กระบี่จงมา 890.3 อะไรคือห่มดาวสวมจันทร์

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 890.3 อะไรคือห่มดาวสวมจันทร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้ฝึก​กระบี่​เฒ่าได้ยิน​แล้ว​ เวลานี้​ก็​เหลือ​แค่​ความ​สะทก​สะท้อนใจ​เท่านั้น​

ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ร้ายกาจ​จริงๆ​

หนิง​เหยา​กุม​หมัด​เอ่ย​ “รบกวน​อาจารย์​ผู้เฒ่า​อวี๋​แล้ว​”

อวี๋​เย​ว่​รีบ​กุม​หมัด​คารวะ​กลับคืน​ “มิกล้า​”

เฉิน​ผิง​อัน​เรียก​เรือ​ยันต์​ออกมา​ ส่งอาจารย์​และ​ศิษย์​สามคน​ไป​ที่​ท่าเรือ​หนิ​วเจี่ยว​ ทุกวันนี้​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ยัง​ไม่มีเรือ​ข้าม​ทวีป​ที่​ตรง​ไป​ยัง​ธวัล​ทวีป​ จึงต้อง​รอ​เรือ​ข้าม​ทวีป​ของ​อุตรกุรุทวีป​ลำ​หนึ่ง​เสีย​ก่อน​

ที่​ท่าเรือ​แห่ง​นั้น​ เรือข้ามฟาก​ยัง​ไม่ทัน​เข้ามา​ใน​อาณาเขต​ของ​หลง​โจว​ คุย​เล่น​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​เฒ่าไป​ประมาณ​สอง​เค่อ​ เฉิน​ผิง​อัน​สอบถาม​เรื่อง​ขนบธรรมเนียม​ของ​หลิว​เสีย​ทวีป​และ​ธวัล​ทวีป​ อวี๋​เย​ว่​ย่อม​บอก​ทุก​เรื่อง​ที่​ตน​รู้​อย่าง​ไม่มีปิดบัง​ เล่า​อย่าง​มีอารมณ์ขัน​ ผู้ฝึก​กระบี่​เฒ่าไม่ไป​เป็น​นัก​เล่านิทาน​ก็ช่าง​น่าเสียดาย​ยิ่งนัก​

รอ​กระทั่ง​พวก​อวี๋​เย​ว่​สามคน​ขึ้นไป​บน​เรือ​แล้ว​ เฉิน​ผิง​อัน​กับ​หนิง​เหยา​ที่​ยืน​อยู่​ใกล้​กับ​ราว​รั้ว​ก็​โบกมือ​อำลา​

เสี่ยว​โม่ไปหา​ผู้ดูแล​ใหญ่​จูเหลี่ยน​ บอ​กว่า​ตัวเอง​ต้องการ​สร้าง​หอ​หนังสือ​แห่ง​หนึ่ง​

ผู้​ถวายงาน​และ​เค่อ​ชิงของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​จะมีเรือน​พัก​เป็น​ของ​ตัวเอง​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​กับ​เรือน​ไม้ไผ่​ที่อยู่​ด้านหน้า​ แต่​อันที่จริง​ตอนนี้​เรือน​ที่​เหลืออยู่​มีไม่มาก​พอ​ ผู้​ถวายงาน​เสี่ยว​โม่มาได้จังหวะ​พอดี​ เขา​กับ​เค่อ​ชิงเซียน​เว่ย​ขึ้น​เขา​มาพร้อมกัน​ก็​มีเรือน​พัก​ที่ว่าง​อยู่​สอง​แห่ง​พอดี​ ไม่อย่างนั้น​พวกเขา​คง​ได้​แต่​ย้าย​ไป​อยู่​ด้านหลัง​ภูเขา​จริงๆ​ แล้ว​ ด้วย​ขนบธรรมเนียม​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ไม่มีทาง​แหก​กฎ​ด้วย​เรื่อง​ที่​เสี่ยว​โม่เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ เซียน​เว่ย​มีประวัติ​ความเป็นมา​ใหญ่โต​อย่าง​แน่นอน​

ส่วน​จวน​เซียน​ที่​ด้านหลัง​ภูเขา​นั้น​ก็​ปลูก​เรียงราย​ติดกัน​ เรือน​น้อย​ใหญ่​สามสิบ​กว่า​หลัง​ล้วน​เป็น​โจว​อันดับ​หนึ่ง​ที่​ทุ่มเงิน​มาให้​ตั้งแต่แรก​ ในอนาคต​จะเอา​มาไว้​เป็น​ที่พัก​ของ​ลูกศิษย์​ที่​รับ​มาใหม่​หรือไม่​ก็​ให้​แขก​มาเข้า​พัก​ เพียงแต่ว่า​ทุกวันนี้​จำนวน​ลูกศิษย์​ทำเนียบ​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ยังมี​น้อย​ เจ้าขุนเขา​เอง​ก็​บอก​แล้ว​ด้วยว่า​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ใน​ทุกวันนี้​จะทำ​เหมือน​ปิด​ภูเขา​ยี่สิบ​ปี​ ดังนั้น​นอกจาก​คน​สอง​คน​ที่​เข้า​พัก​ใน​เรือน​หลัง​หนึ่ง​แล้ว​ เรือน​หลัง​อื่นๆ​ ที่​เหลือ​ล้วน​ยัง​ว่าง​อยู่​

ตอนที่​เสี่ยว​โม่มาหา​จูเหลี่ยน​ พ่อครัว​เฒ่ากำลัง​ถัก​ตะกร้า​สาน​อยู่​ใน​ลานบ้าน​ ได้ยิน​ว่า​เสี่ยว​โม่ต้องการ​ควัก​เงิน​สร้าง​หอ​หนังสือ​ด้วยตัวเอง​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ไม่มีปัญหา​ ช่างที่อยู่​บน​ภูเขา​ฮุย​เห​มิงล้วน​เป็น​คนงาน​สำเร็จรูป​ ฝีมือ​ไม่เลว​ สร้าง​หอ​หนังสือ​แค่​หลัง​เดียว​ย่อม​ไม่เป็นปัญหา​ ปัญหา​เพียง​หนึ่งเดียว​ก็​คือ​บริเวณ​ใกล้เคียง​กับ​เรือน​ไม้ไผ่​ไม่มีสถาน​ที่แล้ว​จริงๆ​ ดังนั้น​ตอนนี้​เสี่ยว​โม่จึงมีสามทางเลือก​ สร้าง​อยู่​ใกล้​กับ​ยอดเขา​จี้เซ่อ​ หรือไม่​ก็​สร้าง​อยู่​ด้านหลัง​ภูเขา​ ไม่อย่างนั้น​ก็​เลือก​ภูเขา​ใต้​อาณัติ​ลูก​หนึ่ง​ไว้​เป็นที่​ฝึก​ตน​ของ​ตัวเอง​ บางที​อาจจะ​โปร่ง​โล่ง​สบาย​มากกว่า​

เสี่ยว​โม่บอ​กว่า​ไม่ต้อง​ยุ่งยาก​ขนาด​นั้น​ หาก​ไม่ผิด​กฎ​ของ​บน​ภูเขา​ก็​สามารถ​รื้อ​เรือน​ที่พัก​ของ​ตัวเอง​ออก​แล้ว​สร้าง​หอ​หนังสือ​ไว้​ตำแหน่ง​เดิม​ได้​ เขา​สามารถ​เอา​หอ​หนังสือ​เป็น​จวน​ที่​ฝึก​ตน​ อีก​ทั้ง​หอ​หนังสือ​สูงแค่​สองชั้น​ก็​พอแล้ว​

จูเหลี่ยน​ครุ่นคิด​แล้ว​บอ​กว่า​หาก​พี่​เสี่ยว​โม่เชื่อใจ​กัน​ ก็​มอบให้​เขา​เป็น​คน​สร้าง​หอ​หนังสือ​แห่ง​นั้น​เอง​ก็แล้วกัน​ ก็​แค่​ต้อง​เสียเวลา​เล็กน้อย​ ไม่ต้อง​เอา​เงิน​ไป​มอบให้​คนนอก​แล้ว​

เสี่ยว​โม่ตกตะลึง​ระคน​ยินดี​ รีบ​ลุกขึ้น​ยืน​ ประสานมือ​ขอบคุณ​

เพราะ​ตอนที่​คุณชาย​ของ​ตน​พูดถึง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ได้​เล่า​ว่า​อาจารย์​ผู้เฒ่า​จูท่าน​นี้​มาก​ความรู้​ความสามารถ​ ไม่มีเรื่อง​อะไร​ที่​เขา​ไม่เชี่ยวชาญ​ เรียก​ได้​ว่า​เลื่อมใส​อย่าง​ถึงที่สุด​ คุณชาย​ให้​คำวิจารณ์​ที่สูง​จน​สูงไป​มากกว่า​นี้​ไม่ได้​อีกแล้ว​ ‘ไม่มีงานฝีมือ​ใด​ที่​จูเหลี่ยน​ทำ​ไม่ได้​ ต่อให้​ตอนนี้​ยัง​ทำ​ไม่ได้​ อย่าง​มาก​ให้​เวลา​จูเหลี่ยน​สอง​สามปี​ เขา​ก็​สามารถ​กลายเป็น​ปรมาจารย์​ที่​สมชื่อ​ใน​งาน​ด้าน​นี้​ได้​แล้ว​ จะไม่ยอมรับ​ก็​ไม่ได้​ การ​ที่​ข้า​ออก​เดินทางไกล​ได้​อย่าง​สบายใจ​ ผู้ดูแล​ใหญ่​อย่าง​จูเหลี่ยน​นั้น​มีคุณ​ความชอบ​อย่าง​ใหญ่หลวง​’

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​ถาม “เสี่ยว​โม่ หอ​หนังสือ​มีชื่อ​แล้ว​หรือยัง​?”

เสี่ยว​โม่กล่าว​ “หอเหลี่ยง​หมาง​หรา​น”​

“ชื่อ​ดี​”

จูเหลี่ยน​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ “มีมาตรฐาน​ใน​การ​ตั้งชื่อ​ของ​คุณชาย​พวกเรา​แล้ว​”

เสี่ยว​โม่ยิ้ม​ตอบ​ “นี่​ก็​เป็น​ชื่อ​ที่​คุณชาย​ช่วย​ตั้ง​ให้​”

จูเหลี่ยน​ร้อง​เอ๊ะ​หนึ่ง​ที​ หันหน้า​มาพูด​กับ​เสี่ยว​โม่ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ “เรื่อง​ของ​การ​ตั้งชื่อ​ โดยทั่วไปแล้ว​คุณชาย​จะไม่ยอม​ลงมือ​ง่ายๆ​ หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​นี้​ก็​มีแค่​ไม่กี่​ครั้ง​เท่านั้น​ นี่​มาก​พอ​จะแสดงให้เห็น​ว่า​คุณชาย​โปรดปราน​เสี่ยว​โม่อย่าง​มาก​”

เสี่ยว​โม่ยิ้ม​จน​ตาหยี​

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​กล่าว​ “อิจฉา​ อิจฉา​ อย่าง​หอ​หนังสือ​ของ​ข้า​ จนถึง​ทุกวันนี้​ก็​ยัง​ไม่ได้​ตั้งชื่อ​เลย​นะ​ เคย​ขอ​น้ำหมึก​จาก​คุณชาย​ แต่กลับ​ไม่เคย​สำเร็จ​สักที​”

เสี่ยว​โม่อด​รู้สึก​กังขา​อย่าง​เลี่ยง​ไม่ได้​ ด้วย​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​อาจารย์​ผู้เฒ่า​จูกับ​คุณชาย​ของ​ตน​ เหตุใด​ถึงเป็น​เช่นนี้​ได้​เล่า​?

เพียงแต่​ใน​ตำรา​ก็​บอก​ไว้​แล้ว​ว่า​ เมื่อ​ได้​อยู่​ใน​สถานการณ์​ที่​ลำพองใจ​ อย่า​ได้​เล่าเรื่อง​ลำพองใจ​กับ​คน​ที่​ต้อง​ผิดหวัง​

ถึงอย่างไร​เสี่ยว​โม่ก็​เพิ่ง​ขึ้น​เขา​มา จึงไม่รู้เรื่อง​วงใน​บางอย่าง​ ย่อม​ไม่รู้​ถึงความลี้ลับ​ของ​หอ​เก็บ​ตำรา​แห่ง​นั้น​ชั่วคราว​ หาก​เฉิน​ผิง​อัน​ช่วย​ตั้งชื่อ​ให้​ก็​ผีหลอก​แล้ว​

ดังนั้น​ตอนนี้​เสี่ยว​โม่จึงได้​แต่​เปลี่ยน​หัวข้อ​พูดคุย​ด้วย​การ​ถามว่า​ “หาก​ข้า​อยู่​ที่นี่​จะถ่วงเวลา​การ​ทำ​ธุระ​ของ​อาจารย์​จูหรือไม่​”

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​ตอบ​ “ทำงาน​แบบนี้​ไม่ถือว่า​เป็นธุระ​จริงจัง​อะไร​หรอก​ เสี่ยว​โม่หาก​เจ้าอยู่​ต่อ​ย่อ​มดี​ที่สุด​ ข้า​จะได้​มีเพื่อน​คุย​ อยู่​กับ​คนดี​ๆ ก็​เหมือน​ได้​ดื่ม​สุรา​รส​กลมกล่อม​”

เสี่ยว​โม่หยิบ​ตำรา​รวม​ถ้อยคำ​อัน​ไพเราะ​เล่ม​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​แล้ว​นั่ง​เปิด​อ่าน​อยู่​ด้าน​ข้าง​

จูเหลี่ยน​เหลือบตา​มอง​เนื้อหา​ใน​ตำรา​รวมเล่ม​ถ้อยคำ​ระหว่าง​จังหวะ​พักงาน​ใน​มือ​ ก่อน​จะยิ้ม​ส่ายหน้า​ “ยาม​ดอกไม้​เบ่งบาน​คิดถึง​ท่าน​ที่สุด​ ยาม​ร้อย​บุปผา​ร่วงโรย​เกลียด​แค้น​ท่าน​ที่สุด​?”

คำกล่าว​นี้​ผิด​แล้ว​ ฟังแล้ว​ธรรมดา​สามัญอย่าง​มาก​

“ควรจะเป็น​ยาม​ร้อย​บุปผา​เบ่งบาน​ขุ่นเคือง​ท่าน​ที่สุด​ ยาม​ร้อย​บุปผา​ร่วงโรย​คิดถึง​ท่าน​ที่สุด​ ไม่ว่า​จะเป็น​ความคิดถึง​หรือ​ความขุ่นเคือง​ล้วน​อยู่​ตอนที่​ร้อย​บุปผา​เบ่งบาน​”

ถึงจะเรียก​ได้​ว่า​มีความรัก​ลึกซึ้ง​ ความขุ่นเคือง​ยาวนาน​ มิกล้า​เกลียด​ ได้​แต่​เคืองขุ่น​ บอกกล่าว​ให้​รู้​ถึงความ​ทุกข์ระทม​จาก​การ​คิด​คำนึงถึง​ของ​สตรี​ได้ดี​ที่สุด​

เสี่ยว​โม่อึ้ง​งัน​ไร้​คำพูด​ จากนั้น​ก็​รู้สึก​ชื่นชมยินดี​จาก​ใจจริง​ หมุนตัว​กลับมา​กุม​หมัด​เอ่ย​ “อาจารย์​จูมีคำพูด​ไพเราะ​ร้อย​เรียง​ติดต่อกัน​ ประหนึ่ง​สาวงาม​อรชร​ที่​เดิน​เยื้องกราย​ออก​มาจาก​ภาพวาด​ ไม่มีบุปผา​แต่กลับ​ส่งกลิ่นหอม​ฟุ้งได้​ด้วยตัวเอง​”

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​ฮ่าๆ เสียง​ดังลั่น​ “พี่​เสี่ยว​โม่ก็​ไม่ด้อย​กว่า​เลย​นะ​”

จิตใจ​เสี่ยว​โม่สงบ​ลง​ได้​หลาย​ส่วน​

เขา​กับ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​คล้าย​จะมีความสอดคล้อง​ทางจิต​แห่ง​มรรคา​ตาม​ธรรมชาติ​ ไม่จำเป็นต้อง​ให้​ตน​จงใจเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม​ด้วยซ้ำ​

“เสี่ยว​โม่มาที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ภูเขา​ลั่วพั่ว​มีเสี่ยว​โม่ ล้วน​ถือ​เป็นเรื่อง​ที่​โชคดี​”

จูเหลี่ยน​ถัก​ตะกร้า​ไม้ไผ่​ด้วย​ความคล่องแคล่ว​คุ้นเคย​ ปาก​ก็​ชวน​คุย​ไป​ด้วย​ “ความหวังดี​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​ก็​คือ​ลม​วสันตฤดู​ที่​อ่อนโยน​”

เสี่ยว​โม่ปิด​ตำรา​ลง​ กำลังจะ​ขยับ​ปาก​พูด​ก็​มีนักพรต​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ที่​เพิ่ง​ไป​ที่​หน้า​ประตู​ภูเขา​วิ่ง​เข้ามา​ ตะโกน​พูด​หน้า​แดงก่ำ​ “เสี่ยว​โม่ เสี่ยว​โม่ ร้ายกาจ​มาก​ ร้ายกาจ​มาก​ ที่แท้​ที่นี่​ก็​คือ​ภูเขา​ลั่วพั่ว!”​

เรือข้ามฟาก​ลำ​นั้น​ค่อยๆ​ จากไป​ไกล​ ประหนึ่ง​นก​ที่​บิน​โผ​ไป​กลางอากาศ​

เด็ก​เก้า​คน​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​พา​กลับ​มาจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ต่าง​มีที่​พักพิง​เป็น​ของ​ตัวเอง​แล้ว​ ไม่ต้อง​เอาแต่​ก้มหน้าก้มตา​ฝึก​กระบี่​อยู่​ที่​หอ​บูชา​กระบี่​อีกต่อไป​ ล้วน​มีอนาคต​อย่าง​แท้จริง​กัน​แล้ว​

พ่อครัว​น้อย​เฉิงเฉาลู่​กลายเป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​สุย​โย่ว​เปีย​น​ คน​โลภมาก​ตัว​น้อย​อย่าง​น่า​ห​ลัน​อวี้เตี๋ย​ก็​กราบ​ผู้คุม​กฎ​ฉางมิ่งเป็น​อาจารย์​

อวี๋​ชิงจางและ​เฮ้อ​เซียงถิง​ติดตาม​ผู้ฝึก​กระบี่​เฒ่าอวี๋​เย​ว่​เดินทางไกล​ข้าม​ทวีป​ไป​แล้ว​ จะไป​ที่​สกุล​เซี่ย​มี่อวิ๋น​ของ​ธวัล​ทวีป​ก่อน​ จากนั้น​จึงจะพา​เด็ก​ทั้งสอง​เดินทาง​ไป​ท่องเที่ยว​หลิว​เสีย​ทวีป​ ไป​ปล้นทรัพย์​คน​ด้วยกัน​

หาก​ใช้คำพูด​ของ​อวี๋​เย​ว่​ก็​คือ​สกุล​เซี่ย​มี่อวิ๋น​ต้อง​ยิ้ม​หน้าบาน​เพราะ​ได้​พึ่งใบบุญ​ของ​ตน​ เท่ากับ​ว่า​ไม่ต้อง​ใช้ความสัมพันธ์​ควัน​ธูป​แม้แต่น้อย​ก็ได้​แบ่ง​ตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​สอง​คน​มาจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ เงิน​เทพ​เซียน​กับ​สมบัติ​วิเศษ​แห่ง​ฟ้าดิน​จะน้อย​ได้​หรือ​?

สุดท้าย​แล้ว​เห​อ​กู​ก็​รับ​หมี่​อวี้​เป็น​อาจารย์​

อันที่จริง​นี่​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​แค่​ต้อง​ใช้คำพูด​เดียว​ของ​หนิง​เหยา​เท่านั้น​

เจ้ามีหน้า​อะไร​มาดูแคลน​หมี่​อวี้?​ เขา​หมี่​อวี้​ตอน​อยู่​สอง​ขอบเขต​อย่าง​โอสถ​ทอง​และ​ก่อกำเนิด​ คุณ​ความชอบ​ใน​การสังหาร​ปีศาจ​รวมกัน​แล้วก็​อยู่​สูงเป็น​อันดับ​หนึ่ง​ ถึงขั้น​ที่ว่า​เหนือกว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ถึงครึ่งหนึ่ง​ด้วยซ้ำ​

ตอนนั้น​หมี่​อวี้​ยืน​อยู่​ห่าง​ไป​ไม่ไกล​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ แม้ว่า​หนิง​เหยา​จะพูด​เรื่องจริง​ แต่​หมี่​อวี้​กลับ​ยัง​กระดากอาย​อยู่​มาก​

หาก​จะบอ​กว่า​แรกเริ่ม​เจ้าเด็ก​เห​อ​กู​ผู้​นี้​ไม่ยินยอมพร้อมใจ​ แต่​ก็​พอ​จะฝืนใจ​ยอมรับ​หมี่​อวี้​เป็น​อาจารย์​ได้​ ถ้าอย่างนั้น​อวี๋​เสีย​หุย​ให้​ตาย​อย่างไร​ก็​ไม่ยอม​ติดตาม​ ‘คน​ทรยศ​’ อย่าง​ชุย​เหวย​เรียน​กระบี่​แล้ว​

ถึงขั้น​ที่ว่า​ตอนนั้น​ชุย​เหวย​อยาก​จะพา​เด็กชาย​นั่ง​โดยสาร​เรือ​เฟิงยวน​ไป​ที่​ใบ​ถงทวีป​ด้วยกัน​ อวี๋​เสีย​หุย​ไม่ยอม​ออก​ไป​จาก​หอ​บูชา​กระบี่​ เขา​โมโห​มาก​ ตอนนั้น​จึงพูดจา​แรง​ๆ กับ​ชุย​เหวย​ไป​หลาย​ประโยค​ เจ้าชุย​เหวย​ยัง​จะถือว่า​เป็น​ลูกศิษย์​ของ​น่า​ห​ลัน​เย่​สิงได้​อย่างไร​ อาจารย์​ของ​เจ้าตาย​ไป​แล้ว​ คน​มากมาย​ขนาด​นั้น​ล้วน​ตาย​ไป​แล้ว​ ผู้ฝึก​กระบี่​โอสถ​ทอง​หลาย​คน​ที่​สามารถ​จาก​มาได้​ล้วน​ตาย​กัน​ไป​หมด​แล้ว​! มีเพียง​เจ้าที่มา​หลบ​อยู่​ต่างบ้านต่างเมือง​ ไม่เคย​ออก​กระบี่​สักครั้ง​ มีชีวิต​ได้ดี​ที่สุด​ เจ้าไม่ละอายใจ​บ้าง​เลย​หรือ​? หาก​เปลี่ยนเป็น​ข้า​ ไม่ตาย​อยู่​ที่​บ้านเกิด​ก็​ต้อง​ตาย​อยู่​บน​สนามรบ​อย่าง​นคร​มังกร​เฒ่า ให้​ข้า​รับ​เจ้าเป็น​อาจารย์​? ให้​ตาย​อย่างไร​ข้า​ก็​ไม่มีทาง​คิด​! ต่อให้​เปลี่ยนเป็น​ข้า​ที่​ต้อง​เป็น​อาจารย์​ของ​เจ้า ข้า​ยัง​รังเกียจ​เลย​

ตอนนั้น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​อย่าง​ชุย​เหวย​ไม่ได้​เอ่ย​อะไร​ เพียงแค่​ไป​จาก​หอ​บูชา​กระบี่​เงียบๆ​

เหตุผล​ของ​หนิง​เหยา​เรียบง่าย​มาก​ นาง​ไม่ได้​บอก​ว่าการ​เลือก​ของ​ชุย​เหวย​ผิด​หรือ​ถูก​ แล้วก็​ไม่ได้​พูดว่า​ทิฐิ​ของ​อวี๋​เสีย​หุย​ดี​หรือไม่​ดี​ เพียงแค่​ให้​อวี๋​เสีย​หุย​ไป​พิสูจน์​ด้วยตัวเอง​

เจ้าลอง​เรียน​เวท​กระบี่​ของ​ชุย​เหวย​ดูก่อน​ วันหน้า​ไม่ต้อง​สน​เรื่อง​การ​เป็น​อาจารย์​และ​ศิษย์​บน​ภูเขา​อะไร​ ทั้งสองฝ่าย​ถามกระบี่​กัน​ครั้งหนึ่ง​ แบ่ง​แพ้ชนะ​กัน​ อาศัย​ความสามารถ​ทำให้​ชุย​เหวย​ยอมรับผิด​กับ​เจ้าใน​เรื่อง​นั้น​

ซุน​ชุน​หวัง​พูดคุย​ด้วย​ได้​ง่าย​ที่สุด​ หนิง​เหยา​บอก​กับ​เด็กหญิง​ว่า​มาก​สุด​หกสิบ​ปี​ หาก​นาง​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ได้​ก็​จะได้​กลายเป็น​ลูกศิษย์​ที่​ได้รับ​การ​บันทึก​ชื่อ​ของ​ตน​

ส่วน​ป๋า​ย​เสวียน​ก็​โดน​สั่งสอน​ไป​รอบ​หนึ่ง​

ตั้งใจ​ฝึก​ตน​ให้​มาก​หน่อย​ คุณสมบัติ​ของ​เจ้าก็​แค่​เพราะ​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​เท่านั้น​ถึงจะถือว่า​ไม่เลว​ อยู่​ที่​บ้านเกิด​อย่าง​มาก​สุด​ก็​เป็นได้​แค่​หมี่​อวี้​ก่อน​จะเป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​เท่านั้น​ ถึงกับ​มีหน้า​มาพูดว่า​ตัวเอง​ไม่ต้อง​ฝึก​กระบี่​? คิด​ว่า​ตัวเอง​เป็น​จงหยวน​หรือ​เฉิน​ซี? มีเพียง​เหยา​เสี่ยว​เหยียน​ที่​นิสัย​อ่อนโยน​เท่านั้น​ที่​หนิง​เหยา​ไม่ได้​พูดจา​แรง​ๆ ด้วย​ แค่​บอก​แม่นาง​น้อย​ว่า​ให้​ใจกล้า​กว่า​นี้​หน่อย​

ก่อนหน้านี้​ตอน​อยู่​ที่​หอ​บูชา​กระบี่​ เด็ก​แปด​คน​เผชิญหน้า​กับ​หนิง​เหยา​ แต่ละคน​เงียบกริบ​เป็น​จักจั่น​ใน​หน้าหนาว​ มือ​เท้า​ก็​ไม่รู้​จะวาง​ไว้​ที่ไหน​

บางที​นี่​อาจจะ​เป็น​เพราะ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​หนิง​เหยา​

นาง​ไม่ต้อง​จงใจทำ​อะไร​ ยิ่ง​คร้าน​จะปะชุน​ใจคน​

ทว่า​เด็ก​ๆ ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เผชิญหน้า​กับ​หนิง​เหยา​

อันที่จริง​กลับ​เหมือน​ใน​อดีต​ยาม​ที่​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ใน​ยุค​หลัง​อย่าง​เย​ว่​ชิง หมี่​ฮู่ ห​ลี่​ทุ่ย​มี่ยัง​เป็น​เด็ก​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​

ยาก​ที่จะ​เปิดปาก​ ด่า​แค่​ไม่กี่​คำ​ นับว่า​ยัง​พอ​เยียวยา​ได้​ หมายความว่า​คุณสมบัติ​ใน​การ​ฝึก​กระบี่​ยัง​พอใช้ได้​

จริงๆ​ แล้ว​แรกเริ่ม​หนิง​เหยา​เอง​ก็​ไม่ได้คิด​จะพูดมาก​ขนาด​นี้​

เพียงแต่ว่า​พอ​ไป​ถึงหอ​บูชา​กระบี่​ก็​ได้ยิน​ว่า​เด็ก​สอง​คน​ต้องการ​จะออก​ไป​จาก​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ อีก​ทั้ง​ยัง​ดูเหมือนว่า​จะไม่พอใจ​เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​มาก​ หนิง​เหยา​จึงไม่รู้​ว่า​โทสะ​ผุด​มาจาก​ไหน​

เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ใน​บรรดา​เด็ก​ทั้ง​เก้า​จึงเหลือ​แค่​ตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​สอง​คน​ที่​ยัง​ไม่มีการสืบทอด​ที่​แน่ชัด​

ป๋า​ย​เสวียน​และ​เหยา​เสี่ยว​เหยียน​

ดังนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​จึงคิด​จะถามเสี่ยว​โม่ว่า​ถูกใจ​ป๋า​ย​เสวียน​หรือไม่​ ยินดี​จะรับ​เขา​เป็น​ลูกศิษย์​ที่​ไม่ได้รับ​การ​บันทึก​ชื่อ​ชั่วคราว​หรือไม่​

จากนั้น​ก็​จะถามเด็กชาย​ผม​ขาว​ที่​เปลี่ยน​ชื่อ​เป็น​คง​โหว​ว่า​ยินดี​ถ่ายทอด​มรรค​กถา​เวท​กระบี่​ชั้นสูง​บางอย่าง​ให้​กับ​เหยา​เสี่ยว​เหยียน​หรือไม่​

เพียงแต่​ไม่ว่า​เรื่อง​อะไร​ก็​ล้วน​สามารถ​ปล่อย​ผ่าน​ไป​อย่าง​ถูไถได้​ แต่​คนรัก​กับ​อาจารย์​และ​ศิษย์​กลับ​เลือก​แค่​พอ​ถูไถไม่ได้​

ตอนที่​ยืน​อยู่​ตรง​ท่าเรือ​ หนิง​เหยา​ทำ​ท่าจะ​พูด​แต่​ก็​ไม่พูด​ น้อย​ครั้ง​นัก​ที่​นาง​จะลังเล​ตัดสินใจ​ไม่ได้​เช่นนี้​

เฉิน​ผิง​อัน​ยื่นมือ​ออกมา​กุมมือ​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​หนิง​เหยา​ พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เบา​ๆ “ไป​ถึงนคร​บิน​ทะยาน​แล้ว​ฝาก​ถามไถ่สาร​ทุกข์สุข​ดิบ​ของ​สหาย​สาย​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​แทน​ข้า​ที​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​กวอ​จู๋จิ่ว​ที่​เรียก​เจ้าว่า​อาจารย์​แม่ บอก​นาง​ว่า​อาจารย์​พ่อ​และ​ศิษย์​พี่​หญิง​ใหญ่​ของ​นาง​ต่าง​ก็​คิดถึง​นาง​มาก​”

หนิง​เหยา​พยักหน้า​

เฉิน​ผิง​อัน​ใน​ทุกวันนี้​ขอบเขต​ถดถอย​จน​น่าอนาถ​ ทำให้​นาง​เป็นห่วง​จน​วางใจ​ไม่ลง​

เวท​กระบี่​ของ​เสี่ยว​โม่จะสูงแค่​ไหน​ จะซื่อสัตย์​ภักดี​เท่าไร​ จะถูกชะตา​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​แค่​ไหน​

แต่​ถึงอย่างไร​ก็​ไม่เหมือน​ยาม​ที่​ตน​อยู่​ข้าง​กาย​เขา​

เฉิน​ผิง​อัน​ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​ลูบ​หัว​คิ้ว​ของ​หนิง​เหยา​เบา​ๆ เอ่ย​ขออภัย​ว่า​ “อยู่​ห่าง​จาก​การ​เป็น​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ไกล​อีกแล้ว​ ห้าม​รีบร้อน​นะ​”

หนิง​เหยา​ยังคง​ทำ​แค่​พยักหน้า​ ไม่เอ่ย​อะไร​

“นคร​บิน​ทะยาน​หยั่งราก​อยู่​ที่​ใต้​หล้า​ห้า​สี ข้า​ที่​เป็น​อิ่น​กวาน​กลับ​ไม่ได้​อยู่​ด้วย​ แล้วก็​ไม่ได้​แสดงความยินดี​ด้วย​ ไม่เข้าท่า​เอา​เสีย​เลย​”

เฉิน​ผิง​อัน​ดึง​มือ​กลับมา​ บิด​หมุน​ข้อ​มือหนึ่ง​ครั้ง​ก็​มีแส้ปัดฝุ่น​ที่​ได้​มาจาก​นคร​เซียน​จาน​เพิ่ม​มา มีชื่อว่า​ฝูเฉิน​

หนิง​เหยา​ส่ายหน้า​ “เจ้าไม่ใช่คนนอก​เสียหน่อย​ แสดงความยินดี​อะไร​กัน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ย่อม​ต้อง​มีเหตุผล​ของ​ตัวเอง​ “ไม่เหมือนกัน​ นี่​ข้า​อุตส่าห์​แย่งชิง​มาจาก​นคร​เซียน​จาน​อย่าง​ยากลำบาก​ ความหมาย​ไม่ค่อย​เหมือนกับ​วัตถุ​ธรรมดา​ทั่วไป​ เอา​ไป​วาง​ไว้​ที่​นคร​บิน​ทะยาน​ย่อม​เหมาะสม​ที่สุด​ ใคร​ใช้ให้​นคร​บิน​ทะยาน​กล้า​เทียบเคียง​ความสูง​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เล่า​”

หนิง​เหยา​เอ่ย​ “ข้า​จะรอ​เจ้าอยู่​ที่​นคร​บิน​ทะยาน​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “ตกลง​”

สตรี​ที่อยู่​ตรงหน้า​ไม่เหมือน​ตอนที่​นาง​เป็น​เด็กสาว​ แต่​ถึงอย่างไร​นาง​ก็ดี​ที่สุด​

เฉิน​ผิง​อัน​สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ที​ “ข้า​จะไป​ส่งเจ้าเอง​”

คน​ทั้งสอง​กลายร่าง​เป็น​รุ้ง​ยา​วสี​ขาว​เขียว​ ปราณ​กระบี่​ทะยาน​สู่ชั้น​เมฆ พริบตาเดียว​ก็​ห่าง​จาก​ท่าเรือ​ไป​ไกล​

อริยะ​ปราชญ์​ศาล​บุ๋น​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ที่นั่ง​พิทักษ์​ม่าน​ฟ้าของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​เปิด​ประตู​ใหญ่​ที่​เชื่อมโยง​กับ​ใต้​หล้า​ห้า​สีให้​

หาก​คิด​จะเข้าไป​เยือน​ใต้​หล้า​ห้า​สีจริงๆ​ หนิง​เหยา​ยัง​ต้อง​เดิน​ทางผ่าน​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​อีก​ช่วง​ระยะเวลา​หนึ่ง​ เพียงแต่ว่า​เส้นทาง​มั่นคง​ปลอดภัย​ เหมือน​ถนน​ทางหลวง​ของ​โลก​มนุษย์​

หลังจาก​ประตู​ใหญ่​ปิด​ลง​แล้ว​ อาจารย์​ผู้เฒ่า​ที่​ยืน​อยู่​บน​เมฆขาว​ก็​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ใน​เมื่อ​ตัดใจ​ไม่ได้​ ทำไม​ถึงไม่รั้ง​เอาไว้​เล่า​”

เฉิน​ผิง​อัน​เพียง​ยิ้ม​ไม่เอ่ย​อะไร​ แค่​ประสานมือ​คารวะ​อำลา​อริยะ​ปราชญ์​ศาล​บุ๋น​ท่าน​นี้​

กลับ​ไป​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ได้​แขวน​กระบี่​เย่​โหย​ว​เล่ม​นั้น​ไว้​บน​ผนัง​ของ​ชั้นหนึ่ง​เรือน​ไม้ไผ่​แล้ว​ ให้​มัน​เป็น​เพื่อนบ้าน​กับ​กลอน​คู่​

มอง​กระบี่​ยาว​ที่อยู่​ใน​ฝัก​บน​ผนัง​

วิถี​ทางโลก​เละเทะ​ใจยาก​จะสงบ​ มังกร​และ​งูบน​ผนัง​เคลื่อน​ขยับ​

บน​โต๊ะ​วาง​ตำรา​ตราประทับ​ไว้​สอง​เล่ม​ เป็น​ตำรา​ต้นฉบับ​เล่ม​แรก​อย่าง​สมชื่อ​แท้จริง​

แบ่ง​ออก​เป็น​ตำรา​ตราประทับ​ร้อย​เซียน​กระบี่​และ​ตำรา​ตราประทับ​สอง​ร้อย​เซียน​กระบี่​

ปี​นั้น​เจ้าอ้วน​เยี่ยน​อยาก​ซื้อ​ แต่​เขา​ไม่ขาย​ ราคา​พูดคุย​กัน​ได้​ อย่า​ได้​หวัง​

ทำเอา​เยี่ยนจั๋ว​เกือบจะ​ฉวยโอกาส​ตอนที่​เฉิน​ผิง​อันเป็น​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​อยู่​ที่​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ไป​ทำตัว​เป็น​วิญญูชน​บน​ขื่อ​คาน​ที่​จวน​หนิง​เสียแล้ว​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด