กระบี่จงมา 886.4 ปิ่นเต๋า

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 886.4 ปิ่นเต๋า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉิน​ผิง​อัน​ปล่อยมือ​ มอง​นักพรต​หนุ่ม​ขวัญ​กล้า​เทียมฟ้า​ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ ไม่ว่า​จะมอง​อย่างไร​ก็​มอง​ไม่ออก​เลย​สักนิด​

นักพรต​หนุ่ม​หน้ามุ่ย​ นวด​คลึง​แขน​ของ​ตัวเอง​ด้วย​ความเจ็บปวด​ เอ่ย​ถามอย่าง​ขลาด​ๆ ว่า​ “ขอ​ถามนาย​ท่าน​ทั้งสอง​ เงิน​สามสิบ​ตำลึง​ต้อง​โดน​ที่ว่าการ​เมืองหลวง​โบย​กี่​ไม้ ต้อง​กิน​ข้าวแดง​นาน​กี่​วัน​?”

เจ้าคน​ที่​มีชื่อจริง​ว่า​เหนียน​จิ่ง นาม​เซียน​เว่ย​ แล้ว​ยัง​ตั้งฉายา​ให้​กับ​ตัวเอง​ว่า​ ‘นักพรต​ซวี​เสวียน​’ ผู้​นี้​ แค่​ฟังที่​เขา​พูด​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ทำ​ความผิด​มาจน​ชิน​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ถาม “นักพรต​ซวี​เสวียน​ การ​ทำพิธี​ครั้งนั้น​ทำให้​เจ้าได้เงิน​ไป​สามสิบ​ตำลึง​เงิน​ ตอนนี้​บน​ร่าง​ยัง​เหลือ​เงิน​อีก​กี่​ตำลึง​ล่ะ​?”

นักพรต​หนุ่ม​เหลือบมอง​ตำรา​และ​กา​สุรา​บน​โต๊ะ​แวบ​หนึ่ง​ “ค่าใช้จ่าย​ใน​เมืองหลวง​ค่อนข้าง​สูง จึงเหลืออยู่​ไม่เยอะ​ เหลือ​แค่​เจ็ด​แปด​ตำลึง​เท่านั้น​”

เฉิน​ผิง​อัน​กระตุก​มุมปาก​ นักพรต​หนุ่ม​รีบ​เปลี่ยน​คำพูด​ใหม่​ทันที​ “เรียน​นาย​ท่าน​ หา​กรวม​กับ​เงินสะสม​ที่​มีอยู่​ก็​ยัง​เหลือ​อีก​ยี่สิบ​ตำลึง​เงิน​”

เฉิน​ผิง​อัน​เริ่ม​กวาดตา​มอง​ไป​รอบด้าน​ นักพรต​หนุ่ม​สูด​จมูก​ หัวใจ​เจ็บปวด​เหมือน​ถูก​มีด​กรีด​เถือ​ เอ่ย​เสียงสั่น​ว่า​ “ยังมี​ทอง​หยวน​เป่า​อีก​ก้อน​หนึ่ง​”

เสี่ยว​โม่รู้สึก​ว่า​น่าขำ​ เจ้าเด็ก​นี่​ก็​ไม่ฉี่ราด​ให้​สิ้นเรื่อง​สิ้น​ราว​กัน​ไป​เลย​ล่ะ​

เพียงแต่ว่า​ชั่วพริบตา​นั้น​เสี่ยว​โม่กลับ​เตรียม​จะก้าว​ถอย​หนึ่ง​ก้าว​ตาม​จิตใต้สำนึก​ ทว่า​อาศัย​จิต​แห่ง​มรรคา​ที่​แข็งแกร่ง​อย่าง​ถึงที่สุด​ทำให้​ฝืน​ข่ม​กลั้น​ไม่ก้าว​ถอย​ กลับกัน​เสี่ยว​โม่ยัง​ขยับ​มาอยู่​ข้าง​กาย​เฉิน​ผิง​อัน​ กำลังจะ​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ คิดไม่ถึง​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะเปิดปาก​พูด​ก่อน​แล้ว​ “ไม่เป็นไร​ ข้า​รู้​แล้ว​”

เสี่ยว​โม่เรียก​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​ออกมา​เป็นครั้งแรก​ อีก​ทั้ง​ยัง​เรียก​ออกมา​ครบ​สี่เล่ม​ด้วย​

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​เตือน​ “เก็บ​กระบี่​บินลง​ไป​”

เสี่ยว​โม่ทำ​ท่าจะ​พูด​แต่​ก็​ไม่พูด​ เห็น​ว่า​คุณชาย​มีสีหน้า​ยืนกราน​ก็ได้​แต่​เก็บ​กระบี่​บินลง​ไป​เงียบๆ​

ที่แท้​ตรง​มวยผม​ของ​คนหนุ่ม​ที่​สวมรอย​เป็น​นักพรต​ก็​มีปิ่น​ไม้ชิ้น​หนึ่ง​ปัก​ไว้​อยู่​ รูปลักษณ์​ธรรมดา​เรียบง่าย​ แต่​เป็น​เอกลักษณ์​ไม่เหมือน​ใคร​

ปิ่น​เต๋า​ชิ้น​นี้​ช่างคุ้นตา​เสี่ยว​โม่ยิ่งนัก​!

แม้ว่า​ปิ่น​ไม้ที่อยู่​บน​ผม​ของ​นักพรต​หนุ่ม​ตรงหน้า​จะไม่มีทาง​เป็น​ปิ่น​ที่​ได้​เห็น​ใน​ปี​นั้น​แน่นอน​ แต่ลำพัง​เพียงแค่​รูปลักษณ์​ที่​คล้ายคลึง​กัน​ก็​ทำให้​จิตใจ​ของ​เสี่ยว​โม่สั่น​ไหว​ได้​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ยังคง​นั่ง​นิ่ง​อยู่​ที่​เดิม​ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง​ใดๆ​ ทาง​สีหน้า​

นี่​คง​เป็น​ผลกรรม​อย่างหนึ่ง​จาก​การ​ที่​เขา​ทำลาย​นคร​เซียน​จาน​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ให้​หักออก​เป็น​สอง​ท่อน​กระมัง​?

“ดูท่า​พวก​เจ้าน่าจะ​เดา​ตัวตน​ของ​ผิน​เต้า​ออก​แล้ว​”

คนหนุ่ม​คลี่​ยิ้ม​ ลุกขึ้น​ยืน​ช้าๆ สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​สอง​ข้าง​ของ​เสื้อคลุม​เต๋า​ กำลังจะ​เปิดปาก​พูด​ ผล​คือ​ต้อง​ร้อง​โอ้ย​ เจ็บ​ๆๆ มือ​จะหัก​แล้ว​ นาย​ท่าน​โปรด​ไว้ชีวิต​ด้วย​…ขึ้น​มาอี​กรอบ​

ใน​ใจโอดครวญ​ไม่หยุด​ ต่อให้​จะเชี่ยวชาญ​การ​สังเกต​สีหน้า​น้ำเสียง​ พูดจา​เหลวไหล​ได้​คล่องปาก​แค่​ไหน​ก็​ไม่อาจ​ต้านทาน​คำ​ว่า​เจ็บ​ได้​ไหว​จริงๆ​ คน​ของ​ทางการ​พวก​นี้​มีแต่​พวก​มุทะลุ​บุ่มบ่าม​ ชอบ​กระทำการ​หยาบช้า​ ไร้​อารยธรรม​เสีย​จริง​…

พา​ ‘นักพรต​ซวี​เสวียน​’ ผู้​นี้​เดิน​ออก​ไปนอก​โรงเตี๊ยม​ นักพรต​หนุ่ม​สะพาย​ห่อ​สัมภาระ​ไว้​เอียง​ๆ แน่นอน​ว่า​ไม่ลืม​ไป​จ่าย​เงิน​ค่า​ห้อง​ที่​โต๊ะ​คิดเงิน​ด้วย​

ขุนนาง​หนุ่ม​ที่​นิสัย​ค่อนข้าง​ย่ำแย่​ผู้​นั้น​บอ​กว่า​จะให้​เขา​เปลี่ยนไป​พัก​ใน​สถานที่​ที่​กว้างขวาง​กว่า​นี้​ คนหนุ่ม​ถอนหายใจ​เบา​ๆ ข้าวแดง​ใน​คุก​ไม่อร่อย​เลย​จริงๆ​

อยู่ดีๆ​ ก็​มอบ​ยันต์​กระดาษ​เหลือง​แผ่น​หนึ่ง​ให้​เขา​ บอ​กว่า​เป็น​ยันต์​ปราณ​หยาง​ส่องไฟ​อะไร​สัก​อย่าง​ บอก​กับ​เขา​ว่า​พรุ่งนี้​ให้​เอา​ไป​แปะ​ที่​หน้า​ประตู​ศาล​บรรพชน​ของ​บ้าน​หลัง​นั้น​

เดิมที​นึก​ว่า​จะไป​ยัง​ที่ว่าการ​ นึกไม่ถึง​ว่า​เดิน​อ้อม​เส้นทาง​ไป​ตลบ​หนึ่ง​ เดิน​จน​นักพรต​หนุ่ม​เหงื่อ​แตก​เต็ม​สันหลัง​ สุดท้าย​ไป​ถึงตรอก​เล็ก​ตรอก​หนึ่ง​ นักพรต​หนุ่ม​พลัน​หยุด​เดิน​ สีหน้า​ตื่นตระหนก​ เป็น​ฝ่าย​ปลด​ห่อ​สัมภาระ​ยื่น​ส่งให้​กับ​เจ้าคน​ที่​เรียก​ตัวเอง​ว่า​เฉาโม่ที่อยู่​ข้าง​กาย​ พูด​เสียงสั่น​ฟัน​กระทบ​กัน​ “เอา​ทรัพย์สิน​ไป​ย่อม​ได้​ แต่​อย่า​ได้​ฆ่าแกง​กัน​เลย​! หา​กรวม​ทอง​หยวน​เป่า​ก้อน​นั้น​ ทรัพย์สมบัติ​ทั้งหมด​ของ​ข้า​รวมกัน​แล้ว​ไม่ถึงสอง​ร้อย​ตำลึง​เงิน​ อย่า​ถึงขั้น​ฆ่าคน​เลย​นะ​!”

พูด​มาถึงสุดท้าย​ คนหนุ่ม​ก็​เอนหลัง​พิง​พนัง​ น้ำเสียง​เริ่ม​เจือ​สะอื้น​บ้าง​แล้ว​

หลิว​เจีย​กับ​จ้าวต​วน​หมิง​ที่อยู่​ใน​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​หยก​ขาว​เห็น​งิ้ว​ที่อยู่​นอก​ประตู​ฉาก​นี้​ อาจารย์​และ​ศิษย์​สอง​คน​ก็​หันมา​มองหน้า​กันเอง​ตา​ปริบๆ​ อาจารย์​เฉิน​พา​สมบัติ​มีชีวิต​กลับมา​ด้วย​หรือ​?

“ห่อ​สัมภาระ​เจ้าเก็บ​เอาไว้​เอง​เถอะ​ เงิน​น้อย​นิด​แค่นี้​ไม่เข้าตา​ข้า​หรอก​ เหนียน​จิ่ง…ช่างเถิด​ เรียก​เจ้าว่า​เซียน​เว่ย​ค่อนข้าง​คล่องปาก​มากกว่า​ ส่วน​ชื่อ​เดิม​ก็​เหลือ​ค้าง​ไว้​ก่อน​แล้วกัน​”

เฉิน​ผิง​อัน​โบกมือ​ ยิ้ม​กล่าว​ “ใช่แล้ว​ ข้า​เป็น​คน​บน​ภูเขา​ วันหน้า​เจ้าก็​ติดตาม​ข้า​ไป​ฝึก​ตน​เถอะ​”

เซียน​เว่ย​ที่​อึ้ง​ค้าง​ไร้​คำพูด​เหมือน​กำลัง​ฟังตำรา​สวรรค์​ ใน​ใจคลางแคลง​ หรือ​จะเป็น​ดั่ง​คำกล่าว​ที่ว่า​ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​มัก​มีภูเขา​อีก​ลูก​ที่สูง​กว่า​เสมอ​ ตน​มาเจอ​กับ​ยอด​ฝีมือ​ที่​พูดจา​เหลวไหล​ได้​เก่ง​ยิ่งกว่า​เสียแล้ว​? อีก​ฝ่าย​นอกจาก​จะหลอก​เอา​เงิน​แล้ว​ยัง​คิด​จะทำ​อะไร​อีก​? ปัญหา​คือ​ยัง​จะสามารถ​ทำ​อะไร​ได้​ ตน​ไม่ใช่สตรี​สักหน่อย​…พอ​คิด​มาถึงตรงนี้​ เซียน​เว่ย​ก็​เหลือบตา​มอง​ผู้ติดตาม​ข้าง​กาย​เฉาโม่ผู้​นั้น​ ความ​เศร้าโศก​พลัน​บัง​เกิดขึ้นในใจ​ โยน​ห่อ​ผ้า​ให้​เฉาโม่แล้ว​ไม่สนใจ​อีก​ นั่ง​แปะ​ลง​บน​พื้น​ ให้​ตาย​ก็​ไม่ยอม​ขยับ​ไป​ไหน​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​หน้า​ดำทะมึน​ ได้​แต่​ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​ เรียก​ตราประทับ​ห้า​อสนี​ขึ้น​มากลางฝ่ามือ​ ประกาย​แสงไหล​เวียนวน​สาดส่อง​ตรอก​เล็ก​ให้​สว่างจ้า​

เซียน​เว่ย​เหม่อลอย​ พลัน​คืนสติ​กลับมา​ คว้า​ห่อ​ผ้า​ที่​หล่น​อยู่​บน​พื้น​มาอย่าง​ว่องไว​ เอา​มาสะพาย​ไว้​บน​บ่า​อีกครั้ง​ เดินตาม​เฉาโม่เข้าไป​ใน​ตรอก​เล็ก​ ลูกผู้ชาย​ตัวจริง​ ต่อให้​ต้อง​ขึ้น​เขา​มีด​ลง​ทะเลเพลิง​ก็​จะไม่ขมวดคิ้ว​แม้แต่​ครั้ง​เดียว​

“อาจารย์​เฉา หรือว่า​เห็น​ข้า​กลาง​ตลาด​แล้ว​ถูกใจ​ใน​ฐาน​กระดูก​ตระกูล​เซียน​ของ​ข้า​เพียงแค่​มอง​แวบเดียว​? รู้สึก​ว่า​ข้า​คือ​วัตถุดิบ​ที่​สามารถ​สร้าง​ได้​?”

“ขอ​ถามเฉาเซียน​ซือ​ว่า​มาจาก​จวน​เซียน​บน​ภูเขา​แห่งใด​ใน​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​หรือ​? ใช่เทพ​เซียน​พสุธา​ที่​บอ​กว่า​เอื้อมมือ​คว้า​ดวงจันทร์​เด็ด​ดวงดาว​ที่​กล่าวถึง​ใน​ตำนาน​หรือไม่​?”

“เฉาเซียน​ซือ​ ไม่สู้ให้​ข้า​เรียก​ท่าน​ว่า​อาจารย์​ดีกว่า​ไหม​ พิธีการ​ยิบ​ย่อย​อย่าง​การกราบ​อาจารย์​คารวะ​น้ำชา​ไหว้​ภาพเหมือน​อะไร​นั่น​ สามารถ​ชะลอ​ไว้​ก่อน​ได้​ อาจารย์​ ทุกวันนี้​ข้า​มีศิษย์​พี่ชาย​หญิง​หรือไม่​? เมื่อไหร่​ถึงจะได้​พบ​เจอ​พวกเขา​หรือ​ขอรับ​?”

เห็น​ว่า​เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ท่าน​นั้น​ไม่ต่อ​คำ​ เซียน​เว่ย​ก็​ลูบ​ท้อง​ บากหน้า​เปลี่ยน​มาเรียก​คำ​ว่า​เฉาเซียน​ซือ​ใหม่​อีกครั้ง​ ถามหยั่งเชิง​ว่า​ “มีของกิน​หรือไม่​? เดิน​มาตลอดทาง​แล้ว​ ข้า​หิว​มาก​เลย​”

เฉิน​ผิง​อัน​ควัก​กุญแจ​ออกมา​ไข​เปิด​ประตู​ใหญ่​ของ​เรือน​ ยิ้ม​กล่าว​ “เสี่ยว​โม่ ไป​ซื้อ​อาหาร​มื้อ​ดึก​กลับมา​หน่อย​”

เสี่ยว​โม่พยักหน้า​รับ​เงียบๆ​ แล้ว​เรือน​กาย​ก็​เปล่ง​วูบ​หาย​ไป​

ที่​เรือน​ด้านหน้า​ เฉิน​ผิง​อัน​ให้​เซียน​เว่ย​พัก​อยู่​ใน​ห้อง​ข้าง​ห้อง​หนึ่ง​ชั่วคราว​ บอก​เขา​ว่า​อย่า​เดิน​ไป​ไหน​ส่งเดช​ จงรอ​อยู่​ใน​ห้อง​แต่​โดยดี​ แล้ว​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เดิน​กลับ​เข้าไป​ใน​ตรอก​อีกครั้ง​ พูดคุย​กับ​อาจารย์​และ​ศิษย์​สอง​คน​สอง​สามประโยค​ก็​มอบ​ตราประทับ​สอง​ชิ้น​ที่​เพิ่ง​แกะสลัก​เสร็จ​ให้​กับ​หลิว​เจีย​ บอก​ให้​เขา​ช่วย​นำ​ไป​มอบ​ต่อให้​กับ​เจ้าประมุข​สกุล​จ้าว​เทียน​สุ่ย​

กลับ​ไป​ที่​เรือน​ด้านหน้า​ ‘นักพรต​หนุ่ม​’ กำลัง​ก้มหน้าก้มตา​สวาปาม​อาหาร​ เสี่ยว​โม่ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ เฉิน​ผิง​อัน​เหลือบตา​มอง​ปิ่น​เต๋า​อันนั้น​อีกครั้ง​แล้ว​กลับ​ไป​ที่​หอ​หนังสือ​

ตลอด​ทั้งคืน​ผ่าน​ไป​อย่าง​ไร้​เรื่องราว​ใด​

เซียน​เว่ย​กิน​ดื่ม​อิ่มหนำ​แล้วก็​นอน​พลิกตัว​กลับไปกลับมา​อยู่​พักใหญ่​ กว่า​จะผล็อย​หลับ​ไป​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​

วัน​ต่อมา​นักพรต​หนุ่ม​ก็​ค้นพบ​ว่า​เฉาโม่ผู้​นั้น​หายตัว​ไป​อย่าง​ไร้​ร่องรอย​ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ นิสัย​เอา​แน่​เอา​นอน​ไม่ได้​ อยู่​ไม่เป็นที่เป็นทาง​ ใน​เรือน​มีแค่​เจ้าคน​ที่​เรียก​ตัวเอง​ว่า​ ‘เสี่ยว​โม่’ ผู้​นั้น​ อีก​ฝ่าย​ไป​ที่​บ้าน​หลัง​นั้น​เป็นเพื่อน​เขา​รอบ​หนึ่ง​ เซียน​เว่ย​ย่อม​มีคำพูด​เป็น​ของ​ตัวเอง​ เขา​ร่าย​คำพูด​ไป​หนึ่ง​รอบ​ ก่อน​จะเอา​ยันต์​ส่องไฟ​ที่​เฉาเซียน​ซือ​มอบให้​ตน​ไป​แปะ​ไว้​ที่​หน้า​ประตู​ใหญ่​ของ​ศาล​บรรพชน​ก็​ถือว่า​ทำ​ทุกอย่าง​เสร็จสิ้น​แล้ว​ จากนั้น​เสี่ยว​โม่ก็​คว้า​จับ​ไหล่​ของ​เขา​ รู้สึก​เพียง​ว่า​เหมือน​ได้​ทะยาน​เมฆขี่​หมอก​ พอ​มอง​ไป​อีกที​ก็​มาถึงท่าเรือ​ตระกูล​เซียน​แห่ง​หนึ่ง​ที่อยู่​นอก​เมืองหลวง​ ท่าเรือ​ก่า​ว​ซู่ (ชุด​ขาว​ ชุด​ไว้ทุกข์​) ชื่อ​ไม่ค่อย​เป็นที่ชื่นชอบ​สัก​เท่าไร​ แต่​เซียน​เว่ย​กลับ​รู้​ว่า​ทำไม​ถึงตั้งชื่อ​เช่นนี้​ ร้อย​ปี​ที่ผ่านมา​กองทัพ​ชายแดน​ต้า​หลี​ทำสงคราม​หลายครั้ง​ การ​ที่​เขา​นอนกลางดินกินกลางทราย​ อาศัย​เพียง​สอง​มือ​และ​เท้า​หนึ่ง​คู่​เดิน​เท้าเปล่า​มาตลอดทาง​ เดิน​ขึ้น​เหนือ​จน​มาถึงเมืองหลวง​ต้า​หลี​ ก็​ไม่ใช่เพราะ​เลื่อมใส​ใน​ความ​แข็งแกร่ง​ไร้​ศัตรู​เทียมทาน​ของ​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​จาก​ใจจริง​หรอก​หรือ​?

เพียงแต่ว่า​เงิน​อีแปะ​เดียว​ก็​ทำให้​วีรบุรุษ​ล้ม​ได้​ หาก​มีเงิน​จริงๆ​ ไย​ต้อง​คอย​ไป​หลอกลวง​คนอื่น​ ป่านนี้​ก็​คง​ไป​ทุ่ม​ทองพันชั่ง​ที่​เหลา​สุรา​ริม​ลำคลอง​ชางผู​แล้ว​

เสี่ยว​โม่บอก​ให้​เซียน​เว่ย​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ ฝ่าย​หลัง​เพ่ง​ตา​มอง​ให้​แน่ชัด​ถึงเพิ่ง​สังเกตเห็น​ว่า​ห่าง​ไป​ไกล​มีแผง​ดูดวง​อยู่​แผง​หนึ่ง​ ถึงกับ​เป็น​เฉาเซียน​ซือ​ที่​เปลี่ยน​ชุด​แต่งกาย​ สวม​ชุด​เต๋า​ผ้า​โปร่ง​สีเขียว​ บน​โต๊ะ​วาง​กระบอก​เซียมซี​ไว้​ใบ​หนึ่ง​

ฟ้าเพิ่งจะ​เริ่ม​สาง ทว่า​ร้าน​ที่มา​ตั้งอยู่​ที่​ท่าเรือ​แห่ง​นี้​กลับ​มีการค้า​ให้​ทำ​แล้ว​ เป็น​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​รูปโฉม​ธรรมดา​คน​หนึ่ง​ นาง​พา​ลูก​มาด้วย​สอง​คน​ คือ​เด็กหนุ่ม​เด็กสาว​คู่​หนึ่ง​ที่​คิ้ว​ตา​มีความคล้ายคลึง​กัน​หลาย​ส่วน​ คน​ทั้ง​สามกำลัง​นั่ง​อยู่​บน​ม้านั่งยาว​หน้า​โต๊ะ​ตัว​นั้น​

ข้าง​กาย​มีผู้ดูแล​เฒ่าอายุ​มาก​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ด้วย​

เพียงแต่ว่า​ห่าง​ไป​ไกล​อีก​เล็กน้อย​ ดูเหมือน​จะมีชาย​ร่าง​กำยำ​อีก​สอง​คน​ สายตา​คมกริบ​ ต้อง​เป็น​องค์​รักษ์​ใน​ตระกูล​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​

แววตา​น้อย​นิด​แค่นี้​ เซียน​เว่ย​ยัง​พอ​มีอยู่​บ้าง​ ไม่ว่า​จะเป็น​บุคลิก​ของ​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​ก็ดี​ หรือ​พลัง​อำนาจ​อัน​กร้าว​แกร่ง​บน​ร่าง​ของ​องค์​รักษ์​สอง​คน​ก็ช่าง​ สรุป​ก็​คือ​แค่​มอง​ก็​รู้​ว่า​ไม่ใช่คน​จาก​ตระกูล​ธรรมดา​ทั่วไป​ ไม่แน่​ว่า​อาจ​เป็น​ตระกูล​เมล็ด​พันธ์​แม่ทัพ​บางแห่ง​ใน​เมืองหลวง​ก็​เป็นได้​

เฉาเซียน​ซือ​ร้ายกาจ​จริงๆ​ ฝีมือ​สูงส่งกว่า​ตน​หนึ่ง​ระดับ​จริงๆ​ รับ​อีก​ฝ่าย​เป็น​อาจารย์​ก็​ไม่ขาดทุน​เลย​สักนิด​

ก่อนหน้านี้​เฉิน​ผิง​อัน​ท่องเที่ยว​อยู่​ใน​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ ระหว่าง​ทางได้​ไป​เยือน​บ้านเกิด​ของ​แม่ทัพ​ใหญ่​ซูเกา​ซาน​ ไม่ได้​สร้าง​เรือน​หรูหรา​สร้าง​สุสาน​ใหญ่โต​ คนใน​ตระกูล​ก็​ไม่ได้​เป็น​ดั่ง​หมา​และ​ไก่​ที่​พลอย​ได้​บินขึ้น​สวรรค์​ คน​ที่​มีความเกี่ยวข้อง​ก็​แค่​เปลี่ยน​จาก​ตระกูล​ยากจน​กลาย​มาเป็น​ตระกูล​ที่​นอกจาก​ทำนา​แล้วก็​เล่า​เรียนหนังสือ​ซึ่งไม่ต้อง​กังวล​เรื่อง​การกินอยู่​

เวลานี้​หมอดู​ที่​เรียก​ตัวเอง​ว่า​ ‘นักพรต​ซวี​เสวียน​’ กำลัง​อธิบาย​ใบ​เซียมซี​ให้​กับ​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​ เป็น​คำทำนาย​ถึงการ​ออก​เดินทางไกล​ โชคดี​ที่​เป็น​เซียมซี​กลาง​บน​ สตรี​ออกเรือน​แล้ว​ฟังอย่าง​ตั้งใจ​ คิ้ว​ตา​มีความยินดี​แทรก​อยู่​หลาย​ส่วน​

นอกจาก​ค่า​ทำนาย​ก้อน​หนึ่ง​ที่​ตกลง​กัน​ไว้​ก่อน​แล้ว​ สตรี​ยัง​มอบ​เงิน​อีก​สิบ​ตำลึง​ให้​เพิ่มเติม​

นักพรต​หนุ่ม​จึงหยิบ​ป้าย​คำ​ว่า​ฝู (โชคดี​/มงคล​) ซึ่งแกะสลัก​บน​หยก​ขาว​ชิ้น​หนึ่ง​ออกมา​จาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ ก่อน​จะตบ​ศีรษะ​ตัวเอง​ บอ​กว่า​เรื่อง​ดี​ต้อง​มาเป็น​คู่​ จึงหยิบ​ป้าย​หยก​คำ​ว่า​ฝูออกมา​อีก​ชิ้น​ บอ​กว่า​มอบให้​กับ​คุณชาย​และ​คุณหนู​

มีความสุข​แข็งแรง​ เจริญรุ่งเรือง​ก้าวหน้า​ ทุกอย่าง​สมดังใจ​ปรารถนา​ อยู่​ไกล​ห่าง​หมื่น​ลี้​ยัง​ได้​กลิ่นหอม​ของ​กล้วยไม้​

ผล​สมบูรณ์​ใบ​หนา​ชอุ่ม​ ฝนตก​ให้​ความ​ชุ่มฉ่ำแก่​ผืน​นา​ ครอบครัว​สงบสุข​ ลูกหลาน​ปรองดอง​

สตรี​ออกเรือน​แล้ว​เห็น​ป้าย​อักษร​ฝูก็​เกิด​ความชื่นชอบ​จึงรับ​มาไว้​ นาง​เบี่ยง​ตัว​หยิบ​เงิน​เกล็ด​หิมะ​หนึ่ง​เหรียญ​ออก​มาจาก​ถุงผ้าแพร​ปัก​ลาย​ใบ​เก่า​ วาง​ลง​บน​โต๊ะ​เบา​ๆ “ขอ​ท่าน​นักพรต​โปรด​รับ​ไว้​ด้วย​”

เพียงแต่ว่า​นักพรต​ที่​อายุ​น้อย​ ทว่า​คำพูดคำจา​กลับ​ไม่ธรรมดา​กลับ​ผลัก​เงิน​เทพ​เซียน​เหรียญ​นั้น​กลับคืน​มาเบา​ๆ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “เรื่อง​ของ​โชควาสนา​ ทอง​หมื่น​ชั่งก็​ยาก​จะซื้อ​ได้​ ฮูหยิน​ไม่จำเป็นต้อง​เกรงใจ​ ถือ​เสีย​ว่า​ทำดี​ย่อม​ได้ดี​ตอบแทน​”

เสี่ยว​โม่ใช้เสียง​ใน​ใจสอบถาม​ “คุณชาย​ ทำ​เช่นนี้​ สกุล​ซ่งต้า​หลี​จะมีความคิด​อะไร​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ให้​พวกเขา​คิด​ไป​”

เสี่ยว​โม่พยักหน้า​รับ​เบา​ๆ ด้วย​รอยยิ้ม​ เนื่องจาก​ด้านหลัง​เด็ก​สอง​คน​ข้าง​กาย​ฮูหยิน​ผู้​นี้​มีตะเกียง​สีแดง​ดวง​ใหญ่​คู่​หนึ่ง​ลอย​อยู่​

บน​ตะเกียง​มีตัวอักษร​สีทอง​ที่​เขียน​ไว้​ยาว​เป็น​พรวน​ เป็น​วิชา​ลับ​จาก​ศาล​บรรพ​จารย์​ยอดเขา​จี้เซ่อ​ ลงท้าย​ด้วย​คำ​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​

จากนั้น​ประทับ​ตราประทับ​ส่วนตัว​ลง​ไป​เป็น​คำ​ว่า​

อิ่น​กวาน​

ฮูหยิน​ผู้​นั้น​พา​เด็กหนุ่ม​เด็กสาว​ทั้งสอง​ออก​ไป​จาก​แผง​ดูดวง​ เพียงแต่​ไม่ลืม​ให้​พวกเขา​เอ่ย​ขอบคุณ​นักพรต​หนุ่ม​คน​นั้น​

เดิน​ออกมา​ได้​ระยะทาง​หนึ่ง​ สตรี​ผู้​นั้น​พูดคุย​บางอย่าง​กับ​ผู้ดูแล​เฒ่าถึงได้​รู้​ความจริง​เรื่อง​หนึ่ง​ นาง​หันขวับ​กลับ​ไป​มอง​ นักพรต​หนุ่ม​ที่​ปัก​ปิ่น​หยก​บน​มวยผม​คน​นั้น​ลุกขึ้น​ยืน​แล้ว​ สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ใบหน้า​ประดับ​ยิ้ม​น้อย​ๆ โบกมือ​อำลา​พวกเขา​

สตรี​หยุด​เท้า​ หมุนตัว​กลับมา​ ยอบ​กาย​คารวะ​คนหนุ่ม​อยู่​ไกลๆ​

คน​ผู้​นั้น​ถอย​ไป​ข้างหลัง​หนึ่ง​ก้าว​ ประสานมือ​คารวะ​กลับคืน​

แม้ว่า​จะเป็น​ฮูหยิน​ตราตั้ง​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ แต่​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​ที่​ไม่ค่อย​เข้าใจ​เรื่อง​ใน​ราชสำนัก​และ​บน​สนามรบ​เท่าไร​ผู้​นี้​ วันนี้​ถึงเพิ่ง​รู้​ว่า​ ที่แท้​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​เป็น​คน​สกุล​ต้า​หลี​ของ​พวกเรา​นี่เอง​

ยามเช้าตรู่​ ดวงจันทร์​ลาลับ​ดวงตะวัน​ลอย​ขึ้น​สูง อากาศ​สดชื่น​ปลอดโปร่ง​

ประหนึ่ง​คน​ที่​เดินทาง​ยามค่ำคืน​ ห่ม​ดาว​สวม​จันทร์​ ได้​เห็น​แสงสว่าง​บน​ฟากฟ้า​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด