กระบี่จงมา 841.3 บ้านเกิด

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 841.3 บ้านเกิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

องค์​ชาย​ใหญ่​ที่​เป็น​พี่ชาย​คนโต​ของ​ซ่งซวี่คน​นั้น​ คือ​ว่าที่​รัชทายาท​ในอนาคต​ที่​ถูก​กำหนด​ไว้​แน่นอน​แล้ว​ และ​เขา​เอง​ก็​มีอุบาย​ที่​แยบยล​ ฝีมือ​ไม่เลว​ ยาม​อยู่​ต่อหน้า​คน​และ​ลับหลัง​คน​จะมีความต่าง​อย่าง​มาก​ พอ​เจอ​กับ​เรื่อง​ที่​ไม่ถูกใจ​ กลับ​ไป​ถึงที่พัก​ก็​ยัง​รู้​ว่า​ไม่ควร​ขว้าง​เครื่องกระเบื้อง​หรือ​ของ​ตกแต่ง​ใน​ห้อง​หนังสือ​ เพราะ​จะต้อง​ถูก​บันทึก​ลง​เอกสาร​ ส่วน​ตำรา​อริยะ​ปราชญ์​ก็​ยิ่ง​ไม่กล้า​ทุ่ม​ทิ้ง​ ถึงท้ายที่สุด​จึงได้​แต่​เอา​พวก​ผ้าแพร​ผ้าไหม​ทั้งหลาย​มาระบาย​อารมณ์​ กลับเป็น​น้อง​สามที่​นิสัย​อ่อนโยน​ แม้ว่า​พรสวรรค์​จะสู้พี่ใหญ่​ไม่ได้​ แต่​ใน​สายตา​ของ​ซ่งซวี่​กลับ​เห็น​ว่า​เขา​มีความยืดหยุ่น​ได้​มากกว่า​ ส่วน​น้องชาย​น้องสาว​คนอื่นๆ​ ที่​เหลือ​ ซ่งซวี่​กลับ​ไม่ค่อย​สนิทสนม​ด้วย​แล้ว​

ต้นไม้​หยก​ใน​ลานบ้าน​ กิ่งก้าน​งามละไม​ ใน​ชีวิต​อัน​หรูหรา​สุขสบาย​ ข้า​หรือ​จะรู้เรื่อง​เช่น​สงคราม​?

อยู่ดีๆ​ ซ่งซวี่​ก็​ถามขึ้น​มา “ครั้งนี้​เจ้าลงมือ​โดยพลการ​ ได้รับ​คำสั่ง​จาก​ใคร​บาง​คนใน​วัง​หรือไม่​?”

หยวน​ฮว่า​จิ้งเงียบงัน​ไม่ตอบคำถาม​

ซ่งซวี่​จึงไม่ถามอะไร​ให้​มากความ​อีก​ เพราะว่า​ได้​คำตอบ​แล้ว​

“ห้าม​ให้​มีครั้งหน้า​”

ซ่งซวี่​ลุกขึ้น​ยืน​เตรียม​จะจากไป​ เขา​หันหน้า​มาเอ่ย​ว่า​ “เป็น​ข้า​พูด​เอง​”

นับ​จาก​วันนี้​เป็นต้นไป​ อันที่จริง​หยวน​ฮว่า​จิ้งได้​สูญเสีย​สถานะ​ผู้นำ​ของ​ผู้ฝึก​ตน​สาย​แผนภูมิ​ดิน​ไป​แล้ว​

……

ทาง​ฝั่งของ​ซุ้มดอกไม้​ อันที่จริง​ซิ่ว​ไฉเฒ่าก็​ไม่ได้​ดื่มเหล้า​ เขา​นั่งไขว่ห้าง​ สอง​มือ​สอด​ประสานกัน​วาง​ไว้​บน​หัวเข่า​ เหลือบตา​มอง​เชือก​หลาก​สีที่​เฟิงอี๋​ใช้รัด​ผม​สีนิล​ ชัด​เลย​ มีมูลค่า​มาก​เลย​นะ​นั่น​

เฟิงอี๋​ยิ้ม​กล่าว​ “ทำไม​ เห​วิน​เซิ่งต้องการ​มาช่วย​พูด​แทน​พื้นที่​มงคล​ร้อย​บุปผา​ ให้​ข้า​มอบ​ของ​กลับคืน​ไป​อย่างนั้น​หรือ​? หรือ​จะบอ​กว่า​ครั้งนี้​เหนียง​เนียง​เจ้าแห่ง​บุปผา​เข้าร่วม​การประชุม​ กึ่ง​ขาย​กึ่ง​มอบ​สุรา​ดี​ๆ และ​จอก​เทพี​บุปผา​ไป​ให้​ เจ้าลัทธิ​บางคน​ของ​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​เลย​ใจอ่อน​ วันนี้​แท้จริง​แล้ว​บน​ร่าง​ของ​เห​วิน​เซิ่งได้​พก​เอา​โองการ​อริยะ​ที่​ปาก​อม​กฎ​สวรรค์​มาด้วย​?”

ซิ่ว​ไฉเฒ่ากล่าว​อย่าง​เต็มไปด้วย​เหตุ​ด้วย​ผล​ “เรื่อง​ระหว่าง​สตรี​ ข้า​เป็น​บุรุษ​ตัว​โต​ๆ คน​หนึ่ง​จะต้อง​ไป​ยุ่ง​อะไร​ด้วย​”

ไม่ใช่เรื่อง​ที่​ข้า​ถนัด​

สาย​เห​วิน​เซิ่ง นอกจาก​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​ตน​แล้วก็​ล้วน​เป็น​พวก​ชายโสด​ที่​ไม่เข้าใจ​เรื่อง​นี้​อย่าง​ถ่องแท้​

ซิ่ว​ไฉเฒ่าเอ่ย​อย่าง​ขุ่นเคือง​ว่า​ “อีก​อย่าง​ ด้วย​ความสัมพันธ์​ที่​คบหา​กัน​มานาน​หลาย​ปี​ของ​เฟิงอี๋​กับ​สาย​เห​วิน​เซิ่งเรา​ ใคร​กล้า​วางมาด​ใหญ่โต​กับ​คน​ยาก​คนจน​อย่าง​ข้า​ กล้า​ตวาด​ดุด่า​เฟิงอี๋​ จะไม่ถูก​ข้า​ด่า​จน​หู​ชาเลย​หรือ​?!”

เฟิงอี๋​พยักหน้า​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็ดี​ ไม่อย่างนั้น​ข้า​คง​ต้อง​ไล่​แขก​แล้ว​”

เชือก​หลาก​สีเส้น​นี้​ซุกซ่อน​ความลี้ลับ​เอาไว้​ นี่​ก็​คือ​เหตุผล​หลัก​ที่​เพราะเหตุใด​เทพี​บุปผา​ เทพี​บุปผา​เจ้าชะตา​รุ่น​แล้ว​รุ่น​เล่า​มากมาย​ใน​ประวัติศาสตร์​ของ​พื้นที่​มงคล​ร้อย​บุปผา​ถึงไม่เคย​มีขอบเขต​บิน​ทะยาน​ปราก​ฎแม้แต่​คนเดียว​ นั่น​ก็​เพราะ​ชะตาชีวิต​บน​มหา​มรรคา​ก่อน​กำเนิด​มีไม่ครบถ้วน​ เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ก็​เท่ากับ​ว่า​เดิน​ไป​สุด​ทาง​ของ​เส้นทาง​หัวขาด​แล้ว​ อีก​ทั้ง​พื้นที่​มงคล​ร้อย​บุปผา​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ขาด​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​นั่ง​บัญชา​การณ์​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็นความ​บกพร่อง​ใน​ความ​สมบูรณ์แบบ​

ร้อย​บุปผา​แห่ง​ใต้​หล้า​ไพศาล​ถูก​เฟิงอี๋​รังแก​จน​อเนจอนาถ​จริงๆ​

ซิ่ว​ไฉเฒ่าพูด​ชวน​คุย​ว่า​ “เรื่องราว​ใน​ใต้​หล้า​ต่าง​เป็น​ผลกรรม​ของ​กันและกัน​ เพราะเหตุนี้​ทำให้​เกิดผล​นี้​ เพราะ​ผล​นี้​จึงก่อให้เกิด​เหตุนี้​ เกิดเหตุ​แล้วจึง​เป็นผล​ เอาเป็นว่า​มัน​โคจร​ไปมา​เช่นนี้​ ทั้ง​คนธรรมดา​และ​อริยะ​ปราชญ์​ล้วน​กล่อม​กลืน​ส่งผลกระทบ​ซึ่งกันและกัน​ หลักการ​เป็น​หลักการ​เช่นนี้​ เรียบง่าย​อย่าง​มาก​ ดังนั้น​เรื่องราว​ใน​ใต้​หล้า​จึงมักจะ​เวียนวน​ ช่วย​ให้​พวกเรา​ได้​กลับมา​พบ​เจอกัน​ใน​ภูเขา​สายน้ำ​อีกครั้ง​ มีทั้ง​ดี​และ​เลว​ เอาแต่​พูดถึง​หลักการ​เหตุผล​โดย​ไม่ยกตัวอย่าง​ก็​จะดู​โอ้อวด​ตน​เกินไป​ ถ้าอย่างนั้น​ข้า​จะยกตัวอย่าง​ให้​ฟังแล้วกัน​ มัน​มีความเกี่ยวข้อง​กับ​เฟิงอี๋​อยู่​เล็กน้อย​ ยกตัวอย่างเช่น​หาว​ซู่สิงกวาน​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ รู้จัก​กระมัง​? ใน​อดีต​เขา​ปรากฏตัว​ใน​พื้นที่​มงคล​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ฝูเหยา​ทวีป​ ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​ก็​เงื้อ​กระบี่​ตัดหัว​ของ​หนันกวง​จ้าว​ แล้ว​ยัง​รับ​ลูกศิษย์​มาคน​หนึ่ง​ บอก​ให้​เด็ก​คน​นั้น​สาบาน​ว่า​จะต้อง​สังหาร​โจร​เด็ด​บุปผา​บน​ภูเขา​ให้​หมดสิ้น​ หลังจาก​หาว​ซู่ลงมือ​อำมหิต​ไป​แล้วก็​รู้ดี​ว่า​ตัวเอง​ไม่อาจ​รั้ง​อยู่​ได้​นาน​ จึงพยายาม​จะออก​ไป​จาก​ไพศาล​ ไป​หลบภัย​ยัง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ แต่​ถูกห​ลี่​เซิ่งขวาง​เอาไว้​ เต๋า​เหล่า​เอ้อ​รับ​ตัว​อีก​ฝ่าย​มาไม่สำเร็จ​ก็​อับอาย​จน​พาน​เป็น​ความโกรธ​ โมโห​จน​ร้อง​โหวกเหวก​โวยวาย​”

แน่นอน​ว่า​เฟิงอี๋​ไม่คิด​ว่าด้วย​นิสัยใจคอ​ของ​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงจะทำให้​เขา​เสียกิริยา​ได้​ถึงขนาด​นี้​ เพียงแต่​หลักการ​เหตุผล​ที่​มอง​ดูเหมือน​ซิ่ว​ไฉเฒ่ายกตัวอย่าง​ง่ายๆ​ นี้​ กลับ​มีเหตุผล​อย่าง​มาก​

เฟิงอี๋​นิ่ง​คิด​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ยื่น​สอง​นิ้ว​ออกมา​คีบ​เชือก​หลาก​สีเส้น​นั้น​เอาไว้​แล้ว​ดึง​ออกมา​จากเส้น​ผม​สีนิล​ มอง​ดูเหมือน​ซิ่ว​ไฉเฒ่าไม่สะทกสะท้าน​ แต่​แท้จริง​แล้ว​ลูกตา​กลับกลอก​ไปมา​

อันที่จริง​ซิ่ว​ไฉเฒ่าไม่ได้มา​เพื่อ​ช่วย​คลี่คลาย​บุญคุณ​ความแค้น​ให้​ใคร​จริงๆ​ เพียงแต่ว่า​เขา​เกิด​มาก็​มีชะตา​ที่​ต้อง​ง่วน​ทำงาน​วุ่นวาย​ จึงอดไม่ไหว​พูด​ไป​ตาม​โอกาส​ หาก​สำเร็จ​ นับแต่นี้ไป​เฟิงอี๋​คลาย​ปม​แค้น​กับ​พื้นที่​มงคล​ร้อย​บุปผา​ได้​ย่อ​มดี​ที่สุด​ แต่​หาก​ไม่สำเร็จ​ก็​ไม่เป็นไร​

ใน​มือ​เฟิงอี๋​ถือ​เชือก​หลาก​สีที่​มีขนาดใหญ่​เท่า​เหรียญทองแดง​เอาไว้​ เส้น​ผม​สีนิล​ระ​สยาย​ลงมา​เหมือน​น้ำตก​ แผ่​จาก​หัวไหล่​เหมือน​น้ำท่วม​ทำนบ​ไหล​เชี่ยวกราก​ไป​อยู่​ระหว่าง​ร่อง​เขา​ลึก​

ซิ่ว​ไฉเฒ่าพลัน​ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​มา ตา​มอง​ตรง​ไป​ข้างหน้า​ “ผู้อาวุโส​โปรด​หยุด​ก่อน​!”

เฟิงอี๋​รู้สึก​กังขา​อยู่​ใน​ใจ แต่​ปาก​กลับ​เอ่ย​สัพยอก​ว่า​ “ทำไม​ เห็น​ข้า​เป็น​คณิกา​ข้าง​ถนน​ที่จะ​ปลด​เข็มขัด​ถอด​เสื้อ​หรือ​? พอ​ถึงเวลา​เข้า​จริงๆ​ ลูกผู้ชาย​ตัว​โต​ๆ กลับ​ขี้ขลาด​เสียได้​?”

ซิ่ว​ไฉเฒ่าตกใจ​จน​พูด​ไม่คล่องปาก​ โบกมือ​อย่าง​แรง​ รีบ​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​ระงับ​ความตกใจ​ “ไม่ใช่ๆ ผู้อาวุโส​อย่า​พูดตลก​เลย​”

เฟิงอี๋​ทำท่า​กระจ่างแจ้ง​ นำ​เชือก​หลาก​สีไป​มัด​ผม​สีนิล​อีกครั้ง​ เอ่ย​ว่า​ “เข้าใจ​แล้ว​ เห​วิน​เซิ่งต้องการ​มอบ​ผลประโยชน์​นี้​ให้​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ ช่วย​ให้​เขา​ผูก​บุญ​สัมพันธ์​กับ​พื้นที่​มงคล​ร้อย​บุปผา​ระหว่าง​ที่​ไป​ท่องเที่ยว​แผ่นดิน​กลาง​?”

ซิ่ว​ไฉเฒ่ายิ้ม​กล่าว​ “ผู้อาวุโส​ปราดเปรื่อง​”

เฟิงอี๋​ยิ้ม​ “เป็น​อาจารย์​ ช่วย​ปู​ทาง​ให้​ลูกศิษย์​เช่นนี้​ ต่อให้​เหน็ดเหนื่อย​ก็​ไม่รู้สึก​ว่า​เหนื่อย​?”

ซิ่ว​ไฉเฒ่าส่ายหน้า​ “ผิด​แล้ว​ การ​ที่​ทุกวันนี้​พวก​อริยะ​ปราชญ์​ที่​มีเทวรูป​ตั้ง​บูชา​ใน​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ซึ่งก่อนหน้านี้​ไม่ค่อย​ยอมรับ​ใน​ความรู้​ของ​สาย​เห​วิน​เซิ่งยอม​เปลี่ยน​ทัศนคติ​ใหม่​ ก็​คือ​คุณ​ความชอบ​ของ​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​ข้า​คน​นี้​ เมื่อ​ก่อนเวลา​เจอ​กับ​ข้า​ระหว่างทาง​ อย่าง​มาก​ก็​แค่​คาว​ระ​เห​วิน​เซิ่งเท่านั้น​ ทุกวันนี้​กลับ​ไม่เหมือนกัน​แล้ว​ ล้วน​ยินดี​ขอ​ความรู้​จาก​ซิ่ว​ไฉเฒ่าอย่าง​ข้า​ด้วย​ความจริงใจ​หลาย​ประโยค​แล้ว​”

และ​การ​ที่​พวก​ตาแก่​คร่ำครึ​พวก​นี้​ยอม​เปลี่ยนแปลง​ท่าที​ แท้จริง​แล้ว​ไม่ใช่เพราะ​การ​ออก​กระบี่​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ไม่ใช่การ​โยกย้าย​กำลัง​พล​ จัดวาง​กลยุทธ​ของ​สาย​อิ่น​กวาน​ใน​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ด้วยซ้ำ​ แต่​เป็น​บัณฑิต​ที่​ตอน​อยู่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ‘ชื่อเสียง​ฉาวโฉ่​’ ยิ่งกว่า​อา​เหลียง​ผู้​นี้​ที่​ทำให้​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​หรือ​นคร​บิน​ทะยาน​ใน​ภายหลัง​ที่​เดิมที​เคียดแค้น​ชิงชังใต้​หล้า​ไพศาล​ มีเสียง​ท่อง​ตำรา​ดัง​กังวาน​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ทำให้​พวก​ผู้ฝึก​กระบี่​ใน​ท้องถิ่น​ค่อยๆ​ มีท่าที​ที่​เป็นกลาง​ต่อ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​ยอมรับ​ว่า​แท้จริง​แล้ว​ไพศาล​มีทั้ง​ดี​และ​ร้าย​

บางที​จนถึง​ทุกวันนี้​ตัว​เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ก็​อาจจะ​ยัง​ตระหนัก​ไม่ได้​ถึงเรื่อง​หนึ่ง​ แม้ว่า​เขา​จะไม่อาจ​เปลี่ยนแปลง​อะไร​ใน​ทะเลสาบ​ซูเจี่ยน​ได้​กับ​มือ​ตัวเอง​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​ทำให้​ขนบธรรมเนียมประเพณี​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เปลี่ยนแปลง​ไป​

คาด​ว่า​นี่​ก็​คง​เป็น​ดั่ง​คำ​ที่ว่า​ลม​วสันต์​แทรกซึม​เข้ามา​ยามค่ำคืน​ บำรุง​สรรพสิ่ง​ให้​ชุ่มชื้น​อย่าง​ไร้​เสียง​

เฟิงอี๋​ยก​พวงดอกไม้​เล็ก​นุ่ม​เรียว​บาง​ที่​ใน​ยุค​โบราณ​เรียก​ว่า​ฝ่ามือ​ซื่อ​อี๋​ขึ้น​มา ใช้ท้อง​นิ้วโป้ง​ลูบ​เล็บ​สีแดงสด​เบา​ๆ ถามชวน​คุย​ว่า​ “ก่อนหน้านี้​ที่​โรงเตี๊ยม​มีความเคลื่อนไหว​ไม่น้อย​ ดูเหมือนว่า​เห​วิน​เซิ่งจะไม่ได้​เป็นห่วง​เฉิน​ผิง​อัน​มาก​สัก​เท่าไร​?”

ซิ่ว​ไฉเฒ่าส่ายหน้า​ “ผ่าน​ด่าน​ใจพิฆาต​จิต​มาร​ ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​ข้า​คน​นี้​ยัง​พอ​จะทำได้​อย่าง​ง่ายดาย​เพียงแค่​ยกมือ​กวัก​เรียก​มาเท่านั้น​”

แต่​ในความเป็นจริง​แล้ว​ซิ่ว​ไฉเฒ่าเกือบจะ​เรียก​ห​ลี่​เซิ่งให้​มาหา​โดยตรง​ ถึงอย่างไร​การ​คุยโว​ก็​ไม่ผิด​กฎ​

จากนั้น​ซิ่ว​ไฉเฒ่าก็​คลี่​ยิ้ม​ หัน​ตัว​ไป​หยิบ​กา​เหล้า​ขึ้น​มา “มีชีวิต​ที่​สงบสุข​นาน​วัน​เข้า​ก็​อด​รู้สึก​ว่า​ชีวิต​ไร้รสชาติ​อย่าง​เลี่ยง​ไม่ได้​ นี่​ก็​คือ​ความรู้สึก​ทั่วไป​ของ​มนุษย์​ เรื่องบันเทิง​ใน​โลก​มนุษย์​ก็​เหมือน​การ​ดื่มเหล้า​หมัก​ ส่วนใหญ่​แล้ว​พอ​ตื่นขึ้น​มาก็​มักจะ​ไม่เหลืออยู่​ ยาก​ที่จะ​รั้ง​เอาไว้​ได้​ หลงเหลือ​เพียง​ความผิดหวัง​เท่านั้น​ กลับ​เป็นเรื่อง​ทุกข์ยาก​ที่​เหมือน​น้ำชา​ ส่วนใหญ่​มักจะ​มีโอกาส​ได้​ลิ้มรส​หวาน​เมื่อ​ความขม​ผ่าน​พ้นไป​แล้ว​ ทำให้​คน​รู้สึก​ทะนุถนอม​เห็น​ค่า​เป็น​ทบ​ทวี​ เรื่อง​ปกติ​ทั่วไป​ก็​คือ​การ​ดื่ม​น้ำ​ ไม่มีรสชาติ​อะไร​ แต่กลับ​ต้อง​ดื่ม​ทุกวัน​ ไม่ดื่ม​ก็​ไม่ได้​ด้วย​”

เฟิงอี๋​ยังคง​ก้มหน้า​ มือ​ข้าง​หนึ่ง​ยกขึ้น​ มือ​อีก​ข้าง​หนึ่ง​ลูบไล้​เล็บ​สีแดงสด​เบา​ๆ ราวกับว่า​ฟังความนัย​นอกเหนือ​คำพูด​ของ​เห​วิน​เซิ่งไม่ออก​

ซิ่ว​ไฉเฒ่าวาง​เหล้า​ร้อย​บุปผา​กา​นั้น​ลง​เบา​ๆ เห็น​ว่า​เฟิงอี๋​จงใจแกล้ง​โง่ก็​พูด​อย่าง​ชัดเจน​เสีย​เลย​ “ทุกวันนี้​ไม่ต้อง​คิดถึง​เรื่อง​การ​ลง​เดิมพัน​หนัก​ๆ แล้ว​ ไม่อาจ​พูด​ได้​ว่า​ศาล​บุ๋น​มีเมตตา​ปราณี​ต่อ​หยาง​เหล่า​โถว​ต่อ​พวก​เจ้า แต่กลับ​ถือว่า​มีคุณธรรม​มาก​พอแล้ว​ อีก​อย่าง​ทุกวันนี้​ห​ลี่​เซิ่งของ​พวกเรา​ก็​นิสัย​ไม่ค่อย​ดี​นัก​ ข้า​ขอ​ปากมาก​แนะนำ​ผู้อาวุโส​สัก​คำ​ พวก​เจ้าไป​มีเรื่อง​กับ​ใครก็ได้​แต่​อย่า​ไป​มีเรื่อง​กับ​เขา​เด็ดขาด​ หมื่น​ปี​ที่ผ่านมา​ ห​ลี่​เซิ่งที่อยู่​ใน​ศาล​บุ๋น​พูดจา​แค่​ไม่กี่​คำ​เท่านั้น​ กลับเป็น​กับ​พวก​เจ้าที่​มีความอดทน​ดีเยี่ยม​ พูดคุย​ด้วย​ไม่น้อย​ อย่า​ได้​เห็น​การ​เคารพ​กฎเกณฑ์​บางอย่าง​ของ​บัณฑิต​เป็นเรื่อง​ที่​สมเหตุสมผล​ตาม​หลัก​ฟ้าดิน​”

เฟิงอี๋​เงยหน้า​ขึ้น​ คลี่​ยิ้ม​หวาน​หยด​ “ก็ได้​ รู้​แล้ว​ล่ะ​ วางใจ​เถอะ​ ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูก็​เป็น​ข้า​ที่​ฟังคำแนะนำ​ได้ดี​ที่สุด​”

ซิ่ว​ไฉเฒ่าพยักหน้า​ “ดังนั้น​ข้า​ถึงได้มา​เยือน​ที่นี่​อย่างไร​ล่ะ​”

เรื่อง​ของ​การ​ลง​เดิมพัน​ เฟิงอี๋​ทำ​ไป​ไม่น้อย​ เพียงแต่ว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​พวก​ตาแก่​หนังเหนียว​คนอื่นๆ​ วิธีการ​ของ​นาง​กลับ​อ่อนโยน​มากกว่า​ อย่าง​ช่วงเวลา​ที่​เพิ่ง​ผ่าน​มาไม่นาน​นี้​ก็​เหมือน​อย่าง​ซุน​เจีย​ซู่แห่ง​นคร​มังกร​เฒ่า โจว​จวี่​แห่ง​สำนักศึกษา​กวาน​หู​ เฟิงอี๋​ต่าง​ก็​เคย​ใช้วิธีการ​ที่​ต่างกัน​ใน​การ​ถ่ายทอด​และ​ปกป้อง​มรรคา​ ยกตัวอย่างเช่น​ลูกคิด​ที่​สืบทอด​มาจาก​บรรพบุรุษ​ชิ้น​นั้น​ของ​ตระกูล​ซุน​กับ​คน​จิ๋ว​ควัน​ธูป​สีทอง​หลาย​ตน​ ฝ่าย​หลัง​ชอบ​ที่จะ​นอน​กลิ้ง​ไป​กลิ้ง​มาอยู่​บน​ลูกคิด​ ความหมาย​ก็​คือ​ให้​เงินทอง​ไหล​มาเท​มา เมื่อ​ซุน​เจีย​ซู่ท่อง​ตัวเลข​อยู่​ใน​ใจ คน​จิ๋ว​สีทอง​ก็​จะผลัก​เม็ด​ไข่มุก​บน​ลูกคิด​ให้​ นี่​ไม่ใช่วิธีการ​ฝึก​ตน​อะไร​ แต่​เป็น​วิชา​อภินิหาร​ซึ่งเป็น​พรสวรรค์​อย่าง​สมชื่อ​แล้ว​ นอกจากนี้​บน​โต๊ะ​หนังสือ​ใน​เรือน​บรรพบุรุษ​ของ​ตระกูล​ซุน​ ตะเกียง​น้ำมัน​ดวง​ที่​ต้อง​ให้​เจ้าประมุข​สกุล​ซุน​แต่ละ​ยุค​แต่ละ​สมัย​เติมน้ำมัน​อย่าง​ต่อเนื่อง​ดวง​นั้น​ก็​เป็น​ฝีมือ​ของ​เฟิงอี๋​เช่นเดียวกัน​

เฟิงอี๋​เริ่ม​เปลี่ยน​หัวข้อ​พูดคุย​ “หนังสือ​หมั้น​ที่​เห​วิน​เซิ่งช่วย​เขียน​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ฉบับ​นั้น​ ถือว่า​ไม่เคย​มีมาก่อน​ใน​อดีต​และ​จะไม่ปรากฏ​อีก​ในอนาคต​หรือไม่​?”

พูดถึง​เรื่อง​นี้​ก็​คง​ต้อง​ดื่มเหล้า​เพื่อ​กระตุ้น​อารมณ์​กัน​สักหน่อย​แล้ว​ ซิ่ว​ไฉเฒ่าจึงจิบ​เหล้า​ร้อย​บุปผา​คำ​เล็ก​ๆ ไป​หนึ่ง​อึก​ “ยัง​ดี​ๆ ตา​เฒ่าอยู่​บน​ภูเขา​สุ้ย​ซาน​ไม่มีเวลาว่าง​มาสนใจ​ข้า​ ห​ลี่​เซิ่งก็​ยุ่ง​มาก​ ข้า​ตัดใจ​ไป​รบกวน​ไม่ลง​ จึงได้​แต่​ไปหา​เจ้าลัทธิ​หลัก​และ​รอง​สามคน​ของ​ศาล​บุ๋น​เรา​ อาจารย์​ผู้เฒ่า​ฝู จิงเซิงซีผิง​…รวม​อยู่​ด้วยกัน​ สรุป​ก็​คือ​ต้อง​เป็น​บัณฑิต​ยี่สิบ​กว่า​คน​ที่​มีคุณสมบัติ​พอที่จะ​ได้​กิน​หัวหมู​เย็น​ๆ ทุกคน​ล้วน​ช่วยกัน​คิด​หา​ถ้อยคำ​อย่าง​ตั้งใจ​”

เฟิงอี๋​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ “บอก​ตามตรง​ จนถึง​ตอนนี้​ข้า​ก็​ยัง​ไม่กล้า​เชื่อ​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะเดิน​มาถึงก้าว​นี้​ได้​จริงๆ​”

ซิ่ว​ไฉเฒ่ายก​ขา​นั่งไขว่ห้าง​ สอง​มือวาง​ไว้​บน​หัวเข่า​ มอง​ท้องฟ้า​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ตอน​เด็ก​ไม่รู้จัก​ดวงจันทร์​ก็​เรียก​มัน​ว่า​ถาด​หยก​ขาว​ เจ้าฟังเข้า​สิ น้อง​ป๋า​ย​เห​ย่คน​นั้น​ของ​ข้า​ แค่​มอง​ตอน​เด็ก​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​เป็น​เด็ก​ที่​บ้าน​มีเงิน​ ไม่อย่างนั้น​ไหน​เลย​จะเขียน​บทกวี​แบบนี้​ออกมา​ได้​ เหมือน​อย่าง​ข้า​ และ​ยังมี​เฉิน​ผิง​อัน​ คน​ที่​มีชาติกำเนิด​จาก​ชาวบ้าน​ยากจน​อย่าง​พวกเรา​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​รู้สึก​ว่า​เหมือน​ถ้วย​ขาว​ เหมือน​ขนม​เปี๊ยะ​ ไหน​เลย​จะเอ่ย​ถ้อยคำ​เหลวไหล​ที่​มีกลิ่นอาย​ของ​ความร่ำรวย​แบบนี้​ออกมา​ได้​ ถึงกับ​เรียก​ว่า​เป็น​ถาด​ย​หยก​ขาว​เชียว​นะ​”

เฟิงอี๋​ถามอย่าง​ประหลาดใจ​ “ชีวิต​นี้​ของ​ป๋า​ย​เห​ย่​จะได้​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​หรือไม่​?”

ซิ่ว​ไฉเฒ่าไม่ได้​ตอบคำถาม​ข้อ​นี้​ เพียงแค่​หัวเราะ​อยู่​กับ​ตัวเอง​ ไม่ว่า​จะใช่ผู้ฝึก​กระบี่​หรือไม่​ ก่อนที่​ป๋า​ย​เห​ย่​จะอายุ​ยี่สิบ​ปี​ก็​ล้วน​ต้อง​ใส่หมวก​หัว​เสือ​อยู่​ตลอดเวลา​

ตอน​เด็ก​ยัง​ดี​ มองดู​แล้ว​น่ารักน่าเอ็นดู​ ตอน​เด็กหนุ่ม​ยัง​เป็น​เช่นนี้​ นั่น​จะไม่ดู​โง่งมไป​หน่อย​หรือ​?

แต่​ซิ่ว​ไฉเฒ่ารู้สึก​ว่า​ป๋า​ย​เห​ย่​ที่​เป็น​เช่นนี้​ อันที่จริง​คือ​ความภาคภูมิใจ​อีก​อย่างหนึ่ง​ที่​ไม่เคย​มีมาก่อน​

ข้า​ซิ่ว​ไฉเฒ่าได้​เพิ่ม​ทัศนียภาพ​อัน​งดงาม​ยิ่งใหญ่​อีก​อย่างหนึ่ง​ให้​กับ​โลก​มนุษย์​แล้ว​

เฟิงอี๋​ยิ้ม​กล่าว​ “ผู้ฝึก​ตน​สาย​แผนภูมิ​ดิน​ แม้จะบอ​กว่า​นิสัย​ไม่แย่​ แต่​ใน​กระดูก​กลับ​มีความ​หยิ่งผยอง​ลำพอง​ตน​ สายตา​มอง​สูงไม่เห็น​หัว​ใคร​อย่าง​เลี่ยง​ไม่ได้​ ทีนี้​ล่ะ​ดีแล้ว​ เจอ​กับ​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​เจ้าคน​นี้​ก็​เท่ากับ​ต้อง​กล้ำกลืน​ความยากลำบาก​ใหญ่หลวง​ไป​จริงๆ​ การต่อสู้​ครั้งหนึ่ง​เกือบจะ​ทำให้​ผู้ฝึก​ตน​เกือบ​ครึ่ง​เกิด​จิต​มาร​ใน​ใจ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​”

นาง​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​อย่า​งอด​ไม่อยู่​ ถือเป็น​การเฉลิมฉลอง​ เจ้าลูก​กระต่าย​น้อย​กลุ่ม​นั้น​ เมื่อก่อน​แม้แต่​นาง​ก็​ยัง​ไม่เห็น​อยู่​ใน​สายตา​ไม่ใช่หรือ​? แม้จะบอ​กว่า​เกี่ยวกับ​การ​ที่​พวกเขา​ไม่รู้​ถึงสถานะ​ของ​นาง​ ทว่า​ต่อให้​รู้​แล้วก็​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะเคารพ​ยำเกรง​นาง​อย่างไร​ โดยเฉพาะ​ผู้ฝึก​กระบี่​หยวน​ฮว่า​จิ้งที่​จิต​ใจสูงยิ่งกว่า​แผ่น​ฟ้า อันที่จริง​หลาย​ปี​มานี้​เขา​คิด​อยาก​จะอาศัย​กระบี่​บิน​ ‘ถิงห​ลิง​’ ที่​เปลี่ยน​ชื่อ​เป็น​ ‘เย่​หลา​ง’ เล่ม​นั้น​มาสังหาร​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ตน​หนึ่ง​อยู่​ตลอด​

ซิ่ว​ไฉเฒ่าลูบ​หนวด​กล่าว​ “มีแผน​ภูมิภาค​ปฐพี​ ก็​ต้อง​มีแผน​ภูมิภาค​สวรรค์​ และ​ยัง​ต้อง​มีการวางแผน​ที่​คล้ายคลึง​กับ​ยี่สิบ​แปด​ดวงดาว​อยู่​ด้วย​ ยกตัวอย่างเช่น​ทาง​ฝั่งของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง เต๋า​เหล่า​เอ้อ​ได้​วางแผน​เกี่ยวกับ​ห้า​ร้อย​ห​ลิง​กวน​มานาน​มาก​แล้ว​”

เรื่อง​ทำนอง​นี้​ จุด​ที่​เป็น​กุญแจ​สำคัญ​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​การช่วงชิง​ความได้เปรียบ​ ช่วงชิง​หนึ่ง​บางอย่าง​มาก่อน​ก็​จะกลาย​เป็นการ​ลงมือ​ก่อนที่​ทำให้​มหา​มรรคา​โคจร​สืบเนื่อง​เป็น​วงจร​ ยกตัวอย่างเช่น​ผู้ฝึก​ตน​สาย​แผนภูมิ​ดิน​คน​แรก​สุด​ที่​คล้าย​การ​ลงมือ​ก่อน​บน​กระดาน​หมาก​ของ​ชุย​ฉาน​ ใคร​วางหมาก​นี้​ลง​ไป​ก็​จะทำให้เกิด​สถานการณ์​แน่นอน​บน​กระดาน​หมาก​ที่​ไม่อาจ​มีใคร​มาทำลาย​ลง​ได้​ คนอื่น​คิด​อยาก​จะเลียนแบบ​การกระทำ​นี้​ก็​สาย​ไป​แล้ว​ จะต้อง​ถูก​มหา​มรรคา​ผลักไส​ และ​บุคคล​ที่​ชิงลงมือ​ก่อน​นี้​จำเป็นต้อง​เป็น​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ที่มา​จุติ​ใหม่​ซึ่งชะตาชีวิต​สอดคล้องต้องกัน​ ธรณีประตู​จึงสูงอย่างยิ่ง​

เฟิงอี๋​ลังเล​อยู่​ชั่วขณะ​ โบก​ชาย​แขน​เสื้อ​หนึ่ง​ครั้ง​ ศาล​เทพ​อัคคี​ก็​มีลม​เย็น​พัด​โชย​มาเป็น​ระลอก​ นาง​ถึงได้​เอ่ย​ว่า​ “ปี​นั้น​ลู่​เฉิน​ตั้ง​แผง​ดูดวง​อยู่​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู ถึงอย่างไร​ข้า​ก็​เข้า​ร่วมกับ​การ​เสริม​สาย​แผนภูมิ​ดิน​ให้​ครบถ้วน​ด้วยตัวเอง​ ตอนนั้น​จึงเคย​ไปหา​ลู่​เฉิน​ ฟังจาก​น้ำเสียง​ของ​เขา​ เห็นได้ชัด​ว่า​คำนวณ​ได้​ถึงแผนการ​นี้​ของ​ชุย​ฉาน​แล้ว​ เพียงแต่ว่า​ตอนนั้น​ที่​เขา​พูดถึง​เรื่อง​นี้​ค่อนข้างจะ​ใจลอย​ บอก​แค่​ว่า​ ‘ผิน​เต้า​เวท​คาถา​ตื้นเขิน​ ไม่กล้า​ชิงลงมือ​ตัดหน้า​สวรรค์​ ได้​แต่​ตาม​ก้น​อยู่​ด้านหลัง​คนอื่น​แล้ว​ทำ​ตามอย่าง​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​คว้า​ชัยชนะ​ใน​ด้าน​ปริมาณ​เท่านั้น​’”

“สุดท้าย​ลู่​เฉิน​ยัง​เอ่ย​ประโยค​ประหลาด​กับ​ข้า​อีก​ประโยค​หนึ่ง​ บอ​กว่า​เรื่อง​ไม่คาดฝัน​บางอย่าง​ที่​ชุย​ฉาน​มอบให้​จึงจะเป็นเรื่อง​ไม่คาดฝัน​อย่าง​แท้จริง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ภายหลัง​ข้า​ถึงได้​รู้​ว่า​ที่แท้​ก็​พูดถึง​เรื่อง​ที่​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ขัดขวาง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​”

สีหน้า​ของ​ซิ่ว​ไฉเฒ่าปั้น​ยาก​ เป็น​สีหน้าที่​ซับซ้อน​เหลือ​จะกล่าว​

เฟิงอี๋​สัมผัส​ได้​ถึงท่าที​ผิดปกติ​ของ​ซิ่ว​ไฉเฒ่า “ยังมี​ความลี้ลับ​อย่าง​อื่น​อีก​หรือ​?”

ซิ่ว​ไฉเฒ่าเพียง​ดื่มเหล้า​ ไม่เอ่ย​อะไร​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด