กระบี่จงมา 839.3 ต่างเป็นจุดอ่อนของกันและกัน

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 839.3 ต่างเป็นจุดอ่อนของกันและกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขา​ยิ้ม​ถาม “อาจารย์​ของ​พวกเรา​ยาม​เจอ​ภิกษุ​ก็​ชอบ​พนม​สอง​มือ​ ยาม​อยู่​ใน​อาราม​เต๋า​ก็​ก้มหัว​คารวะ​ตาม​ขนบ​ลัทธิ​เต๋า​ เจ้าว่า​การกระทำ​นี้​ของ​อาจารย์​จะมีอิทธิพล​ต่อ​สภาพ​จิตใจ​ของ​อาจารย์​ฉีตอน​เป็น​เด็กหนุ่ม​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “มี”

เขา​ถามอี​กว่า​ “ถ้าอย่างนั้น​เหตุใด​เจ้าไม่พูด​เรื่อง​นี้​กับ​เผย​เฉียน​ให้​ชัดเจน​ ปี​นั้น​นาง​ได้รับ​ปราณ​กระบี่​มาจาก​สาย​ของ​เซียน​กระบี่​หญิง​โจว​เฉิง ถ้าอย่างนั้น​โจว​เฉิงที่อยู่​บน​สนามรบ​ใน​ภายหลัง​ก็​จะจากไป​โดยที่​ไม่ต้อง​เหลือ​ความเสียดาย​ใดๆ​ อีก​ นี่​ต้อง​เป็นเรื่อง​ดี​ถึงจะถูก​ เหตุใด​ถึงไม่พูด​เล่า​? ไม่แน่​ว่า​เผย​เฉียน​อาจ​เลื่อนขั้น​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​ได้​เร็ว​ยิ่งกว่า​เดิม​ อีก​ทั้ง​มีแต่​จะยิ่ง​มั่นคง​มากกว่า​เดิม​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เพิ่งจะ​ค้นพบ​ว่า​ยาม​ที่​ตัวเอง​พูดคุย​กับ​คนอื่น​ ที่แท้​ก็​ทำให้​คน​รำคาญ​มาก​จริงๆ​”

เขา​เก็บ​ทวน​ยาว​ที่อยู่​ใน​มือ​มา ลู่​ฮุย​ที่​ถูก​แทง​งัด​อยู่​กลางอากาศ​ร่าง​กระแทก​ลงพื้น​ ลมหายใจ​รวยริน​ นอน​จมอยู่​ใน​กอง​เลือด​

ซ่งซวี่​มอง​โฮ่ว​แจว๋​ที่​คล้าย​จะเป็น​คนเดียว​ที่​ยัง​ปลอดภัย​ดี​ ใน​ใจพลัน​เกิด​ความสิ้นหวัง​

หาก​เฉิน​ผิง​อัน​อีก​คน​เลือก​ที่จะ​สังหาร​เณร​น้อย​ของ​หน่วย​แปล​คัมภีร์​คน​นี้​ก่อน​ นั่น​หมายความว่า​ยัง​เหลือ​พื้นที่​ให้​ถอยหลัง​กลับ​

เพราะ​หลัง​จบเรื่อง​เมื่อ​สุย​หลิน​ทวน​กระแสน้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ใน​ช่วง​สั้น​ๆ ไม่มีวิชา​อภินิหาร​ลัทธิ​พุทธ​ของ​โฮ่ว​แจว๋​ให้​การปกป้อง​ ทุกคน​จะต้อง​เสีย​ความทรงจำ​ไป​หมด​

แต่​ดู​จาก​สภาพการณ์​ของ​ทุกคน​ในเวลานี้​ นั่น​หมายความว่า​ทั้ง​สิบเอ็ด​คน​หาก​ไม่ต้อง​ตาย​กัน​ไป​ทั้งหมด​ อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​ต้อง​เป็น​เณร​น้อย​คน​นั้น​ที่​ต้อง​ตาย​

อวี๋อวี๋​มอง​สหาย​รัก​และ​เพื่อนร่วมงาน​ที่​แต่ละคน​มีสภาพ​อเนจอนาถ​อย่าง​ถึงที่สุด​ ใบหน้า​ของ​นาง​นอง​ไป​ด้วย​น้ำตา​ เอ่ย​อย่าง​เดือดดาล​ว่า​ “หยวน​ฮว่า​จิ้ง ซ่งซวี่​ นี่​มัน​เรื่อง​อะไร​กัน​แน่​?!”

เฉิน​ผิง​อัน​ที่​สวม​ชุด​สีขาว​หิมะ​คน​นั้น​จุ๊ปาก​พูด​ “ช่างเป็นเรื่อง​ทุกข์​ตรม​ที่​ทำให้​รวดร้าว​ปาน​จะขาดใจ​เหลือเกิน​ ยิ่ง​คนอื่น​มีความรู้สึก​ร่วม​ด้วย​มาก​เท่าไร​ ก็​ยิ่ง​มีชีวิต​ที่​ไม่ผ่อนคลาย​มาก​เท่านั้น​”

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ใน​เมื่อ​ข้า​มาทัน​แล้ว​ แล้ว​เจ้าจะยัง​หนี​ไป​ไหน​ได้​”

เขา​ถอย​ไป​สอง​สามก้าว​ สอง​มือ​สอด​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ หันไป​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ เงียบ​ไป​พัก​หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​เยาะเย้ย​ว่า​ “น่าสงสาร​”

เฉิน​ผิง​อัน​เงียบ​ไม่พูดไม่จา​

เขา​ใช้เสียง​ใน​ใจพูดคุย​เป็นครั้งแรก​ “เฉิน​ผิง​อัน​ ถ้าอย่างนั้น​เจ้าเคย​คิด​หรือไม่​ว่า​ อันที่จริง​คน​ที่​นาง​รอคอย​เสมอมา​คือ​ข้า​ ไม่ใช่เจ้า”

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​ไป​มอง​ตัวเอง​คน​นี้​ อันที่จริง​ไม่สามารถ​มอง​เป็น​พวก​จิต​มาร​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง​ ไม่ใช่ว่า​ไม่เหมือน​ เพราะ​เขา​ก็​คือ​ตน​ เพียงแต่ว่า​ไม่สมบูรณ์​เท่านั้น​

สอง​มือ​ของ​เขา​สอด​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ เงยหน้า​มอง​ฟ้า หรี่ตา​พึมพำ​ “ข้า​เหมาะสม​ยิ่งกว่า​เจ้า ยิ่ง​เป็น​ช่วงหลัง​ๆ ก็​ยิ่ง​เหมาะสม​”

เขา​ยื่นมือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ช้าๆ ข้าง​กาย​คน​ทั้งสอง​ปรากฏ​แสงไฟหนึ่ง​ดวง​เหมือน​ดวงดาว​ดวง​หนึ่ง​ที่​ลอย​อยู่​นอก​ฟ้า จากนั้น​ก็​พลัน​มีแสงกระบี่​ที่​สว่าง​เจิดจ้า​เส้น​หนึ่ง​พุ่ง​วาบ​ผ่าน​ไป​ แสงไฟถูก​ปราณ​กระบี่​ชักนำ​จึงไล่ตาม​แสงกระบี่​ไป​ติดๆ​

เขา​ยิ้ม​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ “อันที่จริง​เจ้าเอง​ก็​รู้​ชัดเจน​ดี​ นี่​ก็​คือ​สาเหตุ​ที่​ทำไม​อาจารย์​ฉีถึงไม่ยอมให้​นาง​ลงมือ​ง่ายๆ​ ทั้ง​ไม่ให้​นาง​สอน​เวท​กระบี่​ชั้นสูง​ใดๆ​ ต่อ​เจ้า แล้วก็​ไม่อาจ​ปกป้อง​มรรคา​ให้​เจ้าได้​มาก​นัก​ พูดถึง​แค่​ปราณ​กระบี่​สามกลุ่ม​นั้น​ บน​เส้น​ทางการ​ฝึก​ตน​ของ​พวกเรา​มัน​มีประโยชน์​มาก​จริงๆ​ หรือ​? มีอยู่​บ้าง​ แต่​พอ​ย้อนกลับ​ไป​มอง​กลับ​ไม่อาจ​มีอิทธิพล​ต่อ​สถานการณ์​ใหญ่​ของ​เส้นสาย​ใดๆ​ เลย​ เจ้าจะฆ่าภูต​ตน​นั้น​หรือไม่​ก็​ล้วน​ยังมี​อา​เหลียง​มองดู​อยู่​ข้าง​กาย​ ตอน​ที่อยู่​ปาก​บ่อน้ำ​ เจ้าจะสังหาร​ชุยตง​ซาน​ที่อยู่​ก้น​บ่อ​หรือไม่​ หาก​ดู​กัน​ใน​ระยะยาว​ก็​ล้วน​ไม่สำคัญ​เลย​”

เขา​ส่ายหน้า​ พูด​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ว่า​ “นาง​ถึงกับ​รักษา​สัญญาจริงๆ​ ทำให้​คน​ประหลาดใจ​นัก​”

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “อย่า​ลืม​ล่ะ​ว่า​ เจ้าไม่ใช่คน​”

เขา​คลี่​ยิ้ม​ทันใด​ บ่น​อย่าง​ไม่พอใจ​ว่า​ “มีใคร​เขา​ด่า​ตัวเอง​อย่าง​เจ้ากัน​บ้าง​”

อันที่จริง​เขา​สามารถ​พูดจา​โหดร้าย​กว่า​นี้​ได้​ ยกตัวอย่างเช่น​ข้า​เข้าใจ​เจ้าทุก​เรื่อง​ แต่​เจ้าเฉิน​ผิง​อัน​กลับ​มิอาจ​เข้าใจ​ข้า​ในเวลานี้​ หาก​บีบ​ข้า​ให้​ร้อนใจ​ก็​ระวัง​ให้​ดี​ล่ะ​ พวกเรา​สอง​คน​ไม่ต้อง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​อะไร​กัน​แล้ว​ ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ปลายทาง​ก็​ต้อง​ขอบเขต​ถดถอย​อีก​ขั้น​สอง​ขั้น​ วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​ห้า​ธาตุ​ก็​แตก​ไป​เกิน​ครึ่ง​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​…

เพียงแต่​ไม่มีความหมาย​อะไร​เลย​

ก็​ยัง​ไม่ใช่ว่า​จะต้อง​ถูก​เจ้าหมอ​นี่​ฟัน​ตัวเอง​ตาย​โดย​ไม่สนใจ​สิ่งใด​ มีแต่​จะไม่เสียดาย​ค่าตอบแทน​ ไม่สนใจ​ผลลัพธ์​ที่จะ​ตามมา​ จุด​ที่​น่า​โมโห​ที่สุด​ก็​คือ​ที่พึ่ง​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ของ​เจ้าหมอ​นี่​ไม่ใช่ว่า​ตอนนี้​ใน​ซิ่ว​ไฉเฒ่าและ​หนิง​เหยา​อยู่​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​ แต่​เป็น​ ‘ตัวเอง​’ ที่จะ​ยอม​รับได้​จาก​ใจจริง​ว่า​ ต่อให้​มหา​มรรคา​จะขาดสะบั้น​ชั่วคราว​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​สร้าง​ขึ้น​มาใหม่​เหมือน​ตอนที่​ถูก​คน​สะบั้น​สะพาน​แห่ง​ความ​เป็น​อมตะ​ตอน​เป็น​เด็กหนุ่ม​

เฉิน​ผิง​อัน​หัวเราะ​หยัน​ “นี่​ก็​คือ​ที่พึ่ง​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ของ​ข้า​แล้ว​หรือ​? เจ้าดูเบา​ตัวเอง​ขนาด​นี้​เลย​หรือ​ไร​?”

เขา​ทอดถอนใจ​อย่าง​เศร้าใจ​ ก่อน​จะคลี่​ยิ้ม​เจิดจ้า​ ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​มา “ถ้าอย่างนั้น​ก็​บอกลา​กัน​? ไว้​ค่อย​พบกัน​ใหม่​วันหน้า​?”

เสียดาย​ที่​การคุย​เล่น​พัก​หนึ่ง​ บวก​กับ​สถานการณ์​นี้​ที่​จงใจจัดวาง​ไว้​ก่อนหน้านี้​ ล้วน​ไม่อาจ​ทำให้​ตน​ที่​เร่งรุด​เดินทาง​มาผู้​นี้​แทรก​จิต​แห่ง​เทพ​ส่วน​ใหม่​เข้ามา​เสี้ยว​หนึ่ง​ ถ้าอย่างนั้น​เขา​ก็​จะมีโอกาส​ให้​ฉกฉวย​แล้ว​

ไม่อย่างนั้น​ใคร​เล่า​ถึงจะเป็น​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ได้​เดิน​ออก​ไป​อย่าง​แท้จริง​ นั่น​ก็​คง​เป็น​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​แล้ว​ ถึงเวลา​นั้น​ก็​หนี​ไม่พ้น​ว่า​ต้องหา​โอกาส​ที่​เหมาะสม​อี​กรอบ​ ใช้กระบี่​แหวก​ม่าน​ฟ้า เดินทางไกล​ไป​ยัง​นอก​ฟ้าอย่าง​เงียบเชียบ​ ไป​รวม​กับ​นาง​ตรงจุด​หลอม​กระบี่​บรรพกาล​

เฉิน​ผิง​อัน​เพียงแค่​หรี่ตา​พยักหน้า​รับ​

เขา​กวาดตา​มอง​รอบด้าน​ เบ้​ปาก​ “แพ้​ก็​แพ้​ตรง​ที่​มาถึงเร็ว​เกินไป​ เหมือน​ถูก​มัด​มือ​มัด​เท้า​ ไม่อย่างนั้น​ซัด​เจ้าคนเดียว​ก็​มาก​พอ​เหลือแหล่​”

เขา​มอง​ไป​ยัง​ผี​สาว​ ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “วันหน้า​ยัง​จะกล้า​แตะ​อั๋ง​กัน​อีก​ไหม​?”

ก่าย​เยี่ยน​เพียงแค่​เหลือบมอง​ดวงตา​สีทอง​คู่​นั้น​ จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​นาง​ก็​เกือบจะ​แหลก​สลาย​คาที่​ ไม่กล้า​พูด​อะไร​มาก​แม้แต่​คำ​เดียว​

ราวกับว่า​บุคคล​ที่อยู่​ข้าง​กาย​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ว่า​จะพูด​อะไร​ ทำ​อะไร​ ไม่ว่า​จะมีรอยยิ้ม​หรือไม่​ อันที่จริง​แล้ว​กลับ​ไร้​ซึ่งอารมณ์​ใดๆ​ สีหน้า​ อารมณ์​ การกระทำ​ทุกอย่าง​ล้วน​เป็น​สิ่งที่​ถูก​ดึง​ออกมา​ เป็น​สิ่งที่​ไร้​ซึ่งชีวิต​ ราวกับ​โครงกระดูก​จาก​หลุมศพ​บรรพกาล​ที่​ถูก​คน​ผู้​นั้น​หิ้ว​ออกมา​ถือ​ไว้​ใน​มือ​

เขา​ถอน​สายตา​กลับมา​ ร่าง​ทั้ง​ร่าง​คล้าย​แก้ว​ใสไร้​มลทิน​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​เริ่ม​ปริ​แตก​แล้ว​สลาย​หาย​ไป​ แต่​สำหรับ​ฟ้าดิน​เล็ก​แห่ง​นี้​แล้ว​กลับ​ไม่มีอะไร​เพิ่ม​หรือ​ลดลง​แม้แต่น้อย​ ดวงตา​ของ​เขา​มืด​ลึก​ แสงสีทอง​ที่​ไหลริน​อยู่​ภายใน​เหมือน​การ​โคจร​ของ​ดวงดาว​ เขา​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​อย่างนั้น​ สุดท้าย​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ “อิสระ​เสรี​ที่​ยิ่งใหญ่​ก็​คือ​ทำให้​ตัวเอง​ไม่มีอิสระ​ ข้า​ก็ช่าง​คิดได้​นะ​”

ฟ้าดิน​เล็ก​ที่​สร้าง​ขึ้น​ใน​นก​ใน​กรง​จึงสลาย​หาย​ไป​พร้อมกับ​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​สวม​ชุด​ขาว​คน​นั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​สีหน้า​ไร้อารมณ์​ ไม่รีบร้อน​เก็บ​นก​ใน​กรง​และ​จันทร์​ใน​บ่อ​ของ​ตัวเอง​มา กลับกัน​ยัง​หด​รวบ​อาณาเขต​ของ​นก​ใน​กรง​เข้ามา​ทันที​ และ​ควบ​รวม​จุด​ที่​คน​ชุด​ขาว​สลาย​หาย​ไป​ไว้​ด้านใน​ด้วย​พอดี​ จากนั้น​ก็​หันไป​เอ่ย​เตือน​สุย​หลิน​ว่า​ “เจ้าสามารถ​ย้อน​ทวน​กระแสน้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ช่วงนี้​ได้​แล้ว​ กระบี่​บิน​ของ​ข้า​จะช่วย​ปกป้อง​มรรคา​ให้​เจ้า จะเปิดทาง​ไป​ให้​ตลอดทาง​ ให้​ทุกคน​กลับ​มาถึงตรอก​เล็ก​ก่อนหน้านี้​”

โดยทั่วไปแล้ว​ ‘ตนเอง​’ คน​นั้น​สามารถ​อาศัย​ดวงจิต​ส่วนหนึ่ง​หรือ​ถึงขั้น​ดวงจิต​ดวง​หนึ่ง​ที่​แบ่งแยก​ออกมา​ ไป​หลบ​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ ยกตัวอย่างเช่น​บางที​อาจ​หลบ​อยู่​ใน​มุมใด​มุมหนึ่ง​กลาง​ฟ้าดิน​เล็ก​คันฉ่อง​โบราณ​ของ​ขู่​โส่ว​ บางที​อาจจะ​เป็น​ใน​จิตวิญญาณ​ของ​ผู้ฝึก​ตน​คนใดคนหนึ่ง​ หรือ​กระทั่ง​ชุด​คลุม​ เสื้อเกราะ​วิเศษ​ตัว​ใด​ตัว​หนึ่ง​ หรือ​จะใน​มุมหนึ่ง​ของ​โรงเตี๊ยม​ สรุป​ก็​คือ​มีความเป็นไปได้​นับไม่ถ้วน​ แต่​ ‘ตน’​ คน​นั้น​ไม่กล้า​ เพราะ​หลังจากที่​อาจารย์​กลับ​ไป​ยัง​ศาล​บุ๋น​แล้ว​ เฉิน​ผิง​อัน​จะต้อง​ขอให้​อาจารย์​เชิญห​ลี่​เซิ่งมาตรวจสอบ​เรื่อง​นี้​ด้วยตัวเอง​ หาก​ถูก​ดึง​ตัว​ออกมา​ จุดจบ​จะเป็น​อย่างไร​แค่​คิด​ก็​พอ​จะรู้​ได้​

ตน​คิดได้​ เจ้าหมอ​นั่น​ก็​ต้อง​คิดได้​เช่นเดียวกัน​ มอง​ดูเหมือน​เป็น​การกระทำ​ที่​เกินความจำเป็น​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​ไม่ใช่ ไม่ว่า​จะอย่างไร​ ไม่ว่า​เจ้าหมอ​นั่น​จะทิ้ง​แผน​รับมือ​เบื้องหลัง​ไว้​หรือไม่​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​จะทำ​เรื่อง​นี้​ให้​สำเร็จ​ เขา​จะต้อง​รบกวน​ให้​ห​ลี่​เซิ่งตรวจสอบ​กาลเวลา​ด้วยตัวเอง​ เพราะ​ถึงอย่างไร​ตัวเอง​หลอกตัวเอง​ได้​สำเร็จ​ อันที่จริง​เป็นเรื่อง​ยาก​มาก​ แต่​การ​โกหก​ตัวเอง​กลับ​ง่าย​มาก​

สุย​หลิน​ถามเสียงสั่น​ “อาจารย์​เฉิน​ ความทรงจำ​ส่วน​นี้​ของ​พวกเรา​จะจัดการ​อย่างไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ถามเสียง​เย็น​ “แต่ละคน​กิน​อิ่ม​แล้ว​ว่างงาน​ไม่มีอะไร​ทำ​ใช่ไหม​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​เก็บ​เอาไว้​กิน​แทน​ข้าว​ก็แล้วกัน​ วันหน้า​ก็​หัด​จดจำ​เอาไว้​บ้าง​!”

สุย​หลิน​ร่วมมือ​กับ​เณร​น้อย​โฮ่ว​แจว๋​ หลังจากที่​ย้อน​ทวน​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ พริบตาเดียว​แต่ละคน​ก็​กลับคืน​สู่ตำแหน่ง​เดิม​ของ​ตัวเอง​

มีเพียง​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ยังคง​ยืน​อยู่​ใน​ห้อง​ของ​หยวน​ฮว่า​จิ้ง

เณร​น้อย​รีบ​ยก​สอง​มือขึ้น​พนม​ ท่อง​พระโพธิสัตว์​โปรด​คุ้มครอง​ไป​สามรอบ​ “เดี๋ยว​คราวหน้า​จะบริจาค​เงิน​เพิ่ม​อีก​สักหน่อย​ พูด​ได้​ก็​ต้อง​ทำ​ให้ได้​ หาก​ไม่มีเงิน​ก็​ยืม​จาก​คนอื่น​เอา​”

ใน​ตรอก​เล็ก​ พวก​หัน​โจ้วจิ่น​ เก๋​อห​ลิ่ง​และ​สุย​หลิน​สามคน​ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น​ หลังจาก​สุย​หลิน​ทำ​เรื่อง​นี้​สำเร็จ​แล้วก็​ล้ม​ลง​ไป​กอง​อยู่​กับ​พื้น​ เก๋​อห​ลิ่ง​จึงช่วย​ประคอง​เขา​ขึ้น​มา

แต่ละคน​รีบ​กลับมา​ที่​โรงเตี๊ยม​ทันที​

คน​ชุด​เขียว​ที่​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ยืน​อยู่​ใน​ระเบียง​นอก​ห้อง​แห่ง​นั้น​

นอกจาก​สุย​หลิน​ที่​ยังคง​หมดสติ​จน​ต้อง​ถูก​คนอื่น​ประคอง​แล้ว​ คนอื่นๆ​ ที่​เหลือ​ล้วน​ยืน​อยู่​ใน​ลานบ้าน​ด้านล่าง​บันได​

หยวน​ฮว่า​จิ้งมีท่าทาง​เหมือน​หมู​ตาย​ไม่กลัว​น้ำร้อน​ แต่​เหงื่อ​บน​หน้าผาก​กลับ​แสดงให้เห็น​ถึงจิต​แห่ง​มรรคา​ที่​คลอนแคลน​อย่าง​ถึงที่สุด​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​คน​นี้​

ก่อนหน้านี้​ซ่งซวี่​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​บีบ​กระบี่​บิน​แตก​ แม้ว่า​กาลเวลา​จะหมุน​ย้อนกลับ​ กระบี่​บิน​ไม่เป็นอะไร​ แต่​จิต​แห่ง​กระบี่​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ก็​ยัง​ได้รับบาดเจ็บ​อย่าง​สาหัส​ เวลานี้​จิตใจ​ก็​ยัง​ห่อเหี่ยว​เซื่องซึม​

ตอนนี้​พอ​ขู่​โส่ว​เจอ​หน้า​เฉิน​ผิง​อัน​ ไม่ต้อง​สน​ว่า​เป็น​คน​ไหน​ เขา​ก็​ต้อง​ใจสั่น​อย่าง​ห้าม​ไม่ได้​

สายตา​ของ​เด็กหนุ่ม​โก่​ว​ฉุน​ที่​มอง​ไป​ยัง​เฉิน​ผิง​อัน​เปลี่ยน​จาก​ความเคารพ​ยำเกรง​ของ​เมื่อก่อน​มาเป็น​หวาดกลัว​

ผี​สาว​ก่าย​เยี่ยน​เปลี่ยน​ทิศทาง​ของ​สายตา​ด้วย​การ​มอง​ไป​ที่อื่น​ ไม่มอง​อิ่น​กวาน​ผู้​นั้น​

อวี๋อวี๋ยก​สอง​แขน​กอดอก​ เด็กสาว​ไม่ได้​มีจิต​แห่ง​มรรคา​ที่​แข็งแกร่ง​ธรรมดา​ ถึงกับ​ยังมี​ท่าทาง​ลำพองใจ​อยู่​นิดๆ​ ดู​เอาเถิด​ พวกเรา​ถูก​เล่นงาน​จน​เละ​เหมือน​โจ๊ก​หม้อ​หนึ่ง​ ถูก​หั่น​เหมือน​ผัก​ถูก​ผ่า​เหมือน​แตง​แล้ว​เห็น​ไหม​

เฉิน​ผิง​อัน​เกือบจะ​อดไม่ไหว​มอบ​หมัด​ให้​พวกเขา​คนละที​เป็น​ของรางวัล​ สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ที​ เอ่ย​ว่า​ “ทำให้​สุย​หลิน​ฟื้น​”

เก๋​อห​ลิ่ง​และ​ลู่​ฮุย​ที่อยู่​ข้าง​กาย​สุย​หลิน​ทำตาม​ทันที​

สุย​หลิน​ฟื้น​ตื่นขึ้น​มาอย่าง​เนิบ​ช้า กำลังจะ​กุม​หมัด​ขอบคุณ​อิ่น​กวาน​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยื่นมือ​ออกมา​ก่อน​ สุย​หลิน​ที่​หน้าซีด​ขาว​ไร้​สีเลือด​มึนงง​ ถามอย่าง​ระมัดระวัง​ว่า​ “อาจารย์​เฉิน?”​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ใน​เมื่อ​นาย​ท่าน​ใหญ่​อย่าง​พวก​เจ้าไม่ต้อง​ไป​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ยัง​จะต้อง​เอา​ยันต์​กัก​กระบี่​พวก​นั้น​ไป​ทำ​อะไร​ เอา​มาให้​หมด​”

สุย​หลิน​รีบ​ควัก​กระดาษ​ยันต์​สีทอง​ปึก​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ ผลัก​ออก​ไป​เบา​ๆ พวก​มัน​ก็​ลอย​เข้า​ไปหา​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ช้าๆ

เฉิน​ผิง​อัน​รับ​ยันต์​มา มอง​ไป​ยัง​ทุกคน​

แต่ละคน​ล้วน​เงียบงัน​ไม่กล้า​ส่งเสียง​

ยังคง​เป็น​ลู่​ฮุย​ที่​เข้าใจ​บัณฑิต​ดี​ที่สุด​ จึงยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ยืม​ ล้วน​ให้​อาจารย์​เฉิน​ยืม​”

เฉิน​ผิง​อัน​เก็บ​ยันต์​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ แล้ว​ร่าง​ก็​วูบ​หาย​ไป​

ทุกคน​โล่งใจ​ มีหลาย​คน​ที่​ถึงกับ​เข่าอ่อน​ทรุด​ลง​ไป​นั่ง​แปะ​กับ​พื้น​

ซ่งซวี่​กำลังจะ​เปิดปาก​พูด​ หยวน​ฮว่า​จิ้งก็​เผย​สีหน้า​เหนื่อยล้า​คล้าย​ยอมรับ​ชะตากรรม​อย่าง​ที่​ไม่เคย​เป็นมา​ก่อน​ เป็น​ฝ่าย​เปิดปาก​ขึ้น​ก่อน​ว่า​ “เรื่อง​นี้​มอบให้​ทาง​กรม​พิธีการ​บันทึก​ลง​คดี​ ล้วน​ถือเป็น​ความผิด​ของ​ข้า​ ไม่เกี่ยวกับ​ขู่​โส่ว​และ​พวก​เจ้า”

เฉิน​ผิง​อัน​ไป​ปรากฏ​ตัวตรง​ปากตรอก​ เหลือบมอง​ไป​ยัง​หอ​เก็บ​หนังสือ​แล้ว​ถอนหายใจ​ ศิษย์​พี่​หาก​ท่าน​ยัง​ทำ​อย่างนี้​อีก​ มัน​จะเริ่ม​น่ารำคาญ​แล้ว​จริงๆ​ นะ​

เดิน​ไป​ตลอดทาง​จน​ไป​ถึงหน้า​ประตู​โรงเตี๊ยม​ ผล​คือ​ยิ่ง​คิด​ยิ่ง​หงุดหงิด​ จึงหัน​ตัว​กลับ​ไป​ที่​หน้า​ปากตรอก​อีกครั้ง​ หด​ย่อ​พื้นที่​ตรง​ดิ่งไป​ถึงโรงเตี๊ยม​ตระกูล​เซียน​ เจ้าตัวดี​ แต่ละคน​ยังมี​อารมณ์​มาทบทวน​สถานการณ์​กัน​อีก​หรือ​ ทบทวน​กับ​มารดา​เจ้าเถอะ​ ทบทวน​ไป​ทบทวน​มา ทำไม​ ยัง​อยาก​จะให้​มีครั้ง​ต่อไป​อีก​อย่างนั้น​หรือ​? สุดท้าย​นอกจาก​โก่​ว​ฉุน​และ​เณร​น้อย​แล้ว​ คนอื่นๆ​ ที่​เหลือ​อีก​เก้า​คน​ล้วน​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​ต่อย​จน​ลง​ไป​นอน​กอง​อยู่​กับ​พื้น​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หยวน​ฮว่า​จิ้งที่​ถูก​กระทืบ​หัว​อยู่​หลาย​ที​

โก่​ว​ฉุน​อดทน​ข่ม​กลั้น​อยู่​นาน​ สุดท้าย​ก็​ยัง​ทนไม่ไหว​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “อาจารย์​เฉิน​ ท่าน​ต่อย​ข้า​ไป​พร้อมกัน​เลย​เถอะ​ มีทุกข์​ร่วม​ต้าน​ ไม่อย่างนั้น​วันหน้า​ข้า​จะอยู่​ร่วมกับ​พวกเขา​อย่างไร​”

เณร​น้อย​ร้อนใจ​แล้ว​ กระทืบเท้า​ทันที​ “เหลวไหล​ อย่า​นะ​ ต่อย​เจ้าไป​แล้ว​ แล้ว​ข้า​จะทำ​อย่างไร​”

เฉิน​ผิง​อัน​จึงกระทืบ​หยวน​ฮว่า​จิ้งกับ​ซ่งซวี่​เพิ่ม​อีก​คนละ​สอง​ที​ จากนั้น​นั่งลง​บน​ขั้นบันได​ คิด​ว่า​จะพัก​สัก​ครู่หนึ่ง​ เพียงแต่ว่า​เพิ่งจะ​นั่งลง​ก็​ต้อง​ลุกขึ้น​ รีบ​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ไม่มีอะไร​แล้ว​”

เพราะ​หนิง​เหยา​ปรากฏตัว​ที่​ระเบียง​แล้ว​ ไม่ได้​สะพาย​กระบี่​ แต่​ถือ​กระบี่​อยู่​ใน​มือ​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด