ นาง​ที่อยู่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​ยิ่ง​ไม่สบอารมณ์​มาก​เท่านั้น​ หาก​เซียว​สวิ้น​ไม่ได้​ถูก​จั่ว​โย่ว​รั้ง​ตัว​เอาไว้​ ก็​มีความเป็นไปได้​ว่า​อย่าง​น้อยที่สุด​ใต้​หล้า​ไพศาล​ต้อง​เสีย​ทวีป​ไป​อีก​หนึ่ง​แห่ง​ ยกตัวอย่างเช่น​พายัพ​หลิว​เสีย​ทวีป​

อีก​คน​หนึ่ง​คือ​อดีต​เซียน​กระบี่​ใหญ่​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่​เป็น​สหาย​รัก​บน​โต๊ะ​สุรา​ สหาย​ส่วน​สหาย​ สนามรบ​คือ​สนามรบ​ เป็น​ตาย​รับผิดชอบ​กันเอา​เอง​

ส่วน​แม่นาง​น้อย​ขอบเขต​หยก​ดิบ​คน​นั้น​…แค่​นั่ง​ดู​ไป​เฉย​ๆ ก็​พอแล้ว​

อันที่จริง​ตัว​หลิว​ป๋า​ย​เอง​ก็​ยัง​ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​ถึงถูก​เรียก​ให้​มาเข้าร่วม​การ​ล้อม​สังหาร​ครั้งนี้​ แต่​นี่​คือ​ความต้องการ​ของ​เฝ่ย​หรา​น​และ​บรรพบุรุษ​ท่าน​นั้น​

ทว่า​วันนี้​มาอยู่​ใน​สนามรบ​ หลิว​ป๋า​ย​ไม่เหลือ​ความ​ขลาดกลัว​แม้แต่น้อย​ จิต​แห่ง​กระบี่​หนักแน่น​มั่นคง​ สำหรับ​อา​เหลียง​ที่​ทำให้​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ปวดหัว​อย่าง​ถึงที่สุด​ นาง​ก็​มีเพียง​ความเคารพ​เท่านั้น​

มีแค่​คน​บางคน​ที่​ถึงจะทำให้​นาง​รู้สึก​เหมือน​เผชิญหน้า​กับ​ศัตรู​ตัวฉกาจ​ จิต​มาร​แทบจะ​ก่อกวน​อาละวาด​ทั้งที่​มอง​เพียง​ครั้ง​เดียว​เท่านั้น​

จางลู่​กอด​กา​เหล้า​ที่ว่างเปล่า​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ไม่เคย​เห็น​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​ของ​อา​เหลียง​กับ​ตา​ตัวเอง​มาก่อน​ ปี​นั้น​ร่วมมือ​กับ​คนอื่น​มอมเหล้า​อา​เหลียง​ก็​ยัง​ไม่อาจ​หลอก​ให้​เขา​บอกชื่อ​กระบี่​บิน​ได้​ ทุกครั้งที่​ไอ้​หมอ​นี่​ดื่มเหล้า​เสร็จ​ ขอ​แค่​บน​โต๊ะ​มีสตรี​ เขา​ก็​ต้อง​ใช้เท้า​ซ้าย​เหยียบ​เท้า​ขวา​ ทว่า​ทุกครั้ง​กลับ​ไม่อาเจียน​ไม่ล้ม​ลง​ไป​กอง​ ยัง​สามารถ​พูด​ความในใจ​กับ​สตรี​ได้​ แล้ว​ยัง​พูด​เสีย​ไพเราะ​ว่า​เป็น​ความจริงใจ​ที่​ออกจาก​ปาก​หลัง​เมามาย​”

เซียว​สวิ้น​พยักหน้า​รับ​ ยก​สอง​แขน​กอดอก​ หัวเราะ​หยัน​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​ก็​มาเพราะ​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​ของ​เขา​นี่แหละ​ ไม่อย่างนั้น​ก็​คร้าน​จะมาร่วมวง​ความ​ครึกครื้น​ด้วย​”

จางลู่​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “ปี​นั้น​ข้า​เคย​ถามอา​เหลียง​ว่า​เอาชนะ​ต่ง​ซาน​เกิง​ได้​หรือไม่​ อา​เหลียง​เพียง​ยิ้ม​ทะเล้น​บอ​กว่า​สู้ไม่ได้​ เขา​จะเอาชนะ​ตา​เฒ่าต่ง​ได้​อย่างไร​”

เซียว​สวิ้น​ลังเล​อยู่​ชั่วขณะ​ ก่อน​เอ่ย​ว่า​ “นอกจาก​เฉิน​ชิงตู​ บางที​อาจ​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​วิถี​กระบี่​ของ​อา​เหลียง​สูงเพียงใด​กัน​แน่​”

สงคราม​ใหญ่​กำลังจะ​ปะทุ​ขึ้น​ ใน​ค่าย​กล​ โซ่วเฉิน​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​เตือน​ว่า​ “ซิน​จวง​ ระวัง​ว่า​อา​เหลียง​จะฆ่าเจ้าเป็น​คน​แรก​ เขา​อาจ​หมายหัว​จะสังหาร​เจ้าอยู่​ตลอดเวลา​ ดังนั้น​เจ้าต้อง​รักษา​ชีวิต​รอด​ให้ได้​ พยายาม​ถ่วงเวลา​ไว้​ให้​นาน​ที่สุด​”

ผู้ฝึก​ตน​รำคาญ​ผู้ฝึก​ตน​ลมปราณ​ประเภท​ใด​มาก​ที่สุด​? ก็​คือ​อาจารย์​ค่าย​กล​

อาจารย์​ค่าย​กล​ใน​ความหมาย​แคบ​ๆ ก็​เหมือน​อย่าง​หัน​โจ้วจิ่น​แห่ง​สาย​แผนภูมิ​ดิน​ สืบสาวราวเรื่อง​กัน​แล้วก็​ยัง​เป็น​เพราะ​สามารถ​พลิกกลับ​ฟ้าอำนวย​ ช่วงชิง​ดิน​อวยพร​ ยึดครอง​คน​สามัคคี​มาได้​นั่นเอง​

ส่วน​อาจารย์​ค่าย​กล​ใน​ความหมาย​กว้างๆ​ อริยะ​ทุกท่าน​ที่​บัญชา​การณ์​ฟ้าดิน​เล็ก​ล้วน​ถือว่า​ใช่ทุกคน​ หรือ​ยกตัวอย่างเช่น​เฉิน​ผิง​อัน​ เนื่องจาก​มีกระบี่​บิน​ ‘นก​ใน​กรง​’ ก็​ถือว่า​ใช่เหมือนกัน​

ซิน​จวง​พยักหน้า​

แม้จะบอ​กว่า​นาง​คือ​เหยื่อ​ล่อ​ แต่​ก็​กลัว​ว่า​อา​เหลียง​จะลงมือ​ได้​สำเร็จ​เร็ว​เกินไป​

หาก​ล้อม​ฆ่าผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ทั่วไป​ ไหน​เลย​จะต้อง​มีความกังวล​เช่นนี้​ ยัง​ต้อง​กังวล​ว่า​เหยื่อ​ล่อ​จะถูก​กิน​เร็ว​เกินไป​ด้วย​หรือ​?

ผู้เฒ่า​คน​นั้น​ยิ้ม​ถาม “อา​เหลียง​ใน​วันนี้​ ดู​แล้ว​ไม่ค่อย​เหมือน​ที่​พวก​เจ้าพูดถึง​เลย​นะ​ อยู่​ใน​สถานการณ์​ที่​คน​คนเดียว​ท้าทาย​คน​ทั้ง​กลุ่ม​เหมือนกัน​ แต่​วันนี้​กลับ​ไม่ได้​พูดจา​เหน็บแนม​ชวน​ระคายหู​สัก​เท่าไร​”

เฝ่ย​หรา​นพ​ยัก​หน้า​ “อา​เหลียง​ที่​เป็น​เช่นนี้​น่ากลัว​อย่าง​มาก​”

อา​เหลียง​ที่​ตก​อยู่​ท่ามกลาง​วงล้อม​กวาดตา​มอง​รอบด้าน​แล้ว​พยักหน้า​ ค่อนข้าง​พึงพอใจ​ ต้อง​อย่างนี้​สิถึงจะพอใช้ได้​

ขบวน​รบ​ระดับ​นี้​ การ​จัดวาง​กองกำลัง​เอิกเกริก​เช่นนี้​ อันที่จริง​เหนือกว่า​ศึก​ที่​ฝูเหยา​ทวีป​เสีย​อีก​

ไม่เพียงแต่​มีขอบเขต​สิบ​สี่มาสอง​คน​ วันนี้​ยังมี​ผู้ฝึก​กระบี่​มาเยอะ​ด้วย​

ไม่เสียแรง​ที่​ตน​เรียก​จั่ว​โย่ว​ให้​มาช่วย​คุม​หลัง​

ต่อให้​จะอยู่​บน​สนามรบ​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ อา​เหลียง​ก็​ยังคง​ร่วมมือ​กับ​ผู้อื่น​ออก​กระบี่​น้อย​ครั้ง​นัก​

จั่ว​โย่ว​เอง​ก็​เช่นเดียวกัน​

อา​เหลียง​จาก​สาย​หย่า​เซิ่ง จั่ว​โย่​วจา​ก​สาย​เห​วิน​เซิ่ง แต่​กลับเป็น​สหาย​ที่​สนิทสนม​กัน​ดี​ ต่อให้​มีศึก​ตรี​จตุ​ครั้งนั้น​ พวกเขา​ก็​ยัง​เป็น​เพื่อนรัก​ที่​ดี​ต่อกัน​ไม่แปรเปลี่ยน​

อา​เหลียง​เหลือบมอง​ม่าน​ฟ้า สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ที​

ธาร​สวรรค์​ชำระล้าง​อาวุธ​เสื้อเกราะ​ เหมาะ​ให้​หลอม​กระบี่​เป็น​ที่สุด​

การ​ถามกระบี่​ใน​วันนี้​ไม่จำเป็นต้อง​ให้​ตน​พูด​อะไร​มาก​จริงๆ​ เพราะ​ถึงอย่างไร​หลักการ​เหตุผล​ทั้งหมด​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ก็​อยู่​แค่​บน​กระบี่​เท่านั้น​

เส้น​ยาว​เส้น​หนึ่ง​ลาก​จาก​ซาก​ปรัก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ทาง​ทิศเหนือ​สุด​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​มา

ปราณ​กระบี่​โชติช่วง​ข้าม​ผ่าน​ขุนเขา​สายน้ำ​มาเกือบ​ครึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ แต่กระนั้น​แสงกระบี่​เส้น​นี้​ก็​ยังคง​รวมตัวกัน​หนาแน่น​ไม่แยก​สลาย​

ราวกับว่า​ได้​พาด​สะพาน​ยาว​ปราณ​กระบี่​แห่ง​หนึ่ง​ไว้​ใน​ใต้​หล้า​ครึ่งหนึ่ง​

ทาง​ฝั่งของ​หัว​กำแพงเมือง​ เฉาจวิ้น​ปาก​อ้า​ตาค้าง​ ตรงจุด​ที่​ห่าง​ไป​ไกล​อย่าง​ถึงที่สุด​ สุดสายตา​ที่จะ​มองเห็น​แล้ว​ ก็​ยังคง​มองไม่เห็น​ว่า​เส้น​ยาว​เส้น​นั้น​ไป​สิ้นสุด​ที่​ตรง​ใด​

คาด​ว่า​นี่​ก็​คง​เป็น​…กระบี่​ตัด​ใต้​หล้า​กระมัง​?

เฉาจวิ้น​เบิกตา​กว้าง​เพ่งมอง​จน​รู้สึก​ปวด​ตา​ ถึงได้​ถอน​สายตา​กลับมา​ ขยี้ตา​ อดไม่ไหว​หันไป​ถามว่า​ “เว่ย​จิ้น​ หาก​เจ้าเลื่อน​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​จะทำ​แบบนี้​ได้​ไหม​?”

“แน่นอน​ว่า​ทำ​ไม่ได้​”

เว่ย​จิ้น​กล่าว​อย่าง​ไม่ลังเล​ “เวท​กระบี่​ของ​อาจารย์​จั่ว​อยู่​บน​ยอด​สูงสุด​แล้ว​ คน​ที่​เวท​กระบี่​จะสามารถ​เหนือกว่า​อาจารย์​จั่ว​ได้​ในอนาคต​ก็​มีเพียง​อาจารย์​จั่ว​ที่​เลื่อน​สู่ขอบเขต​ถัดไป​เท่านั้น​”

เว่ยจวิ้น​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “เก็บ​ความคิด​จิตใจ​ให้​ดี​ เมื่อครู่นี้​อันที่จริง​จิต​แห่ง​กระบี่​ของ​เจ้ามีเสี้ยว​หนึ่ง​ที่​แตกสลาย​ไป​”

เฉาจวิ้น​อึ้ง​ตะลึง​ ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความ​แตกตื่น​ หาก​เว่ย​จิ้น​ไม่พูด​เตือน​ ตน​ก็​มีแต่​จะไม่รู้ตัว​เลย​สักนิด​ เฉาจวิ้น​จึงรีบ​ใช้ดวงจิต​สำรวจ​ฟ้าดิน​เล็ก​ ตรวจสอบ​สภาพ​จิตใจ​อย่าง​ว่องไว​ ถึงได้​ค้นพบ​ว่า​ใน​ดวงจิต​ของ​ตน​ที่​มีบัว​เขียว​หมื่น​ดอก​ มีดอกบัว​แถบ​เล็ก​ๆ แถบ​หนึ่ง​ที่​ยาก​จะสังเกตเห็น​เกิด​การ​โน้มเอียง​ลง​ไป​ เฉาจวิ้น​รีบ​นั่ง​ตัวตรง​อย่าง​สำรวม​ ประคับประคอง​ดอกบัว​แต่ละ​ดอก​ให้​ ‘ตั้งตรง​’ ขึ้น​มาทันที​

เว่ย​จิ้น​รอ​ให้​เฉาจวิ้น​เก็บ​รวบรวม​จิต​แห่ง​มรรคา​เรียบร้อย​แล้ว​ถึงได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ “คุณสมบัติ​การ​ฝึก​กระบี่​ของ​เจ้าไม่เลว​จริงๆ​ สามารถ​เก็บ​ดวงจิต​กลุ่ม​หนึ่ง​กลับมา​ได้​เร็ว​เพียงนี้​ หาก​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ทั่วไป​ ต่อให้​คน​ข้าง​กาย​เอ่ย​เตือน​ก็​คง​ได้​แค่​มองดู​จิต​ของ​ตัวเอง​เกิด​ข้อบกพร่อง​คาตา​เท่านั้น​ อาจารย์​จั่ว​ยินดี​สอน​เวท​กระบี่​ให้​เจ้าก็​ไม่ใช่ว่า​ไม่มีเหตุผล​”

เฉาจวิ้น​หัวเราะ​อย่าง​ฉุนๆ​ “เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​ เจ้าไม่รู้จัก​เตือน​ข้า​ให้​เร็ว​กว่า​นี้​หรือ​?”

เว่ย​จิ้น​ส่ายหน้า​ “เจ้าไม่ใช่คน​ที่​เพิ่ง​เดิน​ขึ้น​เขา​ฝึก​ตน​เสียหน่อย​ คนอื่น​ปกป้อง​มรรคา​ไม่ใช่การ​ประคับประคอง​ แต่​เป็น​การชี้ทาง​สว่าง​ให้​ ไม่ให้​ถึงขั้น​เดิน​แยก​ หลง​เข้าไป​ผิดทาง​”

เฉาจวิ้น​ถอนหายใจ​ “เหตุผล​เป็น​เหตุผล​นี้​จริง​ แต่​ฟังแล้วก็​ยัง​ชวน​ให้​คน​อึดอัด​ขัดใจ​อยู่ดี​”

เว่ย​จิ้น​ยิ้ม​กล่าว​ “อายุ​มากกว่า​ข้า​ไม่น้อย​ ขอบเขต​ต่ำกว่า​ข้า​สอง​ขั้น​ แล้ว​ต้อง​มาฟังคำพูด​แบบนี้​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​ขัดใจ​อยู่แล้ว​”

เฉาจวิ้น​รู้สึก​ว่า​ขนบธรรมเนียม​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ เอนเอียง​ไป​หมด​แล้ว​

ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่​มาหา​ประสบการณ์​ที่นี่​ มีคน​ของ​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​กับ​ธวัล​ทวีป​ค่อน​ข้างมาก​ ฝ่าย​หนึ่ง​ตา​สูงมองไม่เห็น​หัว​ใคร​มาก​ที่สุด​ อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ใน​กระเป๋า​มีเงิน​ให้​ใช้เหลือเฟือ​

จั่ว​โย่ว​กลายร่าง​เป็น​รุ้ง​ยาว​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ แม้แต่​ผู้ฝึก​กระบี่​ก่อกำเนิด​อย่าง​เฉาจวิ้น​ยัง​มองตาค้าง​ ผู้ฝึก​ลมปราณ​เหล่านั้น​แน่นอน​ว่า​มีแต่​จะยิ่ง​อก​สั่น​ขวัญ​ผวา​กัน​มากกว่า​ แต่ละคน​หยุด​ยืน​นิ่ง​อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​ราวกับ​ไก่​ไม้

จู่ๆ ก็​มีคนพูด​กลั้ว​หัวเราะ​ขึ้น​มา

“ตอนนี้​ยัง​ไม่อาจ​แบ่ง​เป็น​ตาย​กับ​เต๋า​เหล่า​เอ้อ​ได้​ ยัง​ต้อง​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​ต่อไป​จริงๆ​ เสีย​ด้วย​”

“จั่ว​โย่​วจะ​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ได้​หรือไม่​ ลู่​จือ​จะเลื่อน​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ได้​หรือไม่​ ล้วน​เป็นเรื่อง​ที่​คู่ควร​แก่​การรอคอย​”

เฉาจวิ้น​หันหน้า​ไป​มอง​ คือ​ผู้ฝึก​ตน​เซียน​ดิน​ที่​มาจาก​ลัทธิ​เต๋า​ พูดจา​วางโต​ไม่รู้จัก​ละอาย​เสีย​จริง​

มีรูปโฉม​ของ​บุรุษ​วัยกลางคน​ หนวด​ยาว​สวม​ชุด​เต๋า​ สวม​กวาน​เดินทางไกล​บน​ศีรษะ​ เท้า​สวม​รองเท้า​เมฆขาว​ สะพาย​กระบี่​ไม้เล่ม​หนึ่ง​

แต่​กลิ่นอาย​เต๋า​มาด​แห่ง​เซียน​ส่วน​นี้​ หาก​ไป​หลอก​คนธรรมดา​ล่าง​ภูเขา​และ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ห้า​ขอบเขต​ล่าง​ย่อม​ไม่มีปัญหา​ แต่​อยู่​กับ​นาย​ท่าน​ใหญ่​เฉาก็​เก็บ​ลง​ไป​เถอะ​

เฉาจวิ้น​หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “สหาย​ท่าน​นี้​ ฟังจาก​น้ำเสียง​ของ​เจ้า คง​สามารถ​งัดข้อ​กับ​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงได้​แล้ว​สินะ​?”

นักพรต​ท่าน​นั้น​ลูบ​หนวด​ยิ้ม​ตาหยี​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ขอให้​สมพรปาก​เซียน​กระบี่​เฉา”

ขณะเดียวกัน​เฉาจวิ้น​ก็​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ถาม “เว่ย​จิ้น​ คง​ไม่ใช่ยอด​ฝีมือ​นอก​โลก​ที่​ชอบ​แสร้ง​วางท่า​หรอก​กระมัง​?”

เว่ย​จิ้น​ตอบ​ “แค่​มองออก​ว่า​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ก่อกำเนิด​คน​หนึ่ง​ แต่​เจ้าพูดจา​ก็​ควร​ต้อง​ระวัง​หน่อย​ มีเรื่อง​เพิ่ม​หนึ่ง​เรื่อง​ไม่สู้มีเรื่อง​น้อยลง​หนึ่ง​เรื่อง​”

เฉาจวิ้น​จึงวางใจ​ได้​แล้ว​ ฟังคำพูด​ของ​อีก​ฝ่าย​แค่​ครึ่ง​เดียว​เท่านั้น​ เซียน​กระบี่​ใหญ่​แห่ง​ศาล​ลม​หิมะ​เจอ​กับ​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ก็​คง​ไม่ถึงขั้น​มอง​พลาด​ไป​ได้​แน่​

เว้น​เสีย​จากว่า​เป็น​สถานการณ์​อย่างหนึ่ง​ เช่นว่า​ฝูลู่​อวี๋​เสวียน​ จ้าว​เทียน​ไล่​แห่ง​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​ ฮว่อ​หลง​เจิน​เห​ริน​แห่ง​ยอดเขา​พา​ตี้​ เป็น​บุคคล​เหล่านี้​ที่​จงใจเก็บ​ซ่อน​ภาพ​บรรยากาศ​ และ​บังเอิญ​พอดี​ที่​บิน​ทะยาน​ผู้เฒ่า​ทั้งหลาย​เหล่านี้​ เวลา​ออก​ไปนอก​ภูเขา​ล้วน​มีนิสัย​เปิดเผย​ตรงไปตรงมา​ ไม่ชอบ​ร่าย​เวท​อำ​พรางตา​

ตน​คง​ไม่ได้​เจอ​เข้ากับ​ขอบเขต​สิบ​สี่หรอก​กระมัง​ ไม่ใช่แน่​!

เฉาจวิ้น​กุม​หมัด​ จุ๊ปาก​พูด​ “โชคดี​ที่​ได้​พบ​ โชคดี​ที่​ได้​พบ​”

นักพรต​วัยกลางคน​มอง​เว่ย​จิ้น​และ​เฉาจวิ้น​ที่​แยกกัน​นั่ง​อยู่​สอง​ฝั่งแล้ว​ยิ้ม​บาง​ๆ กล่าวว่า​ “ปณิธาน​ไม่แข็งแกร่ง​ จิตใจ​ไม่หนักแน่น​ จมอยู่กับ​ความ​สามัญ ถูก​ความรัก​กักขัง​ จะหา​ที่​พักพิง​บน​โลก​มนุษย์​ได้​อย่างไร​ คิดดู​แล้ว​คง​ยาก​ที่จะ​เดิน​เข้า​ห้อง​ (เปรียบเปรย​ถึงการ​เริ่มต้น​ทำ​สิ่งหนึ่ง​แล้ว​สำเร็จ​มีความ​เชี่ยวชาญ​ใน​ระดับ​หนึ่ง​ เช่น​การ​ฝึก​ตน​ หาก​ได้​เริ่ม​ฝึก​ตน​และ​มีความสำเร็จ​บ้าง​แล้วก็​จะถือว่า​ได้​เดิน​เข้า​ห้อง​แล้ว​ ไม่ได้​เป็น​นอก​ที่​ได้​แต่​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​) มีมาด​อัน​สง่างามของ​เซียน​กระบี่​ได้​อย่าง​แท้จริง​”

เว่ย​จิ้น​เพียง​ยิ้ม​รับ​

ด่าน​ความรัก​ของ​ตน​ด่าน​นั้น​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​ทุกคน​รู้กัน​ถ้วน​ทั่ว​มานาน​แล้ว​ ถูก​นักพรต​ไม่ทราบ​นาม​ที่​พเนจร​ท่อง​ไป​ทั่ว​สารทิศ​พูดถึง​ ก็​ไม่จำเป็นที่​ต้อง​อับอาย​จน​พาน​เป็น​ความโกรธ​

เฉาจวิ้น​เอ่ย​อย่าง​ขัน​ๆ ปน​ฉุน​ “นักพรต​ท่าน​นี้​กำลัง​สอน​ข้า​ว่า​ควร​ฝึก​กระบี่​อย่างไร​หรือ​? ทำไม​ หรือว่า​ท่าน​นักพรต​เอง​ก็​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ด้วย​?”

“ข้า​ถือว่า​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ได้เสีย​ที่ไหน​ ไม่เข้าใจ​เรื่อง​ของ​วิถี​กระบี่​เลย​สัก​เรื่อง​ ได้​แต่​ดู​ไฟชายฝั่ง​ ชมเรื่อง​สนุก​ไป​อย่าง​ถูไถเท่านั้น​”

นักพรต​วัยกลางคน​ส่ายหน้า​ด้วย​รอยยิ้ม​ ไม่ได้​พูด​อะไร​ต่อ​ เพียงแค่​เลือก​หัว​กำแพง​ที่อยู่​ระหว่าง​คน​ทั้งสอง​ กระโดด​ขึ้น​เบา​ๆ ไป​นั่งสมาธิ​อยู่​บน​นั้น​

ที่ไหน​กัน​ ที่ไหน​กัน​ ก็​แค่​รับ​หลาน​ที่​ได้​เปล่า​มาสอง​คน​ น่าเสียดาย​ที่​เจ้าสอง​คน​นั้น​ หาก​พูดถึง​แค่​เรื่อง​อ่าน​ตำรา​ก็​แย่​กว่า​เฉิน​ผิง​อัน​มาก​จริงๆ​ เป็นเหตุให้​ฟังความนัย​ใน​คำพูด​ออก​เพียงแค่​ชั้นเดียว​ แม้แต่​เรื่อง​ที่​ประโยค​ว่า​ ‘ปณิธาน​ไม่แข็งแกร่ง​ จิตใจ​ไม่เด็ดเดี่ยว​’ มาจาก​ ‘ตำรา​เจี้ย​ไหว้​เซิง’ ก็​ยัง​ลืม​ไป​แล้ว​

เดินทางไกล​มาเยือน​เปลี่ยว​ร้าง​ครั้งนี้​ไม่มีเรื่องใหญ่​อะไร​ แค่​มาผ่อน​คลายอารมณ์​ ชมทัศนียภาพ​เท่านั้น​ นอกจากนี้​ก็​คือ​มาคิดบัญชี​กับ​เจ้าเฒ่าหูหนวก​ที่​ดูแล​คุก​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ เพียงแต่ว่า​อีก​ฝ่าย​ซ่อนตัว​ได้​ค่อนข้าง​ดี​ ก่อนหน้านี้​ลอง​อนุมาน​ดู​ครั้งหนึ่ง​ แล้วก็​ท่อง​ผ่าน​สถานที่​หลาย​แห่ง​ แต่กลับ​ยัง​มิอาจ​ลากตัว​อีก​ฝ่าย​ออกมา​ได้​

ช่วยไม่ได้​ ถึงอย่างไร​ก็​ไม่ได้​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ เรื่อง​ของ​การอนุมาน​มหา​มรรคา​มีอุปสรรค​ขัดขวาง​มากเกินไป​ หาก​ไม่ได้​จริงๆ​ ก็​คง​ต้อง​ไป​เยือน​นคร​จิน​ชุ่ย​รอบ​หนึ่ง​ ไป​ถามจาก​เจิ้งจวี​จงดู​

เจ้านคร​จักรพรรดิ​ขาว​ท่าน​นี้​ ก่อนหน้า​นั้น​ตอน​อยู่​ใน​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ได้​ฝาก​คำกล่าว​ไว้​ บอก​ตน​ว่า​หาก​มีเวลาว่าง​ก็​สามารถ​ไป​เป็น​แขก​ที่​นคร​จิน​ชุ่ย​ได้​ นี่​ถือว่า​มีความจริงใจ​มาก​พอแล้ว​

เขา​ใช้เสียง​ใน​ใจยิ้ม​เอ่ย​ “เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​ ท้อง​แตก​ตาย​ใจกล้า​ หิว​ตาย​ขี้ขลาด​ ใน​เมื่อ​ใน​มือ​ได้​ครอบครอง​ตำรา​กระบี่​ที่​สืบทอด​มาจาก​จงหยวน​ เหตุใด​จนถึง​ตอนนี้​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ครอบครอง​ปณิธาน​กระบี่​เก่าแก่​ส่วน​นั้น​ที่​วนเวียน​ไม่จางหาย​ไป​ได้​เสียที​ หาก​เปลี่ยน​ข้า​มาเป็น​จงหยวน​ คง​ค่อนข้าง​ผิดหวัง​ต่อ​ผู้สืบทอด​ที่​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ช่วย​เลือก​ให้​ด้วยตัวเอง​อย่าง​เจ้านิดๆ​ แล้ว​”

เว่ย​จิ้น​ถามเสียงทุ้ม​หนัก​ “มิทราบ​ว่า​ผู้อาวุโส​ชื่อ​แซ่ใด​!”

อู๋ซวงเจี้ยง​ยิ้ม​บาง​ “ไม่มีค่า​พอให้​พูดถึง​ เจ้าก็​ถือ​เสีย​ว่า​ข้า​คือ​ลุง​ของ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ก็แล้วกัน​”

เว่ย​จิ้น​ฉงนสนเท่ห์​

ใต้​หล้า​มืด​สลัว​

มีชายฉกรรจ์​ร่าง​กำยำ​คน​หนึ่ง​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​เหนือ​ทะเล​เมฆผืน​หนึ่ง​ ร่าง​ของ​เขา​ล่องลอย​ไป​พร้อม​ก้อน​เมฆตลอดทาง​ ดื่มเหล้า​หมด​แล้วก็​โยน​กา​เหล้า​ทิ้ง​ไป​ง่ายๆ​

ข้าง​กาย​ชายฉกรรจ์​มีเด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ยืน​เอา​มือ​ไพล่หลัง​ รูปโฉม​งดงาม​ สวม​หมวก​หัว​เสือ​ ทำให้​มองดู​น่าขัน​เล็กน้อย​

หาก​ไม่มีหมวก​ใบ​นี้​ ไม่ว่า​จะเป็น​หน้าตา​หรือ​บุคลิก​ เขา​ก็​ราวกับ​คน​คนเดียว​ที่​ยึด​คำ​ว่า​ ‘เจ๋อ​เซียน​’ ไป​ครอง​หมดสิ้น​

ชายฉกรรจ์​ลุกขึ้น​ยืน​ ยืด​แขน​บิดขี้เกียจ​คลาย​กล้ามเนื้อ​ สิบ​นิ้ว​สอด​ผสาน​ บิด​ร่าง​ไป​ทาง​หนึ่ง​ จากนั้น​อยู่ดีๆ​ ก็​ปล่อย​หมัด​ออก​ไป​ ทิศทาง​ที่​ส่งหมัด​อยู่​ห่าง​ไป​ไกล​มาก​

หมัด​เขย่า​ป๋า​ยอ​วี้​จิง!

ต่อย​เสร็จ​ก็​เผ่นหนี​

ชายฉกรรจ์​ยื่นมือ​ไป​คว้า​คอ​ของ​เด็กหนุ่ม​สวม​หมวก​หัว​เสือ​ลาก​ให้​เดิน​ไป​ด้วยกัน​ เด็กหนุ่ม​ยก​สอง​แขน​กอดอก​ ฝ่าเท้า​ไม่สัมผัส​พื้น​ คล้าย​กับ​นอน​ทิ้งตัว​ยาว​ไป​กับ​พื้น​ ทว่า​สีหน้า​กลับ​สงบนิ่ง​อย่าง​มาก​

กล้า​ปล่อย​หมัด​ใส่ป๋า​ยอ​วี้​จิง กล้า​ปฏิบัติ​ต่อ​ป๋า​ย​เห​ย่​เช่นนี้​ มีเพียง​สหาย​รัก​อย่าง​หลิว​สือ​ลิ่ว​เท่านั้น​

ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ บน​สนามรบ​

สงคราม​ใหญ่​ที่​แทบ​แยก​ไม่ออ​กว่า​ใคร​ล้อม​ฆ่าใคร​ได้​เปิดฉาก​ขึ้น​อย่าง​เป็นทางการ​

หลังจากที่​ใน​อดีต​กระบี่​พก​เล่ม​นั้น​หัก​ไป​ อา​เหลียง​ก็​พก​แค่​ดาบ​ไม้ไผ่​มาโดยตลอด​ ไป​เยือน​ฟ้านอก​ฟ้าของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ประมือ​กับ​เต๋า​เหล่า​เอ้อ​ก็​ไม่เคย​ใช้กระบี่​

วันนี้​อา​เหลียง​กลับ​ใช้สอง​มือ​กุม​ด้าม​กระบี่​ ชัก​กระบี่​ออกจาก​ฝัก​ช้าๆ เลือก​ใช้ท่า​ถือ​กระบี่​สอง​มือ​ที่​ไม่เคย​ใช้มาก่อน​รับมือ​กับ​ศัตรู​

ผู้ฝึก​กระบี่​กับ​กระบี่​ต่าง​ก็​ไม่ถูก​ฟ้าดิน​พันธนาการ​ ล้วน​ไม่ถูก​กักขัง​อยู่​ใน​ฝัก​

ชายฉกรรจ์​ที่​เรือน​กาย​เล็ก​เตี้ย​ บุรุษ​ที่​ชอบ​เรียก​ตัวเอง​ว่า​เป็น​มือ​กระบี่​ผู้​นี้​เพียงแค่​ใช้สอง​มือถือ​กระบี่​ข้าง​ละ​เล่ม​ ไม่ได้​ออก​กระบี่​อย่าง​แท้จริง​ ฟ้าดิน​สี่ทิศ​ก็​มีกระบี่​บิน​เฉียบคม​ที่เกิด​จาก​การ​รวมตัวกัน​ของ​ปณิธาน​กระบี่​ปราก​ฎขึ้น​มานับ​ไม่แล้ว​

ราวกับ​เป็นการ​จำแลง​ของ​มหา​มรรคา​ที่​ยิ่งใหญ่​โอฬาร​อย่างหนึ่ง​ ขุนเขา​สายน้ำ​ต่างบ้านต่างเมือง​ใน​รัศมี​สามพัน​ลี้​มีกระบี่​มาก​มหาศาล​

ปีศาจ​ใหญ่​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​เข้าร่วม​การ​ล้อม​สังหาร​ ทุกคน​ล้วน​มีส่วนแบ่ง​ แต่ละคน​จำต้อง​เผชิญหน้า​กับ​ค่าย​กล​กระบี่​แห่ง​หนึ่ง​

กระบี่​บิน​นับไม่ถ้วน​ไปมา​ไร้​ร่องรอย​ ตัด​สลับ​พัวพัน​ ฟาดฟัน​อุตลุด​

อา​เหลียงงอ​สอง​เข่า​ลง​เล็กน้อย​ สอง​แขน​กาง​ออก​ ถือ​กระบี่​คู่​ เอ่ย​เบา​ๆ ว่า​ “ม่าน​ราตรี​”

ขุนเขา​สายน้ำ​หมื่น​ลี้​ที่​เดิมที​เป็น​เวลากลางวัน​สว่างไสว​ประดุจ​ได้รับ​คำสั่ง​ แค่​สอง​คำ​ง่ายๆ​ ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ก็​ทำให้​ฟ้าดิน​เปลี่ยนสี​ พริบตา​นั้น​ฟ้าดิน​พลัน​มืด​สลัว​แล้ว​กลายเป็น​สีดำ​มืดสนิท​ไป​ทั้ง​แถบ​

เสียง​ฟ้าร้อง​คำราม​สะเทือน​เลือน​ลั่น​ แสงแห่ง​เปลวเพลิง​ผุด​พุ่ง​ กระแสน้ำ​ซัด​เชี่ยวกราก​ ดวงดาว​พุ่ง​ตก​

แสงกระบี่​อัน​โอฬาร​ตระการตา​ที่เกิด​จาก​การ​จำแลง​ของ​วิถี​กระบี่​สี่ส่วน​พลัน​สว่างจ้า​ขึ้น​มาท่ามกลาง​ม่าน​ราตรี​พร้อมๆ กัน​

สาย​ฟ้าแลบ​แปลบปลาบ​ สีขาว​หิมะ​สว่าง​พร่างพราว​ มังกร​ไฟตัว​ยาว​ สีแดงสด​ดั่ง​โลหิต​ มหา​นที​ซัด​เชี่ยว​ สีเขียว​มรกต​หม่น​มืด​ ดาวตก​ทิ้งตัว​พุ่ง​ยาว​ กรีด​ผ่า​นภา​กา​ศ

ราวกับว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​คน​หนึ่ง​ เนื่องจาก​วิถี​กระบี่​สูงเกินไป​จึงสามารถ​ใช้กระบี่​บงการ​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​สี่ตน​ได้​ในเวลาเดียวกัน​ จึงเท่ากับ​ว่า​ได้​ครอบครอง​วิชา​อภินิหาร​แห่ง​ชะตาชีวิต​ที่​ไร้เหตุผล​อย่างหนึ่ง​

แว้ง​กลับเป็น​ฝ่าย​สังหาร​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด