กระบี่จงมาบทที่ 844.1 ร่วมกันโค่นเปลี่ยวร้าง

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter บทที่ 844.1 ร่วมกันโค่นเปลี่ยวร้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ม่าน​ราตรี​หนา​หนัก​ทำให้​มองไม่เห็น​ร่าง​ของ​อา​เหลียง​ใน​ฉับพลัน​ มีเพียง​แสงกระบี่​ที่​ผุด​ขึ้น​จาก​สี่ทิศ​ สาดส่อง​เจิดจ้า​ไป​ยัง​ฟ้าดิน​รอบด้าน​

คน​ผู้​หนึ่ง​ออก​กระบี่​กลับ​มีภาพ​เหตุการณ์​เหมือน​การ​ลงมือ​ของ​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​มากมาย​บน​สนามรบ​ยุค​บรรพกาล​ห่างไกล​ได้​เช่นนี้​

ซิน​จวง​ที่​รับหน้าที่​โคจร​ค่าย​กล​ใหญ่​พร้อมกับ​โซ่วเฉิน​ ใน​ฐานะ​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ศิษย์​พี่​หญิง​ของ​หลี​เจิน​ นาง​รีบ​กวาดตา​มอง​รอบด้าน​อย่าง​ว่องไว​ ร่าย​วิชา​อภินิหาร​บท​หนึ่ง​ที่​เชื่อมโยง​กับ​ความมืด​ ทำให้​ดวงตา​ทั้งคู่​วับ​วาว​ ส่อง​ประกาย​แสงเรืองรอง​ แม้แต่​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​และ​เส้นทาง​ไป​สู่ปรโลก​สาย​นั้น​ นาง​ก็​ยัง​หา​เบาะแส​ออกมา​ได้​ แต่​ซิน​จวง​กลับ​หา​ร่องรอย​ของ​บุรุษ​คน​นั้น​ไม่เจอ​

มิน่าเล่า​ใน​อดีต​ถึงสามารถ​เผ่นหนี​ไป​จาก​การ​ดัก​ล้อม​สังหาร​ของ​ปีศาจ​ใหญ่​ที่​รายล้อม​ไป​ด้วย​อันต​รายได้​

โซ่วเฉิน​ชัก​กระบี่​ไร้​ฝัก​เล่ม​หนึ่ง​ออกมา​จาก​กล่อง​กระบี่​แล้ว​ สอง​นิ้ว​คีบ​ตัว​กระบี่​แล้ว​ปาด​ไป​ที่​ปลาย​กระบี่​อย่าง​รวดเร็ว​ คล้าย​กับ​ลอก​เอา​คราบ​ของ​เซียน​เห​ริน​ชั้นหนึ่ง​ออกมา​ แสงกระบี่​กลายเป็น​สายฟ้า​หนึ่ง​เส้น​ที่​พุ่ง​ปะทะ​เข้ากับ​ฟ้าแลบ​แปลบปลาบ​พวก​นั้น​ ขณะเดียวกัน​ก็​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​เตือน​ด้วยว่า​ “ไม่ต้องหา​แล้ว​ เจ้าและ​ข้า​แค่​ประคอง​ค่าย​กล​ใต้​ฝ่าเท้า​ให้​ดี​ สงบใจ​รอ​รับ​กระบี่​ไป​ก็​พอ​”

ซิน​จวง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​รีบ​เก็บ​ความคิด​ลง​ไป​ทันที​ เรียก​เอา​ถุงที่​ไม่สะดุดตา​ใบ​หนึ่ง​ออกมา​โบก​เบา​ๆ ไอ​หมอก​ก้อน​เมฆลอย​อวล​ขึ้น​สูงแล้ว​กระจาย​ตัว​แผ่​ไป​รอบด้าน​อย่าง​ว่องไว​ ราวกับ​พายุฝน​ที่​ยืม​มาจาก​เทพ​พิรุณ​เทพ​วาโย​ยุค​บรรพกาล​ ปกคลุม​ร่าง​นาง​อยู่​ภายใน​ เมฆหมอก​ล่องลอย​ราวกับ​อยู่​ใน​พื้นที่​แค่​ตาราง​ชุ่น​เท่านั้น​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับเป็น​ถ้ำสวรรค์​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ ฟ้าดิน​แห่ง​นี้​มีลม​ฝน​พัด​กระโชก​แรง​กว้างใหญ่​ไร้​ที่​สิ้นสุด​ กว้างไกล​นับ​หมื่น​ลี้​ ประหนึ่ง​วิชา​อภินิหาร​เมล็ด​งาอีก​ประเภท​หนึ่ง​ที่​ช่วย​ให้​ซิน​จวง​ซ่อนตัว​อยู่​ท่ามกลาง​ทะเลสาบ​ใหญ่​ยักษ์​ ต่อให้​อา​เหลียง​จะสามารถ​ใช้หนึ่ง​กระบี่​ฟัน​ตรา​ผนึก​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​ฟ้าดิน​ได้​ แต่​ก็​ไม่อาจ​ฟัน​มายัง​ร่าง​จริง​ของ​นาง​ได้​

ปีศาจ​ใหญ่​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​กลุ่ม​ที่มา​ล้อม​ฆ่าอา​เหลียง​ครั้งนี้​ ดูเหมือนว่า​หาก​บน​มือ​ของ​ใคร​ไม่มีอาวุธ​เซียน​สัก​ชิ้น​สอง​ชิ้น​ก็​คง​ไม่มีหน้า​ออก​มาจาก​บ้าน​ มาปรากฏตัว​อยู่​ใน​สนามรบ​แห่ง​นี้​

สภาพการณ์​ของ​ซิน​จวง​ไม่น่าเป็นห่วง​ชั่วคราว​ นาง​จึงมอง​ประเมิน​กล่อง​กระบี่​ที่​โซ่วเฉิน​สะพาย​ไว้​ด้านหลัง​หลาย​ที​ หาก​จะพูด​กัน​ถึงการสืบทอด​ ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​แห่ง​หนึ่ง​ คน​ที่​สามารถ​เทียบเคียง​กับ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ได้​ อันที่จริง​ก็​มีแค่​สาย​ของ​โจว​มี่มหาสมุทร​ความรู้​เท่านั้น​แล้ว​

เห็น​เพียง​ว่า​โซ่วเฉิน​ปาด​ตัว​กระบี่​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ลอก​เอา​ปณิธาน​กระบี่​บรรพกาล​แต่ละ​ชั้น​ลงมา​ไม่หยุด​ ให้​มัน​ปะทะ​ต้านทาน​กับ​ภาพ​บรรยากาศ​ที่​ฟ้าร้อง​สะเทือน​เลือน​ลั่น​ซึ่งเกิด​จาก​การ​จำแลง​วิถี​กระบี่​ของ​อา​เหลียง​

เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​เหมือนกัน​ ระยะห่าง​กลับ​มาก​นัก​ ไม่เพียงแค่​เพราะ​ขอบเขต​ของ​โซ่วเฉิน​ในเวลานี้​ยัง​ไม่มั่นคง​อย่าง​สมบูรณ์​เท่านั้น​ ที่​มากกว่า​นั้น​ยัง​เป็น​ระดับสูง​ต่ำ​ของ​วิถี​กระบี่​ด้วย​

โซ่วเฉิน​จำต้อง​ยอมรับ​ว่า​คิด​จะขยับ​เข้าใกล้​ระดับความสูง​แห่ง​วิถี​กระบี่​ของ​อา​เหลียง​ใน​ทุกวันนี้​ก็​มีความเป็นไปได้​เพียง​อย่าง​เดียว​เท่านั้น​ อีก​ฝ่าย​อายุสั้น​ ตน​อายุ​ยืนยาว​ จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ อาศัย​ความสามารถ​ใน​การ​ขัดเกลา​ทีละ​นิด​และ​โชควาสนา​ที่​ได้มา​ใน​ภายหลัง​ จึงจะมีความหวัง​

กล่อง​กระบี่​ที่​โซ่วเฉิน​สะพาย​อยู่​วาด​เป็น​รูป​สามภูเขา​สี่มหาสมุทร​ห้า​ขุนเขา​สิบ​ลำน้ำ​ของ​ยุค​บรรพกาล​ ต่าง​จาก​ภาพ​ยันต์​ทำนาย​แท้จริง​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ที่​แพร่หลาย​อย่างยิ่ง​ใน​โลก​ยุค​หลัง​อยู่​มาก​

เพราะ​ก่อนหน้านี้​ถูก​ปณิธาน​กระบี่​ของ​อา​เหลียง​ชักนำ​ เวท​อำ​พรางตา​ของ​กล่อง​กระบี่​จึงหาย​ไป​แล้ว​ เผย​ให้​เห็น​ภาพจริง​ของ​สามภูเขา​ที่​หายสาบสูญ​ไป​นาน​แล้ว​ แค่​มอง​ก็​เห็นได้ชัด​เจน​ถ้วน​ทั่ว​ แบ่ง​ออก​เป็น​ภาพ​ที่​คล้าย​กับ​เทพ​นั่ง​นิ่ง​ดุจ​ศพ​ วานร​เดิน​ใน​ป่า​เขา​ และ​มังกร​ทะยาน​ผลุบโผล่​กลาง​เมฆ

ความรับผิดชอบ​ของ​สามภูเขา​แบ่ง​ออก​เป็น​ควบคุม​หยิน​หยาง​และ​ห้า​ธาตุ​ กำหนด​ช่วงเวลา​เกิด​และ​ตาย​ ความ​สั้น​ความ​ยาว​ของ​ช่วงเวลา​ การ​แบ่ง​แขนง​ดวงดาว​หลัก​ รวม​กับ​ควบคุม​ชะตา​ของ​เผ่าพันธุ์​น้ำ​อย่าง​ปลา​และ​มังกร​

เดิมที​กล่อง​กระบี่​ก็​เป็น​ค่าย​กล​สมบัติ​หนัก​ที่​มีระดับ​ขั้น​เป็น​อาวุธ​เซียน​ชิ้น​ใหญ่​อยู่แล้ว​ เล่าลือ​กัน​ว่า​ห​ลิง​เจิน​ผู้​หลุดพ้น​ของ​ยุค​โบราณ​ท่าน​หนึ่ง​ถือครอง​ภาพ​นี้​อยู่​ใน​มือ​ เดิน​ข้าม​สามภูเขา​ห้า​ขุนเขา​ ก้าว​ผ่าน​แม่น้ำทะเล​ลำน้ำ​ ร้อย​เทพ​และ​กลุ่ม​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ล้วน​มารอ​ต้อนรับ​เขา​ด้วยตัวเอง​

ใน​เมื่อ​เป็น​ภาพ​ค่าย​กล​ยุค​บรรพกาล​ กลับ​น่าเสียดาย​นัก​ที่​ไม่ทราบ​ชื่อ​อาจารย์​หล่อหลอม​ผู้​หลอม​วัตถุ​ชิ้น​นี้​ ผู้ฝึก​ตน​บน​ยอดเขา​เพียงแค่​เคยชิน​ที่จะ​เรียก​เขา​ว่า​อาจารย์​ซาน​ซาน​จิ่ว​โหว​ หลังจากนั้น​ก็ได้​ถูก​โจว​มี่อาจารย์​ผู้​มีพระคุณ​หลอม​ขึ้น​มาอย่าง​ตั้งใจ​ ให้​เป็น​สถานที่​เลี้ยง​กระบี่​แห่ง​หนึ่ง​ที่​มีชื่อว่า​ ‘สุสาน​กระบี่​’ ถูก​ขนานนาม​ให้​เป็น​ผลสำเร็จ​ยิ่งใหญ่​ใน​ด้าน​ของ​น้ำเต้า​เลี้ยง​กระบี่​บน​โลก​ สามารถ​บำรุง​ให้​ความอบอุ่น​แก่​กระบี่​ยาว​ได้​มาก​สุด​เก้า​เล่ม​ สามารถ​ฟูมฟัก​วิชา​อภินิหาร​บางอย่าง​ที่​คล้ายคลึง​กับ​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​ออกมา​ได้​ หาก​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ได้​สมบัติ​หนัก​ชิ้น​นี้​ไป​ครอง​ ต่อให้​ไม่ใช่ผู้ฝึก​กระบี่​ก็​ยัง​เหนือกว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​

การสืบทอด​บน​ภูเขา​จึงสำคัญ​ถึงเพียงนี้​ ที่​บอ​กว่า​เมล็ด​พันธ์​เทพ​เซียน​ต้อง​พิถีพิถัน​ใน​เรื่อง​การกราบ​อาจารย์​เหมือน​หา​ครรภ์​ไป​เกิด​ใหม่​ ไม่ใช่เรื่อง​โกหก​แม้แต่น้อย​

ส่วน​จูเยี่ยน​ที่​เป็น​บรรพบุรุษ​ของ​เผ่าพันธุ์​ย้าย​ภูเขา​ตัว​นั้น​ เท้า​เหยียบ​อยู่​บน​กระบี่​ยาว​ ‘ติ้ง​ซาน​’ มหา​มรรคา​จำแลง​ออกมา​เป็น​ฟ้าดิน​เล็ก​ของ​ขุนเขา​แห่ง​หนึ่ง​ ส่วน​ใน​มือ​จูเยี่ยน​นั้น​ถือ​กระบอง​ยาว​เอาไว้​ หลัก​ฟ้าปรากฏการณ์​ดิน​ เผย​ร่าง​จริง​พัน​จั้ง กระบี่​ยาว​ก็​ขยาย​ใหญ่​ตาม​ไป​ด้วย​ หนึ่ง​กระบอง​ฟาด​ลง​ไป​ เคาะ​ลง​บน​หน้าผาก​ของ​มังกร​เพลิง​ ทุบ​อีก​ฝ่าย​ให้​แหลก​เละ​ แสงไฟกระเด็น​ไป​สี่ทิศ​ ขุนเขา​สายน้ำ​พัน​ลี้​มีฝน​เพลิง​ตก​กระหน่ำ​ลงมา​

คิดไม่ถึง​ว่า​มังกร​เพลิง​ที่​หัว​แตก​ยับ​แล้ว​ตัว​นั้น​ถึงกับ​จำแลง​ร่าง​เป็น​มังกร​เพลิง​เล็ก​บาง​ได้​อีก​นับ​ร้อย​นับ​พัน​ตัว​ แต่ละ​ตัว​เลื้อย​คดเคี้ยว​เหมือน​ราก​ภูเขา​ รูปร่าง​เหมือน​เส้นทาง​มังกร​บน​พื้นดิน​ ใช้สิ่งนี้​มาท้าทาย​บรรพบุรุษ​ย้าย​ภูเขา​อย่าง​จูเยี่ยน​ว่า​ชอบ​ย้าย​ภูเขา​นัก​ใช่ไหม​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​เชิญเคลื่อนย้าย​ได้​ตามสบาย​

จูเยี่ยน​ผลัด​สอง​มือถือ​กระบอง​ เรือน​กาย​ที่​ใหญ่โตมโหฬาร​หมุน​คว้าง​ไม่หยุด​ แผดเสียง​กลั้ว​หัวเราะ​ดังลั่น​ “อา​เหลียง​ชาติ​สุนัข​ แม้ว่า​ข้า​และ​เจ้าจะเป็น​ศัตรู​อยู่​กัน​คนละ​ฝ่าย​ แต่​ก็​เคารพ​ที่​เจ้าคือ​ลูกผู้ชาย​คน​หนึ่ง​ วันหน้า​ข้า​จะตั้ง​ป้าย​จารึก​ถึงเจ้าอยู่​ใน​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ ท่าน​ปู่​เช่น​ข้า​จะช่วย​แกะสลัก​ป้าย​หน้า​หลุมศพ​ให้​เจ้าด้วยตัวเอง​ รับรอง​ว่า​ทุก​ปีหน้า​หลุมศพ​จะต้อง​มีสุรา​กอง​เป็น​ภูเขา​ เป็น​อย่างไร​?”

กระบอง​ยาว​ถูก​ชัก​ออก​อีกครั้ง​ จูเยี่ยน​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​ที่​เป็น​ของ​เผ่าพันธุ์​ย้าย​ภูเขา​ออกมา​ คือ​วิธีการ​ใหญ่​ที่​กรีด​แม่น้ำ​ให้​กลายเป็น​พื้นดิน​ บน​พื้นดิน​ที่​เต็มไปด้วย​หลุม​บ่อ​และ​เต็มไปด้วย​ปณิธาน​กระบี่​แห่ง​นั้น​ ปณิธาน​กระบี่​อัน​ไพศาล​ที่​คล้าย​ทะเลสาบ​ยักษ์​มารวมตัวกัน​ถูก​ดึง​ออก​ไป​ วิชา​แบ่ง​น้ำ​ที่​แทบจะ​เรียก​ได้​ว่า​ไร้เหตุผล​นี้​เหนือกว่า​เวท​คาถา​น้ำ​และ​ดิน​ของ​บน​ภูเขา​ใน​หลาย​ใต้​หล้า​ของ​โลก​ยุค​หลัง​มาก​นัก​ สามารถ​แบ่งแยก​น้ำ​ใน​แม่น้ำ​และ​มหาสมุทร​ได้​ตามใจชอบ​ น้ำลด​หิน​ผุด​ แยก​ภูเขา​แม่น้ำ​ออก​จากกัน​ เผย​ให้​เห็น​พื้นดิน​ เรียก​ได้​ว่า​เป็น​การเปลี่ยนแปลง​ที่​มหาสมุทร​กลายเป็น​ผืน​นา​ซึ่งมนุษย์​ธรรมดา​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​อย่างหนึ่ง​

จูเยี่ยน​ทิ้งตัว​ลงพื้น​ดัง​ตึง​ เท้า​เหยียบ​ลง​บน​ราก​ภูเขา​ที่​เปิด​เปลือย​โผล่​พ้น​พื้นดิน​ ร่าง​จริง​พลัน​ขยาย​ใหญ่​จาก​เดิม​ถึงห้า​เท่า​ วาด​กระบอง​ฟาด​ไป​ใน​แนว​ขวาง​ คำราม​กร้าว​อย่าง​เดือดดาล​ “ยัง​ไม่รีบ​ไสหัว​ออกมา​อีก​ จงมาโขก​หัว​ยอมรับ​ความตาย​ต่อ​ท่าน​ปู่​แต่​โดยดี​!”

ซิน​จวง​ที่​ชมศึก​อยู่​ไกลๆ​ ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ เพราะ​ไม่ชอบ​วิธี​การเข่นฆ่า​สังหาร​ของ​จูเยี่ยน​จริงๆ​ แหกปาก​ร้อง​คำราม​ส่งเดช​ หนวกหู​นัก​

ทว่า​ซิน​จวง​กลับ​รู้​รากฐาน​ของ​อีก​ฝ่าย​ดี​ รู้​ว่า​สิ่งเหล่านี้​ล้วน​เป็น​เวท​อำ​พรางตา​ อย่า​เห็น​ว่า​ทุกครั้งที่​บรรพ​จารย์​ย้าย​ภูเขา​อย่าง​จูเยี่ยน​ลง​สนามรบ​มักจะ​ชอบ​พูดจา​อาฆาตมาดร้าย​ พูดจา​ห้าว​เหิม​ไร้สาระ​ บดขยี้​ทำลาย​ภูเขา​ของ​สอง​ทวีป​ใน​ใต้​หล้า​ไป​ตลอดทาง​ วิธีการ​อำมหิต​โหดร้าย​ กำเริบเสิบสาน​ไร้​ความ​ยำเกรง​ แต่​ในความเป็นจริง​แล้ว​ทุกครั้งที่​ขอ​แค่​จูเยี่ยน​เจอ​กับ​ศัตรู​ที่​แข็งแกร่ง​ ยาม​ลงมือ​จะกะ​ความหนักเบา​ได้​อย่าง​ดีเยี่ยม​ วิธีการ​อันตราย​ ใช้แนวทาง​เข่นฆ่า​แบบ​เดียว​กับ​โซ่วเฉิน​ หาก​เห็น​จูเยี่ยน​เป็น​แค่​ปีศาจ​ใหญ่​ที่​มีแต่​พละกำลัง​เท่านั้น​ จุดจบ​ย่อม​อนาถ​อย่าง​มาก​

ทหารม้า​เกราะ​ทอง​ข้าง​กาย​ซิน​จวง​หยิบ​เอา​ค้อน​ดาวตก​อัน​หนึ่ง​ออก​มาจาก​เอว​แล้ว​ บิด​หมุน​ข้อมือ​ แสงสีทอง​ไหลริน​เร็วจี๋​ ก่อน​จะรวมตัวกัน​เป็น​วงกลม​สีทอง​ไร้​จุดด่างพร้อย​วง​หนึ่ง​ สุดท้าย​ก็​ขว้าง​เข้าใส่​ดาวตก​จาก​ฟ้าที่​ราวกับ​พยายาม​จะบุก​ฟ้าเบิก​ดิน​ดวง​นั้น​อย่าง​ว่องไว​

ค้อน​ดาวตก​ขนาด​จิ๋ว​สอง​ชิ้น​ของ​เขา​ เดิมที​ก็​มีไว้​เพื่อ​ขัดขวาง​ดาวตก​จาก​นอก​ฟ้าที่​ไม่ธรรมดา​สอง​ดวง​อยู่แล้ว​ จากนั้น​นำ​วัตถุดิบ​วิเศษ​แห่ง​ฟ้าดิน​อีก​นับไม่ถ้วน​มาหลอม​รวม​อย่าง​ตั้งใจ​ เนื่องจาก​หมื่น​ปี​ที่ผ่านมา​ อริยะ​ปราชญ์​ผู้​มีเทวรูป​ตั้ง​บูชา​ใน​ศาล​บุ๋น​ของ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ ส่วนใหญ่​ล้วน​ติดตาม​ห​ลี่​เซิ่งไป​พิทักษ์​อยู่​นอก​ฟ้า มักจะ​ประมือ​กับ​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​อยู่​เป็นประจำ​ บวก​กับ​ที่​ใน​อดีต​มีการ​จับมือ​กัน​เดินทางไกล​ของ​ผู้ฝึก​ตน​บน​ยอดเขา​อย่าง​พวก​บรรพ​จารย์​ร้อย​สำนัก​และ​เทียน​ซือ​แห่ง​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​โดย​มีห​ลี่​เซิ่งเป็น​ผู้นำ​ เปิดฉาก​เข่นฆ่า​อยู่​นอก​ฟ้าอย่าง​ไม่มีหยุดพัก​ ระหว่าง​นี้​ก็ได้​ก่อให้เกิด​ภาพ​เหตุการณ์​ผิดปกติ​มากมาย​บน​โลก​มนุษย์​ ยกตัวอย่าง​เช่นเคย​ทำให้​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​เกิด​สถานที่​ฟ้ารั่ว​ที่​มีตรา​ผนึก​หนา​ชั้น​อยู่​สอง​แห่ง​ หนึ่ง​อยู่​ทาง​ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ​ของ​พื้นดิน​ที่​สูงชัน​ อีก​หนึ่ง​อยู่​ใน​อาณาเขต​ทาง​ตะวันออกเฉียงใต้​ที่​คล้าย​กับ​ฟ้าดิน​ยุบ​ถล่ม​ สถานที่​แห่ง​แรก​มักจะ​มีดาวตก​ฝน​เพลิง​หล่น​ลงมา​ยัง​พื้นดิน​บ่อยๆ​ สถานที่​อย่าง​หลัง​มีฝนฟ้า​กระหน่ำ​สาด​เท​ลงมา​ไม่ขาดสาย​ ห่า​ฝน​ประหนึ่ง​กรอก​เท​เข้าสู่​แผ่นดิน​ ตลอด​ทั้งปี​แทบจะ​ไม่เคย​เห็น​เดือน​เห็น​ตะวัน​

เฟยเฟย​ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​คน​เก่า​ก็​ไป​เจออ​วี่​ซื่อ​ที่​ภายหลัง​กลาย​มาเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​กระโจม​เจี่ยเซิน​จาก​สถานที่​แห่ง​หนึ่ง​ใน​นั้น​

ก่อนที่​อา​เหลียง​จะลงมือ​ เซียว​สวิ้น​ก็​เอ่ย​เตือน​ขึ้น​มาก่อน​แล้ว​ว่า​ “จางลู่​ อีก​เดี๋ยว​หาก​ตี​กัน​ขึ้น​มาจริงๆ​ อา​เหลียง​ไม่มีทาง​ออม​มือ​ให้​เจ้าแน่​ ไม่อย่างนั้น​ก็​เท่ากับ​เขา​รนหาที่​ตาย​ ดังนั้น​เจ้าเอง​ก็​ระวังตัว​ด้วย​ ดื่ม​สุรา​คารวะ​คนอื่น​หน้า​หลุมศพ​ ถึงอย่างไรก็ดี​ว่า​ถูก​คน​เซ่น​สุรา​ให้​ดื่ม​”

ใน​อดีต​เซียว​สวิ้น​รับหน้าที่​เป็น​อิ่น​กวาน​อยู่​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​ขึ้น​ชื่อเรื่อง​ความ​ใจจืดใจดำ​อยู่แล้ว​ นาง​จะคบหา​ใคร​เป็น​สหาย​มักจะ​มีข้อเรียกร้อง​อย่างหนึ่ง​ ใคร​ที่​เกลียด​ใต้​หล้า​ไพศาล​ เซียว​สวิ้น​ก็​จะถูกชะตา​กับ​คน​ผู้​นั้น​

ใน​เรื่อง​นี้​อา​เหลียง​กลับเป็น​ข้อยกเว้น​

คง​เป็น​เพราะ​ลูกหลาน​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ที่​เป็น​ทายาท​ของ​อริยะ​ศาล​บุ๋น​ผู้​นี้​ไม่ค่อย​เหมือน​บัณฑิต​สัก​เท่าไร​กระมัง​

บวก​กับ​ที่​สถานะ​ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​อา​เหลียง​ กับ​การ​ที่​เขา​ถึงกับ​มาอยู่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​นาน​ถึงร้อย​ปี​ไม่ยอม​จากไป​ไหน​ ความสัมพันธ์​ระหว่าง​เซียว​สวิ้น​กับ​เขา​จึงดีมาก​

หวน​นึกถึง​ปี​นั้น​ ตอน​ที่อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​ ทุกครั้งที่​เจอ​กับ​หิมะ​ตกหนัก​ก็​จะต้อง​มีชายฉกรรจ์​เนื้อตัว​มอมแมม​ใช้สอง​มือ​หิ้ว​ผมแกละ​สอง​ข้าง​ของ​แม่นาง​น้อย​ แล้ว​เรียก​อย่าง​ไพเราะ​ว่า​เป็นการ​ ‘ยก​พู่กัน​เขียน​ตัวอักษร​’

บางที​นี่​ก็​คง​เหมือน​ที่​ตัว​อา​เหลียง​เอง​พูดว่า​ ทุก​เรื่องราว​ที่​จุดจบ​คือ​ความเสียใจ​ ล้วน​มีจุดเริ่มต้น​ด้วย​ความอบอุ่น​เสมอ​ ทุกปี​ที่​หิมะ​ใหญ่​เยียบ​เย็น​ตก​ลงมา​ ล้วน​เดิน​ออก​มาจาก​บุปผา​ผลิบาน​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​อัน​อบอุ่น​เสมอ​

จางลู่​ลุกขึ้น​ยิ้ม​เอ่ย​ “ข้า​ไม่ใช่เด็ก​ซะหน่อย​ รู้​หนัก​เบา​หรอก​น่า​ สนามรบ​ใน​วันนี้​มีแต่​ผู้ฝึก​กระบี่​ ไม่มีสหาย​”

เซียน​กระบี่​ใหญ่​ที่​เคย​กลายเป็น​คน​เฝ้าประตู​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​คน​นี้​ได้​ครอบครอง​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​สอง​เล่ม​ หนึ่ง​คือ​ ‘เต้า​อิ่ง’​ (เงาสะท้อน​) อีก​หนึ่ง​คือ​ ‘จือ​หลี​’ (แตก​กระจาย​)

เซียว​สวิ้น​ลุกขึ้น​ยืน​แล้ว​กระโดด​หนึ่ง​ที​ ไม่ได้​เรียก​กาย​ธรรม​ร่าง​ทอง​ออกมา​ แต่​ใช้ร่าง​จริง​ต้าน​รับ​ปณิธาน​กระบี่​ส่วน​นั้น​ นาง​กระโดด​เข้าไป​ใน​แม่น้ำ​สีเขียว​มรกต​ที่​จำแลง​มาจาก​มรรคา​กระบี่​ เหวี่ยง​แขน​เล็ก​บาง​สอง​ข้าง​ ปล่อย​หมัด​อย่าง​โอหัง​ ต่อย​ให้​ปณิธาน​กระบี่​แหลก​สลาย​

นอกจาก​การเข่นฆ่า​กับ​จั่ว​โย่ว​ที่​ตี​กัน​จาก​ใต้​หล้า​ไพศาล​ไป​ถึงนอก​ฟ้าแล้ว​

ใน​ช่วงเวลา​ที่​เซียว​สวิ้น​รับหน้าที่​เป็น​อิ่น​กวาน​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ไม่เพียงแต่​ไม่เคย​เรียก​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​ออกมา​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ยัง​ไม่มีกระบี่​ยาว​ที่​เหมาะมือ​สัก​เล่ม​ ทุกครั้งที่​กระโจน​ลง​สนามรบ​ แม้แต่​กระบี่​ยาว​ที่​หอ​กระบี่​สร้าง​ขึ้น​ก็​ยัง​คร้าน​จะเอา​มาใช้

วันนี้​กลับ​ไม่เป็น​เช่นนั้น​

เพราะ​จั่ว​โย่ว​ต้อง​มาลง​สนามรบ​ด้วย​แน่นอน​

บรรพบุรุษ​ชูเซิงบอกเป็นนัย​แก่​เฝ่ย​หรา​น​ว่า​ไม่ต้อง​รีบร้อน​ลงมือ​ ใน​มือ​ของ​ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าถือ​ไม้เท้า​จิ้มลง​บน​พื้น​เบา​ๆ หลายครั้ง​ ทุกครั้งที่​ไม้เท้า​ยัน​พื้น​ก็​คือ​การ​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​ชั้นสูง​อย่างหนึ่ง​ โชควาสนา​บน​มหา​มรรคา​ สมดังใจ​ปรารถนา​ กา​ฟ้า ผนึก​ปราณ​ ฝันร้าย​…

หลิว​ป๋า​ย​ถอนหายใจ​แผ่วเบา​ ตก​อยู่​ใน​วงล้อม​ที่​สามารถ​สังหาร​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​สิบ​สี่ได้​อย่าง​สมบูรณ์​เช่นนี้​ ต่อให้​เจ้าเป็น​อา​เหลียง​ จะสามารถ​ประคับประคอง​ตน​รอ​ให้​จั่ว​โย่ว​ตาม​มาทัน​ได้​จริง​หรือ​?

นาที​ถัดมา​ อา​เหลียง​ที่​หายตัว​ไป​ ในที่สุด​ก็​เผย​กาย​บน​สนามรบ​ มีแสงกระบี่​ก่อน​แล้ว​ถึงจะมองเห็น​ตัว​คน​

ไม่ได้​ไปหา​ซิน​จวง​ แต่​แสงกระบี่​ตรงดิ่ง​มาที่​ท้ายทอย​ของ​จูเยี่ยน​ “ท่าน​ย่า​เจ้าเถอะ​ ชอบ​พ่น​อาจม​เต็มปาก​ใช่หรือไม่​ วันนี้​จะต้อง​สอน​ให้​เจ้ารู้​ว่า​คิด​จะคุยโว​ควร​ต้อง​ร่าง​คำพูด​เอาไว้​ก่อน​!”

จูเยี่ยน​ไม่ทัน​สลาย​ร่าง​จริง​ก็​เรียก​เวท​ลับ​บท​หนึ่ง​ ใช้กาย​ธรรม​เข้ามา​แทนที่​ร่าง​จริง​ ต่อให้​เหยียบ​อยู่​บน​ราก​ภูเขา​ก็​ยัง​ไม่กล้า​เผย​ร่าง​จริง​อีก​ พลัน​หด​ร่าง​กลับคืน​ไป​บน​พื้นดิน​ทันที​

เห็น​เพียง​ว่า​ศีรษะ​ของ​กาย​ธรรม​จูเยี่ยน​ถูก​ตัด​คาที่​ เพิ่งจะ​ดีด​ขึ้น​เล็กน้อย​ก็​ถูก​แสงกระบี่​อีก​เส้น​ฟัน​แสกหน้า​จน​แหลก​สลาย​

ซิน​จวง​เบิกตา​กว้าง​ โซ่วเฉิน​ตวาด​เสียง​หนัก​ “มาหา​เจ้าแล้ว​!”

แล้วก็​จริง​ดัง​คาด​ แสงกระบี่​เส้น​หนึ่ง​ไม่ได้​พุ่ง​มาเป็น​เส้นตรง​ แต่​เคลื่อนที่​สอดคล้อง​กับ​เส้นโค้ง​ของ​ภาพ​ค่าย​กล​ปลา​หยิน​หยาง​พอดี​ หนึ่ง​กระบี่​ฝ่าทะลุ​ค่าย​กล​

อา​เหลียง​ที่​ถือ​กระบี่​เดิน​ออกมา​หนึ่ง​ก้าว​ บุก​เข้ามา​ใน​ฟ้าดิน​ที่​เต็มไปด้วย​เมฆหมอก​ ปณิธาน​กระบี่​ของ​ทั้ง​ร่าง​เหมือน​ม้าเหล็ก​ทะลวง​ขบวน​รบ​ มอง​เมิน​ตรา​ผนึก​ค่าย​กล​ชั้น​ที่สอง​ของ​ซิน​จวง​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​

โชคดี​ที่​เมื่อ​ครู่​ซิน​จวง​ไม่ได้​ประมาท​ นาง​เลือก​ที่จะ​โคจร​ค่าย​กล​ใหญ่​ทันที​ หยิน​หยาง​จึงกลับ​สลับ​ ผลัดเปลี่ยน​ฟ้าดิน​เล็ก​กับ​โซ่วเฉิน​ แลก​ตำแหน่ง​กับ​เขา​

กล่อง​กระบี่​ที่​สะพาย​อยู่​ด้านหลัง​โซ่วเฉิน​หลุด​ออก​ไป​ด้วยตัวเอง​ กลายเป็น​ค่าย​กล​บรรพกาล​แห่ง​หนึ่ง​ กาย​ธรรม​ร่าง​ทอง​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​นี้​มีสามเศียร​หก​กร​ แต่ละ​มือถือ​กระบี่​ข้าง​ละ​เล่ม​

อา​เหลียง​ที่​ใน​มือ​มีแค่​กระบี่​คู่​แล้วก็​ไม่มีเวท​กระบี่​ใดๆ​ ให้​เอ่ยถึง​เพียงแค่​เงื้อ​กระบี่​ฟัน​อย่าง​มั่วซั่ว​เท่านั้น​

เมื่อ​เทียบ​กับ​กาย​ธรรม​ของ​โซ่วเฉิน​แล้ว​ เรือน​กาย​เล็ก​จ้อย​เท่า​เมล็ด​งาที่​สามารถ​มอง​เมิน​ไป​ได้​เลย​ของ​อา​เหลียง​ ทุกครั้งที่​ออก​กระบี่​ แสงกระบี่​ตวัด​โค้ง​ทำให้​คน​ตาลาย​ ตัด​สลับ​กัน​ฉวัดเฉวียน​ ฟาดฟัน​จน​กาย​ธรรม​ของ​โซ่วเฉิน​ได้​แต่​รับ​กระบี่​แล้ว​ถอยร่น​ออก​ไป​ครั้งแล้วครั้งเล่า​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด